น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 27.ชื่อก็หวานหน้าก็หวาน....มีแฟนหรือยังครับ

27.

แม้จะสูญเสียความมั่นใจไปบ้าง เพราะว่าตำแหน่งที่ได้มานั้นมี เบื้องลึกเบื้องหลังที่ไม่ค่อยโสภานัก แต่ว่าเมื่อตัดสินใจเดินไปบนเส้นทางที่คชาพัฒน์ช่วยขีดให้แล้วมีเรื่องดี ๆ อื่น ๆ เข้ามา น้ำผึ้งจึงตั้งใจฝึกฝนตัวเองอย่างไม่ย่อท้อ เพราะนอกจากจะมีเงินฝากธนาคารสำหรับเรียนต่อระดับชั้นปริญญาตรีแล้ว น้ำผึ้งก็ยังมีโอกาสเข้าวงการบันเทิง มีโอกาสใกล้ชิดวรรณศุกร์ เพราะผู้เป็นแม่ของเขาให้การสนับสนุน แต่น้ำผึ้งนั้นก็เจียมตัวอยู่เสมอว่า สายตาที่วรรณศุกร์มองมาหาตนตั้น คือสายตาของผู้ใหญ่ที่มองเด็ก คือสายตาของพี่ชายที่มองน้องสาว น้ำผึ้งจึงต้องสำรวมสายตาตัวเอง ไม่เผลอแสดงความรู้สึกจากส่วนลึกออกไปให้เขารู้สึกอึดอัด และเมื่อวางตัวไว้ดีแล้ว เมื่อยู่ใกล้ชิดกันยามเมื่อฝึกซ้อมดนตรี คนที่แอบลอบมองหน้าน้ำผึ้งอยู่บ่อย ๆ กลับเป็นวรรณศุกร์เสียเอง แต่เขาก็พยายามสำรวมใจไม่ให้วอกแวกไปกับดอกไม้แรกแย้มตรงหน้า...

และเขาเองก็จะไม่ยอมอยู่กับน้ำผึ้งตามลำพัง ทุกครั้งที่ซ้อมดนตรีอยู่ด้วยกันจะต้องมีคชาพัฒน์นั่งอยู่ด้วย และคชาพัฒน์เองก็ไม่ยอมทิ้งน้ำผึ้งให้ไกลตาเช่นกัน เมื่อรู้ว่าน้ำผึ้งนั้นเป็นที่หมายปองของสารวัตรทะนงศักดิ์และเพื่อนชายจนกระทั่งกลายเป็นว่าทั้งคู่นั้นอยู่เบื้องหลังความสำเร็จโดยหวังพิชิตความสาวน้ำผึ้งกินเงินเดิมพันกัน คชาพัฒน์ก็ยิ่งเป็นห่วงน้ำผึ้งเป็นอย่างมาก...

ส่วนภานุวัฒน์นั้นช่วงหลัง ๆ เขาไม่ค่อยได้กลับมาบ้านไพรและถึงกลับมาน้ำผึ้งก็ไม่ว่างจะคุยกับเขายืดยาว และถึงเขาจะโทรกลับมา น้ำผึ้งเองก็ไม่ยอมรับสายจากเบอร์ที่ไม่ได้รู้จัก จึงเป็นการบอกให้ภานุวัฒน์รู้ว่าตนเองนั้นไม่มีใจให้กับเขา...

และคนอย่างภานุวัฒน์น้ำผึ้งก็เชื่อว่าอีกไม่นานหรอกคงจะมีข่าวว่าเอาหัวใจไปฝากไว้ที่สาวคนไหน...

“เรียบร้อยแล้วจ้า...” ติดกิ๊บตัวสุดท้ายที่มวยผมซึ่งขอดเป็นทรงหอยสังข์แล้วคชาพัฒน์ก็ร้องบอกน้ำผึ้งที่อยู่ในชุดไทยเรือนต้นเสื้อแขนกระบอกยาวเลยศอกมาเพียงนิดสีชมพูอ่อนคอกลมกระดุมห้าเม็ด ผ้านุ่งนุ่งแบบป้ายหน้าสีเดียวกันแต่ตัดลายขวางด้วยสีน้ำเงินเข้ม

“สวยมากเลยผึ้ง” นัยนิตที่ยืนเล็งอยู่ใกล้ ๆ ร้องบอกเมื่อน้ำผึ้งแต่งตัว แต่งหน้า ทำผมเสร็จเรียบร้อย รอให้วรรณศุกร์ขับรถแวะมารับไปงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดเพื่อนของคุณนายวรรณีในค่ำคืนนี้...

“ถ่ายรูปไว้หน่อยซินิต” คชาพัฒน์ร้องบอก นัยนิตจึงรีบเปิดลิ้นชักหยิบกล้องดิจิทัลออกมา...และน้ำผึ้งเองนั้นเมื่อรู้ว่าตัวเองถ่ายรูปขึ้น หญิงสาวจึงรู้ยิ้มบาง ๆ สู้กล้องใช้ดวงตาที่แต่งแต้มสีสันบาง ๆ บนเปลือกตามองกล้องอย่างมีจริต...

“เดี๋ยวนี้เป็นงานขึ้นเยอะ” นัยนิตเอ่ยปากชมพลางกดชัตเตอร์...

น้ำผึ้งเองนั้นเมื่อรู้ว่า อนาคตข้างหน้าเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง หญิงสาวจึงแสวงหาความรู้จากการอ่านหนังสือบันเทิงทำความเข้าใจกับคำว่า แคตติ้ง เทสต์หน้ากล้อง ถ่ายแบบ เดินแบบ เล่นละคร ถ่ายละคร แล้วพยายามจดจำนำมาใช้เมื่อมีโอกาส...
เพราะเมื่อโอกาสมันมาแล้ว เธอจะปล่อยให้มันผ่านเลยไปไม่ได้...
หลังจากคชาพัฒน์ดันน้ำผึ้งเข้าไปในรถคันใหญ่ของวรรณศุกร์พร้อมกับกล่องใส่ขิมแล้ว คุณนายวรรณีที่นั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับลูกชายก็หันมาหา พร้อมกับส่งกล่องเครื่องประดับมาให้

“หน่องใส่ให้น้ำผึ้งหน่อย ให้ยืมนะ”

คชาพัฒน์รับมาแล้วเปิดกล่องดูทันทีทัน ในกล่องนั้นมีกำไล แหวน สร้อยคอ และต่างหูทองคำลงยาเข้าชุดกัน...

“คงจะแพงมาก”

“ซื้อมานานแล้วแหละ ตั้งแต่ศุกร์ยังเป็นเด็ก” คุณนายวรรณีนั้นเป็นลูกคนเดียวสมบัติตกทอดจึงมาอยู่ที่ตนทั้งหมด

“ผึ้ง กลัวทำหายจังเลยค่ะ” น้ำผึ้งบอกไปตามตรง

“ไม่หายง่าย ๆ หรอก ลงจากรถแล้วระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรมเขาดีเรื่องปล้นจี้ไม่มีแน่นอน แล้วที่ให้เธอใส่นะ น้อยกว่าบรรดาคุณหญิงคุณนายเขาขนประโคมกันมา”

วรรณศุกร์นั้นอยู่ในชุดสูทไม่ได้ผูกเนคไทสีเทาพอดีตัวเหลือบมองดูคชาพัฒน์ใส่สร้อยคอ ต่างหูให้กับน้ำผึ้ง พอมีเครื่องประดับใบหน้าของน้ำผึ้งก็เปลี่ยนไปอีกแบบ...

น้ำผึ้งเหมาะที่จะเป็นนางแบบมากกว่าดารานักแสดง เพราะว่ายามที่อยู่นิ่ง ๆ นั้นใบหน้าของน้ำผึ้งมีอารมณ์บางอย่างซ่อนอยู่...
“ใกล้ถึงงานประกวดนางนพมาศแล้ว หน่องรู้หรือยังว่าจวงจันทร์เขาจะไปหาเด็กที่ไหนมาขึ้นเวที” คุณนายวรรณีเอ่ยปากถามหลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำในห้องโดยสารอยู่นาน

“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่มั่นใจว่า พี่เจี๊ยบคงจะหานางงามแบ๊กดีเหมือนปีที่แล้วแน่ ๆ”

“แล้วผึ้งจะวืดไหมละเนี่ย”

น้ำผึ้งนั้นรู้อยู่เต็มอกว่า คนที่จวงจันทร์จะส่งคือใคร และอาจารย์นวลอนงค์ก็ขอร้องให้เธอยอมแพ้หรือถ้าเป็นภาษานักมวยก็เรียกว่าล้มมวย หากว่าเธอกับนงลักษณ์เข้ารอบตอบคำถาม ชิงที่หนึ่งกัน...

“ถ้าวืดขึ้นมาละก็หน่องเสียเดิมพันให้พี่เจี๊ยบแน่ ๆ”

“เท่าไหร่ล่ะ”

“หมื่นหนึ่งฮะ...นางงามใครได้ตำแหน่งสูงกว่าจะได้เงินพนันไป”

พอรู้ความจริงนี้แล้วน้ำผึ้งรู้สึกอึดอัดใจเต็มกำลัง...หากเธอแพ้จวงจันทร์จะได้เงินจากพี่หน่องไปหนึ่งหมื่นบาท หากเธอชนะนงลักษณ์ได้ นงลักษณ์ก็คงจะไม่คิดพัฒนาตัวเองเพื่อขึ้นเวทียอดพธูไทยอย่างที่อาจารย์นวลอนงค์ต้องการแน่ ๆ.....

‘ทีนี้ทำอย่างไรดีละน้ำผึ้ง’ น้ำผึ้งถามตัวเองอยู่ในใจ


คชาพัฒน์เป็นฝ่ายถือกล่องขิมให้น้ำผึ้งขณะเดินตามคุณนายวรรณีและวรรณศุกร์เข้าไปในห้องจัดเลี้ยง...และงานเลี้ยงในวันนี้เป็นงานเลี้ยงแบบบุพเพ่ ค็อกเทล เน้นความเป็นกันเองตามประสาเพื่อนฝูงกับคนในครอบครอบ แต่น้ำผึ้งสังเกตเห็นว่าเครื่องแต่งกายของแขกที่มาร่วมงานแต่ละคนนั้นไม่ได้เป็นกันเองอย่างที่คุณนายวรรณีบอกเลย...

“หาโอกาสแต่งตัวอวดร่ำอวดรวยกันน่ะผึ้ง พวกเศรษฐีบ้านนอกอ่ะ ไม่มีอะไรจะทำกัน” คชาพัฒน์กระซิบเบา ๆ...

“หน่อง หลานชาย น้ำผึ้ง หลานสาวค่ะ” เมื่อเพื่อน ๆ คนรู้จักเข้ามาทักทายคุณนายวรรณีที่เป็นคนพาน้ำผึ้งกับคชาพัฒน์มาก็จะแนะนำคนอื่น ๆ ให้รู้จักทั้งคู่แบบนี้...

“ชื่อก็หวานหน้าก็หวาน...มีแฟนหรือยัง”

“ยังค่ะ เพิ่งเรียนอยู่มอหกเอง”

“ต๊าย ดูเป็นสาวสะพรั่งเลยนะ”

“แต่งตัวขึ้นนะคะ เขาตัวสูงด้วย”

“แต่งตัวซะสวยเลย มีอะไรพิเศษหรือเปล่า” เรื่องการเล่นขิมผสมเปียโนของน้ำผึ้งกับวรรณศุกร์นั้นมีเจ้าภาพเท่านั้นที่รับรู้ ส่วนแขกคนอื่นๆ ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์...และงานนี้ทั้งคืนเจ้าภาพก็มีคอนเซ็บว่า เป็นคืนแห่งการเซอร์ไพรส์ เพราะนอกจากจะประกาศไม่รับของขวัญจากบรรดาแขกที่เชิญมาร่วมงานแล้ว ในระหว่างที่งานดำเนินไปก็ยังมีการจับฉลากแจกของขวัญให้กับแขกที่มาร่วมงานด้วยโดยวิธีการให้แขกลงทะเบียน และพิธีกรชายหญิงที่มาทำหน้าที่นี้ก็เป็นถึงดารานักแสดงตัวรอง ๆ ที่รับงานพิธีกรเป็นอาชีพเสริม...นอกจากนั้นยังมีการแสดงทั้งส่วนที่จ้างมาเฉพาะกับการแสดงจากผองเพื่อนที่อยากปล่อยแก่ตั้งแต่เริ่มงานไปจนกระทั่งงานเลิก

หลังจากทรุดตัวลงนั่งแล้ว คชาพัฒน์ก็สะกิดน้ำผึ้งที่มองไปบนเวที ซึ่งตอนนี้มีหญิงวัยเดียวกับคุณนายวรรณีอยู่ในชุดราตรียาวสีแดงเพลิงยืนร้องเพลงของสุนทราภรณ์อยู่...

“มีอะไรหรือพี่หน่อง”

“ไปหาอะไรกินกันเถอะ...ไม่เคยมางานแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”

“ไม่เคยหรอกค่ะ”

“ไปหัดเข้าสังคมไว้...คุณศุกร์จะไปด้วยกันไหม”

“ตามสบายเลยหน่อง ผมยังไม่หิวเท่าไหร่” ปากว่าไม่หิวแต่พอบริกรถือถาดเครื่องดื่มเดินผ่านมาวรรณศุกร์ก็คว้าแก้วค็อกเทลมาวางตรงหน้า โดยที่คชาพัฒน์กับน้ำผึ้งนั้นหยิบน้ำผลไม้มาวาง

และเมื่อพากันเดินดูอาหารที่จัดวางไว้อย่างสวยงามแล้ว คชาพัฒน์ก็หยิบคานาเป้ใส่จาน ตามด้วยผลไม้ ส่วนน้ำผึ้งนั้นแม้จะหิวเป็นอย่างมากแต่ด้วยรู้สึกว่าน้ำหนักจะเกินพอดีไปสองกิโลกรัมคชาพัฒน์จึงสั่งให้พยายามลดอาหารในช่วงเย็นและให้กินผลไม้แทน...แต่เมื่อมาเห็นอาหารหน้าตาไม่คุ้นตาแต่มีสีสันสวยงามน้ำผึ้งก็น้ำลายสอขึ้นมา

“พี่หน่องน่ากินทั้งนั้นเลย”

“วันนี้อนุญาตให้ตะกละหนึ่งวันแล้วกัน ลุยไปโลด...” คชาพัฒน์กระซิบกระซาบเบา ๆ...
และคณะที่น้ำผึ้งจะคีบหมูย่างบาบีคิวใส่จานในมือ เหล็กคีบอีกอันก็แย่งคีบไปเสียก่อน...น้ำผึ้งเงยหน้า มอง...เจ้าของเหล็กคีบอันนั้นเป็นผู้ชายวัยยี่สิบต้น ๆ ผมทรงรากไทรยิ้มกว้างให้ก่อนจะเอ่ยปากบอกว่า

“ขอโทษที ผมลืมดูไปว่าคุณก็อยากได้ไม้นี้”

“ไม่เป็นไรค่ะ” น้ำผึ้งตอบสั้น ๆ แล้วก็คีบไม้บาบีคิวไม้ที่วางอยู่ริมสุดมาใส่จาน หลังจากนั้นก็เลือกคานาเป้ใส่จานอีกห้าหกชิ้นก่อนจะถือจานกลับมาที่โต๊ะ...

“คุณศุกร์จะกินอะไรไหมคะ เดี๋ยวผึ้งไปเอามาให้” ทรุดตัวลงนั่งแล้วน้ำผึ้งก็เอ่ยปากถามเขาที่นั่งพิงเก้าอี้ด้วยทีท่าสบาย ๆ

“ตามสบายเลยผึ้ง”

“ไว้หุ่นเหรอฮะ” คชาพัฒน์ร้องถาม วรรณศุกร์ลูบท้องตัวเองเบา ๆ...

“อายุมากขึ้น ๆ ต้องระวังตัวเองหน่อย ลงพุงขึ้นมาแล้วลดไม่ได้ละน่าเกลียดแย่”

“เดี๋ยวใส่ชุดแต่งงานไม่สวยใช่ป่ะ” เผลอพูดออกไปแล้วคชาพัฒน์ก็นึกอยากจะตบปากตัวเอง น้ำผึ้งได้ยินประโยคนั้นอย่างชัดเจน ใจที่รู้ดีว่าอย่างไรเขาจะต้องแต่งงานกันในที่สุดและคิดว่ายอมรับได้ก็พลันเจ็บแปลบ ๆ ขึ้นมา แต่ก็ไม่มากเสียจนท้องไม่ยอมรับอาหารตรงหน้า...

“เด็กกำลังโต กำลังกิน กำลังนอน” คชาพัฒน์แซวน้ำผึ้ง

“มีโอกาสจะพาไปกินพวกบุพเฟ่แพง ๆ กินเก่ง ๆ แบบนี้คุ้ม” วรรณศุกร์มองน้ำผึ้งที่นั่งหลังตรงเคี้ยวอาหารพลางยิ้มนิด ๆ ให้เขา

“หลังจากผึ้งได้ตำแหน่งนางนพมาศบ้านไพรแล้วกันนะฮะ” คชาพัฒน์รีบพูดเอาประโยชน์และให้ความหวังกับน้ำผึ้ง...แต่น้ำผึ้งนั้นรู้ดีว่า งานนี้คชาพัฒน์เจอ ‘ตอ’ เช่นปีก่อนเสียแล้ว จึงพูดเอาประโยชน์ของตัวเอง

“ถ้าผึ้งไม่ได้ก็อดนะซิ”

“ไม่ได้ก็จะพาไปเลี้ยง” วรรณศุกร์ยืนยันความตั้งใจ...

“ไม่ได้ ไม่ได้ อย่างไรก็ต้องได้” คชาพัฒน์รีบพูดแก้เอาเคล็ด



งานในค่ำคืนนี้นอกจากจะมีจับสลากแจกรางวัลให้กับผู้มาร่วมงาน เจ้าภาพยังมีกติกาสำหรับคนส่งกิจกรรมมาร่วมโชว์บนเวที โดยจะมีสิทธิ์หยิบเสี่ยงโชคจับสลากรับของรางวัลที่มีมูลค่าสูงสุดคือทองคำหนักหนึ่งบาทและต่ำสุดก็คือปลากระป๋องหนึ่งแพ็ค...และโชว์แรกที่เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดให้กับแขกผู้มีเกียรติที่นั่งบ้าง ยืนจับกลุ่มคุยกันบ้าง ก็ได้แก่โชว์จากกลุ่มเพื่อนสาว(เหลือ)น้อย ของเจ้าภาพที่ออกมาเต้นเป็นหางเครื่องประกอบเพลงลูกทุ่ง ซึ่งมีจำนวนถึงหกคน...และหลังจากโชว์ชุดนั้นเสร็จสิ้น...นักแสดงก็จับสลากลุ้นรางวัลกันไปเลย...
โชว์ชุดถัดมาเป็นโชว์ที่น้ำผึ้งคิดว่าไม่ถึงว่าจะเป็นโชว์จากผู้ชายคนที่แย่งคีบบาบีคิวไม้นั้นไปตัดหน้าเธอไป พิธีกรประกาศว่าเขาเรียนบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เป็นบุตรชายของคนที่สองของพ่อที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายของเจ้าภาพ...

“ถ้าพร้อมแล้วพบกับน้องก้องเกียรติกันเลยค่ะ”

ไฟบนเวทีลาแสงลงแล้วที่กึ่งกลางเวทีก้องเกียรติที่อยู่ในชุดกางกางยีนพอดีตัวเสื้อเชิ้ตปล่อยชายสีเทา
รองเท้าผ้าใบถือแซคโซโฟนยืนยิ้มให้เสียงปรบมือที่ดังกึกก้อง ดนตรีจากวงแบ๊กอัพที่อยู่ด้านหลังเวทีเริ่มต้น...
น้ำผึ้งไม่รู้หรอกว่า น้องก้องเกียรติของพี่ป้าน้าอาในงานนั้นเล่นเพลงอะไรเพราะไม่คุ้นกับทำนองเพลง แต่ คชาพัฒน์ที่เกิดมาก่อนและสนใจเพลงดนตรีสากลอยู่ก็บอกว่า

“เพลง My heart”

แม้จะไม่รู้จักเนื้อเพลงหรือว่าเคยได้ยิน แต่โดยมารยาทน้ำผึ้งก็นิ่งฟังเช่นเดียวกับวรรณศุกร์...และขณะทั้งคู่นั่งนิ่ง ๆ อยู่นั้น...คุณนายวรรณีก็เดิน
กลับมากระซิบบอกกับวรรณศุกร์...

“เดี๋ยวจะมีอีกชุด แล้วก็จะเป็นของศุกร์นะ ไปรอด้านหลังเวทีเลยแล้วกัน”...

“ครับ...ไปผึ้ง”...

ปีที่แล้ววรรณศุกร์เคยมาเดี่ยวเปียโนในงานวันเกิดเพื่อนของแม่คนนี้มาแล้ว...ดังนั้นปีนี้เขาจึงไม่อิดออดเมื่อแม่ถามเขาว่า เปียโนกับขิมเล่นด้วยกันได้ไหม...

เพราะนอกจากจะทำให้แม่มีความสุขที่ได้พาลูกชายมาออกงานได้ เขาเองก็พอใจที่ได้รู้จักกับเพื่อนฝูงของแม่ไว้บ้างเช่นกัน แต่ว่า ถ้าบ่อยเกินไปนักเขาก็ต้องขอตัวเหมือนกัน...ซึ่งคุณนายก็พอจะรู้จังหวะรู้ใจลูกชายของตนเป็นอย่างดี...


หลังจากก้องเกียรติเล่นเล่นแซคโซโฟนแล้วพิธีกรก็ให้เขาจับสลากรับของรางวัลซึ่งเขาจับได้เป็นกล่องของขวัญ โดยที่คนรับและคนที่ดูอยู่ไม่รู้ว่าคืออะไร...

“สรุปว่าทองคำหนักหนึ่งบาทก็ยังคงอยู่...ลำดับต่อไปเป็นการแสดงที่ทุกคนเคยดูแล้ว แต่ว่า ทางเจ้าภาพอยากให้ดูอีก...เป็นการแสดงมายากลจากคุณวิเชียร พันเจริญรัตน์และคณะค่ะ”...

หลังพิธีกรกล่าวเปิดตัวคนที่ขึ้นไปแสดงความสามารถ ไฟบนเวทีก็ลาแสงลงอีกครั้ง ดนตรีกระชั้นกระทั่งไฟบนเวทีสว่างจ้า...แล้วร่างของคุณวิเชียรก็เด่นอยู่บนเวที เขาแสดงมายากลไปเป็นเวลาเกือบสิบนาที...

และแต่ละโชว์ของเขาก็เรียกเสียงปรบมือได้อยู่ตลอดเวลา

น้ำผึ้งที่ยืนเกาะผ้าม่านดูอยู่นั้นพยายามที่จับผิดให้ได้ แต่ก็จับไม่ได้...

“จะถึงคิวเราแล้วนะผึ้ง” ขิมที่น้ำผึ้งจะเล่นนั้น มีเจ้าหน้าที่มารับไปจากคชาพัฒน์ ส่วนเปียโนเป็นของโรงแรมที่ฝ่ายจัดฉากจัดการแสดงจะเป็นคนจัดการหามาให้วรรณศุกร์...

น้ำผึ้งสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความกล้า ในขณะเดียวกันกลิ่นน้ำหอมที่วรรณศุกร์ใช้อยู่ประจำก็เข้าไปอัดแน่นอยู่เต็มทรวงด้วย

“ตื่นเต้นเหมือนกันนะคะ...”

“หายใจเข้าปอดลึก ๆ”

“คนเยอะเหมือนกัน เขารวยอะไรคะเนี่ย”

“ก็เป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ แล้วก็เป็นเจ้าของตลาดสด เป็นเจ้าของตึกแถว หมู่บ้านจัดสรร มีห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นด้วยหรือเปล่าไม่รู้นะ รู้แต่ว่าเขารวยมากแล้วกัน”

“น่าอิจฉา”

“แต่บางทีคนรวยเขาก็ไม่ได้มีความสุขหรอกนะผึ้ง...”

“แล้วคุณศุกร์เคยทุกข์แบบคนจนไหมละคะ” น้ำผึ้งแกล้งย้อนเขาเล่น ๆ ผลก็เลยโดนมะเหงกเขกลงที่กลางศีรษะเบา ๆ...




“สำหรับรายการต่อไปเป็นรายการโชว์จากบ้านไพร...โดยคุณวรรณศุกร์ รัตนะไพรวัลย์ และน้องน้ำผึ้งนางสาวกัญชพร ไพรวัลย์ เจ้าของตำแหน่งธิดากระท้อนหวานปราจีนบุรีคนล่าสุด โชว์นี้คุณนายวรรณี รัตนไพรวัลย์จากตำบลบ้านไพรภูมิใจเสนอเป็นอย่างยิ่ง เชิญรับฟังรับชมได้เลยครับ...”

สิ้นเสียงพิธีกรชาย ไฟตรงกลางเวทีก็สว่างจ้าเผยให้เห็นวรรณศุกร์นั่งอยู่หลังแกรนด์เปียโน หลังจากปลายนิ้วมือของวรรณศุกร์ที่พรมลงบนคีย์บอร์ด เสียงเพลงเสน่หาก็ดังขึ้น เรียกเสียงปรบมือดังเกรียวกราวและเมื่อวรรณศุกร์เล่นเพลงไปได้ช่วงหนึ่ง ไฟโฟโล่อีกดวงก็สว่างขึ้นเผยให้เห็นน้ำผึ้งที่อยู่ในชุดไทยเรือนต้นนั่งพับเพียบตีขิมอยู่บนตั่งด้วยสีหน้าอ่อนโยน...เสียงปรบมือชอบใจดังขึ้นอีกครั้ง...ท่วงทำนองจากเปียโนและขิมสอดประสานไปด้วยกันจนกระทั่งเพลงเสน่หาจบลง

...และเพลงถัดมาซึ่งเป็นเพลงที่น้ำผึ้งจะเป็นฝ่ายใช้ขิมเริ่มต้นก่อนที่เปียโนจะรับจังหวะก็คือ เพลงจันทร์...และเพลงนี้ผู้ฟังที่อยู่ในห้องหลาย ๆ ท่านก็ชื่นชอบกันเป็นพิเศษอยู่แล้ว...จึงเรียกเสียงปรบมือได้อย่างง่ายดาย

‘จันทร์คืนแรม วับแวมอยู่บนปลายฟ้า คงล้าอ่อนแรง ทอแสงแหว่งเว้าครึ่งดวง คืนเหงามันเศร้ามันซึมในทรวง จันทร์เพียงครึ่งดวง คล้ายจันทร์เจ้ารอใคร...จันทร์คืนแรม วับแวมมีเพียงครึ่งใบ คงดังกับใจฉันที่มีเพียงครึ่งดวง คอยรักที่จักเติมเต็มในทรวง โอ้ใจครึ่งดวง เฝ้ารอมาเนิ่นนานฯ’

และเมื่อวรรณศุกร์บรรเลงเพลงจบลงทั้งคู่ก็ออกเดินมาหาพิธีกรที่ขึ้นมาขอเสียงปรบมือให้กับทั้งคู่อีกครั้ง...

“เพราะมาก ๆ...เลยครับ”

“อยากรู้ว่าใช้เวลาซ้อมนานเท่าไหร่ค่ะ” พิธีกรหญิงสัมภาษณ์

“ไม่กี่วันหรอกครับ” วรรณศุกร์เป็นฝ่ายตอบ

“ได้ยินมาว่าฝ่ายหญิงกำลังจะไปขึ้นเวทียอดพธูไทยในฐานะที่ดิฉันเองก็เคยผ่านการประกวดนางงามมาเหมือนกัน”

“นางงามอะไรครับ” พิธีกรชายแสร้งไม่รู้

“นางงามจักรยานค่ะ”

“น้องน้ำผึ้งสวยมาก ชุดเหมือนพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเลย...ถ้าไม่ได้เป็นนางงามก็ขอให้ได้เป็นแอร์โอสเตสนะคะ”
น้ำผึ้งยิ้ม ๆ...

“งั้นเชิญทั้งคู่ไปจับสลากดีกว่าครับ...เพราะค่ำคืนนี้ คิวการแสดงของเรายังมีอีกเยอะมาก ๆ...” พิธีกรชายเดินนำไปยังกล่องใส่สลากที่อยู่ข้างโต๊ะของรางวัล วรรณศุกร์ผายมือให้น้ำผึ้งเป็นคนล้วงเข้าไปในกล่องก่อน หลังจากนั้นตัวเองก็ล้วงตาม ตั้งแต่ทั้งคู่เริ่มต้นแสดงเรียกแสงแฟลชและเลนส์กล้องนั้นแม้ตอนจับฉลากตากล้องที่เจ้าภาพจ้างมารวมถึงแขกที่มาร่วมงานต่างก็เก็บภาพของทั้งคู่ไว้ ด้วยเห็นว่าผู้ชายก็หน้าตาดีและผู้หญิงก็ดูสวยแปลกตา...

น้ำผึ้งส่งสลากในมือที่พับเป็นรูปดาวไปให้พิธีกรชาย...และเมื่อเขาแกะออกดูก็ถึงกับตาลุกวาว...

“และแล้ว เราก็ได้ผู้โชคดีในค่ำคืนนี้แล้วครับ...น้องน้ำผึ้งทำบุญมาด้วยอะไรเนี่ย”

“ทำไมเหรอคะ” น้ำผึ้งเริ่มใจเต้นโครมครามด้วยกลัวว่าจะถูกอำให้ดีใจ...และถ้าได้รางวัลใหญ่จริง ๆ มันคงเป็นเรื่องปาฏิหาริย์สำหรับเธอแน่ๆ

“ถามก่อนว่าทำบุญมาด้วยอะไร” พิธีกรชายถามซ้ำอีกครั้งเพื่อให้คนทั้งงานนั้นลุ้นไปกับผลรางวัลในมือของเขา พิธีกรหญิงยื่นไมคโครโฟนไปจ่อปากน้ำผึ้งให้ตอบ

“บอกตามตรงก็ได้ค่ะ ผึ้งไม่ค่อยได้ทำบุญหรอกค่ะ ถ้าทำก็เป็นตักบาตรตอนเช้าเป็นบางวันเท่านั้น เพราะว่าต้องรีบไปโรงเรียน กับตื่นไม่ค่อยทันพระบิณฑบาตร” น้ำผึ้งตอบไปตามประสาซื่อ

“นี่แค่ทำบุญตักบาตรในตอนเช้าเป็นนางวันนะครับ และถ้าทำบุญทุกวัน ๆ อะไรจะเกิดขึ้น...”

“สรุปว่าไงคะ” พิธีกรหญิงรวบรัดด้วยน้ำเสียงใคร่รู้

“สรุปว่าน้องน้ำผึ้งเป็นผู้โชคดีที่สุดในค่ำคืนนี้.....เธอได้รางวัลเป็นทองคำหนักหนึ่งบาทครับ”

เพียงเท่านั้นก็เรียกเสียงปรบมือพร้อมกับเสียงร้องวี๊ดวายจากคนที่อยู่ในห้อง...น้ำผึ้งนั้นรู้สึกดีใจยิ่งกว่าตอนที่ได้รางวัลธิดากระท้อนหวานเสียอีกเพราะถือเป็นลาภลอยครั้งแรกในชีวิตที่ไม่เคยนึกฝันไว้


ลงจากเวทีมาแล้วน้ำผึ้งที่คล้องทองเส้นใหม่โดยท่านเจ้าของงานถูกเชิญให้ขึ้นไปมอบเป็นกรณีพิเศษก็ยิ่งเป็นที่จับตามองของคนอื่น ๆ...บ้างก็มาขอถ่ายรูปคู่ด้วย กระทั่งการแสดงบนเวทีในชุดต่อ ๆ มาดำเนินผ่านไป...น้ำผึ้งที่นั่งอยู่กับคชาพัฒน์และวรรณศุกร์ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะหมายจะไปที่โต๊ะอาหาร แต่ว่าขณะกำลังจะก้าวขา น้ำผึ้งก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อของเธอ น้ำผึ้งหันไปยังที่มาของเสียงพบว่าเป็นหลานชายเจ้าของงานที่พิธีกรเรียกว่า ‘น้องก้อง’ ซึ่งน่าจะมีอายุมากกว่าเธอเพราะว่าเขาเรียนอยู่ระดับปริญญาตรีแล้ว

“คะ”

“เล่นขิมได้เก่งมากเลยครับ”

“ค่ะ”

“ผมก้องครับ ก้องเกียรติ กิตติกรสวัสดิ์ ครับ”

พอถูกชายหนุ่มแนะนำตัวเองด้วยชื่อและนามสกุลอย่างเป็นทางการ น้ำผึ้งก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาและสายตาที่วรรณศุกร์มองมาหาแล้วเมินหน้าหนีนั้น ก็ทำให้น้ำผึ้งรู้สึกว่าเธอไม่ควรให้โอกาสผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น

“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ...แต่ขอโทษนะคะ ผึ้ง ผึ้ง ผึ้งเอ่อ กำลังจะไปห้องน้ำ...ขอตัวก่อนค่ะ” บอกเขาแล้วน้ำผึ้งก็ผละหนีเขาไปทันที



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ค. 2556, 08:00:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ค. 2556, 08:00:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1866





<< 26.ดีใจกับเธออีกครั้งนะผึ้ง   28. “ยายเด็กโง่เล่นตัวไม่ไม่รู้กาลเทศะ” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 16 ก.ค. 2556, 08:01:13 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ


เดิมเดิม 16 ก.ค. 2556, 08:55:43 น.
คู่แข่งคุณศุกร์มาแล้ว น้ำผึ้งวางตัวให้งามดีแล้วจ้า


nateetip 16 ก.ค. 2556, 09:58:57 น.
น้องน้ำผึ้งงงงงง...เป็นเด็กดีอย่างนี้ไปเรื่อยๆนะคะ น่ารักจัง


คิมหันตุ์ 16 ก.ค. 2556, 10:53:49 น.
ตายๆ ตัวละครเพิ่มมาอีกละ คุณศุกร์เอาไง? อิอิ


mottanoy 16 ก.ค. 2556, 11:42:13 น.
หวานจัง


nunoi 16 ก.ค. 2556, 11:51:34 น.
คู่แข่ง มาอีกหนึ่งหนุ่ม คุณศุกร์จะรู้สึกยังไงน๊าาา


Zephyr 16 ก.ค. 2556, 19:42:51 น.
ฮ่าๆๆๆๆ แหม จะไปห้องน้ำอะไรตอนนี้ กรี๊ดดดดดดดดดดด
น่ารักสุดๆ ตาก้องนี่จะทำให้คุณศุกร์กระดิกบ้างมั้ยนะ
แอร์โฮสเตส อย่าเพิ่งตอนนี้เลย นางมารยังเป็นอยู่เดี๋ยวใช้เส้นสายรังแกน้อง ไม่เอาๆๆ
ให้ผึ้งเป็นยอดพธูไทยก่อนเถอะ


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:25:45 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account