กุหลาบซ่อนกลิ่น (จบแล้ว)
นางเอกโตมาในไซด์งานก่อสร้าง ที่นั่นทำให้เธอรู้ว่า การแสดงตัวว่าเป็นหญิงเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นนางเอกจึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จนใคร ๆ มองว่าเป็นทอม แต่แท้จริงแล้ว เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรัก..และรักของเธอก็เป็นรักที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด....


Tags: โรแมนติก..

ตอน: 24.พี่ม่าไม่ล้างแก้มหน่อยเหรอ..

24.

พอเห็นกุสุมาจะควักแบงก์พันในกระเป๋ากางเกงให้อ๊อดสูรย์ก็รีบเดินเข้ามาหา

“มีอะไรกันรึ”

กุสุมาชะงักมือก่อนจะบอกกับอ๊อดว่า “นี่คุณสูรย์..หวัดดีพี่เขาซะ”

“สวัสดีครับ..” เด็กหนุ่มวัย 18 ปี สูงเก้งก้างตามโหนกแก้มและหน้าผากที่ยังมีเม็ดสิวเพราะวัยหนุ่มยกมือพนมแล้วค้อมหัวพลางสั่นตัวอย่างนักร้องที่ชื่อสายัณ สัญญา ไปด้วย

“ไหว้ให้มันดี ๆ หน่อยได้ไหม”

“ไม่เป็นไรหรอก ..คนนี้เหรอ ลูกน้าอ้อยที่จะไปเมืองนอกด้วยกัน”

“ครับผม” อ๊อดตอบแทน โดยใบหน้านั้นคลี่ยิ้ม ก่อนจะปรายตาไปหาพี่สาวมาดทอมที่ต้องควักเงินมาให้ค่าปิดปาก แต่กุสุมาพอเห็นสูรย์แก้สถานการณ์อย่างนั้นเสียแล้ว จึงไม่ยอมสบตากับอ๊อด

“งั้นเราก็อยู่กับยายใช่เปล่า”

“ครับ อยู่กับยายมาตั้งแต่เล็ก อยู่กับยายมาตั้งแต่เด็ก”

“เพลงยอดรักใช่เปล่า” สูรย์ชวนคุย

“ครับ..ยายชอบให้เปิดให้ฟัง ยายชอบยอดรักมากกกกกกกกกก อ๊อดก็เลยได้ชื่อว่า ยอดรักไปด้วย”

“ยอดรัก” ว่าแล้วสูรย์ก็หัวเราะขำกับชื่อของอ๊อดจนตัวสั่น

“ตลก ตลก เอ้า ๆ ยัง ๆ”

“ตลกจริง ๆ นี่หว่า..ไป ๆ พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว พาฉันกับม่าไปหายายเธอหน่อย อยากไหว้ยายสักหน่อย ไหน ๆ ก็มาแล้ว”

ว่าแล้วสูรย์ก็ดึงแขนของกุสุมาและแขนของอ๊อดหรือยอดรักให้เดินตามตนเองไปที่รถ..โดยอ๊อดพยายามเอี้ยวตัวไปข้างหลังเพื่อส่งสัญญาณให้กุสุมารู้ว่าอย่างไรก็ต้องให้เงินค่าปิดปากกับเขาด้วยนะ


“อ้าว จะไปไหนกัน..” ย่าที่นั่งอยู่บนระเบียงตะโกนถามเมื่อเห็นว่า อ๊อดเดินไปหาจักรยานที่จอดไว้ ส่วนสูรย์กับหลานสาวกำลังจะเดินไปที่รถคันใหญ่ของเขา

“จะไปบ้านยายสักเดี๋ยว”

“ไม่กินข้าวกินปลากันก่อน..ข้าวปลาหาไว้เสร็จแล้ว มา ๆ กินข้าวก่อน จะได้ไม่ไปรบกวนบ้านโน้น..”

สูรย์มองหน้ากุสุมา..กุสุมายิ้มนิด ๆ แล้วก็มองไปหาอ๊อด อ๊อดยิ้มก่อนจะ
เดินมาที่บันได..

“ไอ้อ๊อดกลับบ้านไปก่อนก็ได้” ย่าตะโกนบอกเสียงดัง แต่อ๊อดไหวไหล่

“ไม่เอา อ๊อดจะกินข้าวด้วย”

“ไล่อ้อม ๆ แล้วยัง..ไม่รู้สึก” ย่าหัวเราะเบา ๆ อ๊อดถอดรองเท้าก้าวขึ้นบันไดโดยในหัวนั้นก็ยังมีเรื่องเงินที่ควรจะได้ แต่ยังไม่ได้อยู่ด้วย..

“ย่า..ย่า..อ๊อดมีเรื่องสำ... คัญ.. จะ... คุย... ด้วย”

กุสุมาก็พอเดาออกว่า อ๊อดรีบขึ้นเรือนไปทำไม หญิงสาวรีบผละจากสูรย์มายังบันได พออ๊อดจะเอ่ยปากกับย่าเรื่องนั้น กุสุมาจึงรีบตะโกนเรียก “ไอ้อ๊อด ไอ้อ๊อด ไอ้อ๊อดดดดดดด”

อ๊อดหันมายักคิ้วให้.. ก่อนจะถามว่า “อะไรละพี่ม่า ...คนสวยยยยยยย”

“ยายไม่รอกินข้าวกับเอ็งเหรอ”

“ไม่รอหรอก..ถ้ารออ๊อดพอดีขาดสารอาหารหมดแรงด่า” ว่าแล้วอ๊อดก็เดินสาวเท้าขึ้นบันไดต่อไปโดยกุสุมารีบก้าวพรวด ๆ ไปขนาบข้าง

“ไม่รอคุณสูรย์ของพี่ละ”

“เอ้านี่..” ว่าแล้วกุสุมาก็แอบยัดเงินใส่มือให้อ๊อด.. แต่อ๊อดเอาขึ้นมาดมอย่างไม่ได้กลัวเลยว่า ย่าจะถามหรือไม่ และย่าก็ถามจริง ๆ

“เงินอะไรกัน”

“แม่มันฝากมาให้” กุสุมารีบบอก สูรย์ที่เดินตามขึ้นมายิ้มนิด ๆ พลางสั่นหน้าเบา ๆ

“อ้างแม่ทำไม ให้น้องกินหนมก็บอกไปตรง ๆ”

“ได้เงินแล้วก็กลับไปได้แล้ว แล้วก็ถ้าอ้าปากขึ้นมาอีกนะ เจอดีแน่” กุสุมากระซิบเบา ๆ แต่อ๊อดก็กวนอารมณ์พอตัว..

“ไม่กลับ จะกินข้าวฟรีอีกมื้อ บ้านนี้ทำกับข้าวอร่อย..” ว่าแล้วอ๊อดก็ทำจมูกฟุต ๆ ฟิต ๆ เหมือนหมาได้กลิ่นยั่วน้ำลาย

“งั้นไปเข้าบ้าน ไปในครัวโน่น..ป้าเขาจัดสำรับไว้เรียบร้อยแล้ว.. คุณสูรย์ อาหารที่นี่พื้น ๆ นะ ทน ๆ กินไปสักมื้อ”

“ถ้าอ๊อดว่าอร่อยก็คงอร่อยแหละครับ”

“โอ้ย พี่..ลิ้นอ๊อดมันลิ้นจระเข้ครับ” อ๊อดไม่ยอมค้ำประกัน ผลก็คือ..

“ปากจะพาให้อดตายไหมละ” ว่าแล้วย่าก็ลุกขึ้นแล้วเดินนำไปในครัว

----------------------------------------------------

สำรับกับข้าวของป้าอุดมวางอยู่บนเสื่อพลาสติก และด้วยเป็นวันพิเศษ ต้อนรับว่าที่หลานเขย เพราะหลังจากที่รู้ว่า กุสุมามากับเพื่อนชาย นางอุดมก็โทรกลับไปหาบังเอิญ และบังเอิญก็เล่าให้ฟังคร่าว ๆ ว่า คุณสูรย์กับกุสุมา มีความสัมพันธ์เป็นมาอย่างไร นางอุดมดีใจเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหลานสาวได้แต่งงานกับคนดี มีฐานะ อนาคตของตัวคนเดียวของตนก็คงจะดีไปด้วย ดังนั้นอาหารในวันนี้ จึงทำออกมาอย่างประณีตและสุดฝีมือทีเดียว

“โอ้โฮ มีแต่ของน่ากิน ๆ ทั้งนั้นเลย..แต่จัดเหมือนอาหารถวายพระเลยนิ” อ๊อดโพล่งขึ้นมาเมื่อเห็นว่า บนผ้าสีชมพูขนาดหนึ่งเมตรคูณหนึ่งเมตรที่ปูทับเสื่อแล้วมี แกงนอกหม้อไก่ น้ำพริก และผักสด รวมถึงต้มยำ ไข่เจียว และมะม่วงที่เฉาะเป็นชิ้นแล้วอีกสองจาน

“ทำซะเยอะแยะเลยป้า” กุสุมารู้สึกเกรงใจ

“นั่งเลย ๆ นั่งเลย จะล้างมือก่อนไหม” อุดมเห็นสูรย์ยืนละล้าละลังก็ชักไม่มั่นใจกับการจัดการต้อนรับของตนเอง

“ล้างก็ได้ครับ” ว่าแล้วสูรย์ก็เดินไปยังอ่างล้างจานสแตนเลสที่มีก๊อกน้ำ เขาเปิดวาวล์ ล้างมือ โดยที่กุสุมา ย่า และอ๊อด นั่งล้อมวงรอท่า

“พี่ม่าไม่ล้างแก้ม..เฮ้ย ล้างมือหน่อยเหรอ” อ๊อดยังไม่วาย ทำเรื่องใหญ่ให้ใหญ่ขึ้นไปอีก..

กุสุมาถลึงตาใส่..ใบหน้าแดงระเรื่อ สูรย์หันกลับมาแล้วมาทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิ.. นางอุดมนั่งลงข้าง ๆ พลางยกหม้อข้าวมาตรงหน้า แต่ว่ากุสุมาแย่งไปตักข้าวใส่จานให้คนอื่น ๆ เสียเอง

“ไอ้อ๊อดไปเอาแก้วน้ำมาสิ” ปกติบ้านของย่า หรือบ้านของยาย เวลากินข้าว ก็จะใช้ ขันใบใหญ่ใบเดียวแล้ว ก็ส่งกันไปมาอย่างไม่รังเกียจกัน แต่ว่าเมื่อสูรย์เป็นแขกก็ต้องได้รับการปฏิบัติอีกอย่าง อ๊อดลุกขึ้นไปยังตู้สแตนเลส คว้าแก้วออกมาครบคน แล้วก็ไปที่ตู้เย็น ดึงกระบอกใส่น้ำเย็นออกมาด้วย..

“ มีอะไรบ้างครับ..หน้าตาน่ากิน” สูรย์มองไปที่วงกับข้าว

“นอกหม้อไก่ กินได้ไหม เผ็ดหน่อย”

คำตอบของสูรย์ก็คือ ใช้ช้อนกลางตักไปยังกับข้าวถ้วยนั้น แล้วนำมาวางในช้อนตัวเอง หลังจากนั้นก็ส่งเข้าปาก กิริยาของสูรย์นั้นทำให้นางอุดมกับย่านั้นรู้สึก ๆ เกรง ๆ ขึ้นมา ส่วนอ๊อดนั้นพอรินน้ำใส่แก้วให้ทุกคนแล้ว ก็จ้วงไข่เจียวหมดไปแถบ..

“อ๊อดกินเผ็ดไม่ได้..ขอจองไว้ก่อน” อ๊อดแก้ตัวเมื่อถูกกุสุมามองหน้า ส่วนสูรย์นั้นหลังจากนอกหม้อไก่รสจัดจ้านเข้าปากไปแล้ว เขาก็รู้สึกถึงความอร่อย จนกระทั่งต้องตักมาอีกช้อน แต่ว่าด้วยความเผ็ดขอมัน ทำให้เขาต้องเคี้ยวถั่วผักยาวตามไปติด ๆ..

“อร่อยมาก ๆ เลยครับ”

“ที่ร้านมีไหม” คนทำหน้าตามีความสุขมาก

“ไม่มีครับ..เคยได้ยินมานาน แต่เพิ่งเคยกิน..”

“ขายสูตรเลยป้า” กุสุมารีบหาผลประโยชน์

“เท่าไหร่ดี” สูรย์ถาม แต่อ๊อดกลับตอบว่า

“แปดแสนแหวนต่างหาก”

“ไอ๊อ๊อด” กุสุมาถลึงตาเข้าใส่ อ๊อดยิ้ม ๆ ก่อนจะซดน้ำต้มไก่บ้านเสียงดังอย่างกับพระเอกละครเกาหลีซดน้ำซุป

“ไอ้นี่ก็อร่อย พี่สูรย์ลองซิ...ป้าดมนี่สุดยอดแม่ครัวเลย เป็นบุญของอ๊อดจริง ๆ ที่ได้มาลิ้มลอง เรียนมาจากวังหลวงหรือเปล่าเนี่ย”

“ย่าเป็นคนสอนมัน” ย่าที่ชอบแจ่วหมูมากกว่าอย่างอื่น พูดเอาผลประโยชน์..

“ย่าก็ทำอาหารเก่ง ป้าก็ทำอาหารเก่ง แต่หลานสาว..” สูรย์หัวเราะเบา ๆ กุสุมาจึงค้อนให้หนึ่งที

“ไม่มีใครสอนมันนะสิ แม่บังเอิญก็คงปล่อยปละละเลย...”

“ได้ทีกันเลยนะ..” กุสุมารีบห้ามการวิพากษ์วิจารณ์

ขณะที่กินข้าวมื้อเย็นกันไป ถามสูตรอาหารและหยอกเย้ากันไป สูรย์ก็ต้องลุกขึ้นยืน เพราะโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาดังขึ้น และพอเห็นหน้าจอเขาก็เดินเลี่ยงไปทางหน้าเรือน..

“อะไรนะพี่”

“พวกมันมากันตั้งแต่เย็น ๆ ยกโขยงกันมา สิบกว่าคน ท่าทางพวกมันจะมาเพื่อหาเรื่อง ให้วิชาญกับพนักงานชายออกไปรับหน้า มันก็จะเอาเด็กเสิร์ฟผู้หญิง เราก็เลยจัดแก่ ๆ ไปต้อนรับ มันถามหาม่าด้วย แต่พี่บอกออกไปแล้ว ตอนนี้มันกำลังได้ที่เลย เอะอะเสียงดัง แขกลุกหนีกันไปหลายโต๊ะแล้ว ที่เข้ามาใหม่ พี่ก็แนะนำให้นั่งห่าง ๆ พวกมัน ทำอย่างไรดีละคุณสูรย์..

“ทำไงดี..” สูรย์ครุ่นคิดหาทางแก้ จะอุ่นใจอยู่บ้างก็ตรงที่มีกล้องวงจรปิด หากมีอะไรเกิดขึ้น เขามีหลักฐานเอาไปแจ้งความอย่างแน่นอน แต่ดูแล้วพวกมันมาเพื่อข่มขวัญเสียมากกว่า..

“พอนึกออกแล้วพี่ เดี๋ยวผมลองโทรหาพี่นารทก่อนเผื่อจะช่วยอะไรได้มั่ง” นฤนารทพี่เขยของเขาเป็นตำรวจสัญญาบัตร แม้ไม่ได้ประจำอยู่ท้องที่นี้ แต่ว่าคงจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง และพอโทรติด เขาก็ได้ยินเสียงพี่สาวและหลาน ๆ แทรกเข้ามาด้วย..แสดงว่าพี่เขยคงจะอยู่ที่ร้าน หรือไม่ก็ไปเที่ยวกันแล้วยังไม่ได้กลับบ้าน..

“เอ่อ พี่แสงอยู่ตรงนั้นด้วยใช่ไหมครับ พี่อย่าเพิ่งบอกพี่แสงนะ ผมขอปรึกษาพี่ก่อน..”

พอนฤนารททราบเรื่อง เขาหาทางแก้โดยจะประสานงานให้เพื่อนตำรวจในท้องที่ ส่งตำรวจไปนั่งกินอาหารที่ร้านสักสองนาย..

“ขอบคุณพี่นะครับ อย่างไรเดี๋ยวผมจะประสานงานกับพี่นกให้ดูแลเพื่อนพี่เป็นอย่างดี”

“แล้วนายอยู่ที่ไหน..”

“เอ่อ..นครสวรรค์ครับ”

“หลาน ๆ บ่นคิดถึง..”

“ครับ..โอกาสหน้าผมจะชดเชยให้”

“ถ้าติดภารกิจหาน้าสะใภ้ให้หลาน ๆ ก็คงไม่เป็นไรหรอก..โชคดีนะ เที่ยวให้สนุก ทางนี้พี่จะจัดการให้”

สูรย์วางสาย สีหน้านั้นหนักใจแต่ว่าเขาก็จะต้องปั้นหน้าให้สดชื่น และพอกลับมาที่วงข้าว เขาก็พาลอิ่มไปเสียดื้อ ๆ

“อ้าว กินต่อ” ย่าร้องบอก

“ผมอิ่มครับ”

“มะม่วง” อ๊อดเลื่อนจานมะม่วงเขียวเสวยไปให้ สูรย์คว้าไปกัด สีหน้านั้นยังไม่สดชื่นเท่าก่อนที่จะลุกไปรับโทรศัพท์ จนกระทั่งอาหารมื้อเย็นเรียบร้อย ขณะที่อ๊อดต้องล้างจานเพราะกุสุมาบีบบังคับ สูรย์ก็ยืนเกาะขอบหน้าต่างมองออกไปนอกบ้าน ซึ่งมีบ้านของคนอื่น ๆ อยู่ห่างพอตะโกนถึง ..

“มีอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงของกุสุมาจริงจังเพราะมั่นใจว่าโทรศัพท์สายเมื่อกี้มีเรื่องไม่ดีมาถึงสูรย์แน่ ๆ และถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็นเรื่องในร้าน

“ไม่มีอะไรหรอก..ถามเรื่องสินค้านิดหน่อย”

“โกหก..”

“เดี๋ยวไปบ้านยายกัน แล้วฉันก็คงจะกลับคืนนี้เลยนะ”

“มีอะไรที่ร้านใช่ไหม”

“ไม่มี้ แต่ว่า พี่นกบอกว่า ของในครัวขาด พอดีไม่ได้สต๊อกไว้..ต้องรีบกลับไปซื้อพรุ่งนี้..อยู่ทางนี้ก็ดูแลตัวเองด้วย เสร็จธุระก่อนสงกรานต์อยากกลับบ้านก่อนก็จะมารับ”

พอได้ยินเขาพูดย่างนั้นใจของกุสุมาฟูจนคับอก...ตาทั้งคู่ประสานกันอีกครั้ง มันเต็มไปด้วยความเสน่หาและกุสุมาก็ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาของเขาเพราะอย่างไรแล้วเธอก็เป็นผู้หญิง การที่ผู้ชายมาหว่านคำพูดหวาน ๆ ให้เคลิ้มฝัน ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องการตัวอยู่ด้วย แต่ว่าการคำพูดและการกระทำของสูรย์นั้น กุสุมาก็หวังว่ามันออกมาจากใจของเขาอย่างแท้จริง และภาวนาให้เขารักเธอจริง ๆ และตลอดไป..

----------------------------------------------
“สวัสดีจ๊ะเพื่อนสาว..” เสียงของเพื่อนคนเดิมทำให้อรพิมต้องเด้งตัวขึ้นมานั่งคุย..

“มีอะไรหรือจ๊ะ” อรพิมพยายามทำเสียงให้สนุกไปด้วย

“วันนี้ฉันเห็นเธอไปดูหนัง กับใครเอ่ย”

“แล้วทำไมไม่เข้ามาถามซะตั้งแต่ตอนนั้นซะเลยละจ๊ะ”

“ไม่หรอก ไม่อยากขัดจังหวะ...แล้วนี่เอาคุณสูรย์ไปทิ้งไว้ไหน นึกอย่างไรควงกับเด็กหน้าอ่อน เปลี่ยนรสนิยมหรือจ๊ะ”

“ไม่เปลี่ยนหรอก แต่เด็กมันอยากเจ็บเอง ก็ปล่อยมัน..”

“ระวังหล่อนนั่นแหละจะเจ็บเอง หน้าตาดีนะยะ ปากแดงเชียว..สเป็คชั้นเลยนะ”

“อีบ้า มีอยู่แล้ว ยังจะ..ผัวแกอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า”

“เรื่องอะไรจะพูดให้ได้ยินละ ใครเหรอ บอกหน่อยได้ไหม..”

“เด็กในไซด์งาน มาหลงเสน่ห์ฉัน ด่าก็แล้วไล่ก็แล้วก็ไม่ยอมไป”

“แกก็เลยไปดูหนังกับเขาเนี่ยนะ”

“ก่อนหน้านั้นกินฟูจิกันด้วยย่ะ”

“จริงดิ..ฉันพลาดไปได้ไงเนี่ย แล้วหลังจากออกจากโรงหนังละไปไหนกันต่อ อย่าบอกนะไปโรงแรม”

“อีบ้า ฉันไม่ไวไฟอย่างแกหรอก”

“ช้า ๆ จะรู้ไหมว่าพร้านะเล่มงามหรือเปล่า”

“ทะลึ่ง”

“ตกลงก็แค่เด็กโง่ ใช่เปล่า”

“อืม..”

“ระวังจะไปหลงเสน่ห์เด็กเข้าให้นะ แต่ว่า ดูแล้วไม่เด็กนะแก แข้งขายาวดีจังเลย..”

“พอ ๆ ฉันไม่อยากคุยกับแกแล้ว”

“กลัวจินตนาการบรรเจิดละเซ่..อิอิ..ฉันก็ไม่อยากคุยกับแกแล้วเหมือนกัน ผัวฉันออกจากห้องน้ำแล้ว..คิดต่อเองแล้วกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น..โอ้ว โอ้ววว ..อุ้ย โอ้วววว ๆ”

“อีบ้า” อรพิมแล้ววางสายเพราะรู้สึกสยิวทรวงขึ้นมา..และพอวางสายแล้ว อรพิมก็มองหน้าจอโทรศัพท์ เลื่อนเบอร์ของถมยามาดู ใจหนึ่งก็นึกอยากจะเซฟเบอร์ของเขาไว้ แต่อีกใจ..ถ้าเก็บเบอร์เขาไว้ก็เท่ากับเก็บตัวเขาไว้ด้วย ..แต่ว่าถ้าไม่เก็บเบอร์เขาไว้ ..มันต้องเก็บเบอร์เขาไว้ซิ เพราะรถของเธออยู่ที่อู่และเขาจะต้องเป็นคนจ่ายเงินค่าซ่อมรถให้

..อรพิมรู้สึกสับสน นึกถึงตอนที่เดินเข้าไปในโรงหนังแล้วเธอก้าวขึ้นบันไดพลาดทำให้เกือบหน้าทิ่ม ดีแต่เขารั้งไว้ทัน หลังจากนั้นเขาก็ให้เธอเกาะแขนของเขาไปที่เก้าอี้ แถมตอนที่หนังดำเนินไป เขายังเอาทั้งแขนของเขาเลยจากพนักมาถูกตัวของเธอ และเธอเองก็พยายามเบี่ยงตัวหลบ แต่เขากลับชะโงกมาบอกว่า “ขอไออุ่นหน่อย” ใช่มันอุ่น มันรู้สึกดี ๆ เชียวหละ แต่ว่าถ้าคนที่ขอไออุ่นเป็นสูรย์เธอคงจะมีความสุขกว่านี้..

อรพิมถอนหายใจแรง ๆ นึกถึงตอนซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ของเขา ตอนนั้นเธอรู้สึกหวาดเสียวเป็นอย่างมาก และวิธีการคลายความกลัวก็ต้องกอดเอวของเขากับซบลงที่แผ่นหลัง เพราะเธอไม่อยากให้ใบหน้าโต้ลมและแสงแดด..

แต่ว่าไปแล้ว กลิ่นของเขาก็ยังติดอยู่ที่ปลายจมูกของเธอนี่เอง..

“อีตาบ้า..อี้..” อรพิมขยี้จมูกอีกรอบ และพอรู้ใจว่า ‘เคลิ้ม’ ไปกับนายปากแดง ตาวาว ๆ นั่นแล้ว อรพิมก็โยนโทรศัพท์ไปบนที่นอนก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแล้วหลับพักผ่อน..

แต่ยังไม่ทันจะแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย โทรศัพท์บนเตียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง อรพิมปล่อยให้ดังซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งเธออาบน้ำเสร็จ พอออกจากห้องน้ำ ก็เห็นว่ามีสายเรียกเขาจากเบอร์เดิมถึงสิบสาย..

อรพิมชักสีหน้าครุ่นคิด....ระหว่างโทรกลับ กับปล่อยให้เขาคลั่ง..เธอต้องทำอย่างหลัง ครั้นพอจะกดปุ่มเพาเวอร์ปิดเครื่อง หน้าจอก็ปรากฏข้อความเข้ามา..อรพิมไม่ลังเลที่จะเปิดอ่าน แล้วใจที่คิดว่าแข็งแกร่งก็อ่อนยวบลง..
‘รู้ว่ากำลังสับสน รู้ดีว่าผมมันจน แต่ว่าพรุ่งนี้เช้าผมจะขี่รถไปรับที่หน้าบ้านนะ รอด้วยแล้วกัน คิดถึงทุกลมหายใจเข้าออก หลับฝันดีนะครับ คนดีของถมยา’


----------------------------------
หลังจากส่งคุณตำรวจสองนายที่มาช่วยข่มขวัญพวกอันธพาลขึ้นรถกลับโรงพัก ทรงฤทธิ์ก็เดินยิ้ม เหนื่อย ๆ กลับเข้ามาในร้าน

“ถ้าคุณซ้งไม่มา พี่ก็คงทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน” ช่วงก่อนที่ตำรวจจากการประสานงานของ นฤนารทจะมาถึง ทรงฤทธิ์มาพอดี นกจึงรีบออกไปปรึกษา ตอนนั้นทรงฤทธิ์ไม่ถามถึงสูรย์ แต่เขาก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ไม่ยาก พอตำรวจมาถึง เขาก็ออกไปต้อนรับแล้วเชื้อเชิญมานั่งทานอาหารใกล้ ๆ กับโต๊ะของกลุ่มที่เคยมีเรื่องกับกุสุมาในวันนั้น และเขาก็นั่งคุยอยู่ด้วย พอตำรวจมาถึง จากที่เฮฮากันเสียงดัง โต๊ะนั้นก็พร้อมใจกินเหล้ากินข้าวกันเงียบ ๆ และพอได้เวลาก็สั่งเช็คบิล เขาก็เลยพลอยได้หน้าไปด้วย ทั้งที่เขาก็เขินเหมือนกัน หากจะต้องตอบคำถามที่ว่า ทำไมวันนี้ถึงมาที่นี้เป็นรอบที่สอง..

และเมื่อก้าวเข้ามาในร้านแล้ว สายตาของทรงฤทธิ์ก็ไปหยุดที่ช็อปเบเกอรี่เหมือนทุก ๆ ครั้ง แต่ว่าครั้งนี้นัยน์ตาของเขากลับไม่มีเจ้าของร้านที่มองไม่เห็นค่าของหัวใจของเขาสักนิด แต่จะว่าไป ที่ผ่านมาธัญรัตน์ก็ไม่เคยหลอกลวงเขา เธอไม่ชอบเขา เธอก็บอกตรง ๆ เพียงแต่เขาเองคิดว่าตื้อเท่านั้นที่จะเอาชนะใจ ได้..แต่เขาก็ต้องพบกับความเจ็บแปลบเมื่อไปที่ร้านของหญิงสาวอย่างที่เคยไป แล้วพบว่า ธัญรัตน์มีคนอื่นมานั่งเฝ้าส่งสายตาให้กันอย่างไม่เกรงใจเขาสักนิด แล้วเขาจะไปเพื่อเสียค่ากาแฟกับขนมซึ่งมีราคาแสนแพงอีกทำไม..

ดอกฟ้าอยู่ไกลสุดเอื้อมมือถึง มันทำให้จิตใจพลอยท้อแท้ ดอกหญ้าใกล้มือก็ใช่จะไร้ค่าเสียเมื่อไหร่ เพราะเมื่อได้มองหน้าชัด ๆ ได้อยู่ใกล้ ๆ น้องกิ๊บก็ซ่อนความสวยไว้ไม่น้อย เพียงแต่ยังไม่ได้แต่งแต้มสีสันให้ชวนมองเท่านั้นเอง..และเมื่อหัวใจเอนเอียงไปทางน้องกิ๊บ เด็กผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง วันนี้เขาจึงเข้าใจว่าทำไมสูรย์ถึงได้เห็นว่า กุสุมานั้นสวย และมีค่าคู่ควร และบัดนี้ เขาก็มองเห็นแล้วว่า แม้น้องกิ๊บคนนี้จะไม่มีทรัพย์สมบัติและวิชาความรู้เท่ากับธัญรัตน์ แต่เขามั่นใจว่า ผู้หญิงอย่างน้องกิ๊บ พร้อมจะเดินไปกับเขาเพื่อให้มีสมบัติเท่าธัญรัตน์อย่างแน่นอน..

“ฮะแอ่ม.. ๆ” ตุ๊ดซี่กระแอมเมื่อเห็นว่าทรงฤทธิ์มายืนล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างอยู่หน้าช็อป..

“อะไรติดคอหรือครับ...”

“บานาน่า..”

พอตุ๊ดซี่ตอบไปอย่างนี้กิ๊บซี่ก็ก้มหน้าซ่อนขำทันที..

“คงจะเป็นชนิดหอม..” ทรงฤทธิ์ยังเจตนาสองแง่สองงามกับตุ๊ดซี่

“ชนิดไข่ หรือเล็บมือนาง ตุ๊ดซี่ ไม่กิน..”

“กินแต่หอมระวังจุกตายเหอะ”

“ถ้าตายก็ตายไปนานแล้ว..”

“คุยอะไรกันก็ไม่รู้” กิ๊บซี่แย้งขึ้นมา

“แต่เข้าใจใช่ไหมละ” ตุ๊ดซี่หันไปอมยิ้มมองเพื่อนสาว ..

“แล้ววันหนึ่ง พอแกรู้ว่ากล้วยหอมอร่อยที่สุด...วันนั้นแกจะกลับมาแต้งกิ้วฉัน..”

กิ๊บซี่ซ่อนเขินด้วยการหันหลังไปล้างถาดขนม ตุ๊ดซี่ก็เลยหันมาหาทรงฤทธิ์ที่ยืนยิ้มนิด ๆ ตามสายตาของตุ๊ดซี่นั้น แม้ทรงฤทธิ์จะไม่หล่อ แต่เมื่ออยู่ในชุดเสื้อผ้ามีราคากับหุ่นที่สูงเกินมาตรฐานชายไทย เขาก็ดูดีอยู่ไม่น้อย ยิ่งท่ายืนล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างด้วย ตุ๊ดซี่ก็อดที่จะพูดหาเศษหาเลยตามประสาไม่ได้

“คันกล้วยหรือเปล่า ล้วงอยู่นานแล้ว” ว่าแล้วตุ๊ดซี่ก็ส่งสายตาชมดชม้อยให้

“ไม่คันหรอก แต่มันหนาว ก็เลยต้องให้ไออุ่นมันสักหน่อย”

“หนาวจนแข็งเลยไหม”

“ก็นิดหน่อย..”..สายตาของทรงฤทธิ์กรุ้มกริ่ม แต่ถึงกระนั้นเขาก็หลบสายตาเซ็กซี่ของตุ๊ดซี่ไปหากิ๊บซี่โดยไม่สนใจความรู้สึกของตุ๊ดซี่สักนิด และคนอย่างตุ๊ดซี่มีรึจะยอมปิดโอกาสตัวเอง

“หนาวมาก ๆ ถ้าต้องการไออุ่น แบบไม่ผูกมัด ก็อย่าลืมคิดถึงตุ๊ดซี่นะคะ”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มิ.ย. 2554, 17:47:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มิ.ย. 2554, 17:47:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 2865





<< 23.“ถามได้ ว่าทำไม ก็น่าจะรู้”   25.“ถามคำเดียว..เรารักฉันไหม” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 14 มิ.ย. 2554, 17:49:44 น.
สวัสดีครับ โทษทีครับ มัวแต่ลั่นล้ากับยอดสั่งซื้อและจัดทำรูปเล่ม อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่งอยู่ครับก็เลย มาช้าไปหนึ่งวัน...

สนใจ อยากให้พระอาทิตย์ตกดินฯ ก็ 350 บาทครับรวมค่าจัดส่ง.. (งุงิ)..

ดีใจที่คุณ สิรินดา แวะมาทักทายกันครับ....ขอบคุณสำหรับพื้นที่ในเว็บนี้ที่ทำให้ผม มีีที่เผยแผ่งานครับ..จุ๊บ ๆ


Zephyr 14 มิ.ย. 2554, 18:38:13 น.
กล้วยเต็มเลย เค้าก็ชอบกินนะ เหอๆๆ ฟุ้งซ่านแย้ว


saralun 14 มิ.ย. 2554, 19:39:47 น.
ฮ่า ๆ ๆ


namzuza 14 มิ.ย. 2554, 20:43:36 น.
แหม่ ๆ ม่าน่ารักมาก


คิมหันตุ์ 14 มิ.ย. 2554, 21:16:12 น.
มารอลุ้น ถมยา กะ หนู อรพิม คิคิ


nutcha 14 มิ.ย. 2554, 21:19:45 น.
ถมยากับอรพิมจะคู่กันอะเปล่าน้า...


XaWarZd 15 มิ.ย. 2554, 13:28:14 น.
ถมยารุกซะ อรพิมจะใจอ่อนมะนั่น ตุ๊ดซี่ก็น่าสงสาร หาใครให้ซักคนสิคนเขียน


sai 15 มิ.ย. 2554, 14:13:38 น.
จบได้ฮ่ามากอ่ะ อยากได้ตุ๊ดซซี่เปนเพื่อนจังเลยยย 555+


OPUS 12 มี.ค. 2555, 15:03:23 น.
ชอบตอนนี้จังค่ะ น่าร๊ากอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account