น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 28. “ยายเด็กโง่เล่นตัวไม่ไม่รู้กาลเทศะ”

28.
“ยายเด็กโง่เล่นตัวไม่ไม่รู้กาลเทศะ” คชาพัฒน์ว่าให้หลังจากที่น้ำผึ้งเดินกลับมานั่ง...

“ทำไมละพี่”

“รู้ไหมว่าน้องก้องเขาเป็นใคร”

“ไม่รู้ค่ะ”

“เขาอุตส่าห์เข้ามาทักก็น่าจะคุยกับเขา วิ่งหนีไปซะได้ เลยไม่รู้กันว่าเขาเข้ามาหาทำไม”

น้ำผึ้งเสไปมองกิจกรรมบนเวทีแทนการปั้นเรื่องบอกเหตุผล...และที่นั่งที่เคยเป็นที่ของวรรณศุกร์ก็ปราศจากตัวเขาเสียแล้ว...น้ำผึ้งกวาดตามองหา ก็เห็นว่าเขายืนอยู่กับกลุ่มผู้ชายหลากอายุที่มุมหนึ่งของห้องสีหน้าระหว่างเจรจาพาทีนั้นบอกให้รู้ว่าคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี...

“พี่ว่าน้องก้องเขาสนใจผึ้งแน่ ๆ”

“พี่หน่องผึ้งหิว ลุกไปตักอาหารมาให้หน่อยซิ”น้ำผึ้งรีบเปลี่ยนเรื่องคุย คชาพัฒน์จึงทิ้งค้อนให้ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังมุมที่วางอาหาร คราวนี้น้ำผึ้งจึงนั่งอยู่ตามลำพัง...

“น้องผึ้ง” ก้องเกียรติ เดินเข้ามาจับพนักเก้าอี้ตัวที่คชาพัฒน์เป็นเจ้าของ น้ำผึ้งเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มแหย ๆ ให้...

“ขอนั่งด้วยได้ไหม”

“เอ่อ...นั่งได้ค่ะ”

“ได้ยินว่าเรียนอยู่ชั้นม.6 ใช่ไหม”

“ค่ะ”

“เล่นขิมมานานหรือยัง”

“เล่นตั้งแต่ป.4 ป.5 ป. 6 แล้วก็หยุดเล่นไปห้าปี เพิ่งกลับมาจับใหม่นี่แหละค่ะ” น้ำผึ้งตอบยืดยาวโดยสายตาก็พยายามไม่สบกับตาดวงกลมที่น้ำผึ้งอ่านไม่ออกว่ามันกำลังจะสื่ออะไรของเขา

“เล่นเก่งนะ”

“แค่พอเล่นได้เป็นบางเพลงค่ะ”

“แล้วเป็นอะไรกับคุณป้าวรรณี”

“เอ่อ...เอ่อ...” น้ำผึ้งอึก ๆ อัก ๆ เพราะว่า ก่อนหน้านั้น คุณนายวรรณีแนะนำกับคนอื่น ๆ ว่าตัวเองเป็นหลาน ทั้งที่สืบเชื้อสายไปทางพ่อหรือแม่ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย และถ้ายอมรับความจริง คุณนายวรรณีก็จะได้ชื่อว่าโกหกคนอื่นเสียอีก...แต่ถ้ารับสมอ้างว่าเป็นหลาน น้ำผึ้งก็รู้สึกกระดากปาก...

“ญาติห่าง ๆ ค่ะ” น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในยามนี้

“จบหกแล้วจะไปต่อที่ไหน”

“ราชภัฏค่ะ”

“ทำไมไม่เอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพ”

น้ำผึ้งเริ่มอึดอัดกับคำถามที่รุกเร้าเข้ามา ไม่เข้าใจว่า เขาอยากจะรู้จักกับเธอไปทำไมกัน น้ำผึ้งภาวนาให้คชาพัฒน์เดินกลับมาเร็ว ๆ จะได้ช่วยกันนายก้องเกียรติให้ไปไกลๆ จากชีวิตของเธอ...เพราะเขาไม่มีวันเข้าใจความเป็นตัวตนของเธอหรอกว่า ที่มาในวันนี้นั้น ไม่ได้มาเพราะมีชาติตระกูลสมกับการเป็นแขกของเจ้าภาพ แต่เธอมาเพราะความสามารถกับโอกาสที่มันผ่านเข้ามา...

“เอ่อ...ขอไม่ตอบได้ไหมคะ” ใบหน้าน้ำผึ้งเริ่มนิ่งขึ้น เพราะเมื่อคิดได้ว่าไม่อยากคุยกับเขา แล้วทำไมเธอจะต้องตอบคำถามเขาด้วย...เขาเองก็เหมือนจะอ่านสีหน้าออกเขาจึงยืดตัวขึ้นแล้วสูดลมหายใจเข้าปอด

“อยากทานอะไรอีกไหม ผมจะไปตักมาให้”

“พี่หน่องไปตักให้แล้วค่ะ”

“พี่หน่องนี่เป็นใคร” เขายังไม่วายแสดงความสงสัยออกมา

“เป็นพี่เลี้ยงค่ะ”

“ทำไมต้องมีพี่เลี้ยงด้วย”

น้ำผึ้งเชิดหน้าขึ้นสูดลมหายใจเข้าปอดเริ่มขุ่นใจกับคำถามรุกเร้าของเขา...เขาจะถามเอาอะไร เขาจะอยากรู้จักเธอไปทำไม...และน้ำผึ้งก็เริ่มโกรธคชาพัฒน์ที่เหมือนกับว่าจะไปจมอยู่กับถาดอาหารหลังจากที่มองเห็นว่านายก้องเกียรติเดินเข้ามาหาเธอ...“ขอไม่ตอบได้ไหมคะ” น้ำผึ้งใช้คำตอบเดิม...

“ได้ซิ...”

“มีอะไรอยากรู้อีกคะ” น้ำเสียงของน้ำผึ้งห้วนขึ้น

เขายักไหล่ในทันทีก่อนจะถามว่า

“น้องมีแฟนหรือยัง”

“ยังค่ะ”

“ไม่น่าเชื่อนะ สวยแบบนี้ไม่มีแฟนได้ไง”

“ยังไม่อยากมีค่ะ”

“ขอเบอร์โทรไว้ได้ไหม อยากคุยด้วยอีก”

คราวนี้น้ำผึ้งยกมือมาเกาท้ายทอย อยากจะถามเขาแบบกวน ๆ กลับไปตามประสาวัยรุ่นว่า เอาเบอร์รองเท้าไปแทนได้ไหม สติก็เหนี่ยวรั้งว่า เขาคือ หลานชายเจ้าภาพผู้มั่งคั่ง และถ้าคชาพัฒน์รู้ว่าเธอ ถามไปแบบนั้นคชาพัฒน์จะต้องบีบคอเธอแน่ ๆ...

“เอ้า มีเลขอะไรบ้างบอกมา” เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูตรเตรียมบันทึกเบอร์...

“ผึ้งให้ไม่ได้ค่ะ”

เขาหย่อนโทรศัพท์เก็บไว้ทันที “เล่นตัวแบบนี้ พี่ยิ่งชอบ รู้ไหม”

“งั้นผึ้งขอตัวก่อนนะคะ” ว่าแล้วน้ำผึ้งก็ลุกขึ้น แต่ว่าเขาก็รั้งมือไว้ น้ำผึ้งจ้องหน้าเขาตาขวางและด้วยความสูงไล่เลี่ยกันเขาจึงทำตาพร้อมจะลองดีกับน้ำผึ้งตามประสาคนที่ถูกตามใจจนเคยตัว...

“ปล่อยผึ้ง” น้ำผึ้งขืนแขนตัวเอง...

“คุยกันก่อนซิครับ...จะรีบไปไหน”

“น้ำผึ้งทรุดตัวลงนั่ง” หน้าตาบึ้งตึงเชิดขึ้น.....

“ผึ้ง” แล้ววรรณศุกร์ก็เดินกลับมาทรุดตัวลงนั่งที่เดิมของตน...

“สวัสดีครับพี่ศุกร์...” ก้องเกียรติยกมือไหว้วรรณศุกร์ด้วยอาการนอบน้อมผิดนายก้องเกียรติคนเมื่อครู่

เมื่อเห็นว่าวรรณศุกร์น่าจะคุยอะไรกับเขาก็ได้ น้ำผึ้งจึงรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปหาคชาพัฒน์...

โดยน้ำผึ้งสรุปเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า ผู้ชายไม่ว่าจะหน้าตาดีเพียงใด ฐานะดีแค่ไหน การศึกษาสูงเพียงใด ก็ไม่ควรเหมารวมเอาว่า เขาจะเข้ามาหาด้วยความปรารถนาดี...



วันที่ไปเล่นขิมผสานเสียงกับเปียโนในวันคล้ายวันเกิดของคหบดีใหญ่ประจำจังหวัด ตากล้องวีดีโอที่เจ้าของงานได้จ้างไปบันทึกภาพการแสดงในวันนั้นไว้ ได้ตัดต่อโพสต์ลงเว็บ you tube ทำให้น้ำผึ้งเป็นที่กล่าวถึงในหมู่เพื่อนนักเรียนและคณะครูในโรงเรียน และนงลักษณ์เองก็เปิดคลิปนั้นดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า...จนกระทั่งหญิงสาวมีความคิดที่ว่า ไม่ควรจะขึ้นเวทีนางนพมาศวัดบ้านไพรที่จะถึงนี้แข่งกับน้ำผึ้ง เพราะตอนนี้กระแสความนิยมชมชอบในน้ำผึ้งนั้นดีเป็นอย่างมาก...

“แม่ เรื่องเวทีนางนพมาศ หนูขอไม่ขึ้นนะ” นงลักษณ์เดินเข้าไปหาแม่ที่นั่งตรวจการบ้านอยู่

นวลอนงค์ถอดแว่นตาแล้วมองหน้าลูกสาว

“ทำไมล่ะ”

“คือ...อย่าให้หนูต้องแข่งกับผึ้งเลย อย่างไรหนูก็แพ้”

“ไม่แพ้หรอก แม่กรุยทางไว้หมดแล้ว” แม่บอกแค่นี้นงลักษณ์ก็เข้าใจว่า เรื่องเส้นสายในเวทีเล็ก ๆ นั้นแม่ของตนทำได้แน่ ๆ เพราะเมื่อปีที่แล้วจวงจันทร์ยังพาศุภวารีชนะเด็กที่พี่หนิงหน่องหามาได้ ปีนี้ก็คงจะซ้ำรอยเดิม “แต่หนูไม่อยากขึ้นแล้ว หนูกลัวผึ้งจะโกรธหนู”

“ผึ้งเขารู้อยู่แล้วว่าหนูจะขึ้น แม่บอกกับเขาแล้ว”

“จริงหรือแม่” น้ำผึ้งนั้นยังทำตัวปกติ ยังไปไหนมาไหนในโรงเรียนด้วยกัน ไม่เคยแสดงอารมณ์ขุ่นมัวที่รู้ว่าคู่แข่งบนเวทีบ้านไพร จะเป็นนงลักษณ์เพื่อนสนิทคนนี้

“จริง ผึ้งเขาเข้าใจ”

“ทำไมล่ะ”

“เวทีนางนพมาศบ้านไพรมันจะได้มีสีสัน แล้วแม่ไม่อยากให้ผึ้งเขาโกรธหนู หรือคิดว่าหนูเป็นคู่แข่ง...แม่ก็เลยทำความเข้าใจกับเขาไว้ก่อน...พรุ่งนี้เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วแวะไปหาพี่เจี๊ยบ พี่เจี๊ยบเขาจะแนะนำ เทคนิคต่าง ๆ บนเวทีเอง”

“แต่หนู...”

“รู้ไหมว่าถ้าหนูแพ้แม่ต้องจ่ายเงินให้หน่องเขาเท่าไหร่”

“อะไรนะ”

“งานนี้มีการเดิมพันกันนะ หลักหมื่นเชียว” นวลอนงค์ดึงเรื่องที่จวงจันทร์ไปพนันกับคชาพัฒน์มาเป็นเรื่องของตนเสีย เพราะรู้ว่าลูกสาวคงจะนึกเสียดายเงินของตนแน่ ๆ

“ทำไมเยอะขนาดนั้นล่ะ”

“พี่หน่องเขามั่นใจว่าผึ้งต้องได้น่ะ เขาไม่รู้หรอกว่า พี่เจี๊ยบจะส่งใครขึ้น ทีนี้ก็เลยมีการพนันกันเกิดขึ้น เด็กใครได้ตำแหน่งดีกว่า คนนั้นรับเงินหนึ่งหมื่นบาทไป แล้วพี่เจี๊ยบเขาโยนเรื่องพนันนี้มาให้แม่เพราะเขาไม่มีตังค์...”

นงลักษณ์จำได้ดีว่าเมื่อครั้งที่น้ำผึ้งไปขึ้นเวทีกระท้อนหวาน พี่เจี๊ยบเสียเงินเดิมพันให้พี่หน่องไปถึงสองพันบาทเพราะว่าเด็กของพี่เจี๊ยบได้ที่ห้า...

“แล้วแม่คิดว่าหนูจะชนะผึ้งหรือคะ”

“ชนะซิ...กรรมการก็รู้จักกันทั้งนั้น อย่างไรพวกเขาก็ต้องเห็นกับพ่อ กับแม่ กับผอ. ที่ทำงานร่วมกันมาเยอะแยะ แล้วอีกอย่างน้ำผึ้งเป็นใครล่ะ แค่ลูกแม่ค้า” นวลอนงค์ไม่คิดจะบอกกับนงลักษณ์หรอกว่าตนนั้นได้คุยกับน้ำผึ้งแล้วว่าที่น้ำผึ้งต้องยอมแพ้ให้นงลักษณ์นั้นเพื่ออะไร

“แต่มันไม่ยุติธรรมกับผึ้ง”

“แล้วหนูสวยน้อยกว่าผึ้งเขาหรือเปล่า ตัวเตี้ยแบบพี่เอื้อยเขาหรือเปล่าล่ะ” ปีที่แล้วศุภาวารีค้านสายตาคนดูก็เพราะตัวเตี้ย แต่ว่าเธอนั้นสูงไล่เลี่ยกับน้ำผึ้ง และใคร ๆ ก็ชมว่าเธอสวยกว่าเพราะว่าผิวขาวกว่า

“ขอให้หนูมีความกล้าเท่านั้น สิ่งที่แม่ต้องการในขณะนี้ คือหนูต้องกล้าแสดงออก และแม่ก็เชื่อมั่นว่า คนเราน่ะเมื่อผ่านครั้งแรกไปแล้ว ครั้งที่สองก็คงไม่มีอะไรยากหรอก...บอกตรงๆ นะ แม่ยังอยากเห็นหนูไปเวทียอดพธูไทยเหมือนกับที่น้ำผึ้งเขาจะไป.....”


กลับมาถึงบ้านไพรแล้วภานุวัฒน์ก็ไม่ได้เจอหน้าน้ำผึ้งเพราะว่าคชาพัฒน์พาน้ำผึ้งไปว่ายน้ำที่ในเมือง เขาจึงต่อโทรศัพท์มาหานงลักษณ์ และขณะนั้นนงลักษณ์ก็อยู่ที่ร้านจวงจันทร์พอดี...

“ไปทำอะไรที่นั่นละ”

“เอ่อ ๆ มาสระผม” นงลักษณ์ไม่กล้าบอกกับภานุวัฒน์หรอกว่า ตนเองนั้นกำลังเตรียมตัวขึ้นเวทีนางนพมาศบ้านไพรเป็นคู่แข่งกับน้ำผึ้ง

“ใกล้เสร็จหรือยังพี่จะได้เดินไปหา แล้วไปหาอะไรกินกัน”

“อีกสิบนาทีแล้วกัน”

สิบนาทีต่อมา ภานุวัฒน์ก็เดินมาหยุดที่หน้าร้านจวงจันทร์ บิวตี้ ซาลอน นงลักษณ์ผลักประตูออกมาใบหน้านั้นเปื้อนรอยยิ้ม ผิดกับใบหน้าของภานุวัฒน์ที่ดูจะเคร่งเครียด

“เป็นอะไร เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ”

“...ไปหาก๋วยเตี๋ยวกินกันดีกว่า พี่เลี้ยงเอง...”

ว่าแล้วภานุวัฒน์ก็เดินนำนงลักษณ์ไปทางร้านก๋วยเตี๋ยวที่ขายอยู่ใกล้ ๆ กับร้านสะดวกซื้อและเมื่อสั่งก๋วยเตี๋ยวไปแล้ว ภานุวัฒน์ก็เปิดเผยความรู้สึกของตนออกมา

“พี่รู้สึกว่าผึ้งเขาไม่แคร์ความรู้สึกของพี่สักนิด เขามีใครหรือเปล่า”

“ผึ้งเขาคงยังไม่คิดจะมีแฟนหรอกพี่วัตร”

“ทำไมล่ะ มีแฟนมันเสียหายตรงไหน”

“ก็ เขาจะไปเวทียอดพธูไทย อนาคตเขาคงอีกไกล แล้วอีกอย่าง พี่วัตรอย่าลืมว่าผึ้งเขาเป็นเด็กมีพี่เลี้ยงนะคะ พี่หน่องคงจะล้างสมองผึ้งเรื่องฟงเรื่องแฟนนี่ด้วย”

“ก็คงจะจริง...”

“ถ้าพี่รักผึ้งจริง ๆ พี่ก็ต้องอดทนสี่ห้าปีให้ผึ้งเรียนจบก่อนหรือให้เวทียอดพธูไทยมันจบลงก่อน ผึ้งเขาก็คงจะว่างมาคิดเรื่องพวกนี้หรอก”

“ก็คงจะจริง ขอบใจนะลักษณ์”

“แล้วพี่ไม่เจอคนอื่นเลยเหรอ”

“ก็มี แต่พี่รู้สึกว่าพี่ชอบผึ้งมาก ผึ้งเขาสวยขึ้นผิดหูผิดตาเลยนะ”

“เสน่ห์เขาแรงทีเดียว เพื่อน ๆ ในห้อง จีบเขาเยอะเลยแหละ แต่เขาไม่เล่นกับใครเลย เลิกเรียนรีบกลับบ้าน ไม่สนใจกิจกรรมอะไรเลย ผอ.ก็ให้ท้ายด้วย”

“แล้วเวทีนางนพมาศที่บ้านไพรปีนี้เขาก็ขึ้นใช่ไหม”

“พี่จะมาเชียร์เขาหรือเปล่าล่ะ”

“เดือนหน้าพี่เริ่มฝึกงาน น่าจะแวบมาได้”

“ฝึกงานกี่เดือน”

“เดือนเดียว จบแล้วพี่ก็ติดยศ สิบตำรวจตรีทำงานแล้วพี่ก็จะเรียนต่อให้จบปริญญาตรี ไต่เต้าเอายศนายร้อยมาติดไว้ที่บ่า”

“ลักษณ์เป็นกำลังใจให้พี่นะคะ”

“แล้วลักษณ์ล่ะ อยากจะเป็นครูอย่างเดียวเลยเหรอ”

“พ่อแม่เป็นครู ลูกก็ต้องเป็นครู...จะให้ลักษณ์ไปเป็นอะไรล่ะ”

“พ่อพี่เป็นพ่อค้า พี่ยังไม่อยากเป็นพ่อค้าเลย”

“ผึ้งเขาเป็นลูกแม่ค้าเขายังจะไปเป็นนางงามเลย”

“นึกถึงวันที่พี่หน่องไปชวนผึ้งครั้งแรกแล้วพี่ก็อยู่ด้วยนะ...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพียงไม่กี่เดือน ผึ้งเขาจะเปลี่ยนตัวเองจนพี่รู้สึกว่าเขาไม่ใช่น้ำผึ้งคนเดิม คนที่พี่เคยรู้จักเสียแล้ว”

“พี่วัตรเห็นคลิปที่ผึ้งไปตีขิมผสานเสียงกับเปียโนที่คุณศุกร์เล่นหรือยัง”

ว่าแล้วนงลักษณ์ก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองออกมา...ระหว่างที่ดูคลิปนั้นหัวคิ้วของภานุวัฒน์ขมวดเข้าหากัน...เซ้นส์มันบอกกับเขาว่า ผู้ชายที่ผึ้งมีใจให้นั้นไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก...

“ลักษณ์ พี่คิดออกแล้ว...พี่ว่าคนที่ผึ้งเขาฝากหัวใจไว้ไม่ใช่ใครหรอก...”

“พี่อย่าบอกนะว่า พี่คิดว่าผึ้งชอบคุณศุกร์”

“อืม”

“ก็คุณศุกร์เขามีแฟนอยู่แล้ว ผึ้งก็รู้ก็เห็นนี่”

“ก็คอยดูกันต่อไปแล้วกันว่า การที่ไปแอบรักคนมีเจ้าของอยู่แล้วน่ะ น้ำผึ้งเขาจะเป็นอย่างไร”...



พอรู้ว่าวันนี้คชาพัฒน์จะรับน้ำผึ้งจากโรงเรียนไปว่ายน้ำที่สนามกีฬากลาง วรรณศุกร์ก็นัดหมายกับ คชาพัฒน์ว่าจะพาน้ำผึ้งไปเลี้ยงอาหารบุพเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นในตอนค่ำ ๆ เพราะตอนบ่าย ๆ นั้นเขาจะเอารถไปเข้าศูนย์เช็คสภาพการใช้งาน...ขึ้นจากสระน้ำมาแล้วน้ำผึ้งก็แปลกใจที่คชาพัฒน์ส่งชุดไปรเวทของตนที่ทิ้งไว้ใน ร้านคชาพัฒน์มาให้

“ไม่ต้องใส่ชุดนักเรียนแล้วนะ จะพาไปกินข้าวเย็น...คุณศุกร์จะเลี้ยงชาบูชิ อาหารสายพาน...” แม้จะพาน้ำผึ้งเข้าห้างบ่อยขึ้น แต่คชาพัฒน์นั้นก็ค่อนข้างจะประหยัดกับค่าใช้จ่าย แล้วน้ำผึ้งเองก็ไม่ได้เรียกร้องให้ คชาพัฒน์พาไปฟุ่มเฟือยเกินฐานะ ทั้งสองจึงไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างไม่อึดอัด...

“เลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไร”

“เห็นว่าเข้าเมืองมาพอดี คงอยากหาเพื่อนกินข้าวมั้ง อย่าคิดอะไรมากเลย เงินบ้านเขา ใช้อีกสิบชาติก็ไม่หมด...”

น้ำผึ้งถอนหายใจเบา ๆ...ถามตนเองว่าที่เธอชอบเขานั้น เป็นเพราะเขามีเงินให้ใช้เป็นสิบๆ ชาติหรือว่าชอบเพราะรูปร่างหน้าตาและนิสัยใจคอของเขา...และน้ำผึ้งก็ให้คำตอบกับใจตัวเองว่า เธอไม่เคยคิดรวยทางลัด ไม่เคยหวังว่าชีวิตวัยสาวนี้จะต้องมีราชรถมาเกย ความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้เขาเมื่อมันลบออกไม่ได้แม้ว่ามันจะผิด แต่เธอจะไม่ยอมให้มันมาทำให้ชีวิตของเธอตกต่ำลงอย่างเด็ดขาด...

ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เขานั้นมันจะเป็นแรงผลักดันให้เธอเดินไปข้างหน้า เดินไปให้เขาเห็นว่า เธอเป็นคนดีคนหนึ่งมีค่าควรที่เขาห่วงใยเอาใจใส่ และภาคภูมิใจว่าได้เคยช่วยเหลือเธอมา

และเมื่อเดินเข้ามาในร้านแล้วน้ำผึ้งก็ต้องผงะเมื่อเห็นว่าวรรณศุกร์นั้นนั่งอยู่กับใคร...ส่วนคชาพัฒน์นั้นไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปแต่อย่างใด...เขาแตะแขนน้ำผึ้งให้เดินต่อ...

“พี่หน่อง สวัสดีครับ” ก้องเกียรติไม่ได้ยกมือไหว้คชาพัฒน์ทั้งที่อายุน้อยกว่า ส่วนน้ำผึ้งนั้นเขาทักว่า

“นั่งก่อนน้องซิผึ้ง”

“นั่งเลยหน่อง ผึ้ง” วรรณศุกร์ที่นั่งอยู่ตรงกันข้ากับก้องเกียรติซึ่งอยู่ติดบริเวณสายพานลำเพียงอาหารไปรอบ ๆ ร้านร้องสำทับ...
คชาพัฒน์ดันน้ำผึ้งให้นั่งข้างวรรณศุกร์ส่วนตัวเองไปนั่งข้างกับก้องเกียรติ...และสายตาของก้องเกียรติก็มองน้ำผึ้งอย่างไม่วางตา และมองอย่างเสียมารยาทด้วย...

“ผึ้งดูเด็กกว่าคืนนั้นเยอะเลยนะ”

“ก็เพิ่งสิบแปดเอง” คชาพัฒน์เป็นฝ่ายตอบเพราะว่าน้ำผึ้งนั้นนิ่งเงียบไม่แสดงอารมณ์ให้ออกมาทาง
สีหน้าแต่อย่างใด แต่ชคาพัฒน์ก็พอจะเดาอารมณ์ของน้ำผึ้งออก เพราะเรื่องคืนนั้นน้ำผึ้งเล่าให้คชาพัฒน์ฟังหมดแล้ว และคชาพัฒน์เองก็รู้ดีว่า น้ำผึ้งนั้นมีใจให้วรรณศุกร์ที่ดูท่าแล้วจะมาเป็นพ่อสื่อให้กับก้องเกียรติเสียแล้ว

“กินเลยผึ้ง” วรรณศุกร์กุลีกุจอเลื่อนถาดอาหารมาตรงหน้าน้ำผึ้งและคชาพัฒน์

“จะเอาอะไรบอกนะหน่อง” เขาทำให้บรรยากาศบนโต๊ะไม่อึดอัด

“แล้วมาเจอกันได้อย่างไร” คชาพัฒน์นั้นอดพลั้งปากในเรื่องที่สงสัยไม่ได้ วรรณศุกร์เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะมองหน้าของก้องเกียรติแล้วบอกว่า

“บังเอิญเจอน้องเขามาที่นี่เหมือนกัน ก็เลยชวนร่วมโต๊ะ” อันที่จริงไม่ใช่ความบังเอิญแต่ว่า คืนนั้นก้องเกียรติขอเบอร์โทรศัพท์มือถือของเขาไว้ และโทรมาสารภาพว่าสนใจน้ำผึ้งอยากให้เขาช่วยเป็นพ่อสื่อให้ เขาเองปฏิเสธไม่ออกเพราะว่าก้องเกียรตินั้นยืนยันว่าไม่มีใครและรู้สึกถูกชะตากับน้ำผึ้งจริง ๆ เขาจึงรับปากไปอย่างแกน ๆ ว่าจะพยายามช่วย แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะบอกกับก้องเกียรติไปว่าน้ำผึ้งนั้นเป็นใคร?...ฝ่ายก้องเกียรติเมื่อรู้ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้แสดงทีท่ารังเกียจฐานะของน้ำผึ้ง ยังคงโทรมาตื๊อให้เขาเป็นพ่อสื่อให้เกือบทุกวัน จนกระทั่งวันนี้เขาเห็นว่า จังหวะมันได้ เขาเลยนัดหมายก้องเกียรติให้มาเจอกันที่นี่...

น้ำผึ้งเคี้ยวอาหารไปอย่างไม่ค่อยรู้สึกว่าอร่อยนัก เป็นเพราะสายตาและรอยยิ้มเหมือนจะเยาะที่ริมฝีปากของก้องเกียรติ แต่ว่าน้ำผึ้งก็เบือนหน้าหลบสนใจเฉพาะอาหารตรงหน้า

“บังเอิญ...ไม่น่าเชื่อเนอะ”

“บังเอิญจริง ๆ ครับพี่หน่อง ผมมาเดินเล่น เจอพี่ศุกร์หน้าร้านพอดีเลย”

“แล้ววันนี้ไม่มีเรียนเหรอ”

“มีครับ แต่กทม.บ้านเราขับรถเดี๋ยวเดียวก็ถึงแล้ว”

“ไม่ได้อยู่หอเหรอ”

“อยู่คอนโดครับ แต่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเลยอยากกลับบ้าน ดวงจะได้มาเจอผึ้งมั้งครับ เลยนึกอยากออกจากบ้านมาเดินเล่น”

แม้เขาจะพาดพิงถึง แต่น้ำผึ้งก็ไม่สบตาเขาอีก...

“กินเอา ๆ ท่าจะหิว” เขาได้ทีแย๊บ น้ำผึ้งจึงค้อนให้เขาก่อนจะเคี้ยวต่อ

“โกรธอะไรพี่หรือเปล่าผึ้ง วันนั้น พี่ว่าเราเข้าใจอะไรในตัวพี่ผิด ๆ นะ”

“ไม่ได้โกรธ” น้ำผึ้งตอบไปด้วยเสียงไม่ห้วนจัด แต่ว่าก็ไม่ได้หวานหูนัก

“ไม่โกรธแล้วทำไมไม่มองหน้าพี่เลย”

“กำลังหิวค่ะ ว่ายน้ำมาเหนื่อย ๆ”

“มาว่ายน้ำวันไหนบ้างครับ”

“แล้วแต่สะดวก เอาแน่ไม่ได้หรอก” คชาพัฒน์เป็นฝ่ายช่วยตอบ

“ผมจะมีโอกาสได้ฟังน้ำผึ้งเล่นขิมอีกไหมน้อ” เขากล่าวถามขึ้นมาลอย ๆ ไม่ได้เจาะจงว่าถามใคร แต่น้ำผึ้งรู้ว่าเขาถามตน แต่น้ำผึ้งไม่ตอบ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าโอกาสที่จะได้ตีขิมให้แขกกิตติมศักดิ์ได้ฟังนั้นจะมีอีกเมื่อไหร่ เพราะดนตรีไทยนั้นจะว่าเชยก็เชย แต่ในขณะเดียวกันใครเล่นเป็นกลับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของคนเล่น

“ดนตรีไทยหาเวทีเล่นยากเหมือนกัน” วรรณศุกร์เห็นว่าคนถามรอเก้อจึงต้องตอบเสียเอง

“แต่ผมมองว่าขิมมันเป็นเครื่องดนตรีที่อินเตอร์ดีครับ คลาสสิคด้วย เพราะเสียงของขิมมันอ่อนหวาน เหงา ๆ เศร้า ๆ ผมพยายามที่จะฝึกขิมนะ แต่ตีไม่ถูกเส้น ไม่ถนัด แล้วทุกครั้งที่เห็นคนตีขิมผมก็จะอิจฉา นึกรัก อยากทำความรู้จัก”

คชาพัฒน์ไอขึ้นมาเมื่อเหตุผลของก้องเกียรติดูจะเลยเถิด...ฝ่ายน้ำผึ้งเองก็รู้สึกว่าอาหารตรงหน้านั้นล้นกระเพาะเสียแล้ว น้ำผึ้งจึงวางตะเกียบแล้วยืดตัวตรง...

“ผึ้งขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ”...พอคชาพัฒน์พยักหน้า น้ำผึ้งก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านไป...น้ำผึ้งหายไปเกือบครึ่งชั่วโมง กลับมาอีกทีก็เห็นว่าวรรณศุกร์กับคชาพัฒน์ยืนรอกันอยู่ที่หน้าร้านแล้ว...

“หายไปไหนมาตั้งนาน” น้ำผึ้งนั้นไม่พกโทรศัพท์แม้จะมีติดกระเป๋าไปโรงเรียนแต่น้ำผึ้งก็ไม่ได้เปิดเครื่องไว้ตลอดเวลา และโทรศัพท์กับกระเป๋านักเรียนของน้ำผึ้งก็อยู่ในรถของคชาพัฒน์

“ไปร้านหนังสือมาค่ะ...จะกลับกันแล้วใช่ไหมคะ”

“งั้นก็แยกกันตรงนี้นะหน่อง...ขับรถดี ๆ” วรรณศุกร์บอกกับคชาพัฒน์แล้วผละจากไป แต่ว่าน้ำผึ้งก็เรียกเขาไว้ “คุณศุกร์คะ ขอบคุณนะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ยินดี” เขาหันมาตอบเบา ๆ แล้วก็หมุนตัวเดินจากไป...น้ำผึ้งมองตามหลังเขาไปโดยมีคำพูดหนึ่งที่ยังอยู่ในใจ นั่นก็คือ ‘คราวหน้าคราวหลังไม่ต้องมาทำตัวเป็นพ่อสื่อให้ผึ้งกับใครหรอกค่ะ เพราะผึ้งไม่มีวันจะรักใครได้อีก’ แต่ว่าน้ำผึ้งก็จำต้องกลืนคำพูดนั้นไว้ในใจต่อไป...



“ท่าทางก้องเกียรติเขาจะชอบผึ้งจริง ๆ” คชาพัฒน์เปรยออกมาหลังจากที่ขับรถออกจากลานจอด

“เขาอยากเอาชนะผึ้งต่างหาก”

“อคติหรือเปล่า เป็นอะไร ทำไมไม่เปิดใจรับเขาล่ะ อนาคตมีแต่สบายนะ รวยซะขนาดนั้น”

“ผึ้งรู้สึกอย่างนั้น มันลบความรู้สึกผึ้งไม่ได้”

“หรือว่าชอบพ่อสื่อมากจนไม่อาจจะเปิดใจรับใคร”

น้ำผึ้งปรายตามองคชาพัฒน์ก่อนจะเบือนหน้าออกไปนอกรถ...

“เขาลงทุนเป็นพ่อสื่อให้เองเลยนะ เหมือนกับว่าเขาเป็นคนค้ำประกันนายก้องเกียติไปในตัว” คชาพัฒน์ยังคงหยอกเย้าเพราะอยากให้น้ำผึ้งเปิดปากบอกความรู้สึกที่เก็บไว้ออกมา...แต่ว่าน้ำผึ้งก็นิ่งเงียบ...

เงียบจนคชาพัฒน์รู้สึกกลัวใจน้ำผึ้งเช่นกัน...





จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ค. 2556, 07:46:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ค. 2556, 07:46:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1917





<< 27.ชื่อก็หวานหน้าก็หวาน....มีแฟนหรือยังครับ   29.“ทุกคนฟังทางนี้ ถึงเวลาที่พวกเราจะได้ขึ้นเวทีกันแล้ว >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 17 ก.ค. 2556, 07:46:56 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ...จุ๊บ ๆ


nateetip 17 ก.ค. 2556, 09:04:00 น.
น้ำผึ้งน่ารักมากค่ะ ชอบมากๆค่ะ


เดิมเดิม 17 ก.ค. 2556, 09:38:03 น.
ดีค่ะน้ำผึ้งเก็บรักเป็นแรงบันดาลใจ อย่าไปแสดงออกกับคนมีเจ้าของ สู้ๆ


yapapaya 17 ก.ค. 2556, 09:38:51 น.
เห็นเงียบๆแบบผึ้ง ใจแข็งน่าดู สนุกมากๆค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณเฟื่องนะคะ


nunoi 17 ก.ค. 2556, 10:08:23 น.
น้ำผึ้งน่ารักมาก ชอบๆ


คิมหันตุ์ 17 ก.ค. 2556, 11:36:03 น.
เลี่ยนกับก้องเกียรติจริงๆ คุณศุกร์นะคุณศุกร์


Zephyr 22 ก.ค. 2556, 15:56:18 น.
เกลียดนวลอนงค์
สงสารนงลักษณ์
เบื่อภานุวัตร
หมั่นไส้ก้องเกียรติ
งอนนนนนนนนนนนน คุณศุกร์
เชียร์ผึ้วสุดใจ


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:25:36 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account