Uluru ด้วยรักนิรันดร์
ตอนที่ความรักนั้นจบลง
ชีวิตของผมก็เหมือนไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป ...
นานเท่านาน ...
หัวใจจมดิ่งลงไปสู่เบื้องลึกของความทรงจำอันเจ็บปวด
ตอนที่คุณหายไป ...
ชีวิตผมบาดเจ็บจนลืมไปว่ามันสามารถรักษาได้

นานเท่านาน ...
หัวใจได้เยียวยาด้วยหัวใจ ...
แล้วเราคงข้ามผ่านมันไปด้้วยกัน ...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ความลับกับยานอนหลับ


อยู่ๆ พีรพงษ์ก็เป็นลมล้มวูบลงไปท่ามกลางความตกอกตกใจของบรรดาเพื่อนฝูง
แล้วงานสังสรรค์พบปะเพื่อนเก่าที่กำลังสนุกสนานเฮฮาเต็มที่ก็มีอันต้องหยุดลงกะทันหัน ชายหนุ่มเองก็รู้สึกผิดที่เป็นเหตุให้งานจบลงด้วยไม่ดี ถึงอย่างนั้นเขาก็เพิ่งมีโอกาสมาคิดเสียใจในเรื่องนี้ก็อีกสิบชั่วโมงให้หลัง

ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาตอนสายๆ ของวันใหม่บนเตียงในโรงพยาบาล พอรู้สึกตัวสายน้ำเกลือที่ต่อเข้าตรงข้อพับแขนทำเขารู้สึกเจ็บขึ้นมา แม้จะแค่ขยับแขนเล็กน้อยเท่านั้นเอง
นอกหน้าต่างฝนลงเม็ดหนา ข่าวเมื่อหลายวันก่อนบอกว่าสภาพอากาศช่วงนี้มีโอกาสมีฝนฟ้าตกได้มากกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ และเป็นโชคร้ายคราวซวยหรือเปล่าไม่รู้ ที่ฝนครั้งตกเมื่อวันก่อนเขาดันไปตากมันมาเสียด้วย แต่จะว่าไปอาการครั่นเนื้อครั่นมันรุมๆ ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นอีก
พีรพงษ์คิดว่าเขาคงป่วย เพราะนอนน้อยแล้วมีเรื่องให้คิดมาก ไม่น่าจะเกี่ยวกับการนอนดึกบ่อยๆ หรืออาการนอนไม่หลับที่เขาเป็นอยู่

“อ้าวตื่นแล้วเหรอมึง” เสียงที่ทักขึ้นมานั้นแข็งและห้วน

พีรพงษ์หันไปทางเสียงก็เจอกอล์ฟ--เพื่อนสนิทอยู่ตรงนั้น ใบหน้ามันคลายกังวลแต่บ่งบอกอารมณ์โมโหอยู่ในที
กอล์ฟเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่มหาวิทยาลัย กับเพื่อนคนนี้พีรพงษ์คบหากันมานานและสนิทกันมากที่สุดในบรรดาเพื่อนฝูงทั้งหมด และก็น่าจะเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องราวระหว่างเขากับเกมมากกว่าใครทั้งนั้น

แต่นอกจากกอล์ฟแล้วยังมีเพื่อนๆ อีกหลายคนอยู่ด้วย แต่ละคนมีสีหน้าอ่อนเพลียแต่ดูผ่อนคลายแบบคนโล่งอก คงเป็นเพราะเรื่องที่เขาฟื้นขึ้นมาแล้วนี่มั้ง--ชายหนุ่มคิด

กอล์ฟเป็นคนแรกที่ปรี่เข้ามาที่เตียง จากนั้นเพื่อนคนอื่นอีกหลายคนก็ลุกตามกันมา เสียงเซ็งแซ่ถามไถ่อาการเขาประสานกันไปมา จนชายหนุ่มไม่รู้จะเริ่มตอบตรงไหน แต่คิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมาก

หลังจากฟื้นขึ้นมาได้ซักครึ่งชั่วโมงเพื่อนๆ ก็พากันทยอยกลับ เหลือเพียงกอล์ฟที่ยังอยู่เป็นเฝ้าเพื่อรอพ่อกับแม่ของพีรพงษ์มาถึงเสียก่อน ซึ่งก็คงเป็นเพื่อนคนนี้นั่นแหละที่เป็นธุระแจ้งข่าวให้ กับอีกคนที่อยู่ด้วยคือนมนต์-แฟนสาวของชายหนุ่มซึ่งถ้าจำไม่ผิด พีรพงษ์คิดว่าน่าจะเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลนี้ เพียงแต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนมาอยู่ในชุดไปรเวทแล้ว

พีรพงษ์เห็นว่าทั้งสองคนจ้องมาที่เขา นานพอดูแต่อีกฝ่ายก็ไม่พูดอะไรขึ้นมา เขาเลยชิงเอ่ยปากขึ้นมาก่อน

“มองอะไรว่ะกอล์ฟ กูมีอะไรแปลกไปเหรอ?”
“มึงเป็นไรว่ะไนท์?” พีรพงษ์มองหน้ากอล์ฟ สายตานั้นจริงจังเหมือนจะเค้นเอาคำตอบที่ถูกใจ
“ไม่เป็นไร กูรู้สึกเพลียนิดหน่อยเอง เพราะช่วงนี้กูนอนไม่พอมั้ง มันนอนไม่ค่อยหลับว่ะ”
“แค่นอนไม่หลับจริงเหรอวะ?”
“มึงอย่ามาปิดบังกูนะไอ้ไนท์ ตอบกูตามตรงนะ กูรู้ว่ามึงไม่ใช่แค่เพลียเพราะนอนไม่หลับแน่ๆ” ฝ่ายนั้นเค้นเสียงพูด สีหน้าโมโหกำลังเผยให้เห็น
“มนต์บอกกูว่ายาที่กูเจอในเป้มึง ตัวนี้มันเป็นยารักษาอาการโรคซึมเศร้า” กอล์ฟพูดพร้อมกับหันไปคว้าแผงยาบนโต๊ะหัวเตียงมาชูให้เขาดู
“แล้วอีกตัวนั่นก็ยากล่อมประสาท”
“นี่มึงใช้ยาเหรอวะ?” กอล์ฟพูดเสียงเข้มดัง อารมณ์ที่พุ่งขึ้นไปถูกสะกิดเตือนไว้ด้วยอารมณ์เย็นกว่าของแฟนสาว
“ค่ะพี่ไนท์ ยาตัวที่พี่กอล์ฟเอามาให้มนต์ดู มันไม่ได้ใช้ในเคสคนนอนไม่หลับนะคะ มันเป็นยาต้านโรคซึมเศร้ากลุ่ม TCAs ไม่ใช่ SSRI” นมนต์ติดพูดด้วยศัพท์ทางยา
“แต่อันนี้มนต์ไม่ค่อยห่วง ที่มนต์ห่วงคือทำไมพี่ถึงไปใช้ตัวต้านซึมเศร้าที่ออกฤทธิ์กล่อมประสาทแรงๆ นั่นมากกว่า ตัวนั้นใช้แล้วเกิดอาการติดได้ แล้วก็ยังทำให้ร่างกายดื้อยาได้ด้วยนะคะ” นมนต์พูดตำหนิด้วยเสียงเรียบๆ เบาๆ แต่ก็เป็นที่รู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงและเป็นกังวลจริง

พีรพงษ์รู้ว่าน้องเค้าหมายถึงยาอีกตัว เป็นยาตัวที่เขาขอร้องให้หมอจ่ายให้ในระยะหลังมานี้ หลังจากที่เขาไม่สามารถแก้อาการนอนไม่หลับได้ เขาเลยบอกให้หมอช่วยจัดยาที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วงเพิ่มขึ้นให้ด้วย

“....”
“ธรรมดาเค้าไม่ให้ใช้ตัวนี้กันนะคะ ถ้าไม่รุนแรงจริงๆ” นมนต์ต่อว่า
“....” ชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบอยู่บนเตียง

หลายปีแล้วที่พีรพงษ์มีปัญหาบางอย่าง และยังแก้ปัญหาบางเรื่องของชีวิตไม่ได้ ผลกระทบของมันก็คือเขากลายเป็นคนนอนไม่หลับ กลางคืนเหมือนกลางวันและกลางวันก็ยังคงเป็นกลางวัน บางครั้งสองสามวันติดกันที่เขาไม่สามารถข่มตาลงนอนให้เต็มอิ่ม ช่วงเวลาที่แย่ที่สุดคือช่วงที่ร่างกายมันไม่สามารถปฏิเสธความอ่อนเพลียที่ฝืนมาถึงขีดสุด ซึ่งตอนนั้นชายหนุ่มจะขาดพลังควบคุมตัวเอง และวูบดับเหมือนเทียนต้องลมแรง

แน่นอนว่าเขากังวลกับอาการที่ตัวเองเป็นพอดู

คุณหมอแนะนำให้เริ่มรักษาด้วยการกินยากล่อมประสาทแบบอ่อนๆ เพื่อวิเคราะห์ระดับอาการและหาทางแก้ไข แต่มันไม่ได้ผล จนที่สุดต้องทดลองใช้ยาตัวที่มันออกฤทธิ์แรงขึ้น ที่ผ่านมามันมีผลข้างเคียงแบบเล็กๆ น้อยๆ แต่คราวนี้คงไม่ใช่

ความลับเหมือนเป็นก้อนอะไรสักอย่างมาจุกที่คอหอย พีรพงษ์พูดไม่ได้ที่จะบอกว่าเขาถูกหมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคนอนไม่หลับเนื่องจากมีภาวะซึมเศร้าระดับรุนแรงและมีอาการเครียดระดับที่น่าเป็นห่วง ซึ่งเกิดจากการคิดมากเรื่องพยายามปกปิดอาการเป็นโรคซึมเศร้า แม้จะพยายามปรึกษาหมอบ่อยครั้งแต่ที่สุดเขาก็ยังสลัดอาการที่เป็นออกไปไม่ได้ ยาที่ต้องทานก็เพิ่มขนาดมากขึ้น

ชายหนุ่มไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำอย่างไร

“มึงไม่ต้องมาเงียบเลย บอกมาตามตรง ไม่งั้นกูจะบอกคุณลุงกับคุณป้า” กอล์ฟทุบมือลงบนเตียง เขาหมายถึงลำดวน แม่ของพีรพงษ์กับตุลย์--คนที่เป็นพ่อเลี้ยง
“ตกลงมึงยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับแม่กับลุงกูใช่ไหม?” ชายหนุ่มถามเสียงอ่อย
“ยังหรอก กูแค่บอกว่ามึงเป็นลมหมดสติเลยต้องเข้าโรงบาลนี่แหละ” ฝ่ายนั้นเสียงอ่อนลง

พีรพงษ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะเขายังไม่อยากให้ที่บ้านรู้เรื่องของเขา

มันยากเอาการที่พีรพงษ์จะมีครอบครัวในฝันเหมือนอย่างบ้านอื่น เขาเองก็อยากให้ครอบครัวของเขาสมบูรณ์และรักใคร่กลมเกลียวกัน เขาอยากให้ตัวเองพูดคุยกับที่บ้านมากกว่าที่เป็นอยู่ มากกว่าที่ทำตัวเหมือนตัวคนเดียวบนโลกอยู่ตลอดเวลา

พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่เขายังเด็ก เขาอาศัยอยู่กับพ่อเพียงสองคน เรื่องราวของสองคนพ่อลูกดำเนินมาถึงตอนที่พ่อเสียไป และแม่ที่แยกทางกับพ่อไปแล้วย้อนกลับเข้ามาในชีวิตของเขา ถ้าตอนนั้นพีรพงษ์กำลังเป็นเด็กวัยแค่สิบขวบก็คงสามารถรับเรื่องนี้ได้อย่างเต็มใจ เสียพ่อไปแต่ได้แม่กลับมา แต่เขาที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยในปีนั้น ครอบครัวกลายเป็นแค่สิ่งที่เคยเป็นความปรารถนาที่มันไม่เคยมีมาโดยตลอด และมันก็ไม่แปลกเลยที่เขาจะทำตัวเสมือนทั้งสองคนนั้นเป็นคนที่เขาแค่รู้จัก

แต่ถึงอย่างนั้นพีรพงษ์ก็ไม่ใช่คนขวางโลกจนไม่ยอมรับเรื่องนี้ ถึงอย่างนั้นในใจลึกๆ ผมเลือกปฏิเสธความสัมพันธ์ในครอบครัว และแสวงหาการสร้างครอบครัวของตัวเองที่สมบูรณ์พร้อมเป็นการชดเชย

แล้วเกมก็คือคนที่เข้ามาตรงนั้น ด้วยแรงดึงดูดของคนที่ต่างขาดอะไรบางอย่างในชีวิต เพราะฉะนั้นคนสองคนที่โหยหาส่วนเติมเต็มจึงเข้ามาคู่กัน เขามีครอบครัวก็เหมือนไม่มี ส่วนเกมไม่มีใครสักคนเพราะพ่อกับแม่เสียไปตั้งแต่เกมยังเด็ก ครอบครัวของป้าก็คือครอบครัวของคนอื่นที่เธอแค่ได้พึ่งพาอาศัย

พีรพงษ์เคยเชื่อว่าเขากับหญิงสาวจะสามารถดูแลกันและกันด้วยความรักได้

แต่มันไม่สำเร็จ ระหว่างทางเดินของเขากับเกม มันไม่สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจ และเมื่อฝันนั้นพังลง จิตใจและชีวิตของชายหนุ่มก็จมลงไปในความมืดดำที่มองไม่เห็น – แล้วเขาก็เริ่มต้นป่วยไข้ที่ไม่ใช่ความเจ็บป่วยทางกาย

“....”
“มึงอย่ามาเงียบไอ้ไนท์” คนยืนข้างเตียงขึ้นเสียง
“ออกจากโรงพยาบาลก่อนแล้วกันกูจะเล่าให้มึงฟัง แต่มึงห้ามบอกแม่กูกับลุงตุลย์ให้รู้เรื่องนี้เด็ดขาดนะ” เขายื่นข้อเสนอเมื่อตกอยู่ในสถานะจำยอมแบบนั้น
“สัญญาลูกผู้ชายนะมึง”
“ได้ กูสัญญา”

ไม่นานผู้เป็นแม่กับคนเป็นพ่อเลี้ยงก็เดินทางมาถึง สีหน้าแม่ดูตื่นตระหนก ส่วนลุงตุลย์นั้นยืนดูผู้เป็นภรรยากับลูกเลี้ยงสอบถามอาการกันอยู่ห่างๆ นมนต์เป็นคนรายงานอาการของเขา พีรพงษ์ไม่ทันฟังหรอกว่าหญิงสาวแฟนของเพื่อนสนิทพูดอะไรไปบ้าง แต่คิดว่าน่าจะรักษาในสิ่งที่ขอร้องกัน

ก่อนกลับกอล์ฟยังทวงถามถึงสัญญาในเรื่องที่เขาปกปิดอยู่

พีรพงษ์ไม่เคยเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้เลย มันคือความพยายามอย่างที่สุดที่จะปิดซ่อนอาการอักเสบของชีวิตไว้เบื้องหลังภาพปกติทั่วไป แต่น็อตที่มันคลอนมานาน เกลียวที่มันฝืนขัดไว้อย่างหมิ่นเหม่ ที่สุดก็ต้องส่งผลต่อชีวิตวัตถุอย่างชายหนุ่มจนได้ กระสุนปืนจากปากกระบอกที่จ่อหัวพีรพงษ์ไว้ ที่สุดไกปืนก็คลายตัว

กระสุนก็พุ่งออกมา
.....................



นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ค. 2556, 13:29:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ค. 2556, 13:29:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 890





<< เหตุผลกับงานเลี้ยง   คำสารภาพกับมือสัมผัส >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account