ซาตานจำแลง

‘สหภาพ’ ชายหนุ่มผู้มี ‘ไฟแค้น’ที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจมานานนับสิบปีเพื่อรอคอยโอกาสเหมาะสมกับการกลับมาเอาคืนจากคนที่ทำร้ายเขาและครอบครัวเมื่อวัยเด็ก แต่แล้ว ‘ไฟแค้น’ ก็กลับกลายเป็นดาบสองคมทิ่มแทงให้เขาต้องเจ็บช้ำ เมื่อต้องมาพบกับ





‘พิมมาดา’ ผู้เปรียบเสมือนสายน้ำ ที่อาจจะมาราดรดให้ ‘ไฟแค้น’ ในใจเขามอดดับลงไปได้ หรือไม่น้ำอันฉ่ำเย็นอาจจะแปรเปลี่ยนเป็นน้ำเดือดขึ้นมาแทนเมื่อถูกต้มครั้งแล้วครั้งเล่า

เขาจะต้องเจ็บช้ำเพราะความ ‘ทรนง’ และ ‘ไฟแค้น’ ที่สุมอกหรือไม่ แล้วสายน้ำอย่างเธอจะช่วยเขาไว้ได้บ้างไหม ชีวิตในบั้นปลายของคนทั้งคู่จะพานพบความสุขหรือความสูญเสีย ‘ซาตานจำแลง’ มีคำตอบรอให้คุณค้นหาแล้ว
Tags: พระเอกโหดมากกกกกกกกก นางเอกน่าสงสารมากกกกกกกกก

ตอน: พลาดท่่าให้ซาตาน

ร่างเล็ก ๆ ที่นอนกองอยู่กับเตียงมาตั้งแต่บ่ายค่อย ๆ ขยับทีละน้อย ๆ ดวงตาปิดสนิทค่อย ๆ ลืมขึ้นช้า ๆ แต่ก็ต้องรีบปิดลงอีกเมื่อแสงในห้องสว่างจ้าจนแสบตา สักพักจึงลืมขึ้นใหม่และมองสำรวจสิ่งรอบตัวช้า ๆ แล้วดันตัวให้ลุกขึ้นนั่งแต่ก็ปวดหัวหนึบ ๆ จนต้องล้มลงนอนใหม่ อาการอ่อนเพลียและปวดเมื่อยตามร่างกายเกิดขึ้นเรื่อย ๆ

พิมมาดาพยายามนอนคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองอยู่เป็นนานกว่าจะจำเรื่องราวได้ว่าครั้งสุดท้ายอยู่ที่ไหน ทำอะไร และกับใคร อาการปวดศีรษะและปวดเมื่อยหายแทบจะปลิดทิ้ง พร้อมรีบลุกขึ้นสำรวจร่างกายเป็นสิ่งแรก เมื่อพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติจึงเริ่มกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพราะอยากรู้ว่าอยู่ที่ไหน ใครพามาไว้ที่นี่ แต่ก็ไม่เห็นอะไรนอกจากห้องห้องนอน พื้นและผนังเป็นไม้เนื้อดี

ข้าวของในห้องไม่มีอะไรมาก นอกจากตู้เครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า ถัดมามีตู้โชว์ที่มีเครื่องเสียงและโทรทัศน์ ติดกับประตูมีโต๊ะไม้เนื้อดีที่ว่างเปล่า และมีประตูอีกสามบานเปิดไปดูหนึ่งคือห้องน้ำ อีกสองเปิดไม่ออก หน้าต่างและมีลูกกรงเหล็กกั้นเอาไว้อีกที หญิงสาวค่อย ๆ สอดมือไปถอดสลักแล้วเปิดออกทั้งสองบาน ภายนอกไม่มีอะไรนอกจากความมืดและเสียงซ่า ๆ ดังมาแต่ไกล พยายามฟังว่าเป็นเสียงอะไรก็เดาได้ว่าน่าจะเป็นเสียงคลื่น

‘นายสุภาพ’

ชื่อนี้เท่านั้นที่คิดได้ เพราะคือสาเหตุให้ต้องมาอยู่ในห้องนี้ อาการหวาดกลัวเริ่มแล่นเข้ามาในความรู้สึก เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรต่อไป นาฬิกาบนผนังบอกว่าเที่ยงคืนแล้ว ความกังวลถึงคนรอบข้างเริ่มก่อตัวขึ้น หมุนหามือถือที่เคยใช้เป็นประจำด้วยความเคยชิน แต่ไม่พบอะไรรอบตัวเลย ทำท่าครุ่นคิดสักครู่จึงรู้ว่าตัวเองไม่ได้เอาอะไรออกมาจากรถที่ให้ลลิตาขับมาให้เลย

‘ลลิตา’

คาดหวังอย่างยิ่งว่าเลขาฯ จะต้องรู้ถึงการหายตัวไปของตัวเองและยังคาดหวังไว้ด้วยว่า ป่านนี้คนที่บ้านคงจะวุ่นวายตามหาให้ขวัก และยังฝันสูงไปอีกว่าเลขาฯ คงจำทะเบียนรถที่ขับพาเธอออกจากปั้มน้ำมันได้ด้วย เพราะมันคงจะง่ายสำหรับตำรวจที่จะตามหาหากพ่อไปแจ้งความไว้

‘แล้วถ้าไม่เป็นอย่างที่เธอคิดล่ะเนย จะทำยังไง ที่นี่อยู่ส่วนไหนของประเทศไทยกัน แล้วใครจับเธอมาไว้ แล้วพวกเขาทำแบบนี้ทำไม หรือจะเป็นการเรียกค่าไถ่’

แต่ก็มีอีกสารพัดเรื่องที่เธอสรรหามาขบคิดทำให้ตัวเองหวั่นวิตกยิ่งขึ้นไปอีก ร่างบางโผเข้าไปหาหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้อีกครั้ง พยายามเขย่ากรงเหล็กสุดแรงเกิด แต่ไม่มีวี่แววว่ามันจะขยับเขยื้อนไปไหน สายตาเพ่งมองไปยังความมืดมิดนอกหน้าต่าง เพื่อหาหนทางจะพาตัวเองออกไปจากที่นี่ แต่ดูเหมือนจะจนตรอกแล้ว

หันซ้ายหันขวาอยู่อย่างนั้น ด้วยไม่รู้จะทำยังไงให้ตัวเองหลุดไปจากที่คุมขังบ้า ๆ นี้ ประตูสองบานถูกสำรวจอีกครั้ง มือสองข้างจับลูกบิดหมุนไปมากึก ๆ อยู่อย่างนั้น รู้ทั้งรู้ว่าถูกล็อคจากด้านนอก แต่ก็ขอให้ได้ทำอะไรบ้าง ประตูนี้เปิดไม่ได้ก็เดินไปหาอีกประตูและทำแบบเดียวกันนี้ แต่ก็พบกับผลแบบเดิมเช่นเคย ห้องน้ำถูกสำรวจอีกครั้งแต่ก็ไร้ซึ่งประโยชน์

เมื่อวนไปวนมาจนทั่วห้องนับสิบ ๆ รอบ รู้ว่าไม่มีทางจะช่วยตัวเองให้รอดพ้นได้ จึงกลับมาทรุดตัวลงนั่งกับเตียงอย่างอ่อนแรง เข่าสองข้างยกขึ้นมากอดพร้อมคางมนเกยลงไปอย่างคนสิ้นหวัง พยายามทบทวนอะไรต่อมิอะไรอีกสารพัด แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็คือการคาดหวังว่าจะมีคนมาช่วยในวันรุ่งขึ้น ก่อนตัวเองจะถูกทำร้ายหรือทำให้เสียหายจนสายเกินแก้นั่นเอง ตีสามคือเวลาที่หญิงสาวล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย



ไม่แพ้ค้อผู้นั่งคอยคุณหนูอยู่ห้องรับแขก แม้ตาอยากจะหลับแต่ก็พยายามถ่างออกให้กว้าง ๆ ไว้ เพราะความห่วงว่าทำไมคนที่เฝ้ารอจึงไม่เข้าบ้านสักที โทรศัพท์ไปหาก็ไม่รับสาย ถ้าไม่ติดที่เคยเห็นทำงานเพลินแล้วกลับดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้มาก่อน ค้อจะต้องขึ้นไปปลุกคุณผู้หญิงของบ้านให้ออกตามหาเป็นแน่ แล้วความอ่อนเพลียก็เรียกร้องให้ร่างตุ๊ต๊ะหลับไปกับโซฟาอยู่กระทั่งตีห้า จึงสะดุ้งตื่น เมื่อเด็กในบ้านเดินเข้ามาปลุก

“คุณเนยกลับมาหรือยังเจี๊ยบ” คนถูกถามงงอยู่พัก

“ไม่รู้จ้ะป้า คุณเนยยังไม่กลับบ้านเหรอ” เท่านั้นล่ะค้อรีบลุกขึ้นเดินตรงไปหาบันไดทันที แต่ก็คิดขึ้นได้ว่าจะต้องเตรียมอาหารให้เจ้านายก่อนจึงหันไปหาเด็ก

“วันนี้ฉันจะทำข้าวต้มปลาให้คุณ ๆ กิน เจี๊ยบไปเตรียมของรอนะ” จบคำก็ตรงขึ้นไปยังห้องคนที่เฝ้าห่วงใยมาทั้งคืน พบแต่เตียงอันว่างเปล่า ในห้องน้ำก็ไม่มีใคร ออกมาชะโงกหน้าต่างมองไปยังโรงรถก็ไม่เห็น

“คุณเนยไปไหนกันนะ ทำไมไม่โทรมาบอกเลย ป้าเป็นห่วงจะแย่แล้ว” มองไปยังห้องคุณผู้หญิงก็ยังไม่ตื่น ไม่รู้จะทำยังไงดี ค้อจึงจำใจต้องลงไปครัวทำหน้าที่ตามปกและเฝ้ารอเวลาอันเหมาะสมที่จะปรึกษาคนในบ้าน

“อ้าว! แม่ค้อไม่รู้แล้วฉันจะรู้ด้วยมั้ยล่ะ ทำยังกับว่าคุณหนูของแม่ค้อเคยบอกฉันอย่างนั้นล่ะว่าจะไปไหนมาไหน ฉันคิดว่าแม่ค้อเป็นแม่มันซะอีก แล้วนี่หายหัวไปไหนทั้งคืน หรือจะไปเที่ยวแรด ๆ กับนังเพื่อนลูกเจ๊กจนลืมกลับบ้านกลับช่องแล้ว อะไร้เป็นผู้หญิงริหัดเที่ยวจนสว่างคาตา อีกหน่อยก็คงจะป่องจนหาพ่อไม่ได้หรอก งามหน้ากันล่ะทีนี้ คอยดูนะกลับมาแม่จะเล่นให้หนัก ๆ เลย” ค้อสู้อุตส่าห์สะกดกลั้นความอยากรู้เอาไว้รอถามคุณผู้หญิงจนถึงเวลาอาหารเช้า แต่ก็ได้รับคำตอบอันไม่สร้างสรรเอาเสียเลย

“คุณเนยไม่เคยไปเที่ยวไหนค่ะคุณผู้หญิง โดยเฉพาะเวลากลางคืน ยิ่งไปค้างยิ่งไม่มีทางใหญ่เลยค่ะ หรือว่าจะทำงานจนหลับอยู่ออฟฟิศ แต่อีฉันโทรเข้ามือถือเป็นสิบ ๆ รอบก็ไม่มีคนรับนะคะ”

“โอ๊ย! นี่แม่ค้อจะเดาอยู่อย่างนี้อีกนานมั้ย ฉันหิวนะและต้องรีบไปทำงานด้วย ไม่มีเวลามานั่งลอยหน้าคอยคนที่ไปเร่เที่ยวจนลืมบ้านแบบนี้หรอก พ่อมันก็ไม่กลับลูกมันเลยเอาอย่างบ้างไง ไม่ต้องมายืนชะโงกหน้าแบบนี้ ไปตั้งโต๊ะให้ฉันได้แล้ว ”

นอกจากจะไม่ใส่ใจกับการหายไปของลูกเลี้ยงแล้ว ยังไม่คิดจะโทรไปบอกจักรภพที่ไม่ได้กลับมานอนบ้านตั้งแต่เมื่อคืนด้วยเช่นกัน



กาแฟหอมกรุ่นสองแก้วพร้อมครัวร์ซองเนย ถูกยกมาวางไว้บนโต๊ะเหมือนทุกเช้า แต่สีหน้าเจ้าของโต๊ะกลับไม่ได้ยิ้มเป็นการขอบคุณให้เขาเช่นเคย เพราะมัวแต่กังวลใจ เมื่อไม่เห็นเจ้านายสาวมาเอากระเป๋ากับกุญแจรถที่ยังคงวางอยู่บนโต๊ะ ไหนจะจนป่านนี้แล้วยังไม่เข้าออฟฟิศอีก ทั้ง ๆ ที่ควรจะมาได้แล้ว

“คุณเนยยังไม่มาทำงานเลยค่ะคุณแพท ปกติน่าจะมาถึงนานแล้วนะคะ ตาห่วงจังเลยค่ะ”

“คงไม่มีอะไรหรอกมั้งครับ อีกหน่อยคุณเนยคงจะมาเอง คนเริ่มเข้าออฟฟิศแล้ว งั้นผมกลับโต๊ะก่อนดีกว่า”

ไม่อยากอยู่นานไปกว่านี้ เพราะเบื่อต้องคอยแก้ต่างให้สถานการณ์ดีขึ้น ด้วยคิดว่าวันนี้คงจะมีคนเอะใจและออกตามหาสาวเย่อหยิ่งแล้วเป็นแน่ แต่หารู้ไม่ว่า

“นี่! แม่ลลิตาอย่าห่วงเจ้านายจนมันโอเวอร์ไปหน่อยเลย เธอไม่ใช่แม่เขานะ ให้ฉันคิดดูก่อนว่าลูกฉันจะค้างบ้านเพื่อนคนไหนหรือเปล่า หมดธุระแล้วกลับไปทำงานได้ มีอะไรฉันจะเรียกอีกที” นอกจากจะไม่สนใจตามหาแล้วสไบแพรยังไม่อินังขังขอบด้วยซ้ำ เมื่อลลิตาเข้ามาถามไถ่ หลังจากลลิตาได้โทรไปถามค้อแล้วจึงรู้ว่าเจ้านายไม่กลับบ้าน

“ค่ะท่านรองประธาน” ไหว้อย่างนอบน้อมแล้วเดินคอตกออกมา สหภาพคอยลอบมองตามด้วยความอยากรู้ เพราะเดาได้ว่าลลิตาเข้าไปพบสไบแพรด้วยเรื่องอะไร เมื่อเห็นทุกอย่างปกติจึงหันหน้ากลับไปหางานด้วยอาการสงบ ถึงใจจะหวาด ๆ อยู่บ้างว่าอาจจะมีคนตามรอยเจอ แต่เขาก็มั่นใจไม่น้อยว่าทำทุกอย่างรัดกุมดีแล้ว จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรตามมาเร็วขนาดนี้

ส่วนสไบแพรเมื่อลลิตาคล้อยหลังก็ตัดสินใจกดโทรศัพท์ไปหาสามีทันที แม้เพียงแค่ฟังคำไม่ได้สรรพจากการบอกเล่าของลลิตาเมื่อสักครู่เท่านั้น แม่เลี้ยงใจร้ายก็รีบตีไข่ใส่สีเข้าไปอีกให้เป็นเรื่องใหญ่และร้ายแรงกว่าเดิมอีก หลังจากไตร่ตรองดูแล้วว่าเป็นเรื่องค่อนข้างผิดปกติที่พิมมาดาจะหายไปโดยไม่บอกใครแบบนี้ เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ด้วยหัวใจที่ไม่เคยรักหรือมองลูกเลี้ยงในแง่ดี จึงไม่ใคร่อยากให้สามีคิดไปในทางอื่นนอกจากใส่ไฟให้เห็นว่าลูกสาวทำตัวใช้ไม่ได้เท่านั้น

“นี่คุณอยู่ไหนคะ รู้มั้ยว่าแม่ลูกสาวคุณทำตัวเหลวไหลใหญ่แล้วนะ ไปเที่ยวนอนค้างอ้างแรมกับผู้ชายไม่ยอมกลับบ้าน แถมวันนี้ยังไม่โผ่หัวมาทำงานอีกด้วย” จักรภพสงสัยไม่น้อยจึงรีบเข้ามาออฟฟิศในชั่วโมงถัดมา แม้คำคนเป็นเมียจะบอกไปในทางไม่ดีสักแค่ไหน แต่เขาก็พอจะรู้จักลูกสาวอยู่บ้างว่าไม่เคยทำตัวแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้งเดียว ถึงไม่ค่อยจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินมา พาลคิดไปในทางไม่ดีอีก

“ยายเนยไม่เคยเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ จะแจ้งความดีมั้ยคุณ”

“คุณจะบ้าเหรอ! คนหายยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย ตำรวจไม่รับแจ้งหรอก เรื่องแค่นี้ทำเป็นโง่ไปได้ แล้วขอร้องได้มั้ยว่าอย่ามาทำท่าร้อนรนใส่ฉันขนาดนี้ ฉันไม่ชอบ ทำเป็นรักลูกซะเหลือเกิ้น ทีทุกวันไม่เห็นสนใจ” อดหมั่นไส้ไม่ได้กับท่าทีสามี

“อ้าว! ถ้าเกิดมีอะไรร้าย ๆ กับยายเนยล่ะ ป่านนี้ไม่กลายเป็นศพไปแล้วเหรอ”

“ฉันก็บอกแล้วว่าแม่เนยขึ้นรถไปกับเพื่อนผู้ชาย ตั้งแต่เมื่อวาน ปล่อยให้แม่เลขาฯ ขับรถกลับมาก่อน คุณก็ไม่คิดจะฟังเลย หรือว่าคำพูดฉันไม่มีความหมายแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็เรียกแม่ลลิตามาถามเลยสิ เห็นท่าทางแล้วรำคาญ” เขาไม่รอช้ารีบทำตามทันที

“ใช่ค่ะท่านประธาน คุณเนยบอกตาว่าจะกลับมาเอง แล้วให้ตาขับรถกลับมาก่อนเลย ตาเห็นคุณเนยเดินไปกับเพื่อนผู้ชายแล้วขึ้นรถไปด้วยกันค่ะ” ลลิตายืนยันอีกครั้งเมื่อจักรภพเรียกมาถามให้รู้ความมากกว่าจะฟังคำเมียเพียงฝ่ายเดียว

“แน่ใจเหรอลลิตาว่าคุณเนยไปกับนายนั่นดี ๆ ไม่ได้ถูกบังคับ” คนถูกถามนิ่งคิดทบทวนภาพที่เห็นเมื่อวานก่อนตอบ

“ไม่นะคะท่านประธาน คุณเนยเดินนำผู้ชายคนนั้นไปเฉย ๆ คุณเนยยังบอกตาว่าให้กลับก่อนเลย เสร็จธุระแล้วจะให้เพื่อนไปส่งเองค่ะ”

“ผู้ชายคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง แต่งตัวยังไง แล้วรู้จักคุณเนยตั้งแต่เมื่อไหร่เธอรู้หรือเปล่า” พ่อก็ย่อมห่วงลูกเป็นธรรมดา แม้จะไม่ค่อยได้ใส่ใจแต่เมื่อเกิดเรื่องก็ไม่อาจปล่อยวางได้ ลลิตานั่งคิดก่อนตอบเช่นเคย

“ตาเห็นหน้าไม่ชัดนะคะ เห็นแต่ด้านข้าง ดูจากการแต่งตัวก็ดีนะคะ ท่าทางภูมิฐาน ขับรถใหญ่ ๆ และราคาก็แพงด้วย ป้ายแดงอีกต่างหากค่ะ พอผู้ชายคนนั้นเดินมาหา คุณเนยก็เดินไปขึ้นรถเลยค่ะ ไม่ได้คุยอะไรกัน”

“เธอกำลังจะบอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรกับคุณเนยเหรอ” จักรภพให้สงสัยในคำพูดลลิตา

“เอ่อ! ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ คือตาก็บอกตามที่เห็นค่ะ จะว่าเป็นแฟนกันตาก็บอกยังไม่ได้ค่ะ รู้แต่ว่าคุณเนยตามผู้ชายคนนั้นไปโดยไม่ขัดขืนอะไรค่ะ”

“แล้วที่ผ่านมาเธอเคยเห็นคุณเนยติดต่อกับผู้ชายคนนี้หรือเปล่า หรือว่าเคยเห็นคุณเนยมีผู้ชายที่ไหนมาจีบบ้างหรือเปล่า”

“เอ่อ! เท่าที่คิดออกตาไม่เคยเห็นนะคะ แต่ถ้าโทรเข้ามือถือคุณเนยเองอันนี้ตาไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ”

“โอเค หมดเรื่องแล้วกลับไปทำงานได้” หันไปหาคนเป็นเมียด้วยความอ่อนใจเมื่อลลิตาออกไปแล้ว

“เชื่อฉันหรือยังล่ะ บอกแล้วว่าแม่เนยของคุณไม่ได้ดีเด่อะไรนักหนา งามหน้ามั้ยทีนี้ มีลูกสาวคนเดียวก็แรดตามผู้ชายไปนอนค้างอ้างแรมไม่กลับบ้านกลับช่อง”

สไบแพรที่ตอนแรกกลัวว่าการหายไปของลูกเลี้ยงจะเป็นการลักพาตัวมากกว่าจะไปโดยสมัครใจ แต่พอได้ยินคำบอกเล่าของลลิตาโดยละเอียดอีกครั้งแล้ว จึงไม่คิดเห็นเป็นอย่างอื่นนอกจากที่ได้บอกไปกับสามี ถึงแม้เรื่องอาจจะไม่ถึงขั้นนั้นแต่ก็ขอให้ได้พูดถากถางด้วยความเกลียดชังที่มีต่อลูกเลี้ยง ผู้เสมือนเป็นหนามมาคอยยอกอก และจะคอยแบ่งสมบัติไปจากลูก ๆ ตัวเองในอนาคต จึงได้โอกาสกันพิมมาดาออกไปก่อน จะได้ผลหรือไม่ก็ขอให้ได้ทำ

“ผมไม่คิดว่ายายเนยจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ เอาล่ะจบเรื่องยายเนยไว้แค่นี้ก่อน รอดูอีกวันสองวัน ถ้าไม่เห็นกลับมาหรือไม่ได้ข่าวอะไรค่อยว่ากันอีกที” เมื่อสรุปได้ดังนั้นจึงเดินไปหาประตู แต่สไบแพรรีบดักไว้ก่อน

“แล้วคุณจะไปไหนล่ะ อย่าบอกนะว่าจะไม่ทำงาน แม่เนยก็ไม่อยู่คุณยังจะไปเที่ยวอีก ฉันทำคนเดียวไม่ไหวหรอกนะงานพวกนี้ ช่วยทำมาตั้งแต่สาวจนจะแก่แล้วยังจะต้องมานั่งงมอีก” แม้ตั้งใจจะไปหาสำเริงสำราญตามความคาดเดาของเมีย แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าตัวเองจะต้องอยู่เป็นเสาหลักในระหว่างที่ลูกไม่อยู่จึงทำเป็นเฉไปเรื่องอื่น

“โธ่! ผมก็แค่จะไปหาอะไรกินก่อนค่อยกลับมาทำงาน หิวแทบแย่แล้ว จะไปด้วยมั้ย” คนถามไม่คิดจะรอแต่อย่างใด จบคำเขาก็ออกจากออฟฟิศไปทิ้งให้เมียมองตามด้วยความขัดเคือง

“เพราะแกคนเดียวเลยนะนังเนย ฉันจึงต้องมานั่งทำงานอยู่แบบนี้ คอยดูถ้าแกกลับมาฉันจะจัดการให้หนัก แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าโผ่หัวมาให้ฉันเห็นเลยจะดีกว่า จะไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกกับผู้ชายที่ไหนก็ไป ตาย ๆ ไปเลยยิ่งดีใหญ่” ความเกลียดชังยังคงไม่ห่างหายจากใจผู้เป็นแม่เลี้ยงแม้แต่วันเดียว ก่อนจะรีบหิ้วกระเป๋าเดินตามสามีที่ออกจากห้องไปแล้ว



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ส.ค. 2556, 09:48:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ส.ค. 2556, 09:48:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1479





<< คลำใกล้จะเจอตอแล้ว   นางฟ้าในมือซาตาน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account