กุหลาบซ่อนกลิ่น (จบแล้ว)
นางเอกโตมาในไซด์งานก่อสร้าง ที่นั่นทำให้เธอรู้ว่า การแสดงตัวว่าเป็นหญิงเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นนางเอกจึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จนใคร ๆ มองว่าเป็นทอม แต่แท้จริงแล้ว เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรัก..และรักของเธอก็เป็นรักที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด....


Tags: โรแมนติก..

ตอน: 23.“ถามได้ ว่าทำไม ก็น่าจะรู้”

23.

พอรถของสูรย์บ่ายหน้าเข้าเขตบ้านของย่า กุสุมาก็ถึงกับตาเหลือกเพราะที่ใต้ถุน บนร้านและในเปลญวนสองสามหลัง มีคนออรอท่ากันอยู่จนนับไม่ถ้วน กุสุมาหันไปมองสูรย์ แต่สูรย์กลับยักคิ้วให้

“ตื่นเต้นเหรอ”

สูรย์นั้นมีสีหน้าราบเรียบเพราะพบปะผู้คนมามากมาย

“ม่า...เอ่อ..บอกไม่ถูก” ความที่ไม่เคยมีคนพิเศษ กับความรู้สึกที่ยังไม่พร้อมจะเปิดตัวคนพิเศษทำให้กุสุมารู้สึกไม่อยากลงจากรถ

“ปลดเข็มขัดออกสิ เขามองกันใหญ่แล้ว” ไม่แค่มอง แต่ว่าป้าของหญิงสาวนั้นเดินออกจากใต้ถุนมาพร้อมกับเด็ก ๆ อีกขโยง เมื่อการณ์เป็นดังนั้นกุสุมาจึงต้องรีบปลดเข็มขัดพลางสูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ ส่วนสูรย์นั้นก็แอบยิ้มกริ่มก่อนจะถ่อมตนว่า..

“ว่าไป ฉันก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะเนี่ย”

“แล้วเขาจะเชื่อหรือว่าคุณสูรย์เป็นแค่คนขับรถ”

“ก็บอกความจริงเขาไปสิ”

“ความจริง”

“..อืม ..ความจริง”

“เจ้านายกับลูกน้อง” กุสุมาทำหน้าเจ้าเล่ห์ และเมื่อทำใจได้แล้ว กุสุมาก็เปิดประตูรถลงไป..แน่นอนว่า คนอย่างไอ้ม่าลูกแม่บังเอิญ ไม่มีทางจะทำแหยอย่างเด็ดขาด..

“ป้า สวัสดีฮะ..” ท่าไหว้ของมันเหมือนนักมวยไหว้ครู นอกจากไหว้ป้าที่เดินมาหาพร้อมเด็ก ๆ กุสุมาก็ส่งเสียงทักทายคนทั้งหมดที่อยู่ใต้ถุนบ้าน พร้อมกับหันมายิ้มให้สูรย์ที่ยกมือไหว้ป้าและคนทั้งใต้ถุนเช่นกัน

“นั่งรถเก๋งมาด้วย..แฟนมึงเหรอม่า” มีเสียงสอดรู้ดังเข้ามา..กุสุมายิ้มกว้างไม่ตอบคำถามนั้น แล้วร่างเพียวลมในชุดกางเกงยีนขาเดฟเสื้อคอเชิ้ตลายสก๊อตพอดีตัวแขนยาวพับแขนถึงศอก ก็รีบเดินไปหาย่าที่นั่งอยู่บนร้าน กุสุมาก็นั่งลงข้างๆกราบลงที่ตัก แล้วก็ลุกขึ้นมาหอมแก้มของย่าแรง ๆ หนึ่งที

“จำเริญ ๆ เถอะแม่คุณ”

“ย่าสบายดีนะ”

“สามวันดีสี่วันไข้ตามประสาคนแก่..แล้วนี่ละใคร แฟนเอ็งใช่ไหม”

กุสุมากรอกตาไปมา ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ

“ย่าอ้วนขึ้นหรือเปล่า แก้มยุ้ยเลย” นอกจากหอมแล้วหลานสาวก็ใช้ปลายนิ้วบีบแก้มของย่าด้วย

“กินข้าวได้ แต่นอนไม่ค่อยหลับ ไปหาหมอ หมอก็ให้น้ำเกลือ อุดมเค้าว่าอ้วนน้ำเกลือ..แฟนเอ็งรึม่า”

สูรย์ที่เดินตามมาพร้อมถุงของฝาก เขาวางถุงลงบนร้านเพราะว่าคนอื่น ๆ ลุกหนีเพื่อให้ตรงนั้นมีที่ว่าง เมื่อวางของ แล้วสายตาของคนอื่น ๆ ก็มองที่ถุงขนมเป็นตาเดียวกัน และหนึ่งในนั้นก็พูดเอาประโยชน์

“เอามาฝากใช่ป่ะม่า”

“ฝากย่า” กุสุมาแทรกขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นก็รีบหันไปหยิบถุงที่เลือกไว้มายื่นให้ย่า

“ถุงนี้ของย่า” ระหว่างที่ย่ารับไปเปิดดู กุสุมาก็มองหน้าญาติแท้ญาติเทียมพอจำได้ใครบ้านเดียวกับใครบ้าง กุสุมาก็ไล่แจกขนมไปบ้านละถุง นอกจากนั้นก็ยังมีส่วนหนึ่งเปิดถุงแจกจ่ายกันกินตรงนั้น แต่ถึงขนมจะอัดแน่นในปาก ทั้งหมดเหล่านั้นก็ไม่วายซักถามสูรย์ ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ทำงานที่ไหน มีเงินเดือนเท่าไหร่ และหลาย ๆ คำถามก็เล่นเอาสูรย์ไปเกือบไม่รอด

“มาด้วยกันได้อย่างไร”

“ขับรถมาครับ”

“เห็นแล้วว่าขับรถมา แต่ว่าเป็นแฟนกันเรอะ”

“ยังครับ..”

“ไม่เป็นแฟนกันแล้วมาด้วยกันได้อย่างไง”

“ขับรถมาครับ”

“เห็นแล้วว่าขับรถมา แต่พวกเราอยากรู้ว่าใช่แฟนกันหรือเปล่า”

“ถามม่าเขาดีกว่าครับ” พอสูรย์ออกตัวอย่างนั้น ..กุสุมาสะดุ้งโหยง..

“ว่าไงไอ้ม่า เขาให้ถามเอ็ง ตกลงเป็นแฟนกันหรือเปล่า”

“ถ้าตอบว่าไม่ใช่จะเชื่อกันไหม”

“ไม่เชื่อ”

“แล้วม่าเคยพาแฟนมาไหม”

“ไม่เคย”

“แล้วคิดว่าหน้าตาหล่อ ๆ อย่างเขานี่ เขาจะมองม่าไหมละ”

“ไม่แน่”

“งั้นก็ถามเขาดูละกัน ม่าขอตัวไปสุขาก่อน” ว่าแล้วกุสุมาก็สปริงตัวลงจากร้านแล้วเดินทางห้องน้ำที่อยู่ทางหลังบ้าน สูรย์เห็นดังนั้นจึงยิ้มแหย ๆ ให้หมู่ญาติของกุสุมาที่รุมมองรุมซัก จนเขารู้สึกเขินไปหมด..และเขาก็หาทางออกให้ตัวเองบ้าง โดยการขอตัวตามหลังกุสุมาไปเช่นกัน


แดดร่มลมตก กุสุมาเดินตามย่าขึ้นไปบนเรือน โดยก่อนหน้านั้นป้าอุดมขึ้นเรือนและเข้าครัวเตรียมสำรับไว้รอท่าหลานสาวและว่าที่หลานเขย สูรย์เดินตามหลัง พอย่าทรุดลงนั่งที่ระเบียงนอกชาน กุสุมานั่งลงข้าง ๆ สูรย์จึงนั่งลงตาม ในสายตาของสูรย์นั้นเวลานี้ พื้นที่รอบ ๆ บ้านเต็มไปด้วยไร่อ้อย มีทั้งที่ยังเป็นป่ารกกับบางแปลงเป็นตอและที่กำลังแตกหน่อใหม่ก็มี เขาถามกุสุมาระหว่างเดินทางมาถึงเรื่องไร่อ้อย แต่กุสุมาก็บอกเพียงว่า ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย..

“ที่ดินย่ามีอยู่ 120 ไร่ มีอยู่ 3 แปลง ย่าจะยกแปลง 50 ไร่ให้เอ็งก่อน แต่ตอนที่ย่ายังไม่ตาย 50 ไร่นั้นย่าขอเก็บค่าเช่ากินไปก่อนนะ”

“ม่านึกว่าจะยกค่าเช่าให้ม่าด้วย” สีหน้านั้นบอกให้รู้ว่าล้อเล่น

“ที่แปลงนี้ ย่ากับปู่ช่วยกันสร้างมา ใจนั้นอยากยกให้พ่อของเอ็งแต่ก็บุญน้อยนัก ยกให้เอ็งแล้วก็รักษาไว้ให้ดี เก็บไว้ให้ลูกให้หลานทำประโยชน์”

“ทำอะไรได้ ม่ายังทำอะไรไม่ได้เลยย่า”

“อนาคตใครจะไปรู้ เมื่อก่อน ค่าเช่าปีละสองร้อยสามร้อย หาคนเช่าไม่ได้ ทำข้าวโพด ทำถั่วเขียวไม่คุ้มทุน ฝนแล้งบ้าง น้ำท่วมบ้าง..พ่อเอ็งถึงต้องเข้าเมืองไปทำงานก่อสร้าง....แต่ตอนนี้เป็นไง ค่าเช่าให้เขาทำไร่อ้อยปีละพันต่อไร่ ห้าสิบไร่เป็นเงินเท่าไหร่”

“อู้ววววววว ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าย่าม่ารวยมาก ที่ร้อยยี่สิบไร่ปีละเป็นแสน เดือนหนึ่งสองคนแม่ลูกนี่ใช้เงินถึงหมื่นไหมเนี่ย”

“อีกเจ็ดสิบไร่ทำเอง จ้างเขาทำ ได้มากกว่าค่าเช่าอีกนั้น ทำอะไรที่ไหนชี้นิ้วอย่างเดียว”

“โอ้วววว..รวย ๆ รวยมาก ๆ” ว่าแล้วกุสุมาก็ปรี่ไปนั่งประชิดกอดย่าแล้วก็หอมแก้มฟอดใหญ่

“ถ้ารู้ว่าย่ารวยขนาดนี้ ม่ามาเกาะย่าก็ดีหรอก..”

“ทำเป็นพูดดี”

สูรย์มองสองย่าหลานแล้วอมยิ้มบาง ๆ แล้วย่าก็หันมาหาเขา

“แล้วพ่อสูรย์นี่ ตกลงอย่างไง”

สูรย์ที่ตาปรือ ๆ เพราะง่วงนอน ยิ้มงง ๆ เมื่อได้ยินคำถาม กุสุมาเห็นดังนั้นจึงต้องรีบแทรกถามเพื่อให้แน่ใจว่าย่าต้องการจะถามเรื่องอะไร “อย่างไงอะไรหรือย่า”

“แค่มาส่งหรือว่าอย่างไง จะค้าง หรือว่าจะกลับเลย”

“ป้าบอกให้กินข้าวเย็นก่อน ป้าทำไว้แล้ว”กุสุมารีบชิงตอบแทนสูรย์ แต่สูรย์กลับตอบแบบที่ไม่ได้เตี๊ยมกับกุสุมาว่า

“ถ้าผมค้างจะสะดวกไหมละครับ”


พอเห็นว่าสูรย์ง่วงนอนและเห็นว่าญาติแท้ญาติเทียมไปจากใต้ถุนเรือนกันหมดแล้วกุสุมาจึงแนะนำให้สูรย์ไปนอนที่เปลใต้ถุนบ้านแทนที่จะนอนบนระเบียงที่มีแสงพระอาทิตย์ยามบ่ายคล้อยสาดเข้ามา และด้วยถือว่าตัวเองเป็นเจ้าบ้าน กุสุมาจึงไปคว้าหมอนใบจิ๋วที่วางอยู่ใต้ชั้นโทรทัศน์ขนาดสิบสี่นิ้ว เดินนำเขาลงมาที่ใต้ถุน

“นอนสักงีบ ตื่นแล้วก็กินข้าว”

“กินข้าวแล้วทำอะไรต่อ”

“อ้าว..ก็กลับกรุงเทพฯ”

“ย่าอนุญาตให้ค้างแล้ว”

“ไม่ทำงานทำการหรือไง” กุสุมาวางหมอนลงบนเปลสูรย์จึงเดินเข้าไปคลี่เปลนั่งลงแล้วก็เอนกายนอน..

“แกว่งเปลให้หน่อยสิ”

กุสุมาแกว่งเบา ๆ

“ที่นี่น่าอยู่ดีนะ..แต่ต้นไม้น้อยไปหน่อย” ถึงต้นไม้ไม่เยอะเป็นสวนแบบภาคกลางตอนล่าง แต่รอบ ๆ บ้านก็มีมะม่วงต้นใหญ่ มะขามและต้นไผ่ รายรอบ

“ร้อนจะตาย..” ที่หน้าผากกุสุมามีเหงื่อชื้นจนกุสุมาต้องใช้หลังมือซับเหงื่ออยู่เนือง ๆ

“มานี่..” ว่าแล้วสูรย์ก็ลุกขึ้นนั่งแล้วหยุดเปลโดยการวางขาลงที่พื้นดิน

“ทำไม..”

“เร็ว มาตรงนี้”

กุสุมาเดินไปหาแต่ก็ยังยืนห่าง ๆ

“มาตรงนี้แล้วนั่งลง” สูรย์ชี้ไปยังพื้นดินที่หน้าตัวเอง พอกุสุมานั่งยอง ๆ สูรย์ก็ดึงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อไปซับเหงื่อที่หน้าให้ เบื้องต้นกุสุมาหลับตาแต่พอรู้สึกว่าสดชื่นขึ้นเพราะกลิ่นที่ติดอยู่กับผ้าและพอผ้าก็หายไปจากผิวหน้า กุสุมาก็เลยลืมตาขึ้น..

ตาสองคู่จ้องกันเนิ่นนาน และดวงตาทั้งของเขาและของเธอก็สื่อความรู้สึกเสน่หาที่มีให้กันอย่างยากจะปิดบังไว้..แต่สุดท้ายกุสุมาก็ต้องเป็นฝ่ายหลบตาที่สื่อความในใจของเขา

“ไม่กลับจริง ๆ เหรอ ไม่ห่วงงานเหรอ”

“ห่วง..แต่ ห่วงเรามากกว่า”

“ทำไมต้องห่วง”


“ถามได้ ว่าทำไม ก็น่าจะรู้”

กุสุมากรอกตาไปมายิ้มนิด ๆ แล้วก็ลุกขึ้น สูรย์ลุกขึ้นตาม จนกระทั่งยืนเคียงกัน

“ไม่ไปบ้านยายเหรอ”

“พรุ่งนี้ค่อยไป”

“พรุ่งนี้ฉันก็กลับแล้ว”

“แล้วทำไมถึงอยากไป” เมื่อเห็นเขาไม่นอนกุสุมาจึงพาเดินออกจากใต้ถุนและจุดหมายก็คือทางเข้าไร่อ้อยที่อยู่ข้าง ๆ บ้าน

“ก็ยายของเรา ก็ต้องรู้จักไว้ ขนมของยายก็ยังอยู่บนรถ” กุสุมาหน้าแดงซ่านขึ้นมา ใจนั้นอยากจะกอดเขาแน่น ๆ เสียจริง แต่เมื่อเขายังกลิ้งไปกลิ้งมาแบบนี้ เธอก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจในเรื่องที่เขาพูด..

“ค่อย มารู้จักวันมารับกลับก็ได้” จริง ๆ เขายังไม่ได้บอกว่าจะมารับกลับ แต่กุสุมาลองพูดเพื่อเอาผลประโยชน์ของตนไว้ก่อน

“เอาอย่างนั้นเหรอ”

“ไหนว่าห่วง..แต่ว่าไปขากลับ กลับพร้อมแม่กับพ่อก็ได้ เพราะต้องมาสงกรานต์อยู่ดี..”

“อีกตั้งหลายวันแน่ะ กว่าตัวเองจะได้กลับกรุงเทพฯ”

“คิดถึงก็โทรมาหา” พอได้ยินเสียงกระเส่า ๆ ของเขากุสุมาจึงรองแย๊บเพื่อให้เขาแบ๋ไต๋ออกมาให้ได้

“ไม่เหมือนเห็นหน้า”

“ตอนไปอยู่โน่นแล้ว..จะทำอย่างไร”

“ชักไม่อยากให้ไปแล้วสิ..”

“ก็หาวิธีรั้งไว้สิ” บอกเขาแล้วกุสุมาก็ก้มเก็บกิ่งไม้ที่ข้างทาง มือก็แกว่งแก้เขินไปมา..แม้จะไม่ได้มองหน้าเขาเต็มตา ๆ แต่กุสุมาก็รู้สึกว่า เขาก็กำลังเล่นเกมส์กับเธอเหมือนกัน

“ทำไงดี”

“ไม่รู้..”

“แล้วอยากไปไหมละ”

“อยาก..”

“งั้นก็ไป..” น้ำเสียงของเขาประชดนิด ๆ

“ไม่รู้จะอยู่ทำไม เรียนก็สมัครไม่ทันแล้วมั้ง งานก็ไม่มีทำ”

“ก็ทำงานที่ร้าน”

“ไม่อยากนุ่งกระโปรง”

“งั้นก็นุ่งกางเกง”

“ไปให้เขาโขกสับอยู่ในครัวอีก..”

“งั้นเป็นแคชเชียร์”

“คนเต็มห้องแล้ว..”

“งั้นก็..เป็นเลขาของฉัน”

“เรียนจบก่อสร้างมาซะอีก..”

“งั้นก็..” สูรย์ยังพูดไม่ทันจบประโยคกุสุมาก็ร้องกรี๊ดผงะเข้ามากอดสูรย์จนแน่น เพราะที่หญ้าแพรกสูงเพียงคืบเบื้องหน้าปรากฏเจ้าผิวสีดำมะเมื่อมเลื้อยตัดหน้าไปอย่างรวดเร็ว

“มันไปแล้ว” ..สูรย์ว่าพลางใช้ผ่ามือทั้งสองข้างตบไปที่แผ่นหลังของคนในอ้อมกอดเบา ๆ..และเมื่อได้สติ กุสุมาก็ดิ้นขลุกขลักพยายามทำให้แขนทั้งสองข้างของเขาคลายกำลัง..

“ปล่อย..”

“หายตกใจแล้วเหรอ” น้ำเสียงของสูรย์กระเส่าจนกุสุมาไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองหน้าของเขาแต่ถึงกระนั้นสายตาและจมูกของกุสุมาก็ประชิดอยู่กับแผงหน้าอกที่มีขนสีดำเรียงกันเป็นระเบียบนอกจากนั้นกลิ่นกายของเขานั้นทำให้กุสุมารู้สึกอ่อนเปลี้ยไปซะแล้ว

“หายตกใจแล้ว..ปล่อย”

แม้น้ำเสียงจะดุดัน แต่แขนของสูรย์ก็แข็งเกินที่กุสุมาจะง้างออก..

“พูดเพราะ ๆ”

“ไม่...” ไม่แค่ปฏิเสธแต่ว่ากุสุมากลับใช้มือทั้งสองข้างตัวเองรัดร่างหน้าของเขาคืนบ้าง..

“เล่นอย่างนี้เหรอ”

“อุ่นดี..”

“ร้อน..ปล่อย” ทีนี้สูรย์ดิ้นบ้าง เพราะร่างกายของเขาโดยเฉพาะตรงแก่นกายเริ่มมีปฏิกิริยาจากกลิ่นอ่อน ๆ ที่แผ่มาจากเรือนกายของสาวน้อยหน้าตาอ่อนเยาว์ตรงหน้า และเขาเองก็ไม่อยากให้ใจตัวเองเตลิดจนกระทั่งเสียผู้ใหญ่

“เร็ว ๆ ปล่อย เดี๋ยวคนมาเห็น”

“อายอะไร ม่ารับผิดชอบเอง” ว่าแล้วกุสุมาก็หัวเราะขัน ๆ พลางใช้ศอกทั้งสองข้างของตนกระทุ้งที่สีข้างของเขาเพื่อเป็นการทำโทษที่เขาฉวยโอกาสกับเธอ...และเมื่อถูกกระทำ สูรย์จึงเพิ่มกำลังกระชับวงแขนของตน กุสุมาดิ้นขลุกขลักและก็ต้องอ่อนระทวยเมื่อสูรย์กดจมูกโด่งเป็นสันลงบนผิวแก้มข้างซ้าย...

แม้จะขนลุกและหมดแรง แต่เมื่อเห็นว่าเขาเลยเถิด กุสุมาจึงต้องรวบรวบกำลังที่ยังมีอยู่..แต่ว่ายังไม่ทันจะประสานกำลังที่มีอยู่น้อยนิด ทั้งคู่ก็ดีดตัวออกจากกันเพราะเสียงร้องถามที่ดังมาจากต้นทาง..

“ทำอะไรกันน่ะ”..


“ป้า ป้า ป้า ..” กั๊กเรียกชื่อนางส้มลิ้มติด ๆ กัน แต่ว่านางส้มลิ้มก็ยังยืนทำหูทวนลมขณะที่มือก็ปรุงรสอาหารบนเตาไปด้วย..

“ได้ยินผมไหมเนี่ย”

“มีอะไร” น้ำเสียงนั้นบอกให้รู้ว่ารำคาญใจ

“เสร็จยั้ง หันหน้ามาทางนี้หน่อย”

วิชาญที่นั่งกินข้าวมื้อค่ำอยู่ชะแง้มองที่มือของกั๊กซึ่งมีโทรศัพท์มือถือ ป้าส้มลิ้มหันมาหา กั๊กก็เลยกดปุ่มแล้วส่งโทรศัพท์ให้ นางส้มลิ้มรับโทรศัพท์มาดูภาพเคลื่อนไหวโดยหัวคิ้วค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน

“เป็นไงแม่ทีมของป้า..”

“วินมอเตอร์ไซค์” นางส้มลิ้มส่งโทรศัพท์คืนให้ วิชาญจึงลุกจากโต๊ะมาหา กั๊กกดส่งโทรศัพท์ที่เปิดภาพเคลื่อนไหวให้วิชาญดูอีกรอบ..

“คุณอรพิมนี่ กับใครเหรอ”

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่เห็นเมื่อตอนขี่รถออกไปทำธุระ..กอดเอวไอ้หมอนั่นซะแน่นเลย คนมองกันทั้งไฟแดง ดีนะที่พี่เป็นคนทันสมัยก็เลยถ่ายคลิปไว้ทัน..”

“คล้าย ๆ ถมยา..”

“อ๋อ ไอ้คนที่มาหาคุณสูรย์วันก่อนใช่ไหม”

วิชาญพยักหน้า กั๊กแสยะยิ้มก่อนจะเปรยขึ้นว่า..

“คนไม่ใช่เนื้อคู่กัน อย่างไรก็ต้องมีอันเป็นไป ส่วนคนที่เป็นเนื้อคู่กัน แม้จะมีอุปสรรคขวากหนามแค่ไหน เขาก็ต้องหาทางอยู่ด้วยกันจนได้....ป้าว่าไหม”

“ไม่รู้” นางส้มลิ้มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ

“แต่ป้าก็น่าจะรู้จักนิสัยคุณสูรย์ของเราดี ยามรักก็ทุ่มเท และตอนนี้เขาก็ทุ่มเทจนหายจากร้านไปเป็นวัน ๆ แบบนี้ ก็แสดงว่า เขาทุ่มเทให้ไอ้ม่าหมดทั้งตัวและหัวใจ...”

นางส้มลิ้มถอนหายใจอย่างแรง

“ไอ้ม่ามันอยู่ในร้าน เขาก็กุ๊กกิ๊กกันตามประสานายกับลูกน้อง ก็ยังอยู่ในสายตาของพวกเรา คุณสูรย์ก็ไม่เสียงาน ผมว่านะ อย่างไรเกมนี้ป้าเอ็งก็ยังแก้มือทัน..”

“ไม่ต้องมาสอน”

“เชื่อผมป้า..ให้คุณสูรย์เรียกไอ้ม่ากลับมาฝึกงานต่อดีกว่า คุณสูรย์จะได้ไม่หายไปจากร้านแบบนี้”

“รู้ได้อย่างไรว่าเขาไปด้วยกัน”

“แต่เขาก็ไม่ได้ไปกับคุณอรพิม..หรือจะให้วิชาญมันลองเช็คดู เอาไหมละ วิชาญโทรหาไอ้ม่าสิ มันอยู่กับคุณสูรย์หรือเปล่า”

“ไม่ต้อง ข้าไม่อยากรู้”

“รู้แล้วแสลงใจ...”

“ไอ้กั๊ก”

“คร้าบบบบบบ” กั๊กกระพริบตาถี่ ๆ ให้นางส้มลิ้ม และยังไม่ทันที่นางส้มลิ้มจะผรุสวาสระบายอารมณ์..ปลาก็เดินหน้าตาตื่นเข้ามาในครัวเสียก่อน..

“วิชาญอิ่มข้าวหรือยัง..รีบออกไปรับแขกหน่อย”

“อ้าว คนเยอะแยะทำไมต้องเจาะจงไอ้วิชาญ” ป้าส้มลิ้มรู้สึกโมโหที่ปลามาเจาะจงใช้หลานของตนเองที่กำลังกินข้าวเย็น

“คือ..ไอ้พวกนั้นนะ ไอ้กลุ่มที่มันเคย มีเรื่องกับไอ้ม่าน่ะ มันมายกโขยงกันมา..พี่นกเขาคิดว่า ถ้าให้พนักงานชายไปรับหน้า มันคงไม่มีปัญหาอะไร..”

พอรู้ต้นสายปลายเหตุวิชาญก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปหน้าร้าน โดยปลารีบวิ่งตามไปทันที..


“อ๊อด ๆๆๆ มานี่ ๆ” กุสุมาแล้วดึงอ๊อดลูกชายของน้าอ้อยที่เข้ามาเห็นภาพที่เธอถูกสูรย์หอมเป็นครั้งแรกเข้าให้ และเมื่อเห็นแล้วใช่ว่าอ๊อดจะทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างเดียว มันทำเป็นขยี้ผมทรงโมฮอกว์แล้วใช้ปลายนิ้วมือทั้งยี่สิบมายัดใส่ปากแล้วทำตาเหลือกทำตัวสั่น ๆ แกล้งช็อคกับภาพที่เห็น

“..แกไม่เห็นอะไรใช่ไหม” กุสุมาล็อคคออ๊อดให้หนีห่างจากสูรย์ที่ยืนยิ้มนิด ๆ มองฟ้ามองหาเทวดานางฟ้าอย่างสบายอารมณ์

“เห็นพี่..ผมเห็น...” ว่าแล้วอ๊อดก็กระซิบเบา ๆ

“พันหนึ่งโอเคป่ะ”

“มากไป”

“ห้าร้อย..”

“น้อยไปพี่ม่า แต่ว่าไปนะ บอกผู้ใหญ่ให้รับรู้ รับรองเลยว่า ยอดชายของพี่ต้องได้ไปตามผู้ใหญ่มาสู่ขอพี่แน่ ๆ รวยไม่ใช่รึ รถคันเบ่อเริ่มเลย เอาแบบนี้ดีกว่า พี่เป็นหนูตกถังข้าวสารอ๊อดจะได้สบายไปด้วย”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มิ.ย. 2554, 09:06:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มิ.ย. 2554, 09:06:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 2952





<< 22.อรพิม vs ถมยา   24.พี่ม่าไม่ล้างแก้มหน่อยเหรอ.. >>
nutcha 5 มิ.ย. 2554, 14:25:54 น.
ฟอร์มเยอะทั้งคุณสูรย์และไอ้ม่าเลยนะไม่ยอมบอกรักกันสักที


เจ้าชายน้อย 5 มิ.ย. 2554, 16:05:04 น.
ไอ้อ๊อดเปรื่องมาก 555


คิมหันตุ์ 5 มิ.ย. 2554, 21:50:30 น.
เม้นไว้ก่อนอ่าน


หมูบิน 6 มิ.ย. 2554, 04:59:34 น.
: )


คิมหันตุ์ 6 มิ.ย. 2554, 07:53:06 น.
รอ นาย ถมยา...อยากเห็นวิธีจีบหยิง..


Zephyr 6 มิ.ย. 2554, 09:07:11 น.
อืม พี่น้องส่งเสริมกันจริงๆ ว่าแต่คุณสูรย์ไม่ต้องหานางฟ้าหรอก มีนางฟ้าของตัวเองแล้วนี่ จะไปมองฟ้าให้เมื่อยทำไม


sai 6 มิ.ย. 2554, 11:30:24 น.
พี่น้องกวนพอกันเลย ฮ่าๆๆๆ


Pat 6 มิ.ย. 2554, 17:51:14 น.
หึหึ คุณสูรย์เฉไฉเก่งจริงๆ


namzuza 6 มิ.ย. 2554, 18:03:56 น.
น่ารักทั้งม่าทั้งคุณสูรย์เลยค่ะ


wane 7 มิ.ย. 2554, 00:24:05 น.
คุณสูรย์นี่ไม่แน่จริงนะ ...จะรอให้ม่าบอกรักก่อนหรืองัยเนี่ย ..เชื่อเร้ยย


สิรินดา 13 มิ.ย. 2554, 17:45:58 น.
ชอบสำนวนค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account