เด็ดปีกนางฟ้า (ลินิน)
“เป็นผู้หญิงต้องรอให้ผู้ชายมาจีบ” ในยุคที่เกย์ เก้งกวางเกลื่อนเมืองบรรดาชะนีทั้งหลายคงมัวนิ่งนอนใจถือคติแบบนี้ไม่ได้เสียแล้ว โดยเฉพาะเหล่านางฟ้าจากสายการบินนางฟ้าแอร์ไลน์ที่ได้พบกับโคไพลอตหนุ่มรูปงามรวยทรัพย์ งานนี้เหล่านางฟ้าแสนสวยต้องงัดสารพัดวิธีเพื่อให้ได้เทวดาหนุ่มหล่ออย่างเขามาครอบครอง ไม่ว่าจะตบตี แย่งชิงวางแผน ชิงไหวชิงพริบกันสุดฤทธิ์อย่างไรก็ขอสู้ตายกันสักตั้ง แต่เทวดาอย่างเขาก็ใช่จะยอมถูกผู้หญิงจับง่ายๆ แต่ใครล่ะที่จะถูกเขาจับเด็ดปีกจนบินไม่ขึ้นยอมซบอกกว้างๆ ของเขาคนเดียว
Tags: นิยายรัก สาริน ลินิน
ตอน: ตอนที่ 4 40%
เพราะเมื่อคืนต้องไปส่งวรินยุพาที่บ้านและสาวเจ้าก็คะยั้นคะยอให้เขาอยู่คุยกับพ่อแม่เธอต่อกว่าจะปลีกตัวมาได้ก็เกือบเที่ยงคืนเขาจึงแวะนอนที่คอนโดใกล้สายการบิน โชคดีที่วันนี้ไม่มีบิน ตอนเช้าจึงได้ตื่นขึ้นมาเตรียมกลับไปที่บ้าน เพราะรับปากแม่ไว้ว่าจะไปทานข้าวเช้าด้วยกัน
แม้งานเขาจะหนักแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องปฏิบัติก็คือหาเวลาว่างไปทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาแม่ลูกสัปดาห์ละสองถึงสามวัน ด้วยเหตุนี้สานสัมพันธ์ของครอบครัวเขาจึงแน่นแฟ้น ในวัยเด็กแม้พ่อกับแม่จะบินไปทำงานต่างประเทศบ่อยๆ ทิ้งให้เขาอยู่กับพี่เลี้ยงนานๆ ก็หลายครั้งแต่เขาก็ไม่เคยน้อยใจ
ชายหนุ่มขับรถผ่านหน้าภัตตาคารลือชื่อที่เคยมาทานเป็นประจำกับครอบครัวจึงคิดแวะซื้อไก่ตุ๋นยาจีนไปฝาก แต่เพราะไม่ทันมองรถจึงเฉี่ยวเข้ากับรถเข็นขายปาท่องโก๋จนข้าวของล้มลงไปหลายอย่าง ตัวเจ้าของรถเข็นเองก็ล้มลงเข่าครูดกับพื้น
ปฐพีตกใจรีบลงจากรถมาช่วยเก็บของพร้อมละล่ำละลักขอโทษ
“ผมไม่ได้ตั้งใจครับ เดี๋ยวผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้” เขาว่าพร้อมกับเตรียมจะควักกระเป๋าทว่าชายชราเจ้าของรถเข็นโบกมือห้าม
“ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่ม ของใกล้จะหมดแล้วล่ะ ไม่ได้เสียหายอะไรนัก ลุงเองก็ไม่ได้เจ็บอะไร”
“ไม่ได้หรอกครับลุง” เขาคะยั้นคะยอจะจ่ายเงินให้ แต่เมื่อชายชราไม่ยอมรับแน่ๆ เขาจึงยื่นข้อเสนอใหม่ด้วยเห็นว่าชายชราอายุมากแล้ว และตัวเขาก็ทำให้แกบาดเจ็บจึงอยากรับผิดชอบ “อย่างนั้นผมช่วยขายปาท่องโก๋ให้จนกว่าจะหมด”
“หืม?” ชายชราขมวดคิ้วสีดอกเลาเข้าหากันเมื่อมองจับไปบนใบหน้าหล่อในชุดเสื้อเชิ้ตบอกราคาได้ดีรวมทั้งรถที่เขาขับมาด้วย “แน่ใจเหรอ”
“ชัวร์ครับลุง” ชายหนุ่มยิ้มเผล่ ปลดกระดุมแล้วพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นเหนือข้อศอก ประคองชายชราให้นั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกเก่าๆ ที่กรำแดดกรำฝนมานานจนสีซีด ปาท่องโก๋กับเต้าหู้ทำสำเร็จเอาไว้อยู่แล้วเพียงแค่หยิบใส่ถุงก็เป็นอันใช้ได้ และเมื่อมีคนขายหล่อๆ หน้าตาดีมาแทนที่ชายชราผิวเหี่ยวย่นหย่อนยาน ไม่นานปาท่องโก๋ก็จวนหมด ใบหน้าหล่อพราวไปด้วยเหงื่อแม้จะยังเช้าตรู่
ส่วนคะนึงนางหลังนอนพักดื่มน้ำเกลือแร่ในห้องพักของเกดแก้วอาการก็ดีขึ้นมาก ตอนแรกว่าจะไปนอนโรงพยาบาลทว่าเมื่อนึกถึงใบหน้าเย้ยหยันของวรินยุพาก็ทำให้เธอกัดฟันทน เรื่องอะไรจะให้วรินยุพาดีใจที่แผนการของมันสำเร็จ คราวนี้ถือว่าเธอเสียค่าโง่ไป คราวหน้าเป็นทีของเธอบ้าง
หญิงสาวนั่งแท็กซี่กลับบ้าน ท้องก็ร้องหิวเพราะอาหารที่กินเข้าไปเมื่อคืนถ่ายออกมาจนหมดไส้หมดพุง แต่เงินในกระเป๋าก็ร่อยหรอ เธอเองแทบไม่ได้ฝากเงินไว้ในบัญชี เพราะไม่คิดว่าชีวิตตัวเองจะตกต่ำพลิกผันแบบนี้
ดูเอาเถอะภัตตาคารที่มาเป็นประจำกับครอบครัว ตอนนี้ก็คงได้แค่แหงนมอง เงินในกระเป๋าเธอเหลืออยู่ไม่ถึงหมื่น ต้องประหยัดใช้จนกว่าเงินเดือนจะออก
“ปาท่องโก๋ก็ได้วะ” เธอบอกกับตัวเองอย่างตัดสินใจ อาหารเช้าพื้นๆ แบบนี้นานแล้วที่ไม่ได้ลิ้มรส ตอนนี้ทุกชีวิตในบ้านต้องใช้จ่ายแบบกระเบียดกระเสียร
ดลยาต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนพร้อมกับพ่อเลี้ยงเธอเพราะเป็นทางผ่าน ขากลับหากเขากลับดึกหรือมีงานด่วนก็จะให้เด็กในบ้านที่ตอนนี้เหลือต้อยติ่งคนเดียวนั่งแท็กซี่ออกไปรับ ดลยายังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจฐานะที่เปลี่ยนแปลงไปแบบไม่ทันให้ตั้งตัวจึงมีอิดออดบ้างตามประสา
“พี่คะแวะให้ฉันซื้อปาท่องโก๋หน่อย” เธอบอกแก่คนขับรถแท็กซี่ สายตายังทอดจับไปยังรถเข็นของชายชราที่เคยขับรถผ่านแต่ไม่เคยคิดแวะซื้อ
คนขับทำตามคำสั่ง หญิงสาวลงจากรถพร้อมกระเป๋าแบรนด์เนมราคาห้าหมื่นที่เธอกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะขายเอาเงินมาใช้ดีไหม แต่คิดดูอีกทีก็เปลี่ยนใจ หากใครรู้เข้าเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไอ้มุกรถเข้าอู่ก็ไม่รู้จะใช้ไปได้อีกนานถึงเมื่อไหร่ เธอจะต้องหาทางทำอะไรซักอย่างก่อนที่ใครๆ จะรู้ว่าเธอถังแตก
หญิงสาวเลิกคิ้วแปลกใจที่คนขายปาท่องโก๋หน้าตาดีมาก มีสาวๆ เข้าคิวกันซื้ออยู่ราวๆ ห้าหกคน เธอจึงชะเง้อหน้ามองไปบนรถเข็น เพราะกลัวว่ามันจะหมดซะก่อน
“รับอะไรดีครับ” ปฐพีเงยหน้าขึ้นจากถาดวางปาท่องโก๋ขึ้นมาถาม ส่งยิ้มเก๋แสนเสน่ห์ไปให้ทำเอาหญิงสาวแทบลืมว่าตัวเองอยากจะสั่งอะไร
“เอ่อ…”
“รับอะไรดีครับ ปาท่องโก๋หรือน้ำเต้าหู้?” เขาถามย้ำ หญิงสาวจึงหลุดจากสายตาที่เธอเกือบตกอยู่ในมนต์สะกดของเขาแล้วชี้มือไปยังปาท่องโก๋สีทองกับน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องในถุงพลาสติกใส ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้จะเป็นแค่คนขายปาท่องโก๋
ปฐพีหยิบของใส่ถุงให้อย่างคล่องแคล่วแล้วยื่นส่งให้ คะนึงนางรับมา คราบเขม่าฝุ่นจับบนใบหน้าพราวไปด้วยเหงื่อมองแล้วขัดตา เธอจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นส่งให้ ชายหนุ่มเลิกคิ้ว เมื่อเธอขยับมือมาใกล้มากขึ้นจึงรับมา เอ่ยขอบคุณแล้วต้องยิ้มขำกับคำพูดตรงๆ ของสาวสวยตรงหน้า
“ไอ้คราบฝุ่นนั่นมันทำให้หน้าหล่อๆ ของนายหมองไปเกือบครึ่ง เช็ดซะ” หญิงสาวบอกแค่นั้นแล้วก็หมุนตัวออกไปขึ้นแท็กซี่หากแล้วก็กลับลงมาใหม่ “ลืมปาท่องโก๋ ไปละ”
ชายหนุ่มมองตามร่างเพรียวบางที่เดินตัวปลิวออกไปแล้วอมยิ้ม ละความสนใจเอาไว้เพียงเท่านั้น ไม่นานปาท่องโก๋ของชายชราก็หมดเกลี้ยง เขานับเงินแล้วยื่นส่งให้ ชายชราหัวเราะร่าพออกพอใจกับเงินจำนวนนั้นที่ได้มาในเวลาไม่นาน
เขาขายทั้งวันยังไม่เท่าชายหนุ่มแปลกหน้าที่ขายเพียงครึ่งชั่วโมง
“ขอบใจมากนะพ่อหนุ่ม”
“ไม่เป็นไรครับลุง ผมเป็นคนชนลุงบาดเจ็บ อย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ ลุงเข็นรถไปไหวไหม” เขาถามขึ้นอย่างเป็นห่วงแต่ชายชราเห็นเป็นเรื่องเล็ก
“อย่าห่วงเลย กระดูกเหล็กอย่างลุง ขืนมาทำใจเสาะก็ไม่มีอะไรกิน” ชายชราหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ความจนไม่ได้ทำให้การมองโลกของเขาเลวร้าย ตรงข้ามกลับใช้ชีวิตกับความจนอย่างมีความสุขจนกลายเป็นเพื่อนสนิทกับมันเสียแล้ว
ปฐพียิ้มรับหมุนตัวจะกลับไปขึ้นรถ ชายชราเรียกเอาไว้แล้วยื่นถุงน้ำเต้าหู้ร้อนๆ ให้สองถุงพร้อมปาท่องโก๋หลายชิ้น “เอาไปกินรองท้อง”
“ขอบคุณครับลุง” ชายหนุ่มยกมือไหว้ เมื่อขึ้นรถมาได้จึงมองขนมในมือแล้วอมยิ้ม เขาไม่เคยกินขนมพวกนี้เลยในชีวิต ขนมราคาถูกแต่มากไปด้วยน้ำใจ
โคไพลอตหนุ่มลองกัดเข้าปากไปคำหนึ่ง คิดจะแค่ชิมหากแล้วไม่นานขนมในถุงก็หมดจึงต่อด้วยน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องร้อนๆ ชายชราให้หลอดมาด้วยจึงใช้หลอดดูดจากถุงพลาสติก หากใครมาเห็นนักบินหนุ่มนั่งในรถราคาแพง ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยของแบรนด์เนมกินของราคาไม่ถึงสามสิบบาท แต่ก็อิ่มท้องได้เหมือนกันก็คงต้องเหลียวมองซ้ำเพราะคิดว่าตัวเองตาฝาด
คะนึงนางกลับเข้าบ้านพร้อมเต้าหู้กับปาท่องโก๋ ดลยาหายไข้แล้วแต่ยังแกล้งนอนซมเพราะขี้เกียจไปโรงเรียน และอีกเหตุผลหนึ่งคะนึงนางรู้ดี ดลยาเคยมีคนขับรถเก๋งคันงามไปส่งแต่เดี๋ยวนี้บางวันต้องนั่งแท็กซี่คงจะถูกเพื่อนล้อถึงได้ไม่อยากไปโรงเรียน เมื่อเข้าใจว่าน้องรู้สึกอย่างไร สายตาที่เธอทอดมองน้องสาวจึงอ่อนลง
“ไม่ไปโรงเรียนเหรอ”
“ยังปวดหัวอยู่” เด็กหญิงทำเสียงเครือ หญิงสาวส่ายหน้าเพราะรู้ทัน
“แล้วแม่ล่ะ”
“ไปข้างนอก” ดลยาตอบสั้นๆ สีหน้าเศร้าสร้อย คะนึงนางถอนหายใจ รู้ดีว่าแม่ไปที่ไหน ข้าวของในบ้านบางตาลงไปมาก เพราะแม่ต้องจัดการผันแปรมันมาเป็นเงิน ตอนนี้รูปเขียนของศิลปินชื่อดังที่ตอนซื้อหามาบางภาพหลักแสนเพื่อประดับบารมีก็พลอยหายไปด้วย มีแค่กรอบรูปของคนในครอบครัวเท่านั้นที่ยังอยู่ เครื่องเพชรที่เหลือๆ กันอยู่ก็สำหรับติดตัวพอไม่ให้อายใคร ยังดีที่ตอนนี้เธอเรียนจบแล้วจึงไม่เป็นภาระ
ตอนนี้ไพรัชกำลังดิ้นรนทุกวิถีทางที่จะหาเงินมาปิดรอยรั่วจนกว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นคนอื่นคงรู้เรื่องที่เขากำลังมีปัญหาทางการเงิน ตอนนี้ที่รู้กันก็มีอยู่ในวงแคบ
“กินอะไรมารึยัง” คะนึงนางถามขึ้น เห็นน้องสาวส่ายหน้าจึงเดินเข้าครัวไปแล้วกลับมาพร้อมแก้วน้ำเต้าหู้ร้อนๆ กับปาท่องโก๋ ขณะรินใส่แก้วเธอก็นึกถึงใบหน้าคนขาย ผู้ชายคนนี้ทั้งหล่อทั้งดูดี เสียอย่างเดียวที่จนไปหน่อยแต่หน้าตาแบบนี้เข้าวงการบันเทิงได้สบาย
ตอนนี้สาวใช้ในบ้านมีแค่ต้อยติ่ง ทุกคนจึงต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จะใช้งานอะไรต้อยติ่งมากนักก็ไม่ได้ เกิดถอดใจลาออกไปอีกคนแม่เธอคงทำงานบ้านทั้งหมดนี่ไม่ไหว
“พี่นางให้ได๋เหรอ” เด็กหญิงผุดลุกขึ้นนั่ง ทำตาปริบๆ เมื่อมีแก้วน้ำเต้าหู้มาวางตรงหน้า เพราะปกติไม่เคยเห็นพี่สาวใส่ใจตัวเองแบบนี้มาก่อน สีหน้าของน้องสาวทำให้คะนึงนางเกิดอาการขัดเขิน
“กินๆ เข้าไปเถอะน่า ทำหน้าเหมือนฉันกลายเป็นนางฟ้าไปได้ ไม่เอาแล้วง่วงนอน” หญิงสาวดื่มส่วนของตัวเองไปแก้วหนึ่งแล้วจึงโบกมือเดินแก้เขินกลับขึ้นไปบนห้อง
ต้อยติ่งที่เพิ่งกลับจากตลาดเห็นอาการของสองพี่น้องแล้วอมยิ้ม อย่างน้อยสถานการณ์แย่ๆ ในครอบครัวก็ทำให้พี่น้องเปิดใจกันมากขึ้น
แม้งานเขาจะหนักแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องปฏิบัติก็คือหาเวลาว่างไปทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาแม่ลูกสัปดาห์ละสองถึงสามวัน ด้วยเหตุนี้สานสัมพันธ์ของครอบครัวเขาจึงแน่นแฟ้น ในวัยเด็กแม้พ่อกับแม่จะบินไปทำงานต่างประเทศบ่อยๆ ทิ้งให้เขาอยู่กับพี่เลี้ยงนานๆ ก็หลายครั้งแต่เขาก็ไม่เคยน้อยใจ
ชายหนุ่มขับรถผ่านหน้าภัตตาคารลือชื่อที่เคยมาทานเป็นประจำกับครอบครัวจึงคิดแวะซื้อไก่ตุ๋นยาจีนไปฝาก แต่เพราะไม่ทันมองรถจึงเฉี่ยวเข้ากับรถเข็นขายปาท่องโก๋จนข้าวของล้มลงไปหลายอย่าง ตัวเจ้าของรถเข็นเองก็ล้มลงเข่าครูดกับพื้น
ปฐพีตกใจรีบลงจากรถมาช่วยเก็บของพร้อมละล่ำละลักขอโทษ
“ผมไม่ได้ตั้งใจครับ เดี๋ยวผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้” เขาว่าพร้อมกับเตรียมจะควักกระเป๋าทว่าชายชราเจ้าของรถเข็นโบกมือห้าม
“ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่ม ของใกล้จะหมดแล้วล่ะ ไม่ได้เสียหายอะไรนัก ลุงเองก็ไม่ได้เจ็บอะไร”
“ไม่ได้หรอกครับลุง” เขาคะยั้นคะยอจะจ่ายเงินให้ แต่เมื่อชายชราไม่ยอมรับแน่ๆ เขาจึงยื่นข้อเสนอใหม่ด้วยเห็นว่าชายชราอายุมากแล้ว และตัวเขาก็ทำให้แกบาดเจ็บจึงอยากรับผิดชอบ “อย่างนั้นผมช่วยขายปาท่องโก๋ให้จนกว่าจะหมด”
“หืม?” ชายชราขมวดคิ้วสีดอกเลาเข้าหากันเมื่อมองจับไปบนใบหน้าหล่อในชุดเสื้อเชิ้ตบอกราคาได้ดีรวมทั้งรถที่เขาขับมาด้วย “แน่ใจเหรอ”
“ชัวร์ครับลุง” ชายหนุ่มยิ้มเผล่ ปลดกระดุมแล้วพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นเหนือข้อศอก ประคองชายชราให้นั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกเก่าๆ ที่กรำแดดกรำฝนมานานจนสีซีด ปาท่องโก๋กับเต้าหู้ทำสำเร็จเอาไว้อยู่แล้วเพียงแค่หยิบใส่ถุงก็เป็นอันใช้ได้ และเมื่อมีคนขายหล่อๆ หน้าตาดีมาแทนที่ชายชราผิวเหี่ยวย่นหย่อนยาน ไม่นานปาท่องโก๋ก็จวนหมด ใบหน้าหล่อพราวไปด้วยเหงื่อแม้จะยังเช้าตรู่
ส่วนคะนึงนางหลังนอนพักดื่มน้ำเกลือแร่ในห้องพักของเกดแก้วอาการก็ดีขึ้นมาก ตอนแรกว่าจะไปนอนโรงพยาบาลทว่าเมื่อนึกถึงใบหน้าเย้ยหยันของวรินยุพาก็ทำให้เธอกัดฟันทน เรื่องอะไรจะให้วรินยุพาดีใจที่แผนการของมันสำเร็จ คราวนี้ถือว่าเธอเสียค่าโง่ไป คราวหน้าเป็นทีของเธอบ้าง
หญิงสาวนั่งแท็กซี่กลับบ้าน ท้องก็ร้องหิวเพราะอาหารที่กินเข้าไปเมื่อคืนถ่ายออกมาจนหมดไส้หมดพุง แต่เงินในกระเป๋าก็ร่อยหรอ เธอเองแทบไม่ได้ฝากเงินไว้ในบัญชี เพราะไม่คิดว่าชีวิตตัวเองจะตกต่ำพลิกผันแบบนี้
ดูเอาเถอะภัตตาคารที่มาเป็นประจำกับครอบครัว ตอนนี้ก็คงได้แค่แหงนมอง เงินในกระเป๋าเธอเหลืออยู่ไม่ถึงหมื่น ต้องประหยัดใช้จนกว่าเงินเดือนจะออก
“ปาท่องโก๋ก็ได้วะ” เธอบอกกับตัวเองอย่างตัดสินใจ อาหารเช้าพื้นๆ แบบนี้นานแล้วที่ไม่ได้ลิ้มรส ตอนนี้ทุกชีวิตในบ้านต้องใช้จ่ายแบบกระเบียดกระเสียร
ดลยาต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนพร้อมกับพ่อเลี้ยงเธอเพราะเป็นทางผ่าน ขากลับหากเขากลับดึกหรือมีงานด่วนก็จะให้เด็กในบ้านที่ตอนนี้เหลือต้อยติ่งคนเดียวนั่งแท็กซี่ออกไปรับ ดลยายังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจฐานะที่เปลี่ยนแปลงไปแบบไม่ทันให้ตั้งตัวจึงมีอิดออดบ้างตามประสา
“พี่คะแวะให้ฉันซื้อปาท่องโก๋หน่อย” เธอบอกแก่คนขับรถแท็กซี่ สายตายังทอดจับไปยังรถเข็นของชายชราที่เคยขับรถผ่านแต่ไม่เคยคิดแวะซื้อ
คนขับทำตามคำสั่ง หญิงสาวลงจากรถพร้อมกระเป๋าแบรนด์เนมราคาห้าหมื่นที่เธอกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะขายเอาเงินมาใช้ดีไหม แต่คิดดูอีกทีก็เปลี่ยนใจ หากใครรู้เข้าเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไอ้มุกรถเข้าอู่ก็ไม่รู้จะใช้ไปได้อีกนานถึงเมื่อไหร่ เธอจะต้องหาทางทำอะไรซักอย่างก่อนที่ใครๆ จะรู้ว่าเธอถังแตก
หญิงสาวเลิกคิ้วแปลกใจที่คนขายปาท่องโก๋หน้าตาดีมาก มีสาวๆ เข้าคิวกันซื้ออยู่ราวๆ ห้าหกคน เธอจึงชะเง้อหน้ามองไปบนรถเข็น เพราะกลัวว่ามันจะหมดซะก่อน
“รับอะไรดีครับ” ปฐพีเงยหน้าขึ้นจากถาดวางปาท่องโก๋ขึ้นมาถาม ส่งยิ้มเก๋แสนเสน่ห์ไปให้ทำเอาหญิงสาวแทบลืมว่าตัวเองอยากจะสั่งอะไร
“เอ่อ…”
“รับอะไรดีครับ ปาท่องโก๋หรือน้ำเต้าหู้?” เขาถามย้ำ หญิงสาวจึงหลุดจากสายตาที่เธอเกือบตกอยู่ในมนต์สะกดของเขาแล้วชี้มือไปยังปาท่องโก๋สีทองกับน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องในถุงพลาสติกใส ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้จะเป็นแค่คนขายปาท่องโก๋
ปฐพีหยิบของใส่ถุงให้อย่างคล่องแคล่วแล้วยื่นส่งให้ คะนึงนางรับมา คราบเขม่าฝุ่นจับบนใบหน้าพราวไปด้วยเหงื่อมองแล้วขัดตา เธอจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นส่งให้ ชายหนุ่มเลิกคิ้ว เมื่อเธอขยับมือมาใกล้มากขึ้นจึงรับมา เอ่ยขอบคุณแล้วต้องยิ้มขำกับคำพูดตรงๆ ของสาวสวยตรงหน้า
“ไอ้คราบฝุ่นนั่นมันทำให้หน้าหล่อๆ ของนายหมองไปเกือบครึ่ง เช็ดซะ” หญิงสาวบอกแค่นั้นแล้วก็หมุนตัวออกไปขึ้นแท็กซี่หากแล้วก็กลับลงมาใหม่ “ลืมปาท่องโก๋ ไปละ”
ชายหนุ่มมองตามร่างเพรียวบางที่เดินตัวปลิวออกไปแล้วอมยิ้ม ละความสนใจเอาไว้เพียงเท่านั้น ไม่นานปาท่องโก๋ของชายชราก็หมดเกลี้ยง เขานับเงินแล้วยื่นส่งให้ ชายชราหัวเราะร่าพออกพอใจกับเงินจำนวนนั้นที่ได้มาในเวลาไม่นาน
เขาขายทั้งวันยังไม่เท่าชายหนุ่มแปลกหน้าที่ขายเพียงครึ่งชั่วโมง
“ขอบใจมากนะพ่อหนุ่ม”
“ไม่เป็นไรครับลุง ผมเป็นคนชนลุงบาดเจ็บ อย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ ลุงเข็นรถไปไหวไหม” เขาถามขึ้นอย่างเป็นห่วงแต่ชายชราเห็นเป็นเรื่องเล็ก
“อย่าห่วงเลย กระดูกเหล็กอย่างลุง ขืนมาทำใจเสาะก็ไม่มีอะไรกิน” ชายชราหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ความจนไม่ได้ทำให้การมองโลกของเขาเลวร้าย ตรงข้ามกลับใช้ชีวิตกับความจนอย่างมีความสุขจนกลายเป็นเพื่อนสนิทกับมันเสียแล้ว
ปฐพียิ้มรับหมุนตัวจะกลับไปขึ้นรถ ชายชราเรียกเอาไว้แล้วยื่นถุงน้ำเต้าหู้ร้อนๆ ให้สองถุงพร้อมปาท่องโก๋หลายชิ้น “เอาไปกินรองท้อง”
“ขอบคุณครับลุง” ชายหนุ่มยกมือไหว้ เมื่อขึ้นรถมาได้จึงมองขนมในมือแล้วอมยิ้ม เขาไม่เคยกินขนมพวกนี้เลยในชีวิต ขนมราคาถูกแต่มากไปด้วยน้ำใจ
โคไพลอตหนุ่มลองกัดเข้าปากไปคำหนึ่ง คิดจะแค่ชิมหากแล้วไม่นานขนมในถุงก็หมดจึงต่อด้วยน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องร้อนๆ ชายชราให้หลอดมาด้วยจึงใช้หลอดดูดจากถุงพลาสติก หากใครมาเห็นนักบินหนุ่มนั่งในรถราคาแพง ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยของแบรนด์เนมกินของราคาไม่ถึงสามสิบบาท แต่ก็อิ่มท้องได้เหมือนกันก็คงต้องเหลียวมองซ้ำเพราะคิดว่าตัวเองตาฝาด
คะนึงนางกลับเข้าบ้านพร้อมเต้าหู้กับปาท่องโก๋ ดลยาหายไข้แล้วแต่ยังแกล้งนอนซมเพราะขี้เกียจไปโรงเรียน และอีกเหตุผลหนึ่งคะนึงนางรู้ดี ดลยาเคยมีคนขับรถเก๋งคันงามไปส่งแต่เดี๋ยวนี้บางวันต้องนั่งแท็กซี่คงจะถูกเพื่อนล้อถึงได้ไม่อยากไปโรงเรียน เมื่อเข้าใจว่าน้องรู้สึกอย่างไร สายตาที่เธอทอดมองน้องสาวจึงอ่อนลง
“ไม่ไปโรงเรียนเหรอ”
“ยังปวดหัวอยู่” เด็กหญิงทำเสียงเครือ หญิงสาวส่ายหน้าเพราะรู้ทัน
“แล้วแม่ล่ะ”
“ไปข้างนอก” ดลยาตอบสั้นๆ สีหน้าเศร้าสร้อย คะนึงนางถอนหายใจ รู้ดีว่าแม่ไปที่ไหน ข้าวของในบ้านบางตาลงไปมาก เพราะแม่ต้องจัดการผันแปรมันมาเป็นเงิน ตอนนี้รูปเขียนของศิลปินชื่อดังที่ตอนซื้อหามาบางภาพหลักแสนเพื่อประดับบารมีก็พลอยหายไปด้วย มีแค่กรอบรูปของคนในครอบครัวเท่านั้นที่ยังอยู่ เครื่องเพชรที่เหลือๆ กันอยู่ก็สำหรับติดตัวพอไม่ให้อายใคร ยังดีที่ตอนนี้เธอเรียนจบแล้วจึงไม่เป็นภาระ
ตอนนี้ไพรัชกำลังดิ้นรนทุกวิถีทางที่จะหาเงินมาปิดรอยรั่วจนกว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นคนอื่นคงรู้เรื่องที่เขากำลังมีปัญหาทางการเงิน ตอนนี้ที่รู้กันก็มีอยู่ในวงแคบ
“กินอะไรมารึยัง” คะนึงนางถามขึ้น เห็นน้องสาวส่ายหน้าจึงเดินเข้าครัวไปแล้วกลับมาพร้อมแก้วน้ำเต้าหู้ร้อนๆ กับปาท่องโก๋ ขณะรินใส่แก้วเธอก็นึกถึงใบหน้าคนขาย ผู้ชายคนนี้ทั้งหล่อทั้งดูดี เสียอย่างเดียวที่จนไปหน่อยแต่หน้าตาแบบนี้เข้าวงการบันเทิงได้สบาย
ตอนนี้สาวใช้ในบ้านมีแค่ต้อยติ่ง ทุกคนจึงต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จะใช้งานอะไรต้อยติ่งมากนักก็ไม่ได้ เกิดถอดใจลาออกไปอีกคนแม่เธอคงทำงานบ้านทั้งหมดนี่ไม่ไหว
“พี่นางให้ได๋เหรอ” เด็กหญิงผุดลุกขึ้นนั่ง ทำตาปริบๆ เมื่อมีแก้วน้ำเต้าหู้มาวางตรงหน้า เพราะปกติไม่เคยเห็นพี่สาวใส่ใจตัวเองแบบนี้มาก่อน สีหน้าของน้องสาวทำให้คะนึงนางเกิดอาการขัดเขิน
“กินๆ เข้าไปเถอะน่า ทำหน้าเหมือนฉันกลายเป็นนางฟ้าไปได้ ไม่เอาแล้วง่วงนอน” หญิงสาวดื่มส่วนของตัวเองไปแก้วหนึ่งแล้วจึงโบกมือเดินแก้เขินกลับขึ้นไปบนห้อง
ต้อยติ่งที่เพิ่งกลับจากตลาดเห็นอาการของสองพี่น้องแล้วอมยิ้ม อย่างน้อยสถานการณ์แย่ๆ ในครอบครัวก็ทำให้พี่น้องเปิดใจกันมากขึ้น

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ส.ค. 2556, 22:13:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ส.ค. 2556, 22:13:31 น.
จำนวนการเข้าชม : 1583
<< ตอนที่ 2 100% | ตอนที่ 5 100% >> |