ไฟซ่อนเชื้อ
ไฟซ่อนเชื้อ เป็นนิยายสองในหกเรื่องที่ ‘กันเกรา’ เขียนให้นางเอกเก่ง ฉลาด หลักแหลม รอบรู้ ทันคน และไม่ยอมให้เป็นฝ่ายถูกระทำ แถมตรงกันข้ามคือตามกระทำ ตามเอาคืนคนอื่นได้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนเกือบตลอดเรื่อง

ผิดกับนิยายภายใต้นามปากกา ‘กันเกรา’ ที่พอท่านผู้อ่านเห็นชื่อบนหน้าปก สันปกแล้ว ก็จะจินตนาการว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็คงจะออกแนวโรแมนติค ดราม่า ที่นางเอกจะต้องถูกกระทำถูกรังแกจากพระเอกและคนรอบข้างอย่างแน่นอน ถ้ายังไม่ได้อ่านมาถึงหน้าคำนำของเรื่อง ซึ่งนั่นเป็นการเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว

และแน่นอนที่สุดว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็ยังถูกขีดเขียนขึ้นโดยยึดถือและคำนึงถึงเรื่อง ความเหมาะสม ความสมเหตุสมผล ความเป็นไปได้ และความจริงที่น่าจะเป็นในชีวิตประจำวันของคนในสังคมเมืองไทยในปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ ของ ‘กันเกรา’ อย่างครบถ้วน

แต่เนื่องจาก ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ต้นฉบับเดิมมีความยาวมาก ซึ่งจะมีผลกระทบทางด้านการตลาด และเพื่อให้เนื้อเรื่องกระชับฉับไวมากกว่าเดิม จึงต้องถูกตัดทิ้งหลายสิบหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ ‘กันเกรา’ ต้องเหนื่อยแถมต้องแย่งเวลาของการเขียนนิยายเรื่อง ‘อาญาซาตาน’ (ชื่ออาจจะเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง) ซึ่งจะเป็นเรื่องลำดับต่อไปที่จะตีพิมพ์สู่สายตาท่านผู้อ่านไปหลายวันทีเดียว

ขอขอบคุณทุกๆ ความกรุณา จากทุกๆ คนที่ทำให้มีนิยายเรื่อง ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหลายคนที่ช่วยในเรื่องหาข้อมูล เรื่องพล็อต เรื่องวิเคราะห์เนื้อเรื่อง ขอบคุณ สนพ. อินเลิฟ ที่กรุณาหยิบนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาตีพิมพ์ และที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ ขอบคุณท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่กรุณายืนหยัดเป็นกำลังใจให้ ‘กันเกรา’ มาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ จะสร้างความสุขในทุกๆ บรรทัดที่ท่านติดตามอ่านค่ะ

Tags: นางเอกเก่ง ฉลาด ทันคน ไม่ยอมถูกกระทำ

ตอน: แม่คุณร้ายเหลือรับทาน

“ซื้อข้าวกล่องกลับไปกินดีกว่านะพี่อี๋ อย่าไปทำเลยกว่าจะเสร็จเมื่อยแย่นะ”

คนขับหันไปบอกเมื่อออกจากออฟฟิศมาได้ไม่นาน วีนาหยีตาเบ้ปากให้น้องสาวอย่างไม่เห็นด้วย เพราะเคยชินกับอาหารฝีมือแม่หรือไม่ก็น้าอิงแล้ว จึงไม่อยากฝากท้องไว้กับแกงถุงหรือไม่ก็ข้าวในกล่องโฟมเลยสักนิด คนขับเลยต้องหักพวงมาลัยเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่างเซ็งๆ ไม่นานก็ยิ้มแป้นออกมาเมื่อเห็นพีระยืนรออยู่หน้าทางเข้าแล้ว เพราะตัวเองจะได้ไม่ต้องเดินไปซื้อของเป็นเพื่อนพี่

“อ๋อจะนั่งรออยู่แถวนี้ก็แล้วกันนะพี่อี๋ ไม่อยากไปเป็นก้าง”

วีนายิ้มรับอย่างไม่เกี่ยงงอนหรือตอแยให้น้องตามไปด้วย แล้วก็หายเข้าไปพร้อมแฟนหนุ่ม ส่วนหทัยชนกเดินเลี่ยงไปหาม้านั่งที่จัดไว้ให้ลูกค้า จากนั้นก็ดึงแท็บเลทออกมาอ่านทบทวนเรื่องต่างๆ ที่ได้รู้มาจากออฟฟิศ แม้ตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่ให้ความสำคัญกับงานที่เป็นปึกแผ่นของผู้เป็นปู่อยู่แล้วสักแค่ไหน แต่ไปๆ มาๆ พอได้รู้ลึกๆ เข้าก็เห็นว่าคงจะต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีกหลายอย่างทีเดียว

“จะเป็นไรไปล่ะพี่อี๋ ก็อ๋อจะเชิญเพื่อนมากินข้าวด้วยใครจะมาว่าอะไร”

หทัยชนกให้คำตอบเมื่อเอ่ยปากชวนพีระมากินมื้อเย็นด้วยแล้ววีนามีอาการเกรงกลัวว่าเจ้าของบ้านจะไม่พอใจ และก็เป็นจริงอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เพราะคุณอัญชลีที่จ้องมองการกลับมาของหลานนอกทำเนียบอย่างใจจดจ่อเบ้ปากใส่ทันทีเมื่อเห็นรถของพีระแล่นตามมา แต่คุณอัญชลีก็ไม่คิดจะลงไปจากตัวตึกเพื่อต่อว่าต่อขานให้เมื่อย นอกจากยืนมองคนทั้งสามหอบหิ้วข้าวของลงจากรถแล้วเดินตรงไปหาบ้านน้อยที่อยู่ห่างตัวตึกไปพอสมควรเท่านั้น

“อ๋อไปอาบน้ำแล้วทำงานต่อเลยก็ได้ กับข้าวเสร็จเมื่อไหร่พี่จะเรียกเอง”

วีนารีบอาสาเพราะเห็นว่าน้องหอบแฟ้มกลับบ้านด้วยหลายอัน ส่วนคนถูกบอกก็ทำท่าจะหันมาค้าน แต่คิดอีกทีก็อยากเปิดโอกาสให้พี่กับแฟนได้อยู่ด้วยกันตามลำพังบ้างจึงยิ้มน้อยๆ ให้ก่อนเข้าห้องอาบน้ำ เสร็จแล้วก็กะจะเอาเอกสารจากแฟ้มขึ้นมาอ่านต่อ แต่ก็ต้องพักไว้เมื่อเด็กรับใช้มาบอกว่าผู้เป็นปู่ให้ไปหา

“ถ้าทำเสร็จแล้วก็กินไปก่อนเลยนะไม่ต้องรออ๋อหรอก ไม่รู้คุณปู่จะคุยด้วยนานหรือเปล่า”

หันไปบอกพี่แล้วก็เดินตามทางเล็กๆ ที่ปูด้วยอิฐตัวหนอนคดไปโค้งมากระทั่งถึงหน้าตึก ก็เห็นสาริยาขับรถโฉบเข้ามาจอดกึกลงแทบจะตรงหน้า หุ่นผอมบางผิวขาวที่มีชุดนักศึกษาตัวกระจ้อยร่อยปกปิดไว้ก้าวฉับๆ เข้ามาด้วยความมั่นใจ และไม่เอ่ยปากถามอะไรกับพี่ต่างแม่ นอกจากเลี่ยงขึ้นบันไดไปเท่านั้น

เพราะด้วยนิสัยส่วนตัวแล้ว หากไม่ชอบหน้าใครหรือไม่พอใจใครก็มักจะเลี่ยงไม่สุงสิงหรือเสวนาด้วย

ให้รู้กันอย่างโจ่งแจ้งไปเลย ซึ่งผิดกับการกระทำอันซ่อนเร้นของผู้เป็นแม่โดยสิ้นเชิง หทัยชนกมองตามร่างในชุดสั้นจุ๊ดจู๋ที่เดินผ่านไปเพียงครู่เดียว ก่อนจะรีบวิ่งเยาะๆ ขึ้นบันได แล้วก็เปลี่ยนเป็นเดินแทนเมื่อขึ้นถึงชั้นบน

มือบางยกเคาะประตูเบาๆ สองสามครั้งก่อนจะเปิดเข้าไป เห็นผู้เป็นปู่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ และอีกหนึ่งหนุ่มนั่งอยู่เก้าอี้ข้างเตียง ซึ่งเธอจำได้แม่นยำว่าเป็นแฟนแม่สาวนุ่งสั้นเมื่อสักครู่ และก็ยังเป็นคนที่ตัวเองเดินชนมาแล้วสองครั้งสองคราว แต่มีหรือที่เธอจะแคร์ สองมือบางจึงกขึ้นไหว้ผู้เป็นปู่อย่างนอบน้อมเพียงคนเดียวเท่านั้น

“นี่พ่อปวีย์ น่าจะอายุห่างเราสักหกเจ็ดปีนะยายอ๋อ”

แล้วสองมือบางก็ต้องยกขึ้นไหว้เขา แม้ในใจไม่ประสงค์จะทำเช่นนั้นก็ตามที แต่เมื่ออ่านจากน้ำเสียงของปู่แล้วก็เห็นว่าไม่ควรจะเสียมารยาทนัก ปวีย์ยกมือรับไหว้พร้อมรอยยิ้มบางๆ จากนั้นสายตาคู่คมก็กวาดมองเจ้าของร่างสูงโปร่ง ที่มีเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงยีนขาสั้นห่อหุ้มเอาไว้ เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าหล่อนไม่สวย ยิ่งใส่ชุดแบบนี้ยิ่งเย้ายวนใจชายไม่น้อย

ผมทรงใหม่จากเมื่อก่อนที่เขาเคยเห็น ก็ดูสวยเก๋แปลกตาขึ้นไม่น้อย ใบหน้าเรียวรูปไข่ หุ่นก็สูงกว่ามาตรฐานสาวไทยทั่วๆ ไป ผิวก็ขาวราวหะมิ มองรวมๆ แล้วก็จัดว่าเจ้าหล่อนสวยแบบเก๋ๆ ไม่ใช่สวยบาดตาบาดใจเหมือนสาริยา แต่ถ้าจะถามเขาว่าหรือไม่นั้นตอบได้คำเดียวว่า ‘แม่คุณร้ายจนเหลือจะรับประทาน’ คงไม่แปลกถ้าตอนนี้ยังหาแฟนไม่ได้

เพราะเห็นวีระกรรมของสาวเจ้าจากคราวที่เขาไปเป็นพยานให้สาลินีครั้งก่อน กับตอนเดินชนกันในห้างแล้วยังขนลุกไม่หาย กับท่าทีอวดดี หยิ่งยะโส โอหัง ปากคอเราะร้าย พูดจาไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ และที่เขาไม่เข้าใจเอามากๆ คือ ทำไมเจ้าหล่อนจะต้องทำท่าทางจงเกลียดจงชังสาลินีอย่างโจ่งแจ้งขนาดนั้นด้วย แถมยังเผื่อแผ่มาให้เขาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีก

ทั้งๆ ที่สาลินีก็ออกจะเป็นคนมีสิตใจดีเลิศ ความประพฤหรือก็เรียบร้อยประหนึ่งผ้าพับไว้ก็ไม่ปาน โอกาสที่จะทำให้ใครเกลียดชังจึงมีน้อยมาก สิ่งที่เขาอดแปลกใจไม่ได้อีกเรื่องก็คือ ความเกลียดชังที่มีในแววตาของคุณอัญชลีต่อหลานสาวคนนี้ช่างมากมายและไม่ปิดบังเอาเสียเลย

‘แม่ก็ไม่รู้อะไรมากหรอกนะ บ้านนั้นเขาพากันปิดๆ แต่นี่แม่ก็แอบรู้มาจากคุณสานะ ว่าเมียคุณสงครามแอบมีชู้ ก็เลยต้องหอบลูกสาวหนีออกจากบ้านนั้นเมื่อยี่สิบปีก่อนโน่นล่ะ แล้วก็ไม่มีใครได้ข่าวคราวอีกเลย จนคุณปู่สมควรสั่งคนออกตามหาให้กลับมาช่วยงานนี่ล่ะ’

นั่นคือข้อสันนิษฐานของแม่เขา เมื่อหลังเสร็จจากมื้อเย็นในค่ำวันที่เจ้าหล่อนกลายเป็นหัวข้อสนทนาของคนในบ้านเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาจึงแอบถามแม่นอกรอบตอนที่พ่อขึ้นห้องนอนไปแล้ว เพราะทนความสงสัยไม่ได้ และนี่กระมังที่ทำให้คุณอัญชลีไม่ค่อยจะชอบหลานสาวคนนี้นัก บวกกับท่าทีกระด้างกระเดื่องหยิ่งยะโสของแม่คุณด้วย

จึงไม่เป็นที่พอใจของคนในบ้านเท่าไหร่ จะยกเว้นไว้ก็คงจะเป็นคุณปู่สมควรผู้นี้ ที่มองหลานสาวด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและเอ็นดู แถมมีความหวังอย่างล้นเหลือ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลานจะช่วยงานได้มากน้อยแค่ไหน นี่ล่ะที่ทำเขาแปลกใจเอามากๆ

“ปู่ชวนพ่อวีมาคุยเรื่องงานของเราด้วย แล้วเป็นไงล่ะทำงานวันแรก ได้อะไรมาบ้างเล่าให้ปู่ฟังหน่อยสิ”

สายตาผู้เป็นปู่จ้องมองหลานด้วยความเอ็นดู ปวีย์ลุกขึ้นสละที่นั่งของตัวเองให้แม่คุณอย่างสุภาพบุรุษ แล้วก้าวไปยกเก้าอี้อีกตัวมานั่งแทนโดยไม่ได้เอ่ยปากอะไร นอกจากรอฟังผู้บริหารคนใหม่รายงานความเป็นไปของงานอย่างตั้งใจ

“ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ นอกจากเข้าสังเกตการณ์ในห้องประชุม และแนะนำตัวกับผู้บริหารทุกฝ่าย แล้วก็ศึกษาระบบงานจากจีเอ็ม จากไฟแน้นท์เชี่ยวโคนโทรเลอร์ แล้วก็เดินดูรอบๆ บริษัทค่ะ อ้อ! แล้วอ๋อก็แย่งคุณชื่นจิตที่เป็นเลขาคุณน้ากลับมาเป็นเลขาตัวเองด้วยค่ะ และแต่งตั้งผู้ช่วยเลขาขึ้นมาอีกหนึ่ง เอาไว้ตามอ๋อไปช่วยทุกฝีก้าว งานคุณปู่จะได้ไม่สะดุดไงคะ แล้วคืนนี้อ๋อหอบแฟ้มงานกลับมาด้วยตั้งใจว่าจะศึกษาให้ละเอียดเลย ไม่ทราบว่าคุณปู่อยากให้อ๋อเน้นตรงไหนก่อนเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”

คุณสมควรฟังหลานเล่าด้วยความพึงพอใจ แม้จะเป็นเพียงวันแรก แต่ก็อิ่มใจได้บ้างว่าคิดไม่ผิด ดูคนไม่ผิด ความหนักอกที่มีมานับตั้งแต่ลูกชายจากไปอย่างกระทันหัน จึงค่อยๆ ทุเลาเบาบางลงไปได้บ้าง แม้จะไม่มากแต่ก็เชื่อแน่ว่า อีกไม่นานมันจะเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายจะได้นอนตายตาหลับไม่ห่วงหน้าพะวงหลังเสียที

“ตอนนี้ยัง เอาไว้ให้เราศึกษางานให้รู้โดยละเอียดก่อนเถอะ แล้วปู่จะบอกอีกที และนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกเย็นหลังจากเราเลิกงานแล้ว ให้ขึ้นมาหาปู่เพื่อรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับงานให้ปู่รู้ด้วยนะ”

“ค่ะ”

หลานสาวรับคำอย่างว่าง่าย แล้วยิ้มให้ผู้เป็นปู่ด้วยแววตาแจ่มใสขึ้นมาไม่น้อย เพราะเห็นว่าเป็นความคิดที่ดี จะได้มีคนคอยบอกคอยสอน หรือคอยปรามถ้าหากเกิดทำอะไรไม่ชอบมาพากลเข้าให้

“ปู่จะแต่งตั้งให้พ่อวีเป็นเทรนเนอร์กับเป็นที่ปรึกษาอาวุโสให้เราอีกทอด แล้วจะเข้าไปนั่งทำงานในออฟฟิศ อาทิตย์ละวันหรืออาจจะสอง แล้วแต่ความจำเป็น มีอะไรเราก็ถามพี่เขาได้ แล้วอย่าอวดดีจนพี่เขาหมั่นไส้พาลไม่อยากจะสอนงานให้ล่ะ คนเก่งๆ และเต็มใจมาช่วยเราโดยไม่คิดเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียวอย่างพ่อวีหาไม่ได้อีกแล้วนะ อย่าหาว่าปู่ไม่เตือน”

แต่สำหรับความคิดนี้ของผู้เป็นปู่ชักจะไม่เข้าท่าในความคิดคนเป็นหลานเข้าให้แล้ว เพราะคงไม่ดีแน่ที่จะให้คนของศัตรูคู่แค้นเข้าใกล้และรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง ครั้นจะคัดค้านก็คงจะไม่เป็นผลแน่ ด้วยรู้ดีว่าตัวเองนั้น ต้องการพี่เลี้ยงไว้ถ่ายทอดวิชาความรู้ในหลายๆ เรื่อง ที่ไม่เข้าใจก็เห็นจะเป็นตรงที่ พี่เลี้ยงเก่งๆ ในบริษัทหาไม่ได้แล้วหรือ ถึงต้องเรียกใช้นายคนนี้

“พ่อวีอยู่ในวงการนี้มาสิบกว่าปี รู้ตื้นลึกหนาบางทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี และก็รู้จักระบบงานของบริษัทปู่เป็นอย่างดี เพราะปู่กับปู่ของพ่อวีเป็นเพื่อนกันมา ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ หรือถ้าจะนับก็คงจะเป็นมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษของเราที่หอบเสื่อผืนหมอนใบมาจากแผ่นดินใหญ่ด้วยกันก็ว่าได้ ปู่อยากให้รุ่นลูกรุ่นหลานสานต่อความสัมพันอันดีต่อกันเอาไว้ตราบนานเท่านาน”

เหมือนผู้เป็นปู่จะรู้ในข้อสงสัยของหลานสาวเข้าให้แล้ว จึงรีบชักแม่น้ำทั้งห้ามาไว้ให้ไหลรวมกัน จนเจ้าของร่างสูงโปร่งไม่อาจจะทัดทานได้ นอกจากจะยอมจำนนอย่างไม่มีทางเลี่ยง ปวีย์มองตามเรียวขาขาวเหยียดตรงที่กำลังก้าวฉับๆ นำหน้าเขาไปอย่างไม่คิดจะรอด้วยซ้ำ เขาแอบคะเนหุ่นเพรียวสูงได้รูปของเจ้าหล่อนว่าคงได้มาจากผู้พ่อ ผิวขาวราวหิมะนี้ก็เป็นมาทางเชื้อสายของคนจีนเช่นเขา ส่วนใบหน้าสวยเก๋กับตาสองชั้นนั้นคงจะได้มาจากผู้แม่ แต่ไอ้ท่าทีหยิงสะโสโอหังและอวดดีนี่เขาไม่แน่ใจเอาเสียเลยว่าเจ้าหล่อนได้มาจากใคร

“พี่วี! เสร็จแล้วเหรอคะ ยารอตั้งแต่กลับจากมหาลัยแหนะ แล้วคุยอะไรกับคุณปู่คะนานเชียว”

สาริยาที่อยู่ในชุดราตรีสีแดงสดรอว่าที่คู่หมั้นในห้องนั่งเล่น พอเห็นลงมาก็ปราดไปหาโดยไม่ได้หันไปมองแม่กับย่าที่หันมาหาแทบจะพร้อมกันด้วยซ้ำ หทัยชนกหยุดมองน้องสาวต่างแม่ที่เข้าไปเกาะแขนแฟนหนุ่มแล้วทำหน้าแปลกๆ ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าจะไปกันถึงไหน แต่งตัวยังกับสาวสังคมไฮโซก็ไม่ปาน แต่แล้วก็คิดขึ้นได้ว่าทั้งสองก็เป็นไฮโซอยู่แล้ว คงไม่แปลกหากจะไปร่วมงานของคนพวกพ้องเดียวกัน

“เดี๋ยวก่อนแม่อ๋อ!”

ขาเรียวกำลังจะก้าวเดินออกจากบ้านจำต้องหยุดชะงัก เมื่อเสียงคุณอัญชลีดังขึ้นขณะตัวกำลังก้าวมาหาหลานนอกทำเนียบพร้อมสะใภ้คนโปรด คนถูกเรียกหันมามองผู้เป็นย่าแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกมา นอกจากรอว่าวันนี้จะถูกเหน็บแหนมหรือกระแนะกระแหนด้วยข้อหาใด เพราะจำได้มาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่เมื่อก่อนสายตาผู้เป็นย่าดูจะไม่ได้จงเกลียดจงชังหลานเช่นเธอเท่าตอนนี้แน่ หรือไม่เธอก็ยังเด็กเกินไปจึงไม่ทันได้สังเกตเห็น

“ไปประจบอะไรคุณปู่อีกล่ะยะ นั่งคุยอยู่ได้เป็นชั่วโมงๆ ไม่รู้เหรอว่าพ่อวีต้องรีบไปงานกับยายยา ทีหน้าทีหลังจะประจบก็ทำคนเดียว ไม่ต้องดึงใครเข้าไปยุ่งด้วย แล้ววันนี้ได้มากี่ล้านกันล่ะยะ ที่ฉันฟาดหัวให้ตั้งยี่สิบล้านมันไม่พออีกหรือไง หรือเธอมักมากเหมือนนังแม่เธอ ที่มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ อีกหน่อยก็คงจะเจริญรอยตามกันจนได้งามหน้าทั้งบ้านหรอก”

แทนที่จะโกรธกับน้ำคำที่ได้ยิน แต่คนที่เตรียมตัวมาดีพอสมควรเช่นเธอกลับยิ้มเยาะออกมาอย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ จนคุณอัญชลีถึงกับขุ่นเคืองขึ้นมาหนักกว่าเดิม สาลินีเองก็หมั่นไส้ในท่าทีของหนามตรงหน้าไม่น้อย หากแต่ก็สงบปากสงบคำเอาไว้ภายใต้ใบหน้าอันเรียบเฉย แต่คุณอัญชลีกลับไม่เฉย จึงด่าอีกรอบ

“แน้ะ! ด่าแล้วยังจะมายิ้มอีก หนังหล่อนนี่มันคงจะหนามากสินะ ถึงได้ทั้งด้านทั้งชาขนาดนี้”

“อุ๊ย! มิได้ค่ะคุณย่า ตอนนี้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ เพิ่งได้มาหยกๆ อ๋อยังไม่อยากฉกมาอีกหรอกค่ะ หรือถ้ามีครั้งต่อไปคุณย่าก็ไม่ต้องเดือดร้อนเดินมาถามอ๋อด้วยตัวเองหรอกนะคะ รับรองจะมีคนรีบคาบไปฟ้องแทบไม่ทันเชียวล่ะค่ะ เพราะอ๋อคงไม่สนหลักสิบแล้ว แต่จะเป็นหลักร้อยเชียวนะคะ เอ๊...หรือจะเอาหลักพันซะดีมั้ยน๊า”

เมื่อยั่วให้ผู้ย่าเลือดขึ้นหน้าได้ ผู้เป็นหลานก็โกยแน้บลงบันไดบ้านไปโดยเร็ว คุณอัญชลีแทบจะลมจับเมื่อถูกตอกกลับอย่างไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน ไม่คิดไม่ฝันว่าไอ้หลานที่แม่มันเป็นคนว่านอนสอนง่าย และยังกลัวคนจนขี้ขึ้นสมองจะแข็งแกร่งกระด้างกระเดื่องได้ถึงเพียงนี้

สาลินีต้องรีบเข้าไปประคองคุณอัญชลีที่เข่าอ่อนจนแทบจะทรุดลงตรงนั้น ปวีย์กับหลานอีกคนเองก็รีบเข้าไปช่วยประคองอีกข้างให้กลับไปนั่งที่ชุดรับแขก ยาดมยาลมย่าหม่องเด็กรับใช้ก็รีบยกมาให้ทั้งตระกร้าเพื่อเลือกใช้ได้ตามสบายอย่างทันท่วงทีเช่นกัน

“ไปงานกันเถอะเราสองคนน่ะ ย่าไม่เป็นอะไรมากหรอก ดมยาอีกหน่อยก็หายแล้ว”

แม้จะอยู่ในอาการไม่เต็มร้อย แต่คุณอัญชลีก็ยังห่วงหลานสาวคนโปรดอยู่ดี จึงรีบออกปากบอก สาลินีเห็นว่าปวีย์ยังไม่อยากไป จึงรีบสมทบอีกคน

“นั่นสิลูก ไปเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันนะ เดี๋ยวแม่ดูแลคุณย่าเอง”



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 07:31:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 07:31:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1003





<< อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อหนุ่มมาดเข้มเจอกับสาวมาดเข้มอีก   สองเสือปะทะกันอีกแล้ว >>
จิรารัตน์ 4 ส.ค. 2556, 14:57:15 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account