มนต์เมโลดี้
“...น้องร้องหนุ่มผิวเข้ม นัยน์ตาหวาน เสียงกังวานหวานปานน้ำผึ้ง
ผู้ซึ่งมีอาชีพเสริมคือจอมสร้างภาพในวงการมายา
ที่น้อยคนนักหนาจะหารู้ความอัปยศของนักร้องอักษรย่อ ตก. คนนี้ไม่
นักร้องหนุ่มมาดเข้มดูดีผู้มีดีกรีชนะเลิศเรียลลิตี้คว้าฝันเพิ่งคว้าเบญจเพสหมาดๆ ในลัคนาราศีธนู
จะถูกธนูรักแผลงผลักให้เจออาเพศถึงขั้นสูญเสียความสามารถการร้องเพลงที่ตนเองถนัด
จะอัตคัดแฟนคลับ จงระวังคนสนิทชนิดแทงข้างหลังกระอักไปถึงขั้วหัวใจ
ภาพลักษณ์ที่สร้างลวงเป็นมายาที่ฉาบทาด้วยทองปลอมจะถูกลอกด้วยนิสัยช่างหลบใน
ไม่เห็นหัวใคร ไม่เกรงใจใคร
หากไม่ลด ละ เลิก นิสัยเสียที่ซ้อนเร้น
เห็นทีจะต้องปิดฉากลาจากวงการมายาไปโดยปริยาย คอมเม้นท์!”

‘รักตกัณฐ์’ ไม่คิดเลยว่าคำทำนายจากหมอดูในนิตยสารจะเป็นจริง
เมื่อ ‘เทพีเมโลดี้’ ปรากฏกายและสาปเขาที่ขัดคำสั่งของหล่อนจนร้องเพลงไม่ได้จริงๆ!!!

แต่สวรรค์เมตตา...
ส่ง ‘น้ำหนึ่ง’ สาวผู้ซึ่งไร้ประสบการณ์การเป็นผู้จัดการมาเป็น ‘ผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่’ ให้กับเขา!!!

แม้ไร้ประสบการณ์... แต่หญิงสาวเชื่อมั่นว่า
สัญชาตญาณและพื้นฐานของความจริงใจจะทำให้หล่อนและเขาก้าวผ่านวิกฤติเหนือธรรมชาตินี้ไปได้อย่างแน่นอน คอมเม้นท์!!!


Tags: ความรัก นักร้อง เสียงเพลง

ตอน: ตอนที่ ๓ : ฝันร้าย คำทำนายที่กลายเป็นจริง

ตอนที่ ๓
ฝันร้าย คำทำนายที่กลายเป็นจริง

“เฮ้ย”
รักตกัณฐ์สะดุ้งตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่บนเตียงสปริงหนานุ่ม
ชายหนุ่มรู้สึกมึนหัวและจุกตามลำตัว
เมื่อครู่นี้เขาฝัน...ฝันว่าถูกลูกศรต้องคำสาปให้ร้องเพลงไม่ได้จากเทพธิดาน้อยหน้าใสที่ไม่พอใจ
เพียงเพราะเขาไม่ร้องเพลงให้ฟัง

นักร้องหนุ่มส่ายหน้าไปมากับความฝันอันเป็นตุเป็นตะของตน
บอกตัวเองว่าอาจเป็นเพราะเขาหมกมุ่นและคิดมาก
เรื่องคำทำนายของคุณหมอดูจอมคอมเม้นท์ในนิตยสารที่นักข่าว
และพิธีกรรายการดังพากันรุมสัมภาษณ์เขาเมื่อวานนี้

จะเป็นไปได้อย่างไร คนเสียงดีอย่างเขาที่รู้จักการใช้และถนอมเสียงมาตลอดจะร้องเพลงไม่ได้
ต่อให้คำทำนายและฝันร้ายเป็นเรื่องเป็นราวของเขาก็เถอะ ทำอะไรเสียงเขาไม่ได้หรอก

ร่างสูงโปร่งก้าวลงจากเตียงตรงไปเข้าห้องน้ำ
มือหนาเสยผมหน้ากระจกพลางเอียงซ้ายขวาหามุมดูดีของตนที่ทำเป็นประจำ
ก่อนจะถอดเสื้อยืดที่สวมอยู่ออกเห็นเรือนร่างที่มีมัดกล้ามอย่างชายชาตรี
รักตกัณฐ์ยิ้มอย่างภูมิใจเล็กน้อยขณะบีบยาสีฟัน

ก่อนก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาหน้าตาบ้านๆ
เพราะเป็นคนต่างจังหวัด
รูปร่างสูงบางอ้อนแอ้นจนใครๆ พากันล้อว่าเขาไม่ ‘แมน’ เต็มร้อย
กระทั่งเข้าโครงการล่าฝัน
รายการเรียลลิตี้ที่ปลุกปั้นเขาให้มีความแข็งแกร่งขึ้นด้วยการออกกำลังกาย เข้าฟิตเนต
แม้จะเป็นคนโครงสร้างรูปร่างเล็ก
แต่การเข้าฟิตเนตและการดูแลร่างกายออกกำลังกายซ้อมเต้นสม่ำเสมอ
ทำให้ความโปร่งบางที่เคยเป็นของเขาเริ่มหนาแกร่งชวนมองชวนฝัน
ไม่แพ้นัยน์ตาและน้ำเสียงที่เขาภาคภูมิใจเลยทีเดียว

รักตกัณฐ์ฮึมฮัมทำนองเพลงในลำคอก่อนรู้สึกว่ามันฝืดๆ จึงกระแอม
ก่อนแปรงฟัน ล้างหน้า และเริ่มวอร์มเสียง

“เออะ” ชายหนุ่มย่นคิ้วแปลกใจเล็กน้อย
ปกติเวลาเขาวอร์มเสียงแล้ว เสียงที่เปล่งออกมาต้องเป็น
‘โอ้’ ยาวๆ ไม่ใช่ ‘เออะ’ สั้นๆ ห้วนๆ แหบๆ อย่างนี้

ไม่เป็นไร เอาใหม่

รักตกัณฐ์กระแอมในลำคอ อ้าปากกว้าง เปล่งพลังเสียงอีกครั้ง

“โอะ แฮ่ก ค่อกๆๆ” ชายหนุ่มเกิดอาการไอติดขัด เขารู้สึกแปลกใจ
ปกติเวลาเขาวอร์มเสียงตอนเช้า ไม่ได้เน้นความดังหรือไพเราะอะไรอยู่แล้ว
แค่ให้เส้นเสียงและกล้ามเนื้อที่หดตัวระหว่างการนอนหลับได้คลายตัวเท่านั้น
แต่นี่แค่เขาเปล่งเสียงเตรียมวอร์มก็รู้สึกคอแห้ง เจ็บคอแปลกๆ เสียแล้ว
และถ้าร้องออกมาเป็นเพลงล่ะ

“ไห่ร้าก... เป่นดางแซงซ้องถาง เฮ้ย” รักตกัณฐ์ร้องลั่นด้วยความตกใจ
ทำไมเสียงยามเช้าของเขาเพี้ยนกระจายอย่างนี้ล่ะ
ปกติหากเขาตื่นนอนและล้างหน้าแปรงฟันแล้วเสียงก็มาแล้วนี่นา

ไม่เป็นไร เอาใหม่

นักร้องหนุ่มกระแอมก่อนเปล่งเสียงร้องออกมาอีกครั้ง

“ไห่ร้าก... เป๊นดั๋งแสงซ้องถาง เฮ้ย” รักตกัณฐ์แปลกใจ
ทำไมไม่ดีขึ้น เสียงเขาเพี้ยนสูงแปลกประหลาดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต
ชายหนุ่มส่ายหน้าก่อนลองเปล่งคำพูดเป็นการพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
“สวัสดีครับ ผมต้นกล้า รักตกัณฐ์ ก้องกิดาการ เอ๊ะ...ก็ปกตินี่หว่า”

รักตกัณฐ์แปลกใจ เกิดอะไรขึ้นกับเสียงของเขา ทำไมร้องเพลงไม่ได้ เสียงเพี้ยน
ทั้งที่เวลาพูดธรรมดาก็ไม่มีความผิดปกติอะไร

ไม่เป็นไร เอาใหม่

คราวนี้เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มสองปอด
มองตัวเองในกระจกก่อนเปล่งพลังเสียงออกไป

“โอะ เฮ้ย!” รักตกัณฐ์ผวาเฮือก
เมื่อจู่ๆ ภาพตรงหน้าเขาก็มีใบหน้าใสของหญิงสาวนัยน์ตากลมโต
ที่เขาเห็นในฝันโผล่หน้าออกมาทางกระจก

“อรุณสวัสดิ์” เสียงใสเอ่ยทักพร้อมยิ้มพริ้มเพราะ

“ผี!” รักตกัณฐ์ตะโกนลั่นก่อนเซถลาไปชนขอบอ่างอาบน้ำจนลื่นไถล
โชคดีที่คว้าขอบอ่างไว้ทัน
เขาเบิกตามองหญิงสาวที่ก้าวออกมาจากกระจกแ
ละยืนปรากฏกายต่อหน้าเขาด้วยชุดสีขาวทรงสุ่มคลุมเข่า
เหมือนในฝันของเขาทุกประการ

“ไม่ใช่ผีซะหน่อย เราบอกแล้วไงว่าเราเป็นเทพธิดา
ชื่อสุรทัดดา หรือเจ้าจะเรียกเมโลดี้ก็ได้นะ ชื่อเล่นของเราที่ท่านพ่อ
ท่านแม่ประทานให้เราเองแหละ” เทพธิดาน้อยแนะนำตัวด้วยรอยยิ้ม

รักตกัณฐ์ยังคงมีสีหน้าตื่นกลัว มือเกาะขอบอ่างแน่น

“ผะ ผะ ผี” เขายังเพ้ออยู่อย่างนั้น

“เอ๊ะ เราบอกว่าเราไม่ใช่ผี พูดไม่รู้เรื่องหรือไง
นี่เราพูดภาษามนุษย์แล้วนะ” เทพธิดาสาวน้อยเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอด

รักตกัณฐ์ค่อยๆ ประคองตัวเองลุกขึ้นยืน
มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ
ขาเอามือลูบแก้ม ตบแก้มตัวเองไปมาก็รู้สึกเจ็บ

“โอ๊ะ ไม่ได้ฝันนี่หว่า”

“ใช่ เจ้าไม่ได้ฝัน นี่คือเรื่องจริง” สุรทัดดาหรือเมโลดี้สำทับ

“ฝันสิ ฝันแน่ๆ เมื่อคืนฉันยังฝันเห็นเธออยู่เลย
ใช่...ฉันฝันเห็นเธอ ยายเทพธิดาจอมจุ้น
เธอ...รบเร้าให้ฉันร้องเพลง พอฉันไม่ร้องเธอก็เลยสาปให้ฉันร้องเพลงไม่ได้”
เขาไล่ทวนความฝันตัวเอง

เมโลดี้เอียงคอไปมาอย่างน่ารักก่อนตอบเสียงใส

“ใช่ เจ้าฝัน เพราะเจ้าเก็บเรื่องที่เกิดขึ้นจริงไปฝัน”

“หมายความว่าไง” นักร้องหนุ่มข้องใจ

“ก็หมายความว่าคำสาปของเราเป็นความจริง
และมันก็สัมฤทธิ์ผลแล้วด้วย เจ้า...จะร้องเพลงไม่ได้ตลอดชีวิต” เมโลดี้เฉลย

“อะไรนะ!” รักตกัณฐ์แทบจะตะโกนออกไป

“เราสาปเจ้าให้ร้องเพลงไม่ได้ตลอดชีวิต” เทพธิดาย้ำ
“และเจ้าคงเห็นแล้วนะว่าคำสาปของเราแสดงผลแล้ว เจ้าร้องเพลงไม่ได้จริงๆ”

“ทำไม...”

“ก็เพราะเจ้าขัดใจเรา เจ้าใจแคบ
ไม่เห็นความสำคัญของเรา เอาแต่ขับไล่ใสส่งเรา เราก็ต้องทำให้เจ้าเห็นบ้างสิ
ว่าการเป็นคนใจแคบและดื้อดึงกับเราจะมีโทษอย่างไร
อีกอย่าง...เราเพิ่งอายุครบสองร้อยปี เพิ่งมีธนูศักดิ์สิทธิ์ที่จะสาปใครหรืออะไรก็ได้
เราก็เลยอยากจะลองอานุภาพดูบ้าง
แต่เจ้ากลับทำให้เราโกรธ เราเลยสาปให้เจ้าร้องเพลงไม่ได้ตลอดชีวิต”

รักตกัณฐ์ตบหน้าตัวเองจนชาหนึบก็รู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปแน่นอน
ยายตัวน้อยที่สนทนากับเขาฉอดๆ นี้
คงเป็นเทพธิดาผู้มีอานุภาพร้ายแรงขนาดทำให้เขาร้องเพลงไม่ได้จริงๆ

“แต่ไม่ต้องห่วงนะ เจ้าจะสามารถพูดจาเช่นมนุษย์คนอื่นได้ตามปกติ
แต่เจ้าจะไม่สามารถใช้เสียงของเจ้าร้องเพลงได้อีกต่อไป ยกเว้น...”

“ยกเว้นอะไร” เขาถามต่อทันทีเมื่อเทพธิดาน้อยเงียบไป

เมโลดี้เอียงคอตอบ

“ธนูที่เราใช้สาปเจ้าคือธนูความรัก ความเอื้อเฟื้อ
เมื่อใดที่เจ้ารู้จักความรักและแบ่งปัน มองโลกในแง่ดี ไม่ใจแคบหรือเห็นแก่ตัว
เจ้าก็กลับมาร้องเพลงได้เหมือนเดิม”

“ฉันไม่ใช่คนใจแคบ และไม่เห็นแก่ตัว” เขาบอกแทบจะในทันที

“ไม่จริงหรอก เพราะหากเจ้าไม่เป็นอย่างนั้นจริง
ธนูคงไม่สำแดงอานุภาพชัดเจนเร็ววันขนาดนี้ ที่เจ้าร้องเพลงไม่ได้เลยเช่นนี้เพราะเจ้าเห็นแก่ตัว
มองโลกในแง่ร้าย ใจแคบ ไม่รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ธนูความรัก ความเอื้อเฟื้อถึงได้กำราบนิสัยเสียๆ ของเจ้าเช่นนี้”

“นี่เธอ...” รักตกัณฐ์แทบจะตรงเข้าไปขยุ้มคอเทพธิดาน้อยที่ว่าเขาอย่างนี้

แต่ช้าไปเสียแล้ว เมโลดี้มลายหายวับไปกับอากาศจนนักร้องหนุ่มตกใจ
แต่นั่นก็ไม่เท่ากับความกังวลใจในเรื่องที่เขาจะไม่สามารถร้องเพลงได้ตลอดชีวิต
และทางแก้ที่พิลึกลั่นนั่นอีก

+++++++++

“อะไรนะคะน้องกล้า” นพวรรณถามย้ำผ่านโทรศัพท์
หลังจากได้รับโทรศัพท์จากรัตกัณฐ์ว่าพรุ่งนี้เขาขอหยุดอีกวัน
หล่อนคิดว่าตัวเองฟังผิด
เพราะร้อยวันพันปีรักตกัณฐ์ไม่เคยหยุดงานหากไม่ป่วยหรือมีเรื่องคอขาดบาดตาย
ซึ่งอย่างหลังนพวรรณไม่เห็นว่าจะมีอะไรเข้าข่ายเลยสักนิด

“บอกว่าพรุ่งนี้ขอหยุดอีกหนึ่งวันไม่ได้ยินหรือไง”
รักตกัณฐ์ย้ำอย่างขัดใจ
ทำไมนพวรรณต้องให้เขาคอยย้ำอะไรซ้ำซากน่าเบื่อนักหนาก็ไม่รู้
เป็นผู้จัดการให้เขามาห้าปีแล้วนะ
แต่ไม่ได้มีความสามารถหรือพัฒนาการในการรองรับอารมณ์เขาได้เลยสักนิด

“ทำไมคะน้องกล้า มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
นพวรรณถามต่ออย่างแปลกใจ ไม่ได้เป็นห่วงอีกฝ่ายสักเท่าไหร่หรอก
เสียงยังดังได้ขนาดนี้คงไม่เป็นอะไรร้ายแรง
แต่แค่อยากรู้ว่าเพราะอะไรเท่านั้นเอง

“ไม่ต้องถาม บอกให้ทำตามนั้นก็ทำไปเหอะน่า เซ้าซี้น่ารำคาญ” เขาบอกปัด

“ไม่ได้นะคะน้องกล้า
พี่ต้องดูว่าเพราะอะไรจะได้แจ้งให้พี่จิ๋นโปรดิวเซอร์ทราบ
เพราะว่ากำหนดวางแผงอัลบั้มใหม่ใกล้เข้ามาแล้วนะคะ
นี่เราเพิ่งอัดเสียงไปแค่เพลงเดียวเอง ที่คุณวีรดาให้พักวันนี้หนึ่งวัน
เพราะจะให้น้องกล้าลุยอาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์นะคะ” ผู้จัดการสาวชี้แจง

“คนนะไม่ใช้เครื่องจักร จะให้ทำงานไม่พักเลยได้ยังไง
ไปบอกคุณวีว่ากล้าขอหยุดอีกวัน แค่นี้นะ” แล้วก็ตัดสายไป

นพวรรณมองโทรศัพท์อย่างหงุดหงิดใจ
ทำอะไรไม่ได้ เถียงกลับก็ไม่ได้ สู้ฝีปากไม่ทัน
ใครจะเชื่อว่าเสียงหวานๆ อย่างนั้น
เวลา ‘วีน’ และ ‘เหวี่ยง’ ขึ้นมาทีไร ‘แว้ดๆๆ’ จนเถียงไม่ทันกันเลยทีเดียว
ได้แต่ทำปากขมุบขมิบด่าโทรศัพท์ในมือแทน

“ไอ้เทพบุตร ไอ้เทวดาส่งมาเกิด ไอ้สูงส่ง
คิดว่าใครๆ ต้องทำตามใจไปหมดหรือไงวะ
กูเป็นผู้จัดการนะเว้ยไม่ใช่ขี้ข้า เกรงใจกันบ้าง”

“สาปแช่งใครอยู่คะน้องวรรณ”
จตุรงค์เดินกรีดกรายมาทางนพวรรณ
วันนี้รักตกัณฐ์หยุดงาน
แต่ช่างแต่งหน้าและสไตล์ลิสมือทองอย่างหล่อนมิอาจหยุดได้
เพราะต้องมาคอยดูแลเรื่องเสื้อผ้าที่ต้องเตรียมให้กับทีมงานละครเวทีของบริษัท

“ก็นายต้นกล้าคนดีของพี่ตุ๊กไงคะ” นพวรรณประชดกลับ

สำหรับจตุรงค์ แม้จะเคยเจอโทสะอรหันต์ของรักตกัณฐ์
แต่ก็ไม่เคยเห็นจะหวาดกลัวกลับเห็นเป็นเรื่องน่าขำ

“ทำไมเหรอคะ น้องกล้า ‘เหวี่ยง’ อะไรใส่น้องวรรณคะ” เจ้าหล่อนถาม

“เบี้ยวงานน่ะสิคะ” นพวรรณตอบเซ็งๆ
“บอกว่าให้บอกคุณวีกับโปรดิวเซอร์ว่าพรุ่งนี้ขอหยุดอีกวัน หยุดวันนี้วันเดียวไม่พอ”

“อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด เกิดอะไรขึ้นคะน้องกล้าถึงเบี้ยวงาน
ร้อยวันพันปีนานทีปีหนถึงจะเห็นน้องกล้าขอหยุดงาน
หรือว่า...ซิลิโคนที่จมูกแตกคะเลยออกมาพบหน้าประชาชีไม่ได้”
เจ้าหล่อนสันนิษฐานไปทั่ว
“จะว่าไปก็ทำมานานแล้วนะคะตั้งแต่ก่อนเข้าวงการเห็นจะได้
แต่ว่าเหมือนจะไปทำเพิ่มเมื่อปีกลาย สงสัยน้ำยาจะตีกันในจมูก
ตายล่ะ...ถ้าซิลิโคนจมูกน้องกล้าแตกต้องหมดหล่อแน่เลยพ่อเจ้าประคุณรุนช่องของเจ๊”

“คงไม่หรอกค่ะ เพราะฟังจากเสียงแล้วไม่น่าจะเป็นอะไรมาก ยังด่าวรรณได้อยู่”
นพวรรณว่า
“สงสัยจะดังแล้วเกิดอยากเล่นตัว”

“แหม...ร้อยวันพันปี ถึงน้องต้นกล้าเค้าจะวีนเหวี่ยงแว้ดบ้าง
แต่ก็ไม่ค่อยจะเล่นตัวเรื่องงานนะคะ
ชีห่วงเรื่องงานมากกว่าใดๆ ทั้งปวง
ยิ่งร้องเพลงนี่...มีเวทีไหนในประเทศไทยยังไม่ได้เชิญน้องกล้าไปหรือคะ ไม่มีหรอกค่ะ”

“นั่นสิคะ แล้วต้นกล้าเป็นอะไร ทำไมถึงได้ขอหยุดพรุ่งนี้อีกวัน” นพวรรณครุ่นคิดอย่างสงสัย

+++++++++


ขณะที่นพวรรณครุ่นคิดและจตุรงค์สันนิษฐานไปต่างๆ นานา
รักตกัณฐ์กำลังนั่งกลุ้ม นอนกลุ้มภายในห้องชุดสุดหรูริมน้ำของตัวเองอยู่ว่าภายในสองวัน
เขาจะทำอย่างไรให้เสียงกลับมาเหมือนเดิม
นักร้องหนุ่มพยายามเปล่งเสียงร้องเพลงมาตลอดวัน
ดื่มน้ำหมดไปเป็นลิตรเพื่อเรียกเสียงของตัวเองให้กลับมาก่อนวันมะรืนนี้ที่เขาต้องเข้าห้องอัด
จะไปต้นสังกัดทั้งที่เสียงร้องเพลงแหบเป็นเป็ดทุเรศทุรังอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด

เมโลดี้ปรากฏกายขึ้นต่อหน้ารักตกัณฐ์ที่ห้องนั่งเล่นซึ่งเกลื่อนไปด้วยขวดน้ำเปล่า

“อย่าพยายามเลย ไม่มีประโยชน์หรอก ต่อให้เจ้าดื่มแม่น้ำไนล์หมดทั้งสาย
เจ้าก็ไม่สามารถเรียกพลังเสียงในการร้องเพลงมาได้หรอก”

“ก็เพราะเธอนั่นแหละ” เขามองเมโลดี้ตาเขียว
“เพราะเธอแหละตัวดี ทำให้ฉันมีสภาพแบบนี้”

“ใครบอก เพราะเจ้าต่างหาก
ถ้าเจ้าร้องเพลงให้เราฟังแต่โดยดีก็ไม่มีปัญหาอย่างนี้หรอก”

รักตกัณฐ์หมดคำพูด
เขาได้แต่มองหน้าหวานๆ ของเทพธิดาน้อยอย่างขุ่นเคืองก่อนจะลุกเดินเข้าไปในห้อง
ทรุดตัวลงนั่งที่ฟูกกำมะหยี่หน้าเครื่องดนตรีหลากชนิด

เมโลดี้เดินตามเขาเข้ามา
นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ข้างๆ รักตกัณฐ์หยิบกีตาร์โปร่งออกมาจากถุงใส่พร้อมถาม

“ฉันร้องเพลงไม่ได้ แล้วฉันเล่นดนตรีอย่างอื่นได้ไหม”

“ได้สิ เราสาปเฉพาะความสามารถด้านเสียง เจ้ายังเล่นดนตรีได้” เทพธิดาน้อยตอบ

รักตกัณฐ์ผ่อนลมหายใจก่อนจะกรีดนิ้วไปตามสายเครื่องดนตรี
ค่อยๆ บรรเลงเพลงในอัลบั้มใหม่ของเขาเป็นทำนอง
แทนการขับร้องผ่านเส้นเสียงอันไพเราะของเขาที่ไม่สามารถใช้การได้ในขณะนี้
เพราะคำสาปของเทพธิดาองค์นี้

เฮ้อ...นึกว่ามีแต่นิยาย เรื่องมนต์ เรื่องคำสาปอะไรนี้ มันมีในเรื่องจริงด้วยหรือ

เมโลดี้นั่งเท้าคางด้วยสองมือมองรักตกัณฐ์บรรเลงทำนองเพลงอย่างเพลินใจ
เทพธิดาน้อยมองหน้าหวานๆ ของนักร้องหนุ่มอย่างหลงใหล
ยามเขากรีดนิ้วตามเส้นเสียงของเครื่องดนตรีชนิดนี้
ผสานกับนัยน์ตาเศร้าๆ ของเขาแล้วช่างดูมีเสน่ห์เสียเหลือเกิน

+++++++++

ร่างบอบบางของหญิงสาวที่แม้จะล่วงวัยสามสิบต้นๆ แล้ว
แต่การแต่งหน้าและการแต่งตัวที่ทันสมัย
ทำให้ดูอายุอ่อนกว่าวัยยืนตาปรือแก้มแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลที่ได้รับมาก่อหน้านี้
ก่อนจะแวะมายืนอยู่หน้าประตูห้องพักแห่งชั้นยี่สิบสาม
ของคอนโดมิเนียมสุดหรูริมน้ำของนักร้องหนุ่มที่ตนเองเป็นผู้จัดการ

ในมือของนพวรรณมีทั้งคีย์การ์ดและกุญแจห้องของรักตกัณฐ์
ตลอดเวลาเกือบ ๕ ปีที่หล่อนทำหน้าที่เป็นผู้จัดการดูแลผลประโยชน์ด้านการทำงานของเขา
หน้าที่ของหล่อนมีเพียงแค่นั้น
หล่อนไม่เคยได้ก้าวเข้ามายังความเป็นส่วนตัวของนักร้องหนุ่มเลยสักนิด
ด้วยเพราะเขา ‘สั่ง’ ไว้ไม่ให้หล่อนล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของเขานั้นเอง

ตั้งแต่เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้รักตกัณฐ์
นพวรรณได้ขึ้นมาถึงห้องพักของเขาไม่ถึง ๕ ครั้งด้วยซ้ำไป
แม้เขาจะให้กุญแจสำรองและคีย์การ์ดของห้องพักกับหล่อน
แต่ก็เป็นเพราะวีรดาสั่งลงมาอีกที
เพราะต้องการให้หล่อนสามารถเข้าถึงเขาได้เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน
และครั้งนี้นพวรรณคิดว่ามันก็ฉุกเฉินมากพอที่หล่อนควรจะได้รู้ว่าเ
พราะอะไรคนที่รักงานการร้องเพลงยิ่งชีวิตอย่างรักตกัณฐ์ถึงขอลาหยุดโดยไม่มีเหตุผล

นพวรรณไขกุญแจห้อง
และ ‘ย่อง’ เข้าไปอย่างเงียบกริบ
พอๆ กับบรรยากาศภายในห้องที่ทั้งเงียบและมืดเพราะสองทุ่มแล้ว

ร่างบอบบางสืบเท้าไปยังส่วนที่เป็นห้องนอนใหญ่ของรักตกัณฐ์
ค่อยๆ บิดลูกบิดเข้าไปอย่างระมัดระวัง
ภายในห้องไม่มืดมากเพราะแสงสลัวรางของไฟภายนอกสาดส่องเข้ามา
จึงได้เห็นเสี้ยวหน้าคมเข้มของนักร้องหนุ่มกำลังหลับพริ้มอย่างสบาย ลมหายใจพ่นสม่ำเสมอ

นพวรรณค่อยๆ เดินไปทรุดนั่งที่ขอบเตียง
ยิ้มบางๆ อย่างพึงใจกับเสี้ยวหน้าหวานที่หลับใหลไม่รู้เรื่อง
ยามตื่นรักตกัณฐ์มีฤทธิ์โวยวาย ชอบวีนและเหวี่ยงใส่หล่อนไม่เคยเห็นความสำคัญ
หล่อนไม่เคยคิดเลยว่าคนที่มหาชนทุ่มโหวตให้ได้เป็นนักร้องดังอย่างเขาคนนี้
จะมีนิสัยที่น่าเอือมระอา แต่ทว่าเมื่อหักลบกลบหนี้กับเสียงหวานๆ นัยน์ตาชวนหลงใหลของเขา
ไม่ว่าจะยามโกรธหรือยามดีที่มองยังไงแล้วชื่นใจแล้ว
นพวรรณบอกว่าหล่อนก็ชอบที่จะมองหน้าหวานสีเข้มที่เต็มไปด้วยนัยน์ตาหวานชวนฝันนี้มากกว่า
จึงไม่ยอมลาออกไปไหนและ ‘ทน’ กับพฤติกรรมของเขา
เพราะเชื่อว่าสักวันรักตกัณฐ์จะเห็นความดีของหล่อน
และในยามหลับเช่นนี้ รักตกัณฐ์ดูน่ารักราวเด็กน้อยไร้พิษสง

“น้องกล้าคะ” หล่อนก้มหน้ากระซิบเรียกชื่อเขาเบาๆ อยู่ริมหู

“ฮื่อ” นักร้องหนุ่มแค่ฮึมฮัมในลำคอก่อนจะพลิกตะแคงไปอีกด้าน

นพวรรณยิ้มกริ่ม นัยน์ตาเยิ้มฉ่ำ
คงเป็นเพราะแอลกอฮอลที่หล่อนดื่มเข้าไปก่อนหน้านี้
ที่แวะไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ มายังคงออกฤทธิ์
ทำให้หล่อนกล้าถอดเสื้อสูทตัวนอกออกเผยให้เห็นเสื้อกล้ามสีขาว
อวดต้นแขนนวลเนียนของตน

ผู้จัดการสาวค่อยๆ เอนกายลงกับเตียงสปริงหนุ่ม
และขยับเข้าใกล้ร่างที่หลับพริ้มนั้น
วาดสันมือบางไปตามเสี้ยวหน้าคมของเด็กน้อย
รักตกัณฐ์อ่อนกว่าหล่อนหลายปีอยู่
ความอ่อนเยาว์นี้ดึงดูดใจสาววัยเลขสามอย่างหล่อนนัก
อยากจะเชยชมสักครั้งว่ารักตกัณฐ์จะ ‘ร้อน’ ในทุกอารมณ์อย่างที่ชอบแสดงออกหรือไม่

หล่อนจรดริมฝีปากที่ขมับของนักร้องหนุ่มแผ่วเบา
ลากไล้ไปตามแก้มคร้ามเข้มแต่นวลเนียน
ก่อนจะหยุดแนบริมฝีปากได้รูปที่เผยอรับโดยไม่รู้ตัวอย่างโหยหา

รักตกัณฐ์ลืมตาโพลง
สัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปากชวนขนลุกและกลิ่นแอลกอฮอลที่คลุ้งในจมูก
ทำให้เขาสะดุ้งลุกและผลักร่างบอบบางที่ก่ายทับเขาอยู่ออกโดยอัตโนมัติพร้อมร้องออกมา

“เฮ้ย” เขาลุกนั่ง
มองร่างเลือนรางตรงหน้าอย่างพร่าเบลอ
ชายหนุ่มรีบเอี้ยวตัวไปเปิดไฟโคมที่หัวเตียงเพื่อได้เห็นผู้บุรุกได้ชัดเจน

ไฟสว่าง ปรากฏใบหน้ายิ้มพราวของนพวรรณ

“พี่วรรณ!” รักตกัณฐ์แทบจะตะโกน
แปลกใจว่านพวรรณมาได้อย่างไร
ก่อนจะลำดับเหตุการณ์และกลายเป็นโมโห ตวาดถามออกไป
“เข้ามาได้ยังไง กล้าบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่มีอะไรห้ามมายุ่งกับห้องของกล้า”

“พี่มาดูน้องกล้า เป็นห่วงนี่คะ”
หล่อนทอดเสียงหวานอย่างใจเย็นและลูบไล้ฝ่ามือที่ไหล่ของเขา

รักตกัณฐ์ขยับหนี สีหน้าแสดงความรังเกียจขณะลุกจากเตียงไปยืนเต็มความสูง
สังเกตการณ์แต่งกายของนพวรรณแล้วเอ่ยถามเสียงไม่พอใจ

“นี่พี่คิดจะทำอะไรกล้า”

“เปล่าค่ะ พี่แค่มาดูน้องกล้าเท่านั้นเอง”
หล่อนตอบยิ้มพราวก่อนจะลุกตามร่างสูงนั้นไปยืนข้างๆ
“พี่เห็นว่าน้องกล้าจะขอหยุดพรุ่งนี้
เลยเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นหรือเปล่า เลยมาดูค่ะ”

“ไม่จำเป็น” รักตกัณฐ์ตอบขณะขยับหนี
“กล้าไม่ได้เป็นอะไร พี่ออกไปจากห้องกล้าเดี๋ยวนี้” เขาไล่

แต่แทนที่นพวรรณจะไป
หล่อนกลับทำตรงกันข้ามด้วยการผวาเข้ากอดร่างสูงของรักตกัณฐ์เอาไว้พร้อมเอ่ยพร่ำ

“อย่าไล่พี่เลยนะคะน้องกล้า ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนน้องกล้าเถอะนะคะ”

“ออกไปนะพี่วรรณ พี่เมามากแล้ว ปล่อยกล้า ออกไป!”
เขาพยายามแกะมือปลาหมึกของนพวรรณออกแต่ไม่เป็นผล
เพราะนพวรรณยิ่งโถมตัวใส่เขามากขึ้นจนล้มลงไปเตียงสปริงทั้งคู่

นพวรรณพลิกร่างขึ้นมาทับรักตกัณฐ์

“น้องกล้าอย่าไล่พี่เลยนะคะ พี่รักน้องกล้า”
เพราะฤทธิ์แอลกอฮอลทำให้นพวรรณกล้าสารภาพความในใจออกไป

“ปล่อยนะพี่วรรณ พี่เมามากแล้ว ปล่อย...กล้าบอกให้ปล่อย”
รักตกัณฐ์รวบรวมกำลังสุดชีวิตผลักนพวรรณออกไปจนหล่อนลอยหวือไปทรุดลงกับพื้น

“น้องกล้า” หล่อนเรียกเขา

“ออกไปจากห้องกล้า ออกไปจากชีวิตกล้าได้เลยยิ่งดี
กล้าไม่คิดเลยนะว่าพี่วรรณจะกล้าทำอย่างนี้กับกล้าได้”
น้ำเสียงของรักตกัณฐ์ทั้งโกรธและผิดหวัง ต่อให้เขาชอบโมโห
และไม่ค่อยพอใจในการกระทำของนพวรรณบ้า
งแต่เขาก็ไม่คิดว่านพวรรณจะกล้าทำอะไรอย่างนี้

“น้องกล้า อย่าไล่พี่นะคะ”
นพวรรณส่งเสียงอ่อนอ้อนเขาขณะประคองตัวลุกขึ้นยืน
“พี่รักน้องกล้าจริงๆ ถึงได้ยอมน้องกล้ามาทุกอย่าง ยอมมาตลอดเลย”

“ต่อไปนี้ไม่ต้องยอม ไม่ต้องทำอะไรเพื่อกล้าอีกแล้วนะ กล้าไล่พี่ออก!”
รักตกัณฐ์ย้ำทุกคำชัดเจน

“อะไรนะคะ!” นพวรรณแทบจะสร่างเมา
“น้องกล้าว่าอะไรนะคะ”

“กล้าไล่พี่ออก ต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของกล้าอีกแล้ว
กล้าจะหาผู้จัดการคนใหม่เอง”

“แต่คุณวีให้พี่ดูแลน้องกล้านะคะ” นพวรรณอ้างถึงวีรดา

“กล้าจะบอกคุณวีเอง” ไม่พูดเปล่า
รักตกัณฐ์หันไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาต่อสายตรงถึงวีรดาที่เพิ่งกลับถึงบ้านได้เพียงไม่นาน

“กล้าว่าไง” วีรดาทักกลับมา
“เมื่อตอนเย็นวรรณโทร.มาบอกว่าพรุ่งนี้กล้าจะขอหยุดอีกวัน มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“คุณวีครับ กล้าไล่พี่วรรณออก”
รักตกัณฐ์ไม่ตอบคำถามแต่บอกจุดประสงค์ของตัวเองทันที
ขณะที่สายตายังจ้องจิกนพวรรณที่มองเขาด้วยสายตาตื่นกลัว

“อะไรนะกล้า หมายความว่าไง” วีรดาเลิกคิ้วแปลกใจ
“ทะเลาะอะไรกันเหรอ ใจเย็นๆ นะ ค่อยๆ พูดกันดีๆ มีอะไร
เกิดอะไรขึ้นน่ะกล้า เอ๊ะ...เสียงวรรณร้องไห้นี่ กล้า...นี่อยู่ไหนกันน่ะ”
วีรดาย่นคิ้วเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของนพวรรณมาตามสายโทรศัพท์

“กล้าไม่ต้องการให้พี่วรรณมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของกล้าแล้ว
คุณวีจะให้พี่วรรณไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคนอื่นก็ไม่เป็นไร
แต่อย่าให้เขามายุ่งกับชีวิตกล้าอีก ส่วนเรื่องผู้จัดการคนใหม่ กล้าจะหาเองครับ”

“กล้า กล้า”

รักตกัณฐ์วางสายไปแล้ว
วีรดาเลยได้แต่มองโทรศัพท์อย่างงุนงง ลำดับเหตุการณ์ไม่ค่อยถูก
ขณะที่นักร้องหนุ่มเมื่อวางสาย
แล้วก็ฉุดหญิงสาวผู้กลายเป็นอดีตผู้จัดการออกไปน้องห้องพักทันที

“ไปเลยนะ ต่อไปนี้ไม่ต้องมาให้กล้าเห็นหน้าอีก
กล้าหมดความนับถือพี่จริงๆ เลยพี่วรรณ”

“อย่าไล่พี่นะคะน้องกล้า อย่าไล่พี่นะ” นพวรรณอ้อนวอน น้ำตาไหลพราก

“ออกไป” รักตกัณฐ์ไล่เสียงและสีหน้าจริงจัง
ไม่ไยดีนพวรรณที่น้ำตาเอ่อล้น
“จำไว้นะ อย่ามาให้กล้าเห็นหน้าอีก”

เมื่ออีกฝ่ายยืนกรานไล่ด้วยเสียงอันหนักแน่น
ทำให้นพวรรณกลั้นก้อนสะอื้นและปาดหยดน้ำตา
ก่อนจะประกาศออกมาเสียงกร้าวไม่แพ้กัน

“ก็ได้ ในเมื่อน้องกล้าไล่พี่ น้องกล้าจะได้รู้ว่าน้องกล้าคิดผิดมหันต์”

“ถูกที่สุดล่ะสิไม่ว่า” รักตกัณฐ์ย้อนทันที

“คอยดูแล้วกัน น้องกล้าจะเสียใจที่ทำกับพี่แบบนี้”
หล่อนประกาศกร้าวครั้งสุดท้ายก่อนหันหลังจะเดินไปแต่เสียงหวานดังเรียกไว้

“เดี๋ยว”

นพวรรณหันมา แค่นยิ้ม

“ทำไมคะ เปลี่ยนใจแล้วเหรอคะ”

“เปล่า เอากุญแจกับคีย์การ์ดห้องนี้คืนมาด้วย” เขาพูดหน้าบึ้ง หน้าตาย

นพวรรณแค้นใจแต่ก็ยอมคืนของทั้งสองอย่างให้กับเขาโดยดี
ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไปอย่างเคืองขุ่น

รักตกัณฐ์มองร่างบางจนหายลับไปก็เข้าห้องปิดประตู
กดเบอร์โทรศัพท์ แนบหูฟัง รอปลายสายกดรับ
“ฮัลโหล แม่เหรอจ๊ะ แม่จ๊ะ...กล้ามีปัญหานิดหน่อย แม่ช่วยกล้าหน่อยนะ...”

+++++++++
ชะแว้บ ชะแว้บ
เอาตอนใหม่มาฝากนะค้า
แบบว่า... หายไปนาน สำนึกผิด นิดๆ ค่ะ ฮุๆๆ 
อย่าลืมติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่า ^^



สังขยาชาเย็น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มิ.ย. 2554, 14:57:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มิ.ย. 2554, 14:57:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1749





<< ตอนที่ ๒ : แฟนคลับคนพิเศษ   ตอนที่ ๔ : ผู้จัดการคนใหม่ด่วน!!! >>
เจ้าชายน้อย 5 มิ.ย. 2554, 16:19:31 น.
รอต่อไปจ้าา

สู้ๆ น้าาา


ของขวัญ 9 มิ.ย. 2554, 00:04:02 น.
อยากรู้จัง ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป รออ่านต่อนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account