น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 26.ดีใจกับเธออีกครั้งนะผึ้ง

26.

ช่วยแม่ขายของอยู่จนถึงสามโมงเช้า น้ำอ้อยก็ได้รับโทรศัพท์จากคชาพัฒน์ที่โทรตามน้ำผึ้งให้กลับมาที่ร้าน ...

“รีบกลับมาเลยนะ มีคนเขามาหา ยังไม่บอกว่าใคร เซอร์ไพรส์”

น้ำผึ้งเดินกลับมาถึงร้านก็เห็นรถของวรรณศุกร์จอดอยู่ที่หน้าร้านแล้ว...ส่วนรถของประทินไม่มีแสดงว่าเขากลับบ้านน้ำซับไปแล้ว และพอผลักประตูร้านเข้าไปนอกจากความเย็นของเครื่องปรับอากาศน้ำผึ้งก็ได้กลิ่นดอกไม้สดลอยเข้ามาเตะจมูก และที่สะดุดตาน้ำผึ้งที่ตอนนี้มีเหงื่อผุดอยู่ข้างไรผมก็คือดอกลิลลี่สีขาวช่อใหญ่บนโต๊ะกระจก

“คุณศุกร์แวะมาแสดงความยินด้วยนะ” คชาพัฒน์ร้องบอก น้ำผึ้งยืนตัวแข็งแล้ววรรณศุกร์ก็ลุกขึ้นพร้อมกับคว้าช่อดอกไม้ก่อนจะเดินเข้าไปหา...

“ดีใจกับเธออีกครั้งนะผึ้ง”

“ขอบคุณค่ะ” รับช่อดอกไม้แล้วน้ำผึ้งก็ใช้สายตามองอยู่ที่ดอกไม้ก่อนจะเดินเลี่ยง ๆ ไปยืนอยู่ใกล้ ๆ กับคชาพัฒน์ ส่วนวรรณศุกร์ก็เดินกลับไปทรุดตัวลงนั่งตามเดิม และด้วยเป็นวันหยุด เขาจึงอยู่ในชุดลำลองซึ่งเป็นกางเกงขาสั้นเสื้อคอกลมตัวบาง ๆ เผยให้เห็นมัดกล้ามที่ต้นขาต้นแขนและหน้าอกที่นูนได้รูปยิ่งทำให้น้ำผึ้งรู้สึกจิตใจปั่นป่วน

“เธอคงเจอกับแม่ฉันแล้ว” วรรณศุกร์เอ่ยปากชวนคุย...

“ค่ะ...”

“บ่ายวันนี้ว่างไหมละ ถ้าว่างก็ไปซ้อมเพลงเสน่หาด้วยกันสักเพลงก่อน ส่วนเพลงอื่น ๆ ต้องดูก่อนว่าเธอเล่นเพลงอะไรได้บ้าง...”

“ค่ะ”

ขณะคุยกันถึงเรื่องเพลงที่วรรณศุกร์เล่นได้อย่างชำนาญ เพื่อเช็คว่าน้ำผึ้งเล่นเพลงนั้นได้หรือไม่ หรือจะไปให้ครูถนอมต่อเพลงได้ทันหรือไม่ ที่ว่างหน้าร้านก็มีรถของสารวัตรทะนงศักดิ์เข้ามาจอด...

“มาทำไมละเนี่ย” คชาพัฒน์เปรยขึ้นมาเบา ๆ

“ผึ้งขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน เหนียวตัวแย่แล้ว” น้ำผึ้งรีบหอบดอกไม้ของวรรณศุกร์ขึ้นชั้นบนและพอน้ำผึ้งลับตาไปแล้ว สารวัตรทะนงศักดิ์ก็หอบกุหลาบสีแดงช่อใหญ่เข้ามาในร้าน...

เขายิ้มให้กับคชาพัฒน์และวรรณศุกร์ สีหน้านั้นหาได้สนใจสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคนที่นั่งอยู่ก่อน...

“ผมเอาดอกไม้มาแสดงความยินดีกับน้ำผึ้งเขาครับ เมื่อกี้ไปที่บ้านเขาแล้ว น้องเขาบอกว่าน้ำผึ้งอยู่ที่นี่” สารวัตรทะนงศักดิ์นั้นไม่ได้ไปบ้านน้ำผึ้งแบบมือเปล่า เขามีขนมที่แวะซื้อจากร้านสะดวกซื้อไปเอาใจสองพี่น้องนั้นด้วย

“น้ำผึ้งอาบน้ำอยู่ครับ” คชาพัฒน์ทำเสียงเข้ม ส่วนวรรณศุกร์นั้นได้จังหวะเอ่ยว่า

“ผมขอตัวก่อนนะครับหน่อง มานานแล้ว”

“ทำไมรีบกลับละครับ” สารวัตรเอ่ยปากชวนคุยทั้งที่เจ้าของร้านก็ยังไม่ได้ชักชวนให้นั่ง

“มานานแล้วครับ ตามสบายเลยครับ ผมขอตัวก่อนนะครับสารวัตร” วรรณศุกร์เลี่ยงออกไปจากร้าน
ทีนี้ในร้านก็เหลือสารวัตรกับคชาพัฒน์ เพราะว่านัยนิตนั้นยังไม่ลงมาจากข้างบน ส่วนสำลีก็ล้างถ้วยจานชามอยู่ในครัว

“ผมขอนั่งรอผึ้งหน่อยนะครับอยากให้ดอกไม้กับมือเขา” ว่าแล้วสารวัตรทะนงศักดิ์ถือวิสาสะเดินไปทรุดตัวลงนั่งแทนที่วรรณศุกร์ที่ลุกไป

“ผึ้งอาจจะอาบน้ำนานหน่อยนะครับท่าน” คชาพัฒน์ไล่แขกทางอ้อม

“ผมรอได้ครับ”

“ช่วงรอจะใช้บริการหน่องหน่อยไหม ตัดผม ทำเล็บ ถอนผมหงอก หน่องทำได้หมดแหละ”

“ไม่ครับผมชอบย้อมผมมากกว่า...” คชาพัฒน์ยอมรับว่าแม้จะวัยของสารวัตรทะนงศักดิ์นั้นจะล่วงห้าสิบปีไปแล้วแต่สรีระและบุคลิกภาพของท่านก็ยังดูดี แต่ว่าพฤติกรรมนั้นน่าระอาเหลือเกิน...

“ผมขอตัวเข้าไปเอาน้ำเย็นให้แป๊บนะครับ”

“ไม่ต้องหรอกครับผมไม่หิว”

“งั้นผมขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ พอดีปวดท้อง”

คชาพัฒน์เดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่หลังร้านเกือบสิบนาทีแล้วก็เดินออกมา พบว่าสารวัตรทะนงศักดิ์ยังคงอดทนนั่งรอน้ำผึ้งโดยการอ่านหนังสือพิมพ์ที่วางเรียงอยู่โดยไม่มีทีท่าร้อนรนแต่อย่างใด...

“ขอโทษทีที่ปล่อยให้ท่านรอนาน ท้องเสียนะครับ”

“ผมรอได้ครับ...ถ้ารอแล้วได้ประโยชน์”

“ผมเกรงว่าท่านจะรอเก้อ”

“ผมไม่เคยรอเก้อครับ ผมอยากได้อะไรผมต้องเอาให้ได้”
คชาพัฒน์พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก เพราะจะไล่ไปตรง ๆ พูดแรง ๆ ท่านก็มีบารมีคับบ้านคับเมือง

“รู้ไหมว่าทำไมน้ำผึ้งถึงยังติดหนึ่งในห้าและยังได้ตำแหน่งขวัญใจช่างภาพพ่วงมาด้วย” สารวัตรทะนงศักดิ์เอ่ยปากถามขึ้นมาทั้งที่ดวงตายังจับจ้องอยู่กับตัวอักษรในหน้าหนังสือพิมพ์

“อย่าบอกนะครับว่าเป็นเพราะมีคนช่วยอีก”

“ถ้าผมจะบอกอย่างนั้นล่ะ”

“ก็ถือว่าเป็นโชคดีของน้ำผึ้ง...”

“ผมไม่ขออะไรมากหรอก ขอแค่กินข้าวกับน้ำผึ้งตามลำพังสักมื้อ...ผมสัญญาว่าจะไม่มีการล่วงเกินเลยเถิด...ทำอะไรอย่างที่ไม่ควรจะทำเด็ดขาด”

“ผมคงช่วยอะไรท่านไม่ได้หรอก”

“ผมก็ต้องช่วยเหลือตัวเองต่อไปงั้นซิ”

“น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละครับ”

ทิ้งให้ความเงียบเข้าครอบงำอยู่ครู่ใหญ่ คชาพัฒน์ที่เสจัดอุปกรณ์ทำผมก็เอ่ยมาว่า

“ท่านไม่มีธุระอะไรที่ไหนหรือครับ”

“วันนี้วันหยุดผมครับ...ผมว่างทั้งวัน แล้ววันนี้น้ำผึ้งเขาจะไปไหนหรือเปล่าละ”

“เดี๋ยวจะไปซ้อมดนตรีที่บ้านคุณนายวรรณีครับ”

“ได้ข่าวว่าตีขิมได้ ไม่เคยได้ยินสักที”

“ถ้าท่านอยากฟัง ผมว่าคงไม่เกินความสามารถของท่านหรอก”

“ขอบคุณที่ชม”

เมื่อเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง น้ำผึ้งที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็เดินลงมาจากข้างบน หญิงสาวอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมกางเกงขาสามส่วนผมนั้นมัดสูงไว้ด้านหลัง...น้ำผึ้งยิ้มเล็กน้อยให้กับสารวัตรทะนงศักดิ์ที่มองตัวเองด้วยสายตาหลงไหล...และสารวัตรก็รวดเร็วพอที่จะรีบพูดธุระของตน

“ฉันเอาดอกไม้มาแสดงความยินดีกับหนู.....”

น้ำผึ้งมองดอกไม้ช่อนั้นด้วยสายตามีความกังวล

“ผู้ใหญ่ให้ของก็มารับไปเถอะผึ้ง” คชาพัฒน์คิดว่ารับแล้วจะได้หมดเรื่องหมดราว น้ำผึ้งมองหน้า คชาพัฒน์แล้วจึงเดินเข้าไปรับดอกไม้ช่อนั้น กลิ่นกุหลาบโชยเข้ามาเตะจมูก...แล้วน้ำผึ้งก็จามอย่างแรงทั้งที่พยายามกลั้นไว้แล้ว...



มอบดอกไม้ให้น้ำผึ้งแล้วสารวัตรทะนงศักดิ์ก็ขอตัวกลับไป น้ำผึ้งวางดอกกุหลาบช่อใหญ่ลงบนโต๊ะกระจกแล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาสีหน้านั้นเปี่ยมไปด้วยความยุ่งยากใจ...

“พี่หน่อง เมื่อกี้ผึ้งได้ยินเรื่องที่มีคนช่วยให้ผึ้งได้ตำแหน่ง มันหมายความว่าอย่างไร”

“ไม่มีอะไรหรอกผึ้ง”

“มันต้องมีซิ...พี่หน่องอย่าปิดผึ้งเลย” น้ำผึ้งมีสีหน้าจริงจังพลางจ้องตาคชาพัฒน์

“อยากรู้จะบอกให้ก็ได้ เมื่อตอนเวทีธิดากระท้อนหวานน่ะ สารวัตรบอกว่าเป็นเพราะเขากับเพื่อนที่เป็นกรรมการผึ้งจึงได้ตำแหน่งมา แล้วทีนี้เขาลำเลิกบุญคุณ เขาอยากไปกินข้าวกับผึ้งตามลำพัง แต่พี่ไม่...ไม่เคยคิดจะเอาตัวผึ้งเป็นเหยื่อ พี่ก็ปฏิเสธไป เขาบอกกับพี่ว่า เวทีน้อยหน่าเมื่อคืนนี้ เขาจะไม่ช่วย แต่พี่ก็ไม่สนหรอก พี่อยากให้ผึ้งไปหาประสบการณ์ แล้วพี่ก็ไม่อยากจะเชื่อว่าความยุติธรรมมันไม่มีบนโลกใบนี้...แต่เขาก็มาบอกว่าเป็นเพราะเขาช่วย ผึ้งเลยยังติดหนึ่งในห้า แถมยังได้ตำแหน่งขวัญใจช่างภาพมาอีก...เขาขอไปกินข้าวกับผึ้งตามลำพังนะ ไม่มีอะไรนอกจากนี้หรอก”

“สรุปว่าผึ้งไม่ได้ตำแหน่งมาด้วยหน้าตาและความสามารถของผึ้งใช่ไหม ผึ้งได้มาเพราะ...”

“มันก็ไม่ได้ค้านสายตาประชาชนอย่างคนที่ได้ที่หนึ่งเมื่อคืนนี้หรอกน่าผึ้ง อย่าคิดมากซิ”

“จะไม่ให้ผึ้งคิดได้ จากที่ผึ้งคิดว่าเส้นทางสายนี้มันจะทำให้ผึ้งได้ทรัพย์สินเงินทองแต่มันกลับเป็นว่า ผึ้งกำลังตกอยู่ในห้วงอันตราย”

“ไม่มีอะไรหรอกน่า พี่รับรองด้วยเกียรติของกะเทยไทยว่าจะดูแลปกป้องผึ้งให้ถึงที่สุด”

“ถ้าเขาเอาเงินซื้อพี่หน่องล่ะ”

“ผึ้ง ทำไมพูดแบบนี้”

“ผึ้งขอโทษค่ะ ผึ้งอดคิดไม่ได้...ผึ้งเคยได้ยินได้ฟังเรื่องพวกนี้มาเหมือนกัน”

“ไม่ พี่ไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด”

“ผึ้งชักไม่อยากขึ้นเวทีอะไรอีกแล้ว ผึ้งอยากกลับไปมีชีวิตเหมือนเดิมเสียแล้วซิ”

“อย่าเพิ่งถอดใจซิผึ้ง บางทีเขาอาจจะพูดทึกทักเอาเองก็ได้ มันมีหลักฐานเสียที่ไหนล่ะ เขาเห็นว่าพูดไปแล้วมันน่าจะเชื่อถือได้เขาก็แอบอ้างไป อย่าหูเบา ใจเราต้องหนักแน่น”

“แต่เขาก็ยังตามตื๊อผึ้งไม่เลิก แล้วผึ้งรู้สึกว่ามันมากขึ้นด้วย”

“ทุกอย่างมันแล้วแต่ผึ้งนะ เขาบอกกับพี่ว่าถ้าเขาจะนอนกับผู้หญิงสักคน ผู้หญิงคนนั้นต้องยินยอมพร้อมใจสมยอมเขาเท่านั้น เขายังพอมีที่ให้เรายืนอยู่นะผึ้ง ทำใจดี ๆ แล้วก็ตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เห็นไหมว่านอกจากเรื่องประกวดแล้วผึ้งยังมีเรื่องอื่นๆ เข้ามา ทั้งเล่นขิมอวดคนอื่น ทั้งเตรียมตัวเข้าสังกัดพี่อ๊อด นะผึ้ง คิดซะว่า ถ้าพวกมารมันเข้ามาในชีวิตเราได้เทพบุตรเทพธิดาก็เข้ามาในชีวิตเราได้เหมือนกัน...”


หลังจากแวะซื้อพวงมาลัยไปกราบหลวงพ่อหินแล้ว คชาพัฒน์ก็พาน้ำผึ้งเอาน้อยหน่าไปให้แม่ที่บ้านพร้อมกับนำช่อดอกไม้ที่ได้จากวรรณศุกร์ไปเก็บ ส่วนดอกกุหลาบแดงของสารวัตรนั้นน้ำผึ้งทิ้งไว้ในครัวที่ร้านของคชาพัฒน์อย่างไม่สนใจใยดี ...เสร็จเรื่องที่บ้านแล้วน้ำผึ้งก็นำขิมมาใส่รถก่อนที่คชาพัฒน์จะพามุ่งหน้าไปบ้านครูถนอมเพื่อให้ครูถนอมเช็คดูว่าพอจะมีเพลงร่วมสมัยเพลงใดบ้างที่จะเล่นขิมไปพร้อมกับเปียโนได้และน้ำผึ้งสามารถฝึกเล่นได้ในอันเวลาจำกัดนี้...และเมื่อได้เพลงมาแล้ว คชาพัฒน์ก็พาน้ำผึ้งแวะกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งที่หน้าปากซอยในเวลาบ่ายโมงกว่า ๆ ก่อนจะพาน้ำผึ้งไปที่บ้านของคุณนายวรรณีหลังจากที่รู้ว่าวรรณศุกร์เตรียมพร้อมรออยู่แล้ว...

“พี่จะอยู่กับผึ้งตลอดเวลา ผึ้งไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น” คชาพัฒน์ให้คำมั่นสัญญา และเมื่อก้าวขาออกจากรถคันกลางเก่ากลางใหม่ของคชาพัฒน์ น้ำผึ้งก็ได้ยินเสียงเปียโนแว่วเข้ามา...และพอเงี่ยหูฟังน้ำผึ้งก็รู้ว่าขณะนี้วรรณศุกร์กำลังเล่นเพลง ‘หยาดเพชร’ อยู่...และคชาพัฒน์ที่ลงจากรถมายืนฟังเพลงนั้นก็ร้องคลอเบา ๆ

‘เปรียบเธอเพชรงามน้ำหนึ่ง หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า หยาดเพชรเกล็ดแก้วแววฟ้า ร่วงมาจากฟ้าหรือไร...หยาดมาแล้วอย่าช้ำโศก ปล่อยคนทั้งโลกร้องไห้...หยาดเพชรเกล็ดแกล้วผ่องใส นั้นอยู่ไกลเกินผูกพัน’

ขณะฟังดนตีน้ำผึ้งก็หวนคิดได้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากที่พาตัวไปใกล้ชิดวรรณศุกร์โดยการเห็นดีเห็นงามของผู้ใหญ่ เธอก็จะยอมรับมัน...

“ยืนนิ่งเลย รีบยกขิมเข้าบ้านไป เดี๋ยวพี่ถือน้อยหน่าไปเอง” คชาพัฒน์ดึงสติของน้ำผึ้งคืนมา

และเมื่อเข้าไปในบ้านแล้ว คุณนายวรรณีที่นั่งอยู่หลังกองผ้าก็ยิ้มให้น้ำผึ้ง ส่วนวรรณศุกร์นั้นสายตาของเขายังจับจ้องอยู่ที่โน้ตเพลง...แต่เขาก็ยิ้มบางๆ ให้น้ำผึ้งที่ยิ้มให้เขาเพราะเสียงดนตรีนั้นสามารถทำให้คน

อารมณ์ขุ่นข้องหมองใจนั้นกลับแจ่มใสได้เหมือนกับมีน้ำทิพย์รินรดจิตใจ

“มาดูซิว่าอยากนุ่งผ้าผืนไหนไปงาน” คุณนายวรรณีร้องเรียกให้น้ำผึ้งเข้าไปหา

“อีกตั้งหลายวันนี่คะ ต้องรีบเลือกชุดก่อนเลยเหรอคะ” ทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วน้ำผึ้งก็ไม่เก็บความสงสัยไว้

“เลือกไว้ก่อนเถอะ ...แล้วนี่ฉันไปงัดชุดไทยเรือนต้นที่ฉันเคยตัดใส่เมื่อครั้งยังสาวออกมา เธอต้องมาลองดูก่อนว่าใส่ตัวไหนได้บ้างจะได้ส่งร้านซักรีดเตรียมไว้ ที่มันใหญ่ไปก็จะได้แก้” น้ำผึ้งมองดูกองผ้าถุงและเสื้อแขนกระบอกคอกลมกระดุมห้าเม็ดที่แขวนอยู่บนราวเหล็กใกล้ ๆ ตัวคุณนายวรรณีด้วยสีหน้าตื้นตัน...

“สวัสดีฮะ หน่องซื้อน้อยหน่ามาฝากฮะ” ว่าแล้วคชาพัฒน์ก็เดินตรงเข้าในครัวโดยตั้งใจทิ้งน้ำผึ้งให้คุยอยู่กับคุณนายวรรณี ซึ่งคชาพัฒน์พอจะดูออกว่าที่คุณนายวรรณีโปรดปรานน้ำผึ้งเป็นพิเศษนั้น คุณนายมีแผนอะไรอยู่ในใจ และคชาพัฒน์ก็ภาวนาว่าให้คุณนายวรรณีนั้นเอ็นดูน้ำผึ้งด้วยความจริงใจด้วยเถอะ ไม่ใช่พอวรรณศุกร์ไขว้เขวมาหาน้ำผึ้งทิ้งภัทรินได้แล้ว คุณนายก็ให้วรรณศุกร์แต่งงานกับคนอื่น...

หลังจากเลือกผ้านุ่งลายขวางพื้นสีชมพูลายน้ำเงินที่เข้ากับเสื้อแขนกระบอกสีชมพูอ่อนได้แล้ว น้ำผึ้งก็เดินถือกล่องขิมมาวางไว้บนเสื่อที่ป้าสมานปูไว้ใกล้ๆ กับเปียโนของวรรณศุกร์

“ปรึกษากับครูถนอมมาแล้วฮะ มีเพลง เสน่หา เพลงหยาดเพชรที่คุณศุกร์เล่นเมื่อกี้ก็สามารถเล่นกับขิมได้แล้วก็เพลงอะไรอีกนะผึ้ง” คชาพัฒน์ที่เป็นตัวประสานหันไปถามน้ำผึ้งที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่หน้าขิมโดยมีสมุดโน้ตเพลงวางอยู่ตรงหน้าด้วย

“น้ำตาแสงไต้ รักข้ามขอบฟ้า บุพเพสันนิวาส หนี้รัก จันทร์ มีอีกหลายเพลงเลย ถ้าผึ้งเล่นขิมได้นะคะ”

“แล้วผึ้งเล่นเพลงอะไรได้บ้าง” น้ำเสียงของวรรณศุกร์อ่อนโยนก็ยังไม่เท่ากับดวงตาที่มองมาหาน้ำผึ้ง...มันมีความอารีแบบพี่ชายเอ็นดูน้องสาวซึ่งทำให้น้ำผึ้งรู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างมาก

“ที่แน่ๆ ก็เสน่หา นอกนั้นต้องขอเวลาหน่อยค่ะ ยังไม่ได้ลองเล่นขิมเลย...”

“งั้นลองเพลงเสน่หาก่อนแล้วกันนะ...พร้อมนะ”

“ค่ะ”

“ขอเพลงที่ไม่เศร้านะ เพราะเป็นงานวันเกิดซ้อม ๆ ไว้สักสี่ห้าเพลงแล้วกัน เล่นมากไป เดี๋ยวคนฟังจะเบื่อ หรือเล่นน้อย ๆ เพื่อให้เขากระหายจะฟังในวันหลัง” คุณนายวรรณีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมใกล้ ๆ นั้นแทรกเข้ามา...

ฝ่ายคชาพัฒน์เองเมื่อเห็นว่าน้ำผึ้งกับวรรณศุกร์ตั้งท่าจะบรรเลงดนตรีสองชนิดประสานเสียงกันเขาก็เตรียมโทรศัพท์มือถือไว้บันทึกภาพและเสียงไว้...และคลิปนี้ก็ได้เปิดใช้งานอีกไม่กี่ปีต่อมา...


ส่งน้ำผึ้งกลับบ้านไปแล้วคชาพัฒน์ก็กลับมาที่ร้านเดินเข้าครัวไปคว้าถุงน้อยหน่าที่ตั้งใจซื้อมาฝาก
เพื่อนบ้านและเพื่อนรวมวงการออกออกมาก่อนจะเดินออกไปนอกร้าน โดยที่นัยนิตได้แต่บนตามหลังว่า “ธุระเยอะเสียจริง”...

“อนาคตผู้จัดการดาราดังนะยะ...เฝ้าร้านไปอย่าบ่น”

แจกจ่ายน้อยหน่าให้เพื่อนบ้านที่มีร้านรวงติดๆ กันพลางบอกเล่าถึงที่มาที่ไปของน้อยหน่าด้วยน้ำเสียงเริงรื่นแล้วคชาพัฒน์ก็เดินไปหยุดที่หน้าร้านจวงจันทร์บิวตี้ซาลอน

“ปิ้งป่อง มีใครอยู่ไหมคะ”

จวงจันทร์ที่กำลังม้วนผมให้คุณป้าคนหนึ่งอยู่เงยหน้าขึ้นมาทันที

“ว่าไงหน่อง” ด้วยมารยาทเมื่อมีแขกมาเยือนแม้จะไม่ชอบหน้ากันสักเท่าไหร่แต่จวงจันทร์ก็ร้องทักด้วยน้ำเสียงสดใส

“เอาน้อยหน่ามาฝากค่า” เมื่ออยู่กับจวงจันทร์คชาพัฒน์ก็จะออกอาการ “แต๋วแตก” มากกว่าอยู่ต่อหน้าประทิน วรรณศุกร์ และผู้ชายคนอื่น ๆ

“เข้ามาในร้านก่อนซิ” จวงจันทร์ร้องบอกพลางม้วนผมไปพลาง

“พาน้ำผึ้งไปประกวดที่ปากช่องมาน่ะ ได้ที่สี่ ได้ตำแหน่งขวัญใจช่างภาพพ่วงมาอีกตำแหน่งแบ่งกันสองคนแล้วก็คนละเจ็ดแปดพัน” ลอยหน้าลอยตาพูดไปเดินไปกระทั่งไปยืนเกือบจะประชิดเก้าอี้ที่มีลูกค้านั่งทำผมอยู่ แล้วคชาพัฒน์ก็วางถุงน้อยหน่าซึ่งมีปริมาณ 2 กิโลกรัมไว้บนเคาน์เตอร์

“รวยเลยซิ”

“ก็พอถูไถไป...อย่างไรก็ต้องขอบคุณพี่เจี๊ยบอีกครั้งนะฮะ ที่ทิ้งพุงปลาไว้ให้หน่อง หน่องก็เลยอ้วนพีเลย แถมตอนนี้นะ ไม่อยากเซด...เหมือนดวงถูกโฉลกกัน มีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาทั้งนั้นเลย”
จวงจันทร์เบ้หน้าทิ้งค้อนให้ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “อะไรบ้างล่ะ”

“เยอะ เล่าไม่หวาดไม่ไหวหรอก คือผึ้งเขาเป็นคนมีความสามารถมาก เล่นขิมก็ได้ รำไทยก็ได้ แล้วไอ้สมัยนี้นะเจ๊ บ้านเราเห่ออะไรไทย ๆ ด้วย
ไปเวทียอดพธูไทยนี่หน่องว่าผึ้งมีลุ้นเชียวแหละ”

“อย่าหวังให้มากนะ ตกลงมาแล้วจะเจ็บ”

“ได้ปีนแล้ว ได้ตะกายแล้ว ก็ดีกว่าเงยหน้ามอง...เจ๊ว่าไหม”

“คงงั้น”

“แล้วเจ๊ไม่มีคิวส่งเด็กประกวดเวทีไหนบ้างเหรอ หรือเข็ดตั้งแต่เวทีกระท้อนหวาน”

“ไม่เข็ด แต่ไม่ค่อยว่าง ลูกค้าเข้าร้านตลอด ไม่มีคนช่วย”

“ก็จ้างแพง ๆ หน่อยซิ แบ่งกันให้ลงตัว ใจกว้าง ๆ หน่อย หรือพอไม่มีสปอนเซอร์ช่วยแล้ว เลยบ่จี้”

“เงินฉันมีเยอะแยะ เพียงแต่ว่า อยากอยู่อย่างพอเพียง ๆ” จวงจันทร์แถเอาตัวรอดไป...

“หรา”

“เจอกันที่เวทีนางนพมาศบ้านไพรแล้วกันนะ”

“จะเอาเด็กที่ไหนมาขึ้นล่ะ” คชาพัฒน์นั้นยังไม่รู้ว่า จวงจันทร์นั้นยังใช้แผนเดิมคือส่งเด็กที่มี “แบ๊ก” ดี
ขึ้นเวที...รู้กันกับคณะกรรมการแล้วรางวัลจะไปไหนเสียล่ะ “มีแล้วกัน จะเดิมพันเท่าไหร่ก็ได้ พร้อมสู้”

“ได้...สักคนละหมื่นเป็นไง”

“ได้...ป้าแจ้วเป็นพยานด้วยนะว่าถ้าเด็กใครได้ตำแหน่งดีกว่า คนนั้นจะได้เงินหมื่นไป...”



แม้จะรู้สึกเขินอายเมื่อต้องใส่ชุดว่ายน้ำลงสระที่สนามกีฬากลาง แต่เมื่อนึกถึงชีวิตที่จะต้องดีขึ้นในอนาคตแล้วน้ำผึ้งก็จำต้องยอมข่มความอายใส่ชุดว่ายน้ำชิ้นเดียวตามด้วยเสื้อคลุมญี่ปุ่นใส่หมวกเก็บผมใส่แว่นกันน้ำพรางหน้าตัวเองก่อนจะเดินออกมากห้องน้ำห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อยู่ข้างสระ

และพอถอดเสื้อคลุมแล้วน้ำผึ้งก็รีบโยนมันไว้บนเก้าอี้ว่างข้าง ๆ ตัวที่คชาพัฒน์นั่งอยู่ก่อนจะทะยานลงสระให้น้ำซ่อนรูปทรงของตน...คชาพัฒน์หัวเราะชอบใจที่เห็นว่าน้ำผึ้งนั้นสามารถฆ่าความเขินอายและพร้อมจะเดินไปบนเส้นทางล่าฝันกับตนทั้งที่ตอนแรกอิดออด ๆ
“ไหนคุยว่าว่ายน้ำเป็น ว่ายให้พี่ดูหน่อยซิ” คชาพัฒน์ร้องบอกไปเมื่อเห็นน้ำผึ้งลอยคออยู่ในน้ำไม่ยอมว่ายน้ำให้เป็นเรื่องเป็นราว

“ผึ้งอาย”

“มาจนถึงขั้นนี้แล้ว จะอายอะไร...เชฟเธอก็ดีอยู่นะ มีดีก็ต้องอวด”

“ผึ้งว่าผึ้งออกกำลังอายแบบอื่นดีกว่าพี่...มาครั้งนี้ครั้งเดียวพอแล้วเนอะ”

“ใส่ให้ชิน เดี๋ยวเข้ารอบขึ้นมาจะได้ไม่ต้องไปกระมิดกระเมี้ยนให้เสียคะแนน แต่ก็อย่ามั่นเสียจนเรียกว่าอล่างฉ่างล่ะ”

“ตรงนั้นมันไม่ได้นุ่งอยู่คนเดียวแบบนี้นี่พี่หน่อง”

ในสระว่ายน้ำของสนามกีฬากลางนี้ แม้จะมีคนมาใช้บริการเยอะแต่ก็เป็นเด็กผู้ชาย เด็กผู้หญิงซะเป็นส่วนใหญ่ หรือไม่ก็พวกผู้ชายกร้ามโต ที่เล่นกันอยู่อีกมุมหนึ่ง หาผู้หญิงสาวแทบไม่เจอสักคน

“ไหนว่ายน้ำให้ฉันดูก่อน ถ้าถูกท่าถูกทางฉันก็จะไม่ให้เธอมาอีกก็ได้...”

พอคชาพัฒน์บอกอย่างนั้นน้ำผึ้งจึงว่ายในท่าฟรีสไตล์ตัดสระตามแนวขวางไปแล้วก็ว่ายกลับ...

“ว่ายน้ำเป็นจริง ๆ นี่หว่า ขอเป็นท่ากรรเชียงได้เปล่า”

“ไม่เอา ผึ้งไม่ได้ไปแข่งว่ายน้ำซักหน่อย” น้ำผึ้งหน้างอเพราะตอนนี้ ผู้ปกครองที่มากับเด็ก ๆ เริ่มให้ความสนใจ...โดยเฉพาะสายตาของผู้ชายบางคนที่น้ำผึ้งรู้สึกว่าที่มายังสระว่ายน้ำนี้ไม่ใช่เพราะอยากให้ลูกว่ายน้ำได้หรอก...อยากจะดูของเจริญหูเจริญตาซะมากกว่า

“แต่เธอก็รู้ไม่ใช่รึว่าการว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด”

“ก็จริง”

“งั้นก่อนจะขึ้นเวทียอดพธูไทยก็สัปดาห์ละหนสองหนแล้วกัน...ครั้งนี้อาจจะยังเขิน ๆ แต่ครั้งต่อ ๆ ไป ดีไม่ดี เธออาจจะใส่ชุดว่ายน้ำมาตั้งแต่อยู่ที่บ้านเลยก็ได้...”

“บ้าแล้วพี่หน่อง” ว่าพี่เลี้ยงของตนไปแล้วน้ำผึ้งก็ขำกับมุกของคชาพัฒน์ขึ้นมา




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ค. 2556, 09:43:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ค. 2556, 09:43:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1818





<< 25.ผึ้งมันกตัญญูอย่างนี้ซินะ ถึงได้มีเรื่องดี ๆ เข้ามา   27.ชื่อก็หวานหน้าก็หวาน....มีแฟนหรือยังครับ >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 15 ก.ค. 2556, 09:44:34 น.
ไปทำบุญถวายเทียนเก้าวัดมาเอาบุญมาฝากครับ ////// หายไปสองวันมีใครคิดถึงน้ำผึ้งบ้านไหม...ขอเสียงหน่อยค่า.......///ขอบคุณจากทุก ๆ แรงในค้า


mottanoy 15 ก.ค. 2556, 10:16:37 น.
คิดถึงค้า


saralun 15 ก.ค. 2556, 10:58:05 น.
ส่งแรงใจให้ค่า


คิมหันตุ์ 15 ก.ค. 2556, 13:12:31 น.
วันนี้คุณศุกร์ หอบดอกไม้มาฝากก็ พอแล้ว อิิอิ


Zephyr 15 ก.ค. 2556, 15:55:43 น.
เหมือนเลี้ยงผึ้งให้โตไปพร้อมๆกับพี่หน่องเลย
ฮ่าๆๆๆ ส่งลูกเข้าเวทีประกวด อิอิ


เดิมเดิม 15 ก.ค. 2556, 16:36:55 น.
เป็นกำลังใจให้น้ำผึ้งกับพี่หน่องจ้า


nateetip 15 ก.ค. 2556, 17:15:33 น.
คิดถึงมากๆค่ะ


yapapaya 15 ก.ค. 2556, 22:02:12 น.
คิอถึงเช่นกันค่ะ


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:25:53 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account