ซาตานจำแลง

‘สหภาพ’ ชายหนุ่มผู้มี ‘ไฟแค้น’ที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจมานานนับสิบปีเพื่อรอคอยโอกาสเหมาะสมกับการกลับมาเอาคืนจากคนที่ทำร้ายเขาและครอบครัวเมื่อวัยเด็ก แต่แล้ว ‘ไฟแค้น’ ก็กลับกลายเป็นดาบสองคมทิ่มแทงให้เขาต้องเจ็บช้ำ เมื่อต้องมาพบกับ





‘พิมมาดา’ ผู้เปรียบเสมือนสายน้ำ ที่อาจจะมาราดรดให้ ‘ไฟแค้น’ ในใจเขามอดดับลงไปได้ หรือไม่น้ำอันฉ่ำเย็นอาจจะแปรเปลี่ยนเป็นน้ำเดือดขึ้นมาแทนเมื่อถูกต้มครั้งแล้วครั้งเล่า

เขาจะต้องเจ็บช้ำเพราะความ ‘ทรนง’ และ ‘ไฟแค้น’ ที่สุมอกหรือไม่ แล้วสายน้ำอย่างเธอจะช่วยเขาไว้ได้บ้างไหม ชีวิตในบั้นปลายของคนทั้งคู่จะพานพบความสุขหรือความสูญเสีย ‘ซาตานจำแลง’ มีคำตอบรอให้คุณค้นหาแล้ว
Tags: พระเอกโหดมากกกกกกกกก นางเอกน่าสงสารมากกกกกกกกก

ตอน: คลำใกล้จะเจอตอแล้ว

พิมมาดากวาดตามองหานายสุภาพทันทีที่เข้ามาในออฟฟิศได้ เมื่อไม่เห็นนั่งทำงานอยู่โต๊ะ พอ ๆ กับพนักงานอีกหลาย ๆ คน จึงก้มดูนาฬิกาข้อมือพบว่าใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว ตั้งใจจะถามหาเขาจากคนในแผนกที่มีนั่งอยู่บ้าง แต่เปลี่ยนใจเข้าห้องทำงานตัวเอง ลลิตายิ้มเจื่อน ๆ ให้เจ้านายสาวแต่ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะเห็นหน้าเครียด ๆ

“ตาจ้ะ ขอน้ำเย็น ๆ ให้เนยแก้วนะ” เมื่อมองไม่เห็นใครที่ไหนแล้ว จึงคิดจะเค้นเอาความลับจากคนใกล้ตัว เผื่อจะได้อะไรมาบ้าง ลลิตาเดินประคองแก้วน้ำอย่างสงบเสงี่ยมที่สุดเพราะไม่อยากกวนเจ้านายที่นั่งทำหน้าอย่างคนมีเรื่องหนักให้ต้องครุ่นคิด

“ตารีบกลับบ้านมั้ย เนยอยากคุยอะไรด้วยหน่อย นั่งก่อนสิ” ผู้เป็นเลขาฯ รู้ได้ทันทีว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ แต่ก็จำต้องนั่งลงตามคำสั่งแม้ในใจจะอดหวาด ๆ ไม่ได้ก็ตาม

“คุณเนยมีอะไรคะ ดูเครียดจังเลย ตากลัวแล้วนะคะ” เห็นหน้าคนพูดก็พลอยทำให้เจ้านายสาวได้สติขึ้นมาบ้าง จึงยิ้มออกมาเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น

“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่จะถามว่าพักนี้หัวใจเป็นสีชมพูเหรอจ้ะ เห็นคนแถวนี้เม้าส์กันว่ามีคนคอยส่งข้าวส่งน้ำให้เลขาแสนสวยของเนยอยู่ เลยอยากจะถามว่าตกลงข่าวจริงหรือเท็จเท่านั้นเอง” แม้อยากจะเค้นเอาความจริงมากแค่ไหน แต่ก็จำต้องหาวิธีมาล่อให้เลขาฯ ค่อย ๆ บอกออกมาทีละนิด ๆ เท่านั้น เพราะไม่อยากใช้ไม้แข็ง

“โธ่! คุณเนยก็ ตาคิดว่าเรื่องอะไรซะอีก ทำเอาตกอกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ” ยิ้มเอียงอายส่งให้เจ้านายก่อนจะตอบเจ้านายที่ละข้อ ๆ พร้อมแก้มแดงระเรื่อ

“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะที่เล่าให้เนยฟัง มืดแล้วกลับบ้านกันดีกว่า”

พิมมาดาค่อนข้างจะผิดหวังที่เลขาฯ ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยอื่นนอกจากที่เธอรู้แล้วเท่านั้น เผลอ ๆ อาจจะรู้น้อยกว่าด้วยซ้ำ แต่ที่น่าตั้งข้อสังเกตเห็นจะเป็นการที่นายสุภาพคอยมาช่วยงานลลิตาอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะช่วยพิมพ์หรือช่วยถ่ายเอกสาร ซึ่งหญิงสาวคิดว่าถ้านายสุภาพคนนี้เป็นสายให้กับคู่แข่งจริง ๆ ข้อมูลที่รั่วไหลออกไปได้ก็น่าจะมาจากเรื่องแบบนี้นี่เอง



“ทำไมกลับซะค่ำมืดเชียวยะแม่เนย ไปร่อนที่ไหนมาอีกล่ะ จนฉันต้องหิ้วท้องรอแบบนี้” รู้ดีว่าผู้เป็นแม่เลี้ยงยังไม่หิวเองต่างหากถึงไม่ยอมกิน เพราะอีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาอาหารเย็น

“เนยมัวทำงานอยู่ค่ะคุณแม่” แม้จะเลี่ยงการทำให้คนถามอารมณ์เสียสักแค่ไหน แต่ก็เหมือนเอาเชื้อโยนลงไปในกองไฟ สำหรับคนคอยตั้งหน้าตั้งตาจะหาเรื่องอยู่ดี

“อ๋อ! นี่หล่อนหาว่าฉันไม่ทำการทำงานใช่มั้ยยะกล้าดียังไงถึงมายอกย้อนฉันแบบนี้ ยังไง ๆ ฉันเป็นเหมือนแม่แกนะ เลี้ยงมาตั้งแต่แม่แกตายไปโน่น หัดสำนึกบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่ราดหัวมาบ้างนะยะ”

“เนยไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะคุณแม่ เนยแค่บอกตามความจริง”

“อย่ามาทำเป็นแก้ตัวหน่อยเลย หล่อนจะตอบฉันยังไงก็ได้นี่ ฝนตก รถติด หรือมัวแต่ไปเร่อยู่กับเพื่อนลูกเจ๊กของหล่อนก็ได้ ทำไมต้องเอาเรื่องงานมาอ้างด้วย อย่าคิดว่าตัวเองเก่งซะเต็มประดานะ ถ้าลูกฉันกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะไล่หล่อนให้ไปเป็นยามทันที เพราะสมองอย่างหล่อนมันเหมาะกับงานนั้นมากกว่างานที่หล่อนทำอยู่แบบนี้ซะอีก” เมื่อความเหลืออดบวกกับความเหนื่อยอ่อนประดังเข้ามา จึงอดต่อปากต่อคำด้วยไม่ได้

“คุณแม่คะ เนยไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเก่งอะไรนักหนาหรอกค่ะ ที่ยอมทน ๆ ทำอยู่ทุกวันก็เพื่อรอให้ตาจักรมาเท่านั้นล่ะค่ะ ถึงเวลาเนยจะโอนทุกอย่างให้น้องทันที เนยตัวคนเดียว จะไปอยู่ที่ไหนก็ได้”

“นี่หล่อนกล้ามาเถียงฉันเหรอยะ ปากกล้าขาแข็งแล้วนี่ ฉันจะบอกให้นะ ถ้าหล่อนไม่อยากทนทำงานอยู่แบบนี้หล่อนก็ไปบอกพ่อหล่อนสิยะ แล้วหล่อนจะไสหัวไปไหนก็เชิญ ฉันมีเงินจ้างนักการตลาดเก่ง ๆ ดี ๆ กว่าหล่อนได้เป็นโหล อย่าได้ริมาคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญหน่อยเลย” เชื้อชุดสองถูกโยนเข้าไปอีกแล้ว

“เนยทราบว่าคุณแม่ทำได้ค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่มีอะไรแล้วเนยขอตัวก่อนนะคะ เนยเหนื่อยค่ะ”

รู้สึกผิดจริง ๆ ที่ระงับอารมณ์ไม่อยู่จนเผลอไปต่อปากต่อคำด้วย จึงรีบหยุดไว้แค่นั้น เพราะอีกไม่นานแม่เลี้ยงก็ต้องขุดเอาวิญญาณแม่ผู้จากไปนานแล้วขึ้นมาด่าทออีกเป็นแน่

“ทำงานมันก็ต้องเหนื่อยสิยะ หรือหล่อนอยากจะสบายเหมือนแม่ขี้โรคของหล่อนล่ะ ที่เอาแต่นั่งกินนอนกิน เงินกี่กระบุงก็หมดไปกับค่ายาหมด ดีเท่าไหนแล้วที่แม่หล่อนชิงตายไปก่อน ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องมาเป็นคนทำงานงก ๆ หาเงินมาเลี้ยงหล่อนกับแม่ไปจนวันตายแน่ ๆ” เท้าที่ก้าวขึ้นบันไดไปได้ไม่กี่ขั้นถึงกับหยุดชะงัก แต่ก็ก้าวขึ้นขั้นต่อไปโดยไม่ได้หันมามองผู้เป็นแม่เลี้ยงอีกเลย

“นังหนังหนา ด่าเท่าไหร่ก็ไม่เจ็บ หน้าแกมันคงหนายิ่งกว่ากระเบื้องตราช้างสินะ ถึงได้ด้านได้ทนอยู่บ้านนี้ได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยากจะนับญาติด้วยเลย”

เสียงด่าทอยังคงดังไปถึงหน้าประตูห้องที่กำลังเปิดอ้ารับร่างบางพร้อมน้ำตาไหลพรากออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจกับชะตาชีวิตตัวเองที่ต้องพบกับสภาพแบบนี้ อยากเก็บเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากขุมนรกนี้เหลือกำลัง แต่ด้วยความกตัญญูต่อพ่อผู้ไม่แม้แต่จะหลงเหลือความรักไว้ให้เลยด้วยซ้ำในความรู้สึกของคนเป็นลูก ก็ไม่อาจทำได้อยู่ดี

กว่าครึ่งชั่วโมงที่น้ำตาไหลรินออกมาเป็นเครื่องระบายให้คลายความทุกข์ใจลงได้บ้าง จึงลุกขึ้นไปอาบน้ำด้วยความอ่อนแรง กลับออกมาตั้งใจจะลองหาข้อมูลของผู้ต้องสงสัยที่ทำให้เหนื่อยมาทั้งบ่าย แต่ก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาในทันที คิดขึ้นได้ว่าตัวเองตะลอน ๆ ตากแดดมานั่นเอง

“คุณเนย มากินข้าวก่อนนะคะ” ค้อผู้เห็นเหตุการณ์ภายในบ้านรู้ดีว่าเจ้านายสาวคงจะหิวจึงรีบจัดอาหารมาให้หลังจากสไบแพรขึ้นห้องแล้ว

“ขอบคุณค่ะป้า ดีเหมือนกันค่ะ กินข้าวเสร็จจะได้กินยาด้วยเลย” ยาสองเม็ดในมือวางลงกับถาดอาหาร

“คุณเนยไม่สบายเหรอคะ แล้วเป็นอะไรมากมั้ยคะ” ค้อห่วงใยเธอเสมอ ๆ จึงได้รับยิ้มบาง ๆ ตอบแทนจากดวงหน้าขาว

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะป้า แค่ปวดหัวนิดหน่อยแต่กินยาไว้ก่อนจะดีกว่า เผื่อลุกไม่ไหวงานยิ่งเยอะ ๆ อยู่ด้วยพักนี้ เนยกินเสร็จแล้วจะรีบเข้านอนเลย เก็บแรงไว้ทำงานพรุ่งนี้ค่ะ” ยิ้มด้วยความปลาบปลื้มใจจากผู้อาวุโส

“ดีแล้วค่ะคุณเนยที่รู้จักดูแลตัวเอง กินข้าวเถอะค่ะ ป้าจะนั่งรอเอาลงไปเก็บให้”



“อาหารฝีมือป้าไม่อร่อยเหรอคะ คุณแพทถึงกินได้น้อยจังเย็นนี้ ไม่เห็นเหมือนใครบางคนเลย กินได้ไม่เลือก”

เอี้ยงเอ่ยถามเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มรวบช้อนทั้ง ๆ ที่ตักข้าวเข้าปากได้ไม่กี่คำ ผิดกับสามารถหมดไปหนึ่งจานแล้ว และจานสองกำลังจะตามมา เขาได้แต่ยิ้มรับคำเย้าแหย่ของป้าเอี้ยงก่อนจะตักอาหารเข้าปากอีก ส่วนสหภาพไม่ได้พูดอะไรจึงลุกจากเก้าอี้ไปนั่งอยู่ระเบียงริมน้ำเพื่อรอให้สามารถอิ่ม จะได้คุยเรื่องงานต่อ แต่ก็อดโกรธตัวเองไม่ได้ที่ชะล่าใจมองข้ามแม่สาวเย่อหยิ่งไป จนสงสัยถึงขนาดบุกมาหาข้อมูลถึงบ้าน ไหนจะเรียกเลขาฯ ไปสอบถามเมื่อเย็นอีก ถึงแม้เจ้าหล่อนจะไม่ได้อะไรไปมากนัก แต่คงจะต้องถูกเพ่งเล็งเป็นแน่ ต่อไปจะขยับทำอะไรคงมีคนคอยจับตามองแทบจะทุกฝีก้าวเลยทีเดียว

‘แกสอนลูกได้เก่งดีนี่ แต่ขอโทษนะ ที่ยังเก่งไม่ได้เศษเสี้ยวของฉันหรอก’ ในใจยังไม่วายจะดูถูกศัตรู

“โอย! อิ่มมาก” สามารถเดินมานั่งลูบพุงไปมาอยู่กับเก้าอี้อีกตัวตรงข้ามกับเจ้านาย สักพักทั้งสองก็ให้ความสนใจกับกองเอกสารตรงหน้าจนดึกดื่นเช่นเคย เอี้ยงที่เฝ้ารอโอกาสงาม ๆ จะถาเจ้านายหนุ่มหาวแล้วหาวอีกจนทนไม่ไหวหนีเข้าไปนอนก่อน

“คุณแพทจะทำยังไงต่อไปครับ” คำถามประจำวันมีขึ้นเมื่องานต่าง ๆ จบสิ้นลง

“เรื่องอะไรล่ะ” สองมือประสานกันไว้กับท้ายทอยเพื่อคลายความเมื่อยล้า ก่อนจะรับเบียร์เย็น ๆ จากมือสามารถที่ลุกไปเอามาเสิร์ฟให้ถึงที่

“ทุกเรื่องครับ แล้วเรื่อง เอ่อ”

“แม่นั่นน่ะเหรอ” ความเงียบของลูกน้องเขารู้ดีว่ากำลังกังวลไม่น้อย

“เอาไว้ให้ฉันนอนคิดคืนนี้ก่อนแล้วกันว่าจะทำยังไง เก่ง ๆ แบบนี้ดีฉันชอบ เดี๋ยวจะได้เจอคนเก่งกว่าเข้าบ้าง”

“ผมว่าแค่นี้ทางโน้นก็เสียสูญไปมากแล้วนะครับ ตอนนี้นายจักรภพกลุ้มใจจนอยู่ไม่ติดบ้านเลย เที่ยวไปนอนกกบ้านนั้นบ้านนี้ทั่ว” เพราะเขาสั่งให้จับตาดูทุกคนในครอบครัวมังกรทอง แม้แต่ลูก ๆ ของศัตรูที่เรียนอยู่เมืองนอกก็ไม่มีลอดพ้นสายตาเขาไปได้

“แต่มันยังไม่มากพอ ฉันอยากให้มันทรมานมากกว่านี้ เจ็บมากกว่านี้ ก่อนมันจะไม่เหลือสมบัติที่มันปล้นมาจากพ่อฉัน ดึกแล้วกลับบ้านเถอะ พรุ่งนี้เช้าเจอกัน”

สามารถรู้ดีว่าตัวเองล้ำเส้นที่เจ้านายขีดเอาไว้ด้วยการตักเตือนกลาย ๆ จึงเดินออกจากบ้านเงียบ ๆ ทิ้งให้เจ้านายนั่งคิดแผนสำหรับรับมือกับศัตรูอยู่นานนับชั่วโมงกว่าจะพาตัวเองเข้านอน



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ส.ค. 2556, 08:11:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ส.ค. 2556, 08:11:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1411





<< ศัตรูถูกบุกถึงถิ่น   พลาดท่่าให้ซาตาน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account