ซาตานจำแลง

‘สหภาพ’ ชายหนุ่มผู้มี ‘ไฟแค้น’ที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจมานานนับสิบปีเพื่อรอคอยโอกาสเหมาะสมกับการกลับมาเอาคืนจากคนที่ทำร้ายเขาและครอบครัวเมื่อวัยเด็ก แต่แล้ว ‘ไฟแค้น’ ก็กลับกลายเป็นดาบสองคมทิ่มแทงให้เขาต้องเจ็บช้ำ เมื่อต้องมาพบกับ





‘พิมมาดา’ ผู้เปรียบเสมือนสายน้ำ ที่อาจจะมาราดรดให้ ‘ไฟแค้น’ ในใจเขามอดดับลงไปได้ หรือไม่น้ำอันฉ่ำเย็นอาจจะแปรเปลี่ยนเป็นน้ำเดือดขึ้นมาแทนเมื่อถูกต้มครั้งแล้วครั้งเล่า

เขาจะต้องเจ็บช้ำเพราะความ ‘ทรนง’ และ ‘ไฟแค้น’ ที่สุมอกหรือไม่ แล้วสายน้ำอย่างเธอจะช่วยเขาไว้ได้บ้างไหม ชีวิตในบั้นปลายของคนทั้งคู่จะพานพบความสุขหรือความสูญเสีย ‘ซาตานจำแลง’ มีคำตอบรอให้คุณค้นหาแล้ว
Tags: พระเอกโหดมากกกกกกกกก นางเอกน่าสงสารมากกกกกกกกก

ตอน: ภัยร้ายจากศัตรูที่อยู่ข้างกาย

“นี่มันอะไรกันห๊าแม่เนย ทำไมมันมีแต่เรื่องยุ่ง ๆ ไม่เว้นวันสักที” ทันทีที่เธอเข้าไปอยู่ในห้องทำงานสไบแพรแล้วก็มีคำถามมาหาโดยเจ้าตัวยังไม่ได้นั่งด้วยซ้ำ

“เนยก็ไม่รู้ค่ะ เราจะทำยังไงดีคะ จะสั่งให้ รปภ. ย้ายคนออกดีมั้ยคะคุณแม่ นี่ก็ผ่านไปเกือบสิบนาทีแล้วนะคะ” ยกข้อมือดูนาฬิกาด้วยความกังวล

“โอ๊ย! จะทำยังงั้นได้ยังไงยะหล่อน เรายังไม่รู้เลยว่าไอ้คนโทรมาเป็นใคร และคำพูดมันน่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน บางทีอาจจะเป็นพวกโรคจิตก็ได้ แล้วถ้าเราขืนไปย้ายคนออกไปแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชื่อเสียงห้างได้ป่นปี้กันคราวนี้ จะมีใครหน้าไหนมาซื้อของถ้าเกิดมีข่าวแบบนี้ขึ้นมา สมองหล่อนคิดได้แค่นี้เองเหรอยะ” แม้จะขัดเคืองกับคำแม่แต่ก็มีเรื่องอื่นให้กลัดกลุ้มมากกว่าจึงเลือกที่จะไม่เก็บมาใส่ใจ

“ขอโทษค่ะ เนยตกใจมากไปหน่อย”

“เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องมาทำหน้าอ่อย ๆ กับฉันหรอก ฉันว่าเราอย่าเพิ่งทำอะไรวุ่วามดีกว่ารอก่อน อีกหน่อยพ่อแกจะมา นี่ก็ไม่รู้มัวไปทำอะไร พอเกิดเรื่องก็หายหัว ไม่มาอยู่คอยให้คำปรึกษาเลย สงสัยมัวแต่ไปกกอีตัวแน่ ๆ เลย ไอ้แก่ตัณหากลับจริง ๆ เลยพ่อแกนี่” และอีกหลายต่อหลายคำที่เจ้าของห้องยกเอามาบ่น โดยคนลูกต้องทนนั่งฟัง กว่าจักรภพจะมาถึงก็กินเวลาไปถึงครึ่งชั่วโมง

“มันเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้ยังไงยายเนย” คำถามแรกที่เขาเอ่ย สไบแพรรีบสวนกลับ

“อย่ามัวถามหน่อยเลยคุณ เรามาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะทำยังไงดี นี่ถ้าพนักงานข้างนอกรู้นะมีหวังวิ่งแตกตื่นไปกันหมดแล้วแน่ ๆ จะทำยังไงดีก็รีบ ๆ บอกมา ฉันกลุ้มใจจะแย่แล้ว”

“ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ มันอะไรนักหนาวะ กูจะบ้า” ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อมือถือเขาก็ดังขึ้น

“ผมเพิ่งมาถึงเองยังไม่ทันได้รู้อะไรมาก อะไรนะ! เราจะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน ถ้ามันเป็นเพียงคำขู่จากพวกโรคจิต ห้างเรามีหวังเจ้งกันก็คราวนี้ล่ะ เอาไว้ให้ผมหาทางแก้ไขก่อนแล้วกันแค่นี้นะ” สองคนมองมายังเขาด้วยสีหน้ามีคำถาม

“คุณประสงค์กำลังรอดูว่าเราจะทำยังไง”

“คุณบอกเขาหรือไงล่ะ” สไบแพรถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“อ้าว! มีเรื่องคอขาดบาดตายก็ต้องบอกสิ จะมัวมานั่งปิดทำไม ยายเนยเรียกหัวหน้า รปภ. มาด่วน” สั่งการลูกสาวด้วยความเร็ว เพราะอยากจะปรึกษา



“ผมเห็นด้วยกับคุณเนย ว่าเราควรจะย้ายคนออกจากห้างก่อนนะครับท่านประธาน มันเสี่ยงเกินไปที่จะให้ตำรวจมาหาระเบิดแบบเงียบ ๆ โดยไม่แจ้งลูกค้า เกิดตูมตามขึ้นมาเราจะรับผิดชอบไม่ไหวนะครับ” หัวหน้า รปภ. ยืนยันคำพูดของพิมมาดาหลังจากปรึกษากันไปได้ไม่กี่นาที เพราะเป็นหนทางเดียวที่ควรจะทำในขณะนี้

“ก็ถ้ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะ เราก็เสียชื่อกันพอดี” สไบแพรสวนกลับด้วยความไม่พอใจในความคิดนี้

“ก็ยังดีกว่าเสียชื่อ เสียชีวิตและเสียห้างนี้นะครับท่านรองประธาน” แม้จะอยู่ระหว่างหน้าสิ่วหน้าขวาน ลูกจ้างก็ยังต้องเรียกตำแหน่งของสไบแพรอย่างครบถ้วน เพราะรู้ดีว่าเจ้าหล่อนถือเรื่องนี้มากแค่ไหน และไม่ทันที่ทั้งสี่จะได้ถกเถียงอะไรกันอีก มือถือของจักรภพก็ดังขึ้น

“ผมเตือนคุณแล้วว่าให้ย้ายคนออกไป แต่คุณไม่เชื่อ งั้นผมจะโชว์ให้เห็นว่านี่ไม่ใช่การขู่ คุณช่วยเดินไปหน้าต่างแล้วมองลงไปหาลานจอดรถมอไซด์สิ” สายถูกตัดไปแล้ว

“ใครโทรมาคะคุณ” สไบแพรถามด้วยความอยากรู้แต่อีกคนไม่ตอบ กลับเดินไปหน้าต่างมองไปยังจุดที่เสียงปริศนาบอกมา คนอื่น ๆ ก็พลอยตามไปด้วย จักรภพพยายามกวาดสายตามองลงไปยังรถจักรยานยนต์ของลูกค้าและพนักงานที่จอดเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ เพื่อหาความผิดสังเกต แม้จะมองจากที่สูงและไกลทำให้เห็นอะไรไม่ชัด แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไร มือรีบเลื่อนหน้าต่างออกเพื่อชะโงกออกไปมองชัด ๆ อีกที

บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!

ว๊าย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

เสียงระเบิดดังขึ้นติด ๆ กันถึงสามครั้ง และรถจักรยานยนต์สามคันที่จอดอยู่ท้ายสุดกระเด็นขึ้นกลางอากาศตามแรงระเบิด ผู้คนที่อยู่ในลานจอดต่างร้องด้วยความตกใจ และวิ่งหนีชุลมุน เคราะห์ดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเนื่องจากจุดเกิดเหตุอยู่ห่างผู้คน มือถือดังขึ้นอีกครั้งจักรภพรีบกดรับแม้จะตกใจกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ก็ตาม

“เป็นไง ทีนี้จะเชื่อหรือยัง เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงกับยี่สิบสองนาที แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน”

“แก ๆ ๆ แกเป็นใครวะ! ไอ้บ้า! มึงต้องการอะไร!” ตะโกนด่าออกไปทั้ง ๆ ที่เจ้าของเสียงวางสายไปแล้วก็ตาม

“ท่านประธานครับผมแจ้งตำรวจแล้วนะครับ และผมแนะนำให้ทุกคนออกจากห้างด่วน ก่อนที่จะมีอะไรร้ายแรงกว่านี้เกิดขึ้...อะโหล ๆ ๆ ว่าไง! อย่าเพิ่งทำอะไรผมกำลังจะลงไปเดี๋ยวนี้ แจ้งลูกค้าว่าไม่มีอะไรให้ใจเย็น ๆ ไว้” หัวหน้า รปภ. เพิ่งจะได้รับวอจากลูกน้องเกี่ยวกับเหตุระเบิดเมื่อสักครู่หันมาบอกจักรภพ จากนั้นก็โทรแจ้งตำรวจโดยด่วน และรีบวิ่งลงไปสมทบกับลูกน้องด้านล่าง ไม่กี่นาทีตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุ และรีบอพยพผู้คนออกทันที

“จะทำยังไงดีคะคุณ ฉันกลัวหมดแล้วนี่” สไบแพรหน้าตื่นวิ่งไปเกาะแขนสามี

“ผมไม่คิดว่ามันจะกล้าทำ เมื่อกี้มันต้องแค่ขู่เล่นเท่านั้น” เขายังคงทำใจดีสู้เสือ

“เนยว่าเราออกไปก่อนดีกว่านะคะคุณพ่อคุณแม่ เพื่อความปลอดภัยค่ะ”

“กลัวตายนักหรือไงยะแม่เนย” ยังเหน็บแนมลูกเลี้ยงด้วยความเกลียดชัง

“ท่านประธานครับ รีบออกจากห้างก่อนเถอะครับ ตำรวจมาถึงแล้ว กำลังกันคนออกไปครับ” หัวหน้า รปภ. วิ่งจากด้านล่างขึ้นมาเปิดประตูเรียกเจ้านายทั้งสามด้วยความห่วงใย จักรภพมีอาการลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะหันไปหาเมียและลูก

“งั้นเราลงไปก่อนดีกว่า ไม่มีอะไรหรอก” ทั้งสามจึงได้ออกมาและพบกับความโกลาหลจากภายนอก ทั้งพนักงานและลูกค้าต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดพร้อมหอบข้าวของที่อยู่ใกล้มือติดต่อไปด้วย

“คุณพ่อรอเนยด้วยค่ะ” ผู้คนมากมายวิ่งเข้ามาชนพิมมาดาที่เกาะแขนพ่อโดยอีกข้างมีสไบแพรเดินตามหัวหน้า รปภ. ไปและความชุลมุลนี้ทำให้พ่อลูกถูกเบียดจนมือหลุดจากกัน

“ยายเนย ๆ ๆ” จักรภพได้แต่ร้องเรียกลูกที่พลัดกันไปแล้ว จึงพยายามมองหาลูกด้วยความห่วงไม่น้อย

“เร็ว ๆ เข้าเถอะคุณ อยากตายอยู่ตรงนี้หรือไง” แต่ก็ต้องรีบเดินหน้าต่อเมื่อสไบแพรกระชากแขนไปโดยไม่คิดจะสนใจลูกเลี้ยงสักนิด ด้วยในใจนั้นอยากจะให้มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับผู้เป็นเสมือนหนามยอกอกลงไปด้วยซ้ำ

“คุณพ่อ คุณแม่ อยู่ไหนคะ” พิมมาดาต้องวิ่งปะปนกับกลุ่มคนที่วิ่งออกไปทางบันไดหนีไฟ และถูกเบียดจนร่างแทบจะแบนติดผนังอยู่อย่างนั้น มือถือของแต่ละคนต่างดังเซ็งแซ่พร้อมกับการพูดคุยจนไม่ได้สรรพ

“ขวัญอยู่ไหน เราอยู่บันไดหนีไฟกำลังจะลงไป โอ๊ย! โอ๊ย! ขวัญออกไปข้างนอกได้หรือยัง พาลูกน้องออกไปหมดหรือยัง” แม้จะถูกผู้คนผลักและแย่งพื้นที่ลงบันไดแค่ไหน แต่ก็ยังมีกระจิตกระใจจะถามเมื่อขวัญข้าวโทรมาหาเธอด้วยความเป็นห่วง กว่าจะลงมาถึงชั้นล่างได้ก็บอบช้ำไปหลายจุด จากกลุ่มผู้คนถูกกันให้ออกจากบริเวณห้าง เพื่อให้หลุดพ้นรัศมีของแรงระเบิดที่ตำรวจเองก็ยังคาดการณ์ไม่ได้ว่าจะเป็นระเบิดประเภทไหน และอานุภาพมากน้อยเพียงใด การจราจรในบริเวณนั้นแทบไม่กระดิกตัวไปไหน เพราะผู้คนที่วิ่งออกจากห้างจนล้นไปออกแนวบาทวิถี

พิมมาดาและคนอีกจำนวนหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งให้หนีออกทางด้านหลังห้างซึ่งเป็นทางแคบ ๆ และสกปรก แต่วินานีนี้ไม่มีใครสนใจกับสภาพแวดล้อมรอบตัวอีกแล้ว เพราะต่างหนีเอาตัวรอดด้วยสัญชาตญาณ เสียงถามไถ่กันไม่รู้ใครเป็นใคร แต่พิมมาดาไม่ได้สนใจนัก เพราะความห่วงพ่อกับแม่มีมากกว่าจึงรีบวิ่งออกจากตรอกเพื่อจะอ้อมไปด้านหน้า ด้วยหวังว่าจะเจอกันที่นั่น

พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นชายร่างใหญ่ใบหน้าขาวมีแว่นกันแดดบดบังเอาไว้ แม้จะวุ่นวายมากแค่ไหนแต่เธอก็จำได้ว่าเป็นนายสุภาพนั่นเอง ซึ่งนั่งอยู่กับชายอีกหนึ่งคนที่เธอไม่รู้จักและมีแว่นกันแดดสวมไว้เหมือนกัน หญิงสาวรีบวิ่งไปหลบหลังรถที่จอดอยู่ในตรอก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงต้องหลบเขา แล้วค่อย ๆ แอบมองเข้าไปยังร้านกาแฟสดที่ทั้งสองคนนั่งและมองไปยังผู้คนที่แตกตื่นออกมาจากห้างด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“ผมแจ้งนักข่าวจนครบแล้วครับ อีกหน่อยก็จะแห่กันมา” สหภาพยิ้มออกมาด้วยสีหน้าของคนสะใจ เมื่อสามารถโทรรายงานผลงานชิ้นเยี่ยม

“ดีมาก เย็นนี้เจอกัน”

คำตอบสั้น ๆ ก่อนจะวางสายพร้อมหันไปพยักหน้าให้ชายอีกคน ก่อนจะลุกขึ้นแล้วก้มศีรษะให้น้อย ๆ และรีบเดินออกจากร้านไป โดยไม่ได้สนใจจะหันหลังกลับมามองอีกเลย สหภาพนั่งกอดอกอยู่ที่เดิมด้วยความอารมณ์เย็น แถมยังพยักหน้าให้เด็กเสิร์ฟยกกาแฟเย็นมาให้อีกแก้วเป็นสัญญาณให้พิมมาดารู้ว่าเขาคงจะนั่งอยู่นั่นอีกนาน

แม้ไม่อยากคิดในทางลบกับพนักงานนัก แต่ด้วยใบหน้าที่ดูจะอารมณ์ดีเกินกว่าจะเป็นคนหนีตายมาจากด้านบน ไหนจะไม่รวมกับเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ ไม่ได้ยับยู่ยี่เหมือนคนเบียดแข่งกันเอาตัวรอดเช่นสภาพของเธอตอนนี้ และไหนจะการสวมแว่นดำเพื่ออำพลางใบหน้าที่เธอและคนหลาย ๆ คนเห็นว่าเขาหน้าตาดี คนหนีตายออกมาจะมีอารมณ์เอาแว่นที่ไหนมาใส่ได้ในเวลาอย่างนี้ เว้นแต่ว่าเขาอยู่แถว ๆ นี้ หรือไม่ก็ออกไปข้างนอกมาแล้วยังไม่ได้เข้าไปออฟฟิศเท่านั้น

แต่จะด้วยอะไรก็แล้วแต่พิมมาดายังไม่อยากคิดมากให้ปวดหัว จึงค่อย ๆ เดินหลบไปตามรถแต่ละคันที่จอดเป็นแถวยาวไปจนเกือบจะถึงปากซอย เพื่อตามหาพ่อกับแม่ด้วยความห่วง และกว่าจะเจอก็ใช้เวลาไปหลายนาที



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ส.ค. 2556, 07:19:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ส.ค. 2556, 07:19:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1238





<< ได้เวลาค้นหาหนอนบ่อนไส้   ศัตรูข้างกายถูกหมายหัว >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account