หนึ่งรักเหนือรุ้ง
เหนือฟ้า.... เออีสาวแสนสวยแห่งบริษัทโฆษณาปั้นคิด พยายามหาเงินทุกวิถีทางเพื่อซื้อบ้านหลังใหม่ให้แม่ หลังโดนคุณป้ามหาประลัยตามราวีทุกวัน ร้อยเล่ห์มารยาถูกนำมาใช้เพื่อดึงดูดใจลูกค้า แต่ทว่า... เิงินก้อนโตที่เธอควรจะได้รับ กลับถูกใครบางคนขัดขวาง แถมจองล้างจองผลาญไม่ยอมให้เธอไปจากบ้านของเขา

แล้วเธอจะทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาเป็นทั้งเจ้านาย และอดีตพี่ชายที่เคยทำให้เธออกหัก การแข่งขันเพื่อชิงชัยแบบไม่มีใครยอมใครจึงเริ่มต้นขึ้น

งานนี้ไม่รู้ว่าใครจะอยู่ใครจะไป ใครจะแพ้ใจตัวเองก่อน มาร่วมลุ้นกัน ^^


Tags: เหนือฟ้า , เพลงรัก , ชินชนะ , รัก , กุ๊กกิ๊ก

ตอน: บทที่ ยี่สิบ : แผน แผน และแผน



เพราะความแจ่มใสที่เกิดขึ้นในใจ ทำให้สมองพลอยปลอดโปร่งจนคิดแผนการใหม่ได้ภายในข้ามคืน

อุบายในการทำให้อิงตะวันไปค่ายศิลปะด้วยกัน ถูกร่างขึ้นอย่างละเอียดลงบนกระดาษ เหนือฟ้าไม่อยากพลาด ดังนั้นเธอจึงต้องคิดให้รอบคอบมากที่สุด แม้ไม่รู้ว่าหากทำสำเร็จแล้ว จะเอาอย่างไรกับเหนือฟ้าและน้อยหน่าที่อาจต้องปรากฏตัวพร้อมกันกัน แต่คนสวยและฉลาดอย่างเธอก็คงเอาตัวรอดได้วันยังค่ำ... เออีสาวบอกตัวเองอย่างนั้น ก่อนจะเริ่มต้นปฏิบัติการ

หนึ่ง คือโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากผู้ชายที่ ‘น่าจะ’ มีอิทธิพลต่อคุณหนูอารมณ์ร้ายมากที่สุด... นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของบริษัทเครื่องเขียนครุอุดมแสดงความยินดีออกมาทางน้ำเสียงเมื่อรับสาย ตั้งแต่จากกันที่ระยอง ก็มีเพียงข้อความขอโทษที่เธอส่งไปหาเขาเท่านั้น ดังนั้น วันนี้เธอจึงพูดคำนั้นอีกครั้ง ก่อนเข้าประเด็นอย่างอ้อมๆ

“ชัยเพิ่งเล่าให้ฟังว่าวันนั้นมีคนตามไปหาเหนือ... เธอชื่อน้องอิงใช่ไหมคะ เธอมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ พอดีเหนือต้องรีบกลับมาเคลียร์งานเลยไม่ได้อยู่เจอ ชัยเล่าว่าน้องเขาเรียนคณะเดียวกับคุณมาวิน แล้วอย่างนี้น้องเขาจะมาค่ายกับเราหรือเปล่าคะ เหนือจะได้ทำความรู้จัก”

“คงไม่หรอกครับ ผมเคยชวนอิงแล้ว แต่เธอปฏิเสธ”

“หรือคะ น่าเสียดายจัง ถ้าได้ไปด้วยกัน คงมีโอกาสได้คุ้นเคยกันมากขึ้น คือ... ขอโทษนะคะ เหนืออาจจะวุ่นวายเกินไป แต่เหนือได้ยินชัยเล่าว่า น้องอิงเป็นเด็กที่น่ารักมาก แต่มีปัญหา ไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไร เหนือเลยอยากเจอเธอ เพื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง”

“ชัยเล่าอย่างนั้นหรือครับ จริงๆ เธอแค่ไม่ค่อยชอบคุยกับคนแปลกหน้าเท่านั้นเอง...” มาวินบอกอย่างนั้น แต่สักพักก็เอ่ยต่อ “แต่ถ้าสมมติว่าอิงมีปัญหาอย่างนั้นจริงๆ คุณเหนือจะช่วยยังไงเหรอครับ”

“ก็คงพยายามชวนคุย ทำความเข้าใจกับเธอให้มากๆ หรือถ้าวิชาการหน่อย... คุณมาวินคงรู้จักศิลปะบำบัดใช่ไหมคะ เหนือเองก็ไม่ได้ศึกษามาโดยตรง แต่เคยได้ยินอยู่บ้าง การใช้ศิลปะเพื่อเยียวยาจิตใจคน ถึงน้องอิงจะเรียนเกี่ยวกับวาดๆ เขียนๆ อยู่แล้ว แต่การไปค่าย การทำงานร่วมกับเด็กๆ ร่วมกับคนอื่น อาจทำให้เธอค้นพบมุมมองใหม่ๆ ที่อาจส่งผลต่อไปในการในชีวิต แล้วตอนที่เธอทำงานศิลปะ เราก็จะได้สังเกตพฤติกรรมของเธอ ดูว่าเธอวาดอะไร คิดอะไร เราอาจจะเข้าถึงหัวใจของเธอได้ง่ายขึ้น... นี่เหนือจริงจังมากเกินไปหรือเปล่าคะ คุณมาวินคงคิด ว่าเหนือนี่ ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”

“ไม่เลยครับ ไม่เลย ผมดีใจจริงๆ ที่ได้ยินคุณเหนือพูดแบบนี้.... ความจริงแล้ว อิงก็มีปัญหาเหมือนที่ชัยเล่านั่นแหละครับ หลังจากที่แม่เธอเสีย เธอก็เอาแต่เก็บตัว ไม่มีสังคม ซึ่งผมก็สังเกตเห็นมานานแล้วล่ะ แต่ก็มัวยุ่งอยู่กับงานจนไม่มีเวลาให้เธอเลย แม่เธอฝากฝังเธอไว้กับผมด้วย... เมื่อก่อนบ้านเราอยู่ใกล้กัน ไปมาหาสู่กันตลอด เธอเป็นเหมือนน้องสาวของผม... ผมนี่แย่จริงๆ ต้องให้คุณเหนือเตือนถึงจะนึกได้ว่าตัวเองละเลยน้องคนนี้มานานแค่ไหน ขอบคุณนะครับ... แล้วยังไง ผมจะลองชวนเธอดูอีกที”

นี่แหละที่เธอต้องการ... เหนือฟ้าเช็คลิสต์หน้าข้อหนึ่งอย่างรวดเร็วหลังวางสาย ก่อนจะเริ่มขั้นตอนต่อไป ด้วยการแอบหนีอำไพ กลับไปยังบริษัทปั้นคิดในตอนเที่ยงของวัน

คนที่เธอตั้งใจมาหานั้นไม่ใช่ใครที่ไหน น้องชายของเลขาฯ ส่วนตัวของมาวินนั่นเอง รายนี้เธอคิดอยู่นาน ว่าจะให้เขาเข้าร่วมขบวนการดีหรือเปล่า เพราะความใกล้ของความสัมพันธ์ทำให้เธอนึกห่วง หากเขาพลั้งปากบอกพี่สาว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ก็มีโอกาสเสี่ยงสูงที่มันจะลอยไปเข้าหูมาวิน หากฝ่ายนั้นรู้... ไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

แต่นั่นแหละ... เหนือฟ้าค่อนข้างมั่นใจว่าเสน่ห์ของตัวเองจะปิดปากทำนุทัพได้ ดังนั้นเธอจึงงัดมารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนมาใช้ เล่าเรื่องการปลอมตัวและความจำเป็นมากมาย ทั้งต่อบริษัทและต่อตัวเธอเองให้เขาฟัง เพื่อสุดท้าย จะได้อ้อนวอนให้เขาคอยเป็นสายให้เธอ

“แค่ท็อปสืบให้พี่ว่าคุณมาวินติดต่อน้องอิงหรือยัง ถามพี่สาวของท็อปก็ได้ ท็อปทำให้พี่ได้ไหมจ๊ะ พี่ไม่รู้จะหันไปพึ่งใครแล้วจริงๆ ก็มีแค่ท็อปนี่แหละ ที่พี่ไว้ใจ”

“ได้สิพี่เหนือ เรื่องแค่นี้เอง พี่เหนือไม่ต้องห่วง ผมจะหลอกถามพี่มุกให้ รับรอง จะไม่ให้พี่มุกรู้เรื่องที่พี่เหนือปลอมตัวเด็ดขาด”

และแล้ว หน้าหมายเลขสอง ก็มีเครื่องหมายถูกตามมา เหนือฟ้ายิ้มด้วยความพอใจ รอจนเมื่อทำนุทัพโทรศัพท์มายืนยันว่ามาวินคุยกับอิงตะวันเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเริ่มลงมือขั้นสุดท้ายทันที



“คุณผู้ชายกลับมาแล้ว!!! คุณผู้ชายกลับมาแล้ว!!!”

ใครคนหนึ่งร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อเห็นรถยุโรปคันหรูแล่นเข้ามาจอดเทียบบันไดบ้าน ไม่ใช่เรื่องปกติเลยที่คุณผู้ชายจะกลับมาก่อนตะวันตกดิน เหตุการณ์เช่นนี้ เหล่าคนรับใช้จึงต้องรีบกุลีกุจอมาตั้งแถวรอรับกันอย่างวุ่นวาย

“มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมวันนี้กลับเร็ว” หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนเดียวที่กล้าเอ่ยถาม ชายวัยกลางคนที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ตัวอาคาร ยื่นเสื้อสูทตัวนอกที่พาดตรงแขนให้อีกฝ่าย ก่อนเอ่ยเสียงห้วนทรงอำนาจ

“ยายอิงอยู่ไหน ไปตามมาพบฉันด้วย”

จากนั้นไม่กี่อึดใจ ภายในห้องรับแขก เด็กสาวในชุดนักศึกษาก็มานั่งหน้าบูดอยู่บนโซฟา เชิดหน้าไปทิศทางตรงกันข้ามกับที่บิดานั่งอยู่

“นายหนึ่งชวนเราไปค่ายอาสาตอนปิดเทอมเหรอ” อิสระเปิดบทสนทนาด้วยคำถาม แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบ เขาก็เลยเอ่ยต่อด้วยคำสั่ง “พ่อไม่ให้ไปนะ”

“ทำไม?” ทันทีทันควันกับการตวัดเสียงถามด้วยความไม่พอใจ คิ้วบางของอิงตะวันขมวดเข้าหากันทันที ขณะที่อำไพซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล นึกหวั่นว่าจะเกิดศึกระหว่างพ่อลูกอีกหรือเปล่า เพราะปกติ คุยกันได้ไม่เคยสามคำ ก็ทะเลาะกันเสียทุกครั้ง

“ปิดเทอม อิงต้องไปศึกษางานที่บริษัท”

“ไม่ไป”

“ถ้าไม่ไปเรียนงาน ก็ต้องไปเรียนภาษา พ่อจะส่งเราไปอังกฤษ”

“ไม่ไป”

“ไม่ได้!!” ยิ่งโต้แย้ง เสียงก็ยิ่งดังขึ้น หัวหน้าแม่บ้านอยากจะร้องบอกเหลือเกิน ว่าให้ทั้งพ่อทั้งลูกใจเย็นๆ แต่ที่ทำได้ก็แค่ส่งสายตามองอย่างเป็นห่วงเท่านั้น “ยังไงพ่อก็ไม่ให้เราไปค่ายหรอก”

“อิงจะไป” เด็กสาวตอบกลับรวดเร็ว ราวกับว่ามันไม่ได้ผ่านสมอง แม้ตอนแรกจะลังเลว่าจะไปค่ายตามคำชวนของมาวินดีไหม แต่เมื่อพ่อห้าม เธอก็ไม่ลังเลเลยที่จะขัดคำสั่ง “อิงจะไปค่ายกับพี่หนึ่ง”

“อิงตะวัน!!!” พ่อขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ สายตาที่มองยังลูกสาวเต็มไปด้วยความเคืองขุ่น อำไพเห็นท่าไม่ดี กลัวคุณผู้ชายจะโกรธคุณหนูของเธอมากไปกว่านี้ จึงรวบรวมความกล้าแทรกขึ้น “ใจเย็นๆ นะคะคุณ”

อิสระกระแทกลมหายใจ นิ่งไปสักพัก ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ “ถ้าอิงจะไป ก็ต้องให้อำไพไปด้วย”

อิงตะวันเงยหน้ามองบิดาทันที เอาจริงๆ ในตอนแรกเธอคิดว่าถ้าไป จะให้หัวหน้าแม่บ้านคนสนิทติดตามไปคอยดูแล แต่เมื่อพ่อพูดมาอย่างนั้น... “ไม่ อิงจะไปคนเดียว”

“เอ๊ะ นี่ยังไง จะขัดพ่อให้ได้ทุกเรื่องเลยใช่ไหม” อิสระว่า ขณะที่อิงตะวันเชิดหน้าไม่ตอบ เขาหงุดหงิดอยากได้ที่ระบาย พอดีกับที่เด็กรับใช้คนใหม่ยกน้ำมาเสิร์ฟด้วยท่าทีกลัวๆ เกรงๆ ชายวัยกลางคนก็เลยหันไปตวาด “เธอ!!! เธอใช่ไหมที่วันนั้นไล่คนของฉันออกจากบ้าน”

“คะ?” นางสาวน้อยหน่าสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ก่อนจะก้มหน้างุดยามตอบ “ค่ะ”

“กล้ามากนะ กิ่งกาญจน์เป็นผู้หญิงของฉัน เธอกล้าดียังไงมาด่าผู้หญิงของฉัน เป็นแค่คนรับใช้ ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเรื่องเจ้านาย”

“แต่ว่า... ผู้หญิงคนนั้น เธอพูดจาไม่ดีกับคุณหนูนะคะ”

“จะพูดจายังไงก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ ที่ฉันรับเธอมาก็เพราะเพื่อนฉันมาฝากไว้ แต่ถ้าเธอจุ้นจ้านน่ารำคาญอย่างนี้ เห็นทีจะทำงานด้วยกันไม่ได้... ไปเก็บของซะ ฉันไล่เธอออก”

“หา!!!”

“อำไพ จัดการด้วย” อิสระสั่งเด็ดขาด น้อยหน่าอ้าปากค้าง อำไพละล้าละลัง อิงตะวันที่มองอยู่จึงโพล่งขึ้นอย่างทนไม่ไหว

“พ่อไล่ออกไม่ได้ นี่เป็นคนของอิง”

“คนของอิงอะไร พ่อเป็นคนจ่ายเงินเดือน ถ้าพ่อไม่เอาไว้ มันก็อยู่ไม่ได้”

“แต่อิงจะให้อยู่” เด็กสาวเถียงจนลำคอเห็นเส้นเอ็นปูดโปนออกมา หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ “คนที่อยู่ข้างอิง คือคนของอิง ถ้าพ่อจะไม่จ่ายเงินเดือนให้ อิงก็จะจ่ายเอง”

“คุณหนูคะ... ไม่ต้องทำอย่างนั้นหรอกค่ะ”

“เงียบ” อิงตะวันหันไปตวาด หลังน้อยหน่าพยายามจะแทรกขึ้นเพราะความเกรงใจ ก่อนเด็กสาวจะตวัดสายตากลับไปจ้องหน้าบิดาอย่างท้าทาย ขณะที่อีกฝ่าย ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

“ถ้าอิงไปค่ายเมื่อไร ยายเด็กนี่ก็ถูกไล่ออกเมื่อนั้น”

“ถ้าอย่างนั้น อิงก็จะให้ยายนี่ไปค่ายด้วยกัน... พ่อไม่มีวันบังคับอิงได้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม” ว่าจบอิงตะวันก็สะบัดหน้าแล้วกระชากแขนของน้อยหน่าให้ลุกตาม เด็กรับใช้คนใหม่ต้องสาวเท้ายาวๆ ให้ทันช่วงก้าวของคุณหนู จนกระทั่งถึงห้องนอนส่วนตัวบนชั้นสอง อิงตะวันก็ปล่อยมือ แล้วไล่คนที่เธอหิ้วขึ้นมาด้วยด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

“เธอจะไปไหนก็ไปป่ะ”

น้อยหน่านิ่งอยู่อึดใจ ก่อนจะเอ่ยเบาๆ “ขอบคุณนะคะคุณหนู”

ถ้อยคำนั้นทำให้อิงตะวันชะงัก ก่อนเหลือบมองคนรับใช้ที่เธอจำชื่อไม่ได้ ไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องมันดำเนินมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร แต่ถ้ามันเกิดขึ้นอีกครั้ง เธอก็คงทำเหมือนเดิม

“เตรียมจัดกระเป๋าไว้ล่ะ อาทิตย์หน้าเธอจะไปค่ายศิลปะกับฉัน”



“สุดท้าย มันก็เป็นไปตามแผนของคุณสินะ”

ชายวัยกลางคนที่นั่งหน้าขรึมอยู่บนโซฟา ภายในห้องทำงานส่วนตัวบนอาคารสำนักงานอิสระกรุ๊ป เอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง ขณะที่หญิงสาวร่างบางในมินิเดรสสีดำ... รูปลักษณ์ช่างแตกต่างจากตอนเจอที่บ้านโดยสิ้นเชิง ยิ้มน้อยๆ ก่อนตอบ

“ก็เพราะได้รับความร่วมมือจากท่าน แผนของดิฉันจึงลุล่วงไปได้ด้วยดี”

“แล้วคุณแน่ใจได้ยังไง ว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างที่คุณคิดไว้... ให้ผมพูดแบบนั้น เสี่ยงมากนะ”

“การเข้าไปทำงานในบ้านของท่าน ทำให้ดิฉันมีข้อมูลพอสมควรค่ะ” เหนือฟ้ายิ้ม ไม่ได้บอกว่าก่อนที่เธอจะตัดสินใจใช้วิธีนี้ เธอได้ลอบถามเหล่าคนรับใช้ ว่าคุณผู้ชายและคุณหนูของบ้านมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียว... เจอเมื่อไร มีเรื่องเมื่อนั้น ไม่เว้นแม้แต่อำไพที่เผลอหลุดปากออกมา และนั่นทำให้เหนือฟ้ามั่นใจทันทีว่าไม้เด็ดที่จะหวดให้แผนการนี้พุ่งสู่เป้าหมายได้... คือชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอนี่แหละ

“ใช้ความบาดหมางระหว่างพ่อลูกมาหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง... สมองคุณนี่ ร้ายกาจกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะ”

อิสระเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เดาไม่ออกว่าประชดหรือชื่นชม เออีสาวจึงยิ้มน้อยๆ อีกครั้ง ก่อนตอบ

“คนเราถูกบังคับให้ร้ายไม่ใช่เหรอคะ ถ้าคุณอิสระไม่เสนอมา แล้วดิฉันจะมีวันนี้ได้ยังไง”

“จริงสินะ” ประธานใหญ่ของอิสระฟู้ดพยักหน้าช้าๆ สีหน้าเรียบเฉย แต่สมองเต็มไปด้วยความคิด “ถ้าอย่างนั้นคุณก็คงต้องช่วยผมอีกอย่างแล้วล่ะ... ก่อนปิดเกมส์นี้ ช่วยทำให้ผมกับลูกคืนดีกันด้วยนะ”



“นี่รุ้ง ฉันว่าเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ ตอนแรกให้ดัดนิสัยลูกสาว ตอนนี้จะให้สานสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก คุณอิสระอะไรนี่เห็นแกเป็นมูลนิธิสายใยรักประจำครอบครัวหรือไงวะ”

ขีโรชาที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาสีแดงเอ่ยด้วยความไม่เข้าใจ หลังฟังเพื่อนรักเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจนจบ

“เขาคงเห็นว่าฉันเก่ง ก็เลยอยากใช้ฉันต่อไป”

เหนือฟ้าที่แวะมาหาเพื่อนยามค่ำคืนว่าอย่างไม่อาธรร้อนใจ สาวห้าวฟังก็ส่ายหน้า ขณะที่อีกคนในชุดขาวตั้งคำถามใหม่ “แล้วรุ้งจะไปค่ายวันไหน”

“พรุ่งนี้... ยังไงก็ฝากแม่ด้วยนะคุณหนูขา ว่างๆ ก็ช่วยแวะไปดูให้หน่อย ฉันไป 10 วัน ต้องไปเตรียมงานก่อนวันนึง”

“ได้ค่ะ คุณหนูขาชวนคุณน้าไปปฏิบัติธรรมดีกว่า แต่คุณหนูขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรเลยนะคะ ขึ้นชื่อว่าโกหก มันก็บาปทั้งนั้น แล้วตอนนี้ ดูเหมือนว่ารุ้งจะโกหกเก่งขึ้นเยอะเลย รุ้งระวังไว้บ้างเถอะค่ะ มีเด็กเลี้ยงแกะที่ไหนบ้าง ไม่เสียลูกแกะไปในตอนจบ”

คำเตือนอย่างจริงใจของฉายฉันท์...แม่ชีประจำกลุ่ม ทำให้เออีสาวชะงัก ภาพของมาวินและอิงตะวันปรากฏขึ้นมาในมโนสำนึก เธอนิ่งไป ก่อนที่ใบหน้าของแจ่มกมลจะเข้ามาแทนที่

“ฉันจำเป็นนี่นา... แม้กระบวนการมันจะไม่ค่อยดี แต่จุดประสงค์เราก็ดีนะ”

ฉายฉันท์และขีโรชาส่ายหน้าอีกครั้งให้กับคำแก้ตัวเกือบจะพร้อมกัน เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูบ้านเปิดออก แล้วเพื่อนอีกคนในกลุ่ม... สาวร่างสมส่วนในเดรสสีครีม กับชายหนุ่มร่างสูงซึ่งสวมแว่นกันแดดสีดำจะก้าวเข้ามา เหนือฟ้าที่หันไปเห็นจีบปากจีบคอร้องทักเป็นคนแรก

“แทนกวี!!! ไม่เจอกันตั้งนาน คิดถึงจังเลย วันนี้ว่างเหรอจ๊ะถึงมาหาพี่ได้ มาๆ มานั่งข้างๆ พี่นี่มา”

“ไอ้รุ้ง ให้มันน้อยๆ หน่อย แทนมันเป็นแฟนไอ้เพลงนะเว้ย คิดจะตีท้ายครัวเพื่อนเหรอวะ”

“ฉันรู้แล้วล่ะน่า ไม่ต้องย้ำ ถึงแทนกับเพลงมันจะไม่ได้ประกาศต่อหน้าสื่อมวลชนว่าคบกัน แต่เพื่อนสนิทอย่างฉันก็ไม่ลืมหรอก ว่าไอ้เพลงมันมีแฟนเด็ก และหล่อมาก แค่แซวเล่นให้หัวใจมันกระชุ่มกระชวย ผิดมากหรือไง” เหนือฟ้าทำเป็นค้อน แต่เพื่อนคนอื่นก็ไม่มีใครสนใจเท่าไร

“ความจริงแทนไม่ว่างหรอก เพิ่งซ้อมเต้นเสร็จ ต้องรีบกลับไปจัดกระเป๋า พรุ่งนี้มีโชว์ที่เกาหลี บอกให้กลับไปก่อนก็ไม่ยอม จะตามมาด้วย” เพลงรักบ่นพึมพำเพราะความห่วงใย ซึ่งแฟนหนุ่มก็ตอบด้วยคำหวาน

“ก็เราไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันเลยนี่นา แค่นาทีสองนาที ผมก็อยากยื้อไว้”

เหนือฟ้าและขีโรชาที่กัดกันอยู่เมื่อครู่ หันหน้ามองกันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะพร้อมใจกันเอ่ย “แหวะ”

เพลงรักหัวเราะเบาๆ ก่อนหันไปทางเพื่อนอีกคน “เมื่อกี้คุยอะไรกันอยู่เหรอคุณหนูขา”

“ก็เรื่องที่รุ้งจะไปค่ายอาสากับลูกสาวคุณอิสระน่ะค่ะ คุณหนูขาพยายามเตือนรุ้งแล้วว่าโกหกไม่ดี แต่รุ้งก็ไม่ยอมฟัง”

“ก็ฟัง แต่ยังทำตามไม่ได้... คุณหนูขาเข้าใจกันบ้างสิคะ อุตส่าห์พายเรือมาถึงกลางมหาสมุทรแล้ว มองเห็นฝั่งอยู่ลิบๆ แล้ว จะให้กระโดดลงน้ำแล้วว่ายกลับที่เดิมได้ยังไง เป้าหมายมีไว้พุ่งเข้าใส่ ไม่เคยได้ยินเหรอ”

เป็นอีกครั้งที่ฉายฉันท์ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย เพลงรักจึงเปลี่ยนประเด็นอีกครั้ง

“แล้วเรื่องพี่หนึ่งเป็นยังไงบ้าง เขายังตามตอแยแกอยู่หรือเปล่า”

“ก็... ปกติ”

“ปกติยังไง...” ขีโรชาสงสัย ก่อนจะเอะใจกับบางอย่าง “เมื่อก่อนแกโวยวายจะเป็นจะตายเลยไม่ใช่เหรอ เวลาฉันหรือใครเรียกเขาว่าพี่หนึ่ง แล้วทำไมตอนนี้ยอมรับหน้าตาเฉย ไม่สะทกสะท้านแล้วหรือไง”

“ก็....”

“แกมีอะไรปิดบังพวกเราอยู่ใช่ไหม”

สาวห้าวคาดคั้น ทำเอาเหนือฟ้าตั้งตัวไม่ทัน เธอไม่ได้เล่าเรื่องที่ชินชนะลงทุนวางแผนมากมายตอนตามไปหาเธอที่ระยอง แล้วก็ไม่ได้บอกใครด้วยว่าเขาได้ช่วยซับน้ำตาให้เธออย่างปลอบประโลม ยามที่เธอทะเลาะกับแม่ ไม่ใช่เพราะอยากปิดบัง แต่หลายๆ อย่างก็ยังไม่แน่ใจ... โดยเฉพาะความรู้สึก

หญิงสาวพยายามหาคำตอบที่เหมาะสม แต่นาทีนั้นเอง เพลง ‘เสน่หา’ ที่ตั้งไว้เป็นเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น เธอสะดุ้ง แต่ยังไม่ทันเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ร่างปราดเปรียวของเพื่อนก็กระโดดมาตัดหน้าอย่างรวดเร็ว

“ใครวะ ONLY ONE”

ขีโรชาอ่านชื่อที่อยู่บนหน้าจอ ขณะที่ฉายฉันท์และเพลงรักนึกออกแทบจะในทันที “พี่หนึ่ง!!!”

สาวห้าวพยักหน้าพร้อมยิ้มพราย ก่อนยื่นโทรศัพท์ไปให้ชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวตรงนั้น แล้วสั่งสั้นๆ

“บอกว่าชื่อคิมนะ”

แทนกวีชะงัก แต่เพียงอึดใจเดียวก็เข้าใจความหมาย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา ท่ามกลางความตกใจของเหนือฟ้า นักร้องหนุ่มก็กดรับและกรอกเสียงลงไป

“สวัสดีครับ ผมคิมนะครับ คุณรุ้ง...อยู่ในห้องน้ำ มีอะไรฝากไว้ไหมครับ”

เท่านั้นแหละ เหนือฟ้าก็แทบจะร้องกรี๊ดออกมา ดีที่ขีโรชาไวกว่า เอื้อมมือมาปิดปากไว้ได้เสียก่อน เออีสาวพยายามดิ้น แต่กว่าจะหลุดออกมาได้ แทนกวีก็วางสายเสียแล้ว

“ทำยังไงดีละครับพี่รุ้ง เสียงเขาเหมือนโกรธนะครับ สงสัยจะไม่พอใจน่าดู”

แทนกวีแกล้งว่าหน้าตาใสซื่อ เหนือฟ้าไม่รู้จะพูดอย่างไร ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ขณะที่คนคิดแผนก็หัวเราะลั่นอย่างสะใจ

“เป็นไงล่ะแม่เด็กเลี้ยงแกะ เจอเรื่องโกหกเข้าไปบ้าง พูดไม่ออกเลยเหรอ ถ้าแกไม่อยากให้พี่หนึ่งเข้าใจผิด จะให้ฉันช่วยยืนยันให้ก็ได้ว่าใครคือคุณคิม แต่แกต้องเล่ามาให้หมด ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแกและพี่หนึ่ง ทั้งตอนนี้ แล้วก็เรื่องเมื่อ 4 ปีที่แล้วด้วย”

ขีโรชาเอ่ยยาวเหยียดจนเกือบลืมหายใจ ขณะที่เหนือฟ้าคิดว่า ไอ้เพื่อนคนนี้มันน่าจะจับไปถ่วงน้ำเสียจริงๆ




----------------------
มาต่ออีกตอนแล้วค้าาาา เด็กเลี้ยงแกะโดนแก้เผ็ดซะบ้าง ต้องคอยลุ้นกันนะคะว่านางจะทำอย่างไร ^^

คุณ sukhumvitt66 : ขอบคุณค้าาา เดี๋ยวมีร้าวกว่านี้อีก อิอิ
คุณ nateetip : เริ่มดีกันแล้วค้า จะได้หวานๆ กันบ้างเนอะ
คุณ ภาวิน : เหมือนที่ธรรมะท่านสอนไว้ มารไม่มีบารมีไม่เกิด 5555 เกี่ยวกันไหมเนี่ย
คุณ ใบบัวน่ารัก : อีกไม่นานก็เปิดเผยแล้วค้า
คุณ พันธุ์แตงกวา : 5555 ป้าแจ่มร้ายให้พระนางได้รักกันนะคะ >< ((แต่โดยส่วนตัว ในชีวิตจริงก็ไม่อยากเจอคนอย่างป้าแจ่มเหมือนกัน 55)))
คุณ ดังปัณณ์ : พยายามหวานตามคุณอัคค่ะ ^^
คุณ kaelek : อิอิ ต้องเรียกเรตติ้งกันหน่อย
คุณ OhLaLa : เจอแบบพี่หนึ่งเข้าไป จะใจแข็งอยู่ได้ยังไงใช่ไหมคะ 555 แต่งเองเขินเอง รักพี่หนึ่ง

5555 ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกไลท์ ทุกคนที่แวะผ่าน ขอบคุณที่ติดตาม ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ





ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ส.ค. 2556, 00:00:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ส.ค. 2556, 00:00:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1476





<< บทที่ สิบแปด : พังหมด (จบ)   บทที่ ยี่สิบเอ็ด : ได้เลือด >>
Sukhumvit66 2 ส.ค. 2556, 00:14:05 น.
ว้ายๆ กะลังจะเล่าปมร้าวแล้วใช่ไหม มาเร็วๆนะค่ะ


OhLaLa 2 ส.ค. 2556, 00:23:16 น.
555 เข้ามานั่งล้อมวงรอฟังเรื่องเมื่อ 4 ปีก่อนคร้า


พันธุ์แตงกวา 2 ส.ค. 2556, 01:59:10 น.
มันส์มาก ท่านประธานตีบทแตกสุดๆ ติดกับแล้วคุณหนูอิง ปรากฎว่าคุณชัยมีตัวตนซะงั้น ฮ่าๆๆ เนียนกันทั้งพี่ทั้งน้อง


ภาวิน 2 ส.ค. 2556, 04:58:56 น.
เข้ามาจิ้มให้กำลังใจไว้ก่อน ตอนนี้ตาเจ็บ จ้องคอมพ์นานไม่ได้เลย แล้วจะเก็บตามหลังนะคะ


ดังปัณณ์ 2 ส.ค. 2556, 09:12:41 น.
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย จะถ่วงน้ำกันเลยหรอ อิๆ


kaelek 2 ส.ค. 2556, 09:45:24 น.
ว้าๆๆ อยากรู้ๆๆ มาต่อเร็วๆนะคะ


เดิมเดิม 2 ส.ค. 2556, 12:58:08 น.
ตอนต่อไปจะได้รู้อะไร อะไรแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account