เสน่ห์นางหงส์
ตมิสา แม่หงส์สวยแสนเสน่ห์ เซเลบฯ สาวจอมหยิ่ง ขี้วีน ปากร้าย แล้งน้ำใจ ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา แต่ทำไม๊ทำไมคนอย่าง คณาธิป เจ้าของไร่ "พระจันทร์” หนุ่มหล่อพ่อไม่รวยถึงได้ตกหลุมเสน่ห์แม่หงส์จนถอนตัวไม่ขึ้น
ในอดีตเขาคือ "ไอ้เด็กวัด" แสนเชยที่คอยตามตอแยเธอตลอด แต่สาวเจ้าหรือจะชายตาแล และเมื่อฐานะเปลี่ยน งานนี้เขาจึงต้องปฏิบัติการขั้นเด็ดขาดเพื่อพิชิตหัวใจเย็นชาของแม่สาวจอมขี้วีนอย่างเธอมาให้ได้ ดั่งคำกล่าวว่า ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล เมื่อไม่ได้ด้วยกลก็เอาด้วยคาถา คำว่า "มารยา" ใครว่ามีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่ใช้เป็น

Tags: นิยายรัก สาริน

ตอน: ตอนที่ 2 100%

แปลก..ที่เธอไม่รู้สึกเจ็บมีแค่แปลบๆ ในอกเพราะที่ผ่านมาเธอก็มีเขมทัศน์คอยเป็นเงาตามตัว หลังจากนี้ไปเงานั้นก็จะเคลื่อนหายไปกลายเป็นเงาของคนอื่น
“แต่จันทร์เฉยมาก เฉยชาจนพี่ไม่รู้ว่าจันทร์คิดอะไรอยู่กันแน่ ถามจริงๆ เถอะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาจันทร์เคยรักพี่บ้างหรือเปล่า” นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ปีสุดท้ายย้อนถาม แม้จะตัดใจหันไปคบหากับปิ่นอนงค์แล้วทว่าเขาเองยังรู้สึกเจ็บ
หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยเผื่อแผ่หัวใจไปให้ใคร และที่ยอมปันใจให้ปิ่นอนงค์เพราะรู้ว่าอย่างไรความสัมพันธ์ของเขากับเธอก็ไปไม่รอด
ตมิสายืนนิ่งกับคำถามของเขา ริมฝีปากเคลือบสีชมพูอ่อนขยับเสียงเกือบจะเล็ดลอดออกไปอยู่แล้ว ทว่าสมองกลับนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรออกไป
รัก….
ทั้งที่เขาเป็นแฟนเธอมาหลายปีแต่ทำไมมันช่างห่างไกลกับความเป็นจริงข้อนี้เสียเหลือเกิน หากเธอรักทำไมมันถึงได้มีแค่อาการแปลบปลาบในอก ไม่เจ็บปวดแทบด่าวดิ้นเหมือนอย่างที่ใครๆ เคยบอก
ไม่รัก….
หากจะตอบคำนี้ออกไปมันก็ยังไม่ใช่อีกนั่นแหละ แต่จะไม่ใช่ความรักได้อย่างไรก็ในเมื่อเธอกับเขาคบหากันมาตั้งหลายปี หากบอกไม่รักก็เห็นทีจะไม่จริง
“ว่าไง”
“จันทร์ไม่เห็นประโยชน์ที่จะตอบ” หญิงสาวตอบได้เท่านี้ก็หมุนตัวเดินเชิดหน้าออกไป ไม่ฟูมฟายกรีดร้องให้ผู้ชายมันสมเพช

“นงค์” คณาธิปเรียกซ้ำเมื่อเห็นเพื่อนสาวยังตกอยู่ในภวังค์ทำให้นักศึกษาสาวรู้สึกตัว หันมามองร่างที่ยังไม่รู้สึกรู้สม “เห็นแก่ธิปหรอกนะ”
“ขอบใจนะนงค์” ชายหนุ่มเปิดรอยยิ้มกว้าง ปิ่นอนงค์จึงสั่งให้เขาอุ้มร่างอ่อนระทวยนั้นไปขึ้นรถ ดูเอาเถอะเมาปลิ้นแบบนี้ ผู้ชายมารุมโทรมทั้งคณะคงยังไม่รู้ตัว เห็นแก่ที่เธอแย่งเข็มทัศน์แล้วกัน บางทีที่แม่ไฮโซดื่มหนักขนาดนี้อาจจะเป็นเพราะยังไม่ลืมเขมทัศน์
“เขาคงโดนยานอนหลับเข้าไปด้วย” คณาธิปไขข้อข้องใจให้กับเธออีกครั้ง เจ้าของรถไม่พูดอะไรนอกจากโบกมือไล่ให้เขาออกไปเสียทีมัวอาลัยอ้อยอิ่งกับคนเมาอยู่นานแล้ว
ชายหนุ่มมองตามรถสีดำของปิ่นอนงค์ไปจนลับตา กลิ่นน้ำหอมราคาแพงจากตัวตมิสายังจรุงอยู่ที่จมูก หากไม่มีเหตุการณ์นี้เขาก็คงไม่มีโอกาสได้สัมผัสเธออย่างชิดใกล้อย่างนี้
หัวใจของเขาคลอนแคลน แกว่งไหวเหมือนถูกใครซักคนผลักไปจนสุดโต่งแล้วปล่อยให้มันกระเด้งกระดอนกลับไปกลับมาและหาทางหยุดมันไม่เจอ

คิดมาถึงแค่นี้เจ้าของไร่พระจันทร์ก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด ปัดความคิดที่ข้องเกี่ยวกับแม่นางแบบสาวสังคมชั้นสูงนั้นออกไปจากสมอง ให้ตายอย่างไรเขากับเธอก็คงไม่ได้มาข้องเกี่ยวสมาคมกันอีก
คณาธิปหันหลังให้คนงานแล้วเดินไปตรวจงานด้านอื่นต่อ ตอนนี้เขากำลังเร่งให้คนงานเตรียมแปลงสำหรับปลูกกาแฟพันธุ์ใหม่อาราบิก้า เพราะรสชาติดี กลิ่นหอมกว่ากาแฟทั่วไป
“นายครับ ต้นกล้าที่นายให้ลงคราวก่อนมันมีใบจริงพอสมควรแล้ว นายจะให้เอาลงแปลงเลยไหม” ลุงเหมย หัวหน้าคนงานที่ถือเป็นมือขวาของเขารายงานขึ้น ที่จริงลุงเหมยเดินเข้ามานานแล้วทว่าเห็นคนเป็นเจ้านายยังยืนเหม่ออยู่จึงไม่กล้าเข้าไปถาม
“เดี๋ยวผมไปดูเอง”
“ครับนาย” ลุงเหมยพยักหน้ารับแล้วเดินออกไปพร้อมกับชายหนุ่ม แม้จะอายุน้อย ยังหนุ่มแน่นทว่านายของเขาเป็นที่เคารพยำเกรงของคนงานทุกคน เขาเองเริ่มทำงานกับคณาธิปมาตั้งแต่ไร่พระจันทร์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง มีที่ดินเปล่าๆ อยู่ 70 ไร่ของพ่อแม่บุญธรรมกับไร่บ๊วย 30 ไร่ ทว่าในเวลาไม่กี่ปีเขาก็ขยับขยายจนมีที่ดินในครอบครองหลายร้อยไร่ มีคนงานที่อยู่ในการปกครองเป็นร้อยชีวิต
ชายหนุ่มมองต้นกาแฟต้นเล็กที่มีใบจริงขึ้นราว 6-8 คู่ สีเขียวสดชูช่อรับแสงตะวัน แต่ละต้นพร้อมสำหรับลงหลุมปลูก เขาพยักหน้าพอใจ
“งั้นให้คนงานเตรียมหลุมปลูกได้เลยนะครับ ขนาดหลุมให้ลึกราวๆ 50 x 50 x 50 เซนติเมตร ระยะห่าง 2 x 2 เมตร” ชายหนุ่มสั่งการ
ลุงเหมยรับคำ สมองจดจำคำสั่งอย่างรวดเร็ว
“ก้นหลุมละครับนาย คราวนี้นายจะให้เพิ่มอะไรอีกรึเปล่า คราวก่อนผลผลิตออกมาก็ใช้ได้นะครับ”
“เพิ่มปุ๋ยคอกลงไปให้เป็น 5 กิโลแล้วหินฟอตเฟสหลุมละ 100 กรัม”
“ครับนาย เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะให้คนงานมันลงแต่เช้า”
“ดีครับ อาราบิก้ามันไม่ชอบแดดเท่าไหร่ นี่ผมว่าจะไปดูไร่บ๊วยซักหน่อย คราวหน้าจะให้เอากาแฟไปลงใกล้ๆ จะได้อาศัยร่มมัน”
“บ๊วยกำลังออกดอกครับนาย อีกไม่นานก็เก็บผลผลิตได้แล้ว นี่เห็นไอ้พวกคนครัวบอกว่าคุณสาจะแปรรูปทำบ๊วยสามรส”
“อืม…ก็ดีนะ ช่วงนี้บ๊วยมันราคาตก ทำแปรรูปออกมาบ้างก็ได้ราคา แล้วนี่ยัยสาเขาอยู่ที่ครัวหรือเปล่า ไม่เห็นหน้าตั้งแต่เช้า” เขาเอ่ยถามถึงสาธิตา ลูกสาวของพ่อแม่บุญธรรมที่ฝากฝังให้เขาช่วยดูแลก่อนที่ท่านทั้งสองจะเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนในเวลาไล่เลี่ยกัน
“ผมเห็นเดินไปทางไร่สตรอว์เบอร์รี่ตั้งแต่เช้าแล้วครับ คงจะไปคัดพวกเกรดดีๆ มาทำแยม”
“อืม” คณาธิปพยักหน้ารับแล้วเดินออกไปยังทิศทางของไร่สตรอว์เบอร์รี่ ผ่านคนงานหลายคนที่เริ่มพักกินข้าวแล้วจึงทยอยไปยังโรงอาหาร หลายคนเรียกให้เขาไปกินข้าวด้วยกันอย่างสนิทสนมคุ้นเคย เพราะชายหนุ่มไม่เคยถือตัวว่าตัวเองเป็นนาย แถมยังมีน้ำใจเห็นคนงานทุกคนเหมือนญาติพี่น้อง ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงได้รับทั้งความรักและความซื่อสัตย์จากคนงานทุกคนมาโดยตลอด
“สา” คณาธิปส่งเสียงร้องเรียกทำให้เจ้าของชื่อหันมามองพลางส่งยิ้มหวานแล้วเดินเข้ามาหา ในมือถือสตรอว์เบอร์รี่ลูกโตสีแดงแจ๊ดมาด้วย มาถึงก็ยื่นส่งให้
“สตรอว์เบอร์รี่ของพี่ธิปหว๊านหวานนะคะ เอาไปทำแยมคงอร่อยมาก สาว่าจะทำผสมกับส้มค่ะ รวมรส” สาธิตารายงานเจื้อยแจ้ว
“อืม…ก็ดีนะ แปลกดี ชักอยากชิม”
“รับรองเลยค่ะว่าพี่ธิปจะต้องได้ชิมเป็นคนแรก” หญิงสาวทอดสายตามองเขาด้วยสายตาหวานเชื่อม นับตั้งแต่เริ่มรู้จักว่าการรักผู้ชายเป็นอย่างไร หัวใจสี่ห้องของเธอก็เปิดอ้ารับเขาเข้ามาเต็มพื้นที่จนไม่หลงเหลือให้ใครได้แทรกผ่าน พ่อกับแม่คิดถูกที่ยกเธอกับไร่ให้คณาธิปดูแล เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนดีและเป็นสุภาพบุรุษเท่าเขามาก่อน
ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน หลังเรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณาธิปก็ทำงานที่โรงงานผลิตอะไหล่รถยนต์ในกรุงเทพฯ งานกำลังเข้าที่เข้าทางและไปได้ดี ทว่าในช่วงวันหยุดยาวของเทศกาลปีใหม่แม่เขาป่วยเป็นมะเร็งทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อจะได้มีเวลาดูแลแม่ในช่วงบั้นปลายชีวิตของท่าน
แม่เขารู้จักกับพะยอม แม่ของสาธิตาที่พอรู้ข่าวก็มาเยี่ยม เมื่อเห็นชายหนุ่มก็รู้สึกถูกชะตาเป็นอย่างมาก หลังแม่เขาตายจึงได้ชักชวนให้มาช่วยงานในไร่ ชายหนุ่มเองพอได้ลองทำก็ชักติดใจ ไม่อยากกลับไปเผชิญแสงสีเสียงและความเห็นแก่ตัวของคนเมืองอีก
หลังทำงานในไร่ไม่นานทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง เขาใช้ที่ดินเปล่า 30 ไร่ที่สองสามีภรรยายกให้ทำให้เกิดประโยชน์ เริ่มจากพืชระยะสั้นอย่างข้าวโพด ผัก จนมาเป็นพืชระยะยาวขึ้น พ่อของสาธิตาเห็นความเป็นไปได้จึงกู้เงินมาให้คณาธิปบริการจัดการ แล้วมันก็มีผลกำไร จนในที่สุดเขาก็เก็บเงินได้ก้อนหนึ่งจึงขอซื้อที่ดิน 30 ไร่นั้นแม้ว่าทั้งคู่จะออกปากยกให้ฟรีๆ ก็ตาม
ใช้เวลาไม่นานด้วยความขยันบวกกับการคิดอะไรไม่เหมือนใคร มุมานะ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ขยันพัฒนาไร่จนไม่นานก็ขยับขยายไร่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
สองสามีภรรยาอายุมากแล้ว และมีลูกสาวคนเดียวคือสาธิตาที่คงปล่อยให้รับผิดชอบไร่ในส่วนของตัวเองไม่ไหวจึงได้ฝากฝังให้ช่วยดูแลรวมทั้งลูกสาวคนเดียวด้วย ไม่นานหลังจากนั้นพ่อแม่ของสาธิตาก็จากไปและคณาธิปเองก็ทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีใหสาธิตาได้อย่างไม่ขากตกบกพร่อง
“แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง เห็นลุงเหมยบอกว่ามาขลุกอยู่นี่ตั้งแต่เช้า”
“ยังเลยค่ะ แหม…พอพี่ธิปทักก็ชักรู้สึกหิวแล้วสิคะ มัวแต่เพลินจนลืมเวลา” หญิงสาวยิ้มหวาน สาธิตาอายุน้อยกว่าคณาธิปหลายปี ตอนนี้เป็นนักศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ คณะคหกรรม จึงมีฝีมือในการแปรรูปผลผลิตจากในไร่ให้เปลี่ยนเป็นเงินตรา
“งั้นก็ไปด้วยกัน” เขาตวัดลำแขนโอบไหล่คนตัวเล็กกว่าแล้วรั้งตัวให้ออกเดินแบบไม่คิดอะไรนอกจากเห็นเป็นน้องสาวแต่ทว่าคนถูกโอบหัวใจเต้นแรง อบอุ่นท่วมท้นหัวใจ
คนงานหลายคนมองตามด้วยสายตาชื่นชมกับความเหมาะของคนทั้งคู่
“สมกันดีนะแก”
“นั่นสิอย่างกับกิ่งทองใบหยก คุณสาก็ทั้งสวยทั้งหวานเหมือนสตรอว์เบอร์รี่ในไร่นี้ ส่วนนายก็หล่อ เข้มเหมือนกาแฟอาราบิก้า” คนช่างเปรียบบอกขึ้น อีกคนคิดภาพตามแล้วยกนิ้ว
“เข้าท่าว่ะคงอร่อยดีพิลึก แล้วลูกออกมาจะเป็นอะไรวะ”
“ลูกเหรอ กาแฟผสมสตรอว์เบอร์รี่ รสชาติก็คงหวานๆ ขมๆ ปะแล่มๆ ละมั้ง”
“เออ จะอะไรก็ช่างเหอะ คู่นี้ยังไงก็ไม่แคล้วกันแน่ๆ เตรียมตัวเตรียมใจจัดงานได้เลยพวกเรา”
“เอ้าเฮ้ย…คุยกันอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวเก็บไม่ทันเย็นนี้ได้โดนนายด่าเปิง” ใครคนหนึ่งเคาะกระติกน้ำตะโกนเรียก กลุ่มช่างเมาท์ให้สลายตัวเสียที



สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 23:01:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 23:01:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1221





<< ตอนที่ 2 70%   ตอนที่ 3 50% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account