มนต์เมโลดี้
“...น้องร้องหนุ่มผิวเข้ม นัยน์ตาหวาน เสียงกังวานหวานปานน้ำผึ้ง
ผู้ซึ่งมีอาชีพเสริมคือจอมสร้างภาพในวงการมายา
ที่น้อยคนนักหนาจะหารู้ความอัปยศของนักร้องอักษรย่อ ตก. คนนี้ไม่
นักร้องหนุ่มมาดเข้มดูดีผู้มีดีกรีชนะเลิศเรียลลิตี้คว้าฝันเพิ่งคว้าเบญจเพสหมาดๆ ในลัคนาราศีธนู
จะถูกธนูรักแผลงผลักให้เจออาเพศถึงขั้นสูญเสียความสามารถการร้องเพลงที่ตนเองถนัด
จะอัตคัดแฟนคลับ จงระวังคนสนิทชนิดแทงข้างหลังกระอักไปถึงขั้วหัวใจ
ภาพลักษณ์ที่สร้างลวงเป็นมายาที่ฉาบทาด้วยทองปลอมจะถูกลอกด้วยนิสัยช่างหลบใน
ไม่เห็นหัวใคร ไม่เกรงใจใคร
หากไม่ลด ละ เลิก นิสัยเสียที่ซ้อนเร้น
เห็นทีจะต้องปิดฉากลาจากวงการมายาไปโดยปริยาย คอมเม้นท์!”

‘รักตกัณฐ์’ ไม่คิดเลยว่าคำทำนายจากหมอดูในนิตยสารจะเป็นจริง
เมื่อ ‘เทพีเมโลดี้’ ปรากฏกายและสาปเขาที่ขัดคำสั่งของหล่อนจนร้องเพลงไม่ได้จริงๆ!!!

แต่สวรรค์เมตตา...
ส่ง ‘น้ำหนึ่ง’ สาวผู้ซึ่งไร้ประสบการณ์การเป็นผู้จัดการมาเป็น ‘ผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่’ ให้กับเขา!!!

แม้ไร้ประสบการณ์... แต่หญิงสาวเชื่อมั่นว่า
สัญชาตญาณและพื้นฐานของความจริงใจจะทำให้หล่อนและเขาก้าวผ่านวิกฤติเหนือธรรมชาตินี้ไปได้อย่างแน่นอน คอมเม้นท์!!!


Tags: ความรัก นักร้อง เสียงเพลง

ตอน: ตอนที่ ๒ : แฟนคลับคนพิเศษ

ตอนที่ ๒
แฟนคลับคนพิเศษ

แสงแฟลชวูบวาบจากเหล่านักข่าวที่รัวชัตเตอร์ติดต่อกัน
ขณะที่นักร้องหนุ่มเดินลงจากเวทีของงานเปิดตัวเสื้อผ้าชื่อดังที่เขามาร่วมเดินแบบด้วย
เพราะกระแสความร้อนแรงจากรางวัลอันอบอุ่นอย่าง ‘สุภาพบุรุษแห่งดวงดาว’
ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายรางวัลที่การันตีความเป็นขวัญใจมหาชน
ทำให้เขาได้รับการติดต่อมาจากเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า
นอกจากนี้ยังมี ‘ดาราลาส พิชิตนภา’ ดาราสาวที่ได้รับรางวัล ‘เบญจกัลยาดารา’
มาร่วมเป็นนางแบบคู่กับเขาอีกด้วย

“อัลบั้มล่าสุดของน้องต้นกล้าจะวางแผงเมื่อไหร่คะ” หนึ่งในกลุ่มนักข่าว
“ก็คงราวๆ ปลายปีนี้ล่ะครับ” รักตกัณฐ์ตอบแล้วยิ้มแก้มบุ๋ม
“ตอนนี้งานดำเนินไปได้แค่ไหนแล้วคะ” อีกหนึ่งคำถามดังขึ้น
“ก็ได้เพลงหมดแล้วครับ ตอนนี้ก็ทยอยร้องเข้าห้องอัดไปบ้างแล้ว” เขาตอบก่อนค้อมศีรษะ
“ขอตัวก่อนนะครับ”

นพวรรณและจตุรงค์ช่วยกันกันเหล่ากองทัพนักข่าวเพื่อพารักตกัณฐ์ไปขึ้นรถตู้ที่จอดรอไว้
แต่ขยับไปได้ไม่กี่ก้าวก็มีอีกหนึ่งคำถามดังขึ้น

“แล้วคุณต้นกล้าคิดยังไงครับกับคอลัมน์คงดังอักษรย่อคอมเม้นท์ ของหมอกลศ คอมเม้นท์
ที่บอกว่าคุณต้นกล้าเป็นจอมสร้างภาพและจะไม่สามารถร้องเพลงต่อได้และ
จะทำให้แฟนคลับหมดความเชื่อถือ”

รักตกัณฐ์ชะงักเท้า หน้าตึงขึ้นมานิดๆ ไม่รู้ตัวเลยว่าแววตาของเขาขึงขังขึ้นมา
จตุรงค์ยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจแสนสาหัส

“อุ๊ยตายคุณน้องนักข่าว ทำไมถามอะไรอย่างนี้ล่ะคะ” เจ้าหล่อนถาม
“พอแล้วค่ะ น้องกล้ามีคิวไปสัมภาษณ์รายการอื่นต่อ เอ้า...น้องวรรณ
ช่วยกันพาน้องกล้าเดินสิคะ”
หันไปดุนพวรรณนิดหน่อย ทั้งที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวแท้ๆ

แต่กลับปล่อยให้รักตกัณฐ์ตกอยู่สภาวะคำถามโหดร้ายนั่นเสียได้
“ขะ ค่ะ” นพวรรณตะกุกตะกักก่อนจะคว้ามือรักตกัณฐ์ให้เดินไปจากตรงนั้น
แต่ทว่านักร้องหนุ่มกลับดึงข้อมือออกเบาๆ
ซึ่งนพวรรณคิดว่าหากไม่อยู่ต่อหน้านักข่าว
เขาคงเปลี่ยนเป็นสะบัดมือหลุดและผลักหล่อนกระเด็นเป็นของแถม

รักตกัณฐ์ขยับตัวมาแล้วเอ่ยไปทางนักข่าวหนุ่มผู้เป็นเจ้าของคำถาม
“โทษนะครับ กล้าไม่เข้าใจประโยคยาวๆ เมื่อครู่นี้เลยครับ
ไม่แน่ใจว่าเป็นคำถามหรือว่ามาอ่านสรุปคอลัมน์ให้ฟัง”

น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่กวนตะกอนโทสะของรักตกัณฐ์ทำให้มารุต นักข่าวหนุ่มจาก star magazine
ผู้เป็นเจ้าของ ‘ประโยคยาวๆ’ นั้นเอ่ยถามใหม่อีกครั้ง

“เห็นชัดว่าคอลัมน์คงดังอักษรย่อคอมเม้นท์ ของหมอกลศ คอมเม้นท์ ในติอาโมฉบับล่าสุด
ลงอักษรย่อไว้ว่า ตก. เป็นนักร้องจอมสร้างภาพและกำลังจะเสื่อมศรัทธาต่อมหาชน
อักษรย่อ ตก. ที่ชัดเจนนั้นคุณต้นกล้าคิดว่าเป็นตัวเองหรือไม่ครับ
เพราะในวงการเพลงไทยคงไม่มีใครชื่อย่อ ตก. อีกแล้ว
อยากทราบว่าคุณต้นกล้ามีความลับอะไรที่ต้องปกปิดต่อมหาชน
และเป็นจอมสร้างภาพจริงหรือเปล่า”

“ครับ หากอ่านข้อความตามคอลัมน์ที่พี่สรุปให้กล้าฟัง
หลายๆ คนอาจจะคิดว่าเป็นกล้านะครับ แต่ในวงการเพลงไทยหรือในวงการบันเทิง
ก็ไม่ได้มีแค่กล้าคนเดียวนี่ครับที่มีชื่อย่อ ตก. คงไม่เอ่ยนะครับว่ามีใครบ้าง
เพราะว่าจะเป็นการพาดพิง และกล้าไม่เคยทำอะไรเสียหาย
ไม่เล่นการพนัน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดไม่ว่าจะชนิดใดก็ตาม
และกล้าเชื่อว่าติอาโมผู้มอบรางวัลสุภาพบุรุษฯ ให้กับกล้าแล้ว
จะไม่ทำร้ายกล้าเพียงเพราะคำทำนายนั้นหรอกครับ
ที่ต้องลงอย่างนั้น...เพราะเป็นงานของเขา กล้าเข้าใจดี ถือว่าเป็นสีสันในวงการครับ”
รักตกัณฐ์ตอบคำถามนิ่งๆ อย่างมีสติและยิ้มโชว์แก้มบุ๋มไปด้วยเป็นระยะ
“กล้าขอตัวนะครับ”
นพวรรณแตะข้อมือรักตกัณฐ์ แต่มารุตไม่หยุดคำถามแค่นั้น

“แล้วที่ว่าสร้างภาพล่ะครับ จริงหรือเปล่า”

รักตกัณฐ์หยุดอีกกับคำถามนี้
นักร้องหนุ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจอย่างเชื่องช้าเพื่อระงับความกดดันใจอารมณ์
นพวรรณกระซิบ

“ไม่ต้องตอบแล้วก็ได้ต้นกล้า”
“ไม่เป็นไร” เขาหันมาเผชิญหน้ากองทัพนักข่าวอีกครั้ง
“คนเราทุกคนมีรัก โลภ โกรธ หลงด้วยกันทุกคนทั้งนั้น
แต่เมื่อมาอยู่ ณ จุดนี้ เมื่อกล้าเป็นคนของประชาชน
กล้าต้องประพฤติและปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชน
หากการปฏิบัติของกล้าในแง่บวกเรียกว่าการสร้างภาพ คงต้องขอโทษด้วยครับ
แต่จะให้กล้าแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกสื่อมวลชนในที่สาธารณ
เพื่อแสดงความเป็นอัตตาล่ะก็ กล้าคงทำไม่ได้เหมือนกัน”

คราวนี้ทั้งนพวรรณและจตุรงค์ต่างไม่ปล่อยให้นักร้องหนุ่มได้ตอบคำถามอีกแล้ว
ทั้งสองกึ่งจูงกึ่งลากรักตกัณฐ์หนีกองทัพนักข่าวไปขึ้นรถตู้ทันที



“โบกมือให้แฟนคลับก่อนนะคะน้องกล้า”
นพวรรณเอ่ยขณะแหวกม่านกระจกรถตู้ที่ไม่ได้ติดฟิล์มดำเหมือนคันอื่นๆ
ให้รักตกัณฐ์ได้โบกมือทักทายกับเหล่าแฟนคลับที่ยกกองทัพมาให้กำลังใจเขา

รักตกัณฐ์ทำตามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เขาอยู่บนรถ เห็นเพียงการกระทำของแฟนคลับเท่านั้นว่าพวกเขาเหล่านั้นต่างชูป้ายไฟ
ที่มีชื่อของเขาและสวมเสื้อสกรีนชื่อและใบหน้าของเขาไว้เป็นการแสดงออกถึงความชื่นชม
และคลั่งไคล้อย่างเป็นกลุ่ม เขาไม่ได้ยินหรอกว่าเหล่าแฟนคลับของเขา
ต่างตะโกนเรียกชื่อเขาอย่างยินดี

นักร้องหนุ่มฉีกยิ้มและยกนิ้วโป้งสองมือเป็นสัญลักษณ์บอกว่า ‘เยี่ยม’
ให้กับเหล่าแฟนคลับที่บันทึกภาพเขาเอาไว้
โบกมือล่ำลาอีกรอบก่อนที่นพวรรณจะเลื่อนม่านปิด
และใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงขึ้นมาทันที

“โหย...น้องกล้าขา ตอบคำถามตานักข่าวนั้นได้เด็ดสะระตี่มากมายเลยค่ะ”
จตุรงค์บีบเสียงเอ่ยชมอย่างสะใจ
“น่าจะมีกล้องโค้ดหน้าไว้นะคะว่ามันน่ะ หน้าเหวอไปเลยค่ะ”
“พอเหอะพี่ตุ๊ก น่าเบื่อ น่ารำคาญ” รักตกัณฐ์ว่าเสียงหงุดหงิด
“แต่พี่ว่าน้องกล้าไม่น่าไปต่อความยาวสาวความยืด” นพวรรณออกความเห็น
“แล้วพี่วรรณจะให้กล้าทำไง ปล่อยให้มันยืนหลอกด่าปาวๆ หรือไง
แค่ไอ้หมอปากมอมนั่นมันลงพาดพิงกล้าซะขนาดนั้น
คุณวีก็เรียกกล้าไปต่อว่าแล้วว่าไปวีนใส่พวกนักข่าวบ้างหรือเปล่า
แล้วไอ้ที่กล้าตอบมันไปน่ะว่าให้ไปหาคนในวงการบันเทิงที่มีอักษรย่อตก.
ไม่ต้องไปหากันหรอก ขนาดกล้าพูดไปยังไม่รู้เลยว่าจะหมายถึงใครได้ถ้าไม่ใช่กล้า
ต้นกล้าคนนี้น่ะ” เขาว่าอย่างหงุดหงิดเป็นที่สุด

ใช่ เมื่อคอลัมน์อักษรย่อที่หลายๆ คนเชื่อมั่นว่าเป็นเขา
‘ต้นกล้า รักตกัณฐ์ ก้องกิดาการ’ แน่นอน
นักร้องหนุ่มก็ถูกวีรดา ผู้บริหารสาวแห่ง ‘เมโลดี้ รีเฟลคชั่น’
ในเครือบริษัทรีเฟลคชั่นเรียกเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัวแล้วว่าในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
เขาไปอาละวาดฟาดวาทะกับนักข่าวหรือเหล่าคนดังในวงการบันเทิงคนไหนบ้างหรือเปล่า
ถึงได้มีคำทำนายที่เป็นแง่ลบต่อภาพลักษณ์ของเขาอย่างนี้
โชคดีที่วีรดาไม่ว่าอะไรมากนอกจากตักเตือนให้ระมัดระวัง
ทั้งการกระทำและน้ำเสียงที่ต้องถนอมเป็นพิเศษ
เพราะอัลบั้มล่าสุดของเขาอยู่ระหว่างการอัดเสียง
หากเขาเกิดประสบอุบัติเหตุและร้องเพลงไม่ได้จริงๆ
แผนงานที่วางไว้ต้องเลื่อนไปและอาจทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้

“นี่จะไปไหนต่อ” นักร้องหนุ่มถามลอยๆ
และแน่นอนว่าแม้จะไม่ระบุชื่อคนตอบ ก็ต้องมีคนตอบคำถามของเขา
“ไปอัดรายการสโมสรคนดังค่ะ” นพวรรณเป็นคนตอบ



กว่าจะอัดรายการ ‘สโมสรคนดัง’ เสร็จก็เกือบเย็น
พิธีกรรายการตั้งคำถามเกี่ยวกับรางวัลที่เขาได้รับและผลงานชุดต่อไป
แต่ก็ยังไม่ลืมถามความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับคอลัมน์ของหมอดูคนดังจอมคอมเม้นท์
ซึ่งนักร้องหนุ่มก็ตอบไปคล้ายคลึงกับที่เขาได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้าจะมาอัดรายการนี้

รักตกัณฐ์รู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มล้ากว่าปกติ
เขาปฏิเสธเมื่อนพวรรณให้แวะรับประทานอาหารเย็นก่อน
นักร้องหนุ่มแจ้งความต้องการว่าเขาอยากกลับไปพักผ่อน
และไม่มีใครกล้าขัดความต้องการของเขา

รถตู้ต้นสังกัดจอดหน้าคอนโดมิเนียมหรู
รักตกัณฐ์ลงจากรถไปพูดไม่จา ความเงียบขรึมชวนผิดสังเกต
ทำให้จตุรงค์อดถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้

“น้องกล้าเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ ไม่สบายหรือเปล่า”
“ทำไม กล้าไม่พูดนี่หมายถึงว่าไข้ขึ้นหรือไง” เขาถามกลับเสียงหงุดหงิด
“อุ๊ย เปล่าค่ะ พี่ตุ๊กแค่เป็นห่วง จริงไหมคะน้องวรรณขา”
พยักเพยิดไปยังนพวรรณที่พยักหน้าน้อยๆ พร้อมเอ่ยถึงการทำงานของเขาวันพรุ่งนี้
ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีเหลือเกินที่เขาไม่มีคิวไปซ้อมร้องเพลง
หรือไปสัมภาษณ์รายการไหน
ให้หล่อนต้อง ‘ทน’ อยู่กับเขาแม้จะเป็นนักร้องชื่อดังก็เถอะ

“พรุ่งนี้น้องกล้าไม่มีคิวที่ไหนนะคะ
ไม่มีทั้งสัมภาษณ์ทั้งร้องเพลงและซ้อมเต้น คุณวีอนุญาตให้พักได้หนึ่งวัน
แต่มะรืนนี้มีเข้าห้องอัดเพลงที่สอง เก้าโมงเช้าพี่จะมารับนะคะ”
“อืม” เขาตอบรับในลำคอแล้วเดินไป



ห้องพักของรักตกัณฐ์เป็นห้องชนิดวีไอพีมีขนาดกว้างแบบเปิดโล่งมอง
เห็นทุกอย่างเชื่อมถึงกันทั้งส่วนที่เป็นครัวและห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างหรูหรา
ตามแบบของคอนโดฯ เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่มีพร้อมเมื่อตกลงทำสัญญาซื้อขาย
มีสามห้องนอน แต่ละห้องมีห้องน้ำในตัว
รักตกัณฐ์เลือกห้องที่ใหญ่ที่สุดเป็นที่พักผ่อนของเขา

ภายในห้องคือโลกของเขาโดยแท้จริง
เตียงกว้างขนาดคิงไซส์อยู่กลางห้อง
ตรงกับโทรทัศน์สีจอกว้างมีเครื่องเสียงที่ระบบเสตอริโอดีเยี่ยม
ระบบเสียงเซอร์ราวรอบห้องก้องกังวานถูกใจเจ้าของห้อง
มีมุมเล็กๆ แปะโปสเตอร์ดารานักร้องและนักฟุตบอลชื่อดังที่ชื่นชอบเรียงเป็นระเบียบ
มีกีตาร์โปร่งและกีตาร์ไฟฟ้าในถุงใส่วางพิงเป็นระเบียบ
ถัดมาเป็นเบลไลล่าวางพิงข้างๆ ถุงกีตาร์
ติดกับขลุ่ยนานาชนิดที่ใส่ซองป้องกันฝุ่นอย่างดีอยู่ใกล้กับกล่องใส่หนังสือโน้ตเพลงต่างๆ
และในมุมเครื่องดนตรีนี้ก็มีฟูกกำมะหยี่เป็นเบาะรองนั่งสำหรับยามว่าง
เขาจะไปนั่งบรรเลงเพลงไพเราะตรงนั้น
ซึ่งอยู่ติดกับกระจกระเบียงที่เขาออกไปตะโกนก้องร้องเพลงโชว์พลังเสียงบ่อยๆ

ร่างสูงโปร่งตรงดิ่งไปทิ้งตัวกลางเตียงสปริงคิงไซส์จนลำตัวเด้งขึ้นลงตามแรงกระทบ
นัยน์ตาชวนฝันหรี่ลงอย่างเหนื่อยล้า
วันนี้เขามีสองงาน แต่ละงานนี่หนักหนาต่อเขาเหลือเกิน
ไม่คิดเลยว่าคำทำนายจากคอลัมน์หมอดูคน
ดังนั้นจะทำให้เขาต้องตอบคำถามซ้ำๆ ซากๆ ไปมาอย่างน่าเบื่อ
หนำซ้ำผู้ฟังคำตอบยังดูเหมือนจ้องจะจับผิดเขาเวลาตอบคำถามเสียอีก

รักตกัณฐ์สงสัย
เขาผิดตรงไหนที่ประพฤติตัวดีเวลาออกสื่อและเป็นตัวของตัวเองเต็มที่ในเวลาส่วนตัว
ทำไมนะ...นักร้อง ต้องเป็นคนดีสมบูรณ์แบบทุกระเบียบเลยหรือ

เขาปิดเปลือกตาเพื่อพักผ่อน
แต่ทว่าสองหูกลับได้ยินเสียงผิดปกติดังมาจากห้องนั่งเล่น
นักร้องหนุ่มเด้งตัวลุกจากเตียงเพื่อเงี่ยหูฟังเสียงผิดปกตินั้นทันที

เมื่อครู่นี้ตอนเดินเข้ามาก็ไม่มีอะไรนี่นา

รักตกัณฐ์ค่อยๆ เปิดประตูห้องนอนและ ‘ย่อง’ ไปยังบริเวณส่วนห้องรับแขก
มองซ้ายมองขวาเพื่อหาที่มาของเสียงผิดปกติก็ไม่พบสิ่งใด
เขาคิดว่าตัวเองอาจทำงานหนักจนหูแว่วหรือหูฝาดไป
คิดแล้วก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เสียดายเวลาพักผ่อนกับเสียงที่ไม่รู้ที่มา

พลันหันหลัง
รักตกัณฐ์ก็แทบผงะเมื่อร่างบางอ้อนแอ้นในชุดกระโปรงทรงสุ่มคลุมเข่าสีขาวสะอาด
ของหญิงสาวเจ้าของผิวอมชมพู นัยน์ตากลมสุกใส เปล่งเสียงใสออกมาว่า

“สวัสดี”
“เฮ้ย” นักร้องหนุ่มร้องลั่น สะดุ้งสุดตัว
ผู้มาเยือนยิ้มพราวและหัวเราะชอบใจพร้อมบอก
“ไม่เห็นต้องตกใจเลย”
“เธอเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง” เมื่อตั้งสติได้ นักร้องหนุ่มพุ่งคำถามไปทันที
“เราเหรอ... ถ้าบอกว่าเราเป็นใครเจ้าจะเชื่อหรือเปล่า
ไม่ล่ะ...เจ้าคงไม่เชื่อ แล้วถ้าตอบว่าเราเข้ามาได้ยังไง เจ้าก็คงไม่เชื่ออยู่ดี”
หญิงสาวพูดยาวเหยียดอย่างอารมณ์ดีก่อนสรุป
“แต่เอาเป็นว่า... เราชื่นชอบพลังเสียงของเจ้าจึงอยากลงมาพบและชื่นชมเจ้าเท่านั้นเอง”

ที่แท้ก็แฟนคลับ

รักตกัณฐ์คิดในใจก่อนจะสมองเบิกโพลงพร้อมนัยน์ตา
นี่เดี๋ยวนี้พวกแฟนคลับเขากล้าบ้าบิ่นขนาดแต่งตัวเหมือนเจ้าหญิงแล้วบุกขึ้นคอนโดเขาเชียวหรือนี่

“นี่มันจะมากไปแล้วนะ” เขาตวาด อีกฝ่ายทำหน้างุนงง
“เดี๋ยวนี้กล้าก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวฉันเลยเหรอ
จะคลั่งไคล้ชื่นชอบอะไรก็ขอให้มีขอบเขตหน่อยได้ไหม ทำตัวอย่างนี้พ่อแม่ไม่ว่าหรือไง”
“ไม่หรอก ท่านพ่อ ท่านแม่เราไม่รู้
เราตั้งใจมาพบเจ้าครู่เดียว เดี๋ยวก็กลับแล้ว” อีกฝ่ายตอบพาซื่อ

แม่คนนี้พูดแปลก อะไรวะ...ท่านพ่อ ท่านแม่

“กลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นจะให้ยามมาจับตัวขึ้นไป นี่ปล่อยขึ้นมาได้ไงเนี่ย”
สีหน้าและน้ำเสียงเขาดุดันอย่างไม่พอใจทำให้สาวน้อยผู้มาเยือนแปลกใจ
“ทำไมต้องเสียงดัง ทำไมต้องดุเราด้วยล่ะ ไม่ดีเลยนะ
เสียงของเจ้าไพเราะมาก ทำไมไม่พูดหวานๆ ล่ะ เราอยากฟัง
เจ้าร้องเพลงให้เราฟังหน่อยสิ นะ...เรามาที่นี่เพราะอยากฟังเจ้าร้องเพลง”

จะบ้าตาย ยายนี่บุกมาคอนโดเขาเพื่อให้เขาร้องเพลงนี่นะ
โอ้...เวรกรรมอะไรของเขากันนี่

“ไม่ได้ อยากฟังก็ไปซื้อซีดีฟังเอาสิ ออกไป ฉันบอกให้ออกไป” เขาตวาดรุนแรงขึ้นอีก
“นี่ เราพูดกับเจ้าดีๆ นะ ทำไมต้องเสียงดังด้วยล่ะ
รู้ไหมว่าเราเป็นใคร อย่าทำให้เราไม่พอใจนะ”
สาวน้อยเริ่มทนไม่ไหว อาละวาดกลับบ้าง
แต่เสียงเล็กๆ นั่นหรือจะสู้เสียงเข้มๆ ของอีกฝ่ายได้

“ไม่สนโว้ย จะเป็นใครก็ช่าง บอกให้ออกไป”
คราวนี้ไม่ตะคอกเปล่า
หากรักตกัณฐ์ยังตรงเข้ามาฉุดกระชากแขนบางๆ ของสาวน้อยไปยังประตูห้อง

“ปล่อยนะ ปล่อยเราเดี๋ยวนี้นะ รักตกัณฐ์!”
สาวน้อยเรียกชื่อเขาลั่นจนรักตกัณฐ์ปล่อย
เธอเซไปปะทะกับประตู ดวงตากลมโตปริ่มด้วยโทสะ
“เจ้าบังอาจทำกับเราอย่างนี้ รู้ไหมว่าเราคือใคร”

“ไม่อยากรู้ ออกไป!” นักร้องหนุ่มตวาด
“เพราะเสียงของเจ้าเราถึงมาที่นี่
เราคิดว่านิสัยของเจ้าจะดีเหมือนน้ำเสียงของเจ้า แต่เราผิดหวังมาก...รักตกัณฐ์
เจ้าช่างไร้น้ำใจนัก
เรามาที่นี่เพราะต้องการให้เจ้าร้องเพลงให้เราฟังเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบสองร้อยปีให้เรา
แต่เจ้ากลับอาละวาดและตวาดไล่เรา เจ้าดูถูกเรามากเกินไปแล้ว
เรา...สุรทัดดา พระธิดาขององค์เทพทัตและเทพีมณียา แห่งดุรียวิมาน
เจ้าบังอาจมากที่ตวาดไล่เราอย่างนี้”
ด้วยความโมโห สุรทัดดาจึงประกาศฐานะของตัวเองออกมา

รักตกัณฐ์ย่นคิ้ว
เฮอะ...ยายนี่คงดูละครจักรๆ วงศ์ๆ มากไปเสียแล้ว
เพ้อไปเป็นตุเป็นตะเชียวว่าเป็นลูกสาวเทพกับเทพีแห่งวิมานอะไรก็ไม่รู้ ไม่เคยได้ยิน
แล้วอะไรอีกนะ...อายุสองร้อยปี โถ...บรรลุนิติภาวะหรือยังเถอะแม่คุณ

“เลิกเพ้อเจ้อ ออกไปได้แล้ว” นักร้องหนุ่มยังยืนยันคำเดิม
“ไม่ จนกว่าเจ้าจะร้องเพลงให้เราฟัง เรามาที่นี่เพราะฟังเสียงเจ้า
หากเจ้าไม่ร้องเพลง เราก็จะไม่ไป” เทพธิดาน้อยดึงดันและยืนยันความต้องการเช่นกัน
“ไม่ ออกไป!”
“รักตกัณฐ์! เจ้า...ผู้มีเสียงไพเราะ แต่จิตใจคับแคบนัก”
พระธิดามหาเทพแห่งดุรียวิมานบริภาส
“นี่มันบ้านของฉัน นี่มันเวลาส่วนตัวเวลาพักผ่อนของฉัน
ถ้าเธอจะตามกรี๊ดเพราะบ้าคลั่งฉันล่ะก็ก็ขอให้มีขอบเขต
ออกไป...ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน”
เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ
รักตกัณฐ์ที่เข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นแฟนคลับก็ออกปากไล่อย่างเดียว

“ไม่”
“นั่นประตู เชิญเปิดออกไปเองและปิดด้วยพร้อมกับไปให้ไกล
ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจโยนเธอลงไปจากทางระเบียง”
นักร้องหนุ่มว่า เมื่ออีกฝ่ายยืนนิ่งเขาก็เริ่มโมโห
“ได้...อยากลองดีใช่ไหม” เขาตรงคว้าร่างสาวน้อย ฉุดกระชากลาไปยังระเบียง
“อยากให้ฉันโยนเธอลงไปก็ได้ จะได้รู้ว่าฉันมันพูดจริงทำจริง”

“ปล่อยนะ ปล่อยเรานะ รักตกัณฐ์” เทพธิดาน้อยหวีดร้องลั่น
เมื่อเจ้าของห้องเปิดกระจกและเหวี่ยงหล่อนไปกระแทกกับระเบียง

“จะโดดลงไปเองหรือจะให้ฉันโยนลงไปฮะ ยายเทพธิดาบ้า”
“หยุดนะ อย่ามาว่าเรานะ”
เทพธิดาสุรทัดดาหรือเมโลดี้ตะเบ็งเสียงใสตอบกลับ มองภาพเบื้องล่างแล้วหันมาทางร่างสูง
“นี่ถ้าหากเราเป็นมนุษย์เช่นเจ้า เจ้าก็จะกระทำกับเราอย่างนี้ใช่ไหม เจ้าจะฆ่าเราใช่ไหม”

“ก็พูดภาษาคนไม่เข้าใจทำไมเล่า บอกให้ออกไปดีๆ ก็ไม่ไป”
รักตกัณฐ์ตอบกลับอย่างฉุนเฉียว

“เราแค่ต้องการให้เจ้าร้องเพลงให้เราฟัง”
เมโลดี้ยืนกรานความต้องการของตนเอง

“ไม่” น้องรักหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง
“ร้อง...ร้องเดี๋ยวนี้” นางสั่ง
“ไม่”
“เจ้าจะร้องหรือไม่ร้อง” เมโลดี้ถามย้ำ
“ไม่”
“ได้ ในเมื่อเจ้าไม่ร้อง จะได้รู้ฤทธิ์เราบ้าง”
เมโลดี้เอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม
ก่อนจะแบมือ พลันก็ปรากฏคันศรและลูกดอกปลายแหลมบนฝ่ามือบาง

รักตกัณฐ์เบิกตากว้างผงะถอย มองอีกฝ่ายเหมือนเห็นผี
“ผะ ผะ ผี” เขาเอ่ยตะกุกตะกัก

เมโลดี้ยกคันศรพร้อมลูกดอกเล็งไปยังร่างสูงโปร่งของรักตกัณฐ์
เทพธิดาน้อยลั่นวาจาศักดิ์สิทธิ์ของตนเสียงกร้าว

“เมื่อเจ้าปฏิเสธที่จะร้องเพลงให้เราฟัง เราขอให้เจ้าจงร้องเพลงไม่ได้ตลอดชีวิต!”

สิ้นเสียงสาปอันศักดิ์สิทธิ์
ลูกดอกก็พุ่งจากคันศรในมือบางของสุรทัดดาเทพธิดา
ปะทะผ่านลำตัวสูงโปร่งรักตกัณฐ์ที่รู้สึกวูบชาไป
เหมือนมีแสงสว่างวาบปรากฏเป็นออร่ารอบตัว
ก่อนจะดับวูบไปพร้อมกับสติของนักร้องหนุ่ม

++++++++++++++++++++
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ นักอ่านทุกท่านที่ติดตามมนต์เมโลดี้ ^^
รอบนี้เอามาอัพช้าเพราะว่าเริ่มฝึกสอนแล้วค่ะ
เลยไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่นัก
แต่สัญญานะคะว่าจะพยายามนำมาอัพเรื่อยๆ
อย่าลืมติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะค้า ^p^




สังขยาชาเย็น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 พ.ค. 2554, 23:37:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 พ.ค. 2554, 23:37:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1817





<< ตอนที่ ๑ : คำทำนาย   ตอนที่ ๓ : ฝันร้าย คำทำนายที่กลายเป็นจริง >>
ปลากัด 19 พ.ค. 2554, 12:47:00 น.
Look Like Love จ้าน้องสาวๆ

มาไลค์ๆ จ้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account