Uluru ด้วยรักนิรันดร์
ตอนที่ความรักนั้นจบลง
ชีวิตของผมก็เหมือนไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป ...
นานเท่านาน ...
หัวใจจมดิ่งลงไปสู่เบื้องลึกของความทรงจำอันเจ็บปวด
ตอนที่คุณหายไป ...
ชีวิตผมบาดเจ็บจนลืมไปว่ามันสามารถรักษาได้

นานเท่านาน ...
หัวใจได้เยียวยาด้วยหัวใจ ...
แล้วเราคงข้ามผ่านมันไปด้้วยกัน ...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: คำสารภาพกับมือสัมผัส


หลังถูกคาดคั้นเอาคำตอบจนต้องรับปากจะเล่าเรื่องราวทั้งหมด

ในบ่ายของสุดสัปดาห์ถัดมา พีรพงษ์นัดเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นให้กอล์ฟกับนมนต์ฟัง

มันเป็นบ่ายที่แดดร้อนและลมแรงจัดพัดกระหน่ำ แต่ใจของชายหนุ่มกลับร้อนรนรุนแรงยิ่งกว่า แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่อยากพูดนักแต่เมื่อรับปากไปแล้วก็จำเป็นต้องทำตามนั้น นั่นเพราะใจหนึ่งเขาไม่อยากให้แม่หรือครอบครัวใหม่รับรู้เรื่องนี้ อย่างน้อยๆ เพื่อนคนนี้กับแฟนของมันก็คงจะช่วยปกปิดเรื่องราวได้

“ตกลงไม่มีเรื่องอื่นที่มึงยังไม่เล่าอีกแน่นะ” กอล์ฟซัก
“ไม่มีแล้ว กูเล่าทุกเรื่องแล้วล่ะ” พีรพงษ์บอก
“แน่นะเว้ย?” อีกฝ่ายยังคงถามย้ำ
“เออสิ...”

เป็นจริงตามนั้นตามที่พีรพงษ์พูด เขาเล่าทุกเรื่องราวตั้งแต่วันที่เลิกกับเกม สาเหตุ การทะเลาะกัน คำที่เขาบอกกับหญิงสาวคนรัก เล่าคร่าวๆ ถึงความฝันที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เน้นพูดถึงอาการนอนไม่หลับที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีๆ จนถึงช่วงที่เขาเริ่มอาศัยการใช้ยาช่วย โดยไปหาซื้อยาจากร้านเภสัช ส่วนตัวไหนที่มันซื้อทั่วไปไม่ได้เขาก็ขอให้หมอช่วยเป็นธุระหาให้

“แล้วจะเอายังไงต่อดีล่ะมนต์” กอล์ฟหันไปถามคุณหมอสาว
“นมนต์พอจะมีหมอที่รักษาอาการพวกนี้ไหม? จิตแพทย์ก็ได้” กอล์ฟถามแฟนตัวเอง
“เฮ้ยๆๆ กูไม่ได้ป่วยเป็นโรคจิตนะเว้ย” พีรพงษ์โวยวาย
“เดี๋ยวนมนต์จะดูให้นะคะพี่กอล์ฟว่าจะจัดการเรื่องอาการเครียดและนอนไม่หลับให้พี่ไนท์ใหม่ได้ยังไงบ้าง” เธอบอก
“แต่นมนต์คงจะต้องเอาเคสพี่ไนท์ไปถามคุณหมอที่แผนกจิตก่อนนะ” เธอว่า
“เฮ้ยนมต์... พี่ไม่ได้เป็นโรคจิต ไม่ต้องหาจิตแพทย์ก็ได้” พีรพงษ์รีบคัดค้าน
“ไอ้ไนท์มึงเงียบๆ เลย อย่างมึงน่ะต้องหาจิตแพทย์ช่วยแล้ว” เพื่อนหนุ่มรีบทักท้วง
“พี่ไนท์อย่าคิดไปเองสิคะ การไปหาจิตแพทย์ไม่ได้แปลว่าเป็นโรคจิตซักหน่อย”
“อาการอย่างพี่เค้าเรียกว่าเป็นผลข้างเคียงจากการทานยาเป็นเวลานานๆ จนร่างกายเกิดอาการเคยชินต่อยา พอร่างกายชินก็เกิดการดื้อยาได้ค่ะ” นมนต์พยายามอธิบาย
“แต่ลึกๆ คงต้องให้แพทย์สายเฉพาะวินิจฉัยดูนะคะ แล้วอาการที่เป็นนี่เป็นเพราะพี่ไปใช้ยานอนหลับกลับยากล่อมประสาทด้วยกัน ด้วยความคิดว่ามันช่วยแก้ปัญหาเรื่องนอนไม่หลับนั่นแหละ” สายตานั้นมีแววตำหนิ
“เอาไว้เดี๋ยวกูให้น้องเค้าช่วยติดต่อจิตแพทย์ให้” กอล์ฟออกความเห็นโดยเน้นเสียงกระแทกที่บางคำ

พีรพงษ์นั่งฟังสองคนวางแผนแก้ปัญหาที่เขาเป็นอยู่เงียบๆ มองออกไปนอกหน้าต่างพลางคิดในใจ มันอาจจะดีก็ได้หากว่าเขาจะลองใช้กระบวนการรักษาที่มันถูกต้อง แต่เขาจะลืมเรื่องราวของเกมไปเลยหรือเปล่า? หรือความทรงจำจะไม่มีความหมายอีกต่อไป?
....................

พีรพงษ์กลับมาใช้ชีวิตมนุษย์ทำงานได้สักสัปดาห์ งานก็ยังคงเยอะจนอยากจะลาออกให้พ้นๆ ไป ถึงอย่างนั้นก็ได้แค่คิด

ตอนเย็นหญิงสาวผู้ที่กำลังเข้ามาในชีวิตแวะมารับเขาไปทานข้าวด้วยกัน ร้านที่ไปเป็นร้านอาหารกึ่งผับสไตล์โมเดิร์นที่เพิ่งเปิดร้านได้ไม่นาน ชีวิตของจูนมักวนเวียนอยู่กับการใช้ชีวิตเช่นนี้ ปาร์ตี้สังสรรค์กับผู้บริหาร ลูกค้ามีระดับ งานเลี้ยงสไตล์เก๋ๆ ตามแนวทางของธุรกิจที่เธอทำ ไม่แปลกเลยที่จูนจะค้นพบร้านอาหารที่มีแนวทางของตัวเอง

ในร้านมีแต่แขกรุ่นมีอายุหน่อยๆ มองหาเด็กรุ่นๆ ก็ท่าทางว่าอย่างน้อยคงเป็นระดับคนทำงานรุ่นใหม่แล้ว เด็กวัยรุ่นพวกนักเรียนนักศึกษาน่าจะไม่มี ดังนั้นพอนักร้องบนเวทีร้องเพลงฮิตสมัยเก่ายุคเกือบยี่สิบกว่าปีก่อนจบลง เสียงปรบมือด้วยความชอบใจเลยดังขึ้นห่าใหญ่ ชายหนุ่มคาดว่าแขกในร้านคงเกิดทันเพลงเหล่านั้นพอดี

จูนก็เหมือนกัน เธอปรบมือชอบใจก่อนหันมายิ้ม เธอยิ้มได้สวย—พีรพงษ์คิด แต่บางครั้งเขาก็รู้สึกอึดอัดในใจแบบแปลกๆ ทุกครั้งที่เจอกัน

“เพราะเน๊อะ?” หญิงสาวหันมาแสดงความเห็น
“เพลงนี้ต่อให้ฟังเมื่อไหร่ จูนก็ว่ามันเพราะจริงๆ เลย” หญิงสาวพร่ำเพ้อหน้าตาเพ้อฝัน
“อืม... ก็เพราะดี” เขาเออออ
“ฮึ..ก็แค่เพราะดีเหรอ?” หญิงสาวทำเสียงขึ้นจมูก
“ว่าแต่ทำไมทำหน้าเหมือนไม่สนุกเลยล่ะคะ” หญิงสาวถาม
“ไม่นี่ ก็สนุกดี” เขาแสร้งบอก พร้อมกับฝืนยิ้มแก้ต่าง
“ก็ไนท์ทำหน้าตาเหมือนไม่ชอบเลยนะ”
“คงเพราะผมไม่ค่อยสบายมั้ง ช่วงนี้อาการเหมือนไม่ค่อยสบาย” พีรพงษ์อ้าง

ที่จริงหญิงสาวโทรหาเขาเมื่อช่วงต้นบ่ายว่าอยากมีเพื่อนมานั่งฟังเพลงด้วย เพราะเธอจะไม่อยู่เมืองไทยหลายวัน เขาเองก็ไม่ได้ถามว่าเธอจะไปไหนอย่างไร เพราะเห็นว่าคงเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว แต่สุดท้ายก็เป็นเธอเองที่เล่าให้ฟังทั้งหมด

เธอเตรียมตัวบินไปติดต่องานที่ฮ่องกงประมาณหนึ่งสัปดาห์ ตอนที่จูนเล่าชายหนุ่มก็แอบคิดว่า ก็นั่นสินะ—เพราะในนามบัตรที่เคยแลกกันมันก็บอกว่าเธอเป็นถึงผู้บริหารของบริษัทนำเข้ากระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดัง

พีรพงษ์จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่ากระเป๋านำเข้าของหญิงสาวใบหนึ่งๆ ราคาหลักแสน สินค้าแต่ละตัวล้วนขึ้นห้างหรูเท่านั้น นั่นแหละ... จะว่าไปงานที่เธอทำก็เหมาะกับบุคลิกของเธอดี ผู้หญิงที่สวย ดูทันสมัย

รอบนี้เธอจะเป็นตัวแทนบริษัทบินไปทำสัญญาตกลงเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าแบรนด์ใหม่ที่คู่ค้าเดิมแตกไลน์สินค้าจับกลุ่มเป้าหมายใหม่อีกกลุ่ม แต่ก็ยังคงความเป็นสินค้าสำหรับลูกค้าระดับสูงอยู่ดี

“ขอจับมือหน่อยนะ” หญิงสาวว่าพร้อมกับยื่นมือบอบบางของเธอมาประสานกับมือของเขาที่ใต้โต๊ะ
....................

นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่สองที่พีรพงษ์จับมือกับเธอ

เมื่อวันก่อนสรัญญามารับเขาที่ใกล้อพาร์ทเม้นต์ เธอขอให้เขาเป็นเพื่อนไปดูหน้าร้านที่กำลังตกแต่งที่พัทยาตั้งแต่เช้า บริษัทของหญิงสาวกำลังดำเนินการตามแผนขยายธุรกิจในโซนภาคตะวันออก โดยเริ่มที่การเปิดหน้าร้านใหม่บนห้างใหญ่ในตัวเมืองชลบุรีก่อน

หญิงสาวแต่งหน้าสวยกว่าทุกครั้ง อาจจะเพราะเป็นการเจอกันตั้งแต่เช้าก็ได้ ขนาดว่าตอนเจอกันตอนเย็นหรือค่ำในแต่ละหนนั้น สรัญญาก็ดูน่ามองอยู่แล้ว เช้านี้เธอกลับยิ่งดูดีกว่าเป็นไหนๆ

หญิงสาวแต่งชุดลำลองสบายๆ เป็นชุดแซกลายแทบสีสด มีเสื้อโค้ทผ้าบางคลุมทับอีกชั้น สวมแว่นตากันแดดกรอบโต ปาดเรียวปากสวยด้วยลิปสติกสีชมพูสด ตอนที่เธอเอ่ยถามว่า “สวยมั้ย?” ชายหนุ่มตอบไปตามตรงราวโดยมนต์สะกด

ตลอดสายจนบ่าย จูนใช้เวลาดูงานและสั่งงานกับช่าง พร้อมทั้งดูรายการสินค้าที่จะจัดโชว์ในร้านและที่จะลงสต็อก เธอทำงานได้คล่องแคล่วว่องไว ไม่ต่างกับเกมเลย

ผู้หญิงคนนี้เวลาทำงานดูไม่ต่างกับเกมเลย เพราะเกมเป็นคนทำอะไรว่องไวด้วยความมั่นใจว่าตัวเองสามารถทำได้ ยิ่งตอนที่เธอเริ่มทำงานใหม่ๆ เขาเคยไปรอเธอทำงานออกบูธที่ห้างและที่ศูนย์การประชุมใหญ่หลายครั้ง เกมจะวิ่งไปวิ่งมา จัดการตรงนั้นตรงนี้ราวกับทำมาเป็นสิบๆ ปี และถึงจะผิดพลาดบ้าง เธอก็จะแก้ปัญหาได้แน่ เกมเป็นคนแบบนั้น--พีรพงษ์หลุดความคิดเปรียบเทียบกับหญิงสาวอีกหนึ่งคนโดยไม่รู้ตัว

ชายหนุ่มรีบดึงสติกลับมา เมื่อรู้ว่าคนที่ตนเองมองดูอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ใครคนนั้น แม้มันยากที่จะทำได้ในทันที แต่พอผ่อนคลายความนึกคิดได้ ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างง่ายๆ

เขาเอนตัวบนม้านั่งไม้ตัวยาวที่อยู่ตรงข้ามกระจกร้าน มองดูหญิงสาวจากตรงนั้น หญิงสาวที่เขาเห็นหยุดสายตาจากงานระยะ มองออกมาข้างนอกและยิ้มเมื่อเห็นว่าเขานั่งอยู่ตรงนั้น

หญิงสาวเสร็จจากงานดูความคืบหน้าของร้านสาขาในห้างนี้ ก่อนที่จะเตลิดไปดูว่าที่อีกสาขาที่พัทยากลาง คราวนี้พีรพงษ์เปลี่ยนมาเป็นคนขับรถให้ ก่อนเย็นนิดหน่อยธุระของหญิงสาวก็เรียบร้อย แต่เธอเริ่มหิวและนึกอยากหาอะไรทานที่นี่ก่อนกลับ

เธออยากยังอยากมีเวลาอยู่กับเขาแบบนี้ต่ออีกสักหน่อย—นั่นเป็นคำสารภาพตรงๆ ที่เป็นเหตุผลหลักของหญิงสาว

ร้านอาหารนานาชาติเรียงรายตลอดความยาวบนถนนเลียบหาด ส่งกลิ่นยั่วยวนชวนหิว ทั้งสองคนหยุดที่หน้าร้านอาหารอิตาเลี่ยนค่อนข้างใหญ่ร้านหนึ่ง หญิงสาวเป็นคนเปิดเมนูอาหารแนะนำที่หน้าร้าน โดยมีชายหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ

“ทำไมชอบเอามือล้วงกระเป๋าจังคะ มานี่มะ จูนขอมือข้างหนึ่ง” เธอว่าขณะเดินไปข้างกันเพื่อหาร้านอื่น

พีรพงษ์ดึงมือข้างขวาออกจากกระเป๋ากางเกงอย่างว่าง่าย

หญิงสาวประสานมือของเธอเข้ามาในมือเขา ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่ามือเล็กๆ นั้นอุ่นและสั่นหน่อยๆ ถึงการแสดงออกของหญิงสาวคนนี้จะตรงไปตรงมา แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าเธอตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

สองหนุ่มสาวเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งหลังจากเลือกอยู่หลายร้าน หญิงสาวจัดการสั่งอาหารเพื่อตัวเองและของชายหนุ่มด้วย เธอว่าปกติเธอทานอาหารญี่ปุ่นบ่อยๆ

เมื่อหญิงสาวเอ่ยถามถึงอาหารที่เขาชอบ พีรพงษ์ตอบว่าเขาชอบอาหารไทยๆ ธรรมดาๆ บางทีร้านข้างทางเขาก็ทานได้ หญิงสาวทำหน้าเจื่อนๆ เมื่อนึกได้ว่าตัวเองเป็นคนเลือกร้านนี้ แต่พีรพงษ์ก็ทันสังเกตเห็น

“แต่อาหารญี่ปุ่นก็มีบางเมนูที่ผมชอบนะ” เขาพูด
“อย่างเจ้านี่” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับชี้ไปยังชามตรงหน้า นั่นทำให้หญิงสาวยิ้มออก
“ใจดีจัง ใจดีแบบนี้กับทุกคนเสมอเหรอ?” จูนถามทั้งยิ้ม
“กินๆ ไปเถอะน่า” เขาแก้เขินเพราะถูกชม แต่เสี้ยวความคิดกลับผุดนึกคำพูดที่เขาต้องเผชิญอยู่ทุกค่ำคืน--“พี่ไนท์ใจร้าย”

หลังกินอาหารเสร็จ หญิงสาวของให้เขาเดินเล่นด้วยกันรอเวลาตะวันลับขอบฟ้าก่อนเดินทางกลับ ในจังหวะก้าวเท้าคู่กันผ่านเก้าอี้นอนริมหาดที่เรียงรายไปตลอดความยาวของถนน มือขวาของพีรพงษ์กุมจับมือเรียวเล็กของสรัญญาไว้ เธอมักหันมามองหน้าเขาบ่อยๆ ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงสิ่งที่สายตาของหญิงสาวแสดงออก แต่ลึกๆ เขาสงสารหญิงสาวจับใจที่ข้างในนั้นยังมีความรู้สึกอื่นและคนอื่นอยู่
....................

เสียงดนตรีท่อนจบหยุดลง คนในผับปรบมือให้ด้วยความถูกใจ เพลงที่เพิ่งจบลงไปเป็นเพลงของศิลปินที่เขาเคยชอบ แต่ตอนนั้นศิลปินที่เขาชอบคนนั้นยังเป็นศิลปินหน้าใหม่ ถ้าเป็นเพลงใหม่ๆ ตอนนี้ ถ้าไม่ใช่เพลงดังจริงเขาจะไม่รู้จักเลย พีรพงษ์กลายเป็นคนไม่ค่อยอัพเดตเพลงใหม่ๆ มาหลายปีแล้ว

สรัญญาเอนศีรษะลงบนไหล่ของเขา กลิ่นอ่อนๆ ของน้ำมันใส่ผมโชยแตะจมูก ในขณะที่แขนของเธอสวมกอดแขนของเขาไว้ และมือนั้นก็ยังกุมมือเขาอยู่ หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมองหน้าเขา พอจังหวะที่เขาก้มลงมองตอบ เธอก็ดันตัวเองขึ้นประทับจูบบนริมฝีปากเขาเบาๆ

“แทนคำว่ารักนะคะ” หญิงสาวพูดแล้วหัวเราะเบาๆ
....................



นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ค. 2556, 11:37:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.ค. 2556, 11:37:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 942





<< ความลับกับยานอนหลับ   ความผิดกับดินเนอร์ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account