ไฟซ่อนเชื้อ
ไฟซ่อนเชื้อ เป็นนิยายสองในหกเรื่องที่ ‘กันเกรา’ เขียนให้นางเอกเก่ง ฉลาด หลักแหลม รอบรู้ ทันคน และไม่ยอมให้เป็นฝ่ายถูกระทำ แถมตรงกันข้ามคือตามกระทำ ตามเอาคืนคนอื่นได้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนเกือบตลอดเรื่อง

ผิดกับนิยายภายใต้นามปากกา ‘กันเกรา’ ที่พอท่านผู้อ่านเห็นชื่อบนหน้าปก สันปกแล้ว ก็จะจินตนาการว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็คงจะออกแนวโรแมนติค ดราม่า ที่นางเอกจะต้องถูกกระทำถูกรังแกจากพระเอกและคนรอบข้างอย่างแน่นอน ถ้ายังไม่ได้อ่านมาถึงหน้าคำนำของเรื่อง ซึ่งนั่นเป็นการเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว

และแน่นอนที่สุดว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็ยังถูกขีดเขียนขึ้นโดยยึดถือและคำนึงถึงเรื่อง ความเหมาะสม ความสมเหตุสมผล ความเป็นไปได้ และความจริงที่น่าจะเป็นในชีวิตประจำวันของคนในสังคมเมืองไทยในปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ ของ ‘กันเกรา’ อย่างครบถ้วน

แต่เนื่องจาก ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ต้นฉบับเดิมมีความยาวมาก ซึ่งจะมีผลกระทบทางด้านการตลาด และเพื่อให้เนื้อเรื่องกระชับฉับไวมากกว่าเดิม จึงต้องถูกตัดทิ้งหลายสิบหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ ‘กันเกรา’ ต้องเหนื่อยแถมต้องแย่งเวลาของการเขียนนิยายเรื่อง ‘อาญาซาตาน’ (ชื่ออาจจะเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง) ซึ่งจะเป็นเรื่องลำดับต่อไปที่จะตีพิมพ์สู่สายตาท่านผู้อ่านไปหลายวันทีเดียว

ขอขอบคุณทุกๆ ความกรุณา จากทุกๆ คนที่ทำให้มีนิยายเรื่อง ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหลายคนที่ช่วยในเรื่องหาข้อมูล เรื่องพล็อต เรื่องวิเคราะห์เนื้อเรื่อง ขอบคุณ สนพ. อินเลิฟ ที่กรุณาหยิบนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาตีพิมพ์ และที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ ขอบคุณท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่กรุณายืนหยัดเป็นกำลังใจให้ ‘กันเกรา’ มาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ จะสร้างความสุขในทุกๆ บรรทัดที่ท่านติดตามอ่านค่ะ

Tags: นางเอกเก่ง ฉลาด ทันคน ไม่ยอมถูกกระทำ

ตอน: งานล้นหัวสาวมั่น

“นี่หล่อน! อย่ามาก้าวร้าวกับคุณย่าและพวกฉันนะ เก็บนิสัยต่ำๆ ทุเรศๆ ของหล่อนไปไว้ใช้ในสลัมจะดีกว่า ที่นี่มันบ้านผู้ดี บ้านคนมีการศึกษา ช่วยสลัดกลิ่นโคลนสาบควายของหล่อนทิ้งให้หมดด้วย อย่ามาทำหกเรี่ยราดให้คนแถวนี้ขายหน้าหน่อยเลย หรือว่าแม่หล่อนไม่เคยสั่งเคนสอนให้รู้จักคำว่าผู้ดีกันยะ”

คุณอัญชลีออกจะดีใจไม่น้อยที่หลานช่วยเอาไว้ได้ทันจึงยิ้มออกมาด้วยความสะใจ ไม่แพ้สาลินีที่หันไปมองหน้าลูกสาวด้วยอาการยิ้มน้อยๆ เมื่อได้เอาคืนบ้าง แต่สำหรับหทัยชนกนั้นก็ยังไม่รู้สึกสะทึกสะท้านใดๆ กับคำพูดพวกนี้ แถมยังตีหน้าตายแล้วหันไปยิ้มให้น้องอย่างไม่โกรธเคืองใดๆ ด้วยซ้ำ และงัดเอาคำพูดที่เด็ดกว่าขึ้นมาได้อย่างถึงใจ

“อุ๊ยต๊ายๆ น้องยาจ๊ะ ทำไมมาด่าว่าพี่อย่างนี้ล่ะจ๊ะ พี่เองก็มีเลือดผู้ดีเต็มตัวนะจ๊ะ ทั้งเลือดที่มาจากคุณพ่อที่น้องเองก็มีอยู่ในตัวตั้งครึ่งหนึ่งแหน่ะ ส่วนอีกครึ่งถึงแม้ว่าแม่พี่จะเป็นคนเดินดินกินข้าวแกงธรรมดาๆ ไม่พิเศษห้าสิบ หรือไม่ใช่ลูกผู้ลากมากดีมาจากไหน แต่แม่พี่ก็เป็นคนดีทั้งในที่มืดและที่สว่างนะจ๊ะ ไม่ใช่ประเภท ผู้ดีแต่เปลือกส่วนข้างในนั้นต่ำยิ่งกว่าสถุลหรอกนะจ๊ะ”

“นี่แก!!....”

“เอาล่ะๆ พอได้แล้ว ทั้งสองคน อะไรเป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่มาทะเลาะกันไม่เว้นวัน ยายยาขึ้นไปบนห้องเถอะ ยายอ๋อจะลงไปดูรถก็ไปวันนี้ไม่ต้องรายงานอะไรปู่ก็ได้เก็บไว้พรุ่งนี้แทน ปู่จะคุยธุระต่อกับพ่อวีสักหน่อย”

เมื่อประมุขของบ้านลงทุนออกปากด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดขนาดนี้แล้ว จะมีใครกล้าขัดคำสั่ง อาการส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยความระอาใจของคุณสมควรจึงเกิดขึ้น ก่อนจะหันไปหาปวีย์ที่นั่งนิ่งรอฟังธุระของคุณสมควรด้วยท่าทีสงบนิ่ง และเรื่องนั้นก็คือ การไหว้วานให้เขาช่วยเป็นธุระในการจัดงานเปิดตัวทายาทคนใหม่ของ บีซีเคกรุ๊ปนั่นเอง

ซึ่งคุณสมควรเน้นนักเน้นหนาว่าให้จัดเป็นงานใหญ่ เชิญคนในวงการมาร่วมงานอย่างหนาตา พร้อมทั้งพนักงานระดับผู้บริหารของบริษัทด้วย และให้เหตุผลว่าอยากจะให้หลานสาวเป็นที่รู้จักของคนในวงการสักที เผื่อจะติดต่องานจะได้ง่ายขึ้น ยังผลให้สาลินีกับคุณอัญชลีไม่พึงพอใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ และเช่นเคยที่คุณอัญชลีจะต้องลุกขึ้นมาต่อว่าสามีด้วยความหัวเสีย

“ฉันไม่เห็นว่าคุณพี่จะต้องไปเสียเงินจัดงานเปิดตัวบ้าบอนี่เลยนะ ทำยังกับมันเก่งนักเก่งหนาอย่างงั้นล่ะ ถ้าลองไม่มีตาวีมาคอยช่วยเทรนให้ ป่านนี้มันก็คงจะงมโข่งไม่รู้เหนือรู้ใต้อยู่ที่เดิมนั่นล่ะ ยิ่งคุณพี่เอาอกเอาใจมัน ประเคนนั่นนี่ให้มัน มันก็ยิ่งจะหัวแข็งขึ้น อีกหน่อยมันคงจะเหยียบหัวฉันกับหัวคุณพี่โดยไม่รู้สึกผิดอะไรหรอก เห็นหน้ามันทีไรฉันนี่เกลียดแม่มันเข้าไส้ทุกที มันก็คงจะเจริญรอยตามแม่สักวัน ไม่เชื่อคอยดู”

“หรือคุณมีใครที่จะมาบริหารงานต่อได้ดีกว่ายายอ๋ออีกล่ะ ถ้ามีก็ไปหามาให้ผมที แล้วผมจะส่งยายอ๋อกลับไปอยู่บ้านเร็วๆ แต่ถ้าไม่มีผมขอร้องให้คุณหยุดเกลียดหลานสักทีเถอะ เรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว อีกอย่างเราก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าความจริงเป็นยังไง คุณก็ไม่ควรจะไปตอกย้ำให้เรื่องที่จบแล้วลุกลามขึ้นมาอีก แล้วถ้ายายอ๋อโกรธขึ้นมาจนไม่ยอมช่วยงานบริษัท

ผมถามว่าคุณจะไปหาใครมาทำแทนได้ เจ้าสงกรานต์หรือว่ายายยาอย่างนั้นเหรอ คุณก็รู้พอๆ กับผมว่าไม่มีทางเป็นไปได้ คุณควรจะหัดทำตัวเป็นผู้ใหญ่ให้ลูกหลานเคารพบ้างนะ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ด่าหรือพูดกระแทกแดกดันตลอด ถ้าพูดแล้วไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ผมว่าคุณควรจะพูดให้น้อยลงหรือไม่ก็อย่าพูดเลยดีกว่า คุณพยาบาลช่วยพาฉันขึ้นไปบนห้องที”

คุณสมควรด่าภรรยาด้วยน้ำคำที่ไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่แต่งงานกันมาก็ว่าได้ ส่วนคุณอัญชลีก็ได้แต่มองหน้าสามีด้วยความขุ่นเคืองใจไม่น้อย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงจึงลุกขึ้นสบัดหน้าเดินออกไปจากห้อง สาลินีได้แต่ลุกตามไปห่างๆ เมื่อได้สัญญาณจากคุณสมควรว่าให้ออกไปได้ ปวีย์ทำท่าจะลุกตามไป เพราะไม่รู้จะนั่งทำตัวยังไงต่อได้อีก ด้วยไม่เคยเห็นว่าคนในครอบครัวนี้จะขัดแย้งกันอย่างรุนแรงมาก่อน

“พ่อวี อย่าลืมจัดการเรื่องที่ปู่ขอให้เรียบร้อยนะ แล้วก็ฝากดูแลยายอ๋อให้ดีๆ ด้วย พ่อวีก็รู้ว่าปู่ไม่มีใครแล้วนอกจากพ่อวีกับยายอ๋อ ไม่ว่าพ่อวีจะชอบหรือไม่ชอบ รู้สึกดีหรือไม่ดีกับยายอ๋อยังไงก็ขอให้ช่วยปู่ก่อน ถือว่าช่วยทำให้คนแก่อย่างปู่ได้นอนตายตาหลับเถอะนะ”

น้ำเสียงคุณสมควรอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดจนคนฟังเกิดสงสารขึ้นมาจับใจ จึงให้คำมั่นสัญญาอย่างไม่เกี่ยงงอนใดๆ และรีบลากลับบ้าน เพราะเห็นสถานะการณ์ภายในคฤหาสน์หลังงามตึงเครียดไปแทบจะทุกตารางนิ้ว แต่เมื่อลงมาแล้วเห็นคนที่เป็นต้นเหตุทำให้เรื่องยุ่งๆ เกิดขึ้นไม่มีเว้นวัน กำลังเดินสำรวจป้ายแดงอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำให้เขาเกิดอาการขุ่นเคืองขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ จนต้องเดินเข้าไปหาแล้วมองร่างในชุดเรียบหรูด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณยังกินอิ่มนอนหลับ และยิ้มร่าเริงออกมาได้ ทั้งที่บรรยากาศในบ้านกำลังจะลุกเป็นไฟเพราะมีคุณเป็นต้นเหตุอยู่แล้ว ผมล่ะเดาไม่ออกเลยจริงๆ ว่าคุณได้เลือดป่วนจากใครมากันแน่”

หทัยชนกหันไปมองเขาด้วยสายตาเอาเรื่องอย่างไม่เคยมีมาก่อน และความรู้สึกเกือบจะเป็นบวกที่มีต่อเขาก็ติดลบลงมาในทันที แต่ในที่สุดก็เตือนตัวเองเอาไว้ว่าไม่ควรจะโกรธ เพราะรังแต่จะทำให้ศัตรูล่วงรู้ถึงความอ่อนแอได้ ดวงหน้าสวยจึงยิ้มให้อย่างไม่แยแสแต่สิ่งใดก่อนจะสรรหาถ้อยคำเจ็บๆ มาต่อว่าเขากลับ

“ถึงคุณจะไม่เข้าใจยังไง คุณก็ควรจะทำตัวให้ชินเข้าไว้นะคะ เพราะเรายังจะต้องเจอกันอีกหลายยก และถ้าไม่อยากให้ฉันรวมคุณเข้าไปในกลุ่มคนที่ฉันเกลียดจนต้องป่วนให้บ้านคุณลุกเป็นไฟอีกหลังล่ะก็ ฉันแนะนำให้คุณช่วยทำตัวเป็นกลาง มองอะไรกว้างๆ ลึกๆ หรือมองหลายๆ มิติ จะได้ไม่เห็นอะไรต่อมิอะไรเพียงด้านเดียว อันที่จริงคุณสมบัติพวกนี้คนเก่งงานบริหารอย่างคุณน่าจะมีอยู่ในตัวครบถ้วนนะคะ

ไม่เห็นจะต้องให้นักบริหารอ่อนหัดแถมชั่วโมงบินอันน้อยนิดอย่างฉันสอนเลยนี่ เอ๊ะ! หรือว่าความรักที่คุณมีต่อน้องสาวต่างแม่ของฉันมันมากล้นจนทำให้คุณมองอะไรไม่เห็น แยกสีขาวดำด่างหรือเทาไม่ออก อ้อ! ฉันรู้แล้วล่ะ เพราะความรักมันทำให้คนตาบอดนั่นเอง แต่อย่าบอดบ่อยๆ นะคะคุณ มันไม่ค่อยดีหรอก เพราะเดี๋ยวจะถูกใครต่อใครจูงจมูกเอาโดยไม่รู้ตัว แทนที่จะเป็นคนตาบอด ต่อไปอาจจะกลายเป็นตัวที่เขาเลี้ยงไว้ทำนาเข้าสักวันนะ”

วินาทีนี้เองที่ปวีย์รู้ว่ามีสิ่งหนึ่งที่เป็นรองเจ้าหล่อนเอามากๆ นั่นก็คือเรื่องปากคอเราะร้าย อดด่าตัวเองในใจไม่ได้ที่หลงเปิดทางให้เจ้าหล่อนสวนกลับอย่างไม่เป็นท่า และถ้าตอนนี้ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองในที่ลับตาคนมากกว่านี้ เขาบอกตัวเองได้ว่าจะดึงเข้ามาสั่งสอนด้วยการจูบให้หายปากดีเลยทีเดียว

แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้และเขาก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาตอกกลับได้ จึงผละไปขึ้นรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็วแทน ดวงหน้าสวยที่ยิ้มเยาะเย้ยชายหนุ่มเมื่อครู่ถึงกับหุบลงในทันที อารมณ์ที่จะดูรถเป็นอันว่าหมดไป หทัยชนกจึงเดินกลับบ้านด้วยความหัวเสียแทนเช่นกัน



การวางระบบใหม่ในบริษัททำเอาหทัยชนกแทบไม่เหลือเวลาสืบหาเบาะแสที่จะทำให้แม่พ้นจากคำกล่าวหาได้เลย เพราะต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับงาน วีนาเองก็ต้องช่วยอย่างเต็มที่แล้วปล่อยให้เรื่องตามหาพันเป็นหน้าที่ของพีระโดยสิ้นเชิง ปวีย์ช่วยเป็นที่ปรึกษาได้ดีไม่น้อยในความคิดของเธอ หากไม่นับเรื่องที่เขาคอยแต่จะเข้าข้างแฟนกับแม่ศัตรูคู่แค้นไปหน่อย

พีระมักจะแวะเวียนมาหาสองสาวที่ออฟฟิศหลังเวลาเลิกงานเสมอในช่วงนี้ เพราะบ่อยครั้งที่หทัยชนกจะต้องนั่งทำงานต่อจนค่ำมืดกว่าจะได้กลับบ้าน แถมก็ต้องหอบงานกลับไปทำต่อกว่าจะได้หลับก็หลังเที่ยงคืนไปแล้ว และก็ต้องออกแต่เช้าทุกวัน คุณอัญชลีมักจะเห็นหลานสาวกับวีนาออกมาพร้อมหนุ่มในเครื่องแบบที่อาสาหอบข้าวของไปใส่ในรถให้ แล้วก็ขับตามกันไปแทบทุกวี่วัน โดยหลานสาวไปรถป้ายแดง ส่วนตำรวจหนุ่มกับวีนามักจะไปคันเดียวกัน คุณอัญชลีจึงไม่ค่อยจะแน่ใจนักว่าตกลงแล้วตำรวจหนุ่มเป็นแฟนใครกันแน่เลยไม่รู้จะต่อว่ายังไงถูก

“วันนี้มีประชุมผู้บริหาร จากนั้นก็ประชุมกับฝ่ายต่างๆ เกือบทั้งวันเหมือนเดิมค่ะ เลิกงานแล้วเราสองคนก็ตรงไปที่ร้านคุณเบลเบลได้เลย อี๋จะไปรอที่นั่นพร้อมทุกคนที่บ้านค่ะจะได้แต่งหน้าทำผมก่อนเลย คุณเบลเบลจัดชุดไว้ให้ทุกคนที่ร้าน พอเสร็จพวกเราทั้งหมดก็จะเข้างานพร้อมกันตามที่คุณอ๋อสั่งไว้ทุกอย่างค่ะ”

เพราะคืนนี้จะมีงานเลี้ยงต้อนรับผู้บริหารคนใหม่ของบีซีเคกรุ๊ป ซึ่งจะจัดขึ้นที่คฤหาสน์บวรชัยกุล แทนการจัดในโรงแรมเพื่อจะได้สะดวกกับคุณสมควร หทัยชนกจึงจัดให้ทุกคนในบ้านรวมทั้งพีระแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไปร่วมงานด้วย แม้จะรู้ว่าคนในคฤหาสน์ยกเว้นคนเป็นปู่จะไม่เต็มใจให้คนของเธอไปร่วมงานสักแค่ไหน แต่เธอก็ไม่คิดจะแยแสต่อสายตาหรือคำพูดกระแทกแดกดันเลยสักนิด

“ขอบคุณค่ะ”

เจ้านายสาวยิ้มให้ก่อนจะก้มไปหาเอกสารตรงหน้าอย่างรีบเร่ง เพราะอีกไม่ถึงชั่วโมงก็จะต้องเข้าประชุมแล้ว ปวีย์เข้ามาในห้องที่ผู้เป็นเจ้าของเพียงแค่เงยขึ้นมามองเป็นการทักทายให้เท่านั้น แทนที่ยิ้มแย้มและเอ่ยคำหวานเหมือนแขกคนอื่นๆ ที่เขาเคยเห็น แต่เขาก็ไม่คิดจะสนใจ เพราะจะต้องเตรียมตัวเข้าประชุมเช่นกัน

ช่วงเช้าถึงเที่ยงเป็นการประชุมกับผู้บริหารระดับสูงสุดทั้งหมด และก็เป็นไปด้วยความตึงเครียด เพราะต่างคนก็ต่างถกเถียงกันด้วยเหตุและผลเพื่อให้ได้มีซึ่งข้อสรุปที่ยอมรับด้วยกันทั้งสองฝ่าย เวลาล่วงเลยจะบ่ายโมงอยู่แล้วก็ยังไม่ได้ข้อสรุป มื้อเที่ยงจึงถูกยกมาเสิร์ฟให้ทุกคนถึงที่

ปวีย์หันไปมองหทัยชนกด้วยความพึงพอใจในความสปอร์ตไม่น้อย เพราะสเต็กจานใหญ่ครบเซ็ท ตบท้ายด้วยไอศครีมจากร้านชื่อดังคืออาหารที่สั่งมาเบรคเรื่องเครียดๆ ทุกคนจึงใจเย็นลงเมื่อท้องมีอะไรลงไปเพิ่มพลัง ขณะเดียวกันก็พูดคุยกันด้วยเรื่องเบาๆ สลับกับเรื่องตลกโปกฮา แล้วก็เริ่มจริงจังกันอีกหลังจานชามถูกเก็บออกไปจากห้อง

บ่ายสามโมงเป็นเวลาที่ทุกคนตกลงกันได้ ต่างฝ่ายจึงเดินออกจากห้องด้วยสีหน้าผ่อนคลาย หทัยชนกกับปวีย์มีเวลาแค่ได้ออกไปเข้าห้องน้ำเท่านั้น แล้วก็ต้องกลับมาประชุมร่วมกับฝ่ายต่างๆ ต่อ เพื่อให้ได้รู้อย่างละเอียดว่าแต่ละฝ่ายทำอะไรไปถึงไหนแล้วบ้าง ซึ่งต่างฝ่ายก็ต่างมีปัญหาร้อยแปดนำมาเสนอให้ทั้งสองต้องปวดหัวไปตามๆ กัน

หนึ่งทุ่มตรงเป็นเวลาที่ทุกคนจะต้องยุติการประชุมเอาไว้ก่อน แม้จะไม่เสร็จสิ้นก็ตามที และต่างก็ต้องรีบไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยง โดยเฉพาะปวีย์ที่ทิ้งให้เลขาเป็นคนดูแลความเรียบร้อยแทนมาตั้งแต่เช้าแล้ว จึงต้องรีบเผ่นไปงานก่อนใครเพื่อน หทัยชนกกับชื่นจิตเองก็ต้องรีบตรงไปร้านเสริมสวยไม่แพ้กัน ทุกคนในบ้านต่างแต่งตัวสวยหล่อรออยู่ก่อนแล้ว

“เป็นไงชุดราตรีกับทรงผมแบบคุณนายของป้าใช้ได้หรือเปล่าอ๋อ”

นิ่งที่ไม่นิ่งเหมือนชื่อรีบยืนขึ้นแล้วหมุนไปรอบๆ ให้หลานสาวดูเสื้อผ้าหน้าผมอย่างภาคภูมิใจ แถมยืนแอ็คเหมือนนางแบบลนแค็ตวอล์คไม่มีผิด ทำเอาทุกคนต่างหัวเราะออกมาด้วยความขำ แม้แต่เบลเบลที่อยู่ในอาการเร่งรีบด้วยกลัวจะแต่งตัวให้หทัยชนกไม่ทันก็ยังหัวเราะก๊ากออกมา แต่ก็ต้องรีบหันกลับไปสั่งลูกน้องเสียงแข็งเพื่อให้เร่งมือในทันที

“อ้าว! สองสาวรีบมานั่งเร็วเข้าจะได้ทำผมกับแต่งหน้า”

ช่างต่างเร่งมือเพื่อแปลงโฉมหนึ่งสาวรุ่นเด็กกับอีกหนึ่งสาวรุ่นเดอะ ให้สวยสะพรั่งพร้อมจะได้ไม่ต้องอายใคร ส่วนเบลเบลคอยกำกับอย่างใกล้ชิด ไม่ถึงชั่วโมงทุกคนก็ไปถึงงาน แขกเหรื่อมาเต็มสนาม ครึ่งหนึ่งของแขกทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่เป็นพนักงานในบริษัททั้งนั้น ส่วนอีกครึ่งก็เป็นคนในแวดวงธุรกิจซึ่งคุ้นเคยกับคุณสมควรเป็นอย่างดี

คืนนี้คุณสมควรแต่งตัวหล่อลงมาต้อนรับแขกด้วยการนั่งรถวิลแชร์โดยมีพยาบาลคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ ร่างสูงร้อยเจ็ดสิบห้าที่มาในชุดราตรีแบบเจ้าหญิงกรีกสีพาสเทลเขียวหยก แขนเสื้อที่หุ้มเอาไว้แค่หัวไหล่ปักดิ้นทองทั้งแขน ไล่ลงมาหาคอเสื้อที่เป็นสี่เหลี่ยมปักดิ้นทองรอบหน้าหลัง ใต้อกที่ยืดขยายเข้าออกได้ตามหุ่นคนสวมใส่ก็ปักดิ้นทองไว้โดยรอบเช่นกัน



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 07:52:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 07:52:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 930





<< แผนยังคงคว้าน้ำเหลว   สาวมั่นออกลาย >>
จิรารัตน์ 4 ส.ค. 2556, 15:00:56 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account