น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 29.“ทุกคนฟังทางนี้ ถึงเวลาที่พวกเราจะได้ขึ้นเวทีกันแล้ว

29.

“คุณศุกร์นึกอย่างไรถึงได้กล้าเป็นพ่อสื่อพ่อชักให้น้องก้องละฮะ” กลับมาถึงบ้านแล้วคชาพัฒน์ก็โทรหาวรรณศุกร์ทันที

“เขาโทรมาตื๊อ เขาว่าเขาชอบผึ้ง”

“แต่ผึ้งยังเด็กนักนะ ถ้าเอาตามจริงก็อีกสี่ห้าปีแหละกว่าจะเรียนจบทำงานทำการได้”

“สิบแปดไม่เด็กแล้วครับ ผึ้งเขาโตเกินตัว ความคิดความอ่านเขามากกว่าคนวัยเดียวกัน”

“แล้วสืบประวัติมาดีแล้วเหรอฮะ”

“เขาว่าเขาว่าง”

“ไม่น่าเชื่อนะ คนอย่างนั้นหรือจะว่าง”

“ผึ้งเขาว่าอย่างไรบ้าง”

“คุณศุกร์ก็น่าจะดูออก...” คชาพัฒน์ทิ้งให้วรรณศุกร์ได้คิดเอง และวรรณศุกร์ก็นิ่งเงียบไปนาน

“ผมก็พออ่านความรู้สึกของผึ้งเขาออก...ผมถึงต้องช่วยก้องเขาไง”

“แล้วทำไมต้องเป็นน้องก้อง”

“วันหน้าผึ้งจะได้สบาย”

“แล้วนึกถึงความรู้สึกของผึ้งบ้างไหม...อย่าหาว่าหน่องอย่างนั้นเลยนะ คุณศุกร์เป็นคนฉลาด...”

“มันไม่เป็นไปไม่ได้หรอกหน่อง...ผมไม่ใช่คนตัวเปล่า ผมมีภัทแล้ว”

“ก็ประคับประคองกันไปสักพักไม่ได้เหรอ...แล้ววันหนึ่งผึ้งมันก็คงจะรู้เองว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะคิด อะไรกับคนมีเจ้าของแล้ว”

“หน่องต้องการให้ผมทำอย่างไร”

“อย่าไปเป็นพ่อสื่อให้น้องก้องเลย อยู่เฉยๆอย่างเดิมจะดีกว่า แอบรักคนมีเจ้าของมันก็เจ็บพออยู่แล้วนะคุณศุกร์ อยากจับแขนเขาแล้วเขาจับมือให้ไปจับแขนคนอื่นมันเจ็บมากกว่า คุณศุกร์คงจะเข้าใจที่หน่องพูดนะ”

“เข้าใจ”

“ก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน หน่องเอง หน่องก็พยายามเตือน ๆ ผึ้ง ว่าอย่าเพิ่งคิดเรื่องความรัก เรื่องผู้ชาย แต่พอแย๊บถึงคุณศุกร์ ผึ้งเขาเงียบ เขาไม่พูดอะไร หน่องกลัวใจเขาเหมือนกัน”


วรรณศุกร์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะขอวางสายเพราะว่ามีสายเรียกเข้าจากภัทริน และพอกดรับสายเรียกเข้า วรรณศุกร์ก็ต้องเบี่ยงโทรศัพท์ออกห่างจากใบหู

“ภัทเห็นคลิปขิมผสานเสียงกับเปียโนแล้วค่ะศุกร์ อธิบายให้ภัทเข้าใจหน่อย มันเกิดขึ้นได้อย่างไร” น้ำเสียงของภัทรินบอกให้รู้ว่ากำลังหึงหวงเป็นอย่างมาก

“ภัทครับใจเย็น ๆนะครับ”

“เย็นอะไร สบตากันสองรอบ สามรอบ สายตาเชื่อมกันซะขนาดนั้น เด็กอมมือยังดูออกเลย”

“มันไม่ใช่อย่างที่ภัทเข้าใจนะ”

“ใช่ซี่ภัทมันแก่แล้ว ภัทมันเป็นของตาย หมดความตื่นเต้น ไม่มีความสำคัญอะไรแล้ว”

“ไปกันใหญ่แล้วภัท ผมบริสุทธิ์ใจนะครับ”

“แล้วทำไมจะต้องไปเล่นเปียโนเล่นขิมกับมันด้วย มันงานอะไรกัน แล้วทำไมก่อนหน้านั้นศุกร์ไม่เห็นบอก ไม่เห็นเล่าให้ภัทรู้ ถ้าไม่มีคนเอาคลิปไปโพสต์ ภัทก็คงจะโง่ไปอีกนาน”

“ภัทครับ ใจเย็น ๆ มันไม่ใช่อย่างที่ภัทเข้าใจนะ”

“ถ้าไม่อยากเห็นภัทไปอาละวาดที่บ้านไพรให้ได้อับอายกันไป ภัทพูดได้คำเดียวว่า อย่ายุ่งกับนังเด็กนั่นในทุกกรณี ภัทบอกได้แค่นี้แหละ”
“ครับ”

“แค่นี้แหละ ภัทเย็นไม่พอที่จะคุยกับศุกร์...ขอเวลาให้ภัททำใจหน่อย...”


วางโทรศัพท์ลงไม่ถึงห้านาทีโทรศัพท์ที่วางไว้บนหัวเตียงก็ดังขึ้นมา...และพอเห็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ คชาพัฒน์ก็นิ่วหน้า เพราะยามดึก ไม่เคยมีใครโทรหาเขานอกจากคนคุ้นเคยกัน

“ภัทเองหน่อง” แค่ได้ยินน้ำเสียงห้วน ๆ คชาพัฒน์ก็พอจะเดาออกว่า ต่อไปมันจะมีเรื่องอะไร

“ครับคุณภัท มีอะไรกับหน่อง”

“อย่ามาตีหน้าซื่อเสียงใส ทำอะไรกันลงไป อย่าคิดว่าภัทรู้ไม่ทันนะ” ก่อนหน้านั้นภัทรินโทรไปหาป้าสมานมาแล้วเพื่อจะสืบความและขอเบอร์ของคชาพัฒน์มาโทรระบายอารมณ์และแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อ

“เรื่องอะไรครับคุณภัท เรื่องอะไรกัน”

“เรื่องนังเด็กน้ำผึ้งกับศุกร์ ปั้นมันขึ้นมาเพื่อจะจับศุกร์ใช่ไหม อย่าคิดว่าภัทไม่รู้นะ ลูกไม้ตื้น ๆ แค่นี้ภัทอ่านออกหรอก รวมหัวกันกับคุณแม่เอานังผึ้งมาล่อศุกร์ให้ติดกับดัก เชอะ คิดหรือว่าภัทรู้ไม่ทัน”

“แล้วคุณศุกร์เขาว่าอย่างไรล่ะ”

“ภัทต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม เหตุมันเกิดตรงไหนก็ต้องดับตรงนั้น ภัทเห็นคลิปขิมเปียโนแล้ว แล้วก็เดาได้ไม่ยากหรอกว่ามันเป็นฝีมือของใคร...บอกหน่องไว้ก่อนเลย ถ้าไม่อยากเห็นภัทไปอาละวาดให้โครงการพันแปดร้อยล้านพังพินาศละก็ สั่งสอนเด็กของหน่องให้ดี อย่าได้คิดแย่งผัวภัทเด็ดขาด”

“ครับ”

“แค่นี้แหละ...”

ภัทรินตัดสายโทรศัพท์ไปแล้วคชาพัฒน์ที่รู้สึกง่วงนอนเมื่อก่อนหน้านั้น หายไปเหมือนปลิดทิ้ง...เขามองโทรศัพท์นิ่งครุ่นคิดว่าจะโทรหาวรรณ
ศุกร์ดีไหม แต่แล้วโทรศัพท์ของคชาพัฒน์ก็ดังขึ้นอีก คราวนี้เป็นเบอร์ของป้าสมาน...

“คุณภัทโทรหาหน่องหรือยัง”

“โทรมาแล้วป้า...เขาขอเบอร์หน่องจากป้าใช่ไหม”

“อืม...ป้าเลยถูกถอนหงอกไปด้วยเลย โทษฐานที่ไม่รายงานเรื่องขิมเรื่องเปียโนให้คุณภัทเธอรู้”

“แล้วป้าจะบอกเรื่องนี้กับคุณนายไหม”

“ป้าคิดว่าไม่บอกหรอก คุณนายยิ่งไม่ค่อยชอบคุณภัทอยู่ด้วย จะพลอยเกลียดชังน้ำหน้าหนักเข้าไปอีก...แล้วอนาคตมันก็ไม่มีอะไรแน่นอน เผื่อเขาได้มาเป็นแม่ผัวลูกสะใภ้กันจริง ๆ ป้าเป็นคนกลางจะลำบากใจ แล้วตกลง ผึ้งมันคิดอะไรกับคุณศุกร์หรือเปล่าหน่อง”
“ถ้าป้าเป็นผึ้ง ป้าจะรู้สึกดี ๆ กับคุณศุกร์ไหมละ”

“ป้าเข้าใจมันแหละ...เวรกรรมแท้ ๆ เลย อย่างไรก็เตือน ๆ มันหน่อยนะ อย่าใกล้ชิดคุณศุกร์นัก ต่อไปป้าก็จะห้าม ๆ คุณนายเหมือนกัน เดี๋ยวจะกลายเป็นกามเทพไม่มีผมหงอกกันซะก่อน หน่องเองก็ด้วยนะ ไม่ต้องให้ผึ้งกับคุณศุกร์ทำกิจกรรมอะไรด้วยกันอีกแล้วนะ”

วางสายลงแล้วคชาพัฒน์ก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง...ครุ่นคิดว่าจะจัดการเอาคืนภัทรินคนขี้หึงไม่ดูตาม้าตาเรือนี้อย่างไร...วรรณศุกร์นั้นแสนดีประเสิรฐศรี ตีต้นไปก่อนไข้ก่อนแบบนี้ พลอยให้คนอื่นเขาชังน้ำหน้า...แล้วคชาพัฒน์ก็คิดได้ว่า ให้โครงการพันแปดร้อยล้านของเธอสำเร็จก่อนเถอะน่า เมื่อนั้น คงได้สู้กันอีกสักยก...


“ผึ้งรู้เรื่องที่เราจะขึ้นเวทีนางนพมาศบ้านไพรแล้วใช่ไหม” นงลักษณ์เอ่ยปากถามน้ำผึ้งในขณะที่นั่งกินข้าวมื้อกลางวันอยู่ด้วยกันในโรงอาหาร น้ำผึ้งที่นั่งหลังตรงตักข้าวเข้าปากมองหน้านงลักษณ์ สบตากันแล้วน้ำผึ้งก็เห็นแววตาจริงใจของเพื่อนที่โตมาด้วยกัน

“รู้แล้ว รู้นานแล้ว”

“ผึ้งไม่ว่าเรานะ...เพราะเราเคยบอกกับผึ้งว่าไม่สนใจเรื่องประกวดนางงาม”

“ชีวิตเราไม่มีอะไรแน่นอนหรอกลักษณ์ ผึ้งเองก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้เลยนะ...ลักษณ์ก็รู้นี่ และดีไม่ดี ลักษณ์อาจจะไปได้ไกลกว่าผึ้งก็ได้”

“ถึงเราจะเป็นคู่แข่งกันที่เวทีนี้ แต่เรายังเป็นกำลังใจให้ผึ้งอยู่เสมอนะ ผึ้งต้องสู้ ต้องไปให้ถึงเวทียอดพธูไทย เราลงจากเวทีนี้แล้ว เราก็คงไม่มีคิดเดินไปเวทีไหนแล้ว”

“แต่แม่ของลักษณ์อยากให้ลักษณ์”

“เราตกลงกับแม่แค่เวทีนพมาศบ้านไพรกับรถหนึ่งคันขับไปเรียน ถามว่าเราอยากได้ตำแหน่งนางนพมาศไหม เราไม่อยากหรอกผึ้ง เพราะฉะนั้นผึ้งไม่ต้องออมแรงให้เรานะ ลุยให้เต็มที่...และถ้าผึ้งได้ตำแหน่งนางนพมาศบ้านไพร เราจะไปแก้บนไข่ต้มกับหลวงพ่อหินให้ผึ้งอีกร้อยใบ และถ้าผึ้งไปยอดพธูไทย ผึ้งได้ตำแหน่ง กลับมาเราจะเพิ่มไข่ต้มให้หลวงพ่อหินเป็นพันใบเลย!”

น้ำผึ้งเบ้หน้าเพราะรู้สึกตื้นตันใจ แล้วน้ำผึ้งก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวเมื่อนงลักษณ์พูดยืดยาวว่า

“เราแค่อยากได้รถเท่านั้นผึ้ง ผึ้งต้องไปให้ถึงยอดพธูไทยนะ ผึ้งต้องเป็นเสาหลักให้ครอบครัว และผึ้งต้องทำให้คนที่ผึ้งแอบรักอยู่เสียดาย เสียดายที่มองผ่านผึ้งไป...สู้ ๆ นะผึ้ง”


เมื่อเคลียร์กับน้ำผึ้งเรียบร้อยนงลักษณ์ก็รู้สึกสบายใจ เพราะเมื่อน้ำผึ้งเปิดใจว่า มีใจให้วรรณศุกร์เป็นอย่างมากนงลักษณ์ก็รู้แล้วว่า ไม่มีวันที่คนอย่างน้ำผึ้งจะสนใจว่าที่สิบตำรวจตรีภานุวัฒน์อย่างแน่นอน และ นงลักษณ์ก็เผยความรู้สึกให้น้ำผึ้งได้รู้ว่า ตนเองนั้นรู้สึกชอบภานุวัฒน์ ซึ่งน้ำผึ้งก็บอกว่าจะพยายามช่วยเหลือให้ความรักของนงลักษณ์สมปรารถนา...

ฝ่ายจวงจันทร์นั้นแม้จะอุ่นใจว่าได้นงลักษณ์มาเป็นคู่แข่งกับน้ำผึ้งนางงามตัวเก็งที่ตอนนี้ผู้คนต่างร่ำลือไปทั่วบ้านไพรว่าจะต้องได้ตำแหน่งนางนพมาศในปีนี้อย่างแน่นอน และถ้าน้ำผึ้งได้เพราะกระแสช่วย ตนก็จะต้องเสียเงินหนึ่งหมื่นบาทให้กับคชาพัฒน์ไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ...ซึ่งจวงจันทร์เพิ่งมาคิดได้ว่างานนี้ เนื้อก็ไม่ได้กินหนังก็ไม่รองนั่ง แล้วไยจะต้องเอากระดูกไปแขวนคอ...ดังนั้นเมื่ออาจารย์นวลอนงค์มาทำผม จวงจันทร์จึงไม่อ้อมค้อมที่โยนเรื่องเดิมพันระหว่างน้ำผึ้งกันนงลักษณ์ไปให้อาจารย์นวลอนงค์รับผิดชอบ...

“บอกตรง ๆ ว่าเจี๊ยบไม่มั่นใจในตัวนงลักษณ์สักเท่าไหร่ เพราะกระแสของผึ้งนั้นแรงมาก”

“หมายความว่าไง” นวลอนงค์คิดว่าจวงจันทร์จะไม่ช่วยดันนงลักษณ์ขึ้นเวทีเพราะใจฝ่อ

“คือ เรื่องเงินพนันกับหน่องนั่น บอกตรง ๆ ว่า เจี๊ยบกังวลใจ คือ เจี๊ยบอยากจะโยนเรื่องเงินเดิมพันไปให้อาจารย์ได้ไหมคะ เพราะเจี๊ยบเอง อาจารย์ก็น่าจะรู้ว่า อะไรเป็นอะไร” นับตั้งแต่บ้านใหญ่ของผู้อำนวยการพกปืนมาทำผม ความสัมพันธ์ระหว่างจวงจันทร์กับผู้อำนวยการโรงเรียนก็ขาดสะบั้นลงแม้จะยังติดต่อกันทางโทรศัพท์ได้ แต่คนที่ไม่ได้นอนคุยกัน ย่อมคุยกันยากขึ้นกว่าเดิม...

“ตั้งหมื่นหนึ่งแน่ะ” นวลอนงค์ก็ไม่ค่อยมั่นใจในตัวลูกสาวนักแต่ว่าเมื่อจวงจันทร์เอ่ยปากมาแบบนี้แล้ว จะถอยก็ใช่ที่

“ถ้างั้นคนละครึ่งได้ไหม...เสี่ยงด้วยกัน ช่วยได้เท่านี้จริง ๆ”...

เป็นอันว่าจวงจันทร์นั้นลดความเสี่ยงเรื่องเงินพนันลงไปครึ่งหนึ่งกับมีหวังจะได้เงินเพิ่มอีกครึ่งหนึ่งหากว่านงลักษณ์ได้ที่หนึ่ง เพราะว่าถ้าอาจารย์นวลอนงค์ไม่อยากเสียเงินห้าพันบาทหรืออยากได้เงินรางวัลอีกครึ่งเหมือนจวงจันทร์ นวลอนงค์ก็ต้องวิ่งเต้นอย่างเต็มกำลังเช่นกัน

...และเมื่อนวลอนงค์กลับไปแล้ว จวงจันทร์ก็โทรศัพท์หาพรทิพย์...

“ทิพย์จ๊ะ ลอยกระทงปีนี้มาเที่ยวบ้านไพรไหม มาดูประกวดนางนพมาศ เจี๊ยบส่งเด็กขึ้นเวทีนะเป็นลูกสาวครูที่บ้านไพรนี่แหละ”

“ต้องถามทิพากรก่อนว่าเขาจะไปไหนหรือเปล่า”

“เขายังจะไปไหนมาไหนกับแม่เขาอยู่อีกเหรอ”

“ก็ต้องถามเขาก่อน เดี๋ยวจะโทรไปบอก แต่ก็อยากไปเหมือนกัน อยากลุ้นนางงามบ้านนอกสนุกดี”



วางสายจากจวงจันทร์แล้วพรทิยพ์ก็เรียกลูกสาวที่นั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ใกล้ ๆ ...

“มีอะไรคะคุณแม่”

“ลอยกระทงปีนี้ไปเที่ยวไหนหรือเปล่า” ด้วยเรียนอยู่ระดับมหาวิทยาลัยแล้วทำให้ทิพากรค่อนข้างจะเป็นตัวของตัวเองอยู่ไม่น้อย และเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ทิพากรก็ขออนุญาตมีแฟน พรทิพย์เห็นว่าเมื่อผู้ชายหน้าตา

ดีแถมร่ำรวยเพราะเป็นลูกคหบดีใหญ่ เข้าตามตรอกออกตามประตูแสดงความจริงใจ พรทิพย์จึงสนับสนุนความรักของเด็กทั้งสองคน...แต่ว่าทิพากรนั้นก็ยังอยู่ในสายตาของพรทิพย์ตลอดเวลาตามประสาคนที่เคยเดินทางผิดพลาดมาก่อน

“ไม่ได้ไปไหนค่ะ” คู่รักของทิพากรจะออกค่ายอาสา ทิพากรเลยไม่ได้ใช้คืนวันสุดแสนโรแมนติกนี้ถักทอใยรักให้แน่นหนาขึ้นแต่ทิพากรก็เข้าใจเพราะแม้ไม่ได้เจอกันทุกวันแต่เขาก็เสมอต้นเสมอปลายคือสัญญาว่าจะโทรมาหาทุกวัน เขาก็หาได้ผิดคำสัญญา

“งั้นไปเที่ยวดูประกวดนางนพมาศที่บ้านไพรด้วยกันนะ น้าเจี๊ยบโทรมาชวนแม่เมื่อกี้นี้เอง”

“ประกวด...น่าเบื่อจะตายชัก”

“น่า คิดซะว่าไปเปิดหูเปิดตา ลองไปนั่งดูคนอื่นเขาเป็นตัวตลกดูบ้างซิ...”

“เพราะคุณแม่นั้นแหละ นึกแล้วอยากย้อนเวลากลับไปเสียจริง”

“ประสบการณ์ชีวิตน่า ไม่ลองแล้วจะรู้หรือว่ามันเป็นอย่างไร ไม่แน่นะ ไปบ้านไพรคราวนี้ ลูกอาจจะอยากไปเวทีใหญ่ระดับประเทศเลยก็ได้...รู้ไหมว่า น้ำผึ้งคนที่ได้ตำแหน่งเวทีกระท้อนหวานน่ะ ปีหน้าพี่เลี้ยงเขาจะส่งไปเวทียอดพธูไทยนะ”

“ทำไมเขากล้าไปล่ะแม่ ไม่กลัวเสียเวลาเปล่ารึ” ทิพากรเหยียดริมฝีปากดูแคลนหน้าตาและผิวพรรณของน้ำผึ้ง

“เขาอาจจะโมดิฟายด์ตัวเองให้ทันสมัยแล้วก็ได้...เพราะฉะนั้น ลองไปดูกันอีกทีว่าเขาน่ะจะมีสิทธิ์ไปลุ้นตำแหน่งที่เวทีใหญ่ไหม ตกลงไปกันนะ”

“ก็ได้ค่ะ”



เมื่อวันลอยกระทงปีที่แล้วภัทรินเดินทางไปบ้านไพร ปีนี้หญิงสาวจึงขอให้วรรณศุกร์มาหาตนที่กรุงเทพฯ แม้ว่ามันจะเป็นวันธรรมดา วรรณศุกร์โอนอ่อนผ่อนตามเพราะรู้ดีว่าที่ภัทรินอยากให้ตนไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพนั้น เพราะไม่อยากให้ไปเกี่ยวข้องกับเวทีประกวดนางนพมาศวัดบ้านไพรที่มีน้ำผึ้งขึ้นเวที...

ฝ่ายก้องเกียรติเมื่อรู้ว่าคนที่จะชักนำให้เขาไปเป็นกำลังใจให้น้ำผึ้งที่บ้านไพรไม่อยู่ เขาก็รู้สึกฝ่อขึ้นมา

“ไหนว่ารักจริงไง รักจริงก็ต้องเดินหน้า ลุยไปให้กำลังใจเขา...แสดงความจริงใจให้เขาเห็นมากเท่าไหร่ เขาก็คงจะต้องใจอ่อนในสักวัน”

“แต่ถ้าพี่ศุกร์ไม่อยู่ ผมก็ไม่รู้จะตากหน้าไปอย่างไร”

“ก็ชวนเพื่อนมาด้วยซิ”

“วันนี้ใคร ๆ เขาก็ไปกับแฟนกันทั้งนั้นแหละพี่”

“พี่ก็แนะนำได้เท่านี้แหละ พี่ขอตัวก่อนนะ ต้องเคลียร์งานก่อนจะเข้ากรุงเทพเย็นนี้” วางสายจากก้องเกียรติคนเจ้าปัญหาแล้ว วรรณศุกร์ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ...นับตั้งแต่คืนวันนั้น เขาก็ยังไม่เจอน้ำผึ้งอีกเลย คชาพัฒน์ที่เคยไปมาหาสู่คุยเรื่องน้ำผึ้งให้ฟังเป็นนานสองนานก็แวะมาเพียงประเดี๋ยวประด๋าวและก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องน้ำผึ้งให้เขารับรู้อีก...ซึ่งเขามารู้จากปากป้าสมานในทีหลังว่า คืนนั้น นอกจากภัทรินจะโทรมาระบายกับเขาแล้ว ภัทรินก็ยังโทรหาป้าสมานและคชาพัฒน์ด้วย คชาพัฒน์คงไม่อยากจะมีปัญหาภัทริน และเขาเองก็ไม่อยากให้น้ำผึ้งมีปัญหาจนอนาคตซวนเซ เขาจึงต้องวางตัวห่างเหินจากน้ำผึ้ง...แต่ใช่ว่าเขาจะไม่ได้เงี่ยหูฟังคราวข่าวที่เล็ดลอดผ่านประตูห้องเข้ามาเป็นระยะ ๆ...
นอกจากจะเตรียมตัวขึ้นเวทียอดพธูไทยแล้ว คชาพัฒน์ยังหัดรถให้น้ำผึ้ง แถมยังพาไปฝึกฝนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด...

และเวทีนางนพมาศในค่ำคืนนี้ น้ำผึ้งก็เป็นตัวเก็ง โดยคู่แข่งมีแบ๊กดีชื่อนงลักษณ์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันขึ้นสู้...งานประกวดนางนพมาศบ้านไพรปีนี้เขาจึงได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหู และถ้าถามเขาว่าเขาเชียร์ใคร เขาก็จะตอบได้อย่างเต็มปากว่า เขาเชียร์น้ำผึ้ง...

หลังจากที่ดวงอาทิตย์ลับหาย ชาวบ้านไพรต่างก็แต่งตัวออกจากบ้าน จุดประสงค์แรกคือลอยกระทงขอขมาพระแม่คงคาตามอริยะประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และจุดประสงค์รองก็คือดูประกวดนางนพมาศและชมมหรศพที่ทางวัดบ้านไพรวนารามจัดหามาแสดง...
ด้านหน้าเวทีประกวดนางนพมาศคราคร่ำไปด้วยผู้คนจนเก้าอี้ที่ทางคณะกรรมการได้เตรียมไว้หมดลงอย่างรวดเร็ว...คชาพัฒน์ที่เป็นพี่เลี้ยงของน้ำผึ้งนั้น นั่งอยู่หลังคณะกรรมการคู่กับนัยนิต สำลี น้ำอ้อย น้ำหวาน น้ำต้อย สำรวย สมาน และคุณนายวรรณีเจ้าของตลาดบ้านไพรหนึ่งในสปอนเซอร์หลักที่ทำให้เวทีเกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน ถัดจากเก้าอี้ของคชาพัฒน์ไปนั้นเป็นประทิน ปวีณา ผู้ใหญ่ประทีป นาน้อยและภรรยาที่ปีนี้ไม่ได้ส่งสาวงามในหมู่บ้านมาชิงชัยด้วย...แต่ข่าวลือที่ว่าคืนนี้เป็นศึกช้างชนช้างจึงทำให้ผู้ใหญ่ประทีปกับภรรยาผู้ชื่นชอบการประกวดประชันอยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง

และอีกฟากหนึ่งของเวทีก็มีกลุ่มของคณะครูอาจารย์จากโรงเรียนบ้านไพรที่ต่างมาเป็นกำลังใจให้กับนวลอนงค์ซึ่งส่งลูกสาวคนสวยขึ้นประกวดชิงชัยกับน้ำผึ้งเด็กสร้างของคชาพัฒน์เจ้าของตำแหน่งธิดากระท้อนหวานและรองอันดับสามธิดาน้อยหน่าผู้ที่มีกระแสเป็นรองเพราะว่าเป็นเพียงลูกแม่ แต่ทว่ากลับได้รับการหนุนหลังจากคุณนายวรรณีเจ้าของตลาด และมีข่าวลือว่าน้ำผึ้งนั้นเป็นหวานใจของสารวัตรทะนงศักดิ์ผู้มากบารมี
น้ำผึ้งกับนงลักษณ์จึงกลายเป็นคู่ชกที่ดูจะสูสีในความรู้สึกของคนส่วนใหญ่

ดังนั้นกระแสเงินเดิมพันในศึกครั้งนี้จึงไม่เป็นเอกฉันท์ บ้างก็ว่าน้ำผึ้งนอนมา บ้างก็ว่านงลักษณ์นั้นสวยกว่าและแบ๊กดีกว่าเป็นไหน ๆ...
ฝ่ายจวงจันทร์ที่ส่งนงลักษณ์ขึ้นประกวดนั้นไม่อุ่นใจเหมือนปีที่แล้ว เพราะรู้ดีว่านงลักษณ์นั้นไม่ให้ความร่วมมือยามเมื่อต้องเทรนด์ก่อนขึ้นเวที ซึ่งผิดกับศุภวารีที่มีปมด้อยเรื่องส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ว่า ศุภวารีนั้นไม่ได้ดูด้อยในท่วงท่ายามอยู่บนเวทีและรอบตอบคำถามศุภวารีก็มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดพอตัว

“นงลักษณ์เขาสวยนะ สวยกว่าทิพากรอีก” พรทิพย์กระซิบบอกจวงจันทร์ที่นั่งเงียบ

“แต่น้ำผึ้งเขาผ่านเวทีมาแล้ว คนมีประสบการณ์ย่อมเป็นต่อและที่สำคัญคนทั้งบ้านไพรรู้จัก
น้ำผึ้งมากกว่านงลักษณ์”

“ทำไมละ”

“น้ำผึ้งเขาขายลูกชิ้นปิ้งอยู่หน้าตลาด คนส่วนใหญ่เลยเชียร์น้ำผึ้ง คณะกรรมการเองแม้จะถูกรอบบี้มาแล้วก็ใช่ว่าจะเชื่อใจได้ เพราะสารวัตรทะนงศักดิ์ที่มาติดพันน้ำผึ้งเขาก็เป็นกรรมการด้วยเหมือนกัน หน่องเขาก็คงจะต้องวิ่งเข้าหาให้ช่วยบ้างแหละ”

“งั้นก็ลุ้นกันต่อไป...”

“ถ้าแพ้น้ำผึ้ง เงินค่าแต่งตัวก็สูญ...เสียเงินเดิมพันให้หน่องอีกห้าพัน” จวงจันทร์นั้นรู้สึกหนักใจเพราะรู้ดีว่าฝ่ายตนเองนั้นไม่ได้เป็นต่ออย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน

“เอาน่า กระโดดขึ้นหลังเสือไปแล้ว อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด”



ที่ด้านหลังเวทีนั้นน้ำผึ้งกับนงลักษณ์สาวงามที่ถูกจับตามองนั้นหาได้ตื่นเต้นลุ้นกับผลการตัดสินในค่ำคืนนี้เช่นคนหน้าเวที ทั้งคู่ยิ้มแย้มเล่นหัวกันเหมือนกับว่า คืนนี้เป็นคืนที่ทั้งคู่ต้องแสดงจำอวดอยู่บนเวทีเท่านั้น

“ผึ้งมองกล้องหน่อย” นงลักษณ์นั้นมีโทรศัพท์มือถือรุ่นสมาร์ทโฟนจึงเล็งเลนส์กล้องไปหาน้ำผึ้งที่อยู่ในชุดไทยนุ่งยกหน้านางสไบเฉียงลายฉลุเกล้ามวยสูงติดเครื่องประดับแพรวพราว

น้ำผึ้งหันมาหากล้องของนงลักษณ์ตามเสียงเรียก นงลักษณ์กดชัตเตอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...และน้ำผึ้งก็ขอนงลักษณ์ถ่ายรูปให้นงลักษณ์บ้าง...สุดท้ายทั้งคู่ถ่ายรูปร่วมกัน แล้วนงลักษณ์ก็โพสต์รูปที่ทั้งถ่ายเดียวและถ่ายคู่เข้าสู้โปรแกรมอินสตาแกรมและเฟชบุ้คให้เพื่อน ๆ รับรู้ว่าหลังเวทีนั้นสถานการณ์เป็นเช่นไร

โดยนงลักษณ์เขียนข้อความว่า ‘แม้คืนนี้เราสองคนจะเป็นคู่แข่งของกันและกัน แต่เราก็เป็นเพื่อนกัน’
เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่เคยไปให้กำลังใจน้ำผึ้งและตามมาให้กำลังใจทั้งคู่เมื่อเห็นรูปที่นงลักษณ์โพสต์ออกไปต่างก็กดถูกใจให้ บ้างก็ว่า “น้ำใจนักกีฬามีอยู่จริง”

“นับถือในมิตรภาพของเธอทั้งคู่”

“เอาใจช่วยทั้งสองคน...” ฯลฯ

“ทุกคนฟังทางนี้นะคะ ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเราจะได้ขึ้นเวทีกันแล้ว เชิญทุกคนทางนี้ค่ะ” พี่เลี้ยงกองประกวดส่งเสียงขัดจังหวะเหล่าบรรดาสาวงามจำนวน 12 คน ที่มาจากหมู่บ้านต่างๆ ในตำบลบ้านไพร

สาวงามจำนวนหนึ่งโหลต่างหยุดคุยกันหันไปมองต้นเสียง และก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาล้อมวงฟังขั้นตอนที่จะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า...
และนงลักษณ์ก็ใช้ช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนจะขึ้นเวทีนั้นส่งรูปตัวเองไปเซอร์ไพรส์ภานุวัฒน์...






จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ค. 2556, 05:46:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ค. 2556, 05:47:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1815





<< 28. “ยายเด็กโง่เล่นตัวไม่ไม่รู้กาลเทศะ”    30. “จิตใจของผึ้งนี่นางงามมากเลยนะ...” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 18 ก.ค. 2556, 05:46:48 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ....


mottanoy 18 ก.ค. 2556, 07:04:02 น.
ลุ้นค้า


nateetip 18 ก.ค. 2556, 07:44:18 น.
ลุ้นเช่นกันค่ะ


เดิมเดิม 18 ก.ค. 2556, 08:49:30 น.
น้ำผึ้งกับพี่หน่องสู้เขานะ


nunoi 18 ก.ค. 2556, 09:20:52 น.
ลุ้นๆ ใครจะได้ตำแหน่งนางนพมาศ น๊าา


คิมหันตุ์ 18 ก.ค. 2556, 14:16:28 น.
มีแอบส่งรุปไปให้ตาวัฒน์ด้วยแฮะ อิอิ


Zephyr 22 ก.ค. 2556, 16:09:49 น.
ส่วไปให้นายวัฒน์ตาลุกเหรอ
ผึ้งกะนงลักษณ์สู้ๆน้าาาาาาา


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:25:28 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account