ไฟซ่อนเชื้อ
ไฟซ่อนเชื้อ เป็นนิยายสองในหกเรื่องที่ ‘กันเกรา’ เขียนให้นางเอกเก่ง ฉลาด หลักแหลม รอบรู้ ทันคน และไม่ยอมให้เป็นฝ่ายถูกระทำ แถมตรงกันข้ามคือตามกระทำ ตามเอาคืนคนอื่นได้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนเกือบตลอดเรื่อง
ผิดกับนิยายภายใต้นามปากกา ‘กันเกรา’ ที่พอท่านผู้อ่านเห็นชื่อบนหน้าปก สันปกแล้ว ก็จะจินตนาการว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็คงจะออกแนวโรแมนติค ดราม่า ที่นางเอกจะต้องถูกกระทำถูกรังแกจากพระเอกและคนรอบข้างอย่างแน่นอน ถ้ายังไม่ได้อ่านมาถึงหน้าคำนำของเรื่อง ซึ่งนั่นเป็นการเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว
และแน่นอนที่สุดว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็ยังถูกขีดเขียนขึ้นโดยยึดถือและคำนึงถึงเรื่อง ความเหมาะสม ความสมเหตุสมผล ความเป็นไปได้ และความจริงที่น่าจะเป็นในชีวิตประจำวันของคนในสังคมเมืองไทยในปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ ของ ‘กันเกรา’ อย่างครบถ้วน
แต่เนื่องจาก ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ต้นฉบับเดิมมีความยาวมาก ซึ่งจะมีผลกระทบทางด้านการตลาด และเพื่อให้เนื้อเรื่องกระชับฉับไวมากกว่าเดิม จึงต้องถูกตัดทิ้งหลายสิบหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ ‘กันเกรา’ ต้องเหนื่อยแถมต้องแย่งเวลาของการเขียนนิยายเรื่อง ‘อาญาซาตาน’ (ชื่ออาจจะเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง) ซึ่งจะเป็นเรื่องลำดับต่อไปที่จะตีพิมพ์สู่สายตาท่านผู้อ่านไปหลายวันทีเดียว
ขอขอบคุณทุกๆ ความกรุณา จากทุกๆ คนที่ทำให้มีนิยายเรื่อง ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหลายคนที่ช่วยในเรื่องหาข้อมูล เรื่องพล็อต เรื่องวิเคราะห์เนื้อเรื่อง ขอบคุณ สนพ. อินเลิฟ ที่กรุณาหยิบนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาตีพิมพ์ และที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ ขอบคุณท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่กรุณายืนหยัดเป็นกำลังใจให้ ‘กันเกรา’ มาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ จะสร้างความสุขในทุกๆ บรรทัดที่ท่านติดตามอ่านค่ะ
ผิดกับนิยายภายใต้นามปากกา ‘กันเกรา’ ที่พอท่านผู้อ่านเห็นชื่อบนหน้าปก สันปกแล้ว ก็จะจินตนาการว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็คงจะออกแนวโรแมนติค ดราม่า ที่นางเอกจะต้องถูกกระทำถูกรังแกจากพระเอกและคนรอบข้างอย่างแน่นอน ถ้ายังไม่ได้อ่านมาถึงหน้าคำนำของเรื่อง ซึ่งนั่นเป็นการเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว
และแน่นอนที่สุดว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็ยังถูกขีดเขียนขึ้นโดยยึดถือและคำนึงถึงเรื่อง ความเหมาะสม ความสมเหตุสมผล ความเป็นไปได้ และความจริงที่น่าจะเป็นในชีวิตประจำวันของคนในสังคมเมืองไทยในปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ ของ ‘กันเกรา’ อย่างครบถ้วน
แต่เนื่องจาก ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ต้นฉบับเดิมมีความยาวมาก ซึ่งจะมีผลกระทบทางด้านการตลาด และเพื่อให้เนื้อเรื่องกระชับฉับไวมากกว่าเดิม จึงต้องถูกตัดทิ้งหลายสิบหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ ‘กันเกรา’ ต้องเหนื่อยแถมต้องแย่งเวลาของการเขียนนิยายเรื่อง ‘อาญาซาตาน’ (ชื่ออาจจะเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง) ซึ่งจะเป็นเรื่องลำดับต่อไปที่จะตีพิมพ์สู่สายตาท่านผู้อ่านไปหลายวันทีเดียว
ขอขอบคุณทุกๆ ความกรุณา จากทุกๆ คนที่ทำให้มีนิยายเรื่อง ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหลายคนที่ช่วยในเรื่องหาข้อมูล เรื่องพล็อต เรื่องวิเคราะห์เนื้อเรื่อง ขอบคุณ สนพ. อินเลิฟ ที่กรุณาหยิบนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาตีพิมพ์ และที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ ขอบคุณท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่กรุณายืนหยัดเป็นกำลังใจให้ ‘กันเกรา’ มาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ จะสร้างความสุขในทุกๆ บรรทัดที่ท่านติดตามอ่านค่ะ
Tags: นางเอกเก่ง ฉลาด ทันคน ไม่ยอมถูกกระทำ
ตอน: จุมพิตพิชิตสาวมั่น
ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกที่เขาว่านั้นมันคืออะไร แต่ป่วยการจะหาคำตอบให้เหนื่อยใจไปเปล่าๆ และตอนนี้ก็ป่วยการที่จะต่อสู้ขัดขืนแรงกายเขาไปเปล่าๆ ด้วยรู้ดีว่าไม่มีทางจะทำได้ สิ่งที่จะต้องทำในตอนนี้คือปล่อยให้เขาครอบครองเรียวปากนุ่ม กับสองปทุมคู่งามที่กำลังถูกอุ้งมือมารอย่างเขาจับจองพื้นที่เพื่อหาความสุขอย่างไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดหรือใครอีกแล้ว
เพราะหัวใจชายหนุ่มตอนนี้กำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขกับการได้พากายกำยำทาบทับกายบอบบางไว้ มีความสุขเมื่อได้ลิ้มลองกลีบบุปผานุ่ม มีความสุขกับการได้ลูบไล้บีบเค้นกับอกอิ่มอย่างลืมตัว ลืมผู้ใหญ่ไม้สูงหลายต่อหลายคน และลืมไปแล้วว่าเคยเตือนตัวเองให้อยู่ห่างๆ ร่างที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังของเธอ เพื่อกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
แต่เขาก็ไม่คิดจะใส่ใจในคำเตือนของตัวเอง กลับทำอะไรตามอำเภอใจ ด้วยการหาข้ออ้างข้างๆ คูๆ ให้กับตัวเองว่าแม่คุณยั่วประสาทจนเขาโกรธจัดและตัดสินใจมอบบทเรียนราคาแพงนี้ให้ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว เธอเองก็ไม่ได้ด่าว่าอะไรเขารุนแรงมากมายนัก หรือถ้ามากมันก็ไม่มากพอที่เขาจะต้องสั่งสอนเธอถึงขนาดนี้ หากไม่มีความรู้สึกบางอย่างเรียกร้องอยู่ลึกๆ ภายในใจรวมอยู่ด้วย
“อย่านะ! คุณปู่จะต้องเสียใจถ้ารู้ว่าคุณกำลังทำกับฉันแบบนี้”
หทัยชนกรีบดึงตัวช่วยขึ้นมาทันที เมื่อรับรู้ว่ามือของเขาเลื่อนขึ้นไปปลดกระดุมเสื้อออกไปได้ไม่ต่ำกว่าสามเม็ดแล้ว และกำลังดึงบราลูกไม้ขึ้นเพื่อจะได้สัมผัสกับเนื้อนูนๆ ที่กำลังเปล่งบานท้าทายให้เขาก้มลงไปลิ้มลองเสียเหลือเกิน ได้ผล! เมื่อเขาหยุดและจ้องมองดวงหน้าสวยที่ตอนนี้เต็มไปด้วยอาการหวาดระแวงภัยร้ายจากชายอย่างเขา
ยังผลให้อีกคนค่อยโล่งใจขึ้นมาได้บ้าง แต่ความรู้สึกนี้ก็อยู่ด้วยได้ไม่นาน เมื่อปวีย์ไม่เอ่ยอะไรออกมาแต่กลับก้มลงไปปิดกระจับนุ่มอีกครั้ง และจูบอย่างหนักหน่วงกว่าเมื่อแรกมาก มือก็บีบเค้นอกนุ่มหนักกว่าเดิม ก่อนจะพาริมฝีปากอุ่นเลื่อนลงมาครอบครองปลายยอดชูตั้งและตื่นตระหนกแล้วดูดกินอย่างคนควบความสติไม่อยู่
“คุณปวีย์อย่า ปล่อยฉันสิ ถ้าคุณไม่หยุดเดี๋ยวนี้ฉันจะฟ้องคุณปู่และจะฟ้องทุกเรื่องด้วย”
คราวนี้ปวีย์ชะงักแล้วจ้องมองดวงหน้าที่มองมาหาเขาอย่างเอาเรื่อง และสติที่กระเจิดกระเจิงของเขาก็ค่อยๆ กลับมาอยู่กับตัว แต่เขาไม่ได้ผละออกจากร่างนุ่มในทันที เพราะยังอยากจะต่อรองเพื่อปราบพยศแม่คุณก่อน
“ผมจะหยุดถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่ฤทธิ์มาก ไม่สร้างเรื่องให้ผมกับคนอื่นๆ วุ่นวายอีก”
“ก็ได้ๆ ฉันสัญญา” อีกคนรับคำอย่างเสียไม่ได้และพยายามดันกายเขาออกไปให้ห่างๆ แต่เขายังคงไม่ยอม
“งั้นอีกห้านาที คุณจะต้องออกไปยืนอยู่หน้าห้อง และพร้อมที่จะทำงาน ถ้าคุณช้าแม้แต่นาทีเดียว ผมจะกลับเข้ามาอีกและจะไม่ออกไปไหนเลยทั้งวัน หรืออาจจะทั้งคืน พรุ่งนี้ผมจะพาคุณกลับไปหาคุณปู่เพื่อขอเปลี่ยนจากฐานะที่ปรึกษาให้รักษาการประธานบริษัท ไปเป็นหลานเขยท่านแทน และคนที่จะเป็นเมียผมก็คือคุณไม่ใช่สาริยา”
“หยุดนะ! ฉันไม่อยากจะฟัง!” หญิงสาวตะคอกใส่เขาและง้างแขนขึ้นหมายจะตบอย่างที่เคยทำมาก่อน
“อ๊ะๆๆ และถ้าคุณยังคิดจะตบผมอีกล่ะก็ ห้านาทีของคุณจะจบสิ้นลง”
แต่เขาทำตาโตใส่และส่งเสียงดังขู่เอาไว้ก่อน ยังผลให้เจ้าของมือลังเลและหวาดหวั่นกับผลที่จะตามมาจากการเอาแต่ใจของตัวเอง
“และผมจะไม่ไปไหนนอกจากอยู่ในห้องนี้กับคุณเท่านั้น คุณคงจะพอวาดภาพออกนะว่าผู้ชายรูปหล่อพ่อรวย และมีพละกำลังมหาศาลอย่างผม ถ้าได้อยู่ตามลำพังในห้องกับสาวสวยๆ อย่างคุณอะไรจะเกิดขึ้น บอกไว้ก่อนว่าผมเป็นผู้ชายทั้งแท่ง และไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่คิดอะไรเกินเลยกับคุณ
ต่อให้ไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมก็นอนกับคุณได้ และรับคุณมาเป็นเมียได้ไม่ยาก แล้วคุณล่ะ จะทนนอนกับผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้รัก และรับผมไปเป็นสามีได้หรือเปล่า ถ้าคิดว่าจะทำไม่ได้ผมขอแนะนำให้คุณเก็บมือเก็บไม้ไว้ให้ถูกที่ถูกทาง และรีบจัดแจงกับตัวเองแล้วออกไปหาผมข้างนอกได้ ห้านาทีเท่านั้น จำเอาไว้ด้วยนะครับคนสวย”
ว่าแล้วเขาก็ผละออกจากร่างบอบบางไปได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับปิดประตูห้องในทันทีเมื่อออกไปแล้ว ยังผลให้คนที่ยังคงนอนอยู่กับโซฟาค่อยหายใจทั่วท้องขึ้นมาหน่อย จึงรีบลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางอย่างเร่งด่วน ก่อนจะวิ่งออกไปยืนอยู่หน้าห้องภายในเวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ แต่กลับไม่มีเขายืนอยู่อย่างที่ขู่ไว้ จึงพยายามเมียงมองหาทางนั้นทางนี้
ถึงได้เห็นเขาเดินกลับมาพร้อมกระเป๋าสะพายและข้าวของอื่นๆ ที่ตอนแกล้งเป็นลมตัวเองทิ้งไว้ในรถ ปวีย์ยิ้มร่าออกมาด้วยความสะใจเมื่อเห็นร่างบอบบางมายืนรอ เขาดูนาฬิกาข้อมือแล้วเลิกคิ้วตามติดด้วยการเบะปากน้อยๆ ให้คนตรงหน้า ก่อนจะส่งวาจาแหย่ออกไปด้วยท่าทีของคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
“ผมคิดว่าคุณจะออกมาหลังจากห้านาทีพ้นไปซะอีก ว้า!!! อดเลย แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยๆ ผมก็ได้คุณกลับมาและพร้อมจะทำงานแล้ว เชิญครับคุณผู้หญิง ทีมงานผมรอมาตั้งแต่เช้าแล้ว”
เขาผายมือเชื้อเชิญเป็นเชิงล้อเลียนอย่างคนอารมณ์ดี แต่กับอีกคนช่างตรงกันข้ามนัก มือบางแย่งของทั้งหมดจากมือเขาไปถือไว้เอง ก่อนจะก้าวฉับๆ เดินนำไป ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะต้องไปไหน ปวีย์ยิ้มตามหลังเจ้าของร่างระหงด้วยความขำ ก่อนจะรีบก้าวยาวๆ ไปจนทันและพาไปยังห้องประชุมที่ว่างเปล่า แต่ไม่กี่นาทีต่อมาหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ก็ทยอยกันเข้ามาในห้อง
แล้วเริ่มพรีเซ้นท์งานอย่างมืออาชีพให้หญิงสาวที่ทุกคนรู้ดีว่าเป็นทายาทของบีซีเค จากนั้นปวีย์ก็ได้ทีเริ่มโอ้อวดในความเจ๋งของเอเอสวีกรุ๊ปให้เห็น แรกเริ่มก็เป็นการสรุปงานพีเซ้นท์ทั่วไปให้ทุกฝ่าย ตามติดด้วยการเดินชมโรงงานและไลน์ผลิต แม้ในตอนแรกหทัยชนกจะไม่สบอารมณ์สักแค่ไหนเพราะความโกรธเกลียดเจ้าของบริษัท
แต่สุดท้ายก็ลืมเลือนความรู้สึกนั้น เพราะมีองค์ความรู้ใหม่ๆ พร้อมกับเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัยกว่าของบริษัทตัวเองให้ต้องรีบตักตวงหาความรู้เอาไว้ จึงทั้งจดทั้งจำและบันทึกภาพไว้ในแท็ปเลสอย่างจริงจัง ยังผลให้ปวีย์ค่อยคลายความขุ่นเคืองในความพยศของเจ้าหล่อนลงไปได้บ้าง แถมเขายังแอบโกรธตัวเองอยู่ในใจลึกๆ ที่มักจะชอบเผลอมองร่างสูงเพรียวในชุดกระโปรงสั้นบานพริ้ว กับช่วงขาขาวยาวเรียวที่มีรองเท้าส้นสูงแบบเปิดเผยให้เห็นเท้าเล็กเรียวขาวสวยอยู่เรื่อย
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนสวยสะดุดตาเมื่อมองในแว๊ปแรก แต่พอได้ดูนานๆ แล้วถึงจะรู้ว่าสวยเก๋ เท่ห์ น่ารักน่าเอ็นดูน่ามอง อยู่ใกล้แล้วไม่ทำให้เบื่อเพราะมีความเป็นตัวเองสูง ฉลาดเฉลียวรอบรู้ไม่ยิงคำถามโง่ๆ เหมือนคนไม่มีสมอง แต่มักจะทำให้เขาสะอึกและต้องคิดสักครู่ในคำตอบที่จะต้องมีให้ เรื่องไหนที่เคยบอกเคยสอนแล้วเจ้าหล่อนจะจำได้แม่นยำ ไม่เก็บมาถามซ้ำๆ ซากๆ อีก นี่คือสิ่งที่เขาชอบและมักจะพยายามนำไปหักล้างเวลาที่เจ้าหล่อนพยศใส่
แล้วมันก็ทำให้คิดถึงวินาทีที่เขาต้องใช้จุมพิตเพื่อปราบพยศเจ้าหล่อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พลอยคิดถึงรอยดัชนีที่ประทับตรงแก้มขาวสะอาดที่ต้องนอนลุ้นมาแล้วถึงสองครั้งว่าวันรุ่งขึ้นมันจะจางหายไปบ้างไหม เพราะถ้าไม่เช่นนั้นเขาคงจะเอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้านเพื่อหลบหน้าผู้คนจนรอยแดงจางหายเป็นแน่ โชคดีที่ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น แต่มันก็ทำให้เขาเจ็บใจอยู่ไม่น้อย เพราะไม่เคยสักครั้งที่จะถูกผู้หญิงตบ เมื่อประทับจูบเรียวปากบางของแม่เจ้าประคุณทั้งหลาย
“วันนี้ท่านประธานกับฝ่ายการตลาดก็มาประชุมด้วย รู้ว่าคุณอ๋อจะมาดูงานที่นี่เลยสั่งให้ผมจัดเตรียมมื้อเที่ยงไว้บนดาดฟ้า เลขาผมโทรมาบอกว่าท่านประชุมเสร็จแล้วและกำลังรอพวกเราอยู่ครับ”
ผู้จัดการบอกด้วยท่าทีนอบน้อมหลังนำทั้งสองคนออกจากไลน์ผลิตแล้ว หทัยชนกยิ้มรับด้วยความยินดี เพราะกำลังกังวลอยู่ไม่น้อยในช่วงเวลาอันอึดอัดที่จะต้องนั่งร่วมมื้อเที่ยงกับเขาตามลำพังเช่นทุกครั้งที่เคยเป็นมา ผู้จัดการจึงเดินนำไปยังลิฟท์แล้วขึ้นไปดาดฟ้าที่ตกแต่งเอาไว้ด้วยตัวไม้นานาพันธุ์จนเต็มบริเวณ เว้นไว้แต่ห้องกระจกใสที่มีขนาดไม่ใหญ่มากพอรับรองแขกได้ไม่เกินยี่สิบ
“อ้าว! หนูอ๋อมาพอดีเลย เป็นไงบ้าหิวหรือเปล่า มานั่งข้างๆ ลุงนี่มา”
ปฐพียกมือรับไหว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแล้วเชื้อเชิญอย่างเป็นกันเอง ปวัตรกับปไวย์เองก็ทักทายด้วยท่าทีเป็นมิตรผิดกับพี่ชายคนโตอย่างสิ้นเชิงในความคิดของเธอ ผู้จัดการโรงงานรวมทั้งหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ก็ให้ความเป็นกันเองและถามไถ่อย่างคนคุ้นเคย เพราะบางคนรู้จักเธอจากงานเลี้ยงต้อนรับคราวก่อนแล้ว จึงไม่ค่อยอึดอัดที่จะนั่งร่วมโต๊ะที่ส่วนใหญ่เป็นชายนัก
และเธอก็สังเกตเห็นว่าปฐพีเป็นคนเชื้อสายจีนที่ยึดถือคำสั่งสอนของบรรพบุรุษอย่างเคร่งครัด ด้วยการไม่ถือตัวกับลูกน้อง แต่จะพูดคุยทุกเรื่องถามไถ่สารทุกข์สุกดิบคนรอบโต๊ะทุกคน จำรายละเอียดของลูกน้องแต่ละคนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูกเมียที่บ้านหรือแม้กระทั่งชอบเล่นกีฬาชนิดไหน แถมอาหารมื้อนี้ก็ถูกสั่งมาจากภัตราคารมีระดับ หลายเมนูด้วยกันเพื่อให้ทุกคนได้กินกันอย่างอิ่มหนำ
“วันนี้โชคดีจังที่มีเวลาได้กินข้าวด้วยกันอย่างพร้อมหน้า แถมมีแขกสำคัญอย่างหนูอ๋อด้วย ถ้าไม่มีลูกค้ารายใหญ่จะมาดูงานที่นี่เราคงไม่มีโอกาสได้มานั่งร่วมโต๊ะด้วยกันแบบนี้ ความจริงลุงอยากจะชวนหนูอ๋อมาดูเวลาลุงต้อนรับลูกค้าเหมือนกัน แต่เจ้าวีบอกว่างานที่ออฟฟิศยุ่งใช่มั้ยล่ะช่วงนี้”
ปฐพีเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มน้อยๆ แล้วมองกวาดไปหาคนรอบโต๊ะ เพราะนานทีปีหนเขาจะมีโอกาสได้เข้ามาดูโรงงานตามต่างจังหวัด ยกเว้นเวลาจะมีปัญหาเร่งด่วน หรือไม่ก็พาลูกค้าสำคัญมาเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วเขาจะทิ้งหน้าที่เหล่านี้ให้ลูกชายทั้งสามผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าทีเท่านั้น
“นิดหน่อยค่ะคุณลุง แต่ถ้าคุณลุงเห็นว่าสำคัญสำหรับงาน อ๋อก็จะยกเลิกประชุมแล้วมาได้ค่ะ”
แม้จะไม่อยากทำอย่างนั้นเท่าไหร่ แต่หทัยชนกก็ไม่อาจบอกปัดโอกาสพิเศษไปโดยไม่มีเหตุผลที่ดีมากพอ ปฐพียิ้มกว้างให้ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“ไม่ต้องหรอกหนูอ๋อ ลุงมีลูกค้ามาดูงานบ่อยๆ เสาร์อาทิตย์ที่จะถึงนี่ก็จะมีอีกกลุ่มมา ถ้าสนใจค่อยคุยรายละเอียดกันทีหลัง แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรไว้โอกาสหน้า”
หทัยชนกตอบรับด้วยรอยยิ้มและท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนจนปวีย์อดแปลกใจไม่ได้ ว่าคนอย่างเธอมีกิริยาท่าทางแบบนี้อยู่ในตัวด้วยหรือ เพราะปกติมักจะเห็นแต่ความปากกล้าก๋ากั่น เถียงคำไม่ตกฟาก โดยเฉพาะกับคุณอัญชลีและสาลินีหรือบางครั้งก็รวมเขาเข้าไปด้วย จะมีอ่อนข้อให้หน่อยก็กับคุณปู่และพนักงานอาวุโสในบริษัทเท่านั้น
“สมบูรณ์แบบค่ะ ทั้งระบบที่วางไว้อย่างดีครอบคลุมทุกด้าน เครื่องจักรส่วนใหญ่ก็จะใหม่และทันสมัย อ๋ออยากให้บริษัทพัฒนาได้สักครึ่งของที่นี่จังเลยค่ะ แต่ไม่รู้จะมีวันนั้นบ้างหรือเปล่า”
หทัยชนกเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่ม ใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ เมื่อถูกปฐพีถามเกี่ยวกับบริษัทของเขา และนั่นก็ทำให้เขายิ้มบางๆ ออกมาด้วยความชื่นชมในคำตอบที่ได้ เพราะอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ชื่นชมจนเกินเหตุหรือไม่ติติงจนเกินไป ไม่บอกก็รู้ว่าความฉลาดเฉลียวเหล่านี้ได้มาจากทั้งคุณสมควรและสงครามเพื่อนของเขา
“อีกหน่อยบีซีเคก็จะล้ำหน้าเอเอสวีแล้วล่ะหนูอ๋อ เพราะได้นักพัฒนาตัวยงอย่างเจ้าวีไปช่วย ลุงจะบอกให้นะว่ามันน่ะทุ่มเทเวลาทำงานให้ที่นั่นมากกว่าบริษัทตัวเองด้วยซ้ำ สงสัยถ้าลุงไปเยี่ยมคุณปู่ครั้งหน้าคงจะต้องขอหารเงินเดือนคนละครึ่งแล้วล่ะ ไม่ไหวเลยเจ้าลูกคนนี้เอาเปรียบพ่อน่าดู กินเงินเดือนกับพ่อแต่ดันไปทำงานให้บริษัทแฟนตัวเองมากกว่า”
ทุกคนต่างหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ หทัยชนกก็หัวเราะแต่ไม่ได้ชอบใจอย่างคนอื่น แถมเกิดอาการหมั่นไส้คนนั่งข้างๆ ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้อีกต่างหาก ที่ปากบอกว่าไม่อยากจะฮุบสมบัติบวรชัยกุล แต่จากคำบอกเล่าเมื่อครู่มันทำให้เธอไม่เสียดายเลยสักนิดที่เคยกล่าวหาเขาไว้แบบนั้น
“หนูอ๋อลองชิมหอยเชลย์ผัดฉ่าเจ้านี้ดูสิ รับรองจะติดใจ วีตักให้น้องด้วย”
ปฐพีเปลี่ยนเรื่องได้รวดเร็วพร้อมทั้งออกคำสั่งลูกชายคนโตหน้าตาเฉย แล้วหันไปคุยกับลูกน้องคนอื่นๆ ประหนึ่งไม่ใช่สลักสำคัญอะไร ปวีย์รีบทำตามคำของพ่ออย่างไม่เกี่ยงงอน แถมตักเมนูอื่นที่เห็นว่าอยู่นอกรัศมีวงแขนเล็กเรียวของเจ้าหล่อนจะเอื้อมถึงได้ให้ด้วย หทัยชนกหันไปยิ้มและกล่าวคำขอบคุณแผ่วเบาเพื่อรักษามารยาท ทั้งที่จริงแทบไม่อยากจะตักอาหารที่เขาหยิบยื่นให้เข้าปากด้วยซ้ำ
แต่ก็นั่งกินไปฟังคนนั้นคนนี้คุยกันด้วยเรื่องสารพัดโดยไปไม่เอ่ยปากอะไรออกมาหากไม่มีใครถามตรงๆ และคำตอบของเธอก็ทำให้คนถามอึ้งไปชั่วขณะได้แทบทุกครั้ง ปวีย์เผลอมองไปยังมือขาวเรียวที่ประคองช้อนกับส้อมอย่างระมัดระวังด้วยความไม่ตั้งใจ แต่กระนั้นเขาก็อดจะวิเคราะห์ไม่ได้เมื่อเห็นนิ้วขาวๆ ที่ปราศจากแหวนเพชรสักวงประดับประดาเอาไว้เหมือนสาวสังคมทั่วไป
นิ้วเจ้าหล่อนยาวเรียวสวยตั้งแต่โคนจรดปลายเล็บและไม่มีการทาสีอื่นนอกจากเคลือบมันไว้เท่านั้น แถมไม่ไว้เล็บยาวจนทำให้เขารำคาญลูกกะตาเหมือนผู้หญิงหลายคนที่เคยเห็นมาด้วย นาฬิกาสายหนังสีดำที่ข้อมือก็มีราคาหลักหมื่นเท่านั้น ไม่สมกับเป็นทายาทกิจการพันล้านที่คู่ควรแก่ยีห้อดังๆ ราคาหลายแสน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เจ้าหล่อนดูด้อยลงไปสักนิด เพราะเขาชอบผู้หญิงที่ไม่ชอบโชว์ชอบอวดความมั่งมีผ่านเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงๆ มาประดับแทบจะทั่วตัว
สาริยาบางครั้งก็จะเป็นแบบที่เขาไม่ชอบ โดยเฉพาะเวลาออกงานสังคมคู่กับเขาและมีสาลินีไปด้วย เขาก็มักจะเห็นสองแม่ลูกประโคมเครื่องเพชรแบบครบชุด เข้ากับเสื้อผ้าที่สวมใส่เพื่อประชันแขกคนอื่นๆ ในงาน แต่บางครั้งที่สาริยาอารมณ์ไม่ดีหรือติสแตก ก็จะออกงานโดยไม่ใส่เครื่องประดับใดๆ เลย เสื้อผ้าก็ต้องเป็นแบบเบาสบายไม่อึดอัด หรือบางทีเขาก็จะเห็นใส่สร้อยพวกหินหลากสี คริสตัลรูปต่างๆ หรือแม้กระทั่งพวกงาช้าง แต่ทั้งหมดทั้งมวลสิ่งที่เลือกก็เข้ากับเธอและทำให้เธอดูดีได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
เพราะเป็นคนผิวขาว หน้าหวาน รูปร่างสูงโปร่ง สวยสะดุดตาสำหรับผู้คนเมื่อพบเห็นจนต้องเก็บไปเพ้อ ทว่าดูนานๆ ความสวยนั้นก็จะค่อยๆ จืดจางหรือไม่มีความหวือหวาน่าตื่นเต้นแล้ว ตรงกันข้ามกับหทัยชนกที่มีมาดเก๋ไก๋เท่ห์ปราดเปรียวแต่ไม่เปรี้ยวจี๊ด ถ้ามีใครมาบอกว่าเจ้าหล่อนเคยเป็นนางแบบมาก่อนเขาก็คงจะเชื่อได้ไม่ยาก เพราะหุ่นให้แถมการแต่งตัวก็จะออกไปทางเรียบหรูดูดีได้โดยไม่ต้องพึ่งเสื้อผ้าชุดละหลายหมื่นบาทเหมือนสาวเซเลบทั้งหลาย
เพราะหัวใจชายหนุ่มตอนนี้กำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขกับการได้พากายกำยำทาบทับกายบอบบางไว้ มีความสุขเมื่อได้ลิ้มลองกลีบบุปผานุ่ม มีความสุขกับการได้ลูบไล้บีบเค้นกับอกอิ่มอย่างลืมตัว ลืมผู้ใหญ่ไม้สูงหลายต่อหลายคน และลืมไปแล้วว่าเคยเตือนตัวเองให้อยู่ห่างๆ ร่างที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังของเธอ เพื่อกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
แต่เขาก็ไม่คิดจะใส่ใจในคำเตือนของตัวเอง กลับทำอะไรตามอำเภอใจ ด้วยการหาข้ออ้างข้างๆ คูๆ ให้กับตัวเองว่าแม่คุณยั่วประสาทจนเขาโกรธจัดและตัดสินใจมอบบทเรียนราคาแพงนี้ให้ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว เธอเองก็ไม่ได้ด่าว่าอะไรเขารุนแรงมากมายนัก หรือถ้ามากมันก็ไม่มากพอที่เขาจะต้องสั่งสอนเธอถึงขนาดนี้ หากไม่มีความรู้สึกบางอย่างเรียกร้องอยู่ลึกๆ ภายในใจรวมอยู่ด้วย
“อย่านะ! คุณปู่จะต้องเสียใจถ้ารู้ว่าคุณกำลังทำกับฉันแบบนี้”
หทัยชนกรีบดึงตัวช่วยขึ้นมาทันที เมื่อรับรู้ว่ามือของเขาเลื่อนขึ้นไปปลดกระดุมเสื้อออกไปได้ไม่ต่ำกว่าสามเม็ดแล้ว และกำลังดึงบราลูกไม้ขึ้นเพื่อจะได้สัมผัสกับเนื้อนูนๆ ที่กำลังเปล่งบานท้าทายให้เขาก้มลงไปลิ้มลองเสียเหลือเกิน ได้ผล! เมื่อเขาหยุดและจ้องมองดวงหน้าสวยที่ตอนนี้เต็มไปด้วยอาการหวาดระแวงภัยร้ายจากชายอย่างเขา
ยังผลให้อีกคนค่อยโล่งใจขึ้นมาได้บ้าง แต่ความรู้สึกนี้ก็อยู่ด้วยได้ไม่นาน เมื่อปวีย์ไม่เอ่ยอะไรออกมาแต่กลับก้มลงไปปิดกระจับนุ่มอีกครั้ง และจูบอย่างหนักหน่วงกว่าเมื่อแรกมาก มือก็บีบเค้นอกนุ่มหนักกว่าเดิม ก่อนจะพาริมฝีปากอุ่นเลื่อนลงมาครอบครองปลายยอดชูตั้งและตื่นตระหนกแล้วดูดกินอย่างคนควบความสติไม่อยู่
“คุณปวีย์อย่า ปล่อยฉันสิ ถ้าคุณไม่หยุดเดี๋ยวนี้ฉันจะฟ้องคุณปู่และจะฟ้องทุกเรื่องด้วย”
คราวนี้ปวีย์ชะงักแล้วจ้องมองดวงหน้าที่มองมาหาเขาอย่างเอาเรื่อง และสติที่กระเจิดกระเจิงของเขาก็ค่อยๆ กลับมาอยู่กับตัว แต่เขาไม่ได้ผละออกจากร่างนุ่มในทันที เพราะยังอยากจะต่อรองเพื่อปราบพยศแม่คุณก่อน
“ผมจะหยุดถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่ฤทธิ์มาก ไม่สร้างเรื่องให้ผมกับคนอื่นๆ วุ่นวายอีก”
“ก็ได้ๆ ฉันสัญญา” อีกคนรับคำอย่างเสียไม่ได้และพยายามดันกายเขาออกไปให้ห่างๆ แต่เขายังคงไม่ยอม
“งั้นอีกห้านาที คุณจะต้องออกไปยืนอยู่หน้าห้อง และพร้อมที่จะทำงาน ถ้าคุณช้าแม้แต่นาทีเดียว ผมจะกลับเข้ามาอีกและจะไม่ออกไปไหนเลยทั้งวัน หรืออาจจะทั้งคืน พรุ่งนี้ผมจะพาคุณกลับไปหาคุณปู่เพื่อขอเปลี่ยนจากฐานะที่ปรึกษาให้รักษาการประธานบริษัท ไปเป็นหลานเขยท่านแทน และคนที่จะเป็นเมียผมก็คือคุณไม่ใช่สาริยา”
“หยุดนะ! ฉันไม่อยากจะฟัง!” หญิงสาวตะคอกใส่เขาและง้างแขนขึ้นหมายจะตบอย่างที่เคยทำมาก่อน
“อ๊ะๆๆ และถ้าคุณยังคิดจะตบผมอีกล่ะก็ ห้านาทีของคุณจะจบสิ้นลง”
แต่เขาทำตาโตใส่และส่งเสียงดังขู่เอาไว้ก่อน ยังผลให้เจ้าของมือลังเลและหวาดหวั่นกับผลที่จะตามมาจากการเอาแต่ใจของตัวเอง
“และผมจะไม่ไปไหนนอกจากอยู่ในห้องนี้กับคุณเท่านั้น คุณคงจะพอวาดภาพออกนะว่าผู้ชายรูปหล่อพ่อรวย และมีพละกำลังมหาศาลอย่างผม ถ้าได้อยู่ตามลำพังในห้องกับสาวสวยๆ อย่างคุณอะไรจะเกิดขึ้น บอกไว้ก่อนว่าผมเป็นผู้ชายทั้งแท่ง และไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่คิดอะไรเกินเลยกับคุณ
ต่อให้ไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมก็นอนกับคุณได้ และรับคุณมาเป็นเมียได้ไม่ยาก แล้วคุณล่ะ จะทนนอนกับผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้รัก และรับผมไปเป็นสามีได้หรือเปล่า ถ้าคิดว่าจะทำไม่ได้ผมขอแนะนำให้คุณเก็บมือเก็บไม้ไว้ให้ถูกที่ถูกทาง และรีบจัดแจงกับตัวเองแล้วออกไปหาผมข้างนอกได้ ห้านาทีเท่านั้น จำเอาไว้ด้วยนะครับคนสวย”
ว่าแล้วเขาก็ผละออกจากร่างบอบบางไปได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับปิดประตูห้องในทันทีเมื่อออกไปแล้ว ยังผลให้คนที่ยังคงนอนอยู่กับโซฟาค่อยหายใจทั่วท้องขึ้นมาหน่อย จึงรีบลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางอย่างเร่งด่วน ก่อนจะวิ่งออกไปยืนอยู่หน้าห้องภายในเวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ แต่กลับไม่มีเขายืนอยู่อย่างที่ขู่ไว้ จึงพยายามเมียงมองหาทางนั้นทางนี้
ถึงได้เห็นเขาเดินกลับมาพร้อมกระเป๋าสะพายและข้าวของอื่นๆ ที่ตอนแกล้งเป็นลมตัวเองทิ้งไว้ในรถ ปวีย์ยิ้มร่าออกมาด้วยความสะใจเมื่อเห็นร่างบอบบางมายืนรอ เขาดูนาฬิกาข้อมือแล้วเลิกคิ้วตามติดด้วยการเบะปากน้อยๆ ให้คนตรงหน้า ก่อนจะส่งวาจาแหย่ออกไปด้วยท่าทีของคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
“ผมคิดว่าคุณจะออกมาหลังจากห้านาทีพ้นไปซะอีก ว้า!!! อดเลย แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยๆ ผมก็ได้คุณกลับมาและพร้อมจะทำงานแล้ว เชิญครับคุณผู้หญิง ทีมงานผมรอมาตั้งแต่เช้าแล้ว”
เขาผายมือเชื้อเชิญเป็นเชิงล้อเลียนอย่างคนอารมณ์ดี แต่กับอีกคนช่างตรงกันข้ามนัก มือบางแย่งของทั้งหมดจากมือเขาไปถือไว้เอง ก่อนจะก้าวฉับๆ เดินนำไป ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะต้องไปไหน ปวีย์ยิ้มตามหลังเจ้าของร่างระหงด้วยความขำ ก่อนจะรีบก้าวยาวๆ ไปจนทันและพาไปยังห้องประชุมที่ว่างเปล่า แต่ไม่กี่นาทีต่อมาหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ก็ทยอยกันเข้ามาในห้อง
แล้วเริ่มพรีเซ้นท์งานอย่างมืออาชีพให้หญิงสาวที่ทุกคนรู้ดีว่าเป็นทายาทของบีซีเค จากนั้นปวีย์ก็ได้ทีเริ่มโอ้อวดในความเจ๋งของเอเอสวีกรุ๊ปให้เห็น แรกเริ่มก็เป็นการสรุปงานพีเซ้นท์ทั่วไปให้ทุกฝ่าย ตามติดด้วยการเดินชมโรงงานและไลน์ผลิต แม้ในตอนแรกหทัยชนกจะไม่สบอารมณ์สักแค่ไหนเพราะความโกรธเกลียดเจ้าของบริษัท
แต่สุดท้ายก็ลืมเลือนความรู้สึกนั้น เพราะมีองค์ความรู้ใหม่ๆ พร้อมกับเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัยกว่าของบริษัทตัวเองให้ต้องรีบตักตวงหาความรู้เอาไว้ จึงทั้งจดทั้งจำและบันทึกภาพไว้ในแท็ปเลสอย่างจริงจัง ยังผลให้ปวีย์ค่อยคลายความขุ่นเคืองในความพยศของเจ้าหล่อนลงไปได้บ้าง แถมเขายังแอบโกรธตัวเองอยู่ในใจลึกๆ ที่มักจะชอบเผลอมองร่างสูงเพรียวในชุดกระโปรงสั้นบานพริ้ว กับช่วงขาขาวยาวเรียวที่มีรองเท้าส้นสูงแบบเปิดเผยให้เห็นเท้าเล็กเรียวขาวสวยอยู่เรื่อย
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนสวยสะดุดตาเมื่อมองในแว๊ปแรก แต่พอได้ดูนานๆ แล้วถึงจะรู้ว่าสวยเก๋ เท่ห์ น่ารักน่าเอ็นดูน่ามอง อยู่ใกล้แล้วไม่ทำให้เบื่อเพราะมีความเป็นตัวเองสูง ฉลาดเฉลียวรอบรู้ไม่ยิงคำถามโง่ๆ เหมือนคนไม่มีสมอง แต่มักจะทำให้เขาสะอึกและต้องคิดสักครู่ในคำตอบที่จะต้องมีให้ เรื่องไหนที่เคยบอกเคยสอนแล้วเจ้าหล่อนจะจำได้แม่นยำ ไม่เก็บมาถามซ้ำๆ ซากๆ อีก นี่คือสิ่งที่เขาชอบและมักจะพยายามนำไปหักล้างเวลาที่เจ้าหล่อนพยศใส่
แล้วมันก็ทำให้คิดถึงวินาทีที่เขาต้องใช้จุมพิตเพื่อปราบพยศเจ้าหล่อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พลอยคิดถึงรอยดัชนีที่ประทับตรงแก้มขาวสะอาดที่ต้องนอนลุ้นมาแล้วถึงสองครั้งว่าวันรุ่งขึ้นมันจะจางหายไปบ้างไหม เพราะถ้าไม่เช่นนั้นเขาคงจะเอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้านเพื่อหลบหน้าผู้คนจนรอยแดงจางหายเป็นแน่ โชคดีที่ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น แต่มันก็ทำให้เขาเจ็บใจอยู่ไม่น้อย เพราะไม่เคยสักครั้งที่จะถูกผู้หญิงตบ เมื่อประทับจูบเรียวปากบางของแม่เจ้าประคุณทั้งหลาย
“วันนี้ท่านประธานกับฝ่ายการตลาดก็มาประชุมด้วย รู้ว่าคุณอ๋อจะมาดูงานที่นี่เลยสั่งให้ผมจัดเตรียมมื้อเที่ยงไว้บนดาดฟ้า เลขาผมโทรมาบอกว่าท่านประชุมเสร็จแล้วและกำลังรอพวกเราอยู่ครับ”
ผู้จัดการบอกด้วยท่าทีนอบน้อมหลังนำทั้งสองคนออกจากไลน์ผลิตแล้ว หทัยชนกยิ้มรับด้วยความยินดี เพราะกำลังกังวลอยู่ไม่น้อยในช่วงเวลาอันอึดอัดที่จะต้องนั่งร่วมมื้อเที่ยงกับเขาตามลำพังเช่นทุกครั้งที่เคยเป็นมา ผู้จัดการจึงเดินนำไปยังลิฟท์แล้วขึ้นไปดาดฟ้าที่ตกแต่งเอาไว้ด้วยตัวไม้นานาพันธุ์จนเต็มบริเวณ เว้นไว้แต่ห้องกระจกใสที่มีขนาดไม่ใหญ่มากพอรับรองแขกได้ไม่เกินยี่สิบ
“อ้าว! หนูอ๋อมาพอดีเลย เป็นไงบ้าหิวหรือเปล่า มานั่งข้างๆ ลุงนี่มา”
ปฐพียกมือรับไหว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแล้วเชื้อเชิญอย่างเป็นกันเอง ปวัตรกับปไวย์เองก็ทักทายด้วยท่าทีเป็นมิตรผิดกับพี่ชายคนโตอย่างสิ้นเชิงในความคิดของเธอ ผู้จัดการโรงงานรวมทั้งหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ก็ให้ความเป็นกันเองและถามไถ่อย่างคนคุ้นเคย เพราะบางคนรู้จักเธอจากงานเลี้ยงต้อนรับคราวก่อนแล้ว จึงไม่ค่อยอึดอัดที่จะนั่งร่วมโต๊ะที่ส่วนใหญ่เป็นชายนัก
และเธอก็สังเกตเห็นว่าปฐพีเป็นคนเชื้อสายจีนที่ยึดถือคำสั่งสอนของบรรพบุรุษอย่างเคร่งครัด ด้วยการไม่ถือตัวกับลูกน้อง แต่จะพูดคุยทุกเรื่องถามไถ่สารทุกข์สุกดิบคนรอบโต๊ะทุกคน จำรายละเอียดของลูกน้องแต่ละคนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูกเมียที่บ้านหรือแม้กระทั่งชอบเล่นกีฬาชนิดไหน แถมอาหารมื้อนี้ก็ถูกสั่งมาจากภัตราคารมีระดับ หลายเมนูด้วยกันเพื่อให้ทุกคนได้กินกันอย่างอิ่มหนำ
“วันนี้โชคดีจังที่มีเวลาได้กินข้าวด้วยกันอย่างพร้อมหน้า แถมมีแขกสำคัญอย่างหนูอ๋อด้วย ถ้าไม่มีลูกค้ารายใหญ่จะมาดูงานที่นี่เราคงไม่มีโอกาสได้มานั่งร่วมโต๊ะด้วยกันแบบนี้ ความจริงลุงอยากจะชวนหนูอ๋อมาดูเวลาลุงต้อนรับลูกค้าเหมือนกัน แต่เจ้าวีบอกว่างานที่ออฟฟิศยุ่งใช่มั้ยล่ะช่วงนี้”
ปฐพีเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มน้อยๆ แล้วมองกวาดไปหาคนรอบโต๊ะ เพราะนานทีปีหนเขาจะมีโอกาสได้เข้ามาดูโรงงานตามต่างจังหวัด ยกเว้นเวลาจะมีปัญหาเร่งด่วน หรือไม่ก็พาลูกค้าสำคัญมาเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วเขาจะทิ้งหน้าที่เหล่านี้ให้ลูกชายทั้งสามผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าทีเท่านั้น
“นิดหน่อยค่ะคุณลุง แต่ถ้าคุณลุงเห็นว่าสำคัญสำหรับงาน อ๋อก็จะยกเลิกประชุมแล้วมาได้ค่ะ”
แม้จะไม่อยากทำอย่างนั้นเท่าไหร่ แต่หทัยชนกก็ไม่อาจบอกปัดโอกาสพิเศษไปโดยไม่มีเหตุผลที่ดีมากพอ ปฐพียิ้มกว้างให้ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“ไม่ต้องหรอกหนูอ๋อ ลุงมีลูกค้ามาดูงานบ่อยๆ เสาร์อาทิตย์ที่จะถึงนี่ก็จะมีอีกกลุ่มมา ถ้าสนใจค่อยคุยรายละเอียดกันทีหลัง แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรไว้โอกาสหน้า”
หทัยชนกตอบรับด้วยรอยยิ้มและท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนจนปวีย์อดแปลกใจไม่ได้ ว่าคนอย่างเธอมีกิริยาท่าทางแบบนี้อยู่ในตัวด้วยหรือ เพราะปกติมักจะเห็นแต่ความปากกล้าก๋ากั่น เถียงคำไม่ตกฟาก โดยเฉพาะกับคุณอัญชลีและสาลินีหรือบางครั้งก็รวมเขาเข้าไปด้วย จะมีอ่อนข้อให้หน่อยก็กับคุณปู่และพนักงานอาวุโสในบริษัทเท่านั้น
“สมบูรณ์แบบค่ะ ทั้งระบบที่วางไว้อย่างดีครอบคลุมทุกด้าน เครื่องจักรส่วนใหญ่ก็จะใหม่และทันสมัย อ๋ออยากให้บริษัทพัฒนาได้สักครึ่งของที่นี่จังเลยค่ะ แต่ไม่รู้จะมีวันนั้นบ้างหรือเปล่า”
หทัยชนกเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่ม ใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ เมื่อถูกปฐพีถามเกี่ยวกับบริษัทของเขา และนั่นก็ทำให้เขายิ้มบางๆ ออกมาด้วยความชื่นชมในคำตอบที่ได้ เพราะอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ชื่นชมจนเกินเหตุหรือไม่ติติงจนเกินไป ไม่บอกก็รู้ว่าความฉลาดเฉลียวเหล่านี้ได้มาจากทั้งคุณสมควรและสงครามเพื่อนของเขา
“อีกหน่อยบีซีเคก็จะล้ำหน้าเอเอสวีแล้วล่ะหนูอ๋อ เพราะได้นักพัฒนาตัวยงอย่างเจ้าวีไปช่วย ลุงจะบอกให้นะว่ามันน่ะทุ่มเทเวลาทำงานให้ที่นั่นมากกว่าบริษัทตัวเองด้วยซ้ำ สงสัยถ้าลุงไปเยี่ยมคุณปู่ครั้งหน้าคงจะต้องขอหารเงินเดือนคนละครึ่งแล้วล่ะ ไม่ไหวเลยเจ้าลูกคนนี้เอาเปรียบพ่อน่าดู กินเงินเดือนกับพ่อแต่ดันไปทำงานให้บริษัทแฟนตัวเองมากกว่า”
ทุกคนต่างหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ หทัยชนกก็หัวเราะแต่ไม่ได้ชอบใจอย่างคนอื่น แถมเกิดอาการหมั่นไส้คนนั่งข้างๆ ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้อีกต่างหาก ที่ปากบอกว่าไม่อยากจะฮุบสมบัติบวรชัยกุล แต่จากคำบอกเล่าเมื่อครู่มันทำให้เธอไม่เสียดายเลยสักนิดที่เคยกล่าวหาเขาไว้แบบนั้น
“หนูอ๋อลองชิมหอยเชลย์ผัดฉ่าเจ้านี้ดูสิ รับรองจะติดใจ วีตักให้น้องด้วย”
ปฐพีเปลี่ยนเรื่องได้รวดเร็วพร้อมทั้งออกคำสั่งลูกชายคนโตหน้าตาเฉย แล้วหันไปคุยกับลูกน้องคนอื่นๆ ประหนึ่งไม่ใช่สลักสำคัญอะไร ปวีย์รีบทำตามคำของพ่ออย่างไม่เกี่ยงงอน แถมตักเมนูอื่นที่เห็นว่าอยู่นอกรัศมีวงแขนเล็กเรียวของเจ้าหล่อนจะเอื้อมถึงได้ให้ด้วย หทัยชนกหันไปยิ้มและกล่าวคำขอบคุณแผ่วเบาเพื่อรักษามารยาท ทั้งที่จริงแทบไม่อยากจะตักอาหารที่เขาหยิบยื่นให้เข้าปากด้วยซ้ำ
แต่ก็นั่งกินไปฟังคนนั้นคนนี้คุยกันด้วยเรื่องสารพัดโดยไปไม่เอ่ยปากอะไรออกมาหากไม่มีใครถามตรงๆ และคำตอบของเธอก็ทำให้คนถามอึ้งไปชั่วขณะได้แทบทุกครั้ง ปวีย์เผลอมองไปยังมือขาวเรียวที่ประคองช้อนกับส้อมอย่างระมัดระวังด้วยความไม่ตั้งใจ แต่กระนั้นเขาก็อดจะวิเคราะห์ไม่ได้เมื่อเห็นนิ้วขาวๆ ที่ปราศจากแหวนเพชรสักวงประดับประดาเอาไว้เหมือนสาวสังคมทั่วไป
นิ้วเจ้าหล่อนยาวเรียวสวยตั้งแต่โคนจรดปลายเล็บและไม่มีการทาสีอื่นนอกจากเคลือบมันไว้เท่านั้น แถมไม่ไว้เล็บยาวจนทำให้เขารำคาญลูกกะตาเหมือนผู้หญิงหลายคนที่เคยเห็นมาด้วย นาฬิกาสายหนังสีดำที่ข้อมือก็มีราคาหลักหมื่นเท่านั้น ไม่สมกับเป็นทายาทกิจการพันล้านที่คู่ควรแก่ยีห้อดังๆ ราคาหลายแสน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เจ้าหล่อนดูด้อยลงไปสักนิด เพราะเขาชอบผู้หญิงที่ไม่ชอบโชว์ชอบอวดความมั่งมีผ่านเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงๆ มาประดับแทบจะทั่วตัว
สาริยาบางครั้งก็จะเป็นแบบที่เขาไม่ชอบ โดยเฉพาะเวลาออกงานสังคมคู่กับเขาและมีสาลินีไปด้วย เขาก็มักจะเห็นสองแม่ลูกประโคมเครื่องเพชรแบบครบชุด เข้ากับเสื้อผ้าที่สวมใส่เพื่อประชันแขกคนอื่นๆ ในงาน แต่บางครั้งที่สาริยาอารมณ์ไม่ดีหรือติสแตก ก็จะออกงานโดยไม่ใส่เครื่องประดับใดๆ เลย เสื้อผ้าก็ต้องเป็นแบบเบาสบายไม่อึดอัด หรือบางทีเขาก็จะเห็นใส่สร้อยพวกหินหลากสี คริสตัลรูปต่างๆ หรือแม้กระทั่งพวกงาช้าง แต่ทั้งหมดทั้งมวลสิ่งที่เลือกก็เข้ากับเธอและทำให้เธอดูดีได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
เพราะเป็นคนผิวขาว หน้าหวาน รูปร่างสูงโปร่ง สวยสะดุดตาสำหรับผู้คนเมื่อพบเห็นจนต้องเก็บไปเพ้อ ทว่าดูนานๆ ความสวยนั้นก็จะค่อยๆ จืดจางหรือไม่มีความหวือหวาน่าตื่นเต้นแล้ว ตรงกันข้ามกับหทัยชนกที่มีมาดเก๋ไก๋เท่ห์ปราดเปรียวแต่ไม่เปรี้ยวจี๊ด ถ้ามีใครมาบอกว่าเจ้าหล่อนเคยเป็นนางแบบมาก่อนเขาก็คงจะเชื่อได้ไม่ยาก เพราะหุ่นให้แถมการแต่งตัวก็จะออกไปทางเรียบหรูดูดีได้โดยไม่ต้องพึ่งเสื้อผ้าชุดละหลายหมื่นบาทเหมือนสาวเซเลบทั้งหลาย

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 08:04:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 08:04:52 น.
จำนวนการเข้าชม : 1198
<< มารยาหญิงเป็นภัยให้ตัวเอง | พลาดจนได้ >> |