รักเล่ห์ เสน่ห์ร้าย
เมื่อสาวโสดแสนสวยอยากสละคาน มาพบกับคุณหมอหนุ่มรูปงามแสนจะเคร่งขรึม เรื่องรั่วๆ ที่มีแต่เสียงหัวเราะก็เกิดขึ้น เพราะเธออยากจะจับคุณหมอมาทำสามีจนตัวสั่นตัวคลอน!!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 3. อาหารแห่งความรัก II (แก้ไข)

“ช่วงนี้พี่ตังเป็นอะไรไปครับดูมูดดี้ชอบกล” เกียรติภูมิเอ่ยถามขึ้นมาขณะตักข้าวใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ ภายในร้านอาหารหลังบริษัทร้านเดิม หลังจากที่เจ้านายสาวคนสวยคะยั้นคะยออยากทานที่ร้านนี้แทบทุกวัน

สิตางศุ์เหลือบตาไปมองรุ่นน้องอย่างเซ็งๆ เกิดอาการเบื่ออาหารขึ้นมาทันตาเห็นเมื่อเสมองไปยังคลินิกสัตว์ที่อยู่ตรงข้ามกัน สามวันมาแล้วนับตั้งแต่ที่เขาชิ่งอาหารที่เธอทำก็ไม่ได้เห็นหน้าหล่อๆ นั่นอีกเลย บ้านก็ไม่กลับ คลินิกก็ไม่เปิด ไม่รู้ว่าเขาเกิดกลัวเธอขึ้นมาหรืออย่างไรถึงได้หลบหน้าหลบตากันอย่างนี้

นี่ก็พยายามไม่ให้ไก่ตื่นสุดๆ แล้วนะเนี่ย...

“อย่าถาม กินๆ ไป ถ้าถามมากก็จะมูดดี้มากกว่านี้ เข้าใจป่ะ” หญิงสาวพูดขึ้นมาอย่างเหนื่อยหน่าย

เกียรติภูมิย่นคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ พลางเหลือบมองเพื่อนอีกสองคนที่ทำท่าไม่เข้าใจเหมือนกัน ในเมื่อต่างก็ไม่มีใครเข้าใจท่าทางซังกะตายของพี่สาว ทั้งหมดจึงเลิกสนใจเรื่องนี้ไปในทันที

“เออ ว่าแต่เรื่องพรีเซ็นต์โฆษณาตัวใหม่ พี่ตังเอาไงดีที่เขาบอกอยากให้พี่ไปพรีเซ็นต์ด้วยตัวเองน่ะ” หนุ่มติสท์แตกถามต่อ เพราะเพิ่งคิดได้ว่างานโฆษณาที่รับมาทางเอเจนซี่ย้ำมาว่าจะต้องเป็นสิตางศุ์คนสวยผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นผู้พรีเซ็นต์งาน

“แกไปก็แล้วกันเขียด พี่ไม่มีอารมณ์ถูกแทะเล็ม”

“เอาจริงเหรอพี่ แล้วถ้าเขาไม่ยอมล่ะ”

“ไม่ยอมก็ไปหาบริษัทอื่นทำซะ ไอ้เฒ่าหัวงูคนนี้มันคอยตามจ้องจะงาบพี่มาตั้งแต่สาขาเก่าแล้ว ขนาดย้ายสาขามาทำที่นี่มันก็ยังจะตามมาราวีอีก ถ้ามันไม่พอใจนักก็ให้มันถอนไปซะจะได้หมดเรื่อง” พูดจบก็ถอนหายใจยาวพรืด ตั้งแต่ไม่ได้เห็นหน้าหล่อๆ ของหมอชินไม่มีเรี่ยวแรงทำอะไรเลยเว้ย!

“อ่ะๆ เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวผมกับไอ้เจ๋งจะไปให้แทน ว่าแต่ช่วงนี้พี่โอเคนะ ผมเห็นท่าทางพี่แล้วดูเหมือนคนอกหักยังไงก็ไม่รู้” เกียรติภูมิพูดพลางมองหน้าคนที่กำลังเซ็งสุดขีดด้วยความเป็นห่วง

“หน้าตาอย่างฉันนี่มันดูเหมือนกับคนโดนหักอกรึไง สวยเวอร์อย่างฉันมันต้องไปหักอกคนอื่นย่ะถึงจะถูก!” สิตางศุ์แหวใส่ก่อนจะหันมาจัดการเคี้ยวข้าวที่ตักใส่ปากอย่างดุเดือด

เออ ไม่อกหักบ้างให้รู้ไป!

“โอเคๆ ไม่อกหักก็ไม่อกหัก อะไร...ถามหน่อยเดียว ทำมาเป็นโมโห สงสัยจะจี้ใจดำ” พูดเสร็จก็หันไปหัวเราะกับเพื่อนเบาๆ

“เดี๋ยวแม่ตบปากฉีกเลย รีบๆ กินแล้วจะได้รีบไปทำงาน ไม่งั้นฉันจะฟ้องเฮียมนัสเรื่องที่พวกนายชอบนินทาเจ้านายลับหลังคอยดู” สิตางศุ์ค้อนขวับ ทำเสียงดุ

“โหดุว่ะ เอาน่า...ครั้งหน้าผมจะไม่ควงสาวอื่นมาเย้ยพี่อีกแน่อย่าหึงผมสิ เอาว่าผมสัญญา” เกียรติภูมิยิ้มยั่ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายส่ายหัวออกมาอย่างอิดหนาระอาใจ

ไอ้ที่ไม่อยากให้มาเกี้ยวดันเกี้ยว ส่วนไอ้พวกที่อยากจะให้เกี้ยวดันหาย ให้มันได้อย่างนี้สิ คนสวยเครียด!



บีเอ็มซี่รี่ย์เจ็ดสีขาววับที่กำลังเคลื่อนผ่านหน้าบ้านหญิงสาวร่างระหงไป เรียกความสนใจจากเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี สิตางศุ์ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่โดยมีเจ้าใบ้คอยกระโดดงับน้ำชะเง้อชะแง้มองตามจนลับตา สงสัยเหลือเกินว่ารถหรูที่ขับผ่านเป็นของใครกันแน่เพราะเธอไม่เคยเห็นมาก่อน อันที่จริงเธอก็ไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านนักหรอก แต่เป็นเพราะในหมู่บ้านจัดสรรโครงการนี้เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน สมาชิกที่อยู่กันมาจึงคุ้นหน้าค่าตากันไปโดยปริยาย เห็นรถก็พอจะจำได้ว่าเป็นของบ้านไหน แต่บีเอ็มสีขาวที่เพิ่งผ่านไปเธอไม่คุ้นเลยจริงๆ

แต่ทว่าหญิงสาวก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ร่างระหงในชุดวอร์มหยุดรดน้ำต้นไม้ก่อนจะเปลี่ยนรองเท้าเป็นผ้าใบเพื่อวิ่งออกกำลังกายรอบหมู่บ้านเสียหน่อย ช่วงนี้เธอไม่ค่อยได้ไปฟิสเนตเพราะไปทีไรคนเต็มทุกครั้ง หญิงสาวจึงเปลี่ยนมาเป็นวิ่งออกกำลังกายเบาๆ แทน

“แม่จะไปวิ่งซักหน่อย ไปด้วยกันรึเปล่าใบ้” สิตางศุ์เอ่ยถามออกไปอย่างนั้นทั้งๆ ที่รู้ดีอยู่ว่าแม้ไม่ชวนเจ้าใบ้ก็พร้อมจะไปกับเธอได้ทุกที่

“โฮ่งๆๆ” เจ้าตัวเล็กเห่ารับแทนคำตอบ ก่อนหนึ่งสาวสวยและหนึ่งแสนซนจะออกวิ่งไปพร้อมกัน



ผมยาวสลวยที่มัดรวบขึ้นเป็นหางม้ากวัดแกว่งไปมาตามจังหวะของการวิ่ง ได้ออกกำลังกายอย่างนี้ก็ดีหน่อย ร่างกายจะได้แข็งแรงกระปรี้กระเปร่า เธอชอบออกกำลังกายพอๆ ช้อปปิ้ง เพราะรู้สึกว่ามันทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นมาทุกครั้งที่มีเรื่องให้ปวดหัว

เจ้าใบ้ที่วิ่งตามมาก็รู้สึกจะมีความสุขเป็นพิเศษ มันวิ่งพล่านไปทั่ว แต่จะเว้นคูน้ำหรือบึงใหญ่เอาไว้ คล้ายกับว่ามันรู้แล้วว่าตัวเองไม่สมควรเข้าไปเฉียดใกล้ สงสัยยังจะฝังใจกับเรื่องเมื่อวันนั้น เพียงแค่คิดเรื่องที่เจ้าหมาแสนซนตกน้ำขึ้นมา ภาพของหมอหนุ่มหล่อล่ำก็ผุดขึ้นมาทำให้เธอคิดถึงอีก ไม่รู้ว่าเขาหายไปเสียนาน อยากเห็นหน้าจะแย่อยู่แล้ว...

อย่าให้เจออีกครั้งนะ เดี๋ยวแม่จับมอมยาทำสามีซะเลยนี่!

“หยุดนะเอามาเดี๋ยวนี้” เสียงใสๆ ของเด็กผู้หญิงดังขึ้น จนคนที่กำลังหัวเราะหึๆ กับความคิดของตัวเองต้องหันไปมอง แล้วเธอก็เห็นเจ้าแจ๊ครัสเซลตัวแสบกำลังคาบลูกบอลสีแดงสดขนาดใหญ่กว่าลูกเทนนิสไปไม่เท่าไหร่เอาไว้ในปากวิ่งหนีเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบกว่าขวบที่รีบตามไปอย่างไม่ลดละ สิตางศุ์ถึงกับส่ายหัวออกมาอย่างระอาใจก่อนจะตะโกนเรียกเจ้าหมาตัวแสบ

“ไอ้ใบ้! มานี่เลยนะ ไปเอาของเขามาเล่นได้ยังไง” ได้ยินเสียงเจ้านายร้องลั่น เจ้าตัวแสบก็หยุดกึ่ก ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางวิ่งห้อมายังเธอทันที

“โอ๊ย ทำไมซนอย่างนี้เนี่ย ที่บ้านมีเป็นไม่รู้เท่าไหร่ ยังจะไปเอาของเขามาอีก แกนี่มันน่านักนะ” หญิงสาวพูดพลางแกะลูกบอลนุ่มนิ่มออกจากปากหมาตัวเล็กที่พยายามยื้อแย่งเอาไว้สุดแรงเกิด

“บอลของเค้านะ” เด็กสาวที่วิ่งตามมาพูดกระหืดกระหอบ พร้อมกับยื่นมือออกมาขอของๆ เธอคืน

“จ้ะ รอแป๊บนึงนะจ๊ะน้อง เจ้าใบ้มันกัดไม่ยอมปล่อยเลย” สิตางศุ์ยิ้มแห้งๆ เมื่อเจ้าแสบของเธอยังคงยื้อยุดลูกบอลลูกนั้นเอาไว้อย่างเหนียวแน่น แต่ไม่ทราบเป็นเพราะลูกบอลมันบอบบางหรือเพราะว่าเขี้ยวเจ้าใบ้มันคมกว่าเหตุกันแน่ ลูกบอลสีเขียวสดใสจึงค่อยๆ เหี่ยวลงจนเหลือแต่ยางข้างนอกคาปากเจ้าหมาจอมแสบ

หญิงสาวได้แต่หันไปส่งยิ้มแห้งเหี่ยวให้เด็กสาวชุดโรงเรียนกระโปรงแดงด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะยื่นเศษซากของบอลลูกนั้นให้เจ้าตัวที่กำลังทำหน้าบูดบึ้งอยู่ข้างๆ

“พี่ขอโทษนะคะน้อง เอาไว้พี่จะซื้อบอลลูกใหม่ให้นะ”

“ลูกใหม่มันจะเหมือนลูกเก่าได้ยังไงล่ะ” เด็กสาวแหวขึ้นมาด้วยความโมโห “บอลลูกนี้เพื่อนเค้าอุตส่าห์ให้มาเป็นของขวัญ มันเป็นที่ระลึกในงานมิตติ้งแฟนคลับของปาร์คจูมินนักรองเกาหลี ป้าหามาให้เค้าได้มั้ยล่ะ!”

ได้ยินดังนั้นแม้จะยังรู้สึกผิดอยู่ แต่อาการหมั่นไส้ก็เริ่มปะทุขึ้นมาเมื่อยัยเด็กเมื่อวานซืนนี้มาหยามหน้ากันถึงถิ่น บังอาจเรียกเธอด้วยสรรพนามระคายหูว่า...ป้า!...

“พี่ก็คงหาไอ้บอลของปาร์คๆ อะไรนั่นมาให้น้องไม่ได้หรอกค่ะ แต่พี่คิดว่าพี่สามารถจะชดใช้เป็นอย่างอื่นให้ได้นะ เอาเป็น...เสื้อยืดพร้อมลายเซ็นพี่โดมดีมั้ย เดี๋ยวพี่หามาให้”

“ไม่เอา! เค้าจะเอาบอลของโอปป้าจูมินเท่านั้น!” เด็กสาวยกมือกอดอกเชิดหน้าเข้าใส่ เพราะยังไงเสียเธอก็ต้องได้ของของนักร้องเกาหลีที่กำลังดังอยู่ตอนนี้คืนมาให้จงได้

“เอาอย่างอื่นแทนไม่ได้จริงๆ เหรอคะน้อง พี่หาให้ไม่ได้จริงๆ งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวพี่จะหาบัตรมิตติ้งแฟนคลับของพี่เคน ธีระเดช ให้แทน อย่างนี้พอไหวมั้ย” หญิงสาวพยายามกัดฟันพูดต่อ

“ไม่เอา! บอกแล้วไงว่าเค้าจะเอาบอลของโอปป้าจูมินคนเดียว!”

สิตางศุ์เริ่มหงุดหงิด ใบหน้างามเชิดสูง จิกตามองยัยเด็กที่ยังโตไม่เป็นสาวเต็มที่ด้วยความหมั่นไส้สุดขีด อุตส่าห์หาของอื่นมาประเคนแทนไอ้ลูกบอลไร้สาระพวกนี้แล้วยังไม่เอา

งั้นก็อย่าเอาอะไรเลยแล้วกันยัยเปียเกาหลี!

“จะไม่เอาอยางอื่นจริงๆ ใช่มั้ย” น้ำเสียงเย็นเยียบ ขณะยกมือขึ้นเท้าสะเอวเชิดมองอีกฝ่ายที่ยืนกอดอกไม่ยอมแพ้เช่นกัน

“ไม่เอา! ป้าไม่ต้องมาหว่านล้อมอะไรทั้งนั้น ยังไงเค้าก็ไม่มีทางยอมหรอก!”

“โอเคไม่เอาก็ไม่เอา” หญิงสาวในชุดวิ่งยักไหล่ ก่อนจะยัดแผ่นยางสีเขียวที่เคยเป็นลูกบอลลงในมือของเด็กสาวที่ยืนมองตาขวางอยู่ “งั้นก็เก็บบอลเหี่ยวๆ ของไอ้ปากจู๋เหม็นไปก็แล้วกัน แล้วอย่ามาว่าพี่นะว่าทำแล้วไม่รับผิดชอบ เพราะพี่จะรับผิดชอบแล้วน้องไม่เอาเอง”

เด็กสาววัยสิบสามโกรธจนแทบเต้น เมื่อเห็นยัยผู้หญิงหน้าสวยยักคิ้วให้ ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเจ้าหมาสุดแสบต้นเหตุที่ทำให้บอลเธอต้องแตก

“อย่ามาเรียกโอปป้าของเค้าอย่างนั้นนะ! ตัวเองเป็นใครถึงมาเรียกโอปป้าอย่างนั้นได้ หรือว่าอิจฉาที่เขาอ่อนกว่าล่ะสิ โธ่!” เด็กสาวตะโกนออกไปด้วยความโกรธ จนคนที่กำลังเดินอยู่ต้องหยุดกึ่กหันมามองสีหน้าเหี้ยม

“เมื่อกี้น้องพูดว่าอะไรนะจ๊ะ” สิตางค์ถามย้ำพร้อมกับเดินวนกลับมาหาเด็กสาวที่ยืนยิ้มเยาะอยู่

เธอเป็นใครกันยัยเด็กเมื่อวานซืน กล้าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับได้นักร้องตาตี๋พวกนั้นได้ยังไงกันยะ ระดับความเฟรชน่ะมันต่างชั้นกันเห็นๆ! (หมายถึงเธอใช่มั้ยจ๊ะสิตางศุ์ที่นำหน้าเขาไปหลายสิบปีแล้ว)

เด็กสาวในชุดนักเรียนกระโปรงแดงยิ้มกริ่ม เมื่อพอจะเดาออกว่ายัยผู้หญิงคนนี้มีจุดอ่อนตรงไหน อย่างนี้มันก็สนุกน่ะสิ...

“ก็ยังดูไม่แก่มากนี่คะทำไมหูตึงซะแล้ว สงสัยจะใกล้วัยทอง” เธอพูดย้ำถึงความ ‘ชราภาพ’ อีกครั้ง

สิตางศุ์ได้แต่หัวเราะหึๆ ในลำคอ สายตาคมกริบตวัดไปมองร่างไม่สูงมากของอีกฝ่ายราวกับเปิดศึก ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้ามากระตุกหนวดเธอด้วยคำระคายหูเช่นนี้สักครั้ง

ฉันขอสาปแช่งให้แกไม่มีผัวต่อไปในชาตินี้และชาติหน้า อีเด็กเปรต!

“แหม...อันที่จริงเราก็แก่กว่ากันไม่กี่ปี เรียกป้ามันคงจะไม่เหมาะหรอกมั้งคะน้อง” เสียงหวานหยดปานน้ำผึ้งอาบยาพิษ

“เหมาะสิคะ ก็เค้าถือนี่ ป้าดูแก่กว่าแม่เค้าอีก” อีกฝ่ายก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน

“บ้า พี่จะแก่กว่าแม่น้องได้ยังไงกัน พี่เพิ่งจะสามสิบเองนะ” หญิงสาวจุกไปถึงลิ้นปี่เมื่อถูกเหน็บแนมเข้าให้ รีบบอกอายุโดยพลันแถมยังความจำเสื่อมลืมนับอายุตัวเองไปอีกปีเสียด้วย

“โห...ไม่อยากเชื่อเลยนะคะว่าจะสามสิบ” เด็กหญิงพูดพลางยิ้มร่า “นึกว่าอยู่หลักสี่แล้วซะอีก มิน่าล่ะถึงไม่รู้จักโอปป้าจูมิน เค้าออกจะดังนะคะป้า เด็กวัยรุ่นสมัยนี้กรี๊ดกันจะตาย”

ราวกับมีไฟสักร้อยกองสุมขึ้นมาในใจของหญิงสาววัยสามสิบเอ็ด มันเดือดดาลจนแทบจะพ่นออกมาเป็นลาวาได้อยู่มะรอมมะร่อ ที่ถูกยัยเด็กเหลือขอแอบด่าว่าแก่ซึ่งๆ หน้า

ไม่รู้จักนักร้องเกาหลีแล้วมันผิดกฎหมายเหรอวะคะ!

“ถ้างั้นพี่ถามหน่อย” สิตางศุ์พยายามพูดอย่างใจเย็น

“อะไรเหรอคะป้า”

“ก่อนจะมีกรุงศรีอยุธยา เรามีกรุงอะไรก่อน” ได้ยินดังนั้นเด็กสาวถึงกับเลิกคิ้วสูง ไม่รู้ว่ายัยป้าหน้าสวยจะมาไม้ไหนกันแน่

“ป้าถามอะไรเนี่ย”

“ก็ถามคำถามทั่วไปที่คิดว่านักเรียนไทยต้องตอบได้ ไม่ใช่รู้อยู่อย่างเดียวว่าเกาหลีในสมัยก่อนมีอยู่สามแคว้น แพคเจ โกลคูยอ แล้วก็ชิลลา แต่ไม่มีความรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยซักนิด” พูดพลางยิ้มกริ่ม เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กสาวเผือดลงเล็กน้อย

“กะ ก็กรุงสุโขทัยไง” แม้น้ำเสียงจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่น่าจะผิด

“ถูกต้อง” สิตางศุ์พยักหน้าก่อนจะถามต่อ “แล้วใครเป็นผู้กอบกู้เอกราชของกรุงศรีอยุธยาในการเสียกรุงครั้งที่หนึ่ง”

เจอคำถามนี้เข้าไปเด็กม.1 ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น แม้จะเคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง แต่เธอก็ไม่เคยให้ความสำคัญมากไปกว่านักร้องเกาหลีที่ชื่นชอบเลยแม้แต่น้อย

“พระเจ้าตากสินไงถามได้” เด็กสาวพูดอย่างหมายมาด

“พระเจ้าตากสิน!” พูดได้เพียงเท่านั้นหญิงสาวก็ต้องปล่อยก๊าก ทั้งขบขันทั้งสงสารที่เด็กบางส่วนในสมัยนี้แทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนกอบกู้เอกราชบ้าง

“หัวเราะอะไรกันน่ะป้า! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ก็เค้าตอบถูกแล้วนี่จะหัวเราะทำไม” คนที่เพิ่งตอบคำถามไปถึงกับแหวออกมาด้วยความอับอาย

“โอ๊ย อยากจะขำให้สวยกว่านี้แต่ทำไม่ได้เพราะสวยเวอร์อยู่แล้ว เอาเป็นว่าน้องช่วยสละเวลาไปหาดูหนังของท่านมุ้ยบ้างนะอย่างเช่นเรื่องสมเด็จพระนเรศวร เผื่อจะได้อะไรดีๆ มาประดับไอ้นี่บ้าง” พูดพลางยกนิ้วขึ้นมาเคาะหัวตัวเองด้วยสีหน้าของผู้ชนะ

ฝ่ายเด็กสาวเห็นดังนั้นก็รู้ทันทีว่าพลาดท่าให้แก่ยัยป้าแอ๊บแบ๊วผู้นี้ เธอได้แต่ยืนกัดฟันกรอด สิ้นไร้ซึ่งทางโต้เถียง เพราะเธอไม่เคยคิดจะดูหนังพวกนี้เลยแม้แต่น้อย มันจะสนุกกว่าซี่รี่ย์เกาหลีไปได้อย่างไรกัน!

“ไปใบ้กลับบ้าน เดี๋ยววันนี้ฉันจะเปิดหนังสนุกๆ ให้ดูดีกว่าจะได้เป็นการประเทืองปัญญาไปในตัว” พูดพลางยิ้มกริ่ม ขณะวิ่งเหยาะๆ กลับไปทางบ้านหลังงามของตัวเองด้วยท่าทีสบายอารมณ์ ปล่อยให้เด็กสาวสาวกเกาหลียืนกระฟัดกระเฟียดอยู่เบื้องหลังด้วยความขัดใจ

เด็กสมัยนี้ที่บ้าเกาหลีแต่ก็ไม่ลืมความเป็นไทยก็มีเยอะ แต่สำหรับเธอมันคงมากไปแล้ว กะอีแค่สมเด็จพระนเรศวรยังไม่รู้จัก เขาออกจะประชาสัมพันธ์กันครึกโครมทั่วบ้านทั่วเมือง เรื่องอย่างนี้มันยอมกันได้ที่ไหน ฉะนั้นก็สมควรแล้วที่จะเจอแบบนี้ ...ติ่งอย่างเธอมันต้องเจอ(เกรียน)อย่างฉัน ถึงจะสมน้ำสมเนื้อ!



วันอาทิตย์มันช่างเหมือนกับสวรรค์ ขนาดปาเข้าไปเกือบเที่ยงร่างระหงก็ยังคงนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงไม่ลุกไปไหน โชคยังดีของเจ้าใบ้ที่เธอยังอุตส่าห์กัดฟันลุกขึ้นมาตอนเช้าเทอาหารให้มันเพื่อไม่ให้กลายเป็นหมาอดอยากทั้งๆ ที่มีเจ้าของ แม้จะเป็นสวรรค์แต่ก็เป็นสวรรค์ที่ทำให้เธอต้องมาคอยคิดถึงหนุ่มน้อยหน้าเข้มคนนั้น ไม่รู้ว่าหายไปไหนวันนี้ก็วันที่สี่แล้วนับตั้งแต่เธอเชิญตัวเองไปบุกบ้านเมื่อวันก่อน

“เฮ้อ...ใบ้ แกว่าหมอชินเขาจะกลับมารึเปล่า” เอ่ยถามเจ้าตัวเล็กที่นอนอิงแอบแนบชิดกันอยู่บนที่นอน

“งึดๆๆ” เจ้าใบ้ครางหงิมๆ แทนคำตอบ

“ก็นั่นสินะ เบอร์โทรก็ไม่ขอเอาไว้ คราวนี้จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปด

“โฮ่งๆๆ” คราวนี้เจ้าใบ้สปริงตัวขึ้นเห่าเสียงขรม

“อะฮ้า แกว่าดีใช่มั้ยล่ะ งั้นคราวหน้าฉันจะขอเบอร์หมอเอาไว้ จะเดินไปขอที่คลินิกก็ดันปิด แถมยังกลัวว่าหมอจะคิดว่าฉันเป็นพวกโรคจิตแอบตาม เราเก็บคลินิกเอาไว้เป็นไพ่ใบต่อไปดีกว่าเนอะใบ้” พูดพลางดึงเจ้าหมาน้อยมากอดด้วยความรัก จนมันอึดอัดดันตัวเองออกมาอย่างลำบาก

“ก็แหม...ขอกอดหน่อยไม่ได้รึไง ทำมาเป็นเล่นตัวนะ เดี๋ยวก็ไม่รักซะเลยหรอก” ปากก็บอกว่าไม่รักแต่เจ้าตัวกลับแตะริมฝีปากไปบนหน้าของเจ้าใบ้จนมันครางออกมา

“งึดๆๆ”

“ต๊าย ชอบเหรอยะอย่างนี้ ไปติดนิสัยชีกอจากใครมาฮะ” ว่าแล้วก็กอดเจ้าใบ้ให้แน่นขึ้นไปอีก เจ้าหมาตัวเล็กทั้งร้องทั้งตะกุย คงเป็นเพราะมันอึดอัดจนทนไม่ไหวนั่นเอง

ปล่อยผมเถอะครับเจ้านาย ผมไม่ชอบคนแต่ชอบหมา!



หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จหมดทุกอย่างแล้ว สิตางศุ์ในชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงขาสั้นก็เดินลัดเลาะไปยังบ้านของเป้าหมายทันที มันเหมือนกับเป็นกิจวัตรประจำวันของเธอไปเสียแล้วที่จะต้องแอบไปดูว่าเจ้าของบ้านรูปหล่อกลับมาแล้วหรือไม่ และแล้ววันนี้เธอก็ไม่ผิดหวังเมื่อเห็นว่าประตูหน้าบ้านสีขาวเปิดอ้าอยู่

หมอชินกลับมาแล้ว!

ไวเท่าความคิด เท้าน้อยๆ ก็ก้าวฉับๆ ไปยังบ้านหลังดังกล่าวด้วยความยินดีปรีดาราวกับปลากระดี่ได้น้ำ ก่อนจะเบรกตัวโก่งเดินวกกลับมาบ้านของตัวเองแทบไม่ทัน

ไม่ได้ๆ ให้หมอชินเห็นเราในสภาพป้าแม่บ้านอย่างนี้ไม่ได้

คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็รีบวิ่งขึ้นบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ให้เป็นชุดอยู่บ้านจนเกินไป กางเกงขาสั้นตัวโปรดถูกเหวี่ยงออกเป็นกระโปรงสีหวานยาวครึ่งน่อง เสื้อยืดคอย้วยก็ถูกพับเก็บเอาไว้เปลี่ยนเป็นเสื้อกล้ามสีขาวเข้ากันดีกับกระโปรง สิตางศุ์ยืนตรวจตราความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมไม่นานนักเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายตัวไปอีก ดังนั้นจะช้าไม่ได้แม้วินาทีเดียว

ใช้เวลาไม่เกินสิบนาที ร่างระหงในชุดใหม่ก็ปราดลงมาตรงดิ่งออกไปจากบ้าน โดยครั้งนี้ไม่ลืมที่จะจับเจ้าใบ้ขังเอาไว้ในรั้วบ้านไม่ให้ตามไปอีก เพราะไม่อยากให้มันแบ่งความสนใจจากหมอหนุ่มไปอีกครั้ง

อย่าหวังว่าฉันจะเอาแกไปด้วยเลยไอ้ใบ้



ร่างสูงล่ำที่ยืนอยู่หน้าบ้านเรียกรอยยิ้มจากสาวสวยได้เป็นอย่างดี สิตางศุ์มองร่างนั้นอย่างชื่นชมหุ่นก็ดี หน้าตาก็ดี ฐานะก็ดี เพราะดูจากรถที่ขับนี่สิ บีเอ็มซี่รี่ย์เจ็ดสีขาวเชียวคันละตั้งหลายล้าน

อะไรนะ บีเอ็มสีขาว!

แสดงว่ารถที่เธอเห็นเมื่อวานก็เป็นของคุณหมอรูปหล่อล่ะสิท่า ไม่น่าเลยเมื่อวานน่าจะย้อนกลับไปดูบ้านของหมออีกรอบเพราะไม่อย่างนั้นก็คงจะได้เจอกันไปตั้งนานแล้ว แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเจอกันวันนี้ยังดีกว่าไม่ได้เจอกันอีกเลย

“สวัสดีค่ะหมอชิน” หญิงสาวที่เพิ่งมาถึงเอ่ยทักเจ้าของบ้านที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับต้นไม้ที่เพิ่งเอามาลงใหม่

“สวัสดีครับคุณตัง” อีกฝ่ายตอบรับ ยืดตัวเต็มความสูง เดินออกไปเปิดประตูรั้วสีขาวให้แขกผู้มาเยือน

“หายไปไหนมาซะนานคะ ไม่เห็นอยู่บ้านเลย” สิตางศุ์พูดออกไปตามจริง แต่เมื่อเห็นสายตาแปลกใจของอีกฝ่ายที่จ้องมองมาก็คิดได้ว่า เขาคงจะรู้แน่ว่าเธอแอบมาสอดส่องบ้านเขาทุกวัน “ก็แหม...อย่ามองตังอย่างนั้นสิคะ ตังก็แค่ออกมาวิ่งทุกวันแล้วเห็นบ้านของหมอปิดอยู่ก็เท่านั้นเอง”

เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ

“ผมไปสัมมนาต่างจังหวัดมาครับ” คชินทร์ตอบอย่างสุภาพ

“อ้าวหมอชินมีคลินิกของตัวเอง แล้วทำไมต้องไปสัมมนาด้วยคะ”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมมีคลินิกของตัวเอง?” ชายหนุ่มเอียงคอถามอย่างแปลกใจ

อีกฝ่ายได้ยินดังนั้นถึงกับอึ้งกิมกี่ หน้าสวยเผือดไปเล็กน้อย อุตส่าห์ว่าจะเก็บเอาเรื่องคลินิกไว้เป็นไพ่ใบต่อไป แต่ดันมาเผลอปากพูดออกไปเองเสียนี่ ...แต่ไม่มีทางเสียหรอกที่ สวย รวย ฉลาด อย่างเธอจะตายเพราะปากของตัวเอง

“อ้าว ก็วันนั้นหมอชินเป็นคนบอกตังเองนี่คะว่าเปิดคลินิกรักษาสัตว์อยู่ แหม...ทำไมลืมเร็วจัง” ใบหน้าสวยยิ้มซื่อ ดวงตาคู่งามกะพริบปริบๆ อย่างไม่มีลับลมคมใน

คิ้วหนาของชายหนุ่มขมวดมุ่น เท่าที่จำได้เขาไม่เคยปริปากบอกเธอสักครั้งเกี่ยวกับเรื่องที่ทำงาน แต่ไม่แน่อาจจะเป็นเขาเองที่บอกเธอไป เพราะหากเขาไม่บอกแล้วเธอจะรู้ได้อย่างไรว่าเขามีคลินิก

“นั่นสิ สงสัยผมลืมจริงๆ”

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะ ว่าแต่หมอชินกลับมาเมื่อวานแล้วเหรอคะ พอดีตังเห็นรถคันนี้มันแล่นผ่านหน้าบ้าน ตอนแรกก็งงว่ารถใคร เพราะเท่าที่จำได้วันนั้นที่ตังมาที่บ้านหมอชิน ตังไม่เห็นรถคันนี้นี่คะ”

“พอดีวันนั้นมีรถมาจอดขวางรถเอาไว้ ผมเลยต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้านทิ้งรถเอาไว้อย่างนั้น และบังเอิญว่าเมื่อวานนี้ผมกลับจากสัมมนาพอดีเลยแวะไปรับหลานมาจากโรงเรียนเพราะพ่อแม่เขากำลังยุ่งๆ อยู่” คชินทร์ตอบเสียยืดยาว แม้จะรู้สึกทะแม่งๆ ราวกับว่าเขากำลังเป็นคู่รักที่ต้องรายงานความเคลื่อนไหวให้อีกฝ่ายรับรู้ตลอดเวลา

เหมือนอีกฝ่ายจะรู้สึกตัว สาวสวยรีบส่งยิ้มใสซื่อให้ทันที ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “หมอชินนี่น่ารักเนอะ รักเด็กซะด้วย”

คชินทร์ได้แต่ยิ้มน้อยๆ เพราะดูจากท่าทางของเจ้าหล่อนแล้วความหมายว่า ‘รักเด็ก’ นั้นอาจจะแตกต่างจากคำว่ารักเด็กที่ต้องการสื่อแน่ แต่ทว่าอย่างไรเสียเขาก็ยังคงต้องรักษาระยะห่างเอาไว้ก่อน เพราะเวลานี้เขายังมีอีกหลายสิ่งที่ยังไม่แน่ใจนัก

“ว่าแต่วันนี้หมอชินพร้อมที่ลองชิมฝีมือตังรึยังคะ” สิตางศุ์ถามลุ้นๆ อยากเหลือเกินที่จะให้คุณหมอหนุ่มติดกับดับกับข้าวแสนอร่อยที่ปรุงขึ้นมาจากหัวใจ เผื่อว่าวันข้างหน้าไปเขาอาจจะต้องเป็นฝ่ายคลานมาหาเธอเองเพราะติดใจในรสเสน่ห์ปลายจวัก

ผู้หญิงอย่างเราๆ มันต้องมีอะไรดีติดตัวไว้บ้าง แล้วจะหาว่านางเอกไม่เตือน

คชินทร์ชั่งใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าออกมา “ได้ครับ วันนี้ผมว่างเหมือนกัน”

ได้ยินแค่นี้สาวสวยก็แทบจะกระโดดขึ้นมาตีลังกาขาคู่ คราวนี้แหละจะประโคมใส่ให้หมด ทั้งยาเสน่ห์ น้ำมันพราย สาลิกาลิ้นทอง อะไรก็ได้เท่าที่จะคิดออก เกี่ยวไม่เกี่ยวจุดนี้สวยไม่สน ขออย่างเดียวเท่านั้นให้คุณหมอหนุ่มสุดหล่อหันมาสนใจเธอบ้าง

จัดมา!!

“ถ้างั้นเย็นนี้เจอกันที่บ้านตังนะคะ เดี๋ยวตังจะทำกับข้าวไว้รอ”

“ครับ แล้วผมจะเอาเสื้อผ้าพ่อคุณไปคืนด้วย” คนหน้าขรึมตอบกลับ

“ได้ค่ะแล้วเจอกันตอนเย็น” พูดเสร็จสาวสวยไม่แคร์สื่อก็รีบเดินกลับบ้านในบัดดล เพื่อเตรียมตัวสำหรับมื้อค่ำแสนโรแมนติกต่อไป



“เอ่อ อันที่จริงเราเปิดไฟให้สว่างกว่านี้หน่อยก็ได้นะครับ ผมว่ามันดูมืดๆ ยังไงชอบกล” คชินทร์เอ่ยทักมาเมื่อเห็นทั้งบ้านมีแต่แสงเทียนและแสงจากแชนเดอร์เลียที่แขวนอยู่ด้านบน

“แหม...ก็ดินเนอร์ใต้แสงเทียนนี่คะ จะให้เปิดไฟสว่างโร่เหมือนเปิบต้มแซ่บอยู่ได้ยังไง” สิตางศุ์ค้อนขวับ ก่อนจะยกจานอาหารที่ทำเอาไว้เข้ามาให้หมอหนุ่มที่นั่งรออยู่บนโต๊ะอาหารท่ามกลางแสงเทียน

ชายหนุ่มมองไปรอบๆ อย่างกระอักกระอ่วนใจ บรรยากาศมันก็ดีอยู่หรอก ออกจะดีเกินไปด้วยซ้ำสำหรับเพื่อนบ้านคนใหม่อย่างเขาที่เจอกันไม่ถึงห้าครั้ง

“โฮ่งๆๆๆ” เจ้าใบ้ที่นั่งอยู่บนพื้นเห่าทักแขกที่นั่งอยู่อย่างดีใจ มันกระดิกหางวิ่งไปมารอบขาของชายหนุ่ม ด้วยอาการอยากเล่นเต็มแก่

“ไปเลยใบ้ ไปเล่นกับนังแรบบี้โน่น อย่ามายุ่งกับหมอชินตอนนี้ ให้หมอกินข้าวก่อน” สิตางศุ์เอ่ยปากไล่เจ้าตัวเล็กออกไปไกล และเหมือนมันราวกับจะฟังภาษามนุษย์ออก มันเดินคลอชายหนุ่มอยู่ไม่นานนักก่อนจะวิ่งปร๋อไปคาบตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดออกมาขย้ำเล่น

“มันแสนรู้ดีนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยชม เพราะดูเหมือนใบ้มันจะฉลาดเอาการ

“ก็เพราะอย่างนี้แหละค่ะถึงได้รักได้หลง ดุจริงๆ จังๆ ไม่ลงซักที” เมื่อพูดถึงหมาสุดที่รักสีหน้าของหญิงสาวก็ดูอ่อนโยนลงทันใด

คชินทร์เหลือบมองภาพนั้นครู่หนึ่งก่อนจะย้ายสายตาลงมามองอาหารเบื้องหน้า พร้อมกับเอ่ยปากถามออกมา

“วันนี้เป็นสเต๊กเหรอครับ”

“ค่ะ สเต๊กเนื้อสูตรพิเศษ ยังไงหมอชินลองชิมดูก่อนนะคะว่าอร่อยรึเปล่า”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ มองอาหารตรงหน้าอีกครั้ง สเต๊กเนื้อดูนุ่มชุ่มฉ่ำราดด้วยน้ำเกรวี่สีเข้ม จัดมาพร้อมกับสลัดผักและมันบดที่วางอยู่ข้างกัน ดูไปดูมาก็น่ากินใช้ได้เลยทีเดียว

คชินทร์ลงมือหั่นเนื้อที่วางอยู่บนจานออกไปชิ้นๆ ก่อนจะใช้ส้อมจิ้มลงไปในเนื้อแสนฉ่ำกำลังจะใส่มันเข้าไปในปาก แต่กลับถูกเบรกด้วยเสียงของเจ้าของบ้านเสียก่อน

“เดี๋ยวค่ะหมอชิน!” สิตางศุ์โพล่งขึ้นกลางคัน

“อะไรครับ?” อีกฝ่ายขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงุนงง

“ตังลืมราดซอสสุดพิเศษ รอแป๊บนะคะ” หญิงสาวพูดพลางเอื้อมมือไปคว้าถ้วยแก้วที่บรรจุน้ำซอสสีน้ำตาลเข้มเอาไว้ แต่กลับลืมไปว่าซอสที่ทำนั้นเพิ่งตักออกมาจากหม้อ ความร้อนที่พอจะลวกมือได้พุ่งผ่านปลายนิ้วของสาวสวยจนเธอต้องสะบัดมือพร้อมกับอุทานออกมาอย่างตกใจ

“โอ๊ย! ร้อนๆๆ!!” ด้วยความที่ตกใจจนต้องรีบชักมือกลับ จึงทำให้หลังมือไปปะทะเข้ากับเชิงเทียนบนโต๊ะอาหารจนเทียนหลายเล่มล้มลงบนโต๊ะที่คลุมด้วยผ้าขาว เป็นเหตุให้ไฟลุกพรึ่บพรั่บขึ้นมา

“ว้าย! ไฟไหม้!!” หญิงสาวดีดตัวออกมาด้วยความตกใจ ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มก็ตกใจไม่แพ้ แต่ด้วยสติที่ยังดีอยู่คชินทร์จึงรีบดึงผ้าคลุมโต๊ะออกมาสะบัดเพื่อดับไฟ บรรดาจานชามแก้วน้ำที่วางเรียงกันอยู่บนโต๊ะตกลงกระแทกพื้นแตกกระจายไม่มีชิ้นดี รวมถึงอาหารที่เธออุตส่าห์ปรุงขึ้นมาด้วยหัวใจอีกด้วย

“ไม่เป็นไรนะครับ” หลังจากที่ดับไฟได้แล้ว ชายหนุ่มก็ปราดเข้าไปหาหญิงสาวที่ยืนอึ้งอยู่กับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ด้วยความเป็นห่วง

“ไม่...สเต๊กของฉัน...” หญิงสาวครางออกมาเบาๆ ...สเต๊กแห่งความรักที่สู้อุตส่าห์ทำอย่างพิถีพิถันที่สุด จบกัน... แถมยังกลายเป็นอาหารอันโอชะของเจ้าใบ้ที่วิ่งมาคาบไปกินเสียอีก

คชินทร์มองหน้าเศร้าๆ ของสิตางศุ์ก็อดขำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าเธอคงจะตั้งใจทำอาหารมื้อนี้แค่ไหน แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นมันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ อย่างไรเสียเขาก็รับรู้ได้ถึงความพยายามของเธอก็แล้วกัน

“เรื่องสเต๊กไม่เป็นไรหรอกครับ ค่อยทานกันครั้งหน้าก็ได้ ถือว่าวันนี้มันเป็นวันซวยก็แล้วกัน เอาเป็นว่าถึงแม้จะชวดอาหารมื้อนี้ไปก็ไม่เป็นไร งั้นให้ผมเลี้ยงข้าวคุณแทน”

ได้ยินดังนั้นคนที่กำลังโศกเศร้าอยู่ก็เปลี่ยนโหมดเป็นยินดีขึ้นมาทันตาเห็น เพียงแค่ได้ยินว่าอีกฝ่ายหยิบยื่นน้ำใจมาให้เธอ แค่นี้ก็ดีเกินพอแล้วสำหรับการเริ่มต้นความสัมพันธ์อันหวานฉ่ำ

“หมอชินจะพาตังออกไปกินข้าวเหรอคะ” น้ำเสียงฟังดูมีความหวังขึ้นมารำไร

“เปล่าครับ ออกไปตอนนี้รถก็ติดกว่าจะได้กินข้าวคงหิวตาลายกันไปก่อนแน่” คชินทร์พูดยิ้มๆ หากว่ารอยยิ้มของเขามันดูมีเลศนัยอย่างไรชอบกล

“งั้นหมอชินจะเลี้ยงอะไรตังเหรอคะ” สิตางศุ์เอียงคอถามด้วยความอยากรู้สุดชีวิต

“พิซซ่าก็แล้วกันครับ เร็วดี แถมอิ่มด้วย”

สิ้นเสียงเรียบปนขำของคุณหมอหนุ่ม หญิงสาวก็แทบจะเอาหัวโขกกับโต๊ะให้ตายไปเสียรู้แล้วรู้รอด นี่สู้อุตส่าห์สร้างบรรยากาศใต้แสงเทียนขึ้นมาขนาดนี้ แถมยังเมนูอาหารที่แสนจะเลิศเลอเพอร์เฟกอีก แต่กลับต้องมาตายเพราะบรรยากาศที่ตัวเองสร้างขึ้นมาจนเกือบเอาตัวไม่รอด หนำซ้ำอาหารเลิศรสที่สู้ทำด้วยความรักทั้งหมดกลับต้องกลายเป็นมื้อค่ำแสนอร่อยของเจ้าตัวโปรดไปเสียนี่ ยัง...ยังไม่นับรวมถึงมื้อค่ำจานด่วนที่กำลังจะได้ทานในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้อีก

อะไรมันจะบัดซบได้โล่ขนาดนี้ คนสวยเครียด!!







ดารานิล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 มิ.ย. 2554, 10:19:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ค. 2554, 19:38:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 2892





<< 2. อาหารแห่งความรัก I   4. คุณหมอขา หมาหนูป่วย I >>
saralun 4 มิ.ย. 2554, 10:24:40 น.
ชอบเหมือนกันค่าา ฮ๋า ๆ ๆ


นิชาภา 4 มิ.ย. 2554, 10:35:05 น.
ใช้ตัวเองเป็นอิมเมจเลยชิมะ จัดเต็ม 55555
มธุรัตน์ภาคสองชั้นพระเอกก็เป็นหมอ แต่แลดูจะแรงสู้เธอว์ไม่ได้ ยอมมมมมมมม


ดารานิล 4 มิ.ย. 2554, 10:37:36 น.
กร๊ากกกกกกกกกก


cherryfirm 4 มิ.ย. 2554, 11:18:32 น.
นางเอกเราเสียฟอร์มแย่เลย น่าสงสาร....555+++


pattisa 4 มิ.ย. 2554, 11:46:02 น.
กำของเวรเลยนางเอกเอ๊ย ไม่แกล้งหลานเค้า 55555


anOO 4 มิ.ย. 2554, 12:04:20 น.
หลานหมอชิน ก็คือยัยเด็กแสบนั่นแน่เลย
เตรียมตัวปะทะศึกหนักได้เลย ยัยตัง


kraten 4 มิ.ย. 2554, 13:07:55 น.
ชอบ! สนุก! เอาอีก...!


ลูกกวาดสีส้ม 4 มิ.ย. 2554, 14:42:03 น.
สงสัยหนทางจะไม่ราบรื่นซะแล้วนะคะ มีเด็กโผล่มาอีกคน

แถมไปแกล้งเค้าไว้อีก...อิอิ ซ่าจริงๆ


หนอนฮับ 4 มิ.ย. 2554, 15:46:32 น.
ฮาาาาา...รักเด็ก (บ้า) เหมือนหนอนเลย อิอิ


มะดัน 4 มิ.ย. 2554, 21:51:51 น.
เพี้ยนได้ใจมาก นางเอกคนนี้
แต่เด็กเรียกป้า เจอเยอะมาก...
แม่ : หวัดดีป้าหมอสิคะ
จะปฏิเสธก็ไม่ลงแม่อายุน้อยจริงๆ ขนาดอิชั้นยังไม่เบญจเพสเรยยยยย T^T


nunoi 7 มิ.ย. 2554, 11:10:27 น.
ป้าตัง เตรียมรับมือกับหลาน หมอชิน ไว้เลย อิอิ


รัมไพชน 24 มิ.ย. 2554, 01:26:07 น.
อ่านแล้วมันหยุดไม่ได้ค่ะ กรี๊ด!! ตีหนึ่งกว่าแล้วยังมานั่งอ่านนิยายของคุณดาราินิล พรุ่งนี้ทำงานต้องรีบนอน บอกตัวเองแต่ก็หยุดอ่านไม่ได้จริงๆ สนุกมากๆ เลย แล้วเมื่อไรพระเอกจะได้กินอาหารฝีมือนางเอกที่คุยนักคุยหนาว่ามันอร่อยละเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account