น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 32.น้ำผึ้งบ้านไพร

32.

“คุณทราบหรือไม่ว่า การลอยกระทงไม่ว่าจะใช้กระทงจากธรรมชาติหรือวัสดุสังเคราะห์ก็เป็นการสร้างมลภาวะให้กับแม่น้ำลำคลองเป็นอย่างมาก ถ้าคุณทราบ คุณคิดจะแก้ไขปัญหามลภาวะจากการลอยกระทงได้อย่างไร โดยที่ประเพณีลอยกระทงนี้ยังคงอยู่คู่กับสังคมไทย”

“ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ” เมื่อเพื่อน ๆ ขอบคุณสำหรับคำถามน้ำผึ้งจำต้องเหยียบรอยของเพื่อน ๆ ไปด้วย เพราะถ้าอยู่ ๆ ตอบไปเลยอย่างที่เคยตอบมันก็จะเหมือนว่าเธอนั้นอวดดีเอาเสียอีก..

“ค่ะ ผึ้งทราบดีว่าการลอยกระทงไม่ว่าจะลอยด้วยต้นกล้วย ใบตอง หรือโฟม หรือกระดาษสีทำเป็นกลีบบัวที่หาได้อย่างง่ายดายนั้นสร้างมลภาวะให้กับแม่น้ำลำคลองและสิ่งแวดล้อม แต่ว่าวันลอยกระทงในประเทศก็มีเพียงปีละหนเดียวเท่านั้น วิธีการแก้ปัญหามลภาวะอันเกิดจากการลอยกระทง เราต้องรู้ว่าวัสดุที่ใช้ลอยกระทงนั้น สามารถใช้เวลาย่อยสลายได้แตกต่างกัน ถ้าเป็นกระทงใบตองดอกไม้สดก็ไม่นาน แต่ถ้าเป็นวัสดุสังเคราะห์ก็หลายปีทีเดียวและจะกลายเป็นขยะเน่าเหม็นทำให้แม่น้ำลำคลองไม่สวยงาม และอีกทางเลือกในยุคปัจจุบันก็คือใช้กระทงขนมปังที่จะสามารถละลายน้ำและเป็นอาหารปลาได้ ผึ้งคิดว่า ถ้าเราเข้าใจในวัสดุที่ใช้ลอยในเบื้องต้น และบอกกับคนรอบ ๆ ตัวของเราให้ตะหนักเข้าใจและร่วมใจกัน ประเพณีลอยกระทงของเราก็จะยังคงอยู่ต่อไปค่ะ...ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ”...

แม้คำตอบของน้ำผึ้งจะยาวไปหน่อย แต่ว่าด้วยคนเกินครึ่งที่อยู่ด้านล่างนั้นเชียร์น้ำผึ้งเป็นทุนเดิมเสียงปรบมือจึงดังขึ้นเกรียวกราว น้ำผึ้งส่งไมค์คืนให้พิธีกรชายแล้วก็ก้มไหว้อย่างอ่อนช้อนก่อนจะหันหลังกลับ...

น้ำผึ้งสบตากับนงลักษณ์เพื่อนสนิท หน้าเบ้ให้นงลักษณ์แล้วยิ้มทะเล้นให้กันก่อนจะเดินกลับไปยืนในตำแหน่งของตน..

“ตอบได้งง ๆ อย่างไรก็ไม่รู้ ใครน้อถามมาได้...” คชาพัฒน์เปรยออกมาเบา ๆ

“เป็นคำถามของฉันเอง”

“ว้าย เหรอฮะ...เป็นคำถามที่เริ่ดมากเลยฮ่า” คชาพัฒน์แกล้งวี้ดว้ายกระตู้วู้กลบเกลื่อนอารมณ์หวาดกลัวของตนเพราะในตอนนี้คชาพัฒน์เดาใจ
กรรมการไม่ได้ว่าจะเทคะแนนให้ใครเพราะสาวงามที่ออกมาแล้วทั้งหมดรวมถึงตัวเก็งอย่างนงลักษณ์และน้ำผึ้งนั้น ส่วนสัดหน้าตาผิวพรรณจัดว่าสูสีกันทีเดียวและยิ่งอยู่ในชุดไทยสไบเฉียงเกล้าผมติดรัดเกล้าเหมือนออกมาจากพิมพ์เดียวกันด้วยแล้ว มันแทบไม่เห็นความแตกต่างอะไรเลย...

“ผึ้งเขาตอบได้ดีนะหน่อง”

“ดีเหรอครับ” ฮะ บ้าง ครับ บ้าง นั่นคือสไตล์การพูดจากับผู้ใหญ่ของคชาพัฒน์

“แต่ก็นั่นแหละ เราไม่ใช่กรรมการและเราก็รู้กันดีอยู่ว่า เวทีแห่งนี้มันไม่ได้มาตรฐานอะไรหรอก...รอลุ้นกันต่อไปแล้วกัน”


เมื่อสาวงามทั้ง 12 หมายเลขตอบคำถามเสร็จสิ้น พิธีกรก็ให้เข้าไปพักขาโดยคั่นเวลาด้วยการแสดงอีกชุดจากโรงเรียนบ้านน้ำซึมซึ่งเป็นโรงเรียนที่ขยายโอกาสทางการศึกษาจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และวันนี้ทางผู้อำนวยการโรงเรียนก็อยากให้วงดนตรีอันได้แก่นักร้องหญิงชายอย่างละคนและหางเครื่องจำนวนหกคนที่ตนเองปลุกปั้นนั้นมาแสดงให้ชาวตำบลบ้านไพรให้รับรู้ว่าทางโรงเรียนนั้นส่งเสริมให้นักเรียนแสดงออกในทางสร้างสรรค์และยึดเป็นอาชีพได้อีกด้วย

นักร้องหญิงและนักร้องชายของโรงเรียนบ้านน้ำซึมนั้นเสียงดีเป็นอย่างมาก...มากจนคนดูคนฟังรู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมา...โดยเฉพาะ ‘เพลงเทพีบ้านไพร’ ของ ศิลปิน สุธิราช วงศ์เทวัญ ที่ลูกทุ่งที่นักร้องชายเอามาร้องกล่อมซึ่งมันเข้ากับเวทีประกวดในวันนี้เป็นอย่างมาก

กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที การแสดงก็เสร็จสิ้น...เรียกเสียงปรบมือได้อย่างเกรียวกราวและพิธีกรก็เชิญผู้อำนวยการโรงเรียนขึ้นมามอบกองทุนการศึกษาสำหรับเด็ก ๆ ที่มาทำการแสดงพร้อมกับช่วยประชาสัมพันธ์คณะวงดนตรีอิเล็คโทนของโรงเรียนบ้านน้ำซึมไปในตัวด้วย...


“ลำดับต่อไปเป็นรอบตัดสินว่าสาวงามท่านใดจะได้ตำแหน่งนางนพมาศประจำตำบลบ้านไพรไปครอง...เราจะให้สาวงามเดินขึ้นมาโชว์ตัวอีกครั้ง หลังจากนั้น ผมก็จะประกาศรายชื่อสาวงามที่เข้ารอบห้าคนสุดท้ายซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า ทั้งห้าคนนั้นจะได้ถ้วยรางวัล สายสะพาย เงินรางวัลและช่อดอกไม้ ส่วนสาวงามที่เหลือเราก็จะมีค่าเดินทางให้อีกคนละ 2,000 บาท และเงินรางวัลที่เรามาจัดสรรปันส่วนให้นางงามในวันนี้นั้นเราต้องขอขอบคุณ...” พิธีกรชายเอ่ยถึงสปอนเซอร์ที่ให้การสนับสนุนทั้งหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนรวมถึงพ่อค้าประชาชนอย่างยาวเหยียด...นอกจากนั้นยังกล่าวถึงเงินรางวัลที่นางงามแต่ละตำแหน่งจะได้รับ...ซึ่งคนที่ได้ตำแหน่งนางนพมาศบ้านไพรนั้นจะได้เงินรางวัลถึง 15,000 บาท รองอันดับหนึ่งได้ 10,000 บาท รองอันดับสอง สามและสี่ ได้คนละ 5,000 บาท...

เสียงเพลงนางฟ้าจำแลงดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับที่สาวงามเบอร์ 1 ที่เข้าไปพักขาเติมสีสันบนใบหน้านั้นยิ้มแย้มย่างกรายเดินนำเพื่อนร่วมเวที กระทั่งทั้งหมดไปยืนเรียงกันเป็นระเบียบพร้อมกับส่งยิ้มโปรยปราย...

“สำหรับรายชื่อสาวงามที่ผมจะประกาศต่อไปนี้ เราไม่ได้เรียงจากผลคะแนนหรือเรียงตามลำดับหมายเลข...เริ่มต้นที่สาวงามท่านแรก...หมายเลข 5 นางสาวนงลักษณ์ คำภาสี”

สิ้นเสียงของพิธีกรชายเสียงปรบมือพร้อมเสียงกรีดร้องก็ดังอื้ออึง...นงลักษณ์ที่ตกตะลึงยิ้มกว้างเดินออกมายืนยังจุดที่พี่เลี้ยงประจำเวทีได้บอกไว้...ใจของนงลักษณ์นั้นเต้นตึกตัก ๆ...เพราะอุ่นใจได้ว่า ค่ำคืนนี้ไม่คว้าน้ำเหลวกลับบ้านแล้ว และที่สำคัญค่ำคืนนี้นงลักษณ์ได้ค้นพบว่า หากเราไม่ให้โอกาสกับตัวเอง เราก็จะไม่มีโอกาสได้ความรู้สึกอันแปลกประหลาดนี้...

“สาวงามผู้เข้ารอบหมายเลขถัดไปได้แก่ หมายเลข 7 นางสาวศุภิสรา รักษาพรรณ”

สิ้นเสียงของพิธีกรชาย สาวงามหมายเลข 1 ที่แอบนินทาเรื่องศัลยกรรมของศุภิสราก็เบ้หน้าก่อนจะเปรยเบา ๆ ว่า “ศัลยกรรมมันช่วยชีวิตคนได้เสมอนะ”..

“และสาวงามผู้เข้ารอบคนที่สามได้แก่ หมายเลข หมายเลข หมายเลข 6 นางสาวสุธาสินี สิทธิพรชัย ค่ะ”

“เอาแล้วครับตอนนี้มีลุ้นกันว่าอีกสองท่านนั้นเป็นใคร...ผมคิดว่าตอนนี้เรามาหยุดหายใจเข้าลึก ๆ กันก่อนดีกว่าไหมครับ”...ด้วยพิธีกรชายนั้นรู้ว่าวันนี้มีการพนันขันต่อกันเกิดขึ้นระหว่างน้ำผึ้งกับนงลักษณ์ เขาจึงหยุดเล่นเพื่อลดความตื่นเต้นของกองเชียร์ลง...

คชาพัฒน์นั้นเริ่มนั่งไม่ติดที่ เพราะตอนนี้เงินในกระเป๋าถือใบใหญ่จำนวนหนึ่งหมื่นบาทที่พนันกับจวงจันทร์ไว้มันดิ้นอยู่ในกระเป๋าแล้ว...
และถ้าน้ำผึ้งไม่เข้ารอบห้าคนจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม เขาเชื่อว่ามันจะต้องมีการโห่ป่าประท้วงกันเกิดขึ้นแน่ ๆ เพราะเสียงของแม่ค้าในตลาดจำนวนเกินครึ่งนั้นเล่นฝ่ายน้ำผึ้งที่มีประสบการณ์มากกว่า และน้ำผึ้งเองก็ตอบคำถามได้ดีทีเดียว...

น้ำอ้อยนั้นถึงกับหลับตานิ่งไม่กล้าดูสีหน้าของลูกสาว หากรู้ว่าไม่ได้เข้ารอบห้าคน...

“แม่ ๆ ลืมตาซิ” น้ำหวานที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ร้องบอก

“แม่กลัวอะไร” น้ำหวานยังเซ้าซี้

“ใจคอไม่ดีเลยพี่สำรวย” น้ำอ้อยหันกระซิบบอกนางสำรวย...ที่ตอนนี้ถึงกับบนบานว่าจะถวายหัวหมูไก่ต้มและเหล้าขาวให้แก่เจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าพ่อที่ตนนั้นนับถือ...

ฟากนัยนิตเองที่ยืนอยู่หน้าเวทีเพราะรอเก็บภาพอยู่กับประทินนั้นก็ใจคอไม่ดีเพราะถ้าน้ำผึ้งไม่ได้เข้ารอบห้าคน น้ำผึ้งจะต้องเสียหน้า เสียใจ และเมื่อใจเสียผังอนาคตอาจจะต้องเปลี่ยนไปก็ได้...

ภานุวัฒน์นั้นแม้จะดีใจกับนงลักษณ์ แต่เมื่อรู้ว่าผลคะแนนของน้ำผึ้งนั้นยังต้องลุ้น ใจของเขานั้นก็เต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนกัน...

“พี่ธิตไม่บนวิ่งสักอีกร้อยเหรอ”

“วิ่งด้วยกันไหมล่ะ”

“ผมบนไม่ได้หรอกพี่ ใจผมมันแตกออกเป็นสองฝ่ายซะแล้ว พี่เชียร์ใครพี่ก็บนเถอะ”

“สำหรับสาวงามหมายเลขถัดไปได้แก่...ได้แก่..หมายเลข”...พิธีกรหญิงนั้นรู้ว่าตอนนี้คนดูนั้นลุ้นว่าน้ำผึ้งจะติดหนึ่งในห้าหรือไม่ จึงถ่วงเวลาเร้าอารมณ์ไว้...กระทั่งมีเสียงตะโกนขึ้นมาประปรายว่า

“เบอร์ 10”

“หมายเลข หมายเลข 2 นางงามธิลาวัลย์ กฤษณคุปต์ค่ะ”...

ธิลาวัลย์หันไปจับมือกับนางงามหมายเลข 1 ก่อนจะเดินยิ้มมายืนเรียงต่อจากหมายเลข 6 ส่วนน้ำผึ้งนั้น บัดนี้รู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตของตนนั้นยืนอยู่บนหน้าผาสูงชัน หากมีไม่มีชื่อของเธอในลำดับถัดไป ก็เหมือนการก้าวพลาดพาร่างกายดิ่งลงเหวลึก แต่ถ้ามีชื่อของเธอ แม้จะไม่ได้ที่ 1 มันก็เหมือนกับคนที่ถูกลมพัดเสื้อผ้าขาดวิ่น

...น้ำผึ้งสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความมั่นใจให้สามารถยิ้มออกมาได้เหมือนเดิม

“และสาวงามคนสุดท้ายที่เข้ารอบห้าคนสุดท้ายได้แก่หมายเลข 10 นางสาวน้ำผึ้ง ไพรวัลย์ครับ”...

ตั้งแต่ตอนที่พิธีกรชายประกาศหมายเลข 10 ผู้ชมส่วนใหญ่ก็ลุกขึ้นยืน ชูมือ พร้อมกับส่งเสียงเฮลั่น

“สนุกดีไหมครับ” ตอนนั้น เพื่อนกรรมการที่นั่งอยู่ด้านข้างสารวัตรทะนงศักดิ์เอียงหน้าไปกระซิบถาม..และหลังจากที่สารวัตรทะนงศักดิ์พยักหน้าเบา ๆ โดยสายตานั้นจับจ้องอยู่บนเวที...กรรมการท่านเดิมก็บอกว่า

“และถ้าจะดูให้รอบหน้าสนุกกว่านี้ ก็ต้องดึงเบอร์ 5 กับเบอร์ 10 มายืนคู่กัน คราวนี้แหละ มีคนหัวใจวายตายแน่ ๆ เลย”...



เมื่อได้ตัวสาวงามห้าคนสุดท้ายมายืนเรียงกันแล้ว กรรมการการประกวดก็ลำเลียงของรางวัลขึ้นมาบนเวที...ส่วนผลรางวัลนั้นยังไม่ออกมาเพราะทางคณะกรรมจะส่งมาให้พิธีกรได้ลุ้นเหมือนกับที่ชาวบ้านได้ลุ้นเพราะจำทำให้เวทีนี้มีสีสันมากยิ่ง ๆ ขึ้น...

“ต้องบอกก่อนว่าสำหรับปีนี้ เวทีนางนพมาศบ้านไพรของเราค่อนข้างจะมีสีสันเป็นอย่างมาก เพราะว่าเราได้คนจากบ้านบ้านไพรมาขึ้นเวทีถึงสองคนและสองคนก็เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเสียด้วย...”

“สำหรับน้อง ๆ ที่เดินทางมาจากหมู่บ้านอื่น ๆ และจากที่อื่น ๆ ทางคณะกรรมการก็ต้องขอขอบคุณอีกครั้งนะคะ เพราะถ้าเวทีประกวดไม่มีสาวงามมาสมัครมาแข่งขัน เวทีประกวดก็เกิดขึ้นไม่ได้... ดังนั้น ทางคณะกรรมการของเราจึงต้องมีค่ารถให้กับทุกคนที่มาร่วมสนุกด้วยกันค่ะ...”

“และตอนนี้ ทางคณะกรรมการก็รวบรวมผลคะแนนมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ และก็ทำให้ผมต้องพลอยลุ้นไปด้วยคือ ปีนี้แยกผลคะแนนออกมาเป็น 2 ซอง ซองแรก เป็นผลรองนางงามสามท่านและซองที่ 2 เป็นรอบตัดเชือกว่าใครจะเป็นนางนพมาศบ้านไพรประจำปีนี้”

“ชื่อเราอยู่ในซองแรกแน่ ๆ” นางงามหมายเลข 6 หันไปกระซิบบอกนางงามหมายเลข 2

“คงอย่างนั้นแหละ”

ซึ่งน้ำผึ้งก็ได้ยินเต็ม ๆ หูเหมือนกัน...แต่ว่าตราบใดที่ผลรางวัลยังไม่ออกมา ตราบนั้นทุกคนก็ยังมีสิทธิ์ลุ้น...และถ้าบนเวทีเหลือเธอกับนงลักษณ์เป็นสองคนสุดท้ายจริง ๆ และถ้านงลักษณ์ชนะเธอไปได้จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม เธอถือว่างานนี้ไม่ค้านสายตาและความรู้สึกของเธอสักเท่าไหร่ ส่วนกองเชียร์ที่อยู่ด้านล่างนั้นมันเป็นเรื่องของกรรมการที่ต้องแบกรับกันไป...เพราะกรรมการที่นั่งหน้าสลอนอยู่นั้นก็ใช่ใครที่ไหน...คนที่เคยเห็นหน้าค่าตากันอยู่บ่อย ๆ ทั้งนั้น...

และสำหรับผลการตัดสินก็ออกมาอย่างที่นางงามหมายเลข 6 คาดเดา...

นางงามหมายเลข 7 ได้รองลำดับที่ 4

นางงามหมายเลข 6 ได้รองลำดับที่ 3

และนางงามหมายเลข 2 ได้รองอันดับ 2 ทั้งสามคนได้ถ้วยรางวัล สายสะพาย เงินรางวัลคนละ 5000 บาทพร้อมกับช่อดอกไม้ ขึ้นมอบรางวัลโดยผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านไพรและสารวัตรทะนงศักดิ์..

“ครับที่นี้เราก็มีลุ้นกันว่า ค่ำคืนนี้ ใครจะเป็นนางนพมาศประจำตำบลบ้านไพรของเรา...ขอเรียนเชิญ

นาย...นายกเทศบาลตำบลบ้านไพรขึ้นมามอบรางวัลให้กับนางนพมาศของเราครับ”...

ระหว่างที่รอให้นายกเทศบาลตำบลบ้านไพรผู้เป็นประธานจัดงานเดินขึ้นมานั้น น้ำผึ้งกับนงลักษณ์ที่ยืนกุมมือกันอยู่ก็ถูกกระหน่ำถ่ายรูปจนไม่สะดวกที่จะหันหน้ามาคุยกัน...

แต่มือที่จับกันนั้นอยู่นั้นก็สามารถถ่ายทอดความรู้สึกในใจของทั้งคู่ออกมาได้

...ไม่ว่าคืนนี้ใครจะได้เป็นนางนพมาศตามเกมของผู้ใหญ่ ทั้งคู่ก็พร้อมจะยินดีกับความสำเร็จของกันและกัน และนงลักษณ์นั้นก็ปรารถนาให้คืนนี้เป็นอีกคืนพิเศษของน้ำผึ้ง

เพราะถ้าน้ำผึ้งได้ตำแหน่งนางนพมาศบ้านไพรไปครอง หากวันหนึ่งข้างหน้าน้ำผึ้งประสบความสำเร็จ

กับเส้นทางสายนางงามอาชีพเวทีภูธรแห่งนี้ก็จะได้เกียรติประวัติไปด้วย...

“สำหรับรายชื่อที่ผมจะประกาศต่อไปนี้จะเป็นชื่อนางนพมาศบ้านไพรจำปีนี้...”

“ขอคั่นเวลาหน่อยได้ไหมคะ” วิธีกรหญิงนั้นรู้ว่ามีคนหายใจไม่ทั่วท้องอยู่เกือบจะค่อนลานหน้าเวทีจึงยั้งไว้...

“มีอะไรหรือครับ”

“ขอสัมภาษณ์ทั้งน้องนงลักษณ์และน้องน้ำผึ้งก่อนได้ไหมคะเพราะถ้าผลการตัดสินออกไปแล้ว...ทีนี้ตามตัวกันยากเลยนะคะ”

“ได้ครับ...”

“พี่รู้มาว่า น้องทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาก เคยเล่นกีฬามาด้วยกัน ไปไหนมามาไหนด้วยกัน พี่อยากทราบว่า ถ้าใครคนหนึ่งได้ตำแหน่งนี้ไป แล้วอีกคนไม่ได้ อีกคนจะรู้สึกอย่างไร งงกับคำถามของพี่ไหมคะ”

นงลักษณ์รีบยกมือขึ้นขอตอบคำถามนี้ก่อน

“สำหรับหนูการที่ได้มายืนบนเวทีแห่งนี้พร้อมกับน้ำผึ้งถือว่าเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งค่ะ ไม่ว่าผลการตัดสินในคำคืนนี้จะเป็นอย่างไร ชีวิตของหนูกับคำว่านางงามก็คงจบลงแค่นี้ แต่สำหรับน้ำผึ้ง หลาย ๆ ท่านคงรู้ดีว่าน้ำผึ้งเขากำลังจะไปเวทียอดพธูไทยค่ะ...หนูบอกตามตรงว่า หนูอยากให้เพื่อนของหนู ได้ตำแหน่งนางนพมาศมากกว่าค่ะ เพราะถ้าเขาได้ตำแหน่งใด ตำแหน่งหนึ่งบนเวทียอดพธูไทย เวทีนางนพมาศบ้านไพรของเราก็จะถูกบันทึกไว้ว่าได้เคยสร้างนางงามให้สยามประเทศไว้คนหนึ่ง...”

ตอนนั้นเองน้ำตาของน้ำผึ้งเอ่อล้นออกมาจนต้องหันหลังหนีไม่อยากให้ใครเห็นตอนที่กำลังร้องไห้ นงลักษณ์เองก็ตื้นตันจนจนต้องคืนไมค์ให้กับพิธีกรชาย...

“น้องน้ำผึ้งละค่ะมีอะไรจะพูดสักหน่อยไหม”

เมื่อตั้งสติได้แล้วน้ำผึ้งก็หันมาคว้าไมค์แล้วพูดว่า

“ไม่ว่าผลรางวัลในค่ำคืนนี้จะเป็นอย่างไร ผึ้งก็ขอขอบคุณพี่น้องชาวบ้านไพรทุกคนที่เชียร์ผึ้งตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าผึ้งจะไปขึ้นเวทีประกวดนางงาม ขอบคุณพี่หนิงหน่องที่เห็นว่าผึ้งไม่ควรขายลูกชิ้นปิ้งอยู่หน้าตลาด ขอบคุณสปอนเซอร์คุณนายวรรณีที่ให้การสนับสนุนผึ้งตลอดมา ส่วนเวทียอดพธูไทยที่นงลักษณ์พูดถึงเมื่อครู่ ผึ้งไม่รู้หรอกว่าผลมันจะเป็นอย่างไร แต่เพื่อพี่น้องชาวบ้านไพร ผึ้งจะพยายามอย่างเต็มที่ค่ะ...ขอบคุณ นงลักษณ์สำหรับมิตรภาพที่มีให้กันมา และจะมีตลอดไป ขอบคุณค่ะ”...

ส่งไมค์คืนไปให้พิธีกรชายแล้ว...นงลักษณ์ก็หันหน้าไปเช็ดน้ำตาให้น้ำผึ้งก่อนที่ทั้งคู่จะสูดลมหายใจ
เข้าปอดจนลึก...ตอนนั้นที่ด้านหน้าเวทีเต็มไปด้วยตากล้องทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ...แม้แต่ภานุวัฒน์เองที่บอกว่าไม่กล้าเดินมาตรงนี้ก็ยังอดใจไว้ไม่ได้...

“ครับ สำหรับผลการตัดสินรางวัลนางนพมาศประจำเวทีตำบลบ้านไพรในค่ำคืนนี้ เป็นของสาวงามหมายเลข 10 นางสาวน้ำผึ้ง ไพรวัลย์ครับผม...”

เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวพร้อมกับที่น้ำผึ้งยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดปากแล้วโผเข้าไปกอดนงลักษณ์แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น...และอาการเช่นนี้ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา ชาวบ้านไพรรวมถึงคนไทยทั้งประเทศก็ยังได้เห็นบนเวทียอดพธูไทย!!!


เมื่อรู้ว่านงลักษณ์ได้ตำแหน่งรองน้ำผึ้งจวงจันทร์ที่มีเงินในกระเป๋าหนึ่งหมื่นซึ่งในหนึ่งหมื่นบาทนั้นมีเงินของตนห้าพันบาทของอาจารย์นวลอนงค์ห้าพันบาทก็เดินเข้าไปหาคชาพัฒน์...

“หน่องดีใจด้วยนะ” จวงจันทร์ยื่นซองเงินไปให้คชาพัฒน์...คชาพัฒน์รับซองเงินถือไว้ จวงจันทร์หลังจากที่ให้ซองคชาพัฒน์ไปแล้วก็เชิดหน้าขึ้นพยายามซ่อนความรู้สึกดาย เสียใจไว้ ขณะที่กำลังจะหมุนตัวเดินออกมา คชาพัฒน์ก็ร้องเรียกไว้...

“พี่เจี๊ยบ..”

จวงจันทร์หยุดนิ่ง...คชาพัฒน์รีบผละเข้าไปจับพร้อมกับยึดซองเงินคืนให้...

“อะไรกันหน่อง”

“หน่องไม่เอาเงินจำนวนนี้หรอก พี่เจี๊ยบไม่ว่าอะไรหน่องนะ”

“ทำไมล่ะ”

“พี่เจี๊ยบเอาไว้ปั้นนางงามสู้กับหน่องเวทีหน้าดีกว่านะ หน่องว่ามันน่าจะสนุกกว่าการที่เราจะมากินเงินกันพนันกันแบบนี้...พี่เจี๊ยบว่าจริงไหม”

“ขอบใจมากนะหน่อง...ดีใจกับผึ้งด้วยที่เป็นเด็กของหน่อง ขอให้พาผึ้งไปให้ถึงฝั่งฝันนะ...”

“ก็แล้วแต่บุญวาสนาของเขาด้วยนะพี่”

“พี่คิดว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นนางงามเลยแหละ เพราะเมื่อตอนยืนอยู่คู่กับนงลักษณ์ ออร่านางงามเขาออกมาเป็นอย่างมาก...พี่คิดว่าเขามีลุ้นกับรางวัลใดรางวัลหนึ่งบนเวทียอดพธูไทยแน่นอน”...








จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ค. 2556, 08:11:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ค. 2556, 08:11:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 2934





<< 31.รอบตอบคำถาม   33.ยอดพธูไทย >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 25 ก.ค. 2556, 08:11:31 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ...จุ๊บ ๆ


aom 25 ก.ค. 2556, 11:36:54 น.
ดีใจกับน้ำผึ้งด้วย


aom 25 ก.ค. 2556, 11:37:10 น.
ดีใจกับน้ำผึ้งด้วย


mottanoy 25 ก.ค. 2556, 11:48:27 น.
เฮ้อ ลุ้นจนตัวโก่งค่ เหมือนไปยืนบนเวทีเองเลย


nateetip 25 ก.ค. 2556, 11:49:32 น.
ชอบมากๆค่ะ ชอบทุกตัวละครค่ะ ธรรมชาติเหมือนจริงมากค่ะ


เดิมเดิม 25 ก.ค. 2556, 12:14:38 น.
ลุ้นอยู่ติดขอบเวทีเลย


คิมหันตุ์ 25 ก.ค. 2556, 12:48:51 น.
ลุ้นตัวโก่ง


nunoi 25 ก.ค. 2556, 15:48:27 น.
ลุ้นไปกับทั้งสองคนเลย


Zephyr 25 ก.ค. 2556, 19:54:18 น.
เฮ่อออออออออออออออออ โล่งค่ะโล่ง
จวงจันทร์กะหนิงหน่อง ดีกันได้แล้ว
แล้วนวลอนงค์ล่ะ จะไร้เหตุผลต่อมั้ย
การทำให้นงลักษณ์กล้าเป็นสิ่งดี และดูเหมือนนงลักษณ์ก็ได้อะไรดีๆกลับไป
แต่การกรุยทางให้ลูกสาวของแม่พิมพ์คนนี้ รับไม่ได้อย่างมาก


loveleklek 26 ก.ค. 2556, 23:12:29 น.
ลุ้นๆ


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:24:59 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account