ความรักของเปลือกไข่
เธอ...หลงรักคนๆ หนึ่งอยู่หลายปี ถูกกำหนดให้เป็นเพียงแค่เปลือกไข่ที่คอยปกป้องสิ่งที่อยู่ข้างในโดยไม่เต็มใจ
เขา...หลงรักเปลือกใข่ที่ภายนอกดูแข็งแรง แต่พร้อมที่จะแตกสลายได้ตลอดเวลา
เขา...หลงรักเปลือกใข่ที่ภายนอกดูแข็งแรง แต่พร้อมที่จะแตกสลายได้ตลอดเวลา
Tags: ความรัก สามคน โปรแกรมเมอร์
ตอน: ตอนที่ 19
เสียงเคาะประตูเรียกกฤษณ์ให้เงยหน้าจากกองเอกสารบนโต๊ะ เขาเอ่ยปากเชิญคนด้านนอกแล้วทำสีหน้าประหลาดใจอย่างที่สุด... วันนี้แอมป์มาหาเขาทั้งที่ไม่ได้เรียกพบ
“มีอะไรเหรอแอมป์” เขามองคนมาใหม่ทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเขา ใบหน้าของแอมป์ทำให้เขาพอจะเดาออกว่าลูกน้องหนุ่มต้องการอะไร
“บอสรู้มั้ยครับว่าขิงไปไหน” คนเป็นบอสมองหน้าคนถามนิ่งก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารที่ค้างอยู่เหมือนเรื่องที่แอมป์ถามไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร จนคนถามต้องเรียกเจ้านายอีกครั้ง “บอสครับ”
“ขิงลาพักร้อน” เขาตอบทั้งๆ ที่ยังคงอ่านเอกสารอยู่
“กลับมาวันไหนครับ”
“ไม่มีกำหนด”
แอมป์ถึงกับเงียบไปเมื่อได้รับคำตอบ เห็นได้ชัดว่าขิงตั้งใจหลบหน้าเขาและคนตรงหน้ายังอนุญาตให้มันเป็นแบบนั้นอีกด้วย
“บอสอนุมัติได้ยังไงครับ เกิดขิงหายไปสามสี่เดือนจะทำยังไง” แอมป์โวยวายไม่มีท่าทีเกรงกลัวคนเป็นหัวหน้าเลยสักนิด จนคนโดนโวยวายถอนหายใจอย่างระอา มือปิดแฟ้มทุกอย่าง ท่าทีบอกได้ดีว่าพร้อมคุยกับคนตรงหน้ามากขนาดไหน
“ก็แล้วใครล่ะที่ทำให้เป็นแบบนี้ ไม่ใช่คุณเหรอไง” คนก่อเรื่องเงียบเสียงลง ใบหน้าที่หมองลงของแอมป์ทำให้กฤษณ์นึกชอบใจ อย่างน้อยก็น่าจะรู้ตัวอยู่บ้างว่าทำอะไรลงไป กฤษณ์มองหน้าแอมป์อีกครั้งก่อนเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างที่พยายามจะทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าจะอยากวิ่งเข้าไปต่อยหน้าลูกน้อง “ขิงต้องการเวลาตัดสินใจ คุณกำลังทำให้เธอสับสน”
“แล้วขิงไปที่ไหนล่ะครับ หรือว่าอยู่ที่บ้าน”
“เรื่องนั้นผมไม่รู้” เขาหยุดพูดแล้วมองหน้าคนตรงข้ามนิ่ง “ผมก็กังวลไม่แพ้คุณหรอก ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้สักนิดต้องคอยโทรศัพท์ว่าจะดังขึ้นเมื่อไหร่ แล้วขิงจะเลือกอะไร เลือกใคร เชื่อเถอะผมเป็นประสาทไม่ต่างจากคุณ อาจจะยิ่งกว่าคุณด้วยซ้ำ”
แอมป์ออกมาจากห้องเจ้านายแล้วมานั่งแป๊ะที่เก้าอี้ตัวเอง ตัวหนังสือที่คนทั่วไปอ่านไม่รู้เรื่องเคยเป็นสิ่งที่ดึงความสนใจจากเขาได้มากที่สุด แต่ตอนนี้กลับเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถมีสมาธิกับมันได้เลย การได้พูดคุยกับคนอายุมากกว่าในห้องทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเด็กเห็นแก่ตัวที่ไม่ได้สนใจความรู้สึกใครเลยนอกจากตัวเอง
เพียงแค่รู้สึกตัวช้า เพียงแค่เขาไม่อยากเสียเธอให้ใคร เพียงแค่เขาไม่เคยรู้ว่าตัวเองผูกพันกับเธอมากกว่าคำว่าเพื่อนธรรมดา หากย้อนเวลาได้เขาคงไม่ทำอะไรที่ทำร้ายจิตใจเพื่อนขนาดนี้ ถ้าเพียงแค่รู้ตัวเร็วกว่านี้สักหน่อย รู้ตัวก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ก่อนที่เขาจะกลายเห็นผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ทำร้ายคนที่ตัวเอง... รัก
แอมป์ถอนหายใจ เขายกข้อศอกข้างหนึ่งขึ้นเท้าโต๊ะแล้วใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้คลึงที่ขมับสองข้าง หวังจะช่วยให้ผ่อนคลายจากความเครียดได้บ้างแต่ความจริงแล้ววิธีนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลย นิ้วแกร่งหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะขึ้นมากดหมายเลขโทรศัพท์ที่จำได้ขึ้นใจแต่กลับไม่ได้ยินสัญญาณอะไรนอกจากเสียงตอบรับอัตโนมัติ
หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
บ้านไม้หลังเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นยางพารานับร้อย บัดนี้มีเพียงแสงไฟเท่านั้นที่บ่งบอกได้ว่าบ้านหลังนี้มีการเปิดใช้งานอีกครั้งหลังจากปิดไว้เป็นเวลานาน คนงานที่ทำหน้าที่กรีดยางและดูแลต้นไม้รับรู้ทั่วกันว่าตอนนี้ลูกสาวของพ่อเลี้ยงมาพักบ้านหลังนี้ชั่วคราว เนื่องจากคนเป็นลูกสาวไม่ถูกกับแม่เลี้ยงอย่างหนัก เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องมีปากเสียงกันเมื่อนั้น เพราะพ่อเลี้ยงหย่ากับคุณนายที่กรุงเทพฯ แล้วก็มาแต่งงานใหม่กับผู้หญิงที่เคยได้รับกระรันตีด้วยตำแหน่งนางงามลำไยของจังหวัด
เสียงโครมครามที่ดังอยู่ข้างในบ้านทำเอาไอ้ทองที่ยืนชะเง้อคอหาเจ้าของบ้านต้องรีบวิ่งขึ้นเรือนมาดูด้วยความเป็นห่วงคุณหนู เด็กหนุ่มอายุสิบห้าถึงกับต้องหัวเราะลั่นเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น คุณหนูขิงกระโดดเหยงๆ ส่งเสียงกรี๊ดที่ดังอยู่แค่ในลำคออยู่บนเตียงเหมือนกับต้องการหนีอะไรบางอย่าง ส่วนข้างล่างเขาเห็นแมลงสาบสองตัวกำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน
“ช่วยด้วย” เธอเปล่งได้แค่นั้น ขาแทบพยุงตัวเองให้ยืนไม่ไหวเพราะสัตว์ประหลาดสองตัวที่วิ่งเล่นราวกับมันอยู่ในทุ่งหญ้าสะวันนาอันกว้างใหญ่
“คุณหนู เอ่อ คุณหนูกลัวมันเหรอครับ”
“อื้อ เอามันออกไปที เร็ว ว้ายยยยยยย” คราวนี้เสียงที่ไม่ยอมดังก็ดังขึ้นมาราวกับลำโพงแตก เมื่อสัตว์ประหลาดสองตัวเปลี่ยนท่าทีหาคนเล่นด้วย “มันบิ๊น... อย่าให้มันบินมานะ เร็วๆ สิน้อง รีบเอามันออกไป พี่จะเป็นลมแล้ว”
สิ้นเสียงทำสั่งนั้น ไอ้ทองรีบเดินเข้ามาตะครุบแมลงสาบสองตัวด้วยรองเท้าที่ถึงจะมีลักษณะคล้ายเรือไปบ้างแต่ก็ยังพอมองออกว่าเป็นรองเท้าแตะ พอสองตัวนอนนิ่งอยู่ที่พื้นมันก็รีบวิ่งไปเอาไม้กวาดกับที่ตักผงมาทำลายหลักฐานการฆาตรกรรมอันเลือดเย็นนั้น แล้วหันมายิ้มให้กับคนกลัวแมลงสาบขึ้นสมอง
“เรียบร้อยแล้วครับ” ไอ้ทองพูดด้วยเสียงกลั้นหัวเราะ ไหล่เล็กที่สั่นอยู่นั่นเป็นหลักฐานได้ดี
“หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะน้อง จะขำอะไรมากมาย” เธอว่าเสียงเบาลง ขยับจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ตายังคงคอยระวังว่ามันจะกลับมาบินให้เธอดูอีกครั้ง “แล้วมานี่มีอะไรเหรอ”
“แม่ให้เอากับข้าวมาให้ครับ พ่อเลี้ยงบอกว่าคุณหนูไม่ได้ขึ้นไปกินที่โต๊ะใหญ่” ไอ้ทองชูปิ่นตาขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ขิงพยักหน้ารับรู้ เธอกินไม่ลงหรอก... แค่หน้าของแฟนใหม่พ่อเธอยังไม่อยากจะมอง ยัยผู้หญิงนิสัยแย่คอยแย่งสามีชาวบ้าน ความจริงที่เธอเลือกมาที่นี่เพราะไม่รู้จะไปที่ไหน แม่ของเธอเลยบอกให้เธอโทรฯ หาพ่อทั้งที่ไม่ค่อยอยากจะทำเท่าไหร่
“เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวพี่ดูเอง”
“คุณหนูไม่กินเลยเหรอครับ”
“ไม่ล่ะ พี่ยังไม่หิว แล้วก็... เลิกเรียกไอ้คุณหนูๆ อะไรนั่นได้มั้ย ฟังแล้วท้องอืดชะมัด” คำพูดของคนเป็นคุณหนูเรียกเสียงหัวเราะจากไอ้ทองได้อีกครั้ง เด็กชายที่เริ่มเข้าวัยหนุ่มมองหน้าลูกสาวเจ้านายอย่างถูกใจในนิสัย ด้วยความที่แม่ของทองเป็นแม่ครัวอยู่ที่นี่ เขาจึงมีสิทธิ์ได้วิ่งเล่นไปนู่นมานี่ได้บ้าง แต่ด้วยความที่แถวนี้ไม่ค่อยมีเพื่อนอายุเท่าๆ กัน เลยทำให้ทองค่อนข้างเหงา
“แล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไรล่ะครับ”
“เรียกพี่ละกัน พี่ขิง ทำได้มั้ย” เด็กชายพยักหน้าแล้วยิ้มแฉ่งอย่างที่ขิงเห็นแล้วต้องหัวเราะกับความน่าเป็นของมัน “แล้วน้องชื่ออะไรล่ะพี่จะได้เรียกถูก”
“ชื่อทองครับ เป็นลูกป้าช้อยแม่ครัวที่บ้านนู้น” ‘บ้านนู้น’ ที่ทองชี้ก็คือบ้านของพ่อเธอ บ้านที่เธอไม่อยากเหยียบเข้าไปเลยสักนิด “เอ่อ ผมออกมานานแล้ว กลับก่อนนะครับพี่ขิง เดี๋ยวแม่จะเอาตะหลิวฟาดหัวแบะ”
คนพูดทำหน้าตาหวาดกลัวอย่างที่ใครก็มองออกว่าแสดงเอาทั้งนั้น คนโตกว่าพยักหน้าสองสามทีแล้วกำชับให้มานั่งคุยกันที่นี่บ่อยๆ เพราะอยู่คนเดียวไม่มีคนคุยด้วย หลังจากไอ้ทองรับปากเรียบร้อยมันก็วิ่งปรู๊ดหายลับไปในดงต้นยางพารา
พอเด็กทองนั่นกลับไป บ้านทั้งหลังเลยมีแต่ความเงียบ ถึงแม้จะเป็นบ้านหลังเล็กแต่ก็มีทุกอย่างครบ พ่อของเธอยังรู้ใจเธออยู่บ้าน แม้ไม่มีอินเตอร์เน็ตให้เล่น แต่อย่างน้อยก็มีโทรทัศน์เครื่องเล็กที่สามารถดูฟรีทีวีพอแก้เหงาแก้เงียบได้บ้าง แม้ไม่มีเครื่องปรับอากาศแต่เธอคิดว่าทางภาคเหนือแบบนี้อากาศดีกว่าที่กรุงเทพฯ อย่างที่ไม่ต้องใช้อะไรฟอก ยิ่งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่แบบนี้ยิ่งทำให้รู้สึกสดชื่น บวกกับเสียงแมลงที่ดังระงมอยู่นอกบ้านยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ธรรมชาติมากขึ้น
“ที่กรุงเทพฯ เป็นยังไงบ้างนะ” เธอล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วบ่นเบาๆ กับตัวเอง ใจนึกไปถึงผู้ชายสองคนที่มีอิทธิพลกับหัวใจตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ มือบางหยิบโทรศัพท์ที่ตัวเองปิดเครื่องไว้ขึ้นมามอง แล้วชั่งใจว่าจะเปิดเครื่องดีไหม
เป็นนานกว่าจะตัดสินใจโยนโทรศัพท์เข้าไว้ในกระเป๋าเดินทาง ปล่อยให้มันกลายเป็นสิ่งไม่มีความสำคัญในชีวิตสักพักน่าจะดีกว่ามีมันไว้ใกล้ๆ แล้วยิ่งทำให้ตัวเองสับสน ดังนั้นเธอหวังว่าเพียงแค่อาทิตย์เดียวนี้เธอน่าจะได้คำตอบทุกอย่างไม่ว่าจะสำหรับใครก็ตาม
ช่วงเช้ามืดเป็นช่วงที่คนงานต้องเริ่มทำงานกันอย่างขมีขมัน ขิงสะลึมสะลือยกตัวเองขึ้นมองนาฬิกาบนหัวเตียงแล้วต้องสบถคำที่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยนักเบาๆ นี่มันเพิ่งจะตีสาม ทำไมข้างนอกถึงเสียงดังกันนักนะ เธอรู้สึกเหมือนเพิ่งได้นอนไปเมื่อไม่นานเพราะความแปลกที่ หญิงสาวยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปงตัวเองราวกับจะปิดกั้นทุกอย่างในโลกภายนอก แต่กลับเป็นตัวเองที่กำลังจะตายเพราะขาดอากาศหายใจ อยู่ในผ้าห่มเธอหายใจไม่ออก!
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ขิงเลยตัดสินใจลุกขึ้นแล้วใส่เสื้อคลุมเดินออกไปดูคนงานทำงาน สายตาพลันเห็นพ่อของเธอกำลังเดินคุมคนงานอยู่ เธอจึงตรงเข้าไปหา
“พ่อ”
“อ้าวขิง ไม่นอนล่ะลูก” คุณพิทักษ์มองลูกสาวราวกับเห็นตัวประหลาด เพราะตั้งแต่เลี้ยงมายังไม่เคยเห็นลูกสาวตื่นเช้าขนาดนี้
“คนงานพ่อกรีดยางกันครึกครื้นขนาดนี้ ขิงคงหลับได้หรอก” เธอพูดหน้ามุ่ย มองดูคนงานที่ต่างคนต่างขยันกรีดยางอย่างชำนาญ แล้วหันมองบิดาตัวเอง “แต่ช่างมันเถอะค่ะ เดี๋ยวขิงค่อยกลับไปนอนก็ได้ อยู่นี่วันๆ ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว ช่วยพ่อดูคนงานแก้เบื่อก็ดีเหมือนกัน”
คนเป็นพ่อยิ้มดีใจ อย่างน้อยลูกสาวก็ไม่ได้โกรธเขามากมายอย่างที่เขากลัว “แล้วจะทนแบบนี้ได้เหรอลูก ไปนอนที่บ้านกับพ่อมั้ย เดี๋ยวให้คนจัดห้องให้”
“ไม่ค่ะ ไม่มีทาง” หญิงสาวส่ายหน้าผมกระจาย “ขิงไม่มีทางอยู่กับผู้... เอ่อ แฟนพ่อได้หรอกค่ะ เดี๋ยวจะฆ่ากันตายเปล่าๆ”
คุณพิทักษ์ถอนหายใจ ไม่ว่านานแค่ไหนลูกสาวเขาก็ยังไม่เปิดใจให้กับกุหลาบสักที ภรรยาใหม่เขาเป็นผู้หญิงบ้านๆ ที่คอยทำงานหาเงินช่วยแบ่งเบาที่บ้านตั้งแต่เด็ก ซึ่งนั่นทำให้เธอเป็นคนแข็งๆ นึกยังไงก็พูดไปอย่างนั้น ซึ่งนั่นทำให้เกิดการปะทะกันอยู่เนืองๆ หากให้สองคนนี้เผชิญหน้ากัน
“ไม่เอาก็ไม่เอา ถ้างั้นขิงก็ต้องสะดุ้งตื่นตีสามแบบนี้ทุกวันนะลูก จะไหวเหรอ”
คนเป็นลูกรับคำพ่อ แล้วคอยเดินดูตามพ่อไปทุกที่ในสวนยางพารา ให้คนงานได้เห็นหน้าและทักทาย ก่อนจะกลับมานอนอีกทีตอนตีห้า เมื่อคนงานทำงานกันเสร็จเรียบร้อยและกลับไปกันหมดแล้ว เธอทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้งแล้วต้องพบว่า... นอนไม่หลับ
นอนไม่หลับทั้งๆ ที่เพิ่งนอนได้ไม่กี่ชั่วโมง มือเล็กอยากทึ้งผมตัวเองให้หลุดออกให้หมด เธอกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบ้าง ในหัวมีแต่เรื่องที่เธอต้องบอกคำตอบกับแอมป์ ซึ่งนั่นมันหมายถึงเธอก็ต้องตอบให้ได้ว่ารู้สึกยังไงกับกฤษณ์
“อ้าวทอง” ขิงลุกขึ้นมามากหมอนนุ่ม ไม่แน่ใจว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน พอรู้ตัวอีกทีทองก็มานั่งมองเธออยู่ข้างเตียงพร้อมกับท้องฟ้าข้างนอกสว่างโร่ “มานานรึยัง ทำไมไม่ปลุกพี่ล่ะ”
“เพิ่งมาครับ เห็นพ่อบอกว่าเมื่อเช้าพี่ขิงออกไปดูคนงานกรีดยาง เลยไม่กล้าปลุก”
“กี่โมงแล้วล่ะ” เธอถามแล้วยกมือขึ้นขยี้ตาแก้ง่วงสักหน่อย น้ำเสียงยังคงงัวเงียไม่หาย
“แปดครับ พี่ขิงจะกินข้าวเช้าเลยมั้ย ผมใส่จานให้แล้ว”
‘พี่ขิง’ หันมองตรงที่เรียกว่าโต๊ะกินข้าว โต๊ะเล็กๆ มีเก้าอี้สองตัวพร้อมกับอาหารวางอยู่เต็มจนแทบไม่มีที่ให้อะไรแทรก แสดงว่าเด็กทองคงมาได้สักพัก จัดจานได้ขนาดนี้เรียกว่าเพิ่งมาถึงคงไม่ได้
“ขอพี่แปรงฟันก่อนนะ แล้วเรากินข้าวเช้ามารึยัง กินกับพี่มั้ย”
เด็กชายส่ายหน้าดิก “ผมกินมาแล้ว พี่ขิงกินเถอะ เดี๋ยวสายๆ ผมจะมาเก็บจานไปล้าง”
“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนสิ อยู่เป็นเพื่อนกันหน่อย”
“แต่ว่า...”
“วันนี้ต้องไปโรงเรียนรึเปล่า”
“เปล่าครับ” คำปฏิเสธของทองทำให้เธอยิ้มออก “โรงเรียนปิดเทอม”
“ไหนๆ ก็ว่างแล้ว งั้นพาพี่เที่ยวหน่อยอยู่แต่ในสวนเบื่อมองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้” ทองทำหน้าตาลังเล ลูกสาวเจ้านายสั่งเขาก็ควรจะทำ แต่ติดตรงที่แม่บอกว่าให้กลับไปช่วยงานที่บ้านนู้นนั่นแหละ แต่ตรงนู้นก็มีคนตั้งเยอะแยะ ไม่รู้จะให้เขาไปช่วยอะไร ออกไปเที่ยวดีกว่าไปกับลูกสาวเจ้านายคงไม่มีใครว่าอะไร
“ไปสิพี่ เดี๋ยวผมไปเอามอเตอร์ไซด์ก่อนนะ พี่ขิงกินข้าวแล้วก็อาบน้ำซะ เดี๋ยวผมมาใหม่”
ดูมัน... สั่งอย่างกับตัวเองเป็นเจ้านาย ขิงคิดขำๆ แล้วรีบพาตัวเองไปที่ห้องน้ำแล้วทำธุระต่างๆ ให้เสร็จอย่างเร่งด่วน
พอนั่งทานข้าวที่แม่ของทองเตรียมมาให้ได้สักพัก ทองก็กลับมาพร้อมกับมอเตอร์ไซด์เงาวับ เด็กชายนั่งรอบนมอเตอร์ไซด์ด้วยท่าทางที่ตัวเองคิดว่าเท่ห์ที่สุดอย่างที่เคยเห็นในโทรทัศน์ด้วยการโน้มตัวเองไปข้างหน้า แล้วยกหัวเข่าขึ้นมาข้างหนึ่งพร้อมกับเอาข้อศอกเท้าขาตัวเองไว้ ภาพที่ขิงเห็นทำเอาก้าวขาไม่ออก หญิงสาวมัวแต่หัวเราะกับท่าทางแก่แดดนั้น ตัวยังโตไม่เต็มที่แต่ดันอยากเป็นหนุ่ม
“จะไปกันรึยังสุดหล่อ” ขิงเอ่ยทักคนนั่งรอบนมอเตอร์ไซด์ รอยยิ้มที่แต้มริมฝีปากทำให้คนเด็กกว่าไม่มีความเกรงกลัวอะไรกับผู้หญิงตรงหน้า
“พี่ขิง” ทองเรียกเธอไว้ ยังไม่ยอมเปลี่ยนท่าขยับรถ “พี่ว่าผมหล่อป่ะ”
ฟังคำถามแล้วขิงนึกอยากผลักกะโหลกเล็กผมเกรียนให้หน้าทิ่ม
“หัวเกรียนขนาดนี้ยังคิดว่าตัวเองหล่ออีกรึไง” คนได้รับคำตอบหน้ามุ่ยลงทันควัน รีบขยับท่าเลื่อนรถพร้อมกับสตาร์ทเตรียมตัวออก “ผมจะพาพี่ไปหาคนๆ นึง”
“ใครน่ะ ทำไมต้องไป”
“อ๊าว” ทองร้องเสียงดังทำหน้าขัดใจอย่างที่อ่านได้ว่ามันกำลังด่าเธออยู่ว่าคนแก่นี่ไม่รู้อะไรเลย “พาไปหากิ๊ก พี่จะได้รู้ว่าผมหล่อขนาดไหน”
ขิงฟังแล้วได้แต่หัวเราะคิกแต่ก็ยอมซ้อนท้ายคนที่เธอเห็นเป็นเด็กน้อย ทองเธอมาถึงตลาดที่ใหญ่ที่สุดของหมู่บ้าน มีกับข้าวและของสดรวมทั้งขนมหวานวางเรียงรายกันอยู่จำนวนมาก แม่ค้าแม่ขายต่างเรียกลูกค้ากันเสียงดัง บ้างก็พูดคุยกันข้ามแผงหัวเราะใส่กันเสียงดัง แต่เสียงแซ็งแซ่นั้นไม่ได้ทำให้ทองหยุดเดิน เด็กชายมุ่งหน้าไปยังทิศทางแผงที่ตั้งขนมหวานหลากชนิด
“แก้ว” ทองพุ่งตรงไปหาเด็กสาวที่กำลังขายขนมให้ลูกค้า เด็กผู้หญิงผิวยังกระดำกระด่างอย่างไม่ที่ได้รับการดูแลที่ดี แต่เธอคิดว่าอีกไม่นานหากโตเป็นสาว เด็กคนนี้น่ารักไม่แพ้ใครแน่นอน
“อ้าวทอง มีอะไรจ๊ะ”
“เรามาหาเฉยๆ พาลูกสาวพ่อเลี้ยงออกมาเที่ยว นี่พี่ขิงนะแก้วลูกพ่อเลี้ยงที่เราว่า พี่ขิงครับพี่แก้วนะครับ... กิ๊กทองเอง” สถานะที่แนะนำตัวไม่ได้พูดพ้นริมฝีปากเท่าไหร่ เพราะเด็กชายให้วิธีกระซิบบอกเธอแทนที่จะแนะนำด้วยเสียงปกตินั้น ดูท่าจะไม่เป็นความจริงเสียแล้ว ไอ้ทองหน้าแดงเป็นแก้มลิงส่วนสาวน้อยยังคงทำหน้าตายิ้มแย้มให้เธอเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ชอบเขาล่ะซี้ทอง” คราวนี้เธอกระซิบบ้าง มองแก้วสายตายิ้มๆ แล้วตบไหล่คนยืนแก้มแดงสองทีเป็นการให้กำลังใจพร้อมกับผลักร่างกำลังโตไปข้างหน้า “ชอบก็คุยกับเขาสิ มามันเขินอย่างนี้มันจะได้อาไร้”
“พี่ฝากทองด้วยนะคะน้องแก้ว เดี๋ยวขอเดินดูตลาดหน่อยเสร็จแล้วจะแวะมารับ”
ร่างเล็กเดินจากไปพร้อมกับคำว่า ‘แวะมารับ’ ที่ลูกสาวเจ้าของแผงขนมหวานชักงงว่าตกลงใครพาใครมากันแน่ พอหันไปเจอเพื่อนร่วมโรงเรียนที่ยืนยิ้มอยู่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะมีลูกค้ามาซื้อขนมพอดี
“เดี๋ยวเราช่วยนะ” เด็กชายเดินไปหยิบถุงพลาสติกถุงไม่จากแพ็คแล้วกางออกยื่นแม่ค้าหน้าใส
“ไงจ๊ะ สุดหล่อ” ขิงทักเสียงกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นคนพาเธอมาเที่ยวนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนมอเตอร์ไซด์ตัวเอง
“พี่ขิงหายไปไหนมาอ่ะ”
“ไปซื้อขนม” หญิงสาวชูถุงพลาสติกในมือให้ทองดู “แล้วนี่ยังไงทำไมมาอยู่ตรงนี้ ชอบเค้าไม่ใช่เหรอแก้วน่ะ”
ทองตกใจตาโตยิ่งเห็นคุณหนูของมันยักคิ้วให้หน้าตาที่หายแดงไปแล้วกลับมาแดงอีกครั้ง เด็กชายยกมือขึ้นเกาศีรษะเกรียนนั้นอย่างไม่รู้จะเอามือไปวางที่ไหน ท่าทางเก้ๆ กังๆ ที่คนโตกว่าอย่างเธอสามารถดูออกได้ภายในพริบตานั้นยิ่งทำให้ขิงนึกเอ็นดูเด็กคนนี้มากขึ้น
“ชอบก็บอกเค้าไปเถอะ เก็บไว้คนเดียวแบบนี้แล้วเมื่อไหร่แก้วจะรู้”
น้ำเสียงที่ดูจริงจังทำให้ทองต้องหันมองหน้าคุณหนูตาโต “พี่ขิงพูดอะไรน่ะ”
“หยุดทำเสียงน่าหมั่นไส้เลยนะ พี่แก่กว่าทองกี่ปีแค่นี้ทำไมจะไม่รู้”
“ผมก็แค่เห็นว่าแก้วน่ารักดี” ทองพูดอึกอักจนอีกคนที่มองต้องถอนหายใจ
เด็กนี่ปากแข็งได้โล่ห์เลยแฮะ
“แค่น่ารักไม่ได้อยากเป็นแฟนเหมือนที่บอกพี่ว่าเป็นกิ๊กกันใช่ป่าว” เธอเว้นจังหวะพูดเพื่อมองหน้าอีกฝ่าย “ถ้างั้นถึงแก้วจะมีใครมาจีบก็ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“ไม่ได้สิ!” เด็กชายตอบทันควันเหมือนคำพูดไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองสักนิด ก่อนจะตกใจว่าตัวเองพูดอะไรออกไปจนทำให้คุณหนูจับได้ “เอ่อ... พี่ขิงอย่าเอาไปบอกแก้วนะ”
“พี่ไม่บอกหรอก เรานั่นแหละต้องไปบอกเอง รีบบอกก่อนที่ใครจะมาแย่งไปล่ะ”
“พี่ขิงพูดเหมือนเคยโดน” คำพูดลอยๆ นั้นทำเอาขิงสะอึกไม่น้อย
หญิงสาวมองหน้าเด็กเจ้าถิ่น “พูดมากน่า กลับบ้านดีกว่าเบื่อตลาดแล้ว”
ไอ้ทองทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจ ดูเหมือนลูกสาวพ่อเลี้ยงจะขี้เบื่อมากกว่าที่คิดนี่มาตลาดได้ชั่วโมงเดียวก็เบื่อเสียแล้ว สงสัยงานนี้คงต้องหาอะไรให้คุณหนูทำแก้เบื่อซักหน่อย
“ถ้าพี่ขิงเบื่อมากก็ไปดูแม่ผมทำกับข้าวมั้ยครับ” คนขี้เบื่อกลอกตาขึ้นมองฟ้าอย่างที่คนทำหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซด์อยู่ไม่มีโอกาสเห็น
“ขอร้องอย่าพูดถึงเรื่องทำกับข้าวหรือเข้าครัวได้มั้ย พูดเรื่องยิงปืน ตกปลาอะไรแบบนี้น่าจะสนุกกว่า”
“ยิงปืน? ตกปลา? พี่ขิงเนี่ยนะ”
“ทำไม พี่จะยิงปืนหรือตกปลาไม่ได้เหรอไง” หญิงสาวถามเสียงขุ่น
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้แต่ผมนึกว่าพี่ขิงจะเป็นแบบผู้หญิงคนอื่นๆ อย่างเย็บผ้า ทำกับข้าว ทำงานบ้าน”
ซึ่งนั่นไม่มีในชีวิตเธอเลยสักอย่าง... ขิงคิดอย่างเคืองๆ เพราะอยู่แค่ในสวนเห็นแม่ตัวเองทำงานบ้านงานเรือนน่ะสิความคิดเลยเป็นอย่างนี้
ขิงทำหน้าเหม็นเบื่อลงจากมอเตอร์ไซด์แล้วยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน หญิงสาวมองไปรอบๆ ตัวแล้วเห็นแต่ต้นยางพารารู้สึกเบื่อจริงๆ นี่ขนาดเพิ่งมานะ แล้วถ้าเธอยังหาคำตอบไม่ได้แล้วยังอยู่ตรงนี้อีกสักพัก เธอต้องเอียนสวนยางพาราไปอีกนานแน่นอน
หลังจากกลับจากตลาด ตอนนี้ขิงให้ทองกลับไปช่วยงานแม่ของเด็กชายแล้ว เธอจึงเดินเหงาอยู่คนเดียวในสวนกว้าง ต้นไม้สูงใหญ่เป็นผลให้แสงแดดส่องถึงพื้นน้อยและนั่นทำให้เธอเดินใช้ความคิดเงียบๆ ได้อย่างสบายใจ
เธอคิดถึงพี่กฤษณ์อีกแล้ว...
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่แน่ใจว่าช่วงก่อนเธออยู่กับกฤษณ์บ่อยไปหรือเปล่า พอไม่มีเขาอยู่ข้างๆ ถึงได้คิดถึงมากขนาดนี้ ใบหน้าของกฤษณ์ลอยมาอยู่ในห้วงความคิด คราวนี้ไม่มีแอมป์รวมอยู่ด้วยทำให้ขิงได้แต่ใจอะไรบางอย่างมากขึ้น และก่อนที่จะได้คิดอะไรมากกว่านี้ หญิงสาวก็เหลือบไปเห็นคนที่เพิ่งไปเมื่อครู่ขี่มอเตอร์ไซด์กลับมา
ทองตะโกนโหวกเหวกตั้งแต่เห็นมันเป็นจุดเล็กๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้า
“พี่ขิง...” เด็กชายพูดด้วยเสียงหอบ “คุณนายโทรศัพท์มาบอกว่าเรื่องด่วนมาก”
เพียงเท่านั้นขิงก็รีบกระโดดขึ้นซ้อนท้ายแล้วให้ทองบิดมอเตอร์ไซด์พาเธอไปรับโทรศัพท์ให้เร็วที่สุด
“ค่ะแม่ ขิงเองนะ”
“ขิงเหรอลูก” เสียงที่ฟังดูแล้วคนพูดน่าจะมีเรื่องหนักใจบางอย่าง
“แม่มีอะไรรึเปล่า” เมื่อแม่พูดแล้วเงียบไป หญิงสาวจึงทักขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเห็นทองบอกว่าเป็นเรื่องด่วนมาก
“ขิง... ตากฤษณ์โดยรถชนตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จ้าาาาา จากเตาร้อนๆ เลยจ้าาาาาาา ฮาาาาาาาาาา
พี่กฤษณ์เราเข้าโรงบาลไปแล้วววววว ทีนี้ทำไงล่ะ หรือพี่กฤษณ์จะไม่ใช่พระเอกกันนะ
แอร๊ะ! อย่าเพิ่งเขวี้ยงรองเท้ามาค่ะ มิณทิมาไม่ใจร้ายหรอกน้าาาาาาาา (เข้าข่ายคนสวยใจดีมากๆ 5555)
ไปแล้วนะคะ ช่วงนี้แถวเชียงรายฝนตกฝุดๆ เลยค่ะ ระวังสุขภาพกันด้วยนะคะ
=======================================
ตอบเม้นต์นะคะ
คุณ Furzan : น่ารักต้องรักเยอะๆ นะคะ :)
คุณ mhengjhy : พี่กฤษณ์เราเป็นพระเอกใจเย็นค่ะ (สปีชี่ส์นี้หายากสุดเลยนะเนี่ย)
คุณ pseudolife : ฮาาาาา เข้าข้างยัยจิงแบบนี้ยัยขิงรักตายเลยค่าา
คุณคิมหันตุ์ : ตาบอสนี่นิดนึงก็เอาค่ะ เก็บทุกเม็ด ฮาาา
คุณ Amarilys : มีสิบให้ร้อยมีร้อยให้ล้านนะคะเนี่ย เอิ๊กๆ
---------------------------------------------------------------------
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
“มีอะไรเหรอแอมป์” เขามองคนมาใหม่ทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเขา ใบหน้าของแอมป์ทำให้เขาพอจะเดาออกว่าลูกน้องหนุ่มต้องการอะไร
“บอสรู้มั้ยครับว่าขิงไปไหน” คนเป็นบอสมองหน้าคนถามนิ่งก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารที่ค้างอยู่เหมือนเรื่องที่แอมป์ถามไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร จนคนถามต้องเรียกเจ้านายอีกครั้ง “บอสครับ”
“ขิงลาพักร้อน” เขาตอบทั้งๆ ที่ยังคงอ่านเอกสารอยู่
“กลับมาวันไหนครับ”
“ไม่มีกำหนด”
แอมป์ถึงกับเงียบไปเมื่อได้รับคำตอบ เห็นได้ชัดว่าขิงตั้งใจหลบหน้าเขาและคนตรงหน้ายังอนุญาตให้มันเป็นแบบนั้นอีกด้วย
“บอสอนุมัติได้ยังไงครับ เกิดขิงหายไปสามสี่เดือนจะทำยังไง” แอมป์โวยวายไม่มีท่าทีเกรงกลัวคนเป็นหัวหน้าเลยสักนิด จนคนโดนโวยวายถอนหายใจอย่างระอา มือปิดแฟ้มทุกอย่าง ท่าทีบอกได้ดีว่าพร้อมคุยกับคนตรงหน้ามากขนาดไหน
“ก็แล้วใครล่ะที่ทำให้เป็นแบบนี้ ไม่ใช่คุณเหรอไง” คนก่อเรื่องเงียบเสียงลง ใบหน้าที่หมองลงของแอมป์ทำให้กฤษณ์นึกชอบใจ อย่างน้อยก็น่าจะรู้ตัวอยู่บ้างว่าทำอะไรลงไป กฤษณ์มองหน้าแอมป์อีกครั้งก่อนเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างที่พยายามจะทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าจะอยากวิ่งเข้าไปต่อยหน้าลูกน้อง “ขิงต้องการเวลาตัดสินใจ คุณกำลังทำให้เธอสับสน”
“แล้วขิงไปที่ไหนล่ะครับ หรือว่าอยู่ที่บ้าน”
“เรื่องนั้นผมไม่รู้” เขาหยุดพูดแล้วมองหน้าคนตรงข้ามนิ่ง “ผมก็กังวลไม่แพ้คุณหรอก ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้สักนิดต้องคอยโทรศัพท์ว่าจะดังขึ้นเมื่อไหร่ แล้วขิงจะเลือกอะไร เลือกใคร เชื่อเถอะผมเป็นประสาทไม่ต่างจากคุณ อาจจะยิ่งกว่าคุณด้วยซ้ำ”
แอมป์ออกมาจากห้องเจ้านายแล้วมานั่งแป๊ะที่เก้าอี้ตัวเอง ตัวหนังสือที่คนทั่วไปอ่านไม่รู้เรื่องเคยเป็นสิ่งที่ดึงความสนใจจากเขาได้มากที่สุด แต่ตอนนี้กลับเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถมีสมาธิกับมันได้เลย การได้พูดคุยกับคนอายุมากกว่าในห้องทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเด็กเห็นแก่ตัวที่ไม่ได้สนใจความรู้สึกใครเลยนอกจากตัวเอง
เพียงแค่รู้สึกตัวช้า เพียงแค่เขาไม่อยากเสียเธอให้ใคร เพียงแค่เขาไม่เคยรู้ว่าตัวเองผูกพันกับเธอมากกว่าคำว่าเพื่อนธรรมดา หากย้อนเวลาได้เขาคงไม่ทำอะไรที่ทำร้ายจิตใจเพื่อนขนาดนี้ ถ้าเพียงแค่รู้ตัวเร็วกว่านี้สักหน่อย รู้ตัวก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ก่อนที่เขาจะกลายเห็นผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ทำร้ายคนที่ตัวเอง... รัก
แอมป์ถอนหายใจ เขายกข้อศอกข้างหนึ่งขึ้นเท้าโต๊ะแล้วใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้คลึงที่ขมับสองข้าง หวังจะช่วยให้ผ่อนคลายจากความเครียดได้บ้างแต่ความจริงแล้ววิธีนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลย นิ้วแกร่งหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะขึ้นมากดหมายเลขโทรศัพท์ที่จำได้ขึ้นใจแต่กลับไม่ได้ยินสัญญาณอะไรนอกจากเสียงตอบรับอัตโนมัติ
หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
บ้านไม้หลังเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นยางพารานับร้อย บัดนี้มีเพียงแสงไฟเท่านั้นที่บ่งบอกได้ว่าบ้านหลังนี้มีการเปิดใช้งานอีกครั้งหลังจากปิดไว้เป็นเวลานาน คนงานที่ทำหน้าที่กรีดยางและดูแลต้นไม้รับรู้ทั่วกันว่าตอนนี้ลูกสาวของพ่อเลี้ยงมาพักบ้านหลังนี้ชั่วคราว เนื่องจากคนเป็นลูกสาวไม่ถูกกับแม่เลี้ยงอย่างหนัก เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องมีปากเสียงกันเมื่อนั้น เพราะพ่อเลี้ยงหย่ากับคุณนายที่กรุงเทพฯ แล้วก็มาแต่งงานใหม่กับผู้หญิงที่เคยได้รับกระรันตีด้วยตำแหน่งนางงามลำไยของจังหวัด
เสียงโครมครามที่ดังอยู่ข้างในบ้านทำเอาไอ้ทองที่ยืนชะเง้อคอหาเจ้าของบ้านต้องรีบวิ่งขึ้นเรือนมาดูด้วยความเป็นห่วงคุณหนู เด็กหนุ่มอายุสิบห้าถึงกับต้องหัวเราะลั่นเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น คุณหนูขิงกระโดดเหยงๆ ส่งเสียงกรี๊ดที่ดังอยู่แค่ในลำคออยู่บนเตียงเหมือนกับต้องการหนีอะไรบางอย่าง ส่วนข้างล่างเขาเห็นแมลงสาบสองตัวกำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน
“ช่วยด้วย” เธอเปล่งได้แค่นั้น ขาแทบพยุงตัวเองให้ยืนไม่ไหวเพราะสัตว์ประหลาดสองตัวที่วิ่งเล่นราวกับมันอยู่ในทุ่งหญ้าสะวันนาอันกว้างใหญ่
“คุณหนู เอ่อ คุณหนูกลัวมันเหรอครับ”
“อื้อ เอามันออกไปที เร็ว ว้ายยยยยยย” คราวนี้เสียงที่ไม่ยอมดังก็ดังขึ้นมาราวกับลำโพงแตก เมื่อสัตว์ประหลาดสองตัวเปลี่ยนท่าทีหาคนเล่นด้วย “มันบิ๊น... อย่าให้มันบินมานะ เร็วๆ สิน้อง รีบเอามันออกไป พี่จะเป็นลมแล้ว”
สิ้นเสียงทำสั่งนั้น ไอ้ทองรีบเดินเข้ามาตะครุบแมลงสาบสองตัวด้วยรองเท้าที่ถึงจะมีลักษณะคล้ายเรือไปบ้างแต่ก็ยังพอมองออกว่าเป็นรองเท้าแตะ พอสองตัวนอนนิ่งอยู่ที่พื้นมันก็รีบวิ่งไปเอาไม้กวาดกับที่ตักผงมาทำลายหลักฐานการฆาตรกรรมอันเลือดเย็นนั้น แล้วหันมายิ้มให้กับคนกลัวแมลงสาบขึ้นสมอง
“เรียบร้อยแล้วครับ” ไอ้ทองพูดด้วยเสียงกลั้นหัวเราะ ไหล่เล็กที่สั่นอยู่นั่นเป็นหลักฐานได้ดี
“หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะน้อง จะขำอะไรมากมาย” เธอว่าเสียงเบาลง ขยับจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ตายังคงคอยระวังว่ามันจะกลับมาบินให้เธอดูอีกครั้ง “แล้วมานี่มีอะไรเหรอ”
“แม่ให้เอากับข้าวมาให้ครับ พ่อเลี้ยงบอกว่าคุณหนูไม่ได้ขึ้นไปกินที่โต๊ะใหญ่” ไอ้ทองชูปิ่นตาขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ขิงพยักหน้ารับรู้ เธอกินไม่ลงหรอก... แค่หน้าของแฟนใหม่พ่อเธอยังไม่อยากจะมอง ยัยผู้หญิงนิสัยแย่คอยแย่งสามีชาวบ้าน ความจริงที่เธอเลือกมาที่นี่เพราะไม่รู้จะไปที่ไหน แม่ของเธอเลยบอกให้เธอโทรฯ หาพ่อทั้งที่ไม่ค่อยอยากจะทำเท่าไหร่
“เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวพี่ดูเอง”
“คุณหนูไม่กินเลยเหรอครับ”
“ไม่ล่ะ พี่ยังไม่หิว แล้วก็... เลิกเรียกไอ้คุณหนูๆ อะไรนั่นได้มั้ย ฟังแล้วท้องอืดชะมัด” คำพูดของคนเป็นคุณหนูเรียกเสียงหัวเราะจากไอ้ทองได้อีกครั้ง เด็กชายที่เริ่มเข้าวัยหนุ่มมองหน้าลูกสาวเจ้านายอย่างถูกใจในนิสัย ด้วยความที่แม่ของทองเป็นแม่ครัวอยู่ที่นี่ เขาจึงมีสิทธิ์ได้วิ่งเล่นไปนู่นมานี่ได้บ้าง แต่ด้วยความที่แถวนี้ไม่ค่อยมีเพื่อนอายุเท่าๆ กัน เลยทำให้ทองค่อนข้างเหงา
“แล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไรล่ะครับ”
“เรียกพี่ละกัน พี่ขิง ทำได้มั้ย” เด็กชายพยักหน้าแล้วยิ้มแฉ่งอย่างที่ขิงเห็นแล้วต้องหัวเราะกับความน่าเป็นของมัน “แล้วน้องชื่ออะไรล่ะพี่จะได้เรียกถูก”
“ชื่อทองครับ เป็นลูกป้าช้อยแม่ครัวที่บ้านนู้น” ‘บ้านนู้น’ ที่ทองชี้ก็คือบ้านของพ่อเธอ บ้านที่เธอไม่อยากเหยียบเข้าไปเลยสักนิด “เอ่อ ผมออกมานานแล้ว กลับก่อนนะครับพี่ขิง เดี๋ยวแม่จะเอาตะหลิวฟาดหัวแบะ”
คนพูดทำหน้าตาหวาดกลัวอย่างที่ใครก็มองออกว่าแสดงเอาทั้งนั้น คนโตกว่าพยักหน้าสองสามทีแล้วกำชับให้มานั่งคุยกันที่นี่บ่อยๆ เพราะอยู่คนเดียวไม่มีคนคุยด้วย หลังจากไอ้ทองรับปากเรียบร้อยมันก็วิ่งปรู๊ดหายลับไปในดงต้นยางพารา
พอเด็กทองนั่นกลับไป บ้านทั้งหลังเลยมีแต่ความเงียบ ถึงแม้จะเป็นบ้านหลังเล็กแต่ก็มีทุกอย่างครบ พ่อของเธอยังรู้ใจเธออยู่บ้าน แม้ไม่มีอินเตอร์เน็ตให้เล่น แต่อย่างน้อยก็มีโทรทัศน์เครื่องเล็กที่สามารถดูฟรีทีวีพอแก้เหงาแก้เงียบได้บ้าง แม้ไม่มีเครื่องปรับอากาศแต่เธอคิดว่าทางภาคเหนือแบบนี้อากาศดีกว่าที่กรุงเทพฯ อย่างที่ไม่ต้องใช้อะไรฟอก ยิ่งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่แบบนี้ยิ่งทำให้รู้สึกสดชื่น บวกกับเสียงแมลงที่ดังระงมอยู่นอกบ้านยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ธรรมชาติมากขึ้น
“ที่กรุงเทพฯ เป็นยังไงบ้างนะ” เธอล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วบ่นเบาๆ กับตัวเอง ใจนึกไปถึงผู้ชายสองคนที่มีอิทธิพลกับหัวใจตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ มือบางหยิบโทรศัพท์ที่ตัวเองปิดเครื่องไว้ขึ้นมามอง แล้วชั่งใจว่าจะเปิดเครื่องดีไหม
เป็นนานกว่าจะตัดสินใจโยนโทรศัพท์เข้าไว้ในกระเป๋าเดินทาง ปล่อยให้มันกลายเป็นสิ่งไม่มีความสำคัญในชีวิตสักพักน่าจะดีกว่ามีมันไว้ใกล้ๆ แล้วยิ่งทำให้ตัวเองสับสน ดังนั้นเธอหวังว่าเพียงแค่อาทิตย์เดียวนี้เธอน่าจะได้คำตอบทุกอย่างไม่ว่าจะสำหรับใครก็ตาม
ช่วงเช้ามืดเป็นช่วงที่คนงานต้องเริ่มทำงานกันอย่างขมีขมัน ขิงสะลึมสะลือยกตัวเองขึ้นมองนาฬิกาบนหัวเตียงแล้วต้องสบถคำที่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยนักเบาๆ นี่มันเพิ่งจะตีสาม ทำไมข้างนอกถึงเสียงดังกันนักนะ เธอรู้สึกเหมือนเพิ่งได้นอนไปเมื่อไม่นานเพราะความแปลกที่ หญิงสาวยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปงตัวเองราวกับจะปิดกั้นทุกอย่างในโลกภายนอก แต่กลับเป็นตัวเองที่กำลังจะตายเพราะขาดอากาศหายใจ อยู่ในผ้าห่มเธอหายใจไม่ออก!
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ขิงเลยตัดสินใจลุกขึ้นแล้วใส่เสื้อคลุมเดินออกไปดูคนงานทำงาน สายตาพลันเห็นพ่อของเธอกำลังเดินคุมคนงานอยู่ เธอจึงตรงเข้าไปหา
“พ่อ”
“อ้าวขิง ไม่นอนล่ะลูก” คุณพิทักษ์มองลูกสาวราวกับเห็นตัวประหลาด เพราะตั้งแต่เลี้ยงมายังไม่เคยเห็นลูกสาวตื่นเช้าขนาดนี้
“คนงานพ่อกรีดยางกันครึกครื้นขนาดนี้ ขิงคงหลับได้หรอก” เธอพูดหน้ามุ่ย มองดูคนงานที่ต่างคนต่างขยันกรีดยางอย่างชำนาญ แล้วหันมองบิดาตัวเอง “แต่ช่างมันเถอะค่ะ เดี๋ยวขิงค่อยกลับไปนอนก็ได้ อยู่นี่วันๆ ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว ช่วยพ่อดูคนงานแก้เบื่อก็ดีเหมือนกัน”
คนเป็นพ่อยิ้มดีใจ อย่างน้อยลูกสาวก็ไม่ได้โกรธเขามากมายอย่างที่เขากลัว “แล้วจะทนแบบนี้ได้เหรอลูก ไปนอนที่บ้านกับพ่อมั้ย เดี๋ยวให้คนจัดห้องให้”
“ไม่ค่ะ ไม่มีทาง” หญิงสาวส่ายหน้าผมกระจาย “ขิงไม่มีทางอยู่กับผู้... เอ่อ แฟนพ่อได้หรอกค่ะ เดี๋ยวจะฆ่ากันตายเปล่าๆ”
คุณพิทักษ์ถอนหายใจ ไม่ว่านานแค่ไหนลูกสาวเขาก็ยังไม่เปิดใจให้กับกุหลาบสักที ภรรยาใหม่เขาเป็นผู้หญิงบ้านๆ ที่คอยทำงานหาเงินช่วยแบ่งเบาที่บ้านตั้งแต่เด็ก ซึ่งนั่นทำให้เธอเป็นคนแข็งๆ นึกยังไงก็พูดไปอย่างนั้น ซึ่งนั่นทำให้เกิดการปะทะกันอยู่เนืองๆ หากให้สองคนนี้เผชิญหน้ากัน
“ไม่เอาก็ไม่เอา ถ้างั้นขิงก็ต้องสะดุ้งตื่นตีสามแบบนี้ทุกวันนะลูก จะไหวเหรอ”
คนเป็นลูกรับคำพ่อ แล้วคอยเดินดูตามพ่อไปทุกที่ในสวนยางพารา ให้คนงานได้เห็นหน้าและทักทาย ก่อนจะกลับมานอนอีกทีตอนตีห้า เมื่อคนงานทำงานกันเสร็จเรียบร้อยและกลับไปกันหมดแล้ว เธอทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้งแล้วต้องพบว่า... นอนไม่หลับ
นอนไม่หลับทั้งๆ ที่เพิ่งนอนได้ไม่กี่ชั่วโมง มือเล็กอยากทึ้งผมตัวเองให้หลุดออกให้หมด เธอกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบ้าง ในหัวมีแต่เรื่องที่เธอต้องบอกคำตอบกับแอมป์ ซึ่งนั่นมันหมายถึงเธอก็ต้องตอบให้ได้ว่ารู้สึกยังไงกับกฤษณ์
“อ้าวทอง” ขิงลุกขึ้นมามากหมอนนุ่ม ไม่แน่ใจว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน พอรู้ตัวอีกทีทองก็มานั่งมองเธออยู่ข้างเตียงพร้อมกับท้องฟ้าข้างนอกสว่างโร่ “มานานรึยัง ทำไมไม่ปลุกพี่ล่ะ”
“เพิ่งมาครับ เห็นพ่อบอกว่าเมื่อเช้าพี่ขิงออกไปดูคนงานกรีดยาง เลยไม่กล้าปลุก”
“กี่โมงแล้วล่ะ” เธอถามแล้วยกมือขึ้นขยี้ตาแก้ง่วงสักหน่อย น้ำเสียงยังคงงัวเงียไม่หาย
“แปดครับ พี่ขิงจะกินข้าวเช้าเลยมั้ย ผมใส่จานให้แล้ว”
‘พี่ขิง’ หันมองตรงที่เรียกว่าโต๊ะกินข้าว โต๊ะเล็กๆ มีเก้าอี้สองตัวพร้อมกับอาหารวางอยู่เต็มจนแทบไม่มีที่ให้อะไรแทรก แสดงว่าเด็กทองคงมาได้สักพัก จัดจานได้ขนาดนี้เรียกว่าเพิ่งมาถึงคงไม่ได้
“ขอพี่แปรงฟันก่อนนะ แล้วเรากินข้าวเช้ามารึยัง กินกับพี่มั้ย”
เด็กชายส่ายหน้าดิก “ผมกินมาแล้ว พี่ขิงกินเถอะ เดี๋ยวสายๆ ผมจะมาเก็บจานไปล้าง”
“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนสิ อยู่เป็นเพื่อนกันหน่อย”
“แต่ว่า...”
“วันนี้ต้องไปโรงเรียนรึเปล่า”
“เปล่าครับ” คำปฏิเสธของทองทำให้เธอยิ้มออก “โรงเรียนปิดเทอม”
“ไหนๆ ก็ว่างแล้ว งั้นพาพี่เที่ยวหน่อยอยู่แต่ในสวนเบื่อมองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้” ทองทำหน้าตาลังเล ลูกสาวเจ้านายสั่งเขาก็ควรจะทำ แต่ติดตรงที่แม่บอกว่าให้กลับไปช่วยงานที่บ้านนู้นนั่นแหละ แต่ตรงนู้นก็มีคนตั้งเยอะแยะ ไม่รู้จะให้เขาไปช่วยอะไร ออกไปเที่ยวดีกว่าไปกับลูกสาวเจ้านายคงไม่มีใครว่าอะไร
“ไปสิพี่ เดี๋ยวผมไปเอามอเตอร์ไซด์ก่อนนะ พี่ขิงกินข้าวแล้วก็อาบน้ำซะ เดี๋ยวผมมาใหม่”
ดูมัน... สั่งอย่างกับตัวเองเป็นเจ้านาย ขิงคิดขำๆ แล้วรีบพาตัวเองไปที่ห้องน้ำแล้วทำธุระต่างๆ ให้เสร็จอย่างเร่งด่วน
พอนั่งทานข้าวที่แม่ของทองเตรียมมาให้ได้สักพัก ทองก็กลับมาพร้อมกับมอเตอร์ไซด์เงาวับ เด็กชายนั่งรอบนมอเตอร์ไซด์ด้วยท่าทางที่ตัวเองคิดว่าเท่ห์ที่สุดอย่างที่เคยเห็นในโทรทัศน์ด้วยการโน้มตัวเองไปข้างหน้า แล้วยกหัวเข่าขึ้นมาข้างหนึ่งพร้อมกับเอาข้อศอกเท้าขาตัวเองไว้ ภาพที่ขิงเห็นทำเอาก้าวขาไม่ออก หญิงสาวมัวแต่หัวเราะกับท่าทางแก่แดดนั้น ตัวยังโตไม่เต็มที่แต่ดันอยากเป็นหนุ่ม
“จะไปกันรึยังสุดหล่อ” ขิงเอ่ยทักคนนั่งรอบนมอเตอร์ไซด์ รอยยิ้มที่แต้มริมฝีปากทำให้คนเด็กกว่าไม่มีความเกรงกลัวอะไรกับผู้หญิงตรงหน้า
“พี่ขิง” ทองเรียกเธอไว้ ยังไม่ยอมเปลี่ยนท่าขยับรถ “พี่ว่าผมหล่อป่ะ”
ฟังคำถามแล้วขิงนึกอยากผลักกะโหลกเล็กผมเกรียนให้หน้าทิ่ม
“หัวเกรียนขนาดนี้ยังคิดว่าตัวเองหล่ออีกรึไง” คนได้รับคำตอบหน้ามุ่ยลงทันควัน รีบขยับท่าเลื่อนรถพร้อมกับสตาร์ทเตรียมตัวออก “ผมจะพาพี่ไปหาคนๆ นึง”
“ใครน่ะ ทำไมต้องไป”
“อ๊าว” ทองร้องเสียงดังทำหน้าขัดใจอย่างที่อ่านได้ว่ามันกำลังด่าเธออยู่ว่าคนแก่นี่ไม่รู้อะไรเลย “พาไปหากิ๊ก พี่จะได้รู้ว่าผมหล่อขนาดไหน”
ขิงฟังแล้วได้แต่หัวเราะคิกแต่ก็ยอมซ้อนท้ายคนที่เธอเห็นเป็นเด็กน้อย ทองเธอมาถึงตลาดที่ใหญ่ที่สุดของหมู่บ้าน มีกับข้าวและของสดรวมทั้งขนมหวานวางเรียงรายกันอยู่จำนวนมาก แม่ค้าแม่ขายต่างเรียกลูกค้ากันเสียงดัง บ้างก็พูดคุยกันข้ามแผงหัวเราะใส่กันเสียงดัง แต่เสียงแซ็งแซ่นั้นไม่ได้ทำให้ทองหยุดเดิน เด็กชายมุ่งหน้าไปยังทิศทางแผงที่ตั้งขนมหวานหลากชนิด
“แก้ว” ทองพุ่งตรงไปหาเด็กสาวที่กำลังขายขนมให้ลูกค้า เด็กผู้หญิงผิวยังกระดำกระด่างอย่างไม่ที่ได้รับการดูแลที่ดี แต่เธอคิดว่าอีกไม่นานหากโตเป็นสาว เด็กคนนี้น่ารักไม่แพ้ใครแน่นอน
“อ้าวทอง มีอะไรจ๊ะ”
“เรามาหาเฉยๆ พาลูกสาวพ่อเลี้ยงออกมาเที่ยว นี่พี่ขิงนะแก้วลูกพ่อเลี้ยงที่เราว่า พี่ขิงครับพี่แก้วนะครับ... กิ๊กทองเอง” สถานะที่แนะนำตัวไม่ได้พูดพ้นริมฝีปากเท่าไหร่ เพราะเด็กชายให้วิธีกระซิบบอกเธอแทนที่จะแนะนำด้วยเสียงปกตินั้น ดูท่าจะไม่เป็นความจริงเสียแล้ว ไอ้ทองหน้าแดงเป็นแก้มลิงส่วนสาวน้อยยังคงทำหน้าตายิ้มแย้มให้เธอเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ชอบเขาล่ะซี้ทอง” คราวนี้เธอกระซิบบ้าง มองแก้วสายตายิ้มๆ แล้วตบไหล่คนยืนแก้มแดงสองทีเป็นการให้กำลังใจพร้อมกับผลักร่างกำลังโตไปข้างหน้า “ชอบก็คุยกับเขาสิ มามันเขินอย่างนี้มันจะได้อาไร้”
“พี่ฝากทองด้วยนะคะน้องแก้ว เดี๋ยวขอเดินดูตลาดหน่อยเสร็จแล้วจะแวะมารับ”
ร่างเล็กเดินจากไปพร้อมกับคำว่า ‘แวะมารับ’ ที่ลูกสาวเจ้าของแผงขนมหวานชักงงว่าตกลงใครพาใครมากันแน่ พอหันไปเจอเพื่อนร่วมโรงเรียนที่ยืนยิ้มอยู่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะมีลูกค้ามาซื้อขนมพอดี
“เดี๋ยวเราช่วยนะ” เด็กชายเดินไปหยิบถุงพลาสติกถุงไม่จากแพ็คแล้วกางออกยื่นแม่ค้าหน้าใส
“ไงจ๊ะ สุดหล่อ” ขิงทักเสียงกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นคนพาเธอมาเที่ยวนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนมอเตอร์ไซด์ตัวเอง
“พี่ขิงหายไปไหนมาอ่ะ”
“ไปซื้อขนม” หญิงสาวชูถุงพลาสติกในมือให้ทองดู “แล้วนี่ยังไงทำไมมาอยู่ตรงนี้ ชอบเค้าไม่ใช่เหรอแก้วน่ะ”
ทองตกใจตาโตยิ่งเห็นคุณหนูของมันยักคิ้วให้หน้าตาที่หายแดงไปแล้วกลับมาแดงอีกครั้ง เด็กชายยกมือขึ้นเกาศีรษะเกรียนนั้นอย่างไม่รู้จะเอามือไปวางที่ไหน ท่าทางเก้ๆ กังๆ ที่คนโตกว่าอย่างเธอสามารถดูออกได้ภายในพริบตานั้นยิ่งทำให้ขิงนึกเอ็นดูเด็กคนนี้มากขึ้น
“ชอบก็บอกเค้าไปเถอะ เก็บไว้คนเดียวแบบนี้แล้วเมื่อไหร่แก้วจะรู้”
น้ำเสียงที่ดูจริงจังทำให้ทองต้องหันมองหน้าคุณหนูตาโต “พี่ขิงพูดอะไรน่ะ”
“หยุดทำเสียงน่าหมั่นไส้เลยนะ พี่แก่กว่าทองกี่ปีแค่นี้ทำไมจะไม่รู้”
“ผมก็แค่เห็นว่าแก้วน่ารักดี” ทองพูดอึกอักจนอีกคนที่มองต้องถอนหายใจ
เด็กนี่ปากแข็งได้โล่ห์เลยแฮะ
“แค่น่ารักไม่ได้อยากเป็นแฟนเหมือนที่บอกพี่ว่าเป็นกิ๊กกันใช่ป่าว” เธอเว้นจังหวะพูดเพื่อมองหน้าอีกฝ่าย “ถ้างั้นถึงแก้วจะมีใครมาจีบก็ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“ไม่ได้สิ!” เด็กชายตอบทันควันเหมือนคำพูดไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองสักนิด ก่อนจะตกใจว่าตัวเองพูดอะไรออกไปจนทำให้คุณหนูจับได้ “เอ่อ... พี่ขิงอย่าเอาไปบอกแก้วนะ”
“พี่ไม่บอกหรอก เรานั่นแหละต้องไปบอกเอง รีบบอกก่อนที่ใครจะมาแย่งไปล่ะ”
“พี่ขิงพูดเหมือนเคยโดน” คำพูดลอยๆ นั้นทำเอาขิงสะอึกไม่น้อย
หญิงสาวมองหน้าเด็กเจ้าถิ่น “พูดมากน่า กลับบ้านดีกว่าเบื่อตลาดแล้ว”
ไอ้ทองทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจ ดูเหมือนลูกสาวพ่อเลี้ยงจะขี้เบื่อมากกว่าที่คิดนี่มาตลาดได้ชั่วโมงเดียวก็เบื่อเสียแล้ว สงสัยงานนี้คงต้องหาอะไรให้คุณหนูทำแก้เบื่อซักหน่อย
“ถ้าพี่ขิงเบื่อมากก็ไปดูแม่ผมทำกับข้าวมั้ยครับ” คนขี้เบื่อกลอกตาขึ้นมองฟ้าอย่างที่คนทำหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซด์อยู่ไม่มีโอกาสเห็น
“ขอร้องอย่าพูดถึงเรื่องทำกับข้าวหรือเข้าครัวได้มั้ย พูดเรื่องยิงปืน ตกปลาอะไรแบบนี้น่าจะสนุกกว่า”
“ยิงปืน? ตกปลา? พี่ขิงเนี่ยนะ”
“ทำไม พี่จะยิงปืนหรือตกปลาไม่ได้เหรอไง” หญิงสาวถามเสียงขุ่น
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้แต่ผมนึกว่าพี่ขิงจะเป็นแบบผู้หญิงคนอื่นๆ อย่างเย็บผ้า ทำกับข้าว ทำงานบ้าน”
ซึ่งนั่นไม่มีในชีวิตเธอเลยสักอย่าง... ขิงคิดอย่างเคืองๆ เพราะอยู่แค่ในสวนเห็นแม่ตัวเองทำงานบ้านงานเรือนน่ะสิความคิดเลยเป็นอย่างนี้
ขิงทำหน้าเหม็นเบื่อลงจากมอเตอร์ไซด์แล้วยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน หญิงสาวมองไปรอบๆ ตัวแล้วเห็นแต่ต้นยางพารารู้สึกเบื่อจริงๆ นี่ขนาดเพิ่งมานะ แล้วถ้าเธอยังหาคำตอบไม่ได้แล้วยังอยู่ตรงนี้อีกสักพัก เธอต้องเอียนสวนยางพาราไปอีกนานแน่นอน
หลังจากกลับจากตลาด ตอนนี้ขิงให้ทองกลับไปช่วยงานแม่ของเด็กชายแล้ว เธอจึงเดินเหงาอยู่คนเดียวในสวนกว้าง ต้นไม้สูงใหญ่เป็นผลให้แสงแดดส่องถึงพื้นน้อยและนั่นทำให้เธอเดินใช้ความคิดเงียบๆ ได้อย่างสบายใจ
เธอคิดถึงพี่กฤษณ์อีกแล้ว...
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่แน่ใจว่าช่วงก่อนเธออยู่กับกฤษณ์บ่อยไปหรือเปล่า พอไม่มีเขาอยู่ข้างๆ ถึงได้คิดถึงมากขนาดนี้ ใบหน้าของกฤษณ์ลอยมาอยู่ในห้วงความคิด คราวนี้ไม่มีแอมป์รวมอยู่ด้วยทำให้ขิงได้แต่ใจอะไรบางอย่างมากขึ้น และก่อนที่จะได้คิดอะไรมากกว่านี้ หญิงสาวก็เหลือบไปเห็นคนที่เพิ่งไปเมื่อครู่ขี่มอเตอร์ไซด์กลับมา
ทองตะโกนโหวกเหวกตั้งแต่เห็นมันเป็นจุดเล็กๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้า
“พี่ขิง...” เด็กชายพูดด้วยเสียงหอบ “คุณนายโทรศัพท์มาบอกว่าเรื่องด่วนมาก”
เพียงเท่านั้นขิงก็รีบกระโดดขึ้นซ้อนท้ายแล้วให้ทองบิดมอเตอร์ไซด์พาเธอไปรับโทรศัพท์ให้เร็วที่สุด
“ค่ะแม่ ขิงเองนะ”
“ขิงเหรอลูก” เสียงที่ฟังดูแล้วคนพูดน่าจะมีเรื่องหนักใจบางอย่าง
“แม่มีอะไรรึเปล่า” เมื่อแม่พูดแล้วเงียบไป หญิงสาวจึงทักขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเห็นทองบอกว่าเป็นเรื่องด่วนมาก
“ขิง... ตากฤษณ์โดยรถชนตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จ้าาาาา จากเตาร้อนๆ เลยจ้าาาาาาา ฮาาาาาาาาาา
พี่กฤษณ์เราเข้าโรงบาลไปแล้วววววว ทีนี้ทำไงล่ะ หรือพี่กฤษณ์จะไม่ใช่พระเอกกันนะ
แอร๊ะ! อย่าเพิ่งเขวี้ยงรองเท้ามาค่ะ มิณทิมาไม่ใจร้ายหรอกน้าาาาาาาา (เข้าข่ายคนสวยใจดีมากๆ 5555)
ไปแล้วนะคะ ช่วงนี้แถวเชียงรายฝนตกฝุดๆ เลยค่ะ ระวังสุขภาพกันด้วยนะคะ
=======================================
ตอบเม้นต์นะคะ
คุณ Furzan : น่ารักต้องรักเยอะๆ นะคะ :)
คุณ mhengjhy : พี่กฤษณ์เราเป็นพระเอกใจเย็นค่ะ (สปีชี่ส์นี้หายากสุดเลยนะเนี่ย)
คุณ pseudolife : ฮาาาาา เข้าข้างยัยจิงแบบนี้ยัยขิงรักตายเลยค่าา
คุณคิมหันตุ์ : ตาบอสนี่นิดนึงก็เอาค่ะ เก็บทุกเม็ด ฮาาา
คุณ Amarilys : มีสิบให้ร้อยมีร้อยให้ล้านนะคะเนี่ย เอิ๊กๆ
---------------------------------------------------------------------
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ค. 2556, 01:48:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ค. 2556, 01:48:15 น.
จำนวนการเข้าชม : 1321
<< ตอนนที่ 18 | ตอนที่ 20 >> |

คิมหันตุ์ 13 ก.ค. 2556, 02:23:28 น.
ลุงกฤษณ์ อำน้องขิงเล่นหรือป่าวนิ...อาศัยแม่ช่วยแหงๆ ห้าห้า
ลุงกฤษณ์ อำน้องขิงเล่นหรือป่าวนิ...อาศัยแม่ช่วยแหงๆ ห้าห้า


Amarilys 13 ก.ค. 2556, 09:19:44 น.
ถ้าบอสเป็นอะไรมาก จะตีตั๋วไปบ้านไรเตอร์
ส่วนนายแอมป์ กลับไปหายัยศศิเหอะเหมาะกันฝุดๆ
ถ้าบอสเป็นอะไรมาก จะตีตั๋วไปบ้านไรเตอร์

ส่วนนายแอมป์ กลับไปหายัยศศิเหอะเหมาะกันฝุดๆ


mhengjhy 15 ก.ค. 2556, 15:17:51 น.
ดีค่ะ เรียกขิงกลับไป จะได้รู้ตัวเร็วขึ้นน 5555
ดีค่ะ เรียกขิงกลับไป จะได้รู้ตัวเร็วขึ้นน 5555