ใต้ร่มดอกรัก
ปฏิบัติการตามล่าหา "ผู้ชายในฝัน"
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ๒ เมื่อความวุ่นวายเริ่มก่อตัว

ใต้ร่มดอกรัก

2

เมื่อความวุ่นวายเริ่มก่อตัว


งานหมั้นของอุมารินทร์ผ่านพ้นไปอย่างสมบูรณ์แบบ ญาติฝ่ายชายต่างเอ่ยชมไม่ขาดปากถึงความสวยน่ารักของว่าที่เจ้าสาว และการตกแต่งสถานที่ด้วยกล้วยไม้สมกับการเป็นเจ้าของสวนกล้วยไม้อันดับต้น ๆ ของประเทศ ซึ่งประการหลังนี้เองทำให้คุณอุไรได้ใช้เป็นพื้นที่ ‘โฆษณา’ ลูกสาวคนโต

“ฝีมือของยัยอาย ลูกสาวคนโตฉันเองค่ะ กล้วยไม้สวย ๆ พวกนี้ก็มียัยอายเป็นคนดูแลใกล้ชิด คุณฉันท์น่ะถนัดเรื่องการผสมพันธุ์ใหม่ ๆ แต่ยัยอายสิคะเป็นคนเลี้ยงให้ดอกสวยสมบูรณ์แบบเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและนอกประเทศ ลูกสาวคนนี้ของฉันเป็นคนมีความรับผิดชอบ มอบหมายฝากฝังอะไรแล้วไม่เคยทำให้ผิดหวัง” คนฟังโฆษณาหันมามองคนถูกโฆษณาซึ่งกำลังจัดกระเช้าต้นกล้วยไม้เป็นของชำร่วยให้ผู้มาร่วมงานอย่างชื่นชม

“สมกับเป็นผู้หญิงรุ่นใหม่จริง ๆ นะคะ” คนฟังคล้อยตาม คุณอุไรแอบยิ้มก่อนถอนหายใจเบา ๆ

“เรื่องทำงานเก่งก็ยอมรับแหละค่ะ...แต่มัวแต่ทำงานไม่ยอมมีแฟนสักที ฉันล่ะกลุ๊ม กลุ้ม” ความกลุ้มใจของคุณอุไร ส่งผลให้หนุ่ม ๆ เพื่อนว่าที่เจ้าบ่าวเที่ยวเดินมาเฉียดใกล้ หรือชวนคุยจนไอยเรศอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ กระทั่งเหลือบไปเห็นคุณอุไรแอบมองอย่างลุ้นระทึกอยู่ไม่ไกลจึงถึงบางอ้อ หญิงสาวได้แต่หัวเราะอย่างระอากับความพยายามของผู้เป็นแม่ กระนั้นก็ตอบรับคำทักทายของชายหนุ่มเหล่านั้นตามมารยาทของเจ้าภาพ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะเรียกรอยพึงใจจากผู้เป็นแม่ได้ แม้ว่าหลังจบงานจะรู้ว่าหล่อนไม่ยอมสานต่อไมตรีกับหนุ่มเหล่านั้นก็ตาม

สายมากแล้วเมื่อไอยเรศรู้สึกหิวจนต้องหอบท้องร้องครวญกลับมายังตัวบ้านเลือกเข้าทางห้องครัวแทนห้องรับแขก เพราะชุดลงสวนของหล่อนซึ่งประกอบด้วยเสื้อเชิ้ตสีเทาแขนยาว กางเกงวอร์ม รองเท้าบูทยางยาวครึ่งแข้ง หมวกฟางปีกกว้าง แถมเหงื่อไหลไคลย้อย หากโผล่ไปห้องรับแขกซึ่งไม่มั่นใจนักว่าจะมีแขกอยู่หรือไม่ก็เสี่ยงจะทำให้ตัวเองโดนดุในภายหลัง

ครัวของบ้านถูกแยกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นครัวสำหรับคนงาน มีข้าวและกับข้าวหม้อใหญ่ ถ้วยจานชามวางไว้ให้สะดวกตักแบบบุพเฟ่ต์ อีกส่วนเป็นครัวที่คุณอุไรเคยบอกว่าเอาไว้ ‘อวดแขก’ นั่นเพราะบ่อยครั้งแขกที่มาเยี่ยมชมสวนกล้วยไม้และถูกเชื้อเชิญให้รับประทานอาหารมักจะเป็นแขกวีไอพี โดยส่วนใหญ่หากไม่ถูกบังคับให้ร่วมโต๊ะกับแขกไอยเรศมักใช้ส่วนครัวคนงานเป็นสถานที่ดับหิว วันนี้เมื่อหล่อนก้าวเข้าสู่ส่วนครัวกลับมีคนจับจองพื้นที่อยู่ก่อนแล้วถึงสี่คน

“มิน่าล่ะวันนี้ถึงได้ร้อนแต่เช้า เกิดการประชุมโดยมิได้นัดหมายนี่เอง” ไอยเรศเอ่ยเย้า ถอดหมวกฟางออกวางไว้โต๊ะเล็กข้างประตู เดินไปทรุดนั่งใกล้ ๆ ผู้เป็นพ่อซึ่งยังคงง่วนอยู่กับการอ่านเอกสารในมือ

“มาพอดีเลยพี่อาย อุ๊กำลังจะให้เด็กไปตาม ถามใครก็ยังไม่เห็นว่าพี่อายทานข้าวแล้ว พี่อายหิวหนักล่ะสิเนี่ยถึงได้กลับมา” อุมารินทร์ว่าพลางลุกไปรินน้ำมาส่งให้พี่สาวก่อนเดินไปเตรียมอาหารให้

ตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วที่อุมารินทร์เริ่มเข้ามาดูแลจัดการงานครัวด้วยความสนใจและชื่นชอบการทำอาหาร แรก ๆ ก็เป็นผู้ช่วยหยิบจับ จนเมื่อเลือกเรียนมหาวิทยาลัยเอกคหกรรมก็ถูกผู้เป็นแม่มอบตำแหน่งผู้บริหารงานครัวให้เต็มตัว กระทั่งเรียนจบ คุณฉันท์ก็หว่านล้อมให้อุมารินทร์มาดูแลงานบ้าน โดยตั้งเงินเดือนสูงลิบลิ่วไม่แพ้พี่ชายพี่สาว แถมยื่นข้อเสนอว่าจะเปิดร้านเบเกอรี่ให้หลังจากแต่งงาน แม้ไม่บังคับแต่อุมารินทร์ซึ่งเชื่อฟังพ่อแม่มาโดยตลอดก็รับข้อเสนออย่างไม่อิดออด หล่อนเริ่มทดสอบฝีมือการทำขนมให้คนงานเป็นด่านชิม แถมยังแบ่งขนมให้ลูกหลานคนงานอยู่เนือง ๆ จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ ไปโดยปริยาย

“ดูแลสาว ๆ เพลินน่ะอุ๊” ไอยเรศเอ่ยยิ้ม ๆ ยกน้ำขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วก่อนใช้หลังมือปาดเช็ดหยดน้ำมุมปาก สะดุดกิริยาตัวเอง เหลียวซ้ายแลขวาอย่างระวังภัย อุมารินทร์วางจานกับข้าวลงตรงหน้าพี่สาวพลางหัวเราะเบา ๆ กระซิบว่า

“แม่ไม่อยู่หรอกพี่อาย ไปทำบุญที่วัด” คนฟังถอนหายใจอย่างโล่งอก

“แล้วไปที ไม่งั้นหูชาตั้งแต่เช้าแน่ ๆ ... ‘เป็นผู้หญิงนะอาย ผ้าเช็ดปากก็มีทำไมไม่ใช้ เอาหลังมือป้าย ๆ แบบนั้นสกปรก ไม่เรียบร้อย !’” ท้ายประโยคหญิงสาวดัดเสียงเลียนแบบคุณอุไรได้คล้ายคลึงจนแม้แต่คุณฉันท์ก็อดหัวเราะไม่ได้

“ก็เรานี่นะ ชอบทำให้ตัวเองถูกดุอยู่เรื่อย” คุณฉันท์ว่าพลางโคลงศีรษะ

“อายไม่ได้ชอบนะพ่อ...แหม...จริง ๆ แม่ก็น่าจะรู้ว่านี่มันกลายเป็นนิสัยของอายแล้ว จะมาหยุมหยิมอะไรนักก็ไม่รู้” ไอยเรศกระเง้ากระงอด มือก็รับจานข้าวที่น้องสาวยื่นให้และเริ่มลงมือตักข้าวเข้าปากเคี้ยวอย่างหิวโหย

“เมื่อก่อนน่ะมันก็พอรับได้ไม่หนักหนา แต่ตอนนี้พี่บอกได้คำเดียว แม่กลัวเราขายไม่ออกน่ะสิ” ไอราพตเย้าขำ ๆ มองน้องสาวคนโตไหวไหล่เบา ๆ ทำหน้าไม่ยี่หระอย่างเอ็นดู

“ไม่เห็นจะต้องกลัว อายบอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าถ้าเจอผู้ชายในฝันเมื่อไหร่ ถึงไม่อนุมัติก็จะหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามเขาไปเลย” หญิงสาวพูดจริงจัง

“ผู้ชายในฝันคนนั้น...เกิดหรือยังครับ ?”

ถ้าคนเอ่ยถามคำนี้เป็นพ่อหรือพี่ชาย ไอยเรศคงไม่ยกช้อนค้างเหมือนที่เป็นอยู่ หญิงสาวหรี่ตามองอย่างเอาเรื่อง ขณะที่คนอื่น ๆ หันไปมองภูมิใจอย่างทึ่งจัด ตั้งแต่ภูมิใจถูกแนะนำกับคนในบ้านว่าเป็นลูกศิษย์คนโปรดของคุณฉันท์ ความเป็นคนพูดน้อย ค่อนข้างเก็บตัว ของเขากลับถูกอกถูกใจคุณอุไรเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเห็นว่าลูกสาวคนเล็กและว่าที่ด็อกเตอร์หนุ่มออกอาการเคมีตรงกันจึงให้การสนับสนุนและเฝ้ามองหนุ่มสาวค่อย ๆ ปลูกต้นรักตลอดมา ความสนิทสนมก่อตัวจนแทบจะเรียกได้ว่าภูมิใจกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ‘ชอบพันธุ์’ แต่กระนั้นเขาก็ยังคงพูดน้อยดังเดิม เมื่อประโยคซึ่งไม่แน่ใจว่าหยอกเย้าหรือเอาจริงออกจากปากเขา จึงเป็นที่น่าแปลกใจไม่น้อย

“คุณภูมิ...ถึงคุณจะอายุมากกว่า แต่ศักดิ์คุณน่ะ น้องเขยนะคะ...น้อง !!” ไอยเรศย้ำคำสุดท้ายด้วยการชูกำปั้นร่อนใกล้หน้าว่าที่ด็อกเตอร์หนุ่ม ซึ่งนอกจากจะไม่ขยับแล้วยังแถมรอยยิ้มให้อีกด้วย

“อายเอ๊ย ผู้ชายในฝันยังไงก็เป็นได้แค่ผู้ชายในฝันเท่านั้นแหละ ไม่มีทางจะออกมาให้แกพบปะพูดคุยตัวเป็น ๆ ได้หรอก” ไอราพตเสริมแกมหัวเราะ “ทางที่ดีนะพี่ว่าแกตื่นมาพบความจริงตัวเป็น ๆ ดิ้นได้ เลือกก็ได้แบบที่แม่แนะนำดีกว่านะ” ไอยเรศหันขวับไปมองคนพูดเขม็ง

“อายเชื่อว่าผู้ชายในฝันมีจริง เขาจะเป็นรักครั้งสุดท้ายของอาย คอยดูนะถ้าอายเจอตัวเป็น ๆ ดิ้นได้เมื่อไหร่ จะพามาเบ่งกล้ามโชว์ให้พี่ไอซ์ได้อายเลยทีเดียว !” หญิงสาวเอ่ยอย่างหมายมาด กวาดตามองกลางลำตัวของพี่ชายซึ่งเริ่มขยายออกด้านข้างตั้งแต่เริ่มจีบเจ้าของสวนอาหารเพราะติดใจรสชาติต้องไปฝากท้องขายขนมจีบบ่อย ๆ ไอราพตหัวเราะเบา ๆ กับสายตา ‘พาดพุง’ ของน้องสาว แถมยกมือขึ้นลูบท้องนูนเล็ก ๆ อย่างยั่วเย้า

“เออ...พี่จะรอดูว่ะ สัญญาว่าจะอายให้แกดู...แต่ก่อนอื่นไปปลุกผู้ชายในฝันให้ตื่นก่อนดีกว่า ถ้ามีจริงน่ะนะ” พูดจบเขาก็หัวเราะลงลูกคออย่างพอใจ คนถูกค่อนแคะมองค้อนตากลับ ทำปากขมุบขมิบ

“อุ๊มาลองคิด ๆ ดูแล้ว พี่อายลองมองคนที่แม่แนะนำแบบจริงจังสักทีก็ไม่เสียหายนะ” อุมารินทร์ออกความเห็นบ้าง ก่อนรีบผุดลุกไปยืนซ้อนหลังคู่หมั้นเมื่อพี่สาวป่ายมือมาหมายประทุษร้าย

“หนอย ยัยอุ๊ เมื่อวันหมั้นแกยังมาทำหน้าเคลิ้มกับผู้ชายในฝันของฉันอยู่เลย ผ่านไปไม่กี่วันลืมแล้วหรือยะ...แหม...มันน่าเสียดายแคทรียาทองสุพรรณจริง จริ๊ง !” พี่สาวพูดทิ้งน้ำหนักเสียงอย่างหงุดหงิด อุมารินทร์เห็นว่าคู่หมั้นสามารถเป็นปราการด้านน้ำหนักมือพี่สาวได้จึงเอ่ยต่อ

“แหม...ก็อุ๊เพิ่งรู้นี่ว่าความจริงยังไงก็ดีกว่าความฝัน เนอะพ่อเนอะ” หญิงสาวหาแรงสนับสนุนหลักซึ่งพับเก็บเอกสารพอดี

“เฮ้ย อย่ามาโยนเผือกร้อนให้พ่อสิเจ้าอุ๊” คุณฉันท์รีบปัดเมื่อเห็นสายตาของลูกสาวคนโตเปลี่ยนเป้าหมาย “เอาน่า อายก็ พี่น้องเขาก็แค่หยอกเล่นจะอะไรหนักหนา อยากอยู่กับหนุ่มในฝันก็อยู่ไป ใครจะกล้าว่าอะไรลูกได้ล่ะ” คำไกล่เกลี่ยของผู้เป็นพ่อเรียกสีหน้าปกติให้คืนกลับ หญิงสาวอมยิ้มพลางพยักหน้ารับ

“พ่อหล่อตั้งแต่เช้าเลยวันนี้ กดไลค์ ๆ” หล่อนว่าพลางชูนิ้วโป้งส่งให้ คุณฉันท์หัวเราะชอบใจ ก่อนเลื่อนเอกสารที่อ่านเมื่อครู่ไปอยู่ตรงหน้าลูกสาวคนโต

“ไปประชุมแทนพ่อหน่อยสิอาย มันตรงกับวันพ่อต้องไปบรรยายต่างจังหวัดพอดี” คุณฉันท์บอกพลางพยักเพยิดเป็นเชิงให้หยิบเอกสาร ไอยเรศปฏิบัติตามไม่รอช้า เพียงกวาดตาอ่านคร่าว ๆ หญิงสาวก็พยักหน้าหงึกหงักกับเอกสาร

“ได้เลย อายกำลังอยากไปเปิดหูเปิดตาอยู่ทีเดียว ห่างเหินเมืองกรุงมาหลายเดือนแล้ว ขอฉวยโอกาสหนีเที่ยวต่อด้วย...นะคะพ่อ”

คุณฉันท์ยิ้มอย่างเอ็นดูกับประโยคลงท้ายของลูกสาวคนโต น้ำเสียงเจือแววอ้อนกับรอยยิ้มกว้างขวางจนตาหยิบหยีไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก ด้วยบุคลิกและนิสัยใจคอออกแนวห้าว พูดจาก็ติดห้วน หากไม่มองรูปร่างหน้าตาก็มักจะเผลอคิดว่ามีลูกชายสองคน ตั้งแต่ไอยเรศเข้ามารับผิดชอบชนิดเต็มที่เต็มเวลา สวนกล้วยไม้ไอยเรศก็ยิ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ นั่นเพราะความเอาใจใส่กับงานที่อยู่ในความรับผิดชอบ แม้ไม่ได้ร่ำเรียนมาโดยตรงแต่การเข้ามาคลุกคลีตีโมงอยู่กลางดงกล้วยไม้ตั้งแต่เด็กก็ฝังรากหยั่งลึกลงในจิตใจอย่างไม่รู้ตัว

“งั้นอายแวะส่งกล้วยไม้ที่พาราไดซ์ ซิตี้ด้วยสิ อยู่ใกล้ ๆ กับโรงแรมที่ประชุมพอดีเลย” ไอราพตเอ่ยหลังจากหยิบเอกสารไปอ่านเทียบกับตารางสั่งของในบัญชี

“เอ...พักนี้พาราไดซ์ ซิตี้สั่งกล้วยไม้ถี่เป็นพิเศษนะ ? คุณนันทพลมีอะไรพิเศษหรือเปล่า ?” ไอยเรศถามอย่างสงสัย เพราะพอรู้จักกับนันทพล ธีระชโลธร เจ้าของโรงแรมพาราไดซ์ ซิตี้อยู่บ้าง เนื่องจากเป็นลูกค้าขาประจำ และเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่สวนไอยเรศให้สิทธิ์เลือกกล้วยไม้ที่ต้องการได้ โดยปกติจะส่งสัปดาห์ละหนึ่งครั้งและสัปดาห์นี้ก็ตัดส่งไปแล้ว

“เห็นคุณนันทพลบอกว่ามีงานเลี้ยงหลายงานที่อยากให้ตกแต่งด้วยกล้วยไม้ พี่เห็นว่าออเดอร์เดือนนี้ไม่มีเพิ่มแล้ว ดอกน่าจะพอเลยตอบตกลงไป” ไอราพตอธิบาย

“งั้นก็ตกลงตามนั้นนะ อายจะไปประชุมแทนพ่อ แล้วก็จะแวะไปส่งกล้วยไม้ให้พี่ไอซ์ เสร็จแล้วอายก็จะไปรื่นเริงตามประสาสักวันสองวัน ยังไงก็...ฝากดูแลสาว ๆ ด้วยนะ...น้องเขย !” ท้ายประโยคหญิงสาวหันมาบอกภูมิใจ เน้นย้ำตำแหน่งด้วยเสียงขุ่นอย่างจะให้รู้ว่ายังไม่หายโกรธ ชายหนุ่มเพียงแต่ยิ้มรับน้อย ๆ

“เอ๊ะ ? โรงแรมที่พี่อายจะไปประชุมแทนพ่ออยู่ใกล้ ๆ ศาลพระพรหมเอราวัณนี่นา ?” อุมารินทร์เอ่ยขึ้นหลังจากแอบหยิบเอกสารเชิญประชุมของคุณฉันท์มาอ่านบ้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นของหญิงสาวเรียกความสนใจจากคนที่เหลือได้เป็นอย่างดี “เหมาะเลยพี่อาย !” ว่าพลางลากเก้าอี้ไปนั่งใกล้ชิดพี่สาวซึ่งยังทำหน้างง

“เหมาะอะไร ?” ไอยเรศเหวอมองน้องสาวที่กำลังเกาะแขน สีหน้าตื่นเต้นประกายตามวาววามเจือฝัน

“ไปขอพรไง ! พี่อายรู้ไหม ศาลพระพรหมเอราวัณศักดิ์สิทธิ์มากเลยนะ !” ท่าทีกระตือรือร้นเล่าไปเขย่าแขนพี่สาวไปของอุมารินทร์ทำให้ผู้ชายสามคนมองพลางอมยิ้มอย่างเอ็นดู ส่วนคนเป็นพี่สาวยังทำหน้าไม่เข้าใจสิ่งที่น้องสาวบอก

“ขอพร ? ขอทำไม ? ขอเรื่องอะไร ? ขอเพื่ออะไร ?” ไอยเรศถามอย่างใจคิด

“ผู้ชายในฝันไงพี่อาย ขอเลย !” ความเงียบเกิดขึ้นทันทีที่น้ำเสียงลิงโลดดีใจเอ่ยจบประโยค ต่างหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก คุณฉันท์เป็นคนแรกที่หลุดเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ โดยมีไอราพตและไอยเรศตามมาติด ๆ ส่วนภูมิใจเพียงอมยิ้มกว้างขึ้นพร้อมไปลากแขนคู่หมั้นสาวกลับมานั่งที่เดิม

“หัวเราะอะไรกันคะ ?! นี่อุ๊พูดจริง ๆ นะ...คือ...เพื่อนอุ๊เคยไปขอพรแล้วสำเร็จด้วย” อุมารินทร์บอกกระเง้ากระงอด มองค้อนพี่ชายพี่สาวตาคว่ำ

“รู้แล้วว่าพูดจริง...แต่...จะให้พี่ไปขอผู้ชายกับพระพรหมนี่นะ ? พี่ว่าคนที่ควรตื่นคือแกมากกว่ายัยอุ๊ !” พูดจบไอยเรศก็หัวเราะชอบใจ

“แต่พ่อว่าลองดูหน่อยก็ไม่เสียหายนะอาย” คุณฉันท์พูดกลั้วหัวเราะ ผุดลุกขึ้นยืนเหมือนจะบอกเป็นนัยว่าสมควรแยกย้ายกันไปได้แล้ว ไอราพตพลอยลุกตามโดยอัตโนมัติ อุมารินทร์รีบโผไปเกาะพ่อเมื่อเห็นแววว่าจะมีพวก ภูมิใจได้แต่อมยิ้มโคลงศีรษะเบา ๆ แต่ก็ลุกตามไปยืนอยู่ใกล้คนรัก มีเพียงไอยเรศที่ยังนั่งอ้าปากค้างกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

“พี่เห็นด้วยกับพ่อแล้วก็อุ๊นะอาย...รู้หรือเปล่าว่าแม่มาขอรายชื่อเพื่อนที่ยังโสดของพี่ไปสืบประวัติแล้วนะ” ไอราพตบอกกลั้วหัวเราะ

“คือ...ผมก็ถูกขอรายชื่อเพื่อนด้วยเหมือนกันครับ” ภูมิใจบอกยิ้ม ๆ ไอยเรศยิ่งอ้าปากค้างกว่าเดิม

“เพื่อนพ่อก็ถูกขอ...” คุณฉันเอ่ยค้าง คนที่เหลือหันขวับไปมองทันที

“พ่อครับ...ผมว่าถ้ารุ่นเพื่อนพ่อนี่คงสู้แรงยัยอายไม่ไหวหรอกครับ” ไอราพตแย้งขำ ๆ

“เฮ้ย พ่อหมายความว่าเพื่อนพ่อถูกขอรายชื่อลูกหลานหนุ่มโสดเหมือนกันต่างหากเล่า” คุณฉันท์บอกกลั้วหัวเราะ อุมารินทร์ยกมือทาบอกถอนหายใจเบา ๆ

“แล้วไป...เกิดพี่อายปิ๊งขึ้นมาจริง ๆ อุ๊ไม่รู้จะเรียกพี่เขยหรือพ่อดีล่ะนะ”

“เรื่องนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ...เหมือนกับว่าอายจะโกรธแล้ววิ่งไปอาละวาดกวาดสาว ๆ ในโรงเรือนมาเผาทิ้งให้หมดสวนเลยดีไหม ?” เสียงเย็น ๆ ดังแทรกบรรยากาศขบขันเรียกสายตาของคนที่กำลังอมยิ้ม หัวเราะอยู่ให้หันกลับไปมองคนพูด แล้วต่างก็หุบยิ้มเมื่อเห็นว่าตอนนี้นอกจากสายตาของไอยเรศจะขุ่นขึ้งเต็มพิกัดแล้ว กิริยายิ้มแสยะของเจ้าหล่อนคนในครอบครัวรู้ดีว่าเป็นปรากฏการณ์น้ำนิ่งก่อนพายุใหญ่จะตามมา แม้ภูมิใจจะเพิ่งก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกเริ่มประจำของบ้านก็พอจะรู้บ้าง ทั้งด้วยตัวเองและจากคำบอกเล่าของคู่หมั้น

“ล้อเล่นกันหรอกอายก็ ทำเครียดไปได้ โกรธอะไรก็อย่าเอาไปพาลกับกล้วยไม้สิ กว่าจะออกดอกต้องประคบประหงมใช้เวลานะ” คุณฉันท์ไกล่เกลี่ย เอื้อมมือไปตบไหล่ลูกสาวขี้โมโหเบา ๆ เห็นกิริยาตวัดตามองค้อนก็อมยิ้ม...เมฆดำเริ่มสลายตัวแล้ว “เอาล่ะ ๆ แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว” คุณฉันท์เอ่ยพลางสะบัดมือคล้ายไล่ เหมือนรอโอกาสนี้อยู่แล้ว ผู้ร่วมเหตุการณ์สลายตัวอย่างรวดเร็ว กระทั่งเหลือเพียงสองคนพ่อลูก คุณฉันท์จึงหันมากำชับอีกครั้ง

“ไปประชุมก็แต่งตัวเรียบร้อยหน่อยนะอาย งานนี้มีแต่ผู้ใหญ่ พ่อไม่ค่อยเห็นเราแต่งเนื้อแต่งตัวนักไปคุยกับแม่เรื่องชุดหน่อยก็ดีนะ”

“ค่ะ” รับคำหนักแน่นพร้อมสีหน้าจริงจังของลูกสาว พลอยทำให้คุณฉันท์อมยิ้มอย่างวางใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปล่อยให้ลูกสาวเป็นตัวแทนในการร่วมประชุม เขาจำคำบอกเล่าของสมาชิกในกลุ่มที่กลับมาเล่าให้ฟังถึงวีรกรรมลูกสาวที่เขามอบหมายให้เข้าร่วมประชุมครั้งแรกได้ดี สมาชิกในกลุ่มล้วนสูงวัยให้ความนับถือเขาในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องกล้วยไม้ พยายามลองภูมิรู้ของลูกสาวจนถูกสวนกลับด้วยข้อมูลจากประสบการณ์ตรงซึ่งแน่นเอียดจนฟังแทบไม่ทัน แถมไม่ใช่การอธิบายแบบอวดรู้ ลูกล่อลูกชนกับคนต่างวัยของหญิงสาวทลายปราการอคติลงทีละนิด จนครั้งหลังสุดสมาชิกในกลุ่มบางคนถึงกับระบุให้ไอยเรศไปประชุมแทน คนเป็นพ่อได้ยินได้รู้ก็อดภูมิใจไม่ได้

“ฝากด้วยนะลูก” เขาบอกอีกครั้งคราวนี้ลูกสาวแสร้งทำหน้าเมื่อยก่อนตอบเสียงยานคาง

“ค่าคุณพ่อ ย้ำอย่างกับจะกลัวอายลืม...เอ๊ะ ? หรือพ่อเข้าสู่วัยหลงลืมแล้ว ?” ท้ายประโยคยั่วเย้าแถมลอยหน้าลอยตาประกอบ คนเป็นพ่อก็ได้แต่หัวเราะไม่ถือสา หมุนตัวหมายจะเดินจากก็ชะงักคล้ายนึกอะไรได้

“อ้อ...ลืมบอกเรื่องสำคัญไป” คุณฉันท์บอกจริงจัง หันไปมองลูกสาวซึ่งกำลังตั้งใจฟัง “อย่าลืมขอพรพระพรหมให้ผู้ชายในฝันรีบมาเกิดนะลูก เดี๋ยวจะตามกันไม่ทัน” โดยไม่รอฟังคำแย้ง พูดจบคุณฉันท์ก็ก้าวเร็ว ๆ ออกจากห้องครัวพร้อมหัวเราะเสียงดังอย่างพอใจ รู้ว่าหลังจากรู้สึกตัวแล้วลูกสาวก็ทำได้เพียง...

“พ๊อ !!”



โดยปกติหลังเสร็จสิ้นอาหารเย็น ครอบครัว ‘ชอบพันธุ์’ จะนั่งชุมนุมกันที่ห้องนั่งเล่น แต่วันนี้ไอราพตซึ่งไปฝากท้องไว้กับสวนอาหารอิ่มอุ่นยังไม่กลับ คุณอุไรหลังจากได้รับการร้องขอจากลูกสาวเรื่องชุดสำหรับการประชุมแล้วก็ตื่นเต้นจนรีบไปค้นห้องเสื้อผ้าเพื่อเตรียมไว้รอ จึงเหลือสมาชิกอยู่เพียงแค่พ่อกับลูกสาวอีกสองคน

“พ่อขา โครงการร้านเบเกอรี่และของที่ระลึกของอุ๊ ผ่านการพิจารณาจากพี่ไอซ์แล้วนะคะ” อุมารินทร์เอ่ยเสียงอ้อน คุณฉันท์ซึ่งกำลังเตรียมเอกสารสำหรับการสัมมนาลงกระเป๋าหัวเราะเบา ๆ

“พ่อรู้แล้ว ก็พ่อเป็นคนเซ็นอนุมัติเอง ถึงที่จะพร้อม คนรับเหมาพร้อมแต่อุ๊ก็ต้องลงไปดูแลเองนะ จะได้ไม่ต้องมาบ่นทีหลังว่าเขาทำไม่ถูกใจ” คุณฉันท์แนะนำ อุมารินทร์พยักหน้าเร็ว ๆ อย่างยินดี

“อุ๊รับรองค่ะพ่อ อุ๊จะเดินตามคนงานชนิดไม่ให้คลาดสายตาเลยทีเดียว” หญิงสาวรับคำ

“มากไปมั้ง...เกิดคนงานรำคาญจะพาลตดไล่เอานะ” ไอยเรศว่ากลั้วหัวเราะ สายตายังคงกวาดมองวารสารไม้ดอกไม้ประดับในมือจึงไม่เห็นสายตามองค้อนของน้องสาว

“ไม่ต้องมาแขวะอุ๊เลยพี่อาย...อุ๊ว่าพี่อายรีบหาผู้ชายในฝันให้เจอเร็ว ๆ ดีกว่านะ” อุมารินทร์ว่างอน ๆ แต่ย้ายตัวเองมานั่งใกล้พี่สาวที่นอนพังพาบอ่านวารสารอยู่บนฟูกสีสวย

“อ้าว พูดถึงเรื่องตัวเองอยู่ดี ๆ ทำไมมาแวะเรื่องพี่ได้ล่ะ” ไอยเรศโวยวาย พลางขยับตัวขึ้นนั่งขัดสมาธิคว้าหมอนอิงสีสวยเตรียมพร้อมออกอาวุธ

“มันต้องย้ำบ่อย ๆ พี่อายไม่รู้อะไร อุ๊น่ะแอบได้ยินแม่โทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้จับใจความได้คร่าว ๆ ว่าหลังจากพี่อายไปประชุมที่กรุงเทพฯ กลับมาแล้ว เขาจะมีปาร์ตี้อะไรสักอย่าง เป้าหมายเพื่อเปิดตัวพี่อายอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชนหนุ่มโสดโดยเฉพาะเลย” อุมารินทร์จีบปากจีบคอบอก คนฟังตาเหลือกค้าง

“อะไรนะ ?!”

“จริง ๆ พี่อาย อุ๊ได้ยินว่าแม่จองโรงแรมจัดงานด้วยนะ ดูเหมือนเรื่องที่แม่ขอรายชื่อหนุ่มโสดทั้งจากพี่ไอซ์ พี่ภูมิ แล้วก็ลูกหลานเพื่อนพ่อ จะถูกเชิญมาร่วมงานนี้กันหมดเลย” อุมารินทร์บอกจริงจังทั้งสีหน้าและน้ำเสียง

“เฮ้ย แม่คงไม่เว่อร์ขนาดนั้นหรอกมั้ง ?” คุณฉันท์แย้งหลังจากอึ้งฟังมานาน

“อุ๊ได้ยินแม่คุยโทรศัพท์อย่างนั้นจริง ๆ นะคะพ่อ” อุมารินทร์ย้ำก่อนหันมาทางพี่สาว “พี่อาย อุ๊บอกตรง ๆ นะ อุ๊เชื่อว่าพี่อายสามารถผ่านพ้นปาร์ตี้จับคู่นี้ได้อย่างสบาย แต่พี่อายลองคิดดูนะว่าถ้าไม่สำเร็จครั้งนี้ คิดเหรอว่าแม่จะยอมแพ้ จนกว่าจะประสบผลแม่ต้องมีเรื่องแบบนี้มาให้พี่ได้วุ่นวายไม่ซ้ำแน่ ๆ”

“พ่อ...” ไอยเรศหันไปครวญกับผู้เป็นพ่ออย่างไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านั้น คุณฉันท์เองก็ทำได้เพียงถอนหายใจพลางส่ายหน้า

“อาย...อายน่าจะรู้นะว่าแม่น่ะ เป็นประชาธิปไตยของบ้าน เรื่องนี้พ่อช่วยไม่ได้จริง ๆ แต่...พ่อเอาใจช่วยให้เจอคนที่ใช่เร็ว ๆ นะลูกนะ...โชคดีลูก” คุณฉันท์พูดพลางตบไหล่ของลูกสาวเบา ๆ ก่อนเดินโคลงศีรษะเดินจากไป ไหล่สั่นน้อย ๆ ชนิดที่มองไม่ออกว่าเกิดจากการกลั้นหัวเราะหรือเพราะหวาดหวั่นภรรยา

“พี่อาย...อุ๊ขอแนะนำอีกวิธีนะ” อุมารินทร์เอ่ยขึ้นหลังจากเห็นพี่สาวทำหน้าซังกะตาย

“อะไร ? ยังไง ?” พี่สาวละล่ำละลักไปเขย่าแขน น้องสาวทำสีหน้าเป็นการเป็นงาน ยกมือกอดอก

“ในเมื่อแม่บุกโดยที่ไม่ถามความคิดเห็นพี่อายก่อน พี่อายก็สามารถที่จะทำเรื่องนี้โดยที่ไม่บอกแม่ได้เหมือนกัน” อุมารินทร์ว่าอย่างมั่นใจ พี่สาวพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

“แล้วเราต้องทำยังไงบอกเสียที ใจร้อน ๆ” ไอยเรศเร่งเร้า น้องสาวยกมือกอดอก เชิดหน้าเอ่ยวาจาแข็งกร้าว

“เราต้องพึ่งไสยศาสตร์ !” คนฟังนิ่งในตอนแรก ตามมาด้วยการถอนหายใจส่ายหน้าอย่างระอา

“ขอแบบเป็นเรื่องเป็นราวได้ไหมอุ๊...ทำแบบนี้พี่ยิ่งกลุ้มว่ะ”

“อุ๊พูดจริง ๆ พี่อาย จำที่อุ๊บอกเมื่อเช้าได้ไหม ? พี่อายจะไปประชุมที่กรุงเทพ โรงแรมอยู่ไม่ไกลจากศาลพระพรหมเอราวัณเลย เดินไปแป๊บเดียวก็ไปขอพรจากท่านได้แล้วไม่เสียหาย ไม่เสียเวลาตรงไหนเลย” อุมารินทร์บอกจริงจัง เห็นพี่สาวยังทำสีหน้าไม่เชื่อถือจึงขยับเข้าไปใกล้ เอ่ยต่อเบา ๆ พอได้ยินกันสองคน “พี่อายรู้ไหม...การขอพรจากพระพรหมเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์และสัมฤทธิ์ผลมาก ๆ นะ”

“ที่แกโม้ว่าเพื่อนแกขอพรแล้วสำเร็จนะเหรอ” ไอยเรศว่าเสียงเนือย น้องสาวพยักหน้าแรง ๆ ตอบรับพร้อมสีหน้าจริงจัง

“อุ๊ไม่ได้โม้ เมื่อเช้าที่บอกว่าเพื่อนขอพรน่ะ...อุ๊โกหก จริง ๆ แล้วอุ๊เองแหละที่เป็นคนขอพร” หญิงสาวกระซิบกระซาบ ผู้เป็นพี่หันมาเลิกคิ้วมองเหมือนจะถาม หล่อนได้แต่ยิ้มแหย “คือ...เรื่องนี้รู้แล้วเหยียบไว้เลยนะพี่อาย...อุ๊ไปขอพรตอน...ตอน...” พูดมาถึงตรงนี้แก้มเนียนของเจ้าหล่อนก็ซับสีเลือด ซ้ำกิริยาขัดเขินแปลก ๆ ยิ่งทำให้พี่สาวอยากรู้มากขึ้น

“ตอนไหน เร็ว...อยากรู้ !”

“ตอน...ตอน...พี่อายอย่าลืมนะ อุ๊บอกแล้วเหยียบไว้เลย” อุมารินทร์ย้ำอีกครั้ง

“เออ ถ้าไม่บอกตอนนี้ฉันจะเหยียบแก !” ไม่พูดเปล่าหญิงสาวยังง้างเท้าให้ดูเป็นตัวอย่างจนอีกฝ่ายต้องรีบละล่ำละลัก

“อุ๊ไปขอพรจากพระพรหมให้ท่านดลใจพี่ภูมิตกหลุมรักอุ๊และขออุ๊แต่งงาน !” อุมารินทร์พูดชนิดไม่หายใจหายคอ พูดจบก็ยกมือกุมแก้มแดงเรื่อขบเม้มริมฝีปากอย่างขวยเขิน ขณะที่พี่สาวหรี่ตามองสีหน้าไม่เชื่อถือ

“ถึงไม่ขอพร คนตาไม่บอดเขาก็ดูออกทั้งนั้นแหละว่าคุณภูมิเขาชอบแก” หล่อนแย้ง

“ชอบแต่ไม่พูด จะมีประโยชน์อะไรล่ะพี่อายก็” อุมารินทร์บอกค้อน ๆ “พี่ภูมิปากหนักจะตาย อุ๊ไปงานแต่งงานเพื่อนพอดีเลยถือโอกาสไปขอพรพระพรหม...พอกลับมาไม่กี่วันพี่ภูมิที่แสนจะพูดน้อยก็บอกโต้ง ๆ ว่าชอบอุ๊ ขออุ๊เป็นแฟน ไม่กี่เดือนก็ขอแต่งงาน คิดดูสิพี่อาย...อุ๊ว่ามันเรื่องเหลือเชื่อที่น่าเชื่อจริง ๆ นะ” หญิงสาวยังหว่านล้อมต่อ

“จะจริงเร้อ ?” ไอยเรศทำเสียงไม่เชื่อ

“ลองสักหน่อยไม่เสียหายหรอกน่า เชื่ออุ๊” น้องสาวรับรองแข็งขันก่อนเดินจากไป ปล่อยพี่สาวให้อยู่กับความคิดของตัวเองลำพัง

ไอยเรศถอนหายใจหนักหน่วง จะว่าไปหล่อนก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนวิธีการของน้องสาว แม้จะไม่เชื่อในเรื่องแบบนี้มากนักแต่ก็ไม่เคยลบหลู่ ทว่าเมื่อคิดถึงข่าวที่น้องสาวบอกและยังมองไม่เห็นทางใดที่จะหลีกเลี่ยงการจัดการของผู้เป็นแม่ได้ บางทีการขอพรในสิ่งที่ปรารถนาก็อาจจะช่วยให้หล่อนรู้สึกดีและอาจจะเหมือนมีความหวังในสิ่งที่รอขึ้นมาบ้างก็ได้ หญิงสาวคิดพลางยิ้มให้กับชีวิตสงบสุขที่เริ่มมีแววยุ่งเหยิงของตัวเอง



รัมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ส.ค. 2556, 19:02:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ส.ค. 2556, 19:07:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 2550





<< ๑ ตื่น   ๓ อธิษฐานเอย >>
รัมย์ 12 ส.ค. 2556, 19:06:02 น.
สวัสดีวันแม่ค่ะ

ตอนนี้ทุกคนคงได้ไปสวัสดีคุณแม่กันแล้วเนอะ อิจฉา ๆ คนเขียนได้แค่โทรศัพท์ไปจ๊ะจ๋า
เอาไว้ปิดเทอมเล็ก ๆ จะกลับไปธุจ้าให้หายคิดถึง เรารักแม่ได้ทุกวันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงกันแล้วนี่เนอะ

เอาตอนที่สองของน้องอายมาฝากค่ะ...คุณพระเอกก็ยังไม่โผล่เหมือนเดิม เล่นตัวจริง ๆ
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ หากงานเขียนมีข้อเขียนแปลก ๆ ไม่สมเหตุสมผล คำผิดหกตกหล่นประการใดบอกกล่่าวกันได้เลยค่ะ ยินดีรับฟังด้วยเต็มใจ

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ
เราจะตามหาผู้ชายในฝันต่อไป!

รักคนอ่านทุกคน
รัมย์


รักเร่ 12 ส.ค. 2556, 22:26:37 น.
เมื่อไหร่พระเอกนางเอกจะเจอกันในความจริง


Sukhumvit66 13 ส.ค. 2556, 11:20:38 น.
5555 ไปขอสักหน่อยก็ไม่เสียหลายนะ นู๋อาย


coonX3 13 ส.ค. 2556, 11:42:25 น.
พระนางจะเจอกันตอนไหนหนอ รอๆๆๆนะค่ะ


Zephyr 13 ส.ค. 2556, 16:49:54 น.
ขอพรเสร็จปุ๊บ เจอกันปั๊บเลยได้มั้ย อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account