น้ำผึ้งบ้านไพร # ชุดนางฟ้าจำแลง
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 34.2 พูดถูกใจดำเข้าหน่อยทำเป็นหน้างอ
น้ำผึ้งกลับมาถึงห้องพักเร็วกว่ากำหนด หญิงสาวจึงรีบอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเสียใหม่ น้ำผึ้งเลือกที่จะหยิบชุดเดรสยาวคลุมเข่าสีเนื้อไม่มีแขนแต่ปิดคอมิดชิด ส่วนทรงผมนั้นก็ปล่อยให้ยาวสลวยเผยให้เห็นความเงางามอย่างเป็นธรรมชาติอย่างที่ได้โฆษณาไว้ในจอโทรทัศน์ กระทั่งพิชญาที่มาถึงก่อนวรรณศุกร์โทรขึ้นมาตาม
เดินออกจากลิฟท์มาแล้วน้ำผึ้งก็มองหาพิชญาตามโซฟาของล็อบบี้ แต่คุณเติ้ล พิชรัฎ ผู้เป็นน้องชายซึ่งทำงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับการแสดงกองละครของพี่อ๊อดยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้น้ำผึ้งเห็น น้ำผึ้งจึงเดินยิ้มบาง ๆ เข้าไปหา ก่อนจะยกมือไหว้เพราะว่าพิชรัฎนั้นมีอายุมากกว่า
“พี่ติ๋วไปเข้าห้องน้ำ”
น้ำผึ้งทรุดตัวลงนั่ง เพราะกับพิชรัฏนั้นคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีแล้ว ด้วยมีคุณติ๋วและเรื่องงานละครที่มีกำหนดเปิดกล้องหลังจากที่น้ำผึ้งอำลาตำแหน่งเป็นตัวกลาง นอกจากนั้นวรรณศุกร์กับคชาพัฒน์ก็ได้ฝากฝังให้พิชญาช่วยดูแลน้ำผึ้งยามที่ต้องอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อปฏิบัติหน้าที่นางงามยอดพธูไทยซึ่งมีกำหนดระยะเวลาหนึ่งปีอีกด้วย น้ำผึ้งจึงได้สนิทสนมกับครอบครัวของพิชญาเป็นพิเศษ
“วันนี้ไม่ได้ไปทำงานเหรอคะ”
“ทำครับ แต่เลิกกองเร็วหน่อย เพราะดาราสำคัญเบี้ยวคิว ตอนแรกว่าจะกลับบ้าน แต่พอดีพี่ติ๋วชวนมากินข้าว ก็เลยคิดว่ามาด้วยดีกว่าอยู่บ้าน” พิชรัฎนั้นผมยาวเคลียร์บ่าแต่ว่ารวบตึงไว้ด้านหลัง ใบหน้าของเขาขาวเผือด ตาหยี จุดเด่นเห็นจะเป็นคิ้วหนากับจมูกโตและริมฝีปากบางเหมือนผู้เป็นแม่...
“แล้วน้องผึ้งละครับ วันนี้ทำอะไรบ้าง”
“ไปเรียนทำอาหารค่ะ”
“พี่จะมีโอกาสได้ชิมฝีมือน้องผึ้งบ้างไหมเน้อ”
“มีซิคะ ยังต้องรู้จักกันไปอีกนาน”
“เอ้อ...ลืมไป ยังติดค้างเรื่องขิมอีกเรื่อง พี่ยังไม่ได้ฟังนะ”
“โอกาสดี ๆ คงได้ฟังหรอกค่ะ”
“เห็นพี่ที่ทำบทเรื่องเรือนร่มเย็นบอกว่านางเอกจะได้ตีขิมด้วยนะ...สงสัยบทนั้นเป็นของน้องผึ้งแน่ ๆ เลย”
“ผึ้งไปหานิยายมาก่อนดีกว่าค่ะ”
“ทำการบ้านไว้ก่อนก็ดี ถ้าเรื่องแรกมีกระแส เดี๋ยวงานก็มา เงินก็มา ต่อไปน้องผึ้งก็จะรวยไม่รู้เรื่อง”
“อ้าวผึ้ง” พิชญาที่เดินมาจากห้องน้ำร้องทัก...น้ำผึ้งสวัสดีอย่างอ่อนช้อยและสวยงามเหมือนเคย...
“อยู่ใกล้ ๆ กับนางงามก็ดีอย่างหนึ่ง อะไร ๆ ก็ดูเจริญหูเจริญตาไปหมด แต่ข้อเสียก็คือ รู้สึกว่าตัวเอง ไร้ความเป็นกุลสตรีไทยอย่างไรก็ไม่รู้” พิชญานั้นมาด้วยชุดเสื้อแขนกรุยกรายกางเกงยีนพอดีตัวดูกระฉับกระเฉง..หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งข้างๆ น้ำผึ้งอย่างสนิทสนมเหมือนพี่กับน้องสาว
ไม่มีพิธีรีตองให้อึดอัด
“ผึ้งก็อยากเป็นอย่างพี่ติ๋วค่ะ...”
“ของแบบนี้มันคาแรคเตอร์ใครคาแรคเตอร์มัน...”
“จริง ๆ ผึ้งก็ไม่ใช่คนเรียบร้อยอะไรหรอกค่ะ”
“ผึ้งนะเรียบร้อย และก็มีความเป็นผู้หญิงไทยแท้ ๆ อยู่สูงมาก...ใช่ไหมเติ้ล”
“น่าจะใช่นะ...แต่ไปกันเหอะ ผมหิวข้าวแล้ว” ตัดบทแล้วพิชรัฎก็ลุกขึ้น แต่พิชญากลับดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพาย...
“โทรหาคุณศุกร์ก่อนถึงไหนแล้ว ...เติ้ลเข้าไปสั่งอาหารก่อนเลย”
แม้พิชญาไม่บอก เขาก็จะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว พิชรัฎเดินจากไป น้ำผึ้งที่ลุกขึ้นยืนพร้อมกับพิชญา ไม่ได้เดินตามพิชรัฎไป เพราะน้ำผึ้งนั้นตั้งกฎไว้กับตัวเองว่าจะไม่ไปไหนมาไหนกับผู้ชายให้เป็นข่าว...เธอไม่ต้องการกระแสเพื่อให้ได้งานให้ได้เงิน อย่างที่คนในวงการพึงปฏิบัติ เพราะรู้สึกว่าที่ได้มาก็มากพอแล้ว อีกอย่างน้ำผึ้งก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นเด็กอยู่ด้วย ประการสำคัญน้ำผึ้งไม่อยากให้คุณศุกร์นั้นมองว่าตัวเองนั้นแก่แดดเหลวไหล เพราะถ้าพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว เธอยังมีภาระที่ต้องเรียนให้จบปริญญาตรีอีกตั้งสี่ปี ส่วนงานในวงการบันเทิงนั้นคงจะค่อยดูก่อนว่าพอมีกระแสจะทำให้ชีวิตเปลี่ยนเป็นดาวเด่นในวงการได้ไหม...ถ้าไม่ได้ อย่างไรเสีย เธอก็มาจากบ้านไพร
แม้พิชญาจะไม่แนะนำว่าผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยเป็นใคร วรรณศุกร์ที่หิ้วของพะรุงพะรังเข้ามาก็รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือนายเติ้ลผู้เป็นน้องชายของพิชญาเพราะเคยเห็นรูปในเฟสบุ๊คแล้ว...แต่พอพิชญาแนะนำแล้วเขาถึงได้รู้จักชื่อจริง และรู้ว่าตอนนี้ พิชรัฎนั้นกลับมาจากต่างประเทศและพร้อมเข้าทำงานกับบริษัทของพี่อ๊อดเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว...
“ไม่รู้ว่าจะเจอติ๋วเลยไม่ได้ซื้อขนมมาฝาก”
“เดี๋ยวแบ่งที่ซื้อมาให้ผึ้ง ไปก็ได้ค่ะพี่ติ๋ว ผึ้งกินไม่หมดหรอก”
“ให้พี่ พี่ก็ก็หิ้วเอาไปกองถ่าย”
“สรุปว่าของฉันกลายเป็นภาระไป” วรรณศุกร์ที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกับพิชรัฎแสร้งชักสีหน้าบึ้งตึง น้ำผึ้งที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเห็นดังนั้นจึงรีบบอกด้วยน้ำเสียงร่าเริงและงอนง้อว่า
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ คือ คุณศุกร์ซื้อมาเยอะไป ผึ้งอยู่คนเดียวกินไม่หมดหรอก แล้วเช้ามาที่โรงแรมก็อาหารเพียบเลย ออกงานก็เจอแต่ของกิน ของกิน แล้วก็ของกิน”
“ก็เห็นว่ามีพวกทีมงานกองประกวดด้วยต้องไปทำงานด้วยกันไม่ใช่เหรอ”
“แต่ละคนไว้หุ่นทั้งนั้นแหละค่ะ แล้วตอนนี้ก็เจอกันน้อยลง ๆ เพราะว่าหมดความเข้มข้นแล้ว ช่วงเดือนสองเดือนนี้ เขาเริ่มปล่อยให้ผึ้งหายใจหายคอได้บ้างแล้ว” การที่มีพี่เลี้ยงดูแลเรื่องคิวงาน การวางตัว เสื้อผ้าหน้าผมนั้นเป็นผลดีกับน้ำผึ้งเป็นอย่างมาก เพราะน้ำผึ้งนั้นเหมือนเด็กสาวตัวคนเดียวในเมืองใหญ่
“อ้วนขึ้นหรือเปล่า” ขณะกินข้าวไปวรรณศุกร์ก็เอ่ยปากถามน้ำผึ้งไปเพราะหลายเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เจอหญิงสาว
“ไม่อ้วนหรอก เขาเรียกว่า มีน้ำมีนวล เป็นสาวเต็มตัว” พิชญาแก้ให้...
“อย่าให้อ้วนมากนะผึ้งเดี๋ยวไปขึ้นอืดที่มอนิเตอร์” พิชรัฎแทรกเข้ามา
น้ำผึ้งละช้อนใช้มือทั้งสองข้างลูบแก้มตัวเองก่อนจะบอกว่า
“งั้นผึ้งอิ่มเลยดีกว่า”
“มื้อนี้เว้นไว้ก่อน สั่งมาแล้วช่วยกันกินให้หมด” พิชญาร้องห้าม
“คุณเติ้ลสั่ง คุณเติ้ลก็จัดการ”
“ได้ ไม่ต้องห่วง เพื่อไม่ให้ผึ้งขึ้นอืดเดี๋ยวพี่กับคุณศุกร์ลุยเอง...”
“ผมก็ไม่ค่อยเท่าไหร่กับอาหารเย็นครับ อายุเยอะแล้ว เริ่มลงพุง”
“นี่นะเติ้ลถ้าย้อนเวลาได้นะ พี่ไปเอาพี่วันศุกร์มาเล่นละครแน่ ๆ หน้าพระเอกสุด ๆ”
“ติ๋วก็พูดเกินไป”
น้ำผึ้งที่ละช้อนข้าวแล้วจริง ๆ มองใบหน้าของเขาจนเต็ม ๆ ตา และเป็นครั้งแรกที่น้ำผึ้งรู้สึกว่า เธอไม่ต้องแหงนหน้าดูเขาอีกแล้ว...ตอนนี้เขาอยู่ในสายตาเธอ...พิชญาพูดทำนองว่าคุณศุกร์ยังมีเค้าความหล่อ...แต่สำหรับน้ำผึ้งวรรณศุกร์ยังคงหล่อมากอยู่เสมอ มาอยู่กรุงเทพเกือบสิบเดือน เขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย...ดวงตาคู่สวย สันจมูก ริมฝีปากได้รูป และไรหนวดที่เขียวครึ้ม ติดตาตึงอยู่ในหัวใจของน้ำผึ้งไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลง..
และเขาก็เหมือนจะรู้ตัวว่าน้ำผึ้งมองเขาจนเคลิ้ม...เขาจึงต้องเป็นฝ่ายชวนน้ำผึ้งคุย...โดยพยายามที่จะไม่สบตาของน้ำผึ้งมากนัก
“แล้วจะยังกลับไปเรียนที่สระบุรีอีกหรือเปล่า”
“ไม่แล้วค่ะ ดูที่เรียนที่นี่แล้ว”
“มาแล้วกลับไม่ได้หรอก พี่วันศุกร์เคยฟังเพลงนี้หรือเปล่า สุดท้ายที่กรุงเทพฯ ของสุนารี ราชสีมา”
“มีใครบ้างไม่รู้จัก”
“เมื่อหงส์บินจากป่ามาสู่เมืองแล้ว หงส์ก็ต้องเป็นหงส์ทอง อยู่ในเมืองตราบนานเท่านาน”
พอพิชญาเอ่ยออกมาอย่างนั้นวรรณศุกร์รู้สึกใจหาย...แต่เขาก็เกลื่อนสีหน้าโดยการยิ้มบาง ๆแล้วพูดว่า
“หน่องเขาเคยบอกกับคุณแม่ว่า น้ำผึ้งนั้นต้องให้คนทั้งประเทศรู้ว่ามาจากบ้านไพร ไม่ใช่น้ำผึ้งที่ต้องอยู่บ้านไพร วาจาของหน่องเขาศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ”
หวนไปนึกถึงคำพูดของคชาพัฒน์แล้วน้ำผึ้งก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา...เศร้าเพราะว่า เธอมาจากบ้านไพรเพียงแต่กาย สิบเดือนที่ผ่านมานั้นหัวใจของเธอก็ยังคงอยู่ที่บ้านไพรเหมือนเดิม...
อีกกี่ปี กี่เดือน กี่วัน เธอจึงดึงหัวใจเธอมาไว้กับตัวได้...
“เงียบไปเลยผึ้ง...คิดอะไรอยู่เหรอ” พิชรัฎร้องถามหลังจากที่เคี้ยวข้าวอย่างมีความสุข
“คิดว่าเมื่อไหร่ผึ้งจะได้กลับไปอยู่บ้านไพรทั้งตัวและใจค่ะ”
“พี่เล่นเอาว่าเธอไม่ได้กลับไปหรอกผึ้ง...พอเข้าวงการเต็มตัวแล้วเดี๋ยวก็มีโอกาสเจอนั่นเจอนี่เตรียมตัวพาแม่กับน้อง ๆ มาอยู่ด้วยกันทีกรุงเทพฯเสียดีกว่า”
“เคยถามแม่แล้วค่ะพี่ติ๋ว...แม่บอกว่า แม่จะตายที่บ้านไพร แม่จะไม่ไปไหนทั้งนั้น” เอ่ยถึงตรงนี้แล้วน้ำตาของน้ำผึ้งก็คลอหน่วยตาขึ้นมา เพราะแม่น้ำอ้อยไม่ได้บอกแค่นั้น แม่บอกว่า แม่จะอยู่กับพ่อ เพราะพ่ออยู่ที่นี่แม่จะไปไหนไม่ได้ ตายแล้วก็เอาแม่เผาที่วัดบ้านไพรเหมือนกับพ่อแล้วก็สร้างสถูปเจดีย์ไว้คู่กัน...ความรักของแม่เป็นอมตะและที่แม่ยังเข้มแข็งสู้ชีวิตอยู่ได้ก็เพราะยังมีหน้าที่เลี้ยงลูกของพ่อ
“อุ้ย ลืมไป ว่าเขาห้ามพูดเรื่องเป็นเรื่องตายตอนกินข้าว พูดแต่เรื่อง ตอนนี้ พรุ่งนี้และมะรืนนี้เท่านั้นพอ” พิชญาเห็นว่าเสียงน้ำผึ้งนั้นสั่นเครือจึงทำเริงร่ากลบเกลื่อน
และยังไม่ทันที่คนอื่น ๆ จะพูดอะไรกันต่อ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของวรรณศุกร์ก็ส่งเสียง...เขารู้ว่าเป็นสายเรียกเข้าจากภัทริน เขาจึงเอ่ยปากขอตัวลุกออกจากโต๊ะไปรับสายนอกห้องอาหาร...
“เมียโทรตามแล้วแน่ ๆ เลย” พอภัทรินเปรยออกมาอย่างนี้น้ำผึ้งก็รู้สึกว่าเจ็บปวดขึ้นมาทั้งที่เคยคิดว่า
จะยอมให้ใจเจ็บปวดกับเขาอีกแล้ว...
แวะอาบน้ำที่คอนโดแล้ววรรณศุกร์ก็ขับรถไปเฝ้าภัทรินต่อ นางพยาบาลที่รับจ้างนอนเวรนั้นรู้ว่าวันนี้คนรักของคนไข้จะมาอยู่เฝ้าไข้จึงขอตัวออกไปนั่งคุยกับเพื่อนที่วอร์ดหลังจากวรรณศุกร์เดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงภัทริน
“ไปกินข้าวที่ไหนมาคะ” แม้จะนอนป่วยแต่ภัทรินก็มีหน่วยข่าวกรองรายงานมาว่าเห็นแฟนของตนนั้นกินข้าวอยู่กับนางงามที่โรงแรมแห่งหนึ่ง หน่วยข่าวกรองรายงานตามความเป็นจริงคือ โต๊ะอาหารนั้นมีชายสองหญิงสอง แต่ปัญหาที่ภัทรินคาใจก็คือเขาบอกกับเธอว่า เขาจะไปกินข้าวกับพิชญาที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ โรงพยาบาล แต่เขากลับไปยังโรงแรมที่น้ำผึ้งพักอยู่เขาจะต้องโกหกเธอทำไม ทำไมเขาไม่พูดตรง ๆ และหลังจากที่วรรณศุกร์ตอบไปตามตรงแล้วภัทรินก็ไม่ยอมเก็บอารมณ์ไว้
“แล้วทำไมทีแรกไม่บอกภัทตรง ๆ ทำไมต้องมีเจตนาปกปิดหลบ ๆ ซ่อน ๆ ด้วย”
“บอกว่าไปหาน้ำผึ้ง เพราะคุณแม่ฝากของมาให้ภัทก็จะ...” เขาพอเดาออกว่าภัทรินก็จะต้องว่าแม่ของเขานั้นพยายามเป็นแม่สื่อแม่ชักอย่างไม่ยอมลามือ ทั้งที่เกือบขวบปีที่ผ่านมาเขาก็แสดงให้ภัทรินเห็นแล้วว่าเขาไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับน้ำผึ้งอีกเลย ทั้งที่แม่ของเขาเพียรพยายาม แต่เขาก็หลบ ๆ หลีก ๆ เพราะรู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนตัวเปล่า น้ำผึ้งไม่ใช่น้ำผึ้งบ้านไพรคนเดิม และคนของเขานั้นขี้หึงขี้ระแวงขนาดไหน
“กลายเป็นว่าภัทเป็นยักษ์เป็นมารไปแล้ว”
วรรณศุกร์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา
“พูดถูกใจดำเข้าหน่อยทำเป็นหน้างอ”
“ภัทกำลังไม่สบายนะ ทำไมไม่ทำใจให้ดีๆ อย่าคิดมากอย่าเครียด”
“ก็จะไม่ให้ภัทคิดมากได้อย่างไรล่ะ ก็ผัวของภัทกำลังจะสวมเขาให้ภัท ถ้าเพื่อนภัทไม่ไปเห็น ภัทก็คงจะโง่ดักดานอยู่บนเตียง” ว่าแล้วน้ำตาของภัทรินก็ไหลออกมาอาบแก้ม...วรรณศุกร์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปกุมมือของภัทรินไว้... “ฟังผมนะภัทผมอายุมากกว่าผึ้งรอบกว่า ผมเป็นเหมือนพี่ชายเขา เป็นเหมือนพ่อเขา เป็นคนบ้านเดียวกับเขา และการที่ผมจะไปดูดำดูดีเขาบ้าง มันเป็นเรื่องที่ผมควรจะทำ...ภัทต้องเข้าใจผมบ้างนะ”
เดินออกจากลิฟท์มาแล้วน้ำผึ้งก็มองหาพิชญาตามโซฟาของล็อบบี้ แต่คุณเติ้ล พิชรัฎ ผู้เป็นน้องชายซึ่งทำงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับการแสดงกองละครของพี่อ๊อดยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้น้ำผึ้งเห็น น้ำผึ้งจึงเดินยิ้มบาง ๆ เข้าไปหา ก่อนจะยกมือไหว้เพราะว่าพิชรัฎนั้นมีอายุมากกว่า
“พี่ติ๋วไปเข้าห้องน้ำ”
น้ำผึ้งทรุดตัวลงนั่ง เพราะกับพิชรัฏนั้นคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีแล้ว ด้วยมีคุณติ๋วและเรื่องงานละครที่มีกำหนดเปิดกล้องหลังจากที่น้ำผึ้งอำลาตำแหน่งเป็นตัวกลาง นอกจากนั้นวรรณศุกร์กับคชาพัฒน์ก็ได้ฝากฝังให้พิชญาช่วยดูแลน้ำผึ้งยามที่ต้องอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อปฏิบัติหน้าที่นางงามยอดพธูไทยซึ่งมีกำหนดระยะเวลาหนึ่งปีอีกด้วย น้ำผึ้งจึงได้สนิทสนมกับครอบครัวของพิชญาเป็นพิเศษ
“วันนี้ไม่ได้ไปทำงานเหรอคะ”
“ทำครับ แต่เลิกกองเร็วหน่อย เพราะดาราสำคัญเบี้ยวคิว ตอนแรกว่าจะกลับบ้าน แต่พอดีพี่ติ๋วชวนมากินข้าว ก็เลยคิดว่ามาด้วยดีกว่าอยู่บ้าน” พิชรัฎนั้นผมยาวเคลียร์บ่าแต่ว่ารวบตึงไว้ด้านหลัง ใบหน้าของเขาขาวเผือด ตาหยี จุดเด่นเห็นจะเป็นคิ้วหนากับจมูกโตและริมฝีปากบางเหมือนผู้เป็นแม่...
“แล้วน้องผึ้งละครับ วันนี้ทำอะไรบ้าง”
“ไปเรียนทำอาหารค่ะ”
“พี่จะมีโอกาสได้ชิมฝีมือน้องผึ้งบ้างไหมเน้อ”
“มีซิคะ ยังต้องรู้จักกันไปอีกนาน”
“เอ้อ...ลืมไป ยังติดค้างเรื่องขิมอีกเรื่อง พี่ยังไม่ได้ฟังนะ”
“โอกาสดี ๆ คงได้ฟังหรอกค่ะ”
“เห็นพี่ที่ทำบทเรื่องเรือนร่มเย็นบอกว่านางเอกจะได้ตีขิมด้วยนะ...สงสัยบทนั้นเป็นของน้องผึ้งแน่ ๆ เลย”
“ผึ้งไปหานิยายมาก่อนดีกว่าค่ะ”
“ทำการบ้านไว้ก่อนก็ดี ถ้าเรื่องแรกมีกระแส เดี๋ยวงานก็มา เงินก็มา ต่อไปน้องผึ้งก็จะรวยไม่รู้เรื่อง”
“อ้าวผึ้ง” พิชญาที่เดินมาจากห้องน้ำร้องทัก...น้ำผึ้งสวัสดีอย่างอ่อนช้อยและสวยงามเหมือนเคย...
“อยู่ใกล้ ๆ กับนางงามก็ดีอย่างหนึ่ง อะไร ๆ ก็ดูเจริญหูเจริญตาไปหมด แต่ข้อเสียก็คือ รู้สึกว่าตัวเอง ไร้ความเป็นกุลสตรีไทยอย่างไรก็ไม่รู้” พิชญานั้นมาด้วยชุดเสื้อแขนกรุยกรายกางเกงยีนพอดีตัวดูกระฉับกระเฉง..หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งข้างๆ น้ำผึ้งอย่างสนิทสนมเหมือนพี่กับน้องสาว
ไม่มีพิธีรีตองให้อึดอัด
“ผึ้งก็อยากเป็นอย่างพี่ติ๋วค่ะ...”
“ของแบบนี้มันคาแรคเตอร์ใครคาแรคเตอร์มัน...”
“จริง ๆ ผึ้งก็ไม่ใช่คนเรียบร้อยอะไรหรอกค่ะ”
“ผึ้งนะเรียบร้อย และก็มีความเป็นผู้หญิงไทยแท้ ๆ อยู่สูงมาก...ใช่ไหมเติ้ล”
“น่าจะใช่นะ...แต่ไปกันเหอะ ผมหิวข้าวแล้ว” ตัดบทแล้วพิชรัฎก็ลุกขึ้น แต่พิชญากลับดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพาย...
“โทรหาคุณศุกร์ก่อนถึงไหนแล้ว ...เติ้ลเข้าไปสั่งอาหารก่อนเลย”
แม้พิชญาไม่บอก เขาก็จะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว พิชรัฎเดินจากไป น้ำผึ้งที่ลุกขึ้นยืนพร้อมกับพิชญา ไม่ได้เดินตามพิชรัฎไป เพราะน้ำผึ้งนั้นตั้งกฎไว้กับตัวเองว่าจะไม่ไปไหนมาไหนกับผู้ชายให้เป็นข่าว...เธอไม่ต้องการกระแสเพื่อให้ได้งานให้ได้เงิน อย่างที่คนในวงการพึงปฏิบัติ เพราะรู้สึกว่าที่ได้มาก็มากพอแล้ว อีกอย่างน้ำผึ้งก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นเด็กอยู่ด้วย ประการสำคัญน้ำผึ้งไม่อยากให้คุณศุกร์นั้นมองว่าตัวเองนั้นแก่แดดเหลวไหล เพราะถ้าพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว เธอยังมีภาระที่ต้องเรียนให้จบปริญญาตรีอีกตั้งสี่ปี ส่วนงานในวงการบันเทิงนั้นคงจะค่อยดูก่อนว่าพอมีกระแสจะทำให้ชีวิตเปลี่ยนเป็นดาวเด่นในวงการได้ไหม...ถ้าไม่ได้ อย่างไรเสีย เธอก็มาจากบ้านไพร
แม้พิชญาจะไม่แนะนำว่าผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยเป็นใคร วรรณศุกร์ที่หิ้วของพะรุงพะรังเข้ามาก็รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือนายเติ้ลผู้เป็นน้องชายของพิชญาเพราะเคยเห็นรูปในเฟสบุ๊คแล้ว...แต่พอพิชญาแนะนำแล้วเขาถึงได้รู้จักชื่อจริง และรู้ว่าตอนนี้ พิชรัฎนั้นกลับมาจากต่างประเทศและพร้อมเข้าทำงานกับบริษัทของพี่อ๊อดเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว...
“ไม่รู้ว่าจะเจอติ๋วเลยไม่ได้ซื้อขนมมาฝาก”
“เดี๋ยวแบ่งที่ซื้อมาให้ผึ้ง ไปก็ได้ค่ะพี่ติ๋ว ผึ้งกินไม่หมดหรอก”
“ให้พี่ พี่ก็ก็หิ้วเอาไปกองถ่าย”
“สรุปว่าของฉันกลายเป็นภาระไป” วรรณศุกร์ที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกับพิชรัฎแสร้งชักสีหน้าบึ้งตึง น้ำผึ้งที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเห็นดังนั้นจึงรีบบอกด้วยน้ำเสียงร่าเริงและงอนง้อว่า
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ คือ คุณศุกร์ซื้อมาเยอะไป ผึ้งอยู่คนเดียวกินไม่หมดหรอก แล้วเช้ามาที่โรงแรมก็อาหารเพียบเลย ออกงานก็เจอแต่ของกิน ของกิน แล้วก็ของกิน”
“ก็เห็นว่ามีพวกทีมงานกองประกวดด้วยต้องไปทำงานด้วยกันไม่ใช่เหรอ”
“แต่ละคนไว้หุ่นทั้งนั้นแหละค่ะ แล้วตอนนี้ก็เจอกันน้อยลง ๆ เพราะว่าหมดความเข้มข้นแล้ว ช่วงเดือนสองเดือนนี้ เขาเริ่มปล่อยให้ผึ้งหายใจหายคอได้บ้างแล้ว” การที่มีพี่เลี้ยงดูแลเรื่องคิวงาน การวางตัว เสื้อผ้าหน้าผมนั้นเป็นผลดีกับน้ำผึ้งเป็นอย่างมาก เพราะน้ำผึ้งนั้นเหมือนเด็กสาวตัวคนเดียวในเมืองใหญ่
“อ้วนขึ้นหรือเปล่า” ขณะกินข้าวไปวรรณศุกร์ก็เอ่ยปากถามน้ำผึ้งไปเพราะหลายเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เจอหญิงสาว
“ไม่อ้วนหรอก เขาเรียกว่า มีน้ำมีนวล เป็นสาวเต็มตัว” พิชญาแก้ให้...
“อย่าให้อ้วนมากนะผึ้งเดี๋ยวไปขึ้นอืดที่มอนิเตอร์” พิชรัฎแทรกเข้ามา
น้ำผึ้งละช้อนใช้มือทั้งสองข้างลูบแก้มตัวเองก่อนจะบอกว่า
“งั้นผึ้งอิ่มเลยดีกว่า”
“มื้อนี้เว้นไว้ก่อน สั่งมาแล้วช่วยกันกินให้หมด” พิชญาร้องห้าม
“คุณเติ้ลสั่ง คุณเติ้ลก็จัดการ”
“ได้ ไม่ต้องห่วง เพื่อไม่ให้ผึ้งขึ้นอืดเดี๋ยวพี่กับคุณศุกร์ลุยเอง...”
“ผมก็ไม่ค่อยเท่าไหร่กับอาหารเย็นครับ อายุเยอะแล้ว เริ่มลงพุง”
“นี่นะเติ้ลถ้าย้อนเวลาได้นะ พี่ไปเอาพี่วันศุกร์มาเล่นละครแน่ ๆ หน้าพระเอกสุด ๆ”
“ติ๋วก็พูดเกินไป”
น้ำผึ้งที่ละช้อนข้าวแล้วจริง ๆ มองใบหน้าของเขาจนเต็ม ๆ ตา และเป็นครั้งแรกที่น้ำผึ้งรู้สึกว่า เธอไม่ต้องแหงนหน้าดูเขาอีกแล้ว...ตอนนี้เขาอยู่ในสายตาเธอ...พิชญาพูดทำนองว่าคุณศุกร์ยังมีเค้าความหล่อ...แต่สำหรับน้ำผึ้งวรรณศุกร์ยังคงหล่อมากอยู่เสมอ มาอยู่กรุงเทพเกือบสิบเดือน เขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย...ดวงตาคู่สวย สันจมูก ริมฝีปากได้รูป และไรหนวดที่เขียวครึ้ม ติดตาตึงอยู่ในหัวใจของน้ำผึ้งไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลง..
และเขาก็เหมือนจะรู้ตัวว่าน้ำผึ้งมองเขาจนเคลิ้ม...เขาจึงต้องเป็นฝ่ายชวนน้ำผึ้งคุย...โดยพยายามที่จะไม่สบตาของน้ำผึ้งมากนัก
“แล้วจะยังกลับไปเรียนที่สระบุรีอีกหรือเปล่า”
“ไม่แล้วค่ะ ดูที่เรียนที่นี่แล้ว”
“มาแล้วกลับไม่ได้หรอก พี่วันศุกร์เคยฟังเพลงนี้หรือเปล่า สุดท้ายที่กรุงเทพฯ ของสุนารี ราชสีมา”
“มีใครบ้างไม่รู้จัก”
“เมื่อหงส์บินจากป่ามาสู่เมืองแล้ว หงส์ก็ต้องเป็นหงส์ทอง อยู่ในเมืองตราบนานเท่านาน”
พอพิชญาเอ่ยออกมาอย่างนั้นวรรณศุกร์รู้สึกใจหาย...แต่เขาก็เกลื่อนสีหน้าโดยการยิ้มบาง ๆแล้วพูดว่า
“หน่องเขาเคยบอกกับคุณแม่ว่า น้ำผึ้งนั้นต้องให้คนทั้งประเทศรู้ว่ามาจากบ้านไพร ไม่ใช่น้ำผึ้งที่ต้องอยู่บ้านไพร วาจาของหน่องเขาศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ”
หวนไปนึกถึงคำพูดของคชาพัฒน์แล้วน้ำผึ้งก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา...เศร้าเพราะว่า เธอมาจากบ้านไพรเพียงแต่กาย สิบเดือนที่ผ่านมานั้นหัวใจของเธอก็ยังคงอยู่ที่บ้านไพรเหมือนเดิม...
อีกกี่ปี กี่เดือน กี่วัน เธอจึงดึงหัวใจเธอมาไว้กับตัวได้...
“เงียบไปเลยผึ้ง...คิดอะไรอยู่เหรอ” พิชรัฎร้องถามหลังจากที่เคี้ยวข้าวอย่างมีความสุข
“คิดว่าเมื่อไหร่ผึ้งจะได้กลับไปอยู่บ้านไพรทั้งตัวและใจค่ะ”
“พี่เล่นเอาว่าเธอไม่ได้กลับไปหรอกผึ้ง...พอเข้าวงการเต็มตัวแล้วเดี๋ยวก็มีโอกาสเจอนั่นเจอนี่เตรียมตัวพาแม่กับน้อง ๆ มาอยู่ด้วยกันทีกรุงเทพฯเสียดีกว่า”
“เคยถามแม่แล้วค่ะพี่ติ๋ว...แม่บอกว่า แม่จะตายที่บ้านไพร แม่จะไม่ไปไหนทั้งนั้น” เอ่ยถึงตรงนี้แล้วน้ำตาของน้ำผึ้งก็คลอหน่วยตาขึ้นมา เพราะแม่น้ำอ้อยไม่ได้บอกแค่นั้น แม่บอกว่า แม่จะอยู่กับพ่อ เพราะพ่ออยู่ที่นี่แม่จะไปไหนไม่ได้ ตายแล้วก็เอาแม่เผาที่วัดบ้านไพรเหมือนกับพ่อแล้วก็สร้างสถูปเจดีย์ไว้คู่กัน...ความรักของแม่เป็นอมตะและที่แม่ยังเข้มแข็งสู้ชีวิตอยู่ได้ก็เพราะยังมีหน้าที่เลี้ยงลูกของพ่อ
“อุ้ย ลืมไป ว่าเขาห้ามพูดเรื่องเป็นเรื่องตายตอนกินข้าว พูดแต่เรื่อง ตอนนี้ พรุ่งนี้และมะรืนนี้เท่านั้นพอ” พิชญาเห็นว่าเสียงน้ำผึ้งนั้นสั่นเครือจึงทำเริงร่ากลบเกลื่อน
และยังไม่ทันที่คนอื่น ๆ จะพูดอะไรกันต่อ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของวรรณศุกร์ก็ส่งเสียง...เขารู้ว่าเป็นสายเรียกเข้าจากภัทริน เขาจึงเอ่ยปากขอตัวลุกออกจากโต๊ะไปรับสายนอกห้องอาหาร...
“เมียโทรตามแล้วแน่ ๆ เลย” พอภัทรินเปรยออกมาอย่างนี้น้ำผึ้งก็รู้สึกว่าเจ็บปวดขึ้นมาทั้งที่เคยคิดว่า
จะยอมให้ใจเจ็บปวดกับเขาอีกแล้ว...
แวะอาบน้ำที่คอนโดแล้ววรรณศุกร์ก็ขับรถไปเฝ้าภัทรินต่อ นางพยาบาลที่รับจ้างนอนเวรนั้นรู้ว่าวันนี้คนรักของคนไข้จะมาอยู่เฝ้าไข้จึงขอตัวออกไปนั่งคุยกับเพื่อนที่วอร์ดหลังจากวรรณศุกร์เดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงภัทริน
“ไปกินข้าวที่ไหนมาคะ” แม้จะนอนป่วยแต่ภัทรินก็มีหน่วยข่าวกรองรายงานมาว่าเห็นแฟนของตนนั้นกินข้าวอยู่กับนางงามที่โรงแรมแห่งหนึ่ง หน่วยข่าวกรองรายงานตามความเป็นจริงคือ โต๊ะอาหารนั้นมีชายสองหญิงสอง แต่ปัญหาที่ภัทรินคาใจก็คือเขาบอกกับเธอว่า เขาจะไปกินข้าวกับพิชญาที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ โรงพยาบาล แต่เขากลับไปยังโรงแรมที่น้ำผึ้งพักอยู่เขาจะต้องโกหกเธอทำไม ทำไมเขาไม่พูดตรง ๆ และหลังจากที่วรรณศุกร์ตอบไปตามตรงแล้วภัทรินก็ไม่ยอมเก็บอารมณ์ไว้
“แล้วทำไมทีแรกไม่บอกภัทตรง ๆ ทำไมต้องมีเจตนาปกปิดหลบ ๆ ซ่อน ๆ ด้วย”
“บอกว่าไปหาน้ำผึ้ง เพราะคุณแม่ฝากของมาให้ภัทก็จะ...” เขาพอเดาออกว่าภัทรินก็จะต้องว่าแม่ของเขานั้นพยายามเป็นแม่สื่อแม่ชักอย่างไม่ยอมลามือ ทั้งที่เกือบขวบปีที่ผ่านมาเขาก็แสดงให้ภัทรินเห็นแล้วว่าเขาไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับน้ำผึ้งอีกเลย ทั้งที่แม่ของเขาเพียรพยายาม แต่เขาก็หลบ ๆ หลีก ๆ เพราะรู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนตัวเปล่า น้ำผึ้งไม่ใช่น้ำผึ้งบ้านไพรคนเดิม และคนของเขานั้นขี้หึงขี้ระแวงขนาดไหน
“กลายเป็นว่าภัทเป็นยักษ์เป็นมารไปแล้ว”
วรรณศุกร์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา
“พูดถูกใจดำเข้าหน่อยทำเป็นหน้างอ”
“ภัทกำลังไม่สบายนะ ทำไมไม่ทำใจให้ดีๆ อย่าคิดมากอย่าเครียด”
“ก็จะไม่ให้ภัทคิดมากได้อย่างไรล่ะ ก็ผัวของภัทกำลังจะสวมเขาให้ภัท ถ้าเพื่อนภัทไม่ไปเห็น ภัทก็คงจะโง่ดักดานอยู่บนเตียง” ว่าแล้วน้ำตาของภัทรินก็ไหลออกมาอาบแก้ม...วรรณศุกร์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปกุมมือของภัทรินไว้... “ฟังผมนะภัทผมอายุมากกว่าผึ้งรอบกว่า ผมเป็นเหมือนพี่ชายเขา เป็นเหมือนพ่อเขา เป็นคนบ้านเดียวกับเขา และการที่ผมจะไปดูดำดูดีเขาบ้าง มันเป็นเรื่องที่ผมควรจะทำ...ภัทต้องเข้าใจผมบ้างนะ”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ค. 2556, 09:39:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ค. 2556, 09:39:44 น.
จำนวนการเข้าชม : 1962
<< 34.1 “นางงามคนนี้ คนบ้านเดียวกับศุกร์ใช่ไหม เขาสวยเก๋ดีนะ” | 35.1 อำลาตำแหน่ง >> |


เดิมเดิม 30 ก.ค. 2556, 10:38:53 น.
สงสารน้ำผึ้งจริงเลย พี่หน่องไม่มาเลยนะคิดถึง
สงสารน้ำผึ้งจริงเลย พี่หน่องไม่มาเลยนะคิดถึง

nateetip 30 ก.ค. 2556, 11:11:59 น.
ไม่เข้าใจค่ะ.. ตอบแทนภัทร..^.^ แต่เชียร์น้ำผึ้งนะ
ไม่เข้าใจค่ะ.. ตอบแทนภัทร..^.^ แต่เชียร์น้ำผึ้งนะ

nunoi 30 ก.ค. 2556, 12:10:53 น.
น่าสงสาร ภัทร เหมือนกันนะ ถ้าเป็นเราก็ทำใจยากอยู่
น่าสงสาร ภัทร เหมือนกันนะ ถ้าเป็นเราก็ทำใจยากอยู่

คิมหันตุ์ 30 ก.ค. 2556, 13:06:56 น.
เลิกเลยๆๆๆๆ ฮ่าฮ่า แก่กว่าเป็นรอบเลยนะคะป๋าขา
เลิกเลยๆๆๆๆ ฮ่าฮ่า แก่กว่าเป็นรอบเลยนะคะป๋าขา

Zephyr 30 ก.ค. 2556, 19:31:25 น.
เหมือนทั้งคุณศุกร์และภัท ดูจะมีทางไปที่ดีกว่าทั้งคู่
และเหมือนจะโน้มเอียงเห็นๆ แต่ที่ยังกั๊กๆๆๆๆ กันอยู่นี่ เพราะอารายยยย
คนอ่านขัดใจนะ ฮึ้ยยยยยยยย
ปล.ไม่ได้ส่งเสริมให้เลิกกัน แต่อยากให้ผึ้งสมหวัง อ้าวววว
ไม่ต้องเลิกก็ได้นะ แต่ แล้วผึ้งละ กัปตันละ เอ๊ะะะ งั้นก็ไม่สมหวังสินะ
ทางเดียวค่ะคุณเฟื่อง ทุกคน สมหวังชัวร์ ทั้งคนแต่งที่จบเรื่องได้ คนอ่านฟินนนน
คู่ทั้งสามมีครบ เอ๊ะ อ้าวววว ไม่ได้ยุน้าาาาาาาาา ฮ่าๆๆๆ
เหมือนทั้งคุณศุกร์และภัท ดูจะมีทางไปที่ดีกว่าทั้งคู่
และเหมือนจะโน้มเอียงเห็นๆ แต่ที่ยังกั๊กๆๆๆๆ กันอยู่นี่ เพราะอารายยยย
คนอ่านขัดใจนะ ฮึ้ยยยยยยยย
ปล.ไม่ได้ส่งเสริมให้เลิกกัน แต่อยากให้ผึ้งสมหวัง อ้าวววว
ไม่ต้องเลิกก็ได้นะ แต่ แล้วผึ้งละ กัปตันละ เอ๊ะะะ งั้นก็ไม่สมหวังสินะ
ทางเดียวค่ะคุณเฟื่อง ทุกคน สมหวังชัวร์ ทั้งคนแต่งที่จบเรื่องได้ คนอ่านฟินนนน
คู่ทั้งสามมีครบ เอ๊ะ อ้าวววว ไม่ได้ยุน้าาาาาาาาา ฮ่าๆๆๆ

จุฬามณีเฟื่องนคร 1 ส.ค. 2556, 02:24:25 น.
stop!
stop!