ซาตานจำแลง

‘สหภาพ’ ชายหนุ่มผู้มี ‘ไฟแค้น’ที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจมานานนับสิบปีเพื่อรอคอยโอกาสเหมาะสมกับการกลับมาเอาคืนจากคนที่ทำร้ายเขาและครอบครัวเมื่อวัยเด็ก แต่แล้ว ‘ไฟแค้น’ ก็กลับกลายเป็นดาบสองคมทิ่มแทงให้เขาต้องเจ็บช้ำ เมื่อต้องมาพบกับ





‘พิมมาดา’ ผู้เปรียบเสมือนสายน้ำ ที่อาจจะมาราดรดให้ ‘ไฟแค้น’ ในใจเขามอดดับลงไปได้ หรือไม่น้ำอันฉ่ำเย็นอาจจะแปรเปลี่ยนเป็นน้ำเดือดขึ้นมาแทนเมื่อถูกต้มครั้งแล้วครั้งเล่า

เขาจะต้องเจ็บช้ำเพราะความ ‘ทรนง’ และ ‘ไฟแค้น’ ที่สุมอกหรือไม่ แล้วสายน้ำอย่างเธอจะช่วยเขาไว้ได้บ้างไหม ชีวิตในบั้นปลายของคนทั้งคู่จะพานพบความสุขหรือความสูญเสีย ‘ซาตานจำแลง’ มีคำตอบรอให้คุณค้นหาแล้ว
Tags: พระเอกโหดมากกกกกกกกก นางเอกน่าสงสารมากกกกกกกกก

ตอน: ศัตรูอยู่แค่ปลายจมูก

‘ปึง’

เสียงปิดประตูรถของลูกสาวศัตรู ดึงเขาให้หันหลังจากอดีตอันแสนเจ็บช้ำ เขาทันได้เห็นแต่อีกคนเดินเข้าออฟฟิศไปด้วยอาการเชื่องช้า ม่านในห้องทำงานถูกปิดลงแต่เขาก็เดาได้ว่าสภาพคนอยู่ข้างในจะเป็นแบบไหน ที่ไม่รู้แน่ชัดก็เห็นจะเป็นด้วยเจ้าหล่อนร้องไห้ฟูมฟายด้วยเรื่องอะไรนักหนา หรือจะเป็นเพราะแก้กลยุทธทางการตลาดจากเขาไม่ตกกันแน่ แต่ไม่น่าจะต้องร้องไห้ขนาดนี้

‘แล้วแกจะไปใส่ใจทำไมกัน แกลืมไปแล้วเหรอว่าครั้งหนึ่งเจ้าหล่อนเคยเป็นสาเหตุให้พ่อตบแก’ คิดได้ดังนั้นเขาจึงสลัดความสงสารให้ออกไปจากใจจนหมดสิ้นแล้วเดินเข้าออฟฟิศเงียบ ๆ



น้ำตาของพิมมาดาแทบจะไม่มีให้ไหลรินออกมาอีกแล้ว เมื่อความอัดอั้นตันใจทั้งหมดที่มี ถูกระบายออกมาทางหยดน้ำใส ๆ นับตั้งแต่ออกจากบ้านมา ทุกคำด่าทอของพ่อยังก้องอยู่ในหูชัดเจนจนยากจะลบออกไปได้ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองจะต้องมาพบกับสภาพแบบนี้ ไม่เข้าใจว่าพ่อที่เปรียบเสมือนที่พึ่งสุดท้ายทำไมถึงไม่ได้ใส่ใจหรือใยดีเธอนัก

‘ผู้ชายก็อย่างนี้ล่ะเนย เมียตายไม่กี่วันก็หาเมียใหม่แล้ว ลูกก็ปล่อยให้เมียใหม่รังแกโดยไม่ได้สนใจ’

‘อย่าว่าเรานะถ้าจะบอกเนยตรง ๆ ว่า เนยก็ไม่ต่างอะไรจากส่วนเกินของคนในบ้านหรอก’

‘พ่อเนยไม่เคยจะสนใจด้วยซ้ำว่ายายแม่เลี้ยงใจยักษ์นั่นดุด่าว่าอะไรเนยบ้าง’

‘อย่าใส่ใจเลย คิดเสียว่าคนที่แย่กว่าเรายังมีอีกเยอะ คนที่ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีข้าวสารจะกรอกหม้อมีอีกเพียบ’

‘อย่างเนยถือว่าโชคดีกว่าอีกหลายล้านคน เพราะอย่างน้อย ๆ ก็ได้เรียนจบ ทำงานตำแหน่งดี ๆ’

‘อย่างน้อย ๆ พ่อกับยายแม่เลี้ยงก็ให้เกียรติเนยโดยการไม่ยอมบอกใคร ๆ หรือพนักงานในห้างว่าเป็นลูกติดแม่นะ’

‘อย่าคิดมากเลย ทำดี ๆ เข้าไว้ แล้วสักวันเราจะได้ดีเอง เชื่อขวัญสิ’

อีกหลายต่อหลายคำปลอบใจจากเพื่อนในหลาย ๆ ครั้งหลั่งไหลเข้ามาในหัว เมื่อคิดได้ดังนั้นมือบางรีบปาดน้ำตาออกจากสองแก้ม เพราะใกล้จะได้เวลาเลขาฯ จะมาทำงานแล้ว เครื่องสำอางค์ต่าง ๆ ถูกระบายลงไปบนหน้าสวยเพื่อปกปิดริ้วรอยความเจ็บช้ำใจ ไม่นานประตูก็ถูกเคาะจากลลิตา

“คุณเนยจะรับแซนวิชซ์แฮมพร้อมกาแฟมั้ยคะ ตาเอามาหลายอันค่ะ” เพราะสหภาพจัดเตรียมมาให้ ลลิตาหลายอันจึงอยากจะแบ่งปันให้เจ้านายสาวด้วย และได้รับการพยักหน้ารับแค่นั้น ไม่นานอาหารเช้าก็เข้ามาเสิร์ฟถึงห้องทำงาน

“ตาเดี๋ยวแปดโมงครึ่งเรียกประชุมแผนกในออฟฟิศเนยนะ” ลลิตาเห็นเจ้านายสีหน้าไม่ใคร่จะดีนัก

“ค่ะคุณเนย” จึงรับคำแค่นั้นแล้วก็ออกจากห้องไป เข้ามาอีกทีก็เป็นเวลาประชุมในแผนกพร้อมกับพนักงานคนอื่น ๆ แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียดไปตาม ๆ กัน เพราะไม่รู้จะแก้ไขสถานการณ์ที่กำลังเผชิญได้ยังไง

“ผมไม่เข้าใจว่าข่าวเรารั่วไหลไปถึงทางโน้นตอนไหน ทั้ง ๆ ที่เราเพิ่งจะแจ้งข่าวเรื่องงานนี้ไม่กี่วันนี่เอง แปลว่าพวกนั้นต้องรู้ว่าเรากำลังทำอะไรนานแล้วล่ะครับคุณเนย ไม่อย่างนั้นไม่มีทางจะเตรียมงานได้เร็วขนาดนี้แน่ ๆ ถ้าเพียงแค่เพิ่งจะรู้จากข่าวที่เราส่งออกไป” หนึ่งรัตน์ผู้ช่วยของเธอให้สงสัย และก็ไม่ต่างจากคนในห้องประชุมแม้แต่คนเดียว ไม่เว้นกระทั่งลลิตาที่หารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังถูกล้วงเอาความลับโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

“หรือว่าเราสะเพร่าจนทำให้เอกสารหลุดไปถึงมือพวกนั้นได้”

และอีกหลายต่อหลายข้อสันนิษฐานจากคนในแผนก แต่ก็ไม่มีข้อสรุปใด ๆ ได้ นอกจากต้องพากันทำใจรับกับสภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้นเท่านั้น ซึ่งพิมมาดาเดาได้ดีว่างานจะกร่อยสักแค่ไหน และมันก็เป็นจริงอย่างคาดเอาไว้ ผู้คนมางานบางตาจนเห็นได้ชัด ส่วนอีกห้างที่อยู่ไม่ไกลก็กวาดคนไปเต็มลานน้ำพุและลานจอดรถ ด้วยการจัดงานยิ่งใหญ่กว่าในทุก ๆ ด้าน มิหนำซ้ำยังจ้างดาราดังหลายต่อหลายคนมาเป็นตัวดึงดูดคนเข้างานจนแทบจะล้นพื้นที่ ยอดขายสินค้าทั้งในซุปเปอร์และร้านค้าต่างสร้างรอยยิ้มให้เจ้าของกิจการจนหน้าบานไปเป็นทิวแถว เพราะกวาดเงินเข้ากระเป๋าได้ไม่น้อยเลย



“ดีมากสามารถ งานนี้ทำได้เยี่มรับรองว่าอีกไม่นานพวกมันจะต้องสุดสายป่านแน่ แล้ววันนั้นเราจะทำอะไรยังไงก็ได้ อย่าลืมแผนต่อไปด้วยนะ” เจ้านายหนุ่มวางสายจากลูกน้องด้วยความอารมณ์ดี ที่แผนการเป็นไปแผนทีละขั้น ๆ

“วันนี้เกิดอะไรขึ้นคะ คุณภาพของป้ายิ้มออกได้ ปกติป้าเห็นแต่นั่งปั้นหน้าเข้มอยู่กับกองเอกสารเป็นนานสองนาน” เอี้ยงอดแซวไม่ได้ เมื่อยกอาหารเย็นมาจัดโต๊ะให้แล้วเห็นเขายิ้มออกมา

“ไม่มีอะไรหรอกครับป้า วันนี้ทำเมนูไหนให้ผมกินบ้าง หิวจัง” เขาเดินเข้ามาโอบเอวแล้วชะโงกหน้ามองไปดูชามอาหาร

“ไข่พะโล้ค่ะ ใช้ไข่นกกระทานะคะ แล้วก็มียำเนื้อย่าง และผัดหน่อไม้ฝรั่งใส่กุ้งตัวโต ๆ ค่ะ ของโปรดคุณภาพทั้งนั้นเลย ต้องกินเยอะ ๆ นะคะ ว่าแต่พ่อสามารถไม่มากินด้วยเหรอคะ” คนพูดทำท่าทางอวดเมนูด้วยความภาคภูมิใจ

“ไม่มาครับวันนี้ห้างจัดงานใหญ่ แต่ผมว่าดีแล้วที่ไม่มา จะได้ไม่ต้องมาแย่งของโปรดผมไงครับ ตักข้าวเถอะผมหิวจะแย่” จบคำเขาก็นั่งลงกับเก้าอี้ประจำตำแหน่ง สองมือจับช้อนกับส้อมรอข้าวจากทัพพีเอี้ยงอย่างใจจดใจจ่อประหนึ่งเป็นเด็กน้อยผู้หิวโหยก็ไม่ปาน เอี้ยงได้แต่ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้เขาจัดการกับอาหารอย่างเอร็ดอร่อย แต่เขาก็ไม่ลืมจะแบ่งห้องหัวใจไปคิดถึงศัตรูอยู่ดี ว่าป่านนี้แล้วจะอยู่ในสภาพไหน ถ้าให้เดาก็คงจะเดือดปุด ๆ เป็นแน่

“โธ่โว้ย! ทำไมมึงจะต้องมาแข่งกับกูด้วยวะ ไอ้ฝรั่งขี้นก มึงคิดว่ามึงรวยนักหรือไงถึงได้มาเหยียบย่ำคนไทยแบบนี้”

และไม่ผิดจากศัตรูในเงามือคาดไว้เลยสักนิด ทันทีที่จักรภพวางสายจากเลขาฯ ซึ่งโทรมารายงานผลของการจัดงานระหว่างสองห้าง เขาแทบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้งด้วยซ้ำ เพราะความโมโห ส่วนสไบแพรเองก็ได้แต่ยืนหน้าเครียดมองสามีเอะอะโวยวายอยู่อย่างนั้น เพราะไม่รู้จะทำยังไงดี นอกจากโยนความผิดให้ผู้เป็นลูกเลี้ยงที่เดินเข้าบ้านด้วยอาการของคนอ่อนแรง เพราะกว่าจะดูงานตรวจตราโน่นนี่จนจบก็ลมแทบจับ

“ว่าไงยะแม่นักการตลาดใหญ่ เป็นไงล่ะแผนของหล่อน ใช้ได้ผลดีจังเลยนะ งานนี้หมดไปเท่าไหร่ล่ะ อีโธ่! เห็นท่าดีแต่แรกที่แท้ก็ทีเหลวนี่เอง ฉันว่าพรุ่งนี้หล่อนควรจะย้ายตัวเองลงไปเป็นยามหรือไม่ก็แม่บ้านคอยล้างส้วมอย่างพ่อหล่อนว่าจะดีกว่ามั้ยยะ โง่เหมือนแม่แกไม่มีผิด” พิมมาดาต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ถือสาคำพูดของแม่เลี้ยง แม้จะยากแค่ไหนแต่หญิงสาวก็ต้องทน

“ฉันว่าแทนที่จะให้ยายเนยไปทำงานอย่างที่เธอว่า ให้มันไปหาคนเป็นไส้ศึกก่อนจะดีมั้ย มาถึงขนาดนี้แล้ว คงไม่ต้องสงสัยว่าเรากำลังถูกล้วงความลับอยู่แน่ ๆ ยายเนยพรุ่งนี้ไปหาตัวมันมา ฉันจะจัดการกับมันขั้นเด็ดขาด” เพราะความที่เคยทำงานอยู่วงการนี้มานาน และด้วยประวัติเอาไม่ขาวสะอาดของตัวเองที่เคยคดโกงเจ้านายมาก่อน ไม่ต้องบอกก็ฟันธงได้ว่ากำลังถูกล้วงไต๋เห็น ๆ

“ค่ะคุณพ่อ ถ้าไม่มีอะไรแล้วเนยขอตัวไปพักนะคะ เนยเหนื่อยค่ะ” คนลูกไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับพ่อ เพราะนี่คือนิสัยของเธอ ที่มักจะรับคำสั่งแล้วนำไปทำตามเพียงเท่านั้น อีกอย่างก็หมดแรงจะไปอ้าปากห้ามปรามพ่อนั่นเอง

“ทำเป็นหงอ ไม่พูดไม่จา กลัวจะได้ไปเป็นยามรึไงยะหล่อน อย่าห่วงเล้ย ถ้าตราบใดที่พ่อหล่อนนั่งหัวโด่อยู่นี่ไม่มีใครกล้าหรอก แต่ถ้าไม่อยู่เมื่อไหร่ล่ะก็ ฉันนี่ล่ะจะเป็นคนแรกที่ไสหัวหล่อนออกไปให้พ้น ๆ หน้าฉันเลย จำใส่กระโหลกนิ่ม ๆ ของหล่อนเอาไว้ด้วย จะได้เอาสมองไปทำแต่งานดี ๆ ออกมาไง เอ๊ะ! หรือว่าหล่อนถนัดแต่นั่งเกาะผัวกินเหมือนแม่หล่อนยะ ถึงได้ทำอะไรไม่เคยเข้าท่าเข้าทางสักครั้งเดียว” เมื่อไม่อาจจะทนฟังคำพวกนี้ได้ หญิงสาวจึงเลี่ยงเดินหนีใส่หน้าแม่เลี้ยงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

“ดูมันซิ นังเนรคุณ เลี้ยงไม่เชื่อง ฉันเลี้ยงมันมาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้นยังจะมาเดินเชิดใส่ฉันอีก เกลียดนัก”

“นี่เธอพอทีได้มั้ยเบื่อจะฟัง อะไรวัน ๆ เอาแต่ด่าลูก หัดเอาหัวไปคิดเรื่องอื่นบ้างสิ น่ารำคาญ”

จักรภพเองก็ไม่ใคร่จะชอบใจนักเมื่อลูกสาวและเมียเก่าถูกลามปามบ่อย ๆ แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อยอมมาตั้งแต่แรกแล้ว จะมาขัดขืนตอนนี้ก็ป่วยการ

“ฉันไม่หยุด เพราะฉันเกลียดมัน เกลียดแม่มันด้วย และคุณไม่ต้องมาห้ามฉัน อย่าลืมว่าถ้าไม่มีนังสไบแพรคนนี้ คุณก็ไม่มีวันจะมานั่งด่าฉันฉอด ๆ อยู่ได้หรอก รวมทั้งนังลูกติดของคุณด้วย ป่านนี้มันคงจะนั่งร้อยพวงมาลัยขายอยู่ข้างทางโน่นล่ะ เพราะพ่อมันไม่มีปัญญาจะหาเลี้ยงลูก โอ๊ย! เบื่อ” จบคำก็สบัดหน้าเดินขึ้นชั้นบนด้วยความไม่ชอบใจสามีซึ่งทำตัวไม่เอาถ่านตอนแก่

และผู้เป็นลูกเลี้ยงก็หาได้ชอบใจกับคำแม่เลี้ยงไม่ แต่ก็ไม่อาจจะตอบโต้ได้แม้แต่คำเดียว เพราะยิ่งต่อก็ยิ่งเหมือนยุยั่วให้อารมณ์สไบแพรครุกรุ่นขึ้นอีก แล้วคำด่าทอหยาบคายต่าง ๆ นานาจะส่งมาให้เธอไม่รู้จักจบสิ้น และมันมักจะลามไปถึงแม่ผู้ล่วงลับไปด้วยเหมือนหลาย ๆ ครั้งที่เคยเป็นมา ค้อซึ่งได้ยินคำด่าของสไบแพรรีบปลีกตัวจากงานครัวขึ้นไปหาพิมมาดาทันทีด้วยความห่วงใหย่ และก็เห็นร่างบางนั่งร้องไห้อยู่กับเตียงจนตัวโยน จึงเข้าไปโอบไหล่ไว้เพื่อปลอบประโลม

“คุณเนยของป้า อดทนไว้นะคะ อย่าร้องไห้ คุณเนยต้องเข้มแข็งค่ะ” และคอยผู้รับเอาความเจ็บช้ำจากน้ำคำแม่เลี้ยงใจยักษ์ไม่แพ้พิมมาดาเลย หรือบางครั้งอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะรักพิมมาดาประหนึ่งลูก ร่างบางโผเข้ากอดผู้เปรียบเสมือนที่พึ่งทางใจของเธอ

“ป้า! เนยเบื่อค่ะ เนยไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว เนยอยากไปไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่บ้านนี้ นับวันบ้านที่เนยเคยอยู่อย่างมีความสุขก็ยิ่งกลับเป็นเหมือนขุมนรกสำหรับเนยขึ้นไปทุกวัน ๆ ค่ะ ทุกเย็นหลังเลิกงานเนยแทบไม่อยากจะกลับมาอีก เลยอยากหนีไปเช่าบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ให้สบายใจ กลับเข้าบ้านมีป้าทำกับข้าวรอ คอยถามไถ่ทุกข์สุขแค่นั้นเนยก็พอใจแล้วค่ะ” คนพูดร้องไห้จนตัวโยนกับอกที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย

“ป้ารู้ค่ะ ป้าเข้าใจทุกอย่าง แต่คุณเนยของป้าต้องอดทนนะคะ อย่าร้องไห้ต้องอดทนค่ะ”

“เนยต้องทนไปอีกนานแค่ไหนคะ แล้วป้าจะให้เนยทนทำไมคะ”

ให้สงสัยเหลือเกิน เพราะในใจนั้นเธออยากเดินหนีจากสภาพที่เป็นเหลือกำลัง หลีกหนีจากบ้านที่เปรียบเหมือนนรก ยิ่งอยู่ยิ่งหาความสุขไม่มีเลยสักนิด วัน ๆ ต้องใช้ชีวิตแบบกดดัน ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงใด ๆ เลย นอกจากต้องรอคำสั่งของพ่อกับแม่เลี้ยงเท่านั้น

“เพื่อคุณพ่อไงคะ ถ้าคุณเนยทิ้งท่านไปแล้วใครจะคอยดูแลท่านล่ะคะ”

“คุณพ่อไม่เคยเห็นเนยเป็นลูกด้วยซ้ำ ถ้าเนยไปให้พ้นๆ หน้าบางทีคุณพ่ออาจจะดีใจก็ได้ค่ะป้า”

“โธ่! คนดีของป้า อย่าคิดอย่างนั้นนะคะ ไม่เอาค่ะ ไม่เอา มาเหนื่อย ๆ ไปอาบน้ำก่อนนะคะ ป้าจะเปิดน้ำเย็น ๆ ใส่อ่างให้ แล้วป้าจะยกอาหารเย็นมาให้บนนี้นะคะคนดีของป้า อย่าร้องไห้คุณเนยต้องเข้มแข็งค่ะ” ไม่บอกเปล่าค้อยังจูงมือเธอเดินเข้าไปห้องน้ำและลงมือเปิดน้ำให้พร้อมใส่โฟมจนเป็นฟองฟูฟ่องเต็มอ่าง

“อาบน้ำได้แล้วค่ะคนดีของป้า เดี๋ยวป้าจะไปเอาอาหารมาให้นะคะ”

สองมือของค้อยกขึ้นไปเช็ดคราบน้ำตาออกจากสองแก้มขาว แล้วปล่อยให้อยู่คนเดียวในห้องน้ำ พิมมาดาจึงเดินไปนั่งกับขอบอ่างเพื่อทำใจให้หายเศร้า แต่ก็ไม่ได้ผลจึงพาตัวเองลงไปนอนแช่กับน้ำเย็น ๆ จึงพอช่วยได้บ้าง



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 08:42:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 08:42:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1130





<< ความชอกช้ำของลูกที่ไม่เคยถูกรัก   ได้เวลาค้นหาหนอนบ่อนไส้ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account