ซาตานจำแลง

‘สหภาพ’ ชายหนุ่มผู้มี ‘ไฟแค้น’ที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจมานานนับสิบปีเพื่อรอคอยโอกาสเหมาะสมกับการกลับมาเอาคืนจากคนที่ทำร้ายเขาและครอบครัวเมื่อวัยเด็ก แต่แล้ว ‘ไฟแค้น’ ก็กลับกลายเป็นดาบสองคมทิ่มแทงให้เขาต้องเจ็บช้ำ เมื่อต้องมาพบกับ





‘พิมมาดา’ ผู้เปรียบเสมือนสายน้ำ ที่อาจจะมาราดรดให้ ‘ไฟแค้น’ ในใจเขามอดดับลงไปได้ หรือไม่น้ำอันฉ่ำเย็นอาจจะแปรเปลี่ยนเป็นน้ำเดือดขึ้นมาแทนเมื่อถูกต้มครั้งแล้วครั้งเล่า

เขาจะต้องเจ็บช้ำเพราะความ ‘ทรนง’ และ ‘ไฟแค้น’ ที่สุมอกหรือไม่ แล้วสายน้ำอย่างเธอจะช่วยเขาไว้ได้บ้างไหม ชีวิตในบั้นปลายของคนทั้งคู่จะพานพบความสุขหรือความสูญเสีย ‘ซาตานจำแลง’ มีคำตอบรอให้คุณค้นหาแล้ว
Tags: พระเอกโหดมากกกกกกกกก นางเอกน่าสงสารมากกกกกกกกก

ตอน: ความเป็นมาของซาตาน

รถญี่ปุ่นป้ายแดงราคาไม่แพงมากตรงกับความต้องการถูกขับมาถึงลานจอดของ ‘ห้างดราก้อนโกลด์ล’ ในเวลาสิบโมงครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาเหมาะสำหรับผู้สมัครงานควรจะมาถึงตามนัดหมาย สหภาพ รักษ์การค้า หรือ แพทริค อาร์ เค เค วอลเลอร์สัน ซึ่งตอนนี้มาในคราบของนายสุภาพ รักดี ก้าวขาลงจากรถพร้อมซองเอกสารส่วนตัวถือติดมือไว้ด้วย แต่เขาก็ต้องรีบกลับเข้าไปนั่งในรถอีกครั้ง เมื่อสายตาเหลือบไปเห็น รถยุโรปคันใหม่เอี่ยมอ่อง โฉบเข้าไปจอดในช่องที่มีป้ายประกาศหราว่า ‘รองประธาน’ คนขับรถรีบวิ่งอ้อมไปเปิดประตูให้หญิงวัยกลางคนหุ่นอรชร ดวงหน้าขาวผ่อง อาจจะด้วยเครื่องสำอางค์พอกไว้หนา หรือจะด้วยเจ้าตัวดูแลให้อยู่ในสภาพเต่งตึงกันแน่ เขาเองก็ไม่แน่ใจนัก

ที่แน่ ๆ ก็คือ เขาเห็นหญิงสาวรีบวิ่งจากในห้างออกมายกมือไหว้อย่างพินอบพิเทา พร้อมช่วยถือกระเป๋าและเดินตามหลังไปต้อย ๆ ประหนึ่งสุนัขเดินตามเจ้าของก็ไม่ปาน ‘สไบแพร มังกรทอง’ เขาจำได้ดี และกับอีกหลายต่อหลายคนในครอบครัวนี้ซึ่งเขาจะไม่มีวันลืม ยิ้มเยาะเย้ยส่งให้คนที่หายเข้าไปด้านในแล้ว ก่อนตัวเองจะรีบบ้างเพราะไม่อยากไปสายมาก

“นี่เจ้านายหล่อนไปไหนล่ะแม่เลขา ไม่รู้หรือไงว่าวันนี้ฉันจะเข้าบริษัท ไม่เห็นอยู่ในห้องเตรียมรายงานไว้ให้ฉันดูเลย หรือตอนนี้ไม่เห็นหัวเห็นหางฉันแล้ว” สไบแพร เอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน เมื่อเดินผ่านโต๊ะทำงานของ ลลิตา ซึ่งเป็นเลขานุการของ ‘พิมมาดา มังกรทอง’ ผู้เป็นลูกสาวและนั่งอยู่ในตำแหน่ง ‘ผู้จัดการฝ่ายขายและฝ่ายการตลาด’ ลลิตารีบลุกขึ้นยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนจะตอบคำถาม

“คุณเนยออกไปพบลูกค้าค่ะท่านรอง แต่อีกสักพักคงจะกลับค่ะส่วนรายงานคุณเนยเตรียมไว้แล้วค่ะ”

“ดี! ถ้ามาแล้วให้ไปหาฉันด้วยนะ” จบคำสไบแพรก็เดินเฉิดฉายผ่านไป ส่วนมือก็คอยยกพนมตรงหน้าอกเพื่อรับไหว้พนักงานที่จำต้องยืนขึ้นและยกมือไห้วกันเป็นทิวแถว เพราะหากใครไม่ยอมทำแบบนี้ มีอันจะต้องระเห็ดออกหางานใหม่ทันที



“ยินดีต้อนรับนะจ๊ะแพท งั้นเราจะได้เจอกันอีกทีก็เดือนหน้านะ”

“ขอบคุณครับพี่อ๋อย” สหภาพไหว้สุนทรีย์ผู้กำลังจะเป็นหัวหน้างานด้วยความนอบน้อม เพราะมีน้ำใจออกมาส่งเขาถึงหน้าห้องหลังจากตกลงเขาเข้าทำงานแล้วและจะต้องเริ่มงานในเดือนหน้า จากนั้นสุนทรีย์ก็หันหลังจะเดินกลับเข้าห้องตามเดิม แต่ก็หันไปเห็นเจ้านายสาวสวยเดินมาพอดี

“แพทเดี๋ยว! ตามพี่มาก่อน” สุนทรีย์จึงเดินแกมวิ่งพร้อมกวักมือตามสหภาพมา แล้วพาตรงไปหาหญิงสาวร่างสมส่วนที่เดินเข้ามาออฟฟิศ

“คุณเนยคะ คุณเนย เพิ่งกลับจากพบลูกค้าเหรอคะ” คนถูกเรียกหันมาตามเสียงแล้วยิ้มบาง ๆ ให้

“ค่ะ คุณอ๋อยมีอะไรคะ”

“สุภาพนี่คุณพิมมาดา หรือคุณเนย เป็นลูกสาวของเจ้านายเรา คุณเนยทำงานอยู่ฝ่ายขายและการตลาด รู้จักไว้ซะ เผื่อมาทำงานวันหลังจะได้ไม่ต้องปล่อยไก่เหมือนพนักงานคนก่อน นายสุภาพค่ะคุณเนย เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อคนใหม่ค่ะ”

เพราะเคยมีลูกน้องของสุนทรีย์เข้ามาทำงานแล้วดันไปทำรุ่มร่ามใส่พิมมาดาโดยไม่รู้จักว่าเป็นใครมาก่อน จนไม่ได้ทำงานที่นี่ต่อไป ด้วยหญิงสาวไม่ชอบคนนิสัยเช้าชู้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เธอก็ใช่ว่าจะเป็นคนไล่พนักงานคนนั้นออกด้วยตัวเอง หากเป็นสไบแพรผู้แม่ต่างหากที่จะไม่ยอมให้พนักงานคนไหนประพฤตัวไม่ดีในบริษัทเลยแม้แต่คนเดียว หรือถ้ามีและเรื่องถึงหูสไบแพรเมื่อไหร่นั่นก็ถือเป็นคราวซวยของคน ๆ นั้นที่จะต้องไปอย่างไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งทุกคนในบริษัทรู้กฏนี้เป็นอย่างดี

“สวัสดีครับ ผมขอฝากตัวด้วยนะครับ” สหภาพยกมือไหว้อย่างนอบน้อม อีกคนรับไหว้ตามมารยาท ยังไม่ทันได้พูดอะไรเสียงมือถือในกระเป๋าพิมมาดาก็ดังขึ้น

“สวัสดีค่ะคุณแม่ เอ่อ! เนยขอตัวก่อนนะคะคุณอ๋อย” หญิงสาวห่อไหล่เล็กน้อยเพื่อเป็นการขอโทษพร้อม ๆ กับบอกเบา ๆ ไปยังลูกน้องทั้งสองขณะยกมือถือขึ้นพูด

“เนยอยู่ออฟฟิศแล้วค่ะคุณแม่” พิมมาดาหันกลับไปมองสุนทรีย์และสหภาพอีกครั้งแล้วพยักหน้าให้น้อย ๆ เป็นการอนุญาตให้แยกไปได้ ก่อนจะเดินตรงเข้าออฟฟิศ

“เลยไม่ทันได้คุยกัน คุณเนยจะยุ่ง ๆ อย่างนี้ล่ะ ไม่ค่อยได้สุงสิงกับพนักงานเท่าไหร่หรอก ก็อย่างว่าล่ะนะ ลูกเจ้าของห้างดัง เหตุผลที่พี่รีบวิ่งมาแนะให้ภาพรู้จักคุณเนยเอาไว้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน ก็เพราะกลัวจะไปทำรุ่มร่ามกับเธอเหมือนลูกน้องคนก่อนจนต้องถูกไล่ออก บอกตรง ๆ ว่าพี่เสียดายสุภาพ ท่าทางจะทำงานเก่ง เลยอยากให้อยู่ด้วยกันนาน ๆ ไม่มีอะไรแล้วกลับเถอะ ต้องรีบไปทำงานไม่ใช่เหรอ แล้วพบกันเดือนหน้า”

เขาจำจะต้องแจ้งว่ากฏที่บริษัทเก่ามีไว้ว่าจะต้องลาออกล่วงหน้าหนึ่งเดือนเพื่อความสมจริง อีกทั้งจะได้ตรวจตราดูงานในบริษัทของตัวเองให้แน่ใจก่อน เผื่อว่าจะไม่หละหลวมตรงไหน จะได้หาทางป้องกันเอาไว้ได้ทัน เพราะเขาจะไม่มีวันไว้ใจใครได้เต็มร้อยด้วยบทเรียนที่พ่อมีไว้สอนเขาได้เป็นอย่างดี

“ครับ งั้นผมลานะครับพี่” ไหว้หัวหน้าและยืนรอให้เดินกลับออฟฟิศ แต่ไม่วายจะหันไปมองยังห้องทำงานเจ้าของร่างอรชร ผิวขาวผาดผ่อง แล้วยิ้มที่มุมปาก

‘พิมมาดา มังกรทอง’ มีหรือเขาจะไม่รู้ ลูกสาวคนโตของนายจักรภพและสไบแพร สาวสังคมผู้เย่อหยิ่ง เล่นตัว ถือตัว การศึกษาจบปริญญาตรีเมืองนอก ต่อปริญญาโทในไทย เพราะต้องกลับมาช่วยพ่อและแม่บริหารงาน ส่วนน้องสาวกับน้องชายก็ถูกส่งไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก ๆ จนป่านนี้ยังไม่กลับ

“มีอะไรที่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับคนพวกนี้บ้าง” เสียงพรึมพรำในลำคอของคนกำลังเดินตรงไปหารถที่ลานจอดและขับออกไป โดยไม่ทันได้เห็นรถอีกคันของ ‘จักรภพ มังกรทอง’ ที่จอดในช่อง ‘ประธาน’ คนรถวิ่งมาเปิดประตูให้อย่างเอาอกเอาใจ ส่วนเขาก็เดินเข้าออฟฟิศอย่างไม่รีบร้อนนัก เพราะกำลังอารมณ์ดี



“จะไปหาคุณหญิงเจิดจรุงแล้วทำไมไม่รู้จักจะบอกฉันล่ะแม่เนย ไม่รู้หรือไงว่าฉันมีเส้นสายเข้าถึงคุณหญิงได้ง่ายนิดเดียว ดีกว่าที่หล่อนจะไปนั่งถ่างตารอตั้งแต่เช้าซะอีก เสียเวลาทำงานจริง ๆ เลย” สไบแพรตั้งหน้าตั้งตาต่อว่าลูกสาวด้วยความหัวเสีย ขณะเรียกเข้ามาถามไถ่เรื่องมอบหมายให้จัดงานอีเว้นให้แขกคนสำคัญในเวลาเกือบเที่ยง หรือจะพูดให้ถูกก็คือคนเป็นลูกถูกแม่นั่งสวดมาเกือบชั่วโมงแล้วก็ว่าได้

“เนยขอโทษค่ะคุณแม่ เนยไม่รู้จริง ๆ ค่ะ”

“ทีหลังก็หัดถามฉันหน่อยสิยะ หรือว่าไม่เห็นฉันเป็นแม่เธอแล้ว ใช่สิ! โตแล้วนี่! เก่งแล้วนี่! ทำอะไรได้เองแล้ว ไม่ต้องรอพึ่งฉันเหมือนเมื่อก่อนแล้วนี่! เอาตัวรอดได้แล้วเลยไม่เห็นหัวฉัน”

“คุณแม่พูดอะไรอย่างนั้นคะ เนยไม่เคยคิดเลยนะคะ”

“ก็เธอทำให้ฉันคิดแบบนี้นี่แม่เนย หรือจะมาเถียงว่าไม่ใช่”

“พอได้แล้ว ๆ คุณแพร ยายเนยก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ให้มันจบกันแค่นี้เถอะนะ” จักรภพรีบตัดบท เพราะไม่อยากให้ลูกสาวถูกดุมากไปกว่านี้

“คุณก็มัวแต่เข้าข้างยายเนยแบบนี้ตลอด อีกหน่อยก็จะเหริงแล้วเคยตัวจนไม่เห็นหัวฉันหรอก” สไบแพรหันไปว่าสามีอย่างเสียอารมณ์เมื่อกำลังสั่งสอนลูกแล้วถูกขัดจังหวะ จักรภพได้แต่ส่ายหน้าให้เมียด้วยความระอาก่อนจะหันไปมองลูกสาวที่นั่งตัวลีบอยู่ในห้อง จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปโอบไหล่ภรรยาแล้วลูบแขนไปมาเพื่อปลอบใจ

“เอาเถอะน่า พอได้แล้ว ไปกินข้าวกันเถอะผมหิวแย่ อุตส่าห์หิ้วท้องมากินกับลูกกับเมียนะ ไม่ได้อยากมาฟังเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันแบบนี้ ยายเนยเพิ่งกลับจากข้างนอกมาเหนื่อย ๆ ไปกินอะไรก่อนดีกว่า บ่ายสองก็ต้องเข้าประชุมอีก”

“ค่ะคุณพ่อ” สิ้นคำพิมมาดาได้แต่เดินตามพ่อกับแม่ออกไปเงียบ ๆ แม้ในใจจะอดสูมากแค่ไหนก็พยายามเก็บงำเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว เพราะนี่คือสิ่งที่หญิงสาวยึดถือมานับตั้งแต่จำความได้แล้ว



“ตกลงฝ่ายการตลาดมีแผนจะรับมือ กับห้างดราก้อนซิลเวอร์ ที่ก้าวมาเป็นคู่แข่งเรายังไง” สไบแพรหันไปถามลูกสาวด้วยสีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย เพราะห้างดังกล่าวกำลังจะเปิดตัวในอีกไม่นาน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจาก ดราก้อน โกลด์เท่าไหร่นัก

“ก็เท่าที่แจ้งให้ทราบในการประชุมครั้งก่อนแล้วค่ะ คือจัดลดราคาเพื่อเรียกลูกค้า มีมินิคอนเสิร์ต ของศิลปินที่กำลังมาแรง และเรายังได้รับความร่วมมือจากร้านอาหารหลาย ๆ ร้าน จัดโปรโมชั่นลดราคาเป็นพิเศษค่ะ” พิมมาดารายงานตามที่ได้วางแผนไว้ ตั้งแต่แรก

“แล้วจะสู้ได้หรือเปล่า เพราะเท่าที่รู้มาทางโน้นประโคมข่าวการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ผมกลัวว่าคนจะแห่ไปที่นั่นกันหมด ถ้าเราตั้งรับไม่ดี ลูกค้าจะต้องหายแน่ ๆ แล้วห้างเราก็จะยืนตายในอีกไม่ช้า”

จักรภพห่วงในจุดนี้มาโดยตลอด นับตั้งแต่รู้ว่าจะมีห้างใหญ่เกิดขึ้นใหม่มาเป็นคู่แข่งสำคัญเมื่อปีที่แล้ว แม้เขาจะปล่อยงานบริหารให้เมียและลูกไปโดยส่วนใหญ่ เพราะเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานหนักมานานแล้ว จึงค่อยๆ ปลีกไปหาความสุขเข้าตัวสมกับเคยตั้งใจเอาไว้ แต่ก็ยังไม่วายต้องดูอยู่ห่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องคู่แข่งรายใหม่ที่ค่อนข้างน่ากลัวไม่น้อยนี้

“อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายการตลาดของเราด้วยล่ะ ว่าจะมีฝืมือมากแค่ไหน แต่ถ้ารับมือไม่ได้ ก็ขอให้พยุงตัวรอให้คุณจักรพันธ์กลับมาก่อนก็แล้วกัน รายนั้นเก่งเรื่องกลยุทธทางการตลาดเพราะมีประสบการณ์อยู่เมืองนอก คงจะมีวิธีรับมือได้ไม่ยาก”

สไบแพรไม่วายเอ่ยถึงลูกชายคนเดียว ทำเอาพิมมาดาอดคิดมากไม่ได้ เพราะคำพูดของแม่เป็นไปในทางดูถูกดูแคลนฝีมือเธออย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ป่วยการที่จะเอ่ยอะไรออกมา รังแต่จะเข้าตัวเปล่า ๆ เธอจึงได้แต่นั่งปิดปากเงียบ

“ผมว่าเรื่องนี้จะโยนให้การตลาดรับผิดชอบไปหมดก็คงไม่นักถูกหรอกนะครับ เอาเป็นว่าเราทุกคนต้องช่วยกันดีกว่า ส่วนผมถึงไม่ได้มายุ่งในเรื่องงานบริหาร แต่ก็จะช่วยหาข่าววงในมาให้เรื่อย ๆ ก็แล้วกัน งานนี้งานใหญ่ยักษ์ เพราะนายริชาร์ดคนนี้เป็นเศรษฐี มีเงินทุนเยอะ การที่เราจะไปต่อกรด้วยต้องคิดให้รอบคอบ เดี๋ยวจะกลายเป็นได้ไม่คุ้มเสียเปล่า ๆ”

ประสงค์ผู้ถือหุ้นในสัดส่วนเท่ากับจักรภาพคือ ๓๐ % ให้ความคิดเห็น เพราะถูกเชิญให้มาช่วยกันแก้ไขสถานะการณ์ที่กำลังตึงเครียดในขณะนี้ ซึ่งโดยปกติแล้วเขาจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องงานภายในเลย หากไม่มีใครต้องการตัวเช่นเวลานี้

“งั้นเอาเป็นว่าเราทำตามที่ประชุมก่อนก็แล้วกัน แผนต่อไปก็ค่อย ๆ ว่ากัน มีใครจะเสนออะไรอีกมั้ย” จักรภพกวาดตามองไปยังผู้เข้าร่วมประชุมจนรอบโต๊ะ แต่ไม่มีใครเอ่ยอะไร

“ถ้าไม่มีแล้วก็ขอปิดประชุมแล้วกันนะครับ”

สิ้นคำคนในห้องต่างเดินหน้านิ่วออกมาแทบจะถ้วนหน้า เพราะกำลังเจอกับคู่แข่งรายใหญ่ ส่วนคนที่มีสีหน้าผ่อนคลายหน่อยดูเหมือนจะเป็นประสงค์ ด้วยไม่ใคร่จะเดือดร้อนกับเหตุการณ์แบบนี้นัก เนื่องจากมีกิจการอีกมากมายคอยอุ้มฐานะการเงินเอาไว้ ต่างจากครอบครัวของจักรภพ ซึ่งมีแค่ห้างนี้เท่านั้นเป็นที่มาของรายได้ทั้งหมด เขาจึงเป็นกังวลอยู่มาก และก็ไม่ต่างจากพิมมาดาและสไบแพรนัก



เจ้าของร่างกำยำที่อยู่ในชุดผู้ป่วยใน กำลังยืนเอาไหล่พิงขอบหน้าต่างคิดอะไรเรื่อยเปื่อย หลังจากตั้งแต่เช้าเขาได้ให้เวลากับแล็ปท็อบและงานบริหารที่มักจะสั่งการลูกน้องผ่านอีเมล์เป็นส่วนใหญ่แล้ว เสียงมือถือดังขึ้นเขารีบก้าวยาว ๆ มารับทันที

“เป็นไงบ้าง! นายทำได้ดีมากสามารถ อ้อ! บอกแม่กับแดดดี้ด้วยนะ ว่าไม่ต้องมาเยี่ยมฉันหรอก กำลังจะเช็คเอ้าท์แล้ว ให้ไปเจอกันที่บ้านเลย” สีหน้าที่บ่งบอกว่าดีใจกับข่าวคราวของศัตรูที่ได้จากลูกน้องเกิดขึ้นหลังจากวางสายไปแล้ว ตามติดด้วยยิ้มเย้ยหยันระคนเกลียดชังจากใบหน้าคมเข้มและหล่อเหลาของเขา

“ฮึ! ถ้าแกจะฉลาดกว่านี้หน่อย แกก็ไม่ควรจะมาบังอาจฝืนสู้กับฉัน เพราะรังแต่จะเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ไปเท่านั้น แต่ก็ดี แกจะได้ล่มเร็ว ๆ ฉันคงไม่ต้องเปลืองแรงมาก” คำพูดดูถูกเหยียดหยามอีกฝ่ายมีขึ้นกับชายหนุ่ม เพราะรู้ว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าแทบทุกด้าน จึงมองเห็นหนทางเอาคืนกับศัตรูอยู่รำไร ไม่เสียแรงที่เขาอุตส่าห์วางแผนไว้เป็นอย่างดี นี่แค่ยังไม่ทันได้ลงมือแบบเต็มตัว ก็มองเห็นชัยชนะแล้ว

“แพท! เป็นไงบ้างลูก” ดวงดาวเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมสีหน้าห่วงลูกอย่างเห็นได้ชัด แต่คนลูกกลับไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บป่วยมากมายนัก

“แม่! ผมบอกว่าไม่ต้องมาเยี่ยมก็ได้นี่ครับ กำลังจะขอหมอกลับบ้านพอดี”

“ได้ยังไงลูก หายดีแล้วเหรอ ทำไมจะรีบกลับ นอนต่ออีกหน่อยก็ได้ งานเปิดห้างก็ผ่านไปด้วยดีแล้ว ไม่มีอะไรให้น่าห่วงหรอกลูก พักเอาแรงก่อนดีกว่า แดดดี้บอกว่าเย็น ๆ จะมาเยี่ยม แต่ขอแยกกลับไปอาบน้ำที่แล้วและนอนพักผ่อนก่อน เมื่อเช้ายืนให้สัมภาษณ์นักข่าวแล้วก็ต้อนรับแขกนานไปหน่อย คนแก่ก็อย่างนี้เหนื่อยง่าย”

“แดดดี้เลยต้องมาเหนื่อยแทนผมแท้ ๆ” คนป่วยเดินมานั่งกับเตียง ด้วยความรู้สึกผิดไม่น้อยที่ตัวเองไม่อาจไปเปิดตัวได้จนต้องเดือดร้อนขอให้พ่อบุญธรรมบินมาจากอังกฤษเพื่อทำหน้าที่แทน

“ไม่เป็นไรหรอกลูก แดดดี้เต็มใจ นี่ชมแพทไม่หยุดปากเลยนะ ว่าทำงานออกมาได้ดีไม่มีที่ติเลย แต่แดดดี้ก็ห่วงว่าแพทจะมัวทำแต่งานไม่พักผ่อนบ้าง เลยบอกให้แม่มาดูไง เจ็บป่วยอย่างนี้ถ้าแม่กลับอังกฤษแล้วใครจะคอยดูแลล่ะลูก แม่ห๊วงห่วงนะ คนเคยอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ไม่มีแพทบ้านคงจะเหงาน่าดู”

หากผู้แม่ได้ล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วลูกไม่ได้เจ็บป่วยอะไรเลยสักนิด แต่จำต้องป่วยเพราะยังไม่อยากเปิดตัวให้ศัตรูได้ล่วงรู้ แม่คงไม่พูดแบบนี้เป็นแน่ อดรู้สึกผิดขึ้นมาอีกไม่ได้ ที่ไม่ยอมฟังคำแม่เฝ้าพร่ำสั่งสอนมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ในเรื่องการหยุดผูกใจเจ็บ

“ผมมีป้าเอี้ยงอยู่ด้วยทั้งคนนะครับแม่ อย่าห่วงเลย ป้าเอี้ยงเลี้ยงผมมาตั้งแต่เกิดแล้ว จนจะกลายเป็นแม่ผมอีกคนแล้วนะครับ” เพราะคนถูกกล่าวถึงเป็นอย่างที่เขาพูดจริง ๆ

“แม่ถึงได้เบาใจหน่อยไงลูก แต่เรื่องที่กลัว ๆ อยู่ตอนนี้ก็คือลูกชายแม่จะมัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน จนไม่มีเวลาจะหาสะใภ้น่ะสิ แล้วก็ไม่รู้จะหาได้ถูกใจหรือเปล่าด้วย อย่าเลือกมากนักนะลูก เจอคนดี ๆ ถูกใจก็หยุดเถอะ เรื่องความสวยอย่าไปยึดติดมากนัก”

เพราะอายุของลูกก็ไม่ใช่น้อยแล้ว แต่ยังไม่เห็นจริงจังกับใครเสียที ควงไปควงมาชนิดไม่ซ้ำหน้าหลายปีแล้ว สหภาพถอนหายใจน้อย ๆ บ่งบอกให้แม่รู้ว่าไม่อยากสนทนาในหัวข้อนี้ ก่อนจะเลี่ยงไปเปิดประตูห้องเมื่อมีเสียงเคาะเรียก พบว่าเป็นสามารถเข้ามาบอกว่าให้เตรียมกลับบ้านได้ ทำเอาคนที่กำลังจะถูกแม่ซักค่อยเบาใจไปได้



“แพทตกลงจะบอกแม่กับแดดดี้ได้มั้ยว่าจะอยู่เมืองไทยนานแค่ไหน แดดดี้เองก็รอให้ไปดูแลกิจการทางโน้นด้วยนะลูก และแม่ว่าแพทรีบ ๆ หาสะใภ้ให้แม่ก็ดีนะ จะได้มีลูกทันได้ใช้ไง” แต่ก็สบายหูได้ไม่กี่วัน เพราะคนเป็นแม่เริ่มอีกแล้ว

“นั่นสิแพท แดดดี้ก็ห่วงนะ ที่สำคัญแดดดี้ไม่อยากกลับบ้านไปแล้วนั่งคิดถึงลูก ถ้างานห้างลงตัวแล้ว แพทบินกลับไปอยู่โน่นเลยนะ แดดดี้จะได้สบายใจ เดซี่ด้วย”

ริชาร์ด วอลเลอร์สัน ผู้เป็นพ่อบุญธรรมเห็นด้วยกับภรรยา ที่ริชาร์ดมักจะเรียก เดซี่ นับตั้งแต่รู้จักกันใหม่ ๆ จนถึงทุกวันนี้ สหภาพรู้ดีว่าทั้งสองห่วงแค่ไหน แต่เขาก็ยังอยากกลับมาอยู่บ้านเกิดและสานต่อเจตนารมณ์ของพ่อเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ และอยากได้ทุกอย่างที่เคยเป็นของพ่อกลับมาไว้ในครอบครอง เพราะทนไม่ได้ที่จะให้ศัตรูชุปมือเปิบไปโดยไม่ตอบโต้อะไร

“ผมสัญญาว่าถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ผมจะไปอยู่กับแดดดี้และแม่ครับ” แต่เขาจำต้องรับปากเอาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงและล่วงรู้ถึงเหตุผลอันแท้จริงของการกลับมาในครั้งนี้

“สัญญากับแดดดี้นะแพท” ริชาร์ดยังคงไม่เชื่อใจนัก

“ด้วยเกียรติของลูกผู้ชายครับแดดดี้ งั้นผมว่าเราออกเดินทางได้แล้วนะครับ เดี๋ยวตกเครื่องกันพอดี”

จำต้องรีบตัดบทแล้วเดินนำพ่อแม่ไปหารถ โดยมีสามารถกับอำนาจคนขับรถรออยู่ก่อนแล้ว เพื่อส่งริชาร์ดกับดวงดาวกลับอังกฤษหลังจากที่บินมาช่วยสหภาพในช่วงจะเปิดห้างเท่านั้น เพราะเขาต้องการให้คนทั่วไปเข้าใจว่าริชาร์ดเป็นเจ้าของมากกว่าจะให้เป็นเขา ซึ่งมันจะทำให้แผนการง่ายกว่าที่เป็น และนั่นคือเหตุผลสำคัญที่เขาจะต้องแกล้งป่วยจนไปร่วมงานเปิดไม่ได้



“คุณแพทจะเอายังไงต่อดีครับ” สามารถหันมาหาขณะทั้งสองเดินเข้าออฟฟิศ หลังกลับจากสนามบิน คนถูกถามใช้ความคิดอยู่ครู่ใหญ่ พร้อมเอนหลังไปกับเก้าอี้สักพักจึงหันไปบอกลูกน้องด้วยความมั่นใจ

“บอกให้ป้าเอี้ยงเก็บข้าวของเครื่องใช้จำเป็นย้ายไปอยู่บ้านที่นายเช่าไว้กับฉันได้เลย บ้านใหญ่ให้บัวผันกับแฟนดูแล ส่วนนายก็เข้ามาทำงานตามปกติ ในฐานะตัวแทนฉัน ให้อำนาจขับรถให้นะ อย่าขับเองถ้าไม่จำเป็น เอกสารที่จะต้องให้ฉันตรวจดูก็เอาไปให้ที่บ้านเช่าทุกเย็น จะเป็นนายหรือสมหญิงก็ได้แล้วแต่จะสะดวก มีงานอะไรส่งไปหาตามอีเมล์ของฉัน ถ้าไม่จำเป็นระหว่างฉันทำงานอย่าโทรศัพท์ไปหาเด็ดขาด ถ้ามีเรื่องด่วนให้ส่งข้อความไปแทนและอย่าลืมใช้รหัสแทนข้อความสำคัญด้วย”

คำสั่งหลั่งไหลออกมาเป็นชุด ๆ แต่สามารถผู้เป็นเสมือนมือขวาก็รับและจำได้ครบหมด เพราะรู้ใจกันมาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่ที่สามารถรู้จักกับสหภาพโดยบังเอิญในตลาดตั้งแต่ทั้งสองยังเด็ก กระทั่งสหภาพถูกแม่กับพ่อบุญธรรมพาไปอยู่ประเทศอังกฤษ เขากับป้าเอี้ยงจึงพลอยได้อานิสงค์ตามติดไปด้วย จากการขอร้องผู้เป็นแม่ว่าให้อุปการะคนทั้งสองของสหภาพ

และสหภาพก็ไม่เคยผิดหวังเมื่อตัดสินใจช่วยสามารถไว้ เพราะความเป็นคนพูดน้อย ซื่อสัตย์ สุจริตของเขา เป็นที่ต้องตาและต้องใจของสหภาพอย่างมาก แม้กระถึงดวงดาวและริชาร์ดเองก็ตาม สหภาพจึงไว้ใจให้สามารถกลับเมืองไทยมาก่อนเพื่อควบคุมงานสร้างห้างสรรพสินค้าและคอยประสานงานต่าง ๆ แทนเขาเป็นแรมปี

อีกทั้งสามารถก็ยังเป็นผู้ประสานงานเกี่ยวกับแผนการลับกำจัดศัตรูที่เขาตั้งใจจะกลับมาสะสาง โดยการเอาห้างสรรพสินค้าเป็นเครื่องบังหน้าพ่อบุญธรรมกับแม่เพื่อจะได้กลับมาทำงานในประเทศไทยอีกครั้ง และไหนจะใช้ห้างนี้เป็นหนึ่งในหลาย ๆ อาวุธเอาไว้ขยี้ศัตรูให้ล่มจมคามืออย่างที่เขาคิดและวางแผนเอาไว้นานหลายปีด้วย

“แล้วเจ้านายจะปลอมตัวเข้าไปทำอยู่กับพวกนั้นนานแค่ไหนครับ” แม้สามารถจะรู้ว่าเจ้านายกำลังจะทำอะไร แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไง ด้วยสหภาพไม่เคยเปิดปากบอกแผนการทั้งหมดให้รับรู้ แต่จะเป็นการถ่ายทอดคำสั่งออกมาเป็นช่วง ๆ ให้คอยทำตามเท่านั้น

“นานเท่าที่จะหาทางล้มพวกมันได้อย่างสาสมใจ” พูดเหมือนมั่นใจว่าจะมีวันนั้นแน่ ๆ

“ยังไงครับคุณแพท” “ตอบไม่ได้ แล้วแต่เวลาและโอกาส นายคอยฟังคำสั่งเรื่อย ๆ ก็พอ และอย่าลืมนะเรื่องนี้ให้คนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น โดยเฉพาะงูพิษอย่างไอ้จักรภพและสไบแพร พิษมันรอบด้าน เราจะประมาทไม่ได้ อย่าลืมว่าพ่อฉันที่ว่าแน่ ๆ ยังพลาดพลั้งให้มันมาแล้ว และโทษของความผิดนี้ก็คือการจบชีวิตลง” เขาเตือนลูกน้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง สามารถจึงก้มหน้ารับคำเป็นอย่างดี เพราะรู้ว่าเจ้านายตักเตือนมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นจริงทั้งสิ้น



“ไอ้ห้างบ้าเอ้ย! ทำไมมึงจะต้องมาเปิดใกล้กูด้วยวะ เวรจริง ๆ เลย”

โบว์ชัวร์สินค้าที่แสดงรายการลดราคากระหน่ำปลิวว่อนทั่วห้องรับแขก เมื่อจักรภพอ่านแล้วเกิดอาการฉุนขาด ด้วยไม่ว่าเขาจะสรรหากลยุทธสารพัดมาต่อสู้แค่ไหน คู่แข่งก็จะตอบโต้มาแรงกว่าเป็นเท่าตัวได้ทุกครั้ง

“อะไรกันคะคุณ อารมณ์เสียแต่เช้าเลย มีอะไรนักหนา” สไบแพรลงมาทันได้เห็นอาการของสามี พอ ๆ กับพิมมาดาที่เดินตามหลังแม่ลงมาไม่ห่าง

“จะอะไรอีกล่ะ ไอ้ห้างบ้านั่นไง มันเห็นเราลดราคาสินค้าเพื่อเรียกคนมันก็เอามั่ง แถมลดมากกว่าเราอีก แล้วอย่างนี้ลูกค้าที่ไหนมันจะไม่แห่ไปซื้อของห้างมัน ผมอยากรู้จริง ๆ ว่ามันลดขนาดนี้ มันเอากำไรมาจากไหน” สไบแพรก้มไปหยิบโบว์ชัวร์ขึ้นมาอ่านด้วยความอย่างรู้

“อุ๊ย! จริงด้วย ดูสิลดมากกว่าเราตั้งหลายบาท ว่าไงยายเนย หล่อนทำการตลาดประสาอะไรให้คู่แข่งมาทำอย่างนี้กับเราได้ ไหนบอกว่ามีทางรับมือไหวไงล่ะ นี่มันเปิดมาจะสามเดือนอยู่แล้ว ฉันไม่เห็นว่าหล่อนจะดึงลูกค้ากลับมาซื้อของห้างเราได้สักเท่าไหร่เลย ฉันเอาเงินจ้างหล่อนนะไม่ได้เอาเศษกระดาษ ทำงานให้มันคุ้มกับค่าจ้างหน่อยสิ” สไบแพรหันไปหาลูกสาวทันทีเพราะหัวเสียไม่แพ้ผู้เป็นสามี

“เนยก็พยายามที่สุดแล้วนะคะ ก็ทางโน้นเล่นรอดูว่าแต่ละเดือนเราจะลดเท่าไหร่ พอโบว์ชัวร์เราออก ก็ลดตัดหน้าเราแบบนี้ เนยก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วล่ะค่ะ” คนลูกหันไปหาพ่อที่ทำหน้ามุ่ยอยู่ ประหนึ่งอยากหาตัวช่วยคอยกันคำดุด่าจากแม่ก็ไม่ปาน

“แล้วหล่อนทำการตลาดประสาอะไรกันล่ะ ถึงได้เจอคู่แข่งรอดัดหลังแบบนี้ ไม่มีปัญญาก็บอกมาตรง ๆ ดีกว่า ฉันจะได้จ้างคนอื่นมาทำแทน ไม่ใช่วัน ๆ คอยแต่จะแต่งตัวสวยไปเดินเฉิดฉายในออฟฟิศให้หมดเวลางานเท่านั้น” สไบแพรหันไปเหน็บแนมลูกสาวอย่างไม่ลดล่ะ

“เนยคิดว่าตัวเองทำอย่างเต็มที่แล้วค่ะ แต่เราก็ต้องอาศัยจังหวะและเวลาบ้างนะคะ ตอนนี้คนกำลังเห่อของใหม่ ไม่ว่าเราจะหาวิธีไหนมา ยังไงคงสู้เขาไม่ได้หรอกค่ะ หรือพ่อมีอะไรจะแนะนำเนยหรือเปล่าคะ” พิมมาดาพยายามระงับอารมณ์เอาไว้ให้ได้มากที่สุดแล้วหันไปหาพ่ออีกครั้ง

“ฉันยังคิดไม่ออกหรอก อย่ามัวมาเถียงกันอยู่เลย จะไปไหนก็ไปเลย ทั้งสองคนนั่นล่ะ ได้ยินเถียงกันไปเถียงกันมาแล้วปวดหัว บุญตา ๆ อ้าว! หายหัวกันหมดบ้านแล้วเหรอ” จักรภพร้องหาเด็กรับใช้ด้วยความอารมณ์เสีย

“มาแล้วค่ะคุณท่าน มีอะไรให้หนูรับใช้คะ” บุญตาพาร่างอ้วนฉุวิ่งตุ๊ต๊ะมานั่งคุกเข่าใกล้ ๆ เจ้านาย

“บอกสมหวังให้เตรียมรถ ฉันจะไปข้างนอกแล้ว อยู่บ้านแล้วเบื่อ” จบคำก็หุนหันออกไป

“นี่คุณจะไปไหน! แล้วใครจะขับรถให้ฉัน คุณภพ! รอฉันด้วย” สไบแพรแหกปากร้องตามสามีไปติด ๆ ทิ้งให้พิมมาดามองตามด้วยความระเหี่ยใจ

“คุณเนยจะไปทำงานแล้วเหรอคะ ป้าว่ากินอะไรรองท้องก่อนดีมั้ยคะ” ค้อผู้เป็นแม่บ้านที่รับรู้ว่าเจ้านายสาวเพิ่งจะถูกแม่เหน็มแนมรีบเดินออกมาหา พิมมาดาได้แต่ยิ้มหน้าเจื่อน ๆ ให้

“กินอะไรก่อนเถอะค่ะคุณเนย ทำงานจนผอมหมดแล้ว เดี๋ยวมื้อเที่ยงก็ไม่ได้กิน เพราะมัวแต่ทำงานจนลืมห่วงตัวเอง เชื่อป้านะคะ เอาตัวเองไว้ก่อนค่ะ เกิดล้มเจ็บลงจะถูกคุณผู้หญิงว่าอีกนะคะ มาค่ะคนดีของป้า”

ว่าแล้วค้อก็จูงมือเจ้านายสาวที่กำลังคิดว่าจะกลืนอาหารลงคอได้ไหมให้เดินเข้าห้องอาหาร และแน่นอนว่าเธอก็ตักเข้าปากได้ไม่กี่คำ เพราะมันฝืนกินต่อไม่ได้อีกแล้ว จึงรีบออกไปทำงาน เพื่อให้ถึงออฟฟิศเจ็ดโมงครึ่งของทุก ๆ วัน นับตั้งแต่เรียนจบและได้เข้ามาทำงานช่วยครอบครัว ด้วยคิดเหมาไปว่าตอนนี้ตัวเองเปรียบเสมือนกำลังสำคัญของคนในบ้าน งานหลายด้านเธอจึงเป็นคนรับผิดชอบแทบทั้งสิ้น ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากับปัญหารอบทิศ และกับจำนวนชั่วโมงทำงานเกินสิบสองชั่วโมงทุกวันจึงคอยเล่นงานเธออยู่ร่ำไป



“กาแฟร้อน ๆ สำหรับคนขยันอย่างคุณตาครับ”

กลิ่นหอมกรุ่นจากถ้วยที่มีไอร้อนลอยละล่องออกมาชวนให้ลิ้มลองถูกวางไว้บนโต๊ะทำงานของเลขาสาวสวยที่นั่งสำรวจหน้าตาตัวเองกับกระจกอยู่ จึงรีบยิ้มด้วยอาการเอียงอาย ที่มีหนุ่มหน้าตาดีเพียรชงกาแฟมาให้ทุกเช้าเป็นเวลาเกือบจะสองเดือนแล้ว นั่นเพราะสหภาพรู้ว่าพิมมาดาคือคนคอยขับเคลื่อนงานหลายด้านแทนพ่อแม่ และแน่นอนว่าจะต้องสั่งงานให้เลขาสาวช่วยทำแทบทุกอย่าง ลลิตาจึงถูกเป็นเครื่องมือที่เขาเลือกใช้เพื่อหาข้อมูลต่าง ๆ

“คุณแพท ขอบคุณค่ะ วันหลังไม่ต้องก็ได้นะคะตาเกรงใจค่ะ แล้วทำไมคุณแพทมาทำงานแต่เช้าทุกวันเลยคะ” คนถูกถามยิ้มน้อย ๆ ส่งให้พร้อมนั่งลงกับเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานลลิตา ในมือมีกาแฟของตัวเองอยู่ด้วย

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมมีแซนวิชซ์ทูน่ามาฝากด้วยนะครับ สำหรับเราสองคน”

“อุ๊ย! คุณแพทนี่รอบคอบนะคะ รู้ได้ยังไงคะว่าตาชอบ” ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยที่สาวขี้อายไม่ทันจะได้เห็น

“อะไรที่คุณตาชอบผมรู้ทั้งนั้นล่ะครับ รีบ ๆ ดื่มดีกว่า เดี๋ยวเย็นก่อนจะไม่อร่อย ผมขอตัวก่อนนะครับ” เพราะสายตาชายหนุ่มเหลือบไปเห็นพิมมาดาเดินเข้าประตูมา จึงรีบลุกออกไปก่อน ด้วยไม่อยากให้ศัตรูระแคะระคายได้ว่ามีใครมาเจ๊าะแจ๊ะเลขาฯ

“สวัสดีครับคุณเนย มาทำงานแต่เช้าเลยนะครับ” เขาทักทายด้วยน้ำเสียงสุภาพและก้มหัวให้อย่างคนมีสัมมาคาระวะ พิมมาดามองกวาดพนักงานตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ก็จำชื่อไม่ได้

“คุณก็มาทำงานแต่เช้าเหมือนกันนะคะ” หญิงสาวทักกลับแค่นั้น เพราะมองเห็นมาแต่ไกลแล้วว่าเขาเพิ่งจะลุกออกจากหน้าโต๊ะลลิตามาหมาด ๆ แถมในมือยังมีแซนวิชซ์ยีห้อเดียวกับที่วางบนโต๊ะเลขาสาวที่กุลีกุจอลุกขึ้นมาทักทายเจ้านายสาวอีกด้วย

“คุณเนยแต่งตัวสวยจังเลยค่ะ”

“ตาก็ดูหน้าตาอิ่มเอิบจังเลยนะช่วงนี้ มีอะไรที่เนยไม่รู้หรือเปล่า” ไม่บ่อยครั้งนักจะได้มีเวลาพูดหยอกล้อกับเลขา

“เอ่อ! ไม่มีอะไรนี่คะคุณเนย รับกาแฟเหมือนเดิมนะคะ” คนถูกถามเฉไฉไปเรื่องอื่น ส่วนเจ้านายสาวก็เพียงแค่พยักหน้ารับน้อย ๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องทำงาน และเวลาทั้งหมดก็จะเป็นเรื่องงานแทบทั้งสิ้น



กระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูดังรัวติด ๆ กัน จนเจ้าของห้องเดาได้ว่าใคร ขวัญข้าวเท่านั้นที่จะกล้าทำแบบนี้ เพราะเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่ประถม

“ไปกินข้าวได้แล้วคุณเนยเจ้าขา จะบ่ายสองแล้วนะ” และขวัญข้าวก็เปิดร้านอาหารจีนอยู่ในห้างดราก้อน โกลด์ นับตั้งแต่ทั้งคู่เรียนจบ เพราะกิจการทางบ้านของขวัญข้าวเปิดร้านอาหารที่จีนอยู่แล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลามองหากิจการใหม่ อาศัยเดินตามรอยพ่อแม่ซึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายกว่ากันเยอะ ส่วนพิมมาดาก็เข้ามาช่วยงานพ่อแล้วเช่นกัน

“จริงเหรอ! มัวแต่ทำงานเพลินเลย” พิมมาดาเงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์และยิ้มน้อย ๆ ให้เพื่อน

“เพลินบ่อย ๆ ไม่ดีนะแม่คุณ เดี๋ยวโรคกระเพาะจะถามหา ไปกินข้าวเถอะเร็ว ตอนนี้กำลังปลอดคนเลย เจ้าของร้านอุตส่าห์ขึ้นมาเชิญเองเลยนะยะ” ไม่ว่าเปล่าขวัญข้าวยังเดินไปคว้าเอาแขนเพื่อนให้ลุกออกจากโต๊ะทำงาน แล้วลากออกจากห้องลงไปร้านอาหารในเวลาไม่นานนัก

“อย่าคิดมากเลยเนย คนไทยก็อย่างนี้ล่ะ เห่อของใหม่ อีกหน่อยลูกค้าก็กลับมาเองล่ะ อย่าไปฟังแม่กับพ่อเนยมากนักเลย เดี๋ยวจะเป็นประสาทเปล่า ๆ หรือถ้าแม่บ่นนัก ก็บอกให้มาทำเองสิการตลาดนี่ แล้วจะรู้ว่ามันเหนื่อยแค่ไหน” สองเพื่อนรักมักจะมีเรื่องมาปรับทุกข์ด้วยกันเสมอ ๆ ตั้งแต่เริ่มรู้จักกันใหม่ ๆ สมัยเรียนหนังสือแล้ว

“แต่ตอนนี้กำลังประสบปัญหาจริง ๆ นะขวัญ เราไม่คิดมากไม่ได้หรอก อีกหน่อยถ้าไม่มีลูกค้ามาช้อป คนเช่าก็อาจจะหนีไปห้างโน้นก็ได้นะ ค่าเช่าก็ถูกกว่าด้วย” เพราะคู่แข่งตัดหน้าแทบทุกเรื่อง

“น่า! อย่าคิดมากเลยเนย กินข้าวก่อนค่อยว่ากัน หิวจะตายโหงแล้ว มัวแต่รอหล่อนน่ะ ถ้าไม่ไปตามสงสัยคงจะกินข้าวเที่ยงสี่โมงเย็นละมั้ง”

ขวัญข้าวมักจะห่วงใยเพื่อนรักเสมอ เพราะคบกันอยู่แค่สองคนเท่านั้น ด้วยเข้าใจหัวอกเพื่อนเป็นอย่างดีว่าต้องเจอกับสถานะการยังไงบ้าง เรื่องของราวความเป็นไปในชีวิตพิมมาดานอกจากค้อแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าขวัญข้าวอีกแล้ว ด้วยไม่บ่อยครั้งนักที่พิมมาดาจะได้คบเพื่อนคนไหน อีกอย่างเรื่องในครอบครัวก็ไม่ควรที่จะไปป่าวประกาศบอกใคร รังแต่จะเป็นการสาวไส้ให้กากินไปเปล่า ๆ เท่านั้น



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 08:33:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 08:33:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1416





<< หนุ่มปริศนา   บาดแผลในใจซาตาน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account