ความรักของเปลือกไข่
เธอ...หลงรักคนๆ หนึ่งอยู่หลายปี ถูกกำหนดให้เป็นเพียงแค่เปลือกไข่ที่คอยปกป้องสิ่งที่อยู่ข้างในโดยไม่เต็มใจ

เขา...หลงรักเปลือกใข่ที่ภายนอกดูแข็งแรง แต่พร้อมที่จะแตกสลายได้ตลอดเวลา
Tags: ความรัก สามคน โปรแกรมเมอร์

ตอน: ตอนที่ 21

คนโดนถามขยับตัวยุกยิก หลังจากที่พูดมาในรถ แต่พอเจอแบบนี้เข้าไปถึงกับพูดไม่ออกใบ้กินเสียอย่างนั้น ขิงมองหน้าคนถามแล้วหลุบมามองลงพื้นอย่างไม่รู้จะพูดอะไร

“พี่กฤษณ์พูดเรื่องอะไรคะ ไม่เอาดีกว่าสายมากแล้วขิงไปทำงานก่อนนะคะ”

คราวนี้คนถามไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ แขนใหญ่วาดวงแขนโอบเข้าที่เอวของคนตัวเล็กกว่าแล้วลากไปหลบที่หลังเสาต้นใหญ่ลับตาคน รู้ดีที่สุดอย่างเช้าๆ แบบนี้เป็นเวลาเข้างานของทุกบริษัทในตึก คนพลุกพล่านเดี๋ยวเขากับขิงจะกลายเป็นหนุ่มสายโรคจิตโชว์ความรักกันที่ลานจอดรถเสียเปล่าๆ

“อย่ามาโยกโย้นะขิง พี่ไม่ให้ขิงเลี่ยงอีกแล้ว”

“โยกโย้อะไรกันคะ ขิงเปล่า” หญิงสาวยังคงยืนยันคำเดิมทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้จนอีกคนนึกหมั่นไส้กับการเฉไฉนี้

“ถ้าเปล่าแล้วไหนคำตอบพี่”

“ขนาดนี้ยังไม่รู้อีกเหรอไงนะ” ขิงพูดกับตัวเองเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน กฤษณ์ได้ยินเพียงเสียงเล็กๆ ที่จับได้ไม่เป็นคำ จนต้องขยับหน้าเข้าไปใกล้อีกหน่อย ทั้งที่มือยังโอบเอวคนตัวเล็กไว้

“ว่าอะไรนะครับ”

“พี่กฤษณ์คะ” เธอเรียกชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานที่ไม่ค่อยได้ทำ หญิงสาวพลิกตัวเองกลับแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่า “ถ้าขิงไม่คิดอะไร แล้วขิงจะให้พี่กฤษณ์เข้าใกล้ได้มากขนาดนี้มั้ยคะ”

คำพูดของหญิงสาวทำให้คนฟังยิ้มออก “ขิงว่ายังไงนะ”

“ขิงพูดไปแล้วไง ทำตัวเป็นคนแก่หูตึงไปได้” เธอยู่หน้าแล้วจึงขยับยิ้มให้คนมองได้หัวใจสั่นบ้าง หญิงสาวยกมือขึ้นใช้นิ้วชี้ชี้ไปตรงตำแหน่งหัวใจของตัวเอง “พี่กฤษณ์... เข้ามาอยู่ในหัวใจขิงแล้วไงคะ เข้ามาตั้งนานแล้วแต่ขิงไม่รู้ตัวแค่นั้นเอง”

“ขิง” กฤษณ์ไม่รู้ว่าทำไมเสียงตัวเองถึงสั่นนัก ชายหนุ่มมองหน้าคนตัวเล็กที่กำลังส่งยิ้มให้ด้วยหัวใจพองโต “วันนี้ลางานกันเถอะ ไปเที่ยวกัน”

“แน้ ได้ยังไงกันคะ” เธอท้วงแล้วหัวเราะ “พี่กฤษณ์เป็นเจ้าของบริษัทนะคะ ไม่มีพี่กฤษณ์เดี๋ยวก็วุ่นกันใหญ่หรอกค่ะ”

“แต่แหม พี่อยากฉลองนี่นา ในที่สุดขิงก็ยอมคบกันพี่”

“บ้าแล้ว ขิงตกลงตอนไหนคะ ยังไม่ได้พูดเลยนะ”

“ขิงพูดแล้วพี่ได้ยิน” ชายหนุ่มตีขลุมหน้าตาเฉย แถมยังรัดคนตัวเล็กแน่นขึ้นไปอีกจนเธอประท้วงโอดๆ ว่าหายใจไม่ออก

“ขิงว่าตอนนี้ขึ้นไปบริษัทก่อนดีมั้ยคะ สายมากกกกแล้ว” เสียงเล็กพูดลากเสียงคำว่ามากให้รู้มากจริงๆ ทำให้กฤษณ์อดยิ้มเอ็นดูออกมาไม่ได้

ใบหน้าคมขยับเข้าใกล้ดวงหน้านวลแล้วแตะริมฝีปากตนเองเข้ากับริมฝีปากบางเบาๆ แล้วถอนออกอย่างรวดเร็วเล่นเอาคนโดนลักจุมพิตนิ่งขึงเป็นท่อนไม้ไปชั่วครู่

“มัดจำไว้ก่อนนะ เดี๋ยวตอนเย็นค่อยว่ากันอีกที” ว่าแล้วก็ปล่อยวงแขนให้หญิงสาวได้ยืนเอง ส่วนตัวเองเดินออกมาพร้อมกับผิวปากฮัมเพลงอย่างมีความสุข

ใบหน้าที่ร้อนเห่อทำให้ขาก้าวไม่ออก ขิงรู้ตัวเลยว่ายืนนิ่งอยู่ที่เดิมเกือบห้านาทีหลังจากกฤษณ์ได้ทำการอุกอาจจุมพิตเธอในลาดจอดรถ!

ประสบการณ์เธอครั้งแรกเกิดขึ้นในลานจอดรถ!

ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่การจุ๊บเบาๆ ที่ไม่ได้ปลุกเร้าอารมณ์ใดๆ แต่ให้ตายเถอะ!... หญิงสาวจับแก้มร้อนของตัวเองแล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยอาการของคนสูญเสีย เธอเคยได้ยินเพื่อนพูดมาบ้างเกี่ยวกับประสบการณ์แบบนี้ และเท่าที่ได้ยินมามันต้องเป็นบรรยากาศโรแมนติกๆ ไม่ใช่ลานจอดรถแบบนี้ไม่ใช่หรือไงกัน! คิดได้แล้วหญิงสาวก็ได้แต่ค้อนลมค้อนแล้งเนื่องจากคนก่อคดีใหม่ไว้หายตัวเดินเข้าตึกไปแล้ว


บรรยากาศภายในบริษัทยังคงเหมือนเดิม การหายตัวไปแค่สองวันของเธอคงไม่สามารถทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปได้มากนัก ขิงกวาดสายตามองรอบชั้น เห็นเพื่อนสนิทของเธอกำลังหัวเราะอะไรสักอย่างอยู่กับภพผู้เป็นรุ่นพี่แล้วชะงักไปเมื่อหันมาเห็นเธอ

ชายหนุ่มยิ้มกว้าแล้วเดินตรงเข้ามาหาอย่างดีใจ “นึกแล้วว่าต้องกลับมา”

“อย่ามาตีหน้าระรื่นนะ เรายังโกรธแอมป์อยู่”

“โกรธเรื่องอะไร” แอมป์ตีหน้ามึน ก่อนจะร้องอ๋ออย่างนึกออก “เรื่องนั้นมันก็ได้ผลไม่ใช่เหรอ”

เท่านั้นแหละ มือที่เห็นว่าเล็กซัดเข้าที่ไหล่หาให้ได้ร้องลั่น เรียกสายตาของคนที่อยู่ตรงนั้นได้เป็นอย่างดี แอมป์สูดปากพลางเอามือถูกไหล่เพื่อคลายความเจ็บ ถึงแม้จะช่วยได้ไม่มากแต่ก็ทำให้คนตีรู้สึกแย่ได้เล็กน้อย

“เจ็บเหรอ” ถามเสียงอ่อยเหมือนรู้สึกผิด ก่อนจะต่อด้วยอีกหนึ่งประโยคที่ฟังยังไงก็ไม่รื่นหู “อย่ามาทำตัวสำออยเลย แอมป์หนังหนาจะตาย”

แอมป์หรี่ตามองคนพูด รู้สึกเจ็บที่หัวใจนิดๆ ที่ดูเหมือนการเร่งปฏิกิริยาของเขาจะได้ผลเกิดคาด ในเมื่อคนตรงหน้าดูเหมือนพูดไม่เหลือเยื่อใยของคนเคยรักสักนิด... สาบานเถอะว่าขิงเคยรักเขามานาน

“ขิง” เราเรียกเจ้าของชื่อให้เงยหน้าขึ้นทั้งที่หญิงสาวกำลังจะหยิบของจากกระเป๋าที่ขึ้นมาก่อนตัวเธอวางบนโต๊ะทำงาน “ลงไปซื้อกาแฟกัน”

“เลี้ยงเหรอ” คนชวนได้แต่ทำเสียงจิ๊จ๊ะแล้วก็ต้องพยักหน้าเมื่อเห็นสายตาอ้อนวอนของอีกฝ่าย อ้อนขนาดนี้ไม่เลี้ยงก็คงต้องเลี้ยงแล้วล่ะมั้ง “แล้ว... กินเค้กด้วยได้ป่าว”

“น้อยๆ หน่อย ได้คืบจะเอาศอก” แอมป์ทิ้งท้ายอย่างสวยงามก่อนจะเดินนำขิงออกไปทั้งๆ ที่เธอเพิ่งมาถึง


มอคค่าและเอสเพรสโซ่เย็นของโปรดของทั้งคู่วางลงที่โต๊ะพร้อมกับขิงที่เตรียมความพร้อมในการถาม หญิงสาวดูดกาแฟตัวเองอึกใหญ่แล้วนั่งมองหน้าเพื่อนเงียบๆ จนแอมป์ต้องเลิกคิ้วแทนคำถาม... มีอะไรจะถามก็ถามมา

“แอมป์ไปเคลียร์กับพี่กฤษณ์ตอนไหน” คนกำลังเพลิดเพลินอยู่กับกาแฟนในมือตนเองชะงัก รู้สึกเจ็บแปลบเล็กๆ ที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกเจ้านายตัวเองในอีกสรรพนามหนึ่งด้วยเสียงอ่อนหวานแปลกหู เขาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะแล้วหันไปหยิบหมอนอิงข้างๆ มากอดไว้อย่างหาที่ยึด

“ก็เมื่อวันจันทร์ขิงไม่มาทำงาน เราเลยเข้าไปถามที่บอส” เขาหยุดนิดหนึ่ง เหล่ตามองเพื่อนที่ยังคงรอฟังอย่างใจจดใจจ่อแล้วถอนหายใจ พร้อมกับเอ่ยปากเล่าต่อ “ก็... คุยกันนิดหน่อยแล้วเราก็พอจะคิดได้บ้าง... ว่าเราเห็นแก่ตัว”

คนตัวเล็กพยักหน้ากับคำพูดนั้น แล้วก็ต้องโวยวายเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาผลักศีรษะเล็ก “โอ๊ย ก็ถูกแล้วไง ผลักกันทำไมเนี่ย”

“เออน่า อย่าเพิ่งว่ากันได้มั้ย ตอนนี้เรารู้ตัวแล้ว” เขาหยุดพูดอีกครั้ง แล้วมองตาขิงด้วยแววตาลึกซึ้งและรู้สึกผิดปนเปกันไปหมด “ขอโทษที่เห็นแก่ตัว ขอโทษที่รั้งขิงไว้ด้วยคำพูดพล่อยๆ สามคำ”

“ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจ” เธอส่งยิ้มอ่อนให้เพื่อน “แล้วตกลงไปเคลียร์กับพี่กฤษณ์ตอนไหน”

“เราเข้าไปคุยเช้าอีกวัน ขอโทษบอสแล้วบอกความรู้สึกทุกอย่างของเราให้เขารู้” เธอรู้ว่าแอมป์กำลังเจ็บ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเป็น แค่สำหรับเธอมันเลยจุดๆ นั้นมานานมากแล้ว เธอรักตัวเองเกินกว่าจะยอมให้ตัวเองเจ็บอีกครั้ง

“เราเข้าใจ” ขิงพูดแล้วยิ้มปลอบอีกครั้ง “ยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่นะแอมป์ คนรักบางทีทะเลาะแล้วยังมีเลิกกัน แต่เพื่อน... ถึงทะเลาะกันยังไงเราก็ยังจะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม จริงมั้ย”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำพูดนั้น ถึงไม่ค่อยอยากรับก็ตาม “ยังไงก็คงต้องทำใจสักพัก ให้เรากลับเป็นเหมือนเดิมตอนนี้คงไม่ได้”

“เวลาเรามีให้อยู่แล้ว แต่ยังไงมื้อนี้แอมป์ต้องเลี้ยงไปก่อนนะ”

แอมป์เหล่ตามองเพื่อนอีกครั้ง นึกดีใจที่อย่างน้อยขิงก็ยิ้มได้ ไม่ได้ร้องไห้เหมือนวันก่อนที่นั่งคุยกับเขา “เพื่อเพื่อน แค่นี้สบายอยู่แล้ว”


ทั้งคู่นั่งคุยกันอีกพักใหญ่ ก่อนจะชวนกับขึ้นมาบนตึกเพื่อทำงานต่อ งานที่มีอิสระมากก็สบายแบบนี้แหละนะ สบายจนเธอกำลังคิดว่าตัวเองนิสัยเสีย ทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง ขึ้นๆ ลงๆ แล้วแต่อารมณ์ พอถึงเวลามีส่งหัวหน้าก็สบายใจไปขั้นหนึ่ง ขิงเดินหัวเราะมาตลอดทางด้วยบทสนทนาพิเรนท์ๆ ของแอมป์ ก่อนจะชะงักรีบเก็บเสียงหัวเราะเข้าไปในลำคอเมื่อเห็นยักษ์ยืนอยู่ตรงโต๊ะทำงานเธอ

“กาแฟค่ะ ขิงซื้อมาฝาก” แขนเล็กยื่นอเมริกาโนเย็นพร้อมกับรอยยิ้มแหยให้คนตรงหน้าที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ ทำใจดีสู้เสือเข้าไว้จะได้ไม่โดนอะไรเยอะ ส่วนคนที่เดินมาด้วยกันถึงกับกลอกตามองเพดาน ในเมื่อเงินที่จ่ายไปเป็นเงินเขาแล้วมันจะเรียกว่า ‘ขิงซื้อมาฝากได้ยังไงกัน’

“ตามไปพบผมที่ห้องด้วยครับ”

“ทั้งคู่ใช่มั้ยคะ” ถามออกไปด้วยใจชื้นเพราะตอนนี้ยืนกันอยู่สองคน แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ต้องหงอยลงเมื่อได้ยินประกาศิต

“ขิงคนเดียวครับ เข้าใจตามนี้นะ”

แก้วที่ยังคงมีอเมริกาโนอยู่เต็มถูกวางบนโต๊ะใกล้ๆ มือเจ้าของห้อง ราวกับเป็นสินบนไม่ให้กฤษณ์โวยวายอะไรนัก ชายหนุ่มมองแก้วที่มีหยดน้ำเกาะ ก่อนจะเบนสายตาไปยังหญิงสาวที่นั่งนิ่งเป็นรูปปั้น จะมีก็เพียงรอยยิ้มแหยที่ทำให้รู้ว่าคนนั่งอยู่ยังมีชีวิต

“ลงไปไหนมา” เสียงเข้มทำให้ขิงสะดุ้งเล็กๆ มือที่วางอยู่บนตักกำแน่นเข้าหากันอย่างหาที่ยึด “ว่ายังไงครับ ลงไปไหนมา”

“กะ ก็.. ก็ไปซื้อกาแฟนี่ไงคะ” นิ้วเล็กชี้ไปที่แก้วกาแฟที่วางนิ่งอยู่นั้นเหมือนเป็นหลักฐาน

“แต่ไปกันสองคน” เสียงของกฤษณ์ยังไม่ยอมลดความเข้มลงสักนิด เขาถามด้วยใบหน้านิ่งเฉยอย่างที่หญิงสาวไม่เคยเห็น

“ก็... ค่ะ หรือพี่กฤษณ์จะให้ขิงชวนไปกันทั้งแผนกคะ” เหมือนขิงเห็นแวบๆ ว่าคนตรงหน้าเธอมองค้อน สายตาที่ตวัดมานั้นทำเอาเธอชักร้อนๆ หนาวๆ เลือกที่จะนั่งตัวลีบแล้วหุบปากไม่ต่อปากต่อคำกับคนตรงหน้าอีก

“รู้ใช่มั้ยว่าตัวเองทำอะไรผิด” ขิงส่ายหน้าตอบ ก็เธอไม่รู้จริงๆ นี่นาว่าทำอะไรผิด แค่เดินลงไปซื้อกาแฟแล้วนั่งเพลินนิดหน่อย ปกติก็ไม่เคยว่านี่นา เอ๊ะ! หรือเป็นเพราะว่าเธอนั่งที่ร้านนานเกินไปกันนะ

“เพราะขิงนั่งอยู่ที่ร้านนานเกิดไปรึเปล่าคะ”

กฤษณ์ถอนหายใจ นี่ไม่รู้เลยใช่ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่ “เพราะขิงไปกับแอมป์ต่างหากที่พี่ต้องการจะบอก”

“ขิงไปกับแอมป์ ค่ะ แล้วยังไงคะ”

หนอย ที่ถ้าอยู่ใกล้จะเขกกะโหลกซักที โทษฐานที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

“พี่ไม่ชอบ” กฤษณ์สรุปตอนจบให้รู้ก่อนเริ่มเรื่อง “มีใครอยากเห็นแฟนตัวเองไปกับคนที่เคยบอกว่ารักนักรักหนาบ้าง”

คำว่า ‘แฟน’ ทำให้ขิงหน้าร้อนเห่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ หญิงสาวหลบสายตาคนตรงหน้าที่มองมาอย่างลึกซึ้ง เธอก้มลงมองที่มือตัวเองที่กำลังขยับแก้เขิน แต่ดูเหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้เลย ในเมื่อคำว่า ‘แฟน’ ยังติดอยู่ในหูชัดเจน

“ฟะ แฟนที่ไหนกัน ถะ ถะ แถวนี้มีแฟนพี่กฤษณ์ที่ไหนกันคะ”

“เอ๊ ถ้าไม่ใช่แฟน งั้นเป็นอะไรดีครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้ากรุ่มกริ่ม อย่างที่น้อยครั้งขิงจะเห็น “เอ... ไม่ใช่แฟน ถ้าอย่างนั้นว่าที่มะ...”

“พี่กฤษณ์!” ขิงตะโกนลั่น ไม่สนด้วยซ้ำว่าข้างนอกจะได้ยินมั้ย เพราะรู้ว่าชายหนุ่มกำลังจะพูดเพื่อหยอกให้เธอเขินมากขึ้นไปอีก

“อ้าว ตะโกนเสียงดัง เดี๋ยวไอ้พวกข้างนอกมันก็นึกว่าพี่ทำอะไรขิงหรอก”

“ก็พี่กฤษณ์จะพูดอะไรล่ะคะ น่าเกลียด” หญิงสาวพูดเสียงสะบัด ตั้งใจจะลุกขึ้นเดินออกนอกห้อง แต่ติดที่ประตูหน้าห้องดันถูกเคาะเรียกความสนใจเสียก่อน

“เอ่อ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับ” ภพที่เป็นหน่วยกล้าตายยื่นหน้าเข้ามาในห้อง เห็นขิงยืนอยู่พร้อมกับเจ้านายที่กำลังยืนซ้อนข้างหลัง

“ไม่มีอะไรครับ ขิงเค้าแค่เทสเสียงเฉยๆ คุณกลับไปทำงานเถอะภพ”

คนโดนไล่กลายๆ ทำสีหน้างุนงง แต่ก็ยอมล่าถอนแต่โดยดี คิดว่าระหว่างสองคนในห้องคงมีอะไรไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ เพราะเขาเห็นอาการของทั้งคู่มาสักระยะหนึ่งก็พอจะเดาออก

ส่วนทางภายในห้องคนที่ทำท่าจะเดินออกนอกห้องกลับต้องไปไหนไม่ได้เมื่อโดนมือใหญ่วางลงบนไหล่สองข้างแล้วกดให้เธอนั่งลงที่เดิม ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบนโต๊ะตรงหน้าเพื่อจะได้คุยกันสะดวกยิ่งขึ้น

“เมื่อกี้ว่าอะไรน่าเกลียดนะ”

“เปล่า” เธอโต้ทันควันอย่างไม่ได้คิด หญิงสาวหน้าร้อนอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาของคนตรงหน้า สายตาที่บอกว่ารู้ทันเธอทุกอย่าง เธอไม่ชอบแบบนี้ที่สุดเลยให้ตายเถอะ! “เปล่าค่ะ คือเปล่าจริงๆ ขิงพูดไป... เอ่อ พูดไปอย่างนั้นแหละ... ค่ะ”

“แน่ใจนะ” ชายหนุ่มหรี่ตามองคนรักที่ทำตัวร้อนๆ หนาวๆ นั่งไม่ติดเก้าอี้ เขากลั้นเสียงหัวเราะไม่ให้หลุดออกมาเพื่อจะได้แกล้งเธอต่อ

กฤษณ์ขยับตัวเองเข้าหาร่างบางที่นั่งอยู่พร้อมกับใช้มือสองข้างดึงเก้าอี้ของเธอให้เข้ามาใกล้ด้วย ราวกับกักเธอไม่ให้ไปไหน เขาพยายามทอดสายตาหวานเชื่อมไปยังหญิงสาวที่ยังคงก้มหน้าหลบเขาอยู่ จนมือแกร่งต้องเชยคางขึ้นให้เธอได้มองมาที่เขา

แค่เขาคนเดียวเท่านั้น...

“ไม่ได้คิดอะไรแล้วหลบตาพี่ทำไมครับ”

“คะ คือ...ขิง”

ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบาๆ เห็นร่างเล็กกำลังสอดส่ายตาหาทางรอด แต่มีหรือเขาจะปล่อยไปง่ายๆ ยิ่งเห็นมือเล็กบิดชายเสื้อไปมายิ่งทำให้เขานึกขำกับอาการอยากจะกล้าแต่ก็กลัวนั้น กฤษณ์ยื่นหน้าเขาไปหาขิงอีกนิดจนตอนนี้หญิงสาวแทบเห็นรูขุมขนบนใบหน้าของอีกฝ่าย เธอถูกสะกดด้วยสายตาคมของชายหนุ่มได้ไม่ยาก ชายหนุ่มใช้สายตาของตนเองสื่อสารกับคนตัวเล็กอย่างที่ไม่มีคำพูดใดๆ ภายในห้องไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกจากริมฝีปากคนทั้งคู่ เท่าที่รู้สึกได้มีเพียงแค่ลมหายใจอุ่นของอีกฝ่ายที่รู้สึกว่าในห้องยังมีการเคลื่อนไหว

“ขอแก้ตัวเรื่องเมื่อเช้าหน่อยนะ”

“คะ?”

ขิงพูดได้เท่านั้น หลังจากนั้นหญิงสาวรู้สึกว่ามือใหญ่กำลังจับท้ายทอยของเธอแล้วล็อคแน่นไม่ให้เธอขยับจากนั้นริมฝีปากนุ่มของกฤษณ์ก็แต่เข้ากับริมฝีปากของเธอ พร้อมกับหญิงสาวหลับตาลงไม่อยากมองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

กฤษณ์ขยับตัวเองลงมาให้อยู่ในองศาที่ถนัดที่สุดก่อนจะทำการแก้ตัวอย่างที่บอกหญิงสาวเมื่อครู่ เพียงแค่แตะริมฝีปากหนาเข้ากับริมฝีปากนุ่มปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติช้าๆ เขาพยายามถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆ ให้ขิงได้รับรู้ถึงความอ่อนหวานทั้งหมดระหว่างเขาและเธอ เป็นเวลานานกว่ามือเล็กจะทำการผลักเบาๆ ไปที่อกหนา เนื่องจากตัวเองเริ่มหายใจไม่ออก ทีแรกเหมือนกฤษณ์ไม่ยอมผละออก จนเธอต้องลงกำปั้นแรงๆ ที่หัวไหล่ ชายหนุ่มจึงยอมผละออกไปนั่งหมิ่นๆ ที่โต๊ะเหมือนเดิม มองขิงนั่งหอบหน้าแดง

“พื้นฐานไม่มีเลยนะเนี่ย” เสียงทุ้มเอ่ยแซวทั้งที่เห็นอีกคนนั่งหน้าแดงก่ำ ขิงไม่ยอมตอบโต้เลยสักคนคอยแต่นั่งก้มหน้าหลบสายตาของชายหนุ่มอยู่อย่างนั้น

“แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่สอนให้เอง”

“บ้า” คนจะกลายเป็นนักเรียนท้วงเสียงเบา แต่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้ามองคนตั้งตัวเป็นครูจะสอนวิชานี้ให้ “ทำมาเยอะล่ะสิถึงเก่งนัก”

“ก็ไม่เท่าไหร่ พี่น่ะรักคนไหนก็คนนั้นแหละไม่เคยวอกแวกซักที”

“คนไหนคนนั้นแต่ก็หลายคนใช่มั้ยคะ” คราวนี้ชักเริ่มกล้าขึ้นมาบ้าง คนอายอยู่เมื่อครู่เงยหน้าขึ้นมาเถียงฉอดๆ จนชายหนุ่มต้องหรี่ตามอง

“นี่ขิงกำลังหึงพี่เหรอครับ”

“เปล่านะคะ ขิงไม่ได้หึง ขิงก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า” กฤษณ์หัวเราะในลำคอไปกับคำแก้ตัวของหญิงสาว

“เนื้อผ้าแบบไหนกันครับ”

“ก็... ก็เนื้อผ้าน่ะสิคะ” เป็นเหตุผลที่วนไปวนมาอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มโคลงศีรษะอ่อนใจกับคำตอบนั้น มองใบหน้าที่สีแดงจางลงไปบ้าง อาจเพราะหญิงสาวกำลังคิดเรื่องที่เถียงกับเขามากกว่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น “เอ้อ ขิงคงต้องไปทำงานแล้วค่ะ เดี๋ยวเจ้านายจะหักเงินเดือนเอา”

คนเป็นเจ้านายหัวเราะร่วน “ถึงโดนหักหมดทั้งเดือนพี่ก็เลี้ยงขิงดื้ สนใจให้พี่เลี้ยงมั้ยล่ะ”

เพียงแค่ประโยคนี้ทำเอาคนฟังอายจนแทบม้วนให้ตัวเป็นเกลียว มือไม้ระเกะระกะขึ้นมานึกอยากฟาดเข้ากับอะไรซักอย่างแก้เขิน แต่ก็ได้พูดแค่เบาๆ

“บ้า! พี่กฤษณ์พูดอะไรไม่รู้ขิงไปดีกว่า”


“ขิงจะไปเรียนต่อนะคะ” คำพูดเพียงไม่กี่คำที่หญิงสาวพูดออกมาทำเอาคนฟังอยู่ถึงกับทิ้งช้อนส้อมในมือร่วงลงจานจนเกิดเสียงดัง กฤษณ์หันไปก้มศีรษะขอโทษโต๊ะข้างๆ เล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่เห็นด้วย

“ขิงว่าอะไรนะ”

“ขิงว่าขิงจะไปเรียนต่อค่ะ”

“ที่ไหน”

“อังกฤษค่ะ”

“ทำไมต้องไปเรียนไกลขนาดนั้น แถวกรุงเทพฯ มีเยอะแยะขิงจะเรียนสาขาอะไรก็เรียนไปสิ” กฤษณ์พูดเสียงสะบัด นึกฉุนขึ้นมาที่อยู่ๆ คนรักก็ตัดสินใจเลย ไม่ปรึษาเขาสักคำ

“โธ่ พี่กฤษณ์คะ”

“แล้วคุณน้าจะอยู่ยังไง ถามคุณน้าแล้วเหรอ” หญิงสาวพยักหน้ารับหงึกๆ

“ถามแล้วค่ะ แม่บอกว่าอยู่กับคุณลุงได้ไม่มีปัญหาเพราะปกติคุณลุงก็ไปๆ มาๆ อยู่แล้ว”

“แล้วจะไม่คิดถึงบ้านเหรอ”

“โธ่พี่กฤษณ์ ขิงไปเรียนนะคะ ไม่ได้ไปเหลวไหลซักหน่อย เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีก็มีเยอะแยะไป ขิงสอนแม่เล่นสไกป์แล้วคุยทุกวันยังได้เลยค่ะ”

“แล้วจะไม่คิดถึงพี่เหรอ” เสียงหงอยๆ ของคนถาม ทำเอาอีกคนถึงกับยิ้มแก้มปริ

“ก็คงคิดถึงมั้งคะ”

คำตอบนั้นทำให้กฤษณ์ขมวดคิ้ว “ทำไมต้องมีมั้งด้วยครับ แสดงว่าไปนู่นแล้วจะไม่คิดถึงพี่เลยใช่มั้ย”

“แหมทำน้อยใจ” ขิงยิ้ม มองผู้ชายตัวโตขี้น้อยใจแล้วหัวเราะ “คิดถึงสิคะ พี่กฤษณ์น่ารักขนาดนี้ขิงจะไม่คิดถึงได้ยังไง”

“แล้วขิงต้องไปกี่เดือนครับ” มือเล็กชูสองนิ้วขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม “สองเดือน?”

“สองปีค่ะ”

ข้าวคำโตที่กำลังจะตักเข้าปากร่วงลงจานเหมือนเดิมพร้อมกับช้อน สร้างเสียงแก๊งให้ได้ยินชัดเจนอีกครั้ง กฤษณ์หันไปขอโทษอีกครั้ง ก่อนจะคิดว่าเขาควรพูดกับขิงให้เคลียร์เสียก่อนจะดีกว่าแล้วค่อยกินทีเดียว

“ตกลงไปสองปีเหรอครับ”

“อย่างน้อยสองปีค่ะ”

“อะไรกัน!” คราวนี้ไม่ใช่เสียงช้อนอีกแล้ว กฤษณ์ระเบิดเสียงตัวเองออกมาดังลั่น เขาลืมนึกไปว่าตอนนี้เขากำลังทานข้าวอยู่ในร้านอาหาร “จะไปสองปีแล้วทำไมเพิ่งมาบอกกันแบบนี้ล่ะขิง”

“คือพี่กฤษณ์อย่าเพิ่งโกรธนะ ใจเย็นๆ ฟังขิงก่อน” หญิงสาวพูดลนลาน ยื่นมือตัวเองไปจับมือหนาของอีกฝ่ายไว้ คิดว่าอาจทำให้อารมณ์เขาเย็นลง

“ว่ามาสิ”

“คือขิงมัวแต่เคลียร์งาน แล้วก็ติดต่อที่ยูทางนู้น พี่กฤษณ์ก็เห็นทั้งวันถ้าขิงไม่อยู่กับพี่ก็ทำแต่งานงกๆ กับแอมป์ขิงยังไม่ได้คุยเลย”

นั่นเป็นข้อดีข้อเดียวที่เขาเห็นในช่วงนี้ เขาเปิดประตูมองเธอเมื่อไหร่ก็เห็นว่าหญิงสาวนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างตั้งใจ ไม่วอกแวกหันไปตะโกนคุยกับแอมป์เลยสักนิด อารมณ์กรุ่นๆ เมื่อครู่ลดระดับลงลดน้อย แต่ยังคงไม่พอใจอยู่เล็กๆ ที่หญิงสาวทำอะไรไม่ยอมปรึกษา

“แล้วก่อนส่งใบสมัครทำไมไม่ถามพี่ก่อน”

“ถามพี่กฤษณ์ ขิงก็ไม่ได้ไปน่ะสิ”

“หืม? ว่ายังไงนะ” เขาถาม เพราะเห็นริมฝีปากบางขยับแต่ไม่ได้ยินเสียง แต่ได้คำตอบกลับมาเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มพิฆาตที่เขามองทีไรเขาแพ้ราบคาบทุกที

“โอเคๆ พี่ไม่ถามแล้วก็ได้ แล้วขิงจะต้องไปเมื่อไหร่ครับ”

“อีกสามเดือนค่ะ”


สามเดือน... เขามีเวลาอยู่กับคนรักอีกแค่สามเดือนก่อนที่เธอจะไปเรียนต่ออีกสองปี เวลาไม่ใช่น้อยๆ ที่เขาจะต้องจำใจห่างกับหญิงสาวทั้งที่ไม่อยากเลยสักนิด กฤษณ์ถอนหายใจนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในบ้านเพียงลำพัง ตั้งแต่กลับมาจากไปส่งขิงที่บ้าน เขาก็ตรงดิ่งที่นั่งแปะอยู่ที่นี่ เกือบสองชั่วโมงแล้วที่ยังไม่ขยับเขยื้อนไปไหน มือหนึ่งกำโทรศัพท์ไว้แน่ เลื่อนไปเลื่อนมาบนหน้าจอสัมผัสอยู่อย่างนั้น ไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้ควรปรึกษาพี่ชายดีหรือไม่

เวลาสองปีที่ต้องห่างกัน ใจจริงๆ กฤษณ์ไม่อยากผู้มัดขิงไว้เลยสักนิด ในเมื่อหญิงสาวตัดสินใจจะเรียนต่อก็ควรให้เวลาเธอได้ใช้ชีวิตที่อยากเป็น ชีวิตนักศึกษาในต่างประเทศที่เขาเคยทำมันมาแล้วจนจบปริญญาตรี

นิ้วยาวกดหน้าจอไปยังเมนูสมุดโทรศัพท์เพื่อหาเบอร์ที่บันทึกไว้ ก่อนจะกดโทรออกแล้วรออย่างใจเย็น

“พี่ ผมเองนะ”

“ว่าไงล่ะเอ็ง โทรทางไกลมาแบบนี้มีเรื่องรึไง”

“ก็นิดหน่อย” เขาพูดแล้วถอนหายใจเล็กน้อย ขยับตัวให้นอนอยู่ในท่าสบาย “แล้วพี่ยังไม่นอนอีกเหรอ”

“ก็ถ้าข้านอนแล้วจะรับโทรศัพท์เอ็งได้มั้ยล่ะ” เสียงกวนจากไกรศรคนเป็นพี่ทำให้กฤษณ์ขยับยิ้ม ดูท่าเขาคงจะโทรฯ ไปขัดจังหวะอะไรเข้าเสียแล้ว

“ถ้าพี่ไม่ว่าง ไว้ผมโทรฯ ไปใหม่ก็ได้นะ”

“ไม่ต้องเลยเอ็ง ไหนๆ ก็เป็นตัวมารแล้วคุยให้เสร็จไปเลย ตกลงมีเรื่องอะไร”

กฤษณ์เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้พี่ชายฟัง เขาเริ่มเล่าตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงเมื่อครู่ที่คุยกับขิงในร้านอาหาร อาจเพราะเหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง ทำให้เขาเล่าทุกอย่างให้พี่ชายฟังอย่างไม่ปิดบังอะไร ส่วนไกรศรนั้นเขาได้ยินพี่ชายตอบเพียงแค่ อืม หรือมีหัวเราะบ้างบางครั้ง และนั่นมากพอที่ทำให้เขาค้อนพี่ชายทางโทรศัพท์

“จบแล้ว” กฤษณ์บอกห้วนๆ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะลอยเข้าหูมาอีก คืนนี้พี่สะใภ้เขาต้องรู้เรื่องอย่างละเอียดแน่นอน เพราะบ้านเขาหากมีโอกาสเหยียบได้ ใครที่ไหนจะปล่อยให้ผ่านกันเล่า! “เฮ้ย หยุดหัวเราะได้แล้วโว้ย หัวเราะอะไรนักหนาวะ”

นี่ล่ะครอบครัวที่สนิทกับเกินไป พอไม่พอใจกันขึ้นมาทีไร ชายหนุ่มได้ขึ้นวะขึ้นโว้ยกับพี่ชายทุกที

“เออ โทษที” ไกรศรตอบเสียงสั่น ฟังก็รู้ว่ากำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ

“แค่เด็กนั่นไปเรียนต่อ แกถึงกับประสาทเสียขนาดนี้เลยเหรอวะ”

“ก็เค้าไปตั้งสองปี จะไม่ได้ประสาทเสียได้ไงวะ”

“แล้วตกลงที่โทรมาเล่าให้ฟังนี่ยังไง แค่ระบายหรือต้องการตัวช่วย” กฤษณ์ทำเสียงจิ๊จ๊ะออกมาอย่างขัดใจ ทำไมพี่ชายเขาจะไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร ถึงได้โทรฯ ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเล่าให้ฟัง แต่ที่ทำนี่ต้องการกวนประสาทเขาล้วนๆ แน่นอน

“พี่ก็รู้อยู่แล้ว อย่ามาทำเล่นตัวน่า ยิ่งเล่นตัวยิ่งไม่ได้นอนนะ”

กฤษณ์พูดกระตุ้นคนเป็นพี่ เขารู้ดีว่าหลังวางสายจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป ในเมื่อพี่ชายเขาอยากให้น้องเคทมีเพื่อนเล่นขนาดนั้น

“อย่ามาทำเป็นรู้ดีเรื่องคนอื่น ไอ้กฤษณ์ เรื่องตัวเองน่ะเอาให้รอดเถอะ” ไกรศรหัวเราะในลำคอ รู้ดีว่าใจของน้องตอนนี้ร้อนเป็นไฟมากแค่ไหน “ตกลงคนนี้มั่นใจแล้วใช่มั้ยกฤษณ์”

จู่ๆ คนเป็นพี่ก็ปรับเสียงให้ดูจริงจังขึ้นมาอย่างที่ปกติไม่ทำ เล่นเอาน้องชายสะดุ้งโหยงกับเสียงดุนั้นพร้อมกับเด้งตัวขึ้นนั่งพูดอย่างจริงจัง

“มั่นใจครับ”

“แต่แกเพิ่งคบเค้าได้ไม่นานนะกฤษณ์”

“พี่ไม่ต้องห่วงหรอก ผมมองขิงตั้งแต่เข้ามาทำงานใหม่ๆ ขิงเป็นคนยังไงผมรู้ดี”

“เหรอครับ ไอ้สมภาร” คนเป็นพี่เปรยเสียงล้อๆ เล่นเอาน้องชายเกิดหน้าร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น กฤษณ์พยายามไม่สนใจคำที่พี่ชายพูดแล้วรีบลากให้กลับมาเข้าเรื่องเหมือนเดิม

สองพี่น้องคุยเรื่องขิงจนกลายเป็นเรื่องจริงจังขึ้นมา คนเป็นน้องนั้นเห็นว่าเรื่องทุกเรื่องของคนรักเป็นเรื่องจริงจังเสมอ แต่สำหรับคนเป็นพี่แล้วเรื่องของน้อง คนเป็นพี่ก็จริงจังเสมอเช่นกัน เขาพอเข้าใจว่ากว่าน้องจะโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้น้องชายเขาเจออะไรมาบ้าง ทั้งเรื่องงานเรื่องธุรกิจหรือเรื่องความรัก แต่ก็ไม่มีความรักครั้งไหนที่น้องชายเขาจะจริงจังขนาดนี้ ไกรศรพอจะจำหน้าเด็กสาวคนนั้นได้อยู่บ้าง ความจริงแล้วขิงก็ไม่เด็กเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเด็กกว่าน้องชายเขา ซึ่งนั่นหมายถึงอายุต้องอ่อนกว่าเขามากโข ดังนั้นเขาเรียกว่าเด็กก็คงไม่แปลกอะไร

“เอ็งว่ายังไงก็ว่าตามนั้นแล้วกันว่ะ โตแล้ว เรื่องของเอ็งข้าไม่อยากเข้าไปยุ่งมาก”

ไกรศรทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้ววางสายไป ปล่อยให้คนเป็นน้องค่อยๆ คิดเอาเองว่าควรทำยังไงต่อ เขาชอบให้น้องเขาคิดเอง มากกว่าที่จะต้องคอยกะเกณฑ์อะไรให้มากความ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อ่าาาาา มึใครเผาพริกเผาเกลือสาบแช่งกันอยู่มั้ยคะ
รู้สึกเหมือนตัวเองหายไปนานมาก แหะๆ บอกตรงๆ เลยค่ะว่าติสแตก จิตตก คิดอะไรไม่ออก สมองตัน
ไม่ใช่แค่นิยายนะคะที่ไม่เดิน เล่มจบของมิณทิมาก็ไม่เดินเหมือนกันค่ะ โฮวววววววววววววว
ทั้งโน้ตบุ๊คพัง (อีกแล้ว) นัดคนให้ข้อมูลไม่ได้ ตัวเล่มไม่พร้อม คือมันเยอะมากเลยค่ะ
มิณทิมาเลยเกเร ติสแตกไปเลย อย่าเพิ่งหายไปไหนนะคะ ใกล้จบแล้ว ยังไงรออีกนิ๊ดดดดนุง
เค้าจะพยายามทำทุกอย่างให้ลงตัวให้เร็วที่สุดดเลยค่ะ
ความจริงอีกสองเดือนมิณทิมาก็จบแล้วนะคะ แต่ไม่รู้จะได้ตามกำหนดรึเปล่า ถ้าเล่มไม่ทันคงต้องจบเทอมหน้า เหอๆๆ
ยังไงรอกันหน่อยนะคะ ถ้าเกิดหายไปจริงๆ อีกตอนเดียวน่าจะจบแล้วค่ะ

ตอนนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะว่าดีรึยัง ยังไงถ้าไม่เวิร์คตรงไหนติงได้เลยนะคะ ตอนนี้มิณทิมาก็ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยเท่าไหร่เลยค่าาาาา

เอาล่ะ เรามาตอบเม้นท์กันเถอะเจ้าค่ะ
------------------------------------------------------------------------
คุณคิมหันต์ : ไม่รู้ว่าตอนเคลียร์กันสั้นๆ แบบนี้ถูกใจรึเปล่านะคะ แหะๆ เคลียร์กันงุ้งงิ้งๆ เชียวค่ะ
คุณ pseudolife : เค้าแอบเคลียร์กันเงียบๆ งุ้งงิ้งๆ สองคนค่ะ แค่เคลียร์นะคะ อย่าคิดลึกค่า
คุณ mhengjhy : นายแอมป์เราก็เป็นผู้ช่วยพระเอกได้เหมือนกันนะคะ อิอิอิ
=========================================
แล้วพบกัน (เมื่อชาติต้องการ) ค่ะ :)



มิณทิมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ค. 2556, 21:32:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ค. 2556, 21:32:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1289





<< ตอนที่ 20   ตอนที่ 22 (จบ) >>
pattisa 25 ก.ค. 2556, 22:08:46 น.
อ๊ายย จิกหมอนนน ทำไมพี่กฤษณ์น่ารักแบบนี่่้


คิมหันตุ์ 25 ก.ค. 2556, 23:54:44 น.
งุ๊งงิ๊งได้น่ารักมากจ้ะ..ฮ่าฮ่า......ทำไมทำร้ายลุงกฤษณ์ด้วยการหนีไปเรียนเนี่ย..คนแก่คิดถึงแย่ หมั้นก่อนละกัน.แล้วค่อยไปตามกลับมา อิอิ


pseudolife 26 ก.ค. 2556, 01:01:51 น.
ไม่ใช่แค่พี่กฤษณ์ที่ตั้งตัวไม่ทัน คนอ่านก็สะดุ้งจ้า
อยู่ๆ ให้หนูขิงไปเรียนต่อเฉย ไม่สงสารพี่กฤษณ์เลย...


ใบบัวน่ารัก 26 ก.ค. 2556, 21:06:13 น.
ห่างไกล
ใจห่างตามนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account