ไฟซ่อนเชื้อ
ไฟซ่อนเชื้อ เป็นนิยายสองในหกเรื่องที่ ‘กันเกรา’ เขียนให้นางเอกเก่ง ฉลาด หลักแหลม รอบรู้ ทันคน และไม่ยอมให้เป็นฝ่ายถูกระทำ แถมตรงกันข้ามคือตามกระทำ ตามเอาคืนคนอื่นได้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนเกือบตลอดเรื่อง

ผิดกับนิยายภายใต้นามปากกา ‘กันเกรา’ ที่พอท่านผู้อ่านเห็นชื่อบนหน้าปก สันปกแล้ว ก็จะจินตนาการว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็คงจะออกแนวโรแมนติค ดราม่า ที่นางเอกจะต้องถูกกระทำถูกรังแกจากพระเอกและคนรอบข้างอย่างแน่นอน ถ้ายังไม่ได้อ่านมาถึงหน้าคำนำของเรื่อง ซึ่งนั่นเป็นการเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว

และแน่นอนที่สุดว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็ยังถูกขีดเขียนขึ้นโดยยึดถือและคำนึงถึงเรื่อง ความเหมาะสม ความสมเหตุสมผล ความเป็นไปได้ และความจริงที่น่าจะเป็นในชีวิตประจำวันของคนในสังคมเมืองไทยในปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ ของ ‘กันเกรา’ อย่างครบถ้วน

แต่เนื่องจาก ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ต้นฉบับเดิมมีความยาวมาก ซึ่งจะมีผลกระทบทางด้านการตลาด และเพื่อให้เนื้อเรื่องกระชับฉับไวมากกว่าเดิม จึงต้องถูกตัดทิ้งหลายสิบหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ ‘กันเกรา’ ต้องเหนื่อยแถมต้องแย่งเวลาของการเขียนนิยายเรื่อง ‘อาญาซาตาน’ (ชื่ออาจจะเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง) ซึ่งจะเป็นเรื่องลำดับต่อไปที่จะตีพิมพ์สู่สายตาท่านผู้อ่านไปหลายวันทีเดียว

ขอขอบคุณทุกๆ ความกรุณา จากทุกๆ คนที่ทำให้มีนิยายเรื่อง ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหลายคนที่ช่วยในเรื่องหาข้อมูล เรื่องพล็อต เรื่องวิเคราะห์เนื้อเรื่อง ขอบคุณ สนพ. อินเลิฟ ที่กรุณาหยิบนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาตีพิมพ์ และที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ ขอบคุณท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่กรุณายืนหยัดเป็นกำลังใจให้ ‘กันเกรา’ มาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ จะสร้างความสุขในทุกๆ บรรทัดที่ท่านติดตามอ่านค่ะ

Tags: นางเอกเก่ง ฉลาด ทันคน ไม่ยอมถูกกระทำ

ตอน: เลื่อยขาเก้าอี้แม่เมียน้อยพ่อ

“งั้นแม่สาก็เริ่มโอนงานมาให้ยายอ๋อตั้งแต่พรุ่งนี้เลยนะ แล้วแม่สาก็ทำตำแหน่งกรรมการผู้จัดการก็แล้วกัน สุจินต์คอยดูแลแทนฉันด้วย มีอะไรก็สอนยายอ๋อจนสุดความสามารถอย่าได้ออมแรง ฉันจะขอให้พ่อปวีย์มาคอยเป็นที่ปรึกษาอีกที ได้คนเก่งๆ ฝีมือดีๆ ไม่นานยายอ๋อคงจะพอทำได้”

“คุณพี่!/คุณพ่อ!”

ทั้งคุนอัญชลีและสาลินีอุทานออกมาแทบจะพร้อมกัน และแม้จะเจ็บใจในคำของพ่อสามีแค่ไหน สาลินีก็เลือกที่จะปิดปากเงียบเอาไว้ก่อน เพราะรู้ว่าจะต้องมีคนออกมาแทนเป็นแน่

“คุณพี่บ้าไปแล้วเหรอคะ! มันเรื่องอะไรจะเอาบริษัทไปให้นังเด็กเมื่อวานซืนอย่างมันมาทำปู้ยี่ปู้ยำล่ะ หรือว่าตอนนี้ป่วยจนความคิดความอ่านเพี้ยนไปหมดแล้ว ถึงได้พูดคำนี้ออกมา”

และคนคนนั้นก็คือคุนอัญชลีที่รีบลุกขึ้นต่อว่าต่อขานสามีอย่างคนหัวเสีย ด้วยไม่คาดไม่ฝันว่าเรื่องจะลุกลามใหญ่โตมาถึงขั้นนี้

“หรือว่าคุณมีใครที่เหมาะสมกว่านี้มาให้ผมเลือกกันล่ะ หรือคุณจะเป็นคนลงไปทำเอง ทำเป็นเหรอ ทำได้เหรอ นอกจากวันๆ ใช้เงินเป็นว่าเล่นแล้วคุณทำอะไรเป็นบ้าง ผมตัดสินใจดีแล้วและอย่ามากร้าวร้าวผมต่อหน้าคนในบ้าน ผมไม่ชอบ ถ้าไม่พอใจผมก็จะให้ยายอ๋อกลับบ้านแล้วยกทุกอย่างให้มูลนิธิเลย เอาอย่างนั้นมั้ยล่ะ”

คุนอัญชลีถึงกับหน้าซีดเผือดด้วยความโกรธเคืองผู้เป็นสามี และคาดคิดไม่ถึงว่าจะถูกหักหน้าได้ถึงเพียงนี้ และเหนือสิ่งอื่นใด ความเกลียดชังในตัวหลานนอกทำเนียบมีเท่าไหร่ก็ยิ่งทวีคูนมากขึ้นเท่านั้น หากก็จำต้องเงียบเสียงลงเพราะทำอะไรไม่ได้ ด้วยทุกคำพูดของสามีล้วนแล้วแต่เป็นจริงแทบทั้งสิ้น เพราะตั้งแต่เกิดมาก็อยู่ท่ามกลางความเพียบพร้อมทุกอย่างที่ครอบครัวพึงมีไว้ให้โดยไม่ต้องหยิบจับอะไรแล้ว พอแตกเนื้อสาวได้ก็แต่งงานมีสามีมาคอยทำมาหาเลี้ยง จึงทำอะไรก็ไม่เป็นสักอย่างนอกจากเข้างานสังคม

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญทุกคนออกไปได้ ฉันจะพักผ่อนล่ะ”

สิ้นคำคุณสมควรก็ปิดเปลือกตาลงทันทีเพื่อเป็นการไล่ทางอ้อม คุนอัญชลีโกรธสุดขีดแต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้มากไปกว่าการเดินออกจากห้อง โดยมีสะใภ้โปรดตามหลังไปติดๆ หทัยชนกก็ลุกเดินตามหลังสุจินต์โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว กระทั่งลงมาชั้นล่างมีคุนอัญชลียืนปั้นหน้าบูดบึ้งรออยู่อย่างเอาเรื่อง

“แกนี่มันเป็นตัวสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นจริงๆ เลยนะ ทำไมแกสองแม่ลูกถึงไม่หายไปจากโลกนี้เลย ฉันจะได้ไม่ต้องมาทนเห็นแกอยู่อย่างนี้ อย่าคิดนะว่ามีคนถือหางให้แล้วจะมาผยองใส่ฉันได้”

หทัยชนกไม่ใคร่จะแปลกใจกับน้ำเสียงและสีหน้าของผู้เป็นย่าในเวลานี้นัก เพราะเคยชินมาแล้วในวัยเด็ก ที่ไม่ว่าจะทำตัวเป็นเด็กดีสักแค่ไหน ก็ไม่เคยได้รับความรักความเมตตาเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นเงินทองข้าวของมีมค่า ผิดกับสาริยาผู้เป็นน้องต่างแม่ซึ่งเป็นสะใภ้คนโปรดที่ผู้ย่ารักมาก ความรักทั้งหมดก็ส่งมาหาหลานอีกทอดโดยไม่สนใจจะหันมองหลานคนโตว่าจะรู้สึกยังไงเลย

“แน่ใจเหรอคะว่าอ๋อเป็นตัวสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น อ๋อว่าอ๋ออยู่ดีๆ คุณย่าน่ะสิคะ ไปทำลายความสุขของอ๋อกับแม่ จนต้องย้ายเข้ามาอยู่บ้านนี้ ทั้งๆ ที่เราไม่เคยคิดอยากจะกลับมาเหยียบอีกด้วยซ้ำ แต่ก็ดีเหมือนกันค่ะที่ได้กลับมา เพราะอ๋อก็อยากดูน้ำหน้าคนที่มันทำให้แม่กับอ๋อต้องออกจากบ้านนี้ไปอย่างมีมลฑิลเหมือนกัน เวลาที่อ๋อกระชากหน้ากากมันออกกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้าแล้ว และอ๋อจะคอยดูซิว่าคุณย่ายังจะรักมันลงได้อยู่อีกมั้ย”

สิ้นคำหญิงสาวก็เดินเชิดหน้าใส่สาลินีที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกจากตึก โดยมีสุจินต์ตามไปติดๆ ส่วนคุนอัญชลีให้เป็นเดือดขึ้นมาอีกระลอกเมื่อถูกหลานย้อนด้วยความไม่เกรงกลัว จึงร้องด่าไล่หลังไป

“นังอวดดี! นังคนไม่มีการศึกษา! แม่แกไม่เคยสั่งสอนหรือไงว่าอย่ามาเที่ยวย้อนผู้ใหญ่”

โดยที่คนถูกด่าไม่หันมาสนใจสักนิด นอกจากจะก้าวลงบันไดหน้าบ้านห้าขั้นไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย แล้วหยุดยืนอยู่ตรงรถของสุจินต์เพื่อส่งตามมารยาท

“พรุ่งนี้ลุงจะมารับไปออฟฟิศแต่เช้านะครับจะได้เรียนรู้งานเลย”

“ค่ะคุณลุง อ๋อขอบคุณนะคะที่ดูแลอ๋อ”

หญิงสาวยกมือไหว้ลาอย่างนอบน้อมผิดกับท่าทีแข็งกระด้างต่อหน้าผู้ย่าเมื่อครู่แทบจะคนละคนในสายตาของสุจินต์ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากบึ่งรถออกไปเท่านั้น



สำนักงานใหญ่อยู่ในตึกสูงยี่สิบแปดชั้น หน้าตึกมีป้ายชื่อบีซีเคกรุ๊ปทำด้วยอลูมิเนียมเป็นรูปตัวอักษรใหญ่โตติดตั้งอยู่กลางบ่อน้ำพุที่พวยพุ่งออกมาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนาตั้งแต่ก้าวแรกที่จะย่างเข้าประตูตึก และจะต้องสแกนลายนิ้วมือก่อนทุกครั้ง และมี รปภ. ยืนเฝ้าไว้อีกรอบ คุนสุจินต์เป็นคนนอกที่ได้อภิสิทธิ์พิเศษให้บันทึกลายนิ้วมือไว้ในเครื่องสแกน เพราะเข้านอกออกในบ่อยครั้ง ด้วยเป็นทนายประจำตระกูล จึงต้องดูแลผลประโยชน์ทุกอย่างให้ผู้ว่าจ้างอย่างคุนสมควร

“เดี๋ยวก่อนกลับลุงจะให้คนจัดการเรื่องระบบเข้าออกให้คุณอ๋อนะครับ แต่ตอนนี้ขึ้นไปด้านบนก่อน จะได้แนะนำให้ผู้บริหารที่กำลังจะเข้าประชุมรู้จักครับ”

หทัยชนกยิ้มรับด้วยท่าทีของคนที่พกพาความมั่นใจมาเต็มร้อย ผิดกับวีนาที่ยืนตัวลีบอยู่หลังน้อง ด้วยไม่มั่นใจว่าสิ่งที่น้องกำลังทำอยู่นี้จะออกมาในรูปไหน ลำพังแค่ได้ยินตำแหน่งที่น้องจะเข้ามาเทคโอเวอร์เมื่อวานนี้ ลมแทบจะจับอยู่แล้ว วันนี้มาเจอของจริงสถานที่จริงจึงรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ขึ้นมาทันใด จนผู้น้องต้องหันมาหาแล้วทำตาขึงใส่เป็นเชิงบอกให้ทำตัวตามปกติก่อนจะเดินตามสุจินต์ไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงห้องทำงานใหญ่โตโอ่อ่า ด้านในมีโต๊ะทำงานและชุดรับแขกสวยหรู

“คุณท่านให้นั่งทำงานห้องนี้นะครับ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนให้คุณสาลินีย้ายไปห้องอื่น เดี๋ยวลุงจะสั่งให้คนทำป้ายหน้าห้องให้ใหม่ แต่ตอนนี้คุณอ๋อจะต้องมาดูรายละเอียดคร่าวๆ ของบริษัทและวาระการประชุมครั้งที่แล้วก่อนนะครับ อีกหน่อยคุณทรงพลผู้จัดการทั่วไปจะมาถึง เพื่อบอกรายละเอียดที่จะเข้าประชุมว่ามีเรื่องไหนบ้างจะได้ไม่งง”

และอีกหลายต่อหลายคำแนะนำที่สุจินต์บอกกล่าวด้วยความหวังดี ซึ่งหทัยชนกกับวีนาก็นั่งฟังด้วยความสนใจ ไม่นานทรงพลก็เข้ามาสมทบและได้รู้ข่าวที่พนักงานทุกคนได้ยินคงจะต้องช็อกไปตามๆ กัน กับเจ้านายคนใหม่ที่สวยใสวัยละอ่อน จนไม่อยากคิดว่าจะมีความสามารถมากพอที่จะนำกิจการที่กำลังขาดเสาหลักอันแข็งแกร่ง ให้กลับมาสร้างความเชื่อถือให้ทั้งคนในและนอกขึ้นมาได้อีก

สาลินีนั่งในฐานะรักษาการประธานเป็นวันสุดท้ายแล้ว เมื่อสุจินต์ประกาศให้ทุกคนได้รู้จักทายาทสืบสายเลือดของตระกูลบวรชัยกุล แม้ในใจของพนักงานต่างมีคำถามคล้ายๆ กับทรงพลอยู่มาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าแสดงกิริยาอื่นใดออกมา นอกจากยิ้มรับเจ้านายสวยใสหุ่นนางแบบเท่านั้น ซึ่งนั่นก็สร้างความผิดหวังให้สาลินีไม่น้อย ที่คาดหวังว่าหทัยชนกจะไม่ได้การยอมรับจากพนักงาน

แฟ้มในมือที่สาลินีถือออกจากห้องประชุมจึงมีอันต้องปลิวว่อนไปหาโต๊ะทำงานอันหรูหราของตัวเองทันทีเมื่อประตูห้องปิดสนิท สายตาอาฆาตมาดร้ายเคียดแค้นและชิงชังหนามยอกอกรายใหม่เกิดขึ้นแทบจะทันทีเช่นกัน แถมมันก็เผื่อแผ่ไปหาคุนสมควรผู้เป็นต้นคิดของการดึงเอาหนามกลับมาทำลายวิมานที่สาลินีวาดหวังไว้จนพังลงไม่เป็นท่าด้วย มิหนำซ้ำก็ยังลามไปถึงวิญญาณของสามีผู้ล่วงลับที่มาด่วนจากไปก่อนเวลาอันควร เรื่องวุ่นวายทั้งหลายจึงได้เกิดขึ้น

“พวกแกจะยิ้มได้อีกไม่นานหรอก ฉันนี่ล่ะจะกระชากพวกแกลงมาจากวิมานเอง นังอิงนังอ๋อ”

สีหน้าอันดุดันจนบูดเบี้ยวต้องรีบปรับให้กลับไปสู่สภาพเดิมทันที เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น ชื่นจิตสาวใหญวัยสี่สิบกว่าๆ เลขาของสงครามที่ตอนนี้กลายมาเป็นเลขาของสาลินีเดินเข้ามาพร้อมกระดาษในมือยื่นให้เจ้านายด้วยตัวเอง แทนที่จะให้ผู้ช่วยเอาเข้ามาให้เหมือนทุกครั้ง สาลินีปั้นหน้ายิ้มน้อยๆ ให้ก่อนจะรับมาอ่าน

“นี่มันอะไรกันล่ะคุณชื่น เขาออกเมมโม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมสาไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะคะ”

เมื่ออ่านเอกสารที่ประกาศย้ายชื่นจิตไปเป็นเลขาของหทัยชนกแบบสายฟ้าแล็ปโดยไม่บอกกล่าวกันก่อน ทำเอาสาลินีฉุนขาดจนยั้งไม่อยู่ จึงถือกระดาษเดินออกไปห้องทำงานของหทัยชนกที่อยู่ห่างกันคนละมุมตึก ซึ่งนี่ก็เป็นห้องทำงานที่สาลินีใฝ่ฝันมานานแล้ว ว่าสักวันจะได้เข้ามานั่งอยู่ในนี้ฐานะประธานบริษัทอย่างเต็มตัว แต่ฝันก็สลายลงเมื่อหทัยชนกเข้ามาแซงหน้าไปก่อน

“นี่มันอะไรกันจ๊ะ หนูอ๋อ จะเอาเลขาน้าทำไมไม่ขอกันดีๆ ไม่เห็นจะต้องออกเอกสารเลยนี่จ๊ะ”

ความขุ่นเคืองถูกเก็บงำไว้อย่างมิดชิด เมื่อโผล่หน้าเข้ามาในห้องแล้วเห็นสุจินต์ ทรงพล และหัวหน้าฝ่ายการเงินอีกสองคนนั่งคุยอยู่กับหทัยชนกและกำลังคุยกันอย่างเคร่งขรึม

“เลขาของคุณน้าที่ไหนกันคะ คุณชื่นเป็นเลขาท่านประธานมาตั้งนานแล้วใครๆ ก็รู้ พออ๋อมาทำงานแทนท่านอ๋อก็อยากได้มาช่วยงานตามเดิมสิคะ เพราะคุณชื่นรู้รายละเอียดงานตั้งหลายอย่างจะได้มาช่วยให้อ๋อเรียนรู้งานได้เร็วขึ้นไงคะ หรือว่าคุณน้าไม่อยากจะช่วยให้อ๋อทำงานเก่งเร็วๆ กันคะ อ๋อชักจะน้อยใจแล้วนะคะ”

หทัยชนกตีหน้ายิ้มน้อยๆ ขณะอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่ม กับท่าทีเรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตนอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทำเอาสาลินีถึงกับพูดอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนอึ้งอยู่กับที่เป็นนาน

“ถ้าคุณน้าไม่ว่าอะไรก็แปลว่าตกลงตามนี้ใช่มั้ยคะ แล้วถ้าอยากดึงใครไปเป็นเลขาก็แจ้งอ๋อได้นะคะ อ๋อจะจัดการให้ อ้อ! เกือบลืมแน่ะค่ะ อ๋อฝากคุณน้าช่วยโอนงานในส่วนของตำแหน่งประธานมาให้อ๋อด่วนนิดนะคะ อ๋อใจร้อนอยากทำงานเต็มทีแล้วล่ะค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วอ๋อขออนุญาตทำงานต่อนะคะ”

พูดจบหญิงสาวก็หันไปยิ้มให้สี่หนุ่มที่นั่งนิ่งมองเจ้านายสาวเป็นตาเดียวกัน เรื่องที่คุยค้างไว้จึงเดินหน้าต่อ โดยไม่มีใครคิดจะสนใจกับสาลินีที่ยังคงยืนอยู่จุดเดิมด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่ในใจนั้นช่างร้อนระอุจนอยากจะเผาหนามตรงหน้าให้วอดวายเป็นจุลลงทันที แต่ก็ทำได้แค่คิด เมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นรองจึงถอยออกจากห้องเพื่อตั้งหลักก่อน หนามสาวแอบชำเลืองไปทางประตูเล็กน้อยแล้วลอบยิ้มออกมาด้วยความสะใจ แต่ไม่นานก็หันกลับไปหางานตามเดิม

วีนาเองก็นั่งฟังน้องคุยงานไปและอ่านเอกสารไปด้วย เพราะยังไม่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่อะไร การได้เรียนรู้งานจากปากของผู้บริหารจึงเป็นเรื่องที่ดีมากและมักไม่มีโอกาสได้พบเห็นบ่อยครั้ง ทุกคนในห้องล้วนแล้วแต่ลงความเห็นที่จะนั่งกินมื้อเที่ยงแบบด่วนๆ ชื่นจิตจึงสั่งร้านอาหารด้านล่างขึ้นมาเสิร์ฟให้ถึงที่ แต่ละคนกำลังนั่งกินข้าวเที่ยงซึ่งเป็นอาหารจานด่วนเท่านั้น หทัยชนกได้โอกาสที่ปากทุกคนว่างจึงหันไปสั่งงานชื่นจิตก่อนลงมือกิน

“คุณชื่นคะ อ๋อมัวแต่ยุ่งเลยลืมแนะนำไป นี่คุณวีนาหรือว่าพี่อี๋ จะมาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของคุณชื่นค่ะ รบกวนช่วยสอนงานและจัดหาโต๊ะทำงานให้ทีนะคะ เดี๋ยวอ๋อจะเมล์แจ้งฝ่ายเอชอาร์เองค่ะ อ้อ! งานหลักของพี่อี๋วีนาส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปทางตามอ๋อไปทุกๆ ที่นะคะ รบกวนคุณชื่นอย่าโอนงานด้านเอกสารให้มากนักเดี๋ยวจะทำไม่ทัน”

ชื่นจิตยิ้มรับคำสั่งอย่างว่าง่ายก่อนจะออกไปจากห้อง วีนาหันไปมองหน้าน้องด้วยความเกรงนิดๆ เพราะกลัวจะทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่เต็มที แต่หทัยชนกก็พยักหน้าให้กำลังใจอย่างที่เคยทำมา ก่อนจะลงมือกินมื้อเที่ยงด้วยความหิว วีนาถึงได้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง จากนั้นก็รีบกินเช่นกัน

หลังจากเคร่งเครียดเรื่องระบบงานในออฟฟิศหลายชั่วโมงแล้ว บ่ายสามโมงสองสาวถึงได้ตามทรงพลออกไปดูส่วนอื่นๆ ภายในตึก หทัยชนกทักทายหัวหน้าแผนกและพนักงานแต่พองาม และพยายามอย่างยิ่งที่จะทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่จนเกินตัว ด้วยรู้ดีว่าทั้งอายุทั้งประสบการณ์ของตัวเองนั้นมีน้อยนิด จึงต้องรักษามาดเอาไว้ให้ดี ไม่ให้ใครมาข่มได้ แม้พนักงานฝ่ายบริหารจะเกิดก่อนหลายสิบปีก็ตามที

“เอาไว้ให้ท่านประธานเรียนรู้ระบบงานได้มากกว่านี้แล้วผมจะพาไปดูโรงงานที่ต่างจังหวัดดีกว่านะครับ ตอนนี้ลำพังแค่ศึกษาระบบก็คงจะกินเวลาเป็นเดือนแล้วมั้งครับผมว่า ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยท่านประธานก็บอกได้ทุกเมื่อนะครับ” ทรงพลบอกด้วยท่าทีนอบน้อมเมื่อการทัวร์รอบตึกจบสิ้นลง หทัยชนกอยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออก กับตำแหน่งที่ทรงพลใช้เรียกตัวเอง จึงหันไปยิ้มน้อยๆ ให้ก่อนเอ่ย

“ขอบคุณคุณทรงพลนะคะ วันนี้เลยเสียเวลาทั้งวันเพื่อช่วยอ๋อ ต้องขอโทษด้วยค่ะ”

“ด้วยความยินดีครับท่านประธาน” ทรงพลรีบออกตาด้วยใบหน้าตื่น

“คุณทรงพลจะเรียกหทัยชนก หรือไม่ก็อ๋อเฉยๆ แทนที่จะเรียกท่านประธานก็ได้นะคะ ฟังแล้วดูแก่เหมือนคุณปู่ยังไงไม่รู้ค่ะ อ๋อไม่ค่อยจะชินกับคำนี้และไม่คิดว่าจะชินเลยตลอดชีวิตนี้ ฝากบอกคนอื่นๆ ด้วยนะคะว่าอย่าเรียกอ๋ออย่างนี้เลยนะคะ ตำแหน่งหรือหน้าที่การงานมันก็เป็นแค่หัวโขน เดินพ้นออกจากออฟฟิศนี้ไปแล้ว เราก็มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน”

คราวนี้วีนากลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่จึงหัวเราะออกมา พลอยทำให้ทรงพลทำตามด้วย แต่พอรู้สึกตัวเขาก็ขอกลับไปทำงานต่อทันที หทัยชนกมองโต๊ะทำงานของวีนาที่ตั้งไว้ต่อจากโต๊ะของชื่นจิต เจ้าของโต๊ะกุลีกุจอเข้าไปนั่งสำรวจตรวจตราข้าวของด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ส่วนหทัยชนกก็รีบเข้าห้อง เพราะสุจินต์กำลังนั่งเตรียมเอกสารอื่นๆ เอาไว้ให้ในระหว่างที่เธอใช้เวลาเดินสำรวจตึกอยู่นั่นเอง



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 07:29:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 07:29:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 939





<< กลับมายืนที่เดิม   อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อหนุ่มมาดเข้มเจอกับสาวมาดเข้มอีก >>
จิรารัตน์ 4 ส.ค. 2556, 14:56:52 น.
มา "จิ้ม" ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account