สายรุ้งพร่างพรายที่ปลายฝัน
เรื่องย่อ สายรุ้งพร่างพรายที่ปลายฝัน (บัวสุพรรณ)
มัทรีเป็นลูกสาวของ ส.ส.วันชัย ซึ่งถูกส่งไปเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกา หล่อนใช้ชีวิตอย่างหรูหราและฟุ่มเฟือยสมกับเป็นลูกของคนมีเงินโดยไม่สนใจเรียน หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังของพ่อตนเองเป็นนักค้ายาเสพติด จนวันหนึ่งระหว่างบินมาเยี่ยมมัทรีที่อเมริกาก็ถูกจับได้โทษฐานขนยาเสพติดมาด้วย และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือมัทรี ยกเว้นเริงฤทธิ์ ซึ่งเอื้อเฟื้อให้หล่อนย้ายเข้าไปอยู่ด้วยในอพาร์ทเมนท์ส่วนตัว แต่ข่าวก็รู้ถึงแม่ของเขาซึ่งเป็นสตรีหม้ายที่อยู่ในสังคมระดับสูง ทำให้แม่ของเขา และศรุตซึ่งเป็นอาของเขาต้องบินมาจัดการไล่มัทรีออกจากชีวิตของเริงฤทธิ์
ด้วยความสงสารและต้องการแก้ปัญหาศรุตจึงเสนอเงื่อนไขให้หญิงสาวด้วยการจ่ายค่าเรียนให้แต่มัทรีต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับเริงฤทธิ์เด็ดขาด
มัทรีย้ายไปเรียนต่ออีกเมืองหนึ่งเพื่อตัดปัญหาเรื่องเริงฤทธิ์ตามคำแนะนำของศรุต หล่อนเรียนจนจบและตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตที่อเมริกา แต่กลับกลายเป็นว่า หล่อนกลับตัดสินใจใหม่ด้วยการบินกลับมาเมืองไทยด้วยเหตุผลเพียงเพราะ หล่อนอยากอยู่ใกล้กับศรุต ซึ่งบังเอิญว่าบริษัทที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ได้ประกาศรับสมัครพอดี
ทันทีที่ศรุตพบหน้ามัทรีก็เข้าใจว่า หญิงสาวกลับมาแบล็คเมล์เขาอีกรอบเพราะเห็นว่าเขาจ่ายเงินให้หล่อนได้ง่าย ๆ ในรอบแรก มัทรีเจ็บใจที่ถูกเขาเข้าใจผิดและพูดจาเสียดสีเย้ยหยัน จึงบอกว่าหล่อนต้องการจะใช้นามสกุลของเริงฤทธิ์ให้ได้ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เพราะหล่อนรู้อยู่แก่ใจว่าเริงฤทธิ์เป็นเกย์ แต่ต้องการตอบโต้เขา และขอค่าแลกเปลี่ยนด้วยการเรียกร้องเงิน บ้าน และรถ ซึ่งศรุตก็ตกลง แต่ก็คิดไว้แล้วว่าจะตัดสินใจแก้ปัญหานี้อย่างไร
มัทรีย้ายไปอยู่คอนโดที่ศรุตจัดไว้ตามคำเรียกร้อง แต่เมื่อเริงฤทธิ์กลับมาจากอเมริกา มัทรีก็ออกไปกับเขาเพราะปฏิเสธเพื่อนไม่ได้ ซึ่งทำให้ศรุตโกรธ และตัดสินใจที่จะจัดการขั้นเด็ดขาดกับหญิงสาวในที่สุด

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 5

บทที่ 5
หลายอาทิตย์มาแล้วที่มัทรีขอหนังสือพิมพ์เฉพาะส่วนที่มีหน้ารับสมัครงานจากร้านอาหารไทยที่หล่อนทำงานอยู่ติดกระเป๋ามาด้วย โชคดีไปอย่างที่หล่อนเป็นคนโปรดของป้านา จึงไม่โดนบ่น ไม่อย่างนั้นก็ไม่แน่ ผลประโยชน์ของป้านาตกหายไปอย่างนี้ ถ้าเป็นพนักงานคนอื่นอาจจะไม่ได้รับอณุญาติง่าย ๆ
แต่หล่อนก็ตอบแทนความใจดีนั้นด้วยการรีบไปให้เช้ามากกว่าเดิม เพื่อจะได้ช่วยทำงานให้มากขึ้น ขณะเดียวกัน หล่อนจะได้พอมีเวลาสำรวจดูหนังสือพิมพ์ที่วางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะรับแขกของร้านว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ถ้ามีเวลามากพอหล่อนก็จะเปิดดูหน้าที่ประกาศรับสมัครงานที่นั่นเสียเลย ถ้าไม่มีอะไรสะดุดตา หล่อนก็ไม่ได้ขอกลับมาที่พัก
“คิดถึงบ้านหรืออย่างไง พักนี้ ป้าเห็นอ่านแต่หนังสือพิมพ์บ้านเรา แต่ก่อนไม่เห็นสนใจ”
ป้านาออกปากจนได้ เมื่อเห็นหล่อนหมกมุ่นอยู่กับกองหนังสือพิมพ์นานไปหน่อย
มัทรีรีบวางหนังสือพิมพ์ที่หล่อนกางหน้าประกาศรับสมัครงานเอาไว้ขณะกวาดสายตาไปลวก ๆ แล้วหันไปมองคนถามพลางยิ้มให้ ก่อนจะตอบว่า “ เปล่าค่ะ” เอาไว้ก่อน
“แต่ก่อนต้องอ่านหนังสือสอบ ต้องทำรายงานส่ง เลยไม่ค่อยมีกะจิตกะใจจะดูอะไร ตอนนี้จบแล้ว ไม่ต้องทำอะไรกลางคืนก็เลยหาอะไรไปอ่านแก้เหงาน่ะค่ะ”
“แล้วไม่คิดจะกลับไปเมืองไทยบ้างหรือ”
หญิงสาวเกือบจะตอบว่า กำลังคิดอยู่ แต่นึกขึ้นได้ว่า ไม่ควรจะให้ใครรู้ว่าหล่อนกำลังหางานทำที่เมืองไทยอยู่อย่างขมักเขม้นในเวลานี้ โดยเฉพาะป้านานี่แหละ เกิดป้านานึกเสียดายว่าจะไม่มีใครช่วยผ่อนแรงถ้าหากหล่อนลาออกไป แล้วเลยไม่อณุญาติให้หล่อนเอาหนังสือพิมพ์กลับไป หล่อนจะหมดโอกาสทันที
“อยากทำงานเก็บเงินไปก่อนค่ะ กลับไปตอนนี้ หนูจะลำบาก เพราะไม่รู้จะมีงานทำที่เมืองไทยหรือเปล่า” หล่อนตอบตามความจริง แต่ไม่ทั้งหมด ป้านารู้ว่าพ่อแม่หล่อนตายหมดแล้ว เพราะเคยถามไถ่หล่อนเมื่อรู้จักกันใหม่ ๆ เพียงแต่ไม่รู้เท่านั้นว่าพ่อหล่อนตายในคุกที่อเมริกานี่แหละ ส่วนแม่จะมีชีวิตอยู่ หรือตายไปแล้วอย่างที่พ่อบอก หล่อนก็ไม่รู้เหมือนกัน เลยไม่ได้บอกรายละเอียดให้กับฝ่ายนั้นไป ซึ่งป้านาก็ไม่ได้ติดใจถามเพราะอยากรู้อะไรมากมายนัก แค่ชวนหล่อนคุยเสียมากกว่า
หล่อนรีบพับหนังสือพิมพ์ส่วนนั้นให้เรียบร้อยก่อนจะบอกว่า “ หนูขอนะคะ ป้านา”
ป้านาพยักหน้า แล้วถูพื้นทางด้านอื่นต่อไป ส่วนหล่อนก็รีบจัดการกับงานตรงหน้าอย่างว่องไวไม่โอ้เอ้เหมือนเมื่อสักครู่ บอกตัวเองว่าเดี๋ยวคืนนี้ค่อยดูแล้วกัน
หญิงสาวกลับถึงที่พักตรงตามเวลา ไม่เคยเถลไถลออกนอกเส้นทางเพราะกลัวว่าจะสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ หล่อนกระเบียดกระเสียน เสียจนบางครั้งยังอดรู้สึกสงสารตัวเองไม่ได้เหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้ บทเรียนที่หล่อนได้รับ มันน่ากลัวจนหล่อนไม่อยากกลับไปเดินซ้ำรอยมันอีก หนเดียวก็มากเกินไปแล้ว
หนังสือพิมพ์ที่หล่อนหิ้วกลับมาถูกกางขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้หล่อนไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เลยค่อย ๆ ไล่ดูไปทีละคอลัมน์ นิ้วของหล่อนกวาดไปเรื่อย ๆ ขณะสายตาก็มองตามไป และยังไปไม่ถึงไหนเลย ยังไม่ถึงครึ่งหน้าด้วยซ้ำ ที่หล่อนต้องสะดุดกึกกับคอลัมน์ประกาศรับสมัครพนักงานของบริษัทไทคอน
ไทคอน.... ใจของหล่อนเต้นแรงขึ้นมาทันทีทันควัน ตื่นเต้นจนแทบจะร้องออกมาดัง ๆ หล่อนจำได้ขึ้นใจว่าเป็นบริษัทของอดีตเจ้าของทุนของหล่อน ...ประกาศนั้นเป็นภาษาอังกฤษล้วน ๆ ไม่มีภาษาไทยเจือปนแม้แต่คำเดียว บริษัทต้องการคนที่ใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องทั้งสามด้าน อ่าน เขียน พูด จบปริญญาตรี มีประสบการณ์ในการทำงานจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ตามสไตล์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไม่คิดจะรับคนที่เพิ่งเรียนจบมาทำงาน ต้องให้ที่อื่นเขาฝึกมาจนเป็นเสียก่อนนั่นแหละ ถึงจะรับเข้ามาทำ
มัทรีดูหัวกระดาษหนังสือพิมพ์ เพิ่งจะเป็นฉบับที่ออกมาเมื่อวันพุธ นี่วันเสาร์ ผ่านมาแล้วสี่วัน ป่านนี้เขาจะได้คนหรือยังก็ไม่รู้ นี่เป็นโอกาสที่เข้ามาอย่างบังเอิญที่สุด ถ้าไม่เรียกว่าโชคดี แล้วจะให้หล่อนเรียกว่าอะไร ถ้าหล่อนไม่ทำอะไรซักอย่างก็ต้องเรียกว่าหล่อนโง่สิ้นดี เพราะที่หล่อนหางานทำเป็นวรรคเป็นเวรอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนี่น่ะ ไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าจะเจอประกาศของไทคอน หล่อนเพียงแต่มองหาบริษัทที่ดูเข้าท่าเท่านั้น เพื่อที่หล่อนจะได้ไปเริ่มต้นทำงานที่เมืองไทย แล้วค่อย ๆ หาโอกาสเข้าไปทำงานที่ไทคอน เมื่อหล่อนมีประสบการณ์พอสมควรแล้ว หล่อนคิดว่าอย่างไรเสีย บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างนั้นก็ต้องการคนเพิ่มไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพียงแต่หล่อนคิดไม่ถึงว่า วันนั้นมันจะมาถึงเร็วขนาดนี้
เท้าไวเท่าความคิด มัทรีพรวดพราดไปที่โน๊ตบุ๊คแล้วเปิดขึ้นอย่างไม่รอช้า มีประวัติของตัวเองอยู่ในเครื่องอยู่แล้ว หล่อนพิมพ์แล้วเซฟไว้อยู่ในเครื่องตั้งแต่คราวที่ส่งไปสมัครงานบริษัทที่หล่อนกำลังทำงานอยู่ในเวลานี้ มัทรีเรียกไฟล์ขึ้นมาแล้วเติมประสบการณ์ในการทำงานของตัวเองลงไป คุณสมบัติของหล่อนครบถ้วนตามที่ระบุไว้ในประกาศรับสมัคร เพียงแต่หล่อนจะสมัครช้าไปหรือเปล่าเท่านั้น
หล่อนส่งไฟล์ไปทางอีเมล์ตามแอดเดรสที่อยู่ในคอลัมน์นั้น นึกภาวนาให้มีการตอบกลับมาอย่างทันอกทันใจ อีกไม่กี่นานเท่าไรเมืองไทยก็จะถึงเวลาทำงานแล้ว ถ้าโชคเข้าข้างหล่อน บริษัทยังไม่ได้ตัดสินใจรับใคร หล่อนก็อาจได้รับการติดต่อกลับมา
หล่อนเดินไปที่โต๊ะเล็ก ๆ ข้างเตียงที่วางรูปของชายหนุ่มที่หล่อนตัดออกมาจากหนังสือพิมพ์มาใส่กรอบไว้ นึกขำตัวเองขึ้นมานิด ๆ ที่ไปเอารูปของเขามาใส่กรอบวางไว้ข้างเตียงอย่างนี้ ใครมาเห็นเข้าคงว่า หล่อนนี่ถ้าจะเพี้ยน......ถ้าเป็นรูปดาราก็ว่าไปอย่าง...
หญิงสาวมองรูปของเขานิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปนั้นมาถือไว้ แล้วทรุดกายลงนั่งเล่นบนเตียง
ถ้าได้มีโอกาสเจอหน้ากันอีกครั้ง มัทรีนึกในใจ เขาจะยังจำหล่อนได้หรือเปล่านะ เขาจะยังจำผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้มีอะไรดีเลยสักนิดเดียวในสายตาของเขาได้ไหม และเขาจะว่าอย่างไร หากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เคยลืมเขาเลยนับตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน
ภาพของชายหนุ่มร่างสูงผึ่งผายเป็นสง่าที่เดินเคียงข้างหล่อนปรากฏขึ้นในใจอีกครั้ง นับเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่อาจนับได้ หล่อนยังจำได้ถึงความอบอุ่นอย่างประหลาดที่อบอวลอยู่รอบกายขณะอยู่กับเขา แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ระหว่างที่เขาให้การช่วยเหลือหล่อนในการโยกย้ายทั้งที่เรียน และที่อยู่ให้ แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่หล่อนมีความสุขมากที่สุดในชีวิต
มัทรียกเข่าทั้งสองข้างขึ้นมากอดไว้หลังจากวางกรอบรูปในมือลงที่เดิม หากยังคงทอดสายตามองอยู่อย่างนั้น ในภวังค์ของหล่อนยังคงเป็นภาพเดิม ๆ เหมือนหนังที่ถูกฉายซ้ำ ๆ ซาก ๆ แต่ก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อ ตรงกันข้ามมันกลับเป็นน้ำหล่อเลี้ยงให้หล่อนมีชีวิตชีวาขึ้นทุกครั้งที่ได้นึกถึง
ตั้งใจเรียนให้จบ เสียงของเขายังคงแว่วอยู่ข้างหู จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันสุดท้ายแล้วที่ได้เจอกับเขา เป็นวันที่เขาเอื้อเฟื้อขับรถมาส่งหล่อนที่เมืองนี้ หลังจากที่เขาติดต่อมหาวิทยาลัยให้ตกลงรับหล่อนเข้าเรียน เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ที่ค่าเรียนแพงมากกว่ามหาวิทยาลัยของรัฐบาลหลายเท่า แต่ก็สะดวกในการโยกย้ายกลางครันอย่างนี้ เขาดูเจนเส้นทางในมหาวิทยาลัยอย่างทะลุปรุโปร่งจนหล่อนอดสงสัยไม่ได้ เมื่อออกปากถามเขาอย่างทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้จึงได้รับคำตอบว่า ผมจบจากที่นี่
ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากวอชิงตันดีซี คุณสามารถนั่งรถไฟเข้าไปได้ ในดีซีมีงานพาร์ทไทม์ดี ๆ ให้เลือกทำได้มากกว่าที่อื่น เสาร์อาทิตย์ว่าง ๆ ก็ลองไปเซอร์เวย์ดู แต่คุณไม่จำเป็นต้องโหมทำเสียจนไม่มีเวลาให้กับเรื่องเรียน เงินที่ผมให้คุณมันพอสำหรับการกินอยู่อย่างประหยัดอยู่แล้ว หน้าที่หลักของคุณก็คือ รีบเรียนให้จบโดยเร็วที่สุด ผมให้เวลาคุณสามปี ซึ่งพอสำหรับการตั้งใจเรียน ถ้าคุณไม่สามารถเรียนจบได้ภายในเวลาที่ผมกำหนดให้ ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ผมถือว่าคุณไม่ได้คิดจะเรียนอย่างจริงจัง คุณต้องรับผิดชอบตัวคุณเองหลังจากนั้น ผมคงช่วยเหลือคุณต่อไปไม่ได้
หล่อนยังจำได้ถึงคำพูดของเขาได้ดีเหมือนเพิ่งได้ยินอยู่เมื่อวานนี้เอง เป็นคำพูดยาว ๆ ที่แทบจะนับครั้งได้ที่เขาพูดกับหล่อน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่พูดอะไรมากเกินความจำเป็น หรือจะเป็นเฉพาะกับหล่อนคนเดียวก็ไม่รู้ได้ หล่อนไม่เคยได้ยินเขาถามสารทุกข์สุกดิบของหล่อนสักคำในยามที่เจอหน้ากัน เพื่อมารยาทก็ยังไม่ทำ สิ่งที่เขาซักถามเป็นเรื่องที่เขาจำเป็นต้องรู้เพื่อใช้ในการติดต่อเรื่องเรียนให้หล่อนเท่านั้นเอง
เพียงแค่นั้น หล่อนยังเป็นเอามากถึงขนาดนี้ ....มัทรีถอนหายใจอย่างยืดยาวขณะหย่อนเท้าลงกับพื้นตามเดิม กึ่งสุขกึ่งเศร้าปะปนกัน ทางชีวิตของเขากับหล่อนคงไม่มีทางมาบรรจบกันได้ แค่ที่มาพบกันช่วงสั้น ๆ ก็ถือว่าพระเจ้าปราณีหล่อนมากแล้ว ที่อุตส่าห์ส่งเขามาช่วยให้หล่อนเรียนได้จนจบ
มัทรีเดินออกจากห้องนอน เพื่อไปจัดแจงปิดคอมพิวเตอร์ ปิดไฟ ก่อนจะกลับมานอน หน้าจอคอมของหล่อนยังคงค้างไว้หน้าเดิมที่หล่อนส่งอีเมลล์ไปสมัครงาน หล่อนกำลังจะคลิกปิดพอดี ก็มีสัญญลักขณ์ปรากฏว่ามีจดหมายตอบกลับจากฉบับล่าสุดที่หล่อนส่งไป
หล่อนคลิกเปิดทันทีทันควัน หัวใจเต้นแรงราวกับมีกลองสักสิบใบเข้าไปรัวอยู่พร้อม ๆ กัน
ถ้าเป็นการตอบปฏิเสธไม่ใช่ตอบรับ หล่อนอาจเป็นลมล้มพับไปด้วยความผิดหวังอย่างรุนแรงก็ได้ใครจะรู้ มัทรีนึกแวบขึ้นมาในใจ ขณะอ่านข้อความที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าซ้ำเป็นหนที่สอง
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลของบริษัทไทคอนนัดหล่อนสัมภาษณ์อาทิตย์หน้า!!!
มัทรีดูวันที่แล้วก็รู้สึกแทบจะหมดหวัง แม้จะยังรู้สึกตื่นเต้น แต่ก็มีความกังวลหลาย ๆ อย่างพุ่งพรวดขึ้นมาพร้อม ๆ กัน อย่างแรกก็คือมันกระชั้นชิดมากเกินกว่าที่หล่อนจะเตรียมตัวอะไรได้ทัน เพราะเหลือเวลาแค่ไม่กี่วันเอง...
แค่ห้าวัน มัทรีกัดริมฝีปาก มองปฏิทินบนโต๊ะ วันนี้วันอาทิตย์ พรุ่งนี้วันจันทร์ มะรืนวันอังคาร มะเรื่องก็วันพุธ แล้วก็ถึงวันพฤหัสที่เป็นวันนัด หล่อนคงโชคดีเป็นบ้าถ้าไปได้ตามนัด.....
อย่างที่สอง ถ้าหล่อนสามารถไปได้ตามนัด แล้วหล่อนจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ตัวเองจะได้งานทำที่ไทคอน เป็นไปไม่ได้ที่บริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ จะหาคนไปสมัครทำงานด้วยไม่ได้ มีแต่จะคัดกันไม่หวาดไม่ไหวเสียล่ะมากกว่า และถ้าหล่อนสอบไม่ผ่าน นั่นก็แปลว่า หล่อนจะต้องตกงานทันที เพราะหล่อนคงบินกลับมาทำงานที่เดิมไม่ได้อีกแล้ว
อย่างที่สามก็คือเงิน ที่ยิ่งสำคัญกว่าเรื่องอื่น หล่อนคำนวณเงินคร่าว ๆ ที่มีเหลืออยู่ในบัญชี โชคยังดีที่เงินเดือนของเดือนนี้ออกมาแล้วเมื่อวาน แต่จำนวนมันยังไม่มากพอที่จะให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยอย่างที่เคยวางแผนไว้
ประกาศรับสมัครงานของไทคอนเข้ามาในชีวิตของหล่อนเร็วเกินไป เร็วจนหล่อนตั้งตัวไม่ทันเอาจริง ๆ
แต่หล่อนจะยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปอย่างนั้นหรือ
มัทรีหยิบสมุดบัญชีในกระเป๋าสะพายออกมาเปิดดูอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็นนัก หล่อนยังจำยอดเงินในบัญชีของตัวเองได้ เพราะเพิ่งไปปรับสมุดเงินฝากมาเมื่อวานนี้เอง แต่การหยิบขึ้นมาดูอาจช่วยให้หล่อนตัดสินใจได้ดีขึ้น
หล่อนมองตัวเลขที่เต้นยิบ ๆ ตรงหน้า อยู่อึดใจใหญ่ ๆ มีเงินพอสำหรับค่าตั๋วเครื่องบินแน่ ๆ เพราะหล่อนซื้อเพียงขาไปเที่ยวเดียวเท่านั้น หล่อนคงไม่มีโอกาสกลับมาได้อีกง่าย ๆ เงินที่เหลือจากค่าตั๋ว น่าจะพอจ่ายค่าที่พัก ที่อาจเป็นหอพัก หรืออพาร์ทเมนท์ ประมาณสามเดือน รวมทั้งค่ากินค่าอยู่จิปาถะอย่างประหยัด ซึ่งก็คงไม่ทำให้หล่อนลำบากนัก เพราะหล่อนเคยชินอยู่แล้วกับการกินอยู่อย่างกระเบียดกระเสียน
ก็ไม่น่ากลัวเท่าไร...หล่อนมีโอกาสตกงานตั้งสามเดือน!!!!!
มากกว่าที่เจ้าของทุนเคยให้โอกาสหล่อนเสียอีก ให้มันรู้ไปว่า ถ้าหล่อนพลาดจากไทคอนแล้วหล่อนจะหางานทำไม่ได้
ในที่สุดมัทรีก็ตัดสินใจ หล่อนนึกถึงประวัติศาสตร์ที่หล่อนเคยเรียนเมื่อตอนเด็ก ๆ ตอนที่พระเจ้าตากตัดสินใจเข้าตีเมืองจันทบุรี จำได้ว่า พระเจ้าตากตัดสินใจเข้าตีเมืองโดยสั่งทหารทุบหม้อข้าวทิ้งหมด ถ้าตีไม่ได้ก็แปลว่าจะต้องอดตายกันทั้งกองทัพ เพราะถอยหลังกลับมาก็ไม่มีข้าวกิน ต้องตีเมืองนั้นให้แตกจะได้มีข้าวกิน และพระเจ้าตากก็ชนะจริง ๆ
ความรู้สึกของทหารพวกนั้น ก็คงไม่แตกต่างอะไรกับหล่อนในเวลานี้ ถ้าหล่อนไม่ใช้ความพยายามอย่างที่สุด ก็อาจไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา หากมัวแต่กลัวโน่นกลัวนี่ โอกาสที่ลอยมาตรงหน้าหล่อนแล้วก็จะเลยผ่านไปเพราะหล่อนไม่กล้าคว้าไว้ โชคดีไม่เคยเข้าข้างใครซ้ำบ่อย ๆ แล้วหล่อนจะปล่อยให้โชคดีต้องหลุดลอยไปโดยไม่คว้าเอาไว้เชียวหรือ
หล่อนพิมพ์ข้อความตอบตกลงไปอย่างเลิกลังเล ขอไปตายเอาดาบหน้าก็แล้วกัน อะไรจะเกิดขึ้นนับต่อจากนี้ ก็สุดแล้วแต่โชคชะตาจะพาหล่อนไป จะไปขึ้นเขา ลงห้วย หรือลงเหว ก็ไม่เป็นไร หล่อนไม่กลัวอะไรอีกแล้ว ชีวิตหล่อนกระเด้งกระดอนมาแล้ว และถ้าจะกระเด้งกระดอนอีกสักกี่ครั้งก็จะเป็นไรไปเล่า



บัวสุพรรณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ค. 2556, 10:35:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ค. 2556, 10:35:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1051





<< บทที่ 4   บทที่ 6 >>
nateetip 23 ก.ค. 2556, 12:22:47 น.
รอลุ้นค่ะ


บัวสุพรรณ 23 ก.ค. 2556, 13:46:24 น.
ลุ้นจนถึงตอนที่ 11 นะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account