ใต้ร่มดอกรัก
ปฏิบัติการตามล่าหา "ผู้ชายในฝัน"
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ๑ ตื่น

ใต้ร่มดอกรัก

1

ตื่น...


ใจกลางความมืดมิดคือความสงัด ดึงดูดให้ดำดิ่งไร้จุดหมาย มีเสียงวัตถุทึบกระแทกเข้ากับบางอย่างแทรกมาในความสงัด ความเงียบถูกก่อกวน ความมืดเริ่มเลือนหาย สิ่งเข้ามาแทนที่คือแสงหม่นเทาซึ่งค่อย ๆ เจือจางจนกลายเป็นแสงสว่างในที่สุด จนแน่ชัดว่าเสียงซึ่งฉุดดึงให้ถอยกลับจากความมืดมิดคือเสียงเคาะประตู ได้แต่ถอนหายใจด้วยความเสียดาย

“อาย ตื่นหรือยัง ? ลุกได้แล้วเดี๋ยวสายนะ” คำเร่งเร้าดังมาตามเสียงเคาะประตูเหมือนมือที่มองไม่เห็นฉุดดึงคนบนเตียงให้สะดุ้งไหว หลังจากยื่นมือเอื้อมคว้านาฬิกาดิจิตอลซึ่งวางอยู่บนหัวเตียงมาดูเวลาแล้วก็ได้แต่งุนงงระคนหงุดหงิด

“เพิ่งตีห้าเองนะแม่” คนถูกปลุกส่งเสียงงัวเงียตอบ มือควานไปกดสวิตซ์ไฟหัวเตียง แสงสว่างเจิดจ้าทันทีทำให้ต้องหรี่ตาเพื่อปรับสภาพขณะเดียวกันก็ผุดลุกนั่งก่อนก้าวพลางขยี้ตาลงจากเตียงตรงไปยังประตูห้อง

“ตีห้าอะไรล่ะ มัน ‘ตั้ง’ ตีห้าแล้วต่างหาก” ประตูห้องเปิดกว้าง คุณอุไรในชุดผ้าลูกไม้สีฟ้าอ่อนแขนระบายยาวแค่ศอก กับผ้าถุงยาวกรอมเท้าออกโทนสีเดียวกับเสื้อ ความมันวาวระยับสะท้อนแสงไฟของเนื้อผ้ายามขยับไหว้ทำให้คนมองคาดเดาว่าน่าจะเป็นผ้าไหมเนื้อสดี ของสะสมแสนโปรดปราณของผู้สวมใส่ “แล้วนี่ทำไมไม่เปิดแอร์ นอนไปได้ยังไงอากาศออกจะอ้าว ดูสิเหงื่อแตกพลั่กจนผมเปียกแล้ว” ผู้เป็นแม่เอ่ยพลางยื่นมือไปปัดลูกผมซึ่งเปียกลู่ กิริยานั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวยกมือขึ้นลูบศีรษะตาม

“เผลอหลับก่อนเปิดน่ะแม่...ว่าแต่ปลุกทำไมแต่เช้า อายเพิ่งได้นอนตอนเที่ยงคืนตีหนึ่งนี่เองนะ” หญิงสาวบอกพลางหาวหวอด แต่ผู้เป็นแม่ไม่ได้สนใจคำตัดพ้อนัก สายตาคมกริบกลับกวาดมองลูกสาวตั้งแต่ผมยุ่งเหยิง ชุดนอนเสื้อยืดสีเทาย้วยจนไม่เหลือทรง กางเกงขาก๊วยสีส้มอ่อนยับย่น ยิ่งกิริยารั้งชายเสื้อเกาพุงแกรก ๆ ของลูกสาว ยิ่งทำให้คุณอุไรขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้น

“ไอยเรศ !” คำเรียกชื่อเต็มยศพร้อมลงน้ำหนักเสียงพาให้เจ้าของชื่อสะดุ้งสุดตัว ดวงตาหรี่ปรือก่อนนั้นเบิกกว้างตื่นเต็มที่ มือผละจากการเกาพุงยกขึ้นแสร้งแคะขี้หูเบา ๆ

“แม่ล่ะก็...เรียกขี้หูร่วงแต่เช้าเชียว อยู่แค่นี้เองเบา ๆ ก็ได้” หล่อนว่าอย่างแสนงอน

“จนป่านนี้แล้วเพิ่งจะตื่น ! ยังมาทำท่าเกาพุงไม่สมกับเป็นผู้หญิงเสียอีก แม่บอกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว...โอย...ไม่น่าปล่อยให้เรียนอยู่กับผู้ชายเยอะ ๆ เล้ย ! เบื่อจะบ่น รีบไปแต่งตัวได้แล้ว !” ประโยคลงท้ายของผู้เป็นแม่ทำให้หญิงสาวสะดุดกึก

“แต่งตัว ? แต่งตัวอะไรแม่ ?” สีหน้าคุณอุไรขุ่นเคืองยิ่งขึ้นเมื่อฟังคำถามจบ

“อย่าบอกนะว่าอายลืม วันนี้วันหมั้นของน้องไง ?”

“อายไม่ลืมแม่ แต่อายไม่ได้เป็นคนหมั้นนี่ ทำไมต้องตื่นเต้นรีบแต่งตัวด้วย ?” หญิงสาวตอบพร้อมหาวประกอบ คุณอุไรอ้าปากค้าง แต่มือว่องไวฟาดเบา ๆ บนต้นแขนลูกสาวซึ่งแสร้งร้องครวญครางราวกับถูกไม้กระหน่ำ

“ไม่ใช่ให้ตื่นเต้น แต่แม่ให้ตื่นตัว เราเป็นเจ้าภาพก็ต้องรีบไปดูแลรับรองแขกสิ !” คุณอุไรเอ็ดไม่จริงจังนัก ด้วยพอใจที่ลูกสาวไม่ลืม

“โธ่แม่จ๋า” ไอยเรศเสียงอ้อนนำมาก่อน “อายไม่ได้ไม่ตื่นตัวนะ อายก็ช่วยจัดสถานที่แล้วไง เมื่อวานทั้งวันอายไม่ได้อยู่นิ่งเฉยเลยนะ แม่ก็เห็นนี่นา...แล้วจะมาว่าอายไม่ตื่นตัวได้ยังไง อีกอย่างนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่บ้านเรามีงานมงคลสักหน่อย สองเดือนก่อนพี่ไอซ์ก็หมั้นไป งานนั้นน่าตื่นเต้นกว่ากันตั้งเยอะ” หญิงสาวอธิบายยืดยาว เอ่ยพาดพึงถึงไอราพต พี่ชายซึ่งเพิ่งเข้าพิธีหมั้นกับคนรักซึ่งคบหาดูใจกันมาหลายปี

“งานพี่ไอซ์เราเป็นฝ่ายไปหาเขา แต่งานนี้เขาเป็นฝ่ายมาหาเรายังไงมันก็ไม่เหมือนกันย่ะ” คุณอุไรแย้งพลางมองค้อน “เอาเถอะ ๆ เหม็นขี้ฟันจะแย่แล้ว ยังไงอายก็ลุกแล้วก็รีบอาบน้ำแต่งเนื้อแต่งตัวเข้า แล้วก็รีบไปช่วยดูน้องแต่งตัวด้วย อ้อ อย่าลืมดูแลดอกไม้ในงานนะ อย่าให้เสียชื่อ ‘สวนไอยเรศ’ เชียว” คนถูกสั่งรับคำ ส่งยิ้มเรี่ย ๆ ให้ผู้เป็นแม่เมื่อถูกคาดโทษด้วยการชี้หน้าก่อนเดินจากไป

ไอยเรศปิดประตูพร้อมถอนหายใจเบา ๆ หญิงสาวเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบ ‘ชุดสวย’ ซึ่งคุณอุไรส่งช่างมาวัดตัวและตัดให้ถึงที่บ้านหลังจากเคี่ยวเข็ญให้หล่อนไปร้านไม่สำเร็จ แถมยังย้ำเช้ากลางวันเย็นให้หล่อนเห็นข้อดีของการแต่งตัวสวยในวันงานมงคล คิดมาถึงตรงนี้หญิงสาวก็อดหัวเราะกับความพยายามของผู้เป็นแม่ไม่ได้

ตั้งแต่เด็กมาแล้วที่คุณอุไรพยายามหนักหนาที่จะจับหล่อนใส่กระโปรงสีหวาน ผูกโบลูกไม้ปลิวไสว หาชุดเครื่องครัวมาให้เล่นขายของ สารพัดตุ๊กตาขนมาให้หล่อนเอ็นดู แต่หล่อนกลับสมัครใจใส่กางเกงขาสั้นเสื้อยืดไม่เคยคงสีเดิมเกินหนึ่งวัน ขยันเดินตามไอราพตผู้เป็นพี่ชายต้อย ๆ ชอบปีนต้นไม้และวิ่งเล่นในโรงเรือนกล้วยไม้คลุกดินคลุกทรายไม่เว้นแต่ละวัน แถมชอบเล่นซนอยู่ในกลุ่มเด็กผู้ชายมากกว่าเพื่อนผู้หญิง แม้จะระอาใจแต่คุณอุไรก็ไม่เคยย่อท้อกระทั่งน้องสาวตัวน้อยถือกำเนิดมา เป้าหมายของคุณอุไรก็เปลี่ยนไปและครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม อุมารินทร์เป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่เพียบพร้อมไปด้วยกระโปรงบานฟูฟ่อง โบลูกไม้หลากสี ตุ๊กตาบาร์บี้ และเครื่องครัวของเล่นถูกใช้งานเต็มที่

จะว่าไปไอยเรศก็นึกขอบคุณน้องสาวอยู่ในใจ เพราะนอกจากคุณอุไรจะไม่มาเซ้าซี้เรื่องความไม่สมเป็นผู้หญิงของหล่อนแล้ว เมื่อตัดสินใจเลือกเรียนเอกพละศึกษาซึ่งเป็นวิชาที่ปริมาณนักศึกษาชายมีมากกว่านักศึกษาหญิง คุณอุไรก็ไม่ได้ขัดขวางเพราะในตอนนั้นอุมารินทร์กำลังเข้าประกวดดาวโรงเรียน จนกระทั่งเรียนจบเริ่มคิดหางานทำ คุณฉันท์ผู้เป็นพ่อซึ่งกำลังสนุกกับการเป็นวิทยากรกล้วยไม้ยื่นข้อเสนอกึ่งบังคับให้หล่อนเป็นคนดูแลโรงเรือนแทน ส่วนไอราพตพี่ชายได้ตำแหน่งผู้จัดการตลาดและคนทำบัญชี หล่อนตกลงรับงานนี้ด้วยเหตุผลเดียว...ดีกว่าไปทำงานกับคนไม่รู้จัก...

ยิ่งไปกว่านั้นเงินเดือนที่ผู้เป็นพ่อหยิบยื่นให้ก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย ตั้งแต่เข้ามาทำงานจริงจังจนกระทั่งถึงปัจจุบัน แม้จะทุ่มเทเวลาเต็มที่กับสวนกล้วยไม้ไอยเรศจนผู้เป็นพ่อออกปากยอมรับว่าหล่อนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ระดับต้น ๆ แต่ไอยเรศก็ไม่ได้ทิ้งวิชาที่ได้ร่ำเรียนมาเสียทีเดียว บ่อยครั้งที่เพื่อนร่วมรุ่น หรือรุ่นพี่ที่รู้ดีว่าหล่อนถนัดกีฬาประเภทใดมาขอให้ไปฝึกสอนนักกีฬาในสังกัด หรือในโรงเรียนที่ขาดแคลนบุคลากรหล่อนก็ยินดีไปเสมอ โดยคุณฉันท์ไม่เคยคัดค้าน ซ้ำยังช่วยสนับสนุนทั้งด้วยกำลังทรัพย์และอุปกรณ์ แม้ว่าในบางกรณีหล่อนต้องไปช่วยฝึกร่วมเดือนก็ตาม

ความสงบสุขในชีวิตไอยเรศเริ่มสั่นคลอนเมื่อ ไอราพต พี่ชายคนโตซึ่งบ่มเพาะความรักจนสุกงอมกับสุดธิดา เจ้าของสวนอาหารอิ่มรักและได้ตกลงปลงใจที่จะเริ่มชีวิตคู่ร่วมกัน งานหมั้นในหมู่เครือญาติจัดขึ้นที่บ้านฝ่ายหญิง แม้จะเป็นงานเล็ก ๆ แต่ก็สมเกียรติสมฐานะของทั้งสองบ้าน ไอยเรศอาสาเป็นคนจัดสถานที่ให้ด้วยการนำดอกกล้วยไม้จากสวนไอยเรศไปตกแต่งจัดวางเพื่อไม่ให้เสียชื่อว่าที่เจ้าบ่าวซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการสวนไอยเรศ สวนกล้วยไม้ที่โด่งดังในเรื่องคุณภาพระดับต้น ๆ ของประเทศ

ไอยเรศจำได้ว่าในงานนั้นมีญาติฝ่ายว่าที่เจ้าสาวเป็นหนุ่มหล่อ โสด หน้าที่การงานดีเยอะเป็นพิเศษ ที่รู้เพราะทั้งญาติฝ่ายว่าที่เจ้าสาว และคุณอุไร ขยันพาชายหนุ่มเหล่านั้นมาสาธยายสรรพคุณให้หล่อนฟังไม่ขาดสาย แม้จะรู้ทันแต่ไอยเรศก็ไม่ได้ปฏิเสธไมตรีเพราะอยากรักษาน้ำใจไว้ ทว่า ท่าทีเฉื่อยชาไม่สนองตอบชายหนุ่มคนใดก็ทำให้คุณอุไรได้แต่กลับมาบ่นว่า ‘ล้มเหลว’ กระนั้นก็ยังไม่ถอดใจ เพราะเมื่อสิ้นสุดงานหมั้นของไอราพต ขบวนการแนะนำ นัดแนะหนุ่ม ๆ ให้หล่อนก็ยังคงมีมาเรื่อย ๆ จนกระทั่ง อุมารินทร์ ตกลงปลงใจรับหมั้น ภูมิใจ ว่าที่ด็อกเตอร์หนุ่มอนาคตไกล ลูกศิษย์สุดโปรดของคุณฉันท์ ผู้เป็นแม่จึงหันมายุ่งวุ่นวายกับการเตรียมงานหมั้นจนทำให้หล่อนสบายใจได้พักใหญ่

เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นเมื่อไอยเรศจัดการรวบผมยาวมัดเป็นทรงหางม้าได้เสร็จพอดี หญิงสาวเอ่ยอนุญาตก่อนหยิบเครื่องสำอางบนโต๊ะมาโปะ ๆ ป้าย ๆ สีสันลงบนผิวหน้า

“พี่อาย แต่งตัวเสร็จหรือยัง ?” คนถามมาพร้อมกับการหาว เดินไปทรุดนั่งลงบนขอบเตียงของพี่สาว ชุดไทยจักกรีสีเบจ ผมยาวเกล้ามวยสูง ประดับแซมด้วยดอกกล้วยไม้แคทลียาดอกใหญ่สีเหลืองซึ่งหล่อนฟูมฟักมานานและออกดอกทันงานพอดี ใบหน้าสวยหวานเป็นทุนเดิมถูกแต่งแต้มด้วยช่างมืออาชีพจนหล่อนเองก็แทบจำน้องน้อยที่เคยเดินเช็ดน้ำมูกหยดย้อยเกาะชายเสื้อหล่อนเมื่อตอนเด็กไม่ได้

“ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิยะ วันนี้เป็นวันมงคล วันดี วันสุขแห่งบ้านนะยะ” หญิงสาวแขวะกลั้วยิ้ม ว่าที่เจ้าสาวยิ้มเซียว

“ก็มันง่วงนี่พี่อาย ตื่นเต้นดีใจมันก็ใช่ล่ะ แต่เล่นถูกปลุกตื่นตั้งแต่เที่ยงคืนทั้ง ๆ ที่เพิ่งได้นอนตอนห้าทุ่มนี่ ทรมาน” อุมารินทร์ลากคำลงท้ายยานคางพลางขยับตัวทำท่าจะหงายหลังลงบนที่นอน

“อย่าทำอย่างนั้นเชียวยัยอุ๊ !” ไอยเรศร้องพร้อมยื่นนิ้วชี้ น้องสาวชะงักทันที เลิกคิ้วส่งคำถาม “แคทลียาทองสุพรรณดอกนั้นกว่าฉันจะได้ต้น กว่าฉันจะฟูมฟักให้ดอกโตโดดเด้งสีสวยแบบนั้นใช้เวลานาน อย่ามาทำบี้แบนในเวลาไม่กี่วินาทีเชียว คิดจะลองของ ไปลองวันอื่น !!” คำขู่ทีเล่นทีจริงของพี่สาว อุมารินทร์ได้แต่ยิ้มแหย ยกมือแตะกลีบกล้วยไม้บนมวยผมอย่างถนอม

“แหม...อุ๊รู้หรอกน่า” หญิงสาวบอกอุบอิบ เห็นเจ้าของห้องหันไปใช้เครื่องสำอางปาดป้ายบนผิวหน้าต่อแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เสมองที่นอนยังยุ่งของพี่สาวแล้วก็อดชวนคุยไม่ได้ “แม่มาปลุกใช่มั้ยพี่อาย ?”

“แหงสิยะ ตื่นเต้นอย่างกับจะเป็นเจ้าสาวเอง ฉันยังฝันไม่เสร็จเลย...กำลังจะเห็นหน้าอยู่แล้วเชียว” ท้ายประโยคหญิงสาวพึมพำงึมงำ

“หือ ? ฝันถึง ‘ผู้ชายในฝัน’ อีกแล้วเหรอพี่อาย ?!” คำถามตื่นเต้นไร้แววง่วงงุน ไอยเรศพยักหน้ารับโดยไม่หันกลับไปมอง น้องสาวถอนหายใจพลางอมยิ้ม สีหน้าเคลิ้มเมื่อเอ่ยต่อ “แหม...โรแมนติกจังเลย มีผู้ชายในฝันเป็นของตัวเองเนี่ย”

“น่าหงุดหงิดน่ะสิไม่ว่า ฝันบ้าอะไรไม่รู้ คุยกันได้ทุกเรื่องแต่ไม่เคยได้เห็นหน้ากันสักที...เนี่ยนะถ้าแม่มาปลุกช้ากว่านี้หน่อย บางทีวันนี้พี่อาจจะเห็นหน้าเขาแล้วก็ได้” ไอยเรศเอ่ยเสียงหนักพร้อมจบการระบายสีบนหน้า

“อุ๊ว่าพี่อายน่าจะบอกแม่ไปเลยนะว่ามีผู้ชายในฝันแล้ว แม่จะได้เลิกจับคู่ให้เสียที” อุมารินทร์ว่าพลางหัวเราะคิกคัก พี่สาวมองค้อนก่อนบอกว่า

“ทำอย่างกับว่าเรื่องนี้มันอธิบายปุ๊บแล้วคนเข้าใจปั๊บงั้นแหละ แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเชื่อเหมือนที่อุ๊เชื่อสักหน่อย ขืนไปบอกแบบนั้นดีไม่ดีแม่ได้พาไปรดน้ำมนต์หาว่าผีตามอาฆาตอีกน่ะสิ”

“นั่นสินะ” คนฟังเออออพลางพยักหน้ารับ จำได้ว่าครั้งแรกที่พี่สาวเล่าเรื่องผู้ชายในฝันให้ฟัง หล่อนยังแย้งว่าพี่สาวอ่านนิยายพาฝันมากเกินไป เจ้าตัวปฏิเสธเสียงแข็งแถมตัวหล่อนเองก็รู้ดีว่าพี่สาวนิสัยเป็นเช่นใดจึงเริ่มหันมาสนใจรับฟังความฝันประหลาดนั้น แรก ๆ ผู้เป็นพี่ก็เล่ารายละเอียดในฝัน แต่ต่อ ๆ มาก็เริ่มลดถอย กระทั่งเหลือแค่บอกเล่าเพียง ‘ฝันอีกแล้วว่ะ’

“แล้วนี่แต่งตัวแต่งหน้าเสร็จหมดแล้วเหรอ ถึงมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่นี่” ไอยเรศเปลี่ยนเรื่องคุย เดินมาหยุดตรงหน้าน้องสาวสายตามองดอกกล้วยไม้สีสด มองเรื่อยไปยังใบหน้าว่าที่เจ้าสาวซึ่งแม้จะดูอิดโรยแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความสุข

“ก็เกือบเสร็จแล้วล่ะ เหลือแค่รอเติมตอนใกล้เวลา อุ๊เบื่อเลยเดินเรื่อยเฉื่อย” ว่าที่เจ้าสาวบอกเสียงเนือย

“คิด ๆ แล้วก็แปลกดีนะ ลงทุนอดหลับอดนอน แต่งตัวแต่งหน้าตั้งหลายชั่วโมงเพื่อมานั่งสวยไม่กี่นาที” ไอยเรศว่าขำ ๆ

“แหม ก็ไม่ได้แต่งบ่อย ๆ นี่นาพี่อายล่ะก็...ใครจะมีงานหมั้นหลาย ๆ ครั้งกันล่ะ” อุมารินทร์ว่ากระเง้ากระงอด

“บางทีอาจจะเป็นพี่ก็ได้นะ เกิดพี่เจอผู้ชายในฝันเข้าจริง ๆ อาจจะจัดงานหมั้นเดือนเว้นเดือน จัดงานแต่งปีเว้นปีอะไรประมาณนั้น ไม่มีกฎสักหน่อยว่าต้องหมั้นครั้งเดียว แต่งครั้งเดียวกับผู้ชายที่เรารัก”

“จ้า คุณพี่ แล้วอุ๊จะรอดูงานหมั้นพี่อายว่าจะทำอย่างที่พูดได้ไหม อุ๊จะกลับไปเขียนบันทึกไว้เลย !” อุมารินทร์เอ่ยอย่างหมายมั่น พี่สาวไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ

“ตามใจ งั้นก็รีบกลับไปบันทึกก่อนจะลืมได้เลยขอท้า...พี่จะไปเรือนกล้วยไม้สักหน่อย วันนี้มีออเดอร์จากโรงแรมพาราไดส์ ซิตี้ด้วย ขอไปตรวจงานก่อน” หญิงสาวเอ่ยพลางดึงแขนน้องสาวให้ลุกจากเตียง

“อย่าเพลินจนลืมเวลานะพี่อาย อุ๊ขี้เกียจเห็นแม่หงุดหงิด เพราะวันนี้ต้องมีหนุ่มมาแนะนำพี่อายอีกแน่ ๆ ถ้าหาพี่อายไม่เจอล่ะก็...” หล่อนทิ้งท้ายพร้อมห่อไหล่ประกอบ

“เออน่า ไม่ลืมหรอก” ไอยเรศรับคำตัดปัญหา รุนหลังน้องสาวให้ออกจากห้อง อดถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้ เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่น้องสาวเอ่ยทิ้งท้าย...พลันภาพพร่าเลือนของชายหนุ่มในความฝันก็ผุดวาบในมโนนึก จังหวะการเต้นของหัวใจรัวเร็วขึ้น บางอย่างในความรู้สึกหล่อนแปลกเปลี่ยน คล้ายดั่งมีเสียงกระซิบบอกว่า ความฝันอันเลือนรางเริ่มชัดเจนจนถึงขั้น...เป็นจริง




ออกจากห้องมาได้ไอยเรศก็เดินหลบผู้เป็นแม่ออกมาทางหลังบ้าน เดินคิดเพลินจนมาถึงเรือนกล้วยไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านมากนัก คนงานหลายคนเริ่มกระบวนการตัดดอกตามออเดอร์ คนงานหลายคนทักทาย บางรายเอ่ยหยอกเย้าว่าชุดลงสวนของหล่อนวันนี้หรูหราเกินไป หญิงสาวตอบรับพอหอมปากหอมคอ สั่งงานพร้อมเอ่ยฝากงานกับคนงานก่อนเดินออกจากโรงเรือน มองไปยังตัวบ้านซึ่งแม้จะเริ่มสว่าง แต่ยังต้องอาศัยแสงไฟในการเพิ่มความสว่าง คนในบ้านเริ่มเดินกันขวักไขว่ มีคุณอุไรยืนชี้ไม้ชี้มือสั่งการท่ามกลางคนวิ่งวุ่น เห็นภาพนั้นแล้วไอยเรศก็ได้แต่ถอนหายใจ เลือกเดินไปนั่งบนเก้าอี้หินอ่อนซึ่งจัดไว้เป็นชุดสำหรับแขกที่มาเยี่ยมชมสวนกล้วยไม้

นั่งเท้าคางสายตามองสถานการณ์ในบ้าน ทว่า ความคิดกลับล่องลอยไปไกล...ไกลจนถึง...ความฝัน

ไอยเรศไม่ปฏิเสธว่าหล่อนไม่เคยฝัน ตั้งแต่เด็กมาแล้วเมื่อนอนหลับยามค่ำคืนหล่อนจะฝัน แต่ความฝันในวัยเยาว์ซึ่งจำได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็ล้วนเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และความฝันก็มักเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยเปื่อย กระทั่งเมื่อหล่อนเรียนอยู่ปีสุดท้ายหลังกลับจากการออกค่ายต่างจังหวัดหล่อนก็เริ่มฝันถึงสถานที่แปลก ๆ

ทุ่งหญ้าโล่งกว้างสุดลูกหูลูกตามีเนินลูกเล็ก ๆ อยู่จุดศูนย์กลาง บนเนินนั้นมีต้นไม้สูงใหญ่ยืนตระหง่าน ฝันครั้งแรกยังไม่คิดอะไรมาก แต่เมื่อฝันติดกันหลายคืนหล่อนก็เริ่มแปลกใจ ยิ่งในความฝันจุดที่หล่อนยืนอยู่เมื่อเริ่มฝันขยับเข้าไปใกล้ต้นไม้ใหญ่มากขึ้น หล่อนก็ยิ่งประหลาดใจ จนเก็บเอาความฝันมาบอกเล่าให้คนในครอบครัวฟัง คุณอุไรซึ่งเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับเป็นทุนเดิมแสดงความตื่นเต้นด้วยการพาหล่อนตระเวนรดน้ำมนต์หลายวัด บางครั้งก็พาไปให้หมอดูชื่อดังดูดวงให้ บางรายดูแล้วก็ไร้คำตอบบอกแค่ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น บางรายก็บอกว่าหล่อนมีเคราะห์หนัก ผู้เป็นแม่ก็เดือดร้อนหาทางสะเดาะเคราะห์ให้

แม้จะรู้ว่าเป็นการหลอกลวง แต่ไอยเรศก็ไม่ได้ทักท้วงเพื่อความสบายใจของผู้เป็นแม่...ทว่า...คำทำนายจากหมอดูหลายรายบอกตรงกันว่า...หล่อนกำลังจะได้ครอบครอง ‘สัตว์สองเท้า’ ในตอนนั้นหล่อนเข้าใจเอาเองว่าสัตว์สองเท้าดังกล่าวหมายถึงสัตว์เลี้ยง คิดว่าน่าจะเป็น เป็ด ไก่ ห่าน ไม่ก็สุนัขหรือแมวพิการขาขาด แต่คุณอุไรกลับกรี๊ดกร๊าดดีอกดีใจ ก่อนจะเฉลยว่าความหมายของคำทำนายนั้นคือ หล่อนกำลังจะเจอเนื้อคู่ ไอยเรศได้แต่นึกขำอยู่ในใจ...ฝันเห็นทุ่งหญ้ากับต้นไม้ มันจะเกี่ยวข้องอย่างไรกับการเจอเนื้อคู่ หล่อนยังขำจนกระทั่งความฝันของหล่อนก้าวหน้าถึงขั้นที่ว่าเมื่อหลับตาฝันหล่อนก็อยู่ใต้ต้นไม้ประหลาด สามารถนั่งเอนหลังพิงต้นไม้ได้ หรือเดินไปไหนมาไหนก็ได้ และสถานที่ที่หล่อนเข้าใจว่าเป็นของหล่อนคนเดียวก็เริ่มมีผู้ร่วมฝัน

เขาก้าวเข้ามาอยู่ร่วมความฝันในคืนที่หล่อนกำลังพร่ำบ่นเรื่อยเปื่อย มีเสียงถอนหายใจเบา ๆ จากอีกฟากฝั่งของต้นไม้ เสียงที่ทำให้หล่อนเงี่ยหูฟังอยู่นาน และหลายคืนต่อมาจึงได้มันใจว่าสถานที่อันสงบของหล่อนได้มีคนร่วมฝันแล้วจริง ๆ จำได้ว่าความตื่นเต้นทำให้หล่อนเล่าให้แม่และน้องสาวฟังเป็นอันดับแรก อุมารินทร์ฟังด้วยความตื่นเต้นระคนเพ้อฝัน ขณะที่คุณอุไรครุ่นคิดก่อนบอกว่า ‘อาจจะเป็นผีมาขอส่วนบุญ’ และเริ่มพาหล่อนตระเวนรดน้ำมนต์อีกครั้ง ความเบื่อการสะเดาะเคราะห์ทำให้การเล่าความฝันให้คนในครอบครัวฟังเริ่มเบาบาง กระทั่งเลิกเล่าในที่สุด เห็นจะมีเพียงอุมารินทร์น้องสาวช่างฝันที่นาน ๆ ครั้งจะถามถึงความฝัน หรือนาน ๆ ทีหล่อนก็เล่าบ้าง

ไอยเรศไม่เคยเล่ารายละเอียดเรื่องราวที่หล่อนคุยกับผู้ชายในฝันให้ใครฟัง แม้น้องสาวซึ่งเป็นสาวช่างฝันชอบอ่านนิยายรักมาเพียรถาม หล่อนก็ไม่ปริปาก ไอยเรศก็ไม่แน่ใจตัวเองนักว่าเพราะเหตุใด หล่อนแค่อยากเก็บ ‘เขา’ ไว้เป็นความรู้สึกดี ๆ แม้จะเป็นแค่เพียงในฝันก็ตาม

เคยได้ยินบ่อย ๆ ว่าพ่อแม่เลี้ยงลูกมาย่อมรู้ดีว่าลูกแต่ละคนนิสัยเป็นอย่างไร ไอยเรศไม่สามารถบอกได้ว่าพ่อฉันท์กับแม่อุไรของหล่อนเป็นเช่นนั้นหรือไม่ หล่อนแค่รู้จักและมั่นใจตัวเองว่า ภายใต้รูปลักษณ์ดูแข็งกร้าวไร้ความอ่อนหวานซุกซ่อนความอ่อนไหวและส่วนลึกในจิตใจหล่อนนั้น ถูกเปิดเปลือยให้ชายหนุ่มผู้อยู่อีกฟากของต้นไม้รับรู้เสียสิ้น ความสุขกับการเปิดเผยตัวตนให้กับคนไม่รู้จักหล่อนรู้ว่ามันเป็นอย่างไร คุยกันแรก ๆ เขาก็ดูเหมือนจะไม่มั่นใจเหมือนกันกับหล่อน แต่เมื่อเวลาผ่านพ้น ช่องว่างระหว่างบรรยากาศก็เริ่มแคบ ทั้งเขาและหล่อนเริ่มเปิดเผยตัวตนมาทีละนิด ถึงจะเป็นเพียงความฝัน แต่หล่อนกลับรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดมาเป็นความจริงพอ ๆ กับสิ่งที่หล่อนพูดไป ตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาร่วมความฝัน ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาเขายิ่งแจ่มชัดในความรู้สึกต่างจากความฝันเรื่องอื่น...สิ่งเดียวที่นับวันยิ่งเลือนรางคือความมีตัวตนของชายหนุ่มคนนั้น

คิดมาถึงตรงนี้แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ภวังค์คิดกลับมาสู่ปัจจุบัน สายตาจับจ้องความเป็นจริงตรงหน้า แสงสว่างมาเยือนเต็มที่ แสงแรกแห่งวันส่งสีนวลตามาเยี่ยมกราย ความเย็นชื่นยามเช้าเริ่มถูกผลักดัน ความเงียบสงบเริ่มถูกคุกคามด้วยเสียงสั่งการของคุณอุไร

“อาย ! อายอยู่ไหนเนี่ย ! มาดูดอกไม้ตรงนี้ทีสิ !” หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ กับเสียงหงุดหงิดของผู้เป็นแม่ กระนั้นก็ลุกเดินไปหาโดยดี

“ดอกไม้มันกลายเป็นทองเหรอแม่ถึงได้เรียกซะเสียงลั่น” หญิงสาวเอ่ยถามกลั้วยิ้มเมื่อเดินมาใกล้ผู้เป็นแม่ซึ่งยืนหน้าบึ้งอยู่ใกล้กับพุ่มกล้วยไม้ไอยเรศที่ถูกตัดมาจับมัดช่อตกแต่งบริเวณประตูทางเข้าห้องพิธี คุณอุไรหันขวับกลับมาเตรียมเอาเรื่องเต็มที่ แต่สีหน้าบึ้งตึงก็เลือนหายอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นลูกสาวคนโตอยู่ในชุดเดรสแขนกุดผ้าไหมสั้นแค่เข่า มีเสื้อลูกไม้แขนสั้นสีฟ้าอ่อนตัวเล็กสวมทับอีกชั้น แม้จะเคยย้ำกึ่งบังคับให้ใส่แต่ก็ยังไม่แน่ใจนักว่าลูกสาวหัวดื้อจะยอม

“อาย...เห็นไหม ๆ แม่บอกแล้วว่าร้านนี้เขาตัดชุดใช้ได้ ดูสิ เข้ารูปสวยเชียว...แต่ทำไมหน้ามันโล้นเรียบอย่างนั้นล่ะ เติมปากหน่อยดีกว่า เดี๋ยวแม่ไปดูก่อนว่าช่างแต่งหน้าน้องเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จจะมาเติมให้อายด้วย ทรงผมก็อีกมามัดรวบตึงอย่างนี้ผมสวย ๆ อดโชว์หมด แม่ว่าให้ช่างเขาจัดการผมให้ด้วยดีกว่า” พูดจบก็ทำท่าจะผละไปจนไอยเรศต้องผวาคว้าแขนไว้

“เดี๋ยวแม่เดี๋ยว อายว่า...เอาเรื่องดอกไม้ก่อนดีกว่านะ แม่อย่าลืมว่านี่งานของอุ๊ ไม่ใช่งานของอาย” หญิงสาวบอกกลั้วหัวเราะ คุณอุไรชะงักก่อนยิ้มพลางโบกมือเบา ๆ

“ไม่มีอะไรหรอกดอกไม้น่ะ แม่แค่อยากให้อายเอาไอยเรศมาเพิ่มอีกสักสองสามช่อตรงทางเข้า เอาให้มันอลังการสมเป็นดอกกล้วยไม้ที่เป็นชื่อของสวนเราเท่านั้นเอง แม่บอกคนงานให้ตัดมาแล้วเดี๋ยวอายค่อนเอามาเสียบแซม ตอนนี้ไปแต่งหน้าหน่อยนะลูกนะ” ไม่พูดเปล่ายังจับแขนของลูกสาวออกแรงลาก

“จะแต่งไปทำม้าย” ไอยเรศครวญเสียงละห้อยแต่ก็เดินตามแรงลากโดยดี

“แหม เผื่อฝ่ายโน้นเขาพาญาติหล่อ ๆ โสด ๆ มาด้วย อายจะได้ไม่เสียโอกาสไง” คุณอุไรพูดจริงจัง ไอยเรศได้แต่หัวเราะพลางถอนหายใจ หล่อนรู้ว่านี่ไม่ใช่การพูดเล่น คำว่า ‘เผื่อ’ ของคุณอุไร แสดงว่า ‘มี’

นี่หล่อนจะต้องอยู่ในสภาพถูกจับคู่ดูตัวครั้งแล้วครั้งเล่าไปอีกนานแค่ไหนนะ...ผู้ชายในฝันคนนั้น...ช่วยปรากฏตัวปลุกหล่อนให้ตื่นเสียทีเถอะ !



รัมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 01:07:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ส.ค. 2556, 19:07:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 2109





<< บทนำ   ๒ เมื่อความวุ่นวายเริ่มก่อตัว >>
รัมย์ 4 ส.ค. 2556, 01:09:41 น.
สวัสดีค่ะคุณคนอ่านที่น่ารัก

ขอบคุณเหลือเกินสำหรับคำทักทาย การต้อนรับที่อบอุ่นแบบนี้หาได้ที่นี่ที่เดียวจริง ๆ ^^
ขอบคุณที่ยังไม่ลืมกัน ขอบคุณที่ไม่ unfollow กันไปเสียก่อน
ตอนนี้ส่งสาวงามเป็นพวงไอยเรศมาแนะนำก่อน ส่วนหนุ่มนั้น...ของดีต้องปล่อยทีหลัง อิอิ

มีข้อคิดเห็นประการใดแนะนำติติงกันมาได้ยินดีรับฟังเช่นเคยค่า

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า
รักคนอ่านนะเออ
รัมย์

ป.ล. ใครส่งจุ๊บมาตอนที่แล้ว...มารับกลับไปเสียดี ๆ ม๊วบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ


mottanoy 4 ส.ค. 2556, 01:54:31 น.
คิดถึงคุณรัมย์นะคะ


wii 4 ส.ค. 2556, 07:50:23 น.
พูดถึงเรื่องสัตว์สองเท้า เเม่กับพ่อกลับไปเมืองไทยเเล้วหมอดูก็ดูดวงให้เขาว่าพ่อกับเเม่จะใด้โชคเจ็ดชั้นเเปดชั้นอะไรนี่เเหละ เเถมจะใด้สัตว์สองเท้าด้วย เเม่ก็คิดว่าเฮ้ยจะใด้เป็นเป็ดหรือไก่ว๊ะ พอต่อมาเเม่ก็ใด้สัตว์สองเท้าพร้อมกันสองตัวคือ หนึ่ง มีคนมาขอลูกสาว สอง เเม่กะพ่อกำลังจะใด้หลาน เเถมยังไม่พอ ถูกหวยสามตัวสามงวดติดๆกัน อารายจาคาหนาดน๊านนนน เเต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาเเล้ว เเต่มาขำสุดๆก็ตอนที่เเม่คิดว่าจะใด้เป็ดหรือไก่เป็นลาภสัตว์สองเท้านี่เเหละ 555...


sai 4 ส.ค. 2556, 09:25:55 น.
ชื่อน่ารักกันทุกคนเลยชอบๆๆๆๆๆๆ มาต่อไวไวนะคะ อยากเจอชายในฝันของอายจังเลยยย


Zephyr 4 ส.ค. 2556, 11:29:45 น.
อ้าว ตกลงในฝันเหรอ ข้ามฝันมาเจอกัน


Sukhumvit66 4 ส.ค. 2556, 12:27:54 น.
แค่คิดก็โรแมนติกแล้วอ่ะ ต่างคนต่างฝันแล้วมาพบกัน


chuwub 4 ส.ค. 2556, 13:49:13 น.
ตามมารับจุ๊บค่ะคุณรัมย์ พระเอกนี่ดูแอบมากเลยเรื่องนี้ 555 ส่วนหนูอายนี่น่ารักดีค่ะ


ตามหาฝัน 5 ส.ค. 2556, 09:15:07 น.
อยากเห็นหน้าชายในฝัน


เพียงพลอย 5 ส.ค. 2556, 22:18:04 น.
ผช ในฝันจริงๆ ซะด้วยแฮะ งานนี้ไม่ใช่ดอกลำดวน แต่จะเป็นดอกกล้วยไม้สินะคะ อิอิ


supayalak 10 ส.ค. 2556, 22:03:31 น.
อยากฝันแบบนี้บ้างไรบ้างอ่ะ อย่างนี้ต้องร้องเพลง ผู้ชายในฝันรอไหมเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account