น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 33.ยอดพธูไทย

ด้วยงานเรื่องนี้เป็นงานชุด นางฟ้าจำแลง ที่ได้ทำกับเพื่อน ๆ สี่คน ได้แก่ เรื่อง

เทพธิดามาเฟีย ชนิดาภา
นางฟ้ารับจ้าง โม
น้ำผึ้งบ้านไพร เฟื่องนคร
จอมใจสายสืบ โมริสา

ดังนั้น ผมจึงไม่เล่นกับเวทียอดพธูไทยให้ฉากมันซ้ำ ๆ กันนะครับ เลยต้องใ้ช้วิธีรวบยอด เพราะว่าหน้ากระดาษจำกัดแล้วด้วย...อยากเห็น บรรยากาศ เวทียอดพธูไทย ต้องอ่านให้ครบทั้งสี่เรื่องนะครับ....

-------------------------------------------------------------------------
33.

4 เดือนต่อมา


เสียงเพลงยอดพธูไทยบรรเลงโดยออร์เคสตราวงใหญ่อยู่ ภายในห้องบอลรูมของโรงแรมชื่อดังริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีผู้คนจากหลากหลายอาชีพนั่งอยู่ตามแถวเก้าอี้ที่เรียงรายต่างระดับตามราคาบัตรจากแพงสุดจนถูกสุดซึ่งก็ยังอยู่ที่ราคาหลายพันบาท ด้านในสุดของห้องเป็นเวทีที่ยกสูงจากพื้นเกือบสองเมตร ฉากหลังเป็น บลูสกรีนสีน้ำเงินเข้ม แล้วฉายไฟเป็นรูปดอกไม้หลากสีสลับกันไปมา บนเวทีต่างระดับมีสาวงามจำนวน 17คนอยู่ในชุดเดรสราตรีเข้ารูปสั้นแค่เข่า เปิดไหล่ด้านเดียวซึ่งเป็นสายเดี่ยวสีม่วงพาสเทล สวมรองเท้าส้นเข็มสูงห้านิ้วสาวงามเหล่านั้นยืนตัวตรงปล่อยแขนแนบลำตัว ทุกสายตาจับจ้องไปยังหญิงสาวสองคนตรงกึ่งกลางด้านหน้าสุดของเวทีด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน...

หลังจากที่กำพลพิธีกรชายได้ประกาศชื่อของสาวงามผู้ได้ตำแหน่งรองอันดับสองไปแล้วคือนางสาวเบญญาภา จันทร์ดี สาวงามจากค่ายป้ายุพดี นาทีที่เหลือก็คือรอพิธีกรชื่อดังประกาศผลการตัดสินตำแหน่งนางงามยอดพธูไทย โดยมีนางสาวศิรภัสสร เกตน์สิริ สาวงามจากค่ายคุณเพรานภาผ่านเข้ารอบมาจนถึงสองคนสุดท้าย และนางสาวกัญชพร ไพรวัลย์ สาวงามจากการปลุกปั้นของคชาพัฒน์ที่ผันตัวเองมาจากเจ้าของร้านทำผมมาเป็นแมวมองหาเด็กสาวมาปั้นเพื่อส่งประกวดตามเวทีต่างๆ

“น้ำผึ้ง ตื่นเต้นจังเลยนะ” ศิรภัสสรใช้มือข้างขวาจับมือข้างซ้ายของน้ำผึ้งบีบกระชับ เพราะเกิดอาการใจเต้นจนมือสั่นกับการประกาศตำแหน่งสำคัญ

“ใช่ ผึ้งตื่นเต้นมากจริงๆ”

“แต่ภัสว่าน้ำผึ้งต้องได้ตำแหน่งแน่ๆ ตอบคำถามก็ดีด้วย”

“ไม่แน่หรอก อย่าลืมว่าภัสได้ตำแหน่งขวัญใจช่างภาพไปแล้วหนึ่งตำแหน่งนะ” ตำแหน่งขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชนนั้นได้เงินรางวัลถึงสองแสนบาท

“เป็นรางวัลปลอบใจของรองอันดับหนึ่งไง” ศิรภัสสรกระซิบบอกม้ามืดที่กลายมาเป็นตัวเก็งเพราะบุคลิกท่าทาง ปฏิภาณไหวพริบ และความสามารถที่โดนเด่น กระทั่งมีเสียงเชียร์มากมายในโลกไซเบอร์ในช่วงที่เก็บตัวและโปรโมตหนึ่งเดือนเต็มๆ และคืนนี้ก็จะเป็นคืนตัดสินว่าใครจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดบนเวทีเกียรติยศแห่งนี้ และช่วงเวลาที่พิธีกรปล่อยให้เป็นช่วงสุญญากาศ น้ำผึ้งที่รู้สึกว่าเหมือนใจจะหยุดเต้นนั้นก็ครุ่นคิดถึงภาพในอดีตเมื่อหลายเดือนก่อน

...วันนั้นหากว่าเธอไม่ได้เป็นนางนพมาศของวัดบ้านไพรวนาราม...ความมั่นใจ แรงใจ และพลังขับเคลื่อน คงไม่มากพอจนกระทั่งมีวันนี้...วันที่เธอก้าวขึ้นมายืนในตำแหน่งสองคนสุดท้ายบนเวทีระดับประเทศแห่งนี้..และไม่ว่าคุณกำพลจะประกาศชื่อของเธอก่อนหรือหลังศิรภัสสร บัดนี้เธอก็ได้ชื่อว่า ประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายนางงามอาชีพแล้ว ต่อไปเธอจะมีคำว่า นางงามยอดพธูไทยต่อท้ายชื่อน้ำผึ้ง กัญชพร ไพรวัลย์ ซึ่งเธอรู้ดีกว่าเป็นเวทีสุดท้ายในวงการขาอ่อนนี้แล้ว...


“สำหรับตำแหน่งนางงามยอดพธูไทยจะต้องเดินทางไปประกวดชิงมงกุฎความงามที่ต่างประเทศ และต้องทำหน้าที่ในตำแหน่งถึงหนึ่งปี แต่หากเจ้าของตำแหน่งนางงามยอดพธูไทยไม่สามารถทำหน้าที่ได้ รองอันดับหนึ่งจะขึ้นมาทำหน้าที่นั้นแทน ดังนั้นชื่อที่ผมจะประกาศต่อไปนี้ จะเป็นผู้ครองมงกุฎยอดพธูไทย” พิธีกรชื่อดังประกาศหน้าที่และสิทธิของเจ้าของตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ให้บรรดาแขกผู้มีเกียรติที่มานั่งเป็นสักขีพยานรวมถึงผู้ที่รับชมอยู่ทางบ้านเพราะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศได้รับรู้...

และน้ำผึ้งก็มั่นใจว่า ตอนนี้แม่น้ำอ้อยกับน้องทั้งสองคน คนทั้งบ้านไพรนั้น ต่างก็คงจะเฝ้าอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ร่วมลุ้นไปกับชีวิตใหม่ของเธอ...โดยเฉพาะคนที่เธออยากให้เขามานั่งอยู่ในห้องนี้เช่นคชาพัฒน์ คุณนายวรรณี นัยนิต นงลักษณ์ ภานุวัฒน์ อาจารย์นวลอนงค์ แต่ว่าเขาก็มาไม่ได้เพราะติดที่ว่า เขาไม่ใช่คนตัวเปล่า...คุณวรรณศุกร์ เขาจะต้องนั่งลุ้นไปกับคนอื่นๆ เช่นกัน...

“สำหรับผู้ที่ได้รับตำแหน่งยอดพธูไทยประจำปีสองพันห้าร้อยห้าสิบห้าได้แก่” สิ้นเสียงประกาศนั้นก็มีเสียงกลองรัวขึ้น เพื่อเร้าใจให้ทุกคนได้ตื่นเต้น และร่วมลุ้นผลการประกวดนี้ไปด้วยกัน

“ผู้ที่ได้รับตำแหน่งยอดพธูไทยในปีนี้ได้แก่หมายเลขยี่สิบห้า นางสาวกัญชพร ไพรวัลย์ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ”
น้ำผึ้งหรือกัญชพร ไพรวัลย์ จากบ้านไพรเบิ่งตากว้างก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากแล้วก็โผเข้ากอดศิรภัสสร เกตน์สิริเหมือนที่เคยกอดนงลักษณ์เพื่อนสนิทเมื่อครั้งเวทีนางนพมาศบ้านไพร...

“น้ำผึ้ง ดีใจด้วยนะ ดีใจด้วยจริงๆ” เมื่อศิรภัสสรสวมกอดน้ำผึ้งก็รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นยินดีด้วยอย่างแท้จริงจากเพื่อนนางงามที่ร่วมเก็บตัวอยู่ด้วยกันถึงหนึ่งเดือนเต็ม

“ภัส ขอบใจมากๆ จ้ะ ขอบใจ แต่ผึ้งไม่อยากจะเชื่อเลย”

“เชื่อเถอะ ตอนนี้เธอเป็นยอดพธูไทยแล้ว”

ศิรภัสสรเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะโดนรั้งแขนให้เดินไปยังเวทีด้านในเพื่อยืนประจำตำแหน่งข้างบัลลังก์ความงาม ที่บัดนี้อดีตนางงามปีก่อนได้ลุกขึ้นและนำมงกุฎใหม่ที่อดีตเพื่อนนางงามเวทีเดียวกันนี้เชิญมารอพร้อมสายสะพาย ช่อดอกไม้ มาสวมให้กับยอดพธูไทยคนใหม่

‘น้องน้ำผึ้ง นางสาวกัญชพร ไพรวัลย์’

-----------------------------------------------
และแล้วมงกุฎนางงามยอดพธูไทย 2012 (Miss YodPratruThai 2012) ก็ตกเป็นของผู้เข้าประกวดหมายเลข 25 "น้ำผึ้ง" กัญชพร ไพรวัลย์ สาวสวยวัย 19 ปี เฟรชชี่คณะคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎฯ ที่นอกจากรูปร่างหน้าตาและผิวพรรณจะสวยบาดตากรรมการแล้ว น้องน้ำผึ้งยังตอบคำถามได้โดนใจกรรมการอย่างสุด ๆ แล้วเชื่อหรือไม่ว่า น้ำผึ้งป่าจากตำบลบ้านไพรคนนี้เคยขายลูกปิ้งอยู่หน้าตลาดหลังเลิกเรียน

ว่าแล้วเราลองไปทำความรู้จักกับน้องน้ำผึ้ง กัญชพร ไพรวัลย์ เจ้าของมงกุฎ Miss YodPratruThai 2012 คนใหม่พร้อม ๆ กันดีกว่า

น้ำผึ้ง หรือ กัญชพร ไพรวัลย์ สาวสวยเฟรชชี่คณะคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏฯ ปัจจุบันอายุ 19 ปี มีส่วนสูงเกินมาตรฐานสาว
ไทยอยู่ที่ 172 เซนติเมตร น้ำหนัก 52 กิโลกรัม และเป็นเจ้าของสัดส่วน 33-23-36 เธอเคยเป็นนางงามเดินสายอยู่ที่จังหวัดสระบุรี กระทั่งกลายมาเป็นม้ามืดคว้าตำแหน่งเวทียอดพธูไทยคนล่าสุดไปได้... โดยสาวสวยคนนี้มีความฝันที่อยากจะเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่หรือร้านอาหารเลื่องชื่อสักร้านในตลาดบ้านไพร...

สำหรับการประกวดนางงามยอดพธูไทย 2012 นั้น ในช่วงประกวด น้ำผึ้ง กัญชพร ไพรวัลย์ เป็นสาวงามคนหนึ่งที่ถูกจับตามอง เพราะนอกจากจะมีหน้าตาไทยแท้แล้ว ผิวยังสีแทนดูอินเตอร์ แถมหุ่นดีสูงโปร่งสุด ๆ และยังมีความสามารถหลายด้าน ทั้งรำไทย ดนตรีไทย นวดแผนไทย และทำอาหารไทย ที่สำคัญเธอยังเป็นอดีตนักกีฬาวอลเล่ย์บอลทีมโรงเรียนมัธยมปลายของเธอด้วย

และในรอบตัดสินนางงามยอดพธูไทย2012 น้ำผึ้ง กัญชพร ไพรวัลย์ ยังเป็นสาวไหวพริบดี สามารถตอบคำถามได้ถูกใจกรรมการที่สุดและเข้าทางความสามารถของเธอ ด้วยคำถามที่ว่า หากคุณมีโอกาสเป็นตัวแทนสาวไทยไปประกวดเวทีระดับโลก คุณจะนำเสนออะไรที่บ่งบอกถึงความเป็นไทยในตัวคุณ ซึ่งน้องน้ำผึ้ง กัญชพร ไพรวัลย์ ก็เลือกที่จะตอบว่า "รำไทย ดนตรีไทยคือขิม นวดแผนไทย และอาหารไทยที่ต่างชาติรู้จักกันเป็นอย่างดีซึ่งผึ้งก็มีความสามารถจริง ๆ ค่ะ" ซึ่งหลังจากเธอตอบคำถามนี้จบ ก็เรียกเสียงปรบมือไปเต็ม ๆ จนทำให้เธอคว้ามงกุฎยอดพธูไทย 2012 ไปครอง

แต่กว่าที่ น้ำผึ้ง กัญชพร ไพรวัลย์ จะก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ เธอบอกว่าตั้งแต่เป็นเด็กไม่เคยคิดฝันว่าจะมาเป็นนางงามแต่อย่างใดเพราะคิดว่าตัวเองไม่สวย แถมยังสูงเกินหน้าเกินตาเพื่อนนักเรียนหญิงด้วยกัน และทางบ้านก็มีฐานะยากจนเพราะพ่อของเธอนั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ทำให้เธอต้องลาออกจากทีมวอลเล่ย์บอลโรงเรียนมาช่วยแม่ขายลูกชิ้นปิ้งเป็นรายได้เสริม ช่วยแม่เลี้ยงดูน้องชายหญิงและเตรียมหาเงินเรียนต่อปริญญาตรี กระทั่งนายคชาพัฒน์ พิทักษ์ หรือพี่หนิงหน่อง แมวมองเจ้าของร้านตัดผมในตลาดบ้านไพรไปเห็นเธอเข้า จึงชักชวนเธอให้มาเป็นนางงามเดินสายตามเวทีเล็ก ๆ กระทั่งเธอกวาดตำแหน่งชนะเลิศมาได้หลายเวที จึงทำให้แมวมองคนนั้นคิดปั้นเธอขึ้นเวทีระดับประเทศ เธอต้องฝึกฝนตัวเองอย่างมากมาย เพราะว่าอายุยังน้อยและประสบการณ์ชีวิตก็น้อยตามเลขอายุไปด้วย แต่โชคก็เป็นของเธอเพราะว่าก่อนหน้านั้นเธอมีพื้นฐานรำไทย ดนตรีไทยคือเล่นขิมได้ตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษา และนวดแผนไทย จับเส้น ให้คนหายปวดเมื่อยได้อย่างชะงักเพราะยายของเธอสอนไว้ให้ กอปรกับเธอรักการทำอาหารไทยทั้งคาวและหวาน จึงกลายเป็นจุดเด่น และด้วยเธอเคยเป็นนักกีฬามาก่อนรูปร่างของเธอจึงสมส่วนสะดุดตา นอกจากนั้นพี่เลี้ยงของเธอซึ่งเป็นเจ้าของร้านทำผมนั้นมีฝีมือทางด้านแต่งหน้า เธอจึงถูกค้นพบว่านอกจากมีสรีระเหมาะกับการเป็นนางงามแล้ว เธอยังเป็นคนถ่ายรูปขึ้นเป็นอย่างมาก
...มากจนกระทั่งคว้าตำแหน่งนางงามยอดพธูไทยไปครองในที่สุด...

ทั้งนี้ น้ำผึ้ง กัญชพร ไพรวัลย์ จะต้องเข้าเก็บตัวอีกประมาณ 1 เดือน เพื่อเตรียมความพร้อมไปชิงมงกุฎ Miss Tradition World 2012 ณ ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่ง น้องน้ำผึ้ง บอกว่า เธอจะนำความเป็นไทยไปแสดงในเวทีมิสเทรดดิชั่น เวิลด์ และจะพยายามให้ดีที่สุด เพื่อขอนำธงชาติไทยไปปักบนเวทีมิส เทรดดิชั่นเวิลด์ให้จงได้

เอ้า...ส่งแรงใจช่วยเชียร์ น้องน้ำผึ้ง กัญชพร ไพรวัลย์ กันหน่อยนะจ๊ะ


อ่านสกู๊ปข่าวพิเศษพร้อมดูรูปถ่ายที่ทางหนังสือพิมพ์เอามาลงแล้ววรรณศุกร์ก็วางหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไว้บนโต๊ะ โดยสายตาที่มองทอดออกไปนอกร้านนั้นหาได้เห็นสิ่งแวดล้อมที่คุ้นตา แต่เขานั้นมองไปเห็นอนาคตอันสดใสของน้ำผึ้ง...

น้ำผึ้ง บ้านไพร ที่เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของคนทั้งบ้านไพร รวมถึงตัวเขาเองด้วย...

คืนวันนั้น แม้เขาไม่ได้เดินทางไปเชียร์พร้อมกับแม่ของเขาและคณะเพราะไม่อยากมีปัญหากับภัทริน แต่ใจของเขานั้นก็จดจ่ออยู่ที่เวทีใหญ่ระดับประเทศผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่เขาให้ลูกน้องนำมาติดตั้งที่หน้าร้านเพื่อให้คนที่ผ่านไปผ่านมาและรับรู้กันอยู่แล้วว่าคนบ้านไพรนั้นกำลังไปแข่งขันเพื่อสร้างชื่อให้กับบ้านไพร...

และเมื่อถึงรอบสามคนสุดท้าย คนที่นั่งบ้าง ยืนบ้าง ก็เริ่มอยู่ไม่ติดที่...ด้วยทุกคนนั้นส่งใจไปให้น้ำผึ้งบางคนถึงกับบนบานศาลกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือให้น้ำผึ้งจากบ้านไพรนั้นได้ที่หนึ่ง...

และจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ทำให้ซองคำถามที่น้ำผึ้งหยิบมาได้นั้นช่างตรงกับความสามารถพิเศษที่น้ำผึ้งมีอยู่ น้ำผึ้งจะตอบได้อย่างง่ายดายและดูจะเป็นคำถามที่สร้างขึ้นมาเพื่อน้ำผึ้งโดยเฉพาะ

ตอนที่เหลือสองคนสุดท้าย...ก่อนที่พิธีกรจะประกาศรายชื่อเจ้าของตำแหน่งนางงามยอดพธูไทยนั้น ทั่วทั้งบ้านไพรเงียบกริบประหนึ่งว่าทุกคนหยุดหายใจเหมือนนัดหมายกันไว้...และพอพิธีกรชายประกาศว่าหมายเลขยี่สิบยังไม่ทันลงท้ายว่าห้าเท่านั้น...เสียงกรีดร้องก็ดังลั่นไปทั้งตลาด...ไฟทุกดวงถูกเปิดสว่างจ้า ร้านขายสุราของมึนเมาเป็นที่โกลาหลเพราะทุกคนต่างออกมาฉลอง เขาเองยังอนุมัติเบียร์ให้ลูกน้องไปเอามาเปิดเลี้ยงเป็นสิบๆ ลัง...

คืนนั้นเขาเมาและเขาก็กลับบ้านไปนอนด้วยหัวใจที่เป็นสุข...

สุขของเขาในวันนั้นคือการที่ได้ผลักดันเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่เขาเห็นมาตั้งแต่เกิดจนกระทั่งไปยืนในจุดที่ใครก็คิดไม่ถึง และหนึ่งปีนับจากนี้ ชีวิตของน้ำผึ้งจะต้องอยู่ในความดูแลของพี่เลี้ยงนางงามของกองประกวด จะต้องไปต่างประเทศและปฏิบัติภารกิจจนต้องดร็อปเรียนไว้ และหลังจากนั้นเขาเชื่อมั่นว่าน้ำผึ้งจะต้องได้โอกาสอันดีทางสังคมอีกไม่น้อย...และที่รู้ ๆ นั่นก็คือชีวิตในวงการบันเทิงโดยการปลุกปั้นของพี่อ๊อดและน้องติ๋วซึ่งได้มีสัญญาใจกันไว้แล้วว่า เมื่อพ้นจากตำแหน่ง น้ำผึ้งจะต้องเข้าเรียนการแสดงและรับบทบาทสำคัญในละครพีเรียดฟอร์มยักษ์ที่อยู่ระหว่างการเตรียมงาน...


“ทำไมวันนี้กลับบ้านมาแต่วันละลูก” คุณนายวรรณีเอ่ยปากถามเมื่อเห็นว่าลูกชายเดินหน้าซีดเซียวเข้ามาในบ้าน...เขาทรุดลงนั่งบนโซฟาแล้วก็บอกว่า

“ผมจะเข้ากรุงเทพครับแม่...คือภัทไม่สบายเข้าโรงพยาบาลมาสองวันแล้วครับ”

“เป็นอะไรล่ะ...”

“เป็นไข้หวัดใหญ่ครับ ผมต้องไปดูสักหน่อยครับ”

“อืม ฝากเยี่ยมด้วยนะ...” แม้จะไม่ค่อยชอบหน้าภัทรินแต่เมื่อรู้ว่าหญิงสาวเจ็บป่วยจนเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลคนใจดีอย่างคุณนายวรรณี
ก็อดเป็นห่วงไม่ได้...

“แล้วจะไปกี่วัน”

“อาจจะกลับวันอาทิตย์ครับ ขอไปดูอาการภัทก่อน แล้วจะโทรกลับมาบอกอีกทีครับ” วันนี้เพิ่งวันศุกร์ เขามีกำหนดอยู่กรุงเทพ ได้อย่างสะดวกใจ คืนนี้ทั้งคืนกับอีกสองวันเต็ม ๆ

“หลายวันเลยนะ อย่างไรก็แวะดูน้ำผึ้งเขาหน่อยซิ เดี๋ยวแม่โทรถามแม่เขาก่อนว่ามีอะไรจะฝากไปให้น้ำผึ้งไหม” เพราะมีภูมิลำเนาอยู่ที่ต่างจังหวัดหลังจากได้ตำแหน่งแล้วน้ำผึ้งจึงใช้สิทธิ์รางวัลห้องพักตลอดทั้งปีของโรงแรมที่ใช้จัดงานประกวด และโรงแรมนั้นก็อยู่บนถนนเส้นเดียวกับคอนโดมิเนียมที่วรรณศุกร์ซื้อไว้ หญิงสาวยังไม่ได้เรียนในระดับปริญญาตรี พอมีเวลาว่างเว้นจากภารกิจหน้าที่จึงไปเข้าคอร์สเรียนการแสดงตามคำแนะนำของพิชญาและเรียนทำอาหารตามที่ใจรักและคิดว่ามันจะเป็นอาชีพอันยั่งยืนได้

เมื่อวางสายจากน้ำอ้อยที่บัดนี้เลิกขายผักที่ตลาดสด เพราะว่าน้ำผึ้งนั้นนำเงินรางวัลที่ได้กับเงินค่าตัวจากการถ่ายโฆษณา ถ่ายแบบ มาเซ้งร้านค้าขายของโชว์ห่วยตรงหน้าโรงเรียนให้ดูแลทำให้น้ำอ้อยนั้นมีความสุขสบายกว่าเดิมเป็นอย่างมากเพราะไม่ต้องตื่นแต่เช้าและน้องสองคนก็ไป-กลับโรงเรียนได้อย่างสะดวกปลอดภัย

“แม่น้ำอ้อยเขาไม่ฝากอะไรไปหรอก แต่ศุกร์แวะหาน้องหน่อยแล้วกัน...ดูแลกันไว้หน่อย เพราะช่วยกันมานานแล้ว”

“ครับ”...

“หรือจะซื้อขนมติดไปไว้ให้น้องสักหน่อยก็ดีนะ เจอร้านขายของฝากซื้อติดไปแล้วกัน บอกว่าแม่ฝากให้เอาไปให้...” ด้วยกลัวว่าลูกชายจะไม่แวะไปหาน้ำผึ้งเพราะไม่มีข้ออ้างคุณนายวรรณีจึงต้องออกอุบายให้...


เมื่อขับรถออกจากบ้านมาแล้ว ใจของเขานึกถึงภัทรินที่ช่วงหลัง ๆ มานี้มีปัญหากันเป็นประจำเพราะเขาเองนั้นก็คงย้ายเข้ากรุงเทพไปอยู่กับภัทรินหลังจากแต่งงานไม่ได้...ภัทรินเองก็ไม่ยอมลาออกจากงานประจำแล้วย้ายมาอยู่กับที่บ้านไพรแล้วภัทรินก็หึงหวงในตัวเขาเป็นอย่างมากจนเขาแทบกระดิกตัวไปไหนมาไหนโดยไม่รายงานไม่ได้เลย...

วรรณศุกร์ถอนหายใจเบา ๆ แล้วภาพใบหน้าของน้ำผึ้งก็เข้ามาแทนที่...ด้วยเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าก่อนหน้านั้นน้ำผึ้งมีใจให้กับเขาจนไม่สนใจโอกาสดี ๆ ที่ผ่านเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นวิธิตที่บัดนี้ตกลงปลงใจเป็นแฟนกับสำลีไปแล้วเพราะคุยกันรู้เรื่อง... ภานุวัฒน์ที่ย้ายมาประจำการอยู่สภ.บ้านไพรและเปิดเผยตัวว่าเป็นคู่รักของนงลักษณ์นักศึกษาปีหนึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏ และถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเขาคาดไว้ว่าจะได้เห็นการ์ดแต่งงานทั้งของวิธิตกับสำลีและภานุวัฒน์กับนงลักษณ์เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

ส่วนก้องเกียรตินั้นหลังจากคืนวันนั้นเขาก็หายลับเข้ากลีบเมฆไม่โทรมาตื๊อให้เขาเป็นพ่อสื่อให้อีกเลย แต่ภานุวัฒน์ที่อยากรู้ข่าวของเพื่อนมาถามหาเบอร์ของก้องเกียรติจากเขา ก็มาเล่าให้เขาฟังว่าเมื่อก้องเกียรติรู้ว่าจีบน้ำผึ้งไม่ติดแน่ ๆ กับความมาแตกเสียก่อน ก้องเกียรติจึงต้องกลับไปหาทิพากรและคงจะคบหากันไปอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ด้วยก้องเกียรตินั้นเป็นคนเจ้าชู้ และทิพากรหลังจากที่จับได้คาหนังคาเขาก็มีความหึงเป็นเจ้าเรือน แต่ด้วยทั้งคู่นั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแล้ว ก้องเกียรติจึงผละหนีจากทิพากรไม่ได้ ด้วยกลัวว่าความหึงของทิพากรนั้นจะทำให้หญิงสาวขาดความยั้งคิดลงมือฆ่าเขาอย่างที่ได้ขู่ไว้...

ส่วนสารวัตรทะนงศักดิ์กับเพื่อนที่เป็นนายทหารนั้นพอน้ำผึ้งวิ่งไล่ความฝันไปจนถึงเวทีใหญ่ระดับประเทศได้สำเร็จกลายเป็นคนของประชาชน สารวัตรทะนงศักดิ์กับเพื่อนก็รู้ตัวเองดีว่า หมดหวังที่จะ เคลมเด็กและก็มีเสียงลือเข้าหูเขามาว่า ตอนนี้สารวัตรทะนงศักดิ์ติดพันและหลงใหลอยู่กับนางงามหมายเลข 1 ที่มาประกวดนางนพมาศเวทีบ้านไพรพร้อมกับน้ำผึ้ง จนไม่มีเวลาไปเร่ขายฝันให้สาวงามคนอื่นอีก...

ฝ่ายคชาพัฒน์นั้นเมื่อปั้นน้ำผึ้งไปถึงดวงดาว หลังแบ่งเงินรางวัลที่น้ำผึ้งได้มาตามที่ได้ตกลงกันไว้ คชาพัฒน์ก็เดินหน้าเปิดร้านของตนเป็นค่ายนางงาม ซึ่งเพียงไม่กี่เดือนคชาพัฒน์ก็มีเด็กเข้ามาอยู่ในสังกัดเกือบสิบคน และช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นคชาพัฒน์ก็พาเด็ก ๆ ไปคว้าตำแหน่งได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ทุกครั้งที่พบเห็นคชาพัฒน์เขาก็จะได้ยินได้ฟังแต่เรื่องที่พลอยให้ชื่นใจอยู่เสมอนั่นก็คือ ชีวิตความเป็นไปของน้ำผึ้ง...

น้ำผึ้งบ้านไพรที่กลายมาเป็นน้ำผึ้ง กัญชพร สาวงามในเมืองใหญ่...แม้คชาพัฒน์จะรับประกันว่าน้ำผึ้งไม่มีใครเข้ามาในชีวิตเพราะเจ้าตัวนั้นระวังตัว กับภายในหนึ่งปีนี้พี่เลี้ยงทางกองประกวดเข้มงวดกับพฤติกรรมในทางที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของนางงามเจ้าของตำแหน่งเสื่อมเสีย น้ำผึ้งจึงเหมือนต้องอยู่ในกรอบเกียรติยศที่ถูกขีดไว้ แต่คชาพัฒน์ก็บอกว่า คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับน้ำผึ้งแต่อย่างใด...
เพราะชีวิตที่ผ่านมาของน้ำผึ้งกับปัจจุบันนั้นมันแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวอยู่แล้ว...


“คุณศุกร์สวัสดีค่ะ” น้ำเสียงของน้ำผึ้งที่ผ่านลำโพงมานั้นหวาน เย็น และเจือด้วยความยินดีที่วรรณศุกร์โทรเข้าเครื่อง...

“ผึ้ง...ฉันกำลังจะเข้ากรุงเทพไปเยี่ยมคุณภัทเขาป่วยเป็นไข้นอนโรงพยาบาลแล้วแม่ฉันซื้อขนมมาฝากเรานะ อยู่ที่โรงแรมหรือเปล่า” แล้ววรรณศุกร์ก็เลือกที่จะนัดหมายกับน้ำผึ้งก่อนที่จะเข้าไปเยี่ยมไข้ภัทรินที่โรงพยาบาล

“จะถึงกรุงเทพประมาณกี่โมงค่ะ” นอกจากปฏิบัติภารกิจตามตารางงานที่มีพี่เลี้ยงเป็นผู้ดูแลอยู่แล้ว น้ำผึ้งยังเจียดเวลาไปเรียนทำอาหาร เพราะมีโครงการเปิดร้านอาหารที่บ้านไพร หากว่าหลังจากพ้นตำแหน่ง ไม่มีงานในวงการบันเทิงอย่างที่ได้วางแผนไว้แต่แรก แต่ว่าปัจจุบันนี้น้ำผึ้งก็รู้ดีว่าโอกาสที่จะกลับไปอยู่ที่บ้านไพรนั้นน้อยเต็มที เพราะเมื่อเข้าเรียนการแสดงตามคำแนะนำของพี่อ๊อด พี่ติ๋ว พิชญาแล้ว น้ำผึ้งก็รู้สึกสนุกกับมันเพียงแต่ว่ารอให้พ้นจากตำแหน่งก่อนเท่านั้น เพราะว่าเงินค่าตัวที่จะได้มานั้น จะได้ไม่ต้องถูกทางกองประกวดหักค่าเป็นผู้จัดการไปเสียครึ่งหนึ่ง เหมือนกับค่าโฆษณาสินค้าของสปอนเซอร์หลักเกือบสิบชิ้น ซึ่งเงินหลังจากที่ถูกกองประกวดหักไปแล้วนั้น น้ำผึ้งยังต้องแบ่งให้คชาพัฒน์ตามกติกาที่ตกลงกันไว้ก่อนจะมาขึ้นเวทียอดพธู

ไทยด้วยความเต็มใจ เพราะถ้าไม่มีคชาพัฒน์ในวันนั้น วันนี้น้ำผึ้งก็จะไม่มีชื่อ กัญชพร ไพรวัลย์ ในแวดวงนางงามระดับประเทศ และคชาพัฒน์เองก็เป็นหูเป็นตาช่วยดูแลแม่กับน้องๆ ยามที่น้ำผึ้งต้องมาอยู่ที่กรุงเทพฯเสียด้วย

“เราอยู่โรงแรมกี่โมงล่ะ ตอนนี้ทำอะไรอยู่”

“ประมาณค่ำ ๆ ค่ะ...ตอนนี้ผึ้งเรียนทำอาหารอยู่ สักสองทุ่มค่ะคงถึงโรงแรม” อันที่จริงน้ำผึ้งเลิกเรียนประมาณหกโมงเย็นแต่การจราจรในกรุงเทพนั้นต้องเผื่อเวลาไว้อีกหนึ่งถึงสองชั่วโมง ยิ่งเป็นเย็นวันศุกร์อย่างนี้ มือใหม่หัดขับจึงต้องค่อย ๆ พารถคืบคลานกลับโรงแรมที่อยู่กลางใจเมือง ทั้งที่น้ำผึ้งอยากจะจอดรถไว้แล้วใช้บริการรถสาธารณะแต่คชาพัฒน์นั้นบอกว่า เมื่อมีรถแล้วก็ต้องใช้ เพราะถ้าไม่ใช้มัวแต่กลัวก็จะขับไม่ได้ และเมื่อวิถีชีวิตเป็นไปในลักษณะที่ต้องดิ้นรนเอาตัวให้รอดในเมืองใหญ่โดยมีภาพลักษณ์ของนางงามเวทีระดับประเทศติดอยู่ที่หน้าผาก น้ำผึ้งจึงต้องสู้...ทั้งที่ตอนแรก ๆ นั้นเธอหวาดกลัวกับวิถีชีวิตในเมืองเป็นอย่างมาก แต่ว่าคชาพัฒน์นั้นไม่ได้ทอดทิ้งให้เดียวดายตั้งแต่เริ่มต้น...เขามาอยู่เป็นเพื่อนประคับประคองจนเห็นว่าเธอยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้แล้ว เขาจึงได้ขอตัวกลับไปบ้านไพรเพื่อสานฝันของตัวเองต่อ...

“งั้นฉันจะโทรหาอีกทีนะ ไม่ได้มีนัดไปใช่เปล่า”

“ไม่มีหรอกค่ะ...คืนนี้ไม่มีงานอะไร” ก่อนจะเดินทางไปประกวด มิสเทรดดิชั่น เวิลด์ ที่ฝรั่งเศส นั้นน้ำผึ้งนั้นเหนื่อยสายตัวแทบขาดเพราะทางกองประกวดให้วิ่งรอกขอบคุณสปอนเซอร์และเตรียมการแสดงไปโชว์บนเวทีสลับกับต้องออกงานการกุศลชนิดนั่งหลับอยู่บนรถ แต่หลังจากที่กลับมาจากฝรั่งเศสแล้วงานถ่ายแบบ งานโฆษณาก็ไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ทำให้น้ำผึ้งนั้นสนุกสนานกับชื่อเสียงและเงินทองที่ไหลเข้ามากมาย
...มากจนน้ำผึ้งคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้...วันที่น้ำผึ้งพร้อมจะส่งเสียให้แม่อยู่อย่างสุขสบายแต่ว่าแม่นั้นไม่ยอมอยู่บ้านเฉย ๆ น้ำผึ้งจึงต้องไปเซ้งร้านค้าร้านนั้นไว้ให้ “แล้วคุณศุกร์จะกลับบ้านไพรวันไหนคะ”

“กลับวันอาทิตย์”

“ผึ้งจะได้เตรียมของฝากไปให้แม่ ให้น้อง ให้พี่หน่องหน่อยค่ะ...” อันที่จริงน้ำผึ้งก็ขับรถกลับบ้านไพรเป็นประจำ แต่ว่าหากจะมีเรื่องได้เจอกับเขามากกว่าหนึ่งรอบน้ำผึ้งก็ยินดี...

“ได้ ๆ ค่อยคุยกันนะ ฉันขับรถอยู่”...

วรรณศุกร์วางสายไปแล้ว น้ำผึ้งมองโทรศัพท์รุ่นสมาร์ทโฟนในมือดวงตาเป็นประกายเพราะ แม้จะมีเบอร์ของเขา แม้จะเห็นเขาในเฟสบุ๊ค แต่น้ำผึ้งก็ไม่กล้าโทรหรือข้อความไปคุยกับเขา เพราะคชาพัฒน์นั้นได้สั่งไว้ว่า อย่าเอาตัวเข้าไปวุ่นวายกับวรรณศุกร์เป็นดีที่สุด เพราะคุณภัทรินนั้นหวงและหึงผู้ชายของตนเป็นอย่างมาก เดี๋ยวความสุขที่ได้ จะไม่คุ้มกับชื่อเสียงที่ต้องเสียไป...แต่ว่าครั้งนี้น้ำผึ้งขอทำตามใจตัวเองสักครั้งเถอะ...




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ค. 2556, 07:54:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ค. 2556, 09:05:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 2057





<< 32.น้ำผึ้งบ้านไพร   34.1 “นางงามคนนี้ คนบ้านเดียวกับศุกร์ใช่ไหม เขาสวยเก๋ดีนะ” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 26 ก.ค. 2556, 08:08:44 น.
ใกล้จบแล้วนะครับ เรื่องนี้ ตั้งใจว่า ไม่แจกหนังสือนะครับ (ทำเหมือนเคยแจก) แต่ว่า จะเปลี่ยนเป็นลงจนหมดทุกตอน รวมถึงตอนพิเศษ(ที่มีอยู่น้อยนิด)ด้วย.....///อย่างไรก็ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจที่ช่วยกันไลค์ ช่วยกันคอมเม้นท์ครับ ผมจะเขียนนิยายให้จบแล้วโพสต์ทีเดียวไม่เขียนไปโพสต์ไป....เพราะ รู้ตัวเองดีว่าไม่ค่อยมีวินัยในการทำงานสักเท่าไหร่ ไม่อยากให้รอกันนาน ๆ............. เรื่องหน้า ในม่านฝน เป็น 1 ใน 4 นิยายชุด นิยายรักนักเขียน ร่วมกับเพื่อนนักเขียนชายสี่คนครับ.....///สำหรับน้ำผึ้งบ้านไพรจะพิมพ์รวมเล่มกับ ทู้บโร้สนะครับ....คาดว่าจะวางแผงราว ๆ เดือน สิงหาคม (ต้นหรือปลาย)ไม่รู้...ฝากติดตามฉบับรวมเล่มด้วยนะครับ...จุ๊บ ๆ


เดิมเดิม 26 ก.ค. 2556, 08:27:19 น.
น้ำผึ้งเชื่อพี่หน่องไว้ดีแล้วนะจ๊ะ


saralun 26 ก.ค. 2556, 10:01:32 น.
เป็นกำลังใจให้ค่าา


คิมหันตุ์ 26 ก.ค. 2556, 11:07:52 น.
เมื่อไรจะมีฉากหวานๆน๊อ รอคุณศุกร์ จนเหงือกเค้าแ้ห้งละเนี่ย


nunoi 26 ก.ค. 2556, 11:22:45 น.
อย่างนี้น้ำผึ้ง กับคุณศุกร์ ใกล้จะหวานกันแล้วซินะ


nateetip 26 ก.ค. 2556, 16:23:36 น.
รอคุณศุกร์กับน้ำผึ้งหวานกันค่ะ


Zephyr 26 ก.ค. 2556, 18:33:53 น.
โห จนใกล้จะจบ คุณเฟื่องยังไม่ให้ผึ้งสมหวังเลยอ่ะ
ภัทรินไม่สบายคราวนี้ต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ๆ


mottanoy 26 ก.ค. 2556, 20:32:00 น.
:)


loveleklek 26 ก.ค. 2556, 23:11:53 น.
ขอให้ขายดีติดอันดับต้นๆ นะ


จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:24:49 น.
stop!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account