สัญญารัก...ข้ามฟ้า (สนพ ดอกหญ้า 2000)
เอริน..ว่าที่มัคคุเทศก์คนใหม่วัย 25 ปี ที่โชคชะตานำพาให้พบกับใครบางคนที่แดนไกลในครั้งอดีต และต้องจากกันไป
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง
Tags: สัญญารัก...ข้ามฟ้า , รักโรแมนติก , ซึ้งกินใจ
ตอน: ตอนที่ 2 ในความทรงจำ
ในความทรงจำ
เอรินเดินบ่นกระปอดกระแปดออกมาจากบ้านครึ่งปูนครึ่งตึกสีขาวพร้อมกับกรณ์..ลูกชายตัวดีของพิมพาเจ้าของบ้าน หญิงสาวค่อนข้างจะเหนื่อยหน่ายไม่น้อยเมื่อรู้ว่าบริษัทสาขาของกรณ์ที่กรุงเทพยังตกแต่งไม่แล้วเสร็จดี ต้องใช้เวลาอีกร่วมสามอาทิตย์กว่าจะได้เริ่มงาน
“อุตส่าห์ได้บัตรมัคคุเทศก์มาทั้งสีส้มสีเหลือง กว่าจะได้ใช้อีกตั้งสามอาทิตย์แน่ะ...เฮ้อ เซ็งจิต” เอรินยังไม่วายบ่นระหว่างเดินกลับมายังบ้านของตนโดยมีกรณ์เดินเป็นเพื่อน
“เอาน่า..เอาน่า เดี๋ยวเธอได้ใช้แน่ ระหว่างนี้ไปจัดโปรแกรมทัวร์พลางๆก่อนก็แล้วกัน ฉันยกทะเลฝั่งอ่าวไทยทั้งหมดให้เธอไปศึกษาดู แล้วคิดโปรแกรมมาว่าฉันจะถูกใจมั๊ย..ดีมั๊ย”
กรณ์พูดเป็นการเป็นงานโดยเอรินก็พร้อมรับฟังแต่โดยดี หญิงสาวถึงกับยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง
“ดีๆ..ขอบใจนะยักษ์ที่ไว้ใจ” หญิงสาวยิ้มตาหยีใส่เพื่อนรัก กรณ์ได้แต่ดึงแก้มใสอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเดินตามกันมาถึงยังหน้าบ้านสวนโฮมสเตย์ของเอริน
“คนกันเองน่า ขอบจงขอบใจอะไรกัน เข้าบ้านเถอะ ฉันต้องไปแล้ว นัดคุยงานกับมัณฑนากรเย็นนี้” ชายหนุ่มเร่งให้เพื่อนรักเข้าบ้านไปโดยเอรินยอมทำตามแต่โดยดีแต่ไม่วายอิดออดส่งเสียงหวานตามหลัง
“อยากไปด้วยจังเลย..ยักษ์”
“ไม่ต้องเลยๆ ไปก็ยุ่งเธอน่ะ อีกอย่างมัณฑนากรคนนี้สาวสวยหมวยอึ๋มกว่าเธอเย๊อะ.. เรื่องไรฉันจะให้เธอไปขัดลาภล่ะ...ยัยดื้อ”
กรณ์ขยิบตาให้เพื่อนรักก่อนจากอย่างน่าหมั่นไส้ในสายตาเอรินเป็นที่สุดจนหญิงสาวได้แต่ยู่ปากพึมพำคนเดียว ชูกำปั้นให้เพื่อนรักอย่างฝากไว้ก่อน กรณ์ถึงกับยิ้มขำ
“คำก็ดื้อ สองคำก็มาร คราวนี้ว่าเราเป็นตัวขัดลาภอีกแล้ว..ชิ ยักษ์บ้า” เอรินค้อนลมค้อนแล้งไปเรื่อยก่อนจะนึกขึ้นได้เดินหันกลับไปยังทิศทางที่มาเมื่อครู่ไม่กลับเข้าไปในตัวบ้านอย่างที่กรณ์คิด
*********************************************
บ้านสีขาวสไตล์ยุโรปโบราณสองชั้นหลังใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขาไม่ไกลที่จะเดินไปถึง เอรินเดินเลียบริมทะเลไปเรื่อยๆ จนใกล้ถึงยังบริเวณรกร้างหน้าประตูบานเล็กของบ้านฝั่งริมทะเล หญิงสาวลูบคลำป้ายชื่อที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองจากหาดทรายที่พัดมาเกาะจนหนา และเถาวัลย์พันเกี่ยวเต็มทั่วบริเวณรั้ว ลามมาจนถึงปิดบังอำพรางภายในตัวบ้านแทบจะมองไม่เห็นจากด้านนอก
“บ้านอคิราห์..อคิราห์เหรอ ชื่อเพราะจัง ทำไมบ้านสวยๆรกร้างได้ถึงขนาดนี้นะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะถูกทุบทิ้ง ใครกันนะคนที่จะมาทำโรงแรมที่นี่ อย่าให้รู้เชียวแม่จะมาประท้วง ชิ ”
เอรินพึมพำอยู่คนเดียว ท่ามกลางความสงบเงียบวังเวงบริเวณนี้ซึ่งนักท่องเที่ยวบางตากว่าบริเวณอื่นของหาดนัก ทันทีที่จะเอื้อมมือเข้าไปเปิดประตู เอรินก็ถึงกับชะงักไปทันทีที่ได้ยินเสียงแว่วแผ่วเบาเข้ามาในความทรงจำราวกับภาพซ้อน หญิงสาวถึงกับกุมขมับทันที
“ยัยตัวเล็ก..ขาสั้นตามไม่ทันแล้ว..ฮะ..ฮะ”
“พี่ชาย..รอด้วย ขาเค้าไม่สั้นซักหน่อย ฮือ..ฮือ”
“โอ๋..โอ๋ ขาสั้นก็น่ารักน่า อย่าร้องเลยยัยตัวเล็ก”
“ตัวเล็กเด็กดี..ไม่ร้องก็ได้ มาให้ขี่คอซะดีๆ”
เสียงพูดคุยหยอกล้อของเด็กหญิงตัวน้อยและเด็กผู้ชายโตกว่าค่อยๆดังห่างออกไปเรื่อยๆ เอรินยกมือน้อยขึ้นมาปาดหางตาเรียวที่ชื้นไปด้วยน้ำใสอย่างงงงัน
“นี่มันอะไรกัน..เสียงแว่วนั้นคือใครกัน”
หญิงสาวเหลือบตามองตัวบ้านชั่วครู่ก่อนจะวิ่งผลุนผลันห่างไกลออกจากตัวบ้านไปอย่างขวัญเสีย จนชนเข้ากับใครบางคนโดยไม่ทันระวังตัว
“ดื้อ!! เกิดอะไรขึ้น” สีหน้าตื่นตระหนกของกรณ์ยามมองเห็นสีหน้าเพื่อนรักหน้าซีดเผือด ชายหนุ่มรู้สึกกระตุกวูบที่ใจจนต้องคว้าเอรินมากอดปลอบใจ
“ฉันกลัว..ยักษ์ เข้าใกล้บ้านหลังนั้นอยู่ดีๆก็เป็นอะไรไม่รู้” เอรินกอดรอบเอวเพื่อนรักไว้อย่างขวัญเสีย กรณ์ได้แต่ลูบศรีษะน้อยของเอรินอย่างห่วงใย ปลอบโยน
“ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรแล้ว กลับเถอะ ดีนะฉันนึกเป็นห่วงเลยมาตามดูน่ะยัยดื้อ..ไป ฉันจะไปส่งให้ถึงมือคุณลุงคุณป้าเลย..ป่ะ”
**********************************************
เที่ยวบิน TG 947 จากกรุงเอเธนส์ แล่นลงแตะรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่เช้าตรู่ ชานนท์นั่งมองผู้โดยสารทยอยลงจากเครื่องอย่างนิ่งเฉย กว่ายี่สิบปีที่จากไปกรุงเทพเปลี่ยนแปลงไปอย่างเหลือเชื่อเพียงแค่มองด้วยสายตาเปล่าจากหน้าต่างเครื่องบินก่อนจะแล่นลงจอด
“มาคนเดียวเหรอคะ” หญิงสาวชาวต่างชาติมองดูคล้ายจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่นั่งข้างกันมาตลอดการเดินทาง เอ่ยชวนคุยยังคงไม่ลุกออกไปเช่นกัน
“ครับ” ชานนท์ยิ้มให้อย่างสุภาพตอบเพียงคำสั้นๆอย่างเป็นมิตร หญิงสาวตรงหน้าถึงกับยิ้มกว้าง
“ต้องการเพื่อนร่วมเดินทางมั๊ยคะ”
หญิงสาวส่งสายตาหวานฉ่ำให้ชานนท์ที่ได้แต่ยิ้มอย่างนึกขันกับคำเชิญชวนอย่างเปิดเผยและพูดตรงของหญิงสาวที่ไม่เคยรู้จัก
“ไม่เป็นไรครับ ผมมีคนที่จะร่วมเดินทางไปด้วยกันแล้ว ถ้าเธอยอม ผมขอตัวก่อน ขอบคุณนะครับ”
ชานนท์เอ่ยปฏิเสธอย่างสุภาพก่อนจะค้อมศรีษะให้หญิงสาวไม่รู้จักแล้วเดินตัวปลิวออกไปจากเครื่อง หญิงต่างชาติแสนสวยได้แต่พึมพำอย่างเสียฟอร์ม
“มีแฟนแล้วเหรอเนี่ย เท่ห์จังสุขุมนุ่มลึกแบบนี้ได้มาควงซักวันคงดี โอ้ว..ก็อด คนสวยเครียด”
ทันทีที่ก้าวพ้นประตูฝั่งขาออกนอกประเทศ ชานนท์ก็พบมินตราและอธิปยืนรออยู่ไม่ไกล มินตราสีหน้าตื่นเต้นดีใจอย่างมากมาย ข้างกันมีอธิปยืนโบกมือให้ไหวๆ ชานนท์อมยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินเข้าไปหา
"พี่นนท์..ดีใจจังค่ะ พอดีคุณพ่อบอกพี่นนท์จะมาวันนี้มินก็เลย”
คำพูดเจื้อยแจ้วของคนเคยรักตรงหน้า ชานนท์ได้แต่มองอย่างเพลิน ฟังจากน้ำเสียงมีความสุขของมินตราแล้ว หัวใจของเขาก็เบิกบานขึ้นมาเช่นกัน
“มินก็เลยรบเร้าให้ผมพามารับพี่ถึงนี่เลยไง ทิ้งลูกไว้ให้คุณปู่คุณย่าดูแลโน่นแน่ะ” อธิปยื่นมือมาจับทักทายกับชานนท์อย่างเป็นกันเอง ทิ้งความหมองใจในอดีตให้กลายเป็นบทเรียน
“ขอบใจนะ มินดูอวบขึ้นนะ มีข่าวดีรึเปล่า” ชานนท์เอ่ยทักทายมินตราระหว่างที่เดินออกมาจากสนามบินโดยมีอธิปลากกระเป๋าให้ชานนท์รั้งท้าย
“แหงแหละ..ก็เรากำลังจะมีน้องให้อาร์มแล้วนี่พี่” อธิปเอ่ยลอยๆไล่หลังสองหนุ่มสาวที่เดินเคียงกันอยู่ข้างหน้า
“โอม!! ยังไม่รู้ใช่รึเปล่าเลย อย่ามั่นใจให้เว่อร์นักได้มั๊ย” มินตราหันมาทำตาเขียวดุใส่สามีในโอวาส จนอธิปถึงกับเงียบเสียงหน้าบูดนิดๆ แต่ไม่จริงจังอะไรนัก
“ฉันว่านายเตรียมตัวเป็นคุณพ่อได้เลย คราวนี้ต้องดูแลเองแล้วนะ ฉันไม่อยู่ช่วยพวกนายแล้ว ฉันจะไปตามหายัยตัวยุ่งจอมป่วนของฉันก่อน” ชานนท์เอ่ยกลั้วหัวเราะอย่างนึกขำตัวเองไม่น้อยที่ต้องอาศัยมินตราคอยสืบเรื่องเอรินให้
“โอ้ว..เปิดเผยนะพี่เดี๋ยวนี้ แน่ใจแล้วใช่มั๊ยเรื่องยัยนั่นน่ะ ระวังจะพูดจนลิงหลับ หูดับเลยนะพี่”
อธิปเอ่ยแซวพี่ชายสนิทอย่างขำขันเมื่อนึกถึงเอริน สาวน้อยคนนั้นที่เขาก็เคยมีประสบการณ์ด้านหูดับกับหล่อนมาบ้าง
“โอม!! อย่ากวนได้มั๊ยเนี่ย” ว่าที่คุณแม่หันมาเอ็ดคุณสามีจอมยุ่งเบาๆ ชานนท์ได้แต่หัวเราะอย่างมีความสุขที่ได้เห็นอธิปกลัวภรรยาจนลนลาน
“เออ..ถ้าเป็นยัยนั่น ยอมให้บ่นหูดับเลย มีสีสันดี หึหึ นึกถึงหน้าเหวอของยัยนั่นก็ขำแล้ว”
ชานนท์พูดไปหัวเราะไปสีหน้าเปื้อนยิ้ม ทำเอาสองสามีภรรยาได้แต่มองหน้ากันอย่างมีความสุข เมื่อนึกถึงสีหน้าเอ๋อๆของเอรินเช่นกัน
“ฮัดชิ้ววววว”
“เอริน...เป็นอะไรลูก ไม่สบายรึเปล่า”
อติมาเอ่ยถามลูกน้อยด้วยความเป็นห่วงหลังจากได้ยินเสียงจามอย่างแรงจากลูกสาวที่นั่งขยี้จมูกไปมาจนแดง
“ไม่หรอกจ้ะแม่ หนูรู้สึกเหมือนโดนใครนินทาก็ไม่รู้ แปลกๆ” เอรินทำหน้ามุ่ยจมูกฟุดฟิด
“ฮื้อ...นี่แหละเที่ยวเล่นทั้งวันเจอทั้งไอแดดลมทะเล ก็อย่างนี้แหละลูก” อติมาเอ่ยด้วยความเป็นห่วงพร้อมหันไปพยักเพยิดกันกับสามี เอรินรีบลุกหนีทันทีที่บิดาจะเทศน์หล่อนอีกคน
“ไปแล้ว...ไปดูวิลลาบนต้นไม้ของหนูดีกว่า เกือบเสร็จแล้วใช่มั๊ยคะพ่อ” สาวใสกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีทำเอาบิดาและมารดายิ้มให้กันอย่างรู้ทัน
“สวยดูมีสไตล์มากเลยลูก ฝากขอบคุณเพื่อนลูกด้วยนะที่อุตส่าห์ออกแบบให้ฟรีน่ะ” บิดาตอบลูกสาวที่ได้แต่อมยิ้มอย่างภูมิใจ
“อยู่แล้วล่ะพ่อ..คุณมินเพื่อนหนูระดับโปรด้านนี้เลยนะคะ หนูว่าจะหาของฝากไปเยี่ยมก่อนไปทำงานกรุงเทพ” เอรินนึกหาของฝากให้เพื่อนรุ่นพี่ และเพื่อนเด็กเล่นของหล่อนคือหนูน้อย...อาร์ม อย่างนึกสนุก
“เดี๋ยวแม่ฝากปิ่นโตชุดใหญ่ไปขอบคุณด้วย ไปวันไหนบอกนะลูก” อติมาบอกลูกสาวอย่างใจดี เอรินยิ้มหวานประจบมารดาแทบไม่ทัน
“จ้าแม่...หนูไปบ้านต้นไม้ก่อน อยากรู้จังเลยนะจ้ะว่าใครจะเป็นแขกคนแรกของเราเนอะ”
“พ่อ..ดูดู๊ ดูสิ ลูกเรานี่เร็วใช่เล่นเลยนะ เผลอแป๊บเดียววิ่งปรู๊ดไปนู่นแล้ว อยากรู้เหมือนกันว่าแขกคนแรกของบ้านต้นไม้ของเราจะเป็นใครนะพ่อ” อติมาหันมายิ้มขำกับสามี พัชระมองตามลูกน้อยไปอย่างเอ็นดูแล้วนึกขึ้นได้
“เออ..พ่อยังไม่ได้บอกแม่เลย เรามีแขกคนแรกของบ้านต้นไม้แล้วล่ะ ขอพ่อดูบุ๊คแป๊บนึง”
พัชระเปิดดูหน้าจองของแขกที่โทรเข้ามาเช็คอิน แล้วก็ชี้นิ้วไปยังรายชื่อล่าสุดที่เพิ่งโทรมาจองเมื่อคืนนี้
“นี่ไง..แม่ไม่ต้องบอกลูกก่อนนะ ไว้ให้แกตื่นเต้นเล่น แขกคนแรกของบ้านต้นไม้ท่าทางจะใจป้ำน่าดู จองทั้งที่ยังไม่เห็นแม้แต่รูปเลยนะแม่ แถมจองเป็นเดือนเลย"
พัชระพยักเพยิดให้ภรรยาดูรายการจองที่เขานึกสงสัยไม่น้อยที่จู่ๆแขกที่ยังไม่เคยแม้แต่จะมาพักที่บ้านสวนโฮมสเตย์ของเขา แต่กลับเจาะจงเลือกพักที่บ้านต้นไม้หลังใหม่ที่ลูกสาวของเขาภูมิอกภูมิใจนักหนา
"จริงเหรอจ้ะพ่อ แม่ดีใจจังเลย ลูกเราก็คงดีใจเหมือนกันนะ ว่าแต่แขกคนใหม่ของเราเป็นใครเหรอจ้ะ แม่ตื่นเต้นแทบทนไม่ไหวแล้วนะ หื๊อ"
"แขกกระเป๋าหนักคนแรกของเรา และเป็นแขกคนแรกของบ้านต้นไม้ของเรา"
"เขาชื่อ...ชานนท์ อเล็กซ์ คิม”
*****************************************************************************************************************************************
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ ^^
ขอบคุณคุณpkka สำหรับเมนท์ในตอนแรกด้วยนะคะ ^^
เอรินเดินบ่นกระปอดกระแปดออกมาจากบ้านครึ่งปูนครึ่งตึกสีขาวพร้อมกับกรณ์..ลูกชายตัวดีของพิมพาเจ้าของบ้าน หญิงสาวค่อนข้างจะเหนื่อยหน่ายไม่น้อยเมื่อรู้ว่าบริษัทสาขาของกรณ์ที่กรุงเทพยังตกแต่งไม่แล้วเสร็จดี ต้องใช้เวลาอีกร่วมสามอาทิตย์กว่าจะได้เริ่มงาน
“อุตส่าห์ได้บัตรมัคคุเทศก์มาทั้งสีส้มสีเหลือง กว่าจะได้ใช้อีกตั้งสามอาทิตย์แน่ะ...เฮ้อ เซ็งจิต” เอรินยังไม่วายบ่นระหว่างเดินกลับมายังบ้านของตนโดยมีกรณ์เดินเป็นเพื่อน
“เอาน่า..เอาน่า เดี๋ยวเธอได้ใช้แน่ ระหว่างนี้ไปจัดโปรแกรมทัวร์พลางๆก่อนก็แล้วกัน ฉันยกทะเลฝั่งอ่าวไทยทั้งหมดให้เธอไปศึกษาดู แล้วคิดโปรแกรมมาว่าฉันจะถูกใจมั๊ย..ดีมั๊ย”
กรณ์พูดเป็นการเป็นงานโดยเอรินก็พร้อมรับฟังแต่โดยดี หญิงสาวถึงกับยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง
“ดีๆ..ขอบใจนะยักษ์ที่ไว้ใจ” หญิงสาวยิ้มตาหยีใส่เพื่อนรัก กรณ์ได้แต่ดึงแก้มใสอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเดินตามกันมาถึงยังหน้าบ้านสวนโฮมสเตย์ของเอริน
“คนกันเองน่า ขอบจงขอบใจอะไรกัน เข้าบ้านเถอะ ฉันต้องไปแล้ว นัดคุยงานกับมัณฑนากรเย็นนี้” ชายหนุ่มเร่งให้เพื่อนรักเข้าบ้านไปโดยเอรินยอมทำตามแต่โดยดีแต่ไม่วายอิดออดส่งเสียงหวานตามหลัง
“อยากไปด้วยจังเลย..ยักษ์”
“ไม่ต้องเลยๆ ไปก็ยุ่งเธอน่ะ อีกอย่างมัณฑนากรคนนี้สาวสวยหมวยอึ๋มกว่าเธอเย๊อะ.. เรื่องไรฉันจะให้เธอไปขัดลาภล่ะ...ยัยดื้อ”
กรณ์ขยิบตาให้เพื่อนรักก่อนจากอย่างน่าหมั่นไส้ในสายตาเอรินเป็นที่สุดจนหญิงสาวได้แต่ยู่ปากพึมพำคนเดียว ชูกำปั้นให้เพื่อนรักอย่างฝากไว้ก่อน กรณ์ถึงกับยิ้มขำ
“คำก็ดื้อ สองคำก็มาร คราวนี้ว่าเราเป็นตัวขัดลาภอีกแล้ว..ชิ ยักษ์บ้า” เอรินค้อนลมค้อนแล้งไปเรื่อยก่อนจะนึกขึ้นได้เดินหันกลับไปยังทิศทางที่มาเมื่อครู่ไม่กลับเข้าไปในตัวบ้านอย่างที่กรณ์คิด
*********************************************
บ้านสีขาวสไตล์ยุโรปโบราณสองชั้นหลังใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขาไม่ไกลที่จะเดินไปถึง เอรินเดินเลียบริมทะเลไปเรื่อยๆ จนใกล้ถึงยังบริเวณรกร้างหน้าประตูบานเล็กของบ้านฝั่งริมทะเล หญิงสาวลูบคลำป้ายชื่อที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองจากหาดทรายที่พัดมาเกาะจนหนา และเถาวัลย์พันเกี่ยวเต็มทั่วบริเวณรั้ว ลามมาจนถึงปิดบังอำพรางภายในตัวบ้านแทบจะมองไม่เห็นจากด้านนอก
“บ้านอคิราห์..อคิราห์เหรอ ชื่อเพราะจัง ทำไมบ้านสวยๆรกร้างได้ถึงขนาดนี้นะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะถูกทุบทิ้ง ใครกันนะคนที่จะมาทำโรงแรมที่นี่ อย่าให้รู้เชียวแม่จะมาประท้วง ชิ ”
เอรินพึมพำอยู่คนเดียว ท่ามกลางความสงบเงียบวังเวงบริเวณนี้ซึ่งนักท่องเที่ยวบางตากว่าบริเวณอื่นของหาดนัก ทันทีที่จะเอื้อมมือเข้าไปเปิดประตู เอรินก็ถึงกับชะงักไปทันทีที่ได้ยินเสียงแว่วแผ่วเบาเข้ามาในความทรงจำราวกับภาพซ้อน หญิงสาวถึงกับกุมขมับทันที
“ยัยตัวเล็ก..ขาสั้นตามไม่ทันแล้ว..ฮะ..ฮะ”
“พี่ชาย..รอด้วย ขาเค้าไม่สั้นซักหน่อย ฮือ..ฮือ”
“โอ๋..โอ๋ ขาสั้นก็น่ารักน่า อย่าร้องเลยยัยตัวเล็ก”
“ตัวเล็กเด็กดี..ไม่ร้องก็ได้ มาให้ขี่คอซะดีๆ”
เสียงพูดคุยหยอกล้อของเด็กหญิงตัวน้อยและเด็กผู้ชายโตกว่าค่อยๆดังห่างออกไปเรื่อยๆ เอรินยกมือน้อยขึ้นมาปาดหางตาเรียวที่ชื้นไปด้วยน้ำใสอย่างงงงัน
“นี่มันอะไรกัน..เสียงแว่วนั้นคือใครกัน”
หญิงสาวเหลือบตามองตัวบ้านชั่วครู่ก่อนจะวิ่งผลุนผลันห่างไกลออกจากตัวบ้านไปอย่างขวัญเสีย จนชนเข้ากับใครบางคนโดยไม่ทันระวังตัว
“ดื้อ!! เกิดอะไรขึ้น” สีหน้าตื่นตระหนกของกรณ์ยามมองเห็นสีหน้าเพื่อนรักหน้าซีดเผือด ชายหนุ่มรู้สึกกระตุกวูบที่ใจจนต้องคว้าเอรินมากอดปลอบใจ
“ฉันกลัว..ยักษ์ เข้าใกล้บ้านหลังนั้นอยู่ดีๆก็เป็นอะไรไม่รู้” เอรินกอดรอบเอวเพื่อนรักไว้อย่างขวัญเสีย กรณ์ได้แต่ลูบศรีษะน้อยของเอรินอย่างห่วงใย ปลอบโยน
“ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรแล้ว กลับเถอะ ดีนะฉันนึกเป็นห่วงเลยมาตามดูน่ะยัยดื้อ..ไป ฉันจะไปส่งให้ถึงมือคุณลุงคุณป้าเลย..ป่ะ”
**********************************************
เที่ยวบิน TG 947 จากกรุงเอเธนส์ แล่นลงแตะรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่เช้าตรู่ ชานนท์นั่งมองผู้โดยสารทยอยลงจากเครื่องอย่างนิ่งเฉย กว่ายี่สิบปีที่จากไปกรุงเทพเปลี่ยนแปลงไปอย่างเหลือเชื่อเพียงแค่มองด้วยสายตาเปล่าจากหน้าต่างเครื่องบินก่อนจะแล่นลงจอด
“มาคนเดียวเหรอคะ” หญิงสาวชาวต่างชาติมองดูคล้ายจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่นั่งข้างกันมาตลอดการเดินทาง เอ่ยชวนคุยยังคงไม่ลุกออกไปเช่นกัน
“ครับ” ชานนท์ยิ้มให้อย่างสุภาพตอบเพียงคำสั้นๆอย่างเป็นมิตร หญิงสาวตรงหน้าถึงกับยิ้มกว้าง
“ต้องการเพื่อนร่วมเดินทางมั๊ยคะ”
หญิงสาวส่งสายตาหวานฉ่ำให้ชานนท์ที่ได้แต่ยิ้มอย่างนึกขันกับคำเชิญชวนอย่างเปิดเผยและพูดตรงของหญิงสาวที่ไม่เคยรู้จัก
“ไม่เป็นไรครับ ผมมีคนที่จะร่วมเดินทางไปด้วยกันแล้ว ถ้าเธอยอม ผมขอตัวก่อน ขอบคุณนะครับ”
ชานนท์เอ่ยปฏิเสธอย่างสุภาพก่อนจะค้อมศรีษะให้หญิงสาวไม่รู้จักแล้วเดินตัวปลิวออกไปจากเครื่อง หญิงต่างชาติแสนสวยได้แต่พึมพำอย่างเสียฟอร์ม
“มีแฟนแล้วเหรอเนี่ย เท่ห์จังสุขุมนุ่มลึกแบบนี้ได้มาควงซักวันคงดี โอ้ว..ก็อด คนสวยเครียด”
ทันทีที่ก้าวพ้นประตูฝั่งขาออกนอกประเทศ ชานนท์ก็พบมินตราและอธิปยืนรออยู่ไม่ไกล มินตราสีหน้าตื่นเต้นดีใจอย่างมากมาย ข้างกันมีอธิปยืนโบกมือให้ไหวๆ ชานนท์อมยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินเข้าไปหา
"พี่นนท์..ดีใจจังค่ะ พอดีคุณพ่อบอกพี่นนท์จะมาวันนี้มินก็เลย”
คำพูดเจื้อยแจ้วของคนเคยรักตรงหน้า ชานนท์ได้แต่มองอย่างเพลิน ฟังจากน้ำเสียงมีความสุขของมินตราแล้ว หัวใจของเขาก็เบิกบานขึ้นมาเช่นกัน
“มินก็เลยรบเร้าให้ผมพามารับพี่ถึงนี่เลยไง ทิ้งลูกไว้ให้คุณปู่คุณย่าดูแลโน่นแน่ะ” อธิปยื่นมือมาจับทักทายกับชานนท์อย่างเป็นกันเอง ทิ้งความหมองใจในอดีตให้กลายเป็นบทเรียน
“ขอบใจนะ มินดูอวบขึ้นนะ มีข่าวดีรึเปล่า” ชานนท์เอ่ยทักทายมินตราระหว่างที่เดินออกมาจากสนามบินโดยมีอธิปลากกระเป๋าให้ชานนท์รั้งท้าย
“แหงแหละ..ก็เรากำลังจะมีน้องให้อาร์มแล้วนี่พี่” อธิปเอ่ยลอยๆไล่หลังสองหนุ่มสาวที่เดินเคียงกันอยู่ข้างหน้า
“โอม!! ยังไม่รู้ใช่รึเปล่าเลย อย่ามั่นใจให้เว่อร์นักได้มั๊ย” มินตราหันมาทำตาเขียวดุใส่สามีในโอวาส จนอธิปถึงกับเงียบเสียงหน้าบูดนิดๆ แต่ไม่จริงจังอะไรนัก
“ฉันว่านายเตรียมตัวเป็นคุณพ่อได้เลย คราวนี้ต้องดูแลเองแล้วนะ ฉันไม่อยู่ช่วยพวกนายแล้ว ฉันจะไปตามหายัยตัวยุ่งจอมป่วนของฉันก่อน” ชานนท์เอ่ยกลั้วหัวเราะอย่างนึกขำตัวเองไม่น้อยที่ต้องอาศัยมินตราคอยสืบเรื่องเอรินให้
“โอ้ว..เปิดเผยนะพี่เดี๋ยวนี้ แน่ใจแล้วใช่มั๊ยเรื่องยัยนั่นน่ะ ระวังจะพูดจนลิงหลับ หูดับเลยนะพี่”
อธิปเอ่ยแซวพี่ชายสนิทอย่างขำขันเมื่อนึกถึงเอริน สาวน้อยคนนั้นที่เขาก็เคยมีประสบการณ์ด้านหูดับกับหล่อนมาบ้าง
“โอม!! อย่ากวนได้มั๊ยเนี่ย” ว่าที่คุณแม่หันมาเอ็ดคุณสามีจอมยุ่งเบาๆ ชานนท์ได้แต่หัวเราะอย่างมีความสุขที่ได้เห็นอธิปกลัวภรรยาจนลนลาน
“เออ..ถ้าเป็นยัยนั่น ยอมให้บ่นหูดับเลย มีสีสันดี หึหึ นึกถึงหน้าเหวอของยัยนั่นก็ขำแล้ว”
ชานนท์พูดไปหัวเราะไปสีหน้าเปื้อนยิ้ม ทำเอาสองสามีภรรยาได้แต่มองหน้ากันอย่างมีความสุข เมื่อนึกถึงสีหน้าเอ๋อๆของเอรินเช่นกัน
“ฮัดชิ้ววววว”
“เอริน...เป็นอะไรลูก ไม่สบายรึเปล่า”
อติมาเอ่ยถามลูกน้อยด้วยความเป็นห่วงหลังจากได้ยินเสียงจามอย่างแรงจากลูกสาวที่นั่งขยี้จมูกไปมาจนแดง
“ไม่หรอกจ้ะแม่ หนูรู้สึกเหมือนโดนใครนินทาก็ไม่รู้ แปลกๆ” เอรินทำหน้ามุ่ยจมูกฟุดฟิด
“ฮื้อ...นี่แหละเที่ยวเล่นทั้งวันเจอทั้งไอแดดลมทะเล ก็อย่างนี้แหละลูก” อติมาเอ่ยด้วยความเป็นห่วงพร้อมหันไปพยักเพยิดกันกับสามี เอรินรีบลุกหนีทันทีที่บิดาจะเทศน์หล่อนอีกคน
“ไปแล้ว...ไปดูวิลลาบนต้นไม้ของหนูดีกว่า เกือบเสร็จแล้วใช่มั๊ยคะพ่อ” สาวใสกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีทำเอาบิดาและมารดายิ้มให้กันอย่างรู้ทัน
“สวยดูมีสไตล์มากเลยลูก ฝากขอบคุณเพื่อนลูกด้วยนะที่อุตส่าห์ออกแบบให้ฟรีน่ะ” บิดาตอบลูกสาวที่ได้แต่อมยิ้มอย่างภูมิใจ
“อยู่แล้วล่ะพ่อ..คุณมินเพื่อนหนูระดับโปรด้านนี้เลยนะคะ หนูว่าจะหาของฝากไปเยี่ยมก่อนไปทำงานกรุงเทพ” เอรินนึกหาของฝากให้เพื่อนรุ่นพี่ และเพื่อนเด็กเล่นของหล่อนคือหนูน้อย...อาร์ม อย่างนึกสนุก
“เดี๋ยวแม่ฝากปิ่นโตชุดใหญ่ไปขอบคุณด้วย ไปวันไหนบอกนะลูก” อติมาบอกลูกสาวอย่างใจดี เอรินยิ้มหวานประจบมารดาแทบไม่ทัน
“จ้าแม่...หนูไปบ้านต้นไม้ก่อน อยากรู้จังเลยนะจ้ะว่าใครจะเป็นแขกคนแรกของเราเนอะ”
“พ่อ..ดูดู๊ ดูสิ ลูกเรานี่เร็วใช่เล่นเลยนะ เผลอแป๊บเดียววิ่งปรู๊ดไปนู่นแล้ว อยากรู้เหมือนกันว่าแขกคนแรกของบ้านต้นไม้ของเราจะเป็นใครนะพ่อ” อติมาหันมายิ้มขำกับสามี พัชระมองตามลูกน้อยไปอย่างเอ็นดูแล้วนึกขึ้นได้
“เออ..พ่อยังไม่ได้บอกแม่เลย เรามีแขกคนแรกของบ้านต้นไม้แล้วล่ะ ขอพ่อดูบุ๊คแป๊บนึง”
พัชระเปิดดูหน้าจองของแขกที่โทรเข้ามาเช็คอิน แล้วก็ชี้นิ้วไปยังรายชื่อล่าสุดที่เพิ่งโทรมาจองเมื่อคืนนี้
“นี่ไง..แม่ไม่ต้องบอกลูกก่อนนะ ไว้ให้แกตื่นเต้นเล่น แขกคนแรกของบ้านต้นไม้ท่าทางจะใจป้ำน่าดู จองทั้งที่ยังไม่เห็นแม้แต่รูปเลยนะแม่ แถมจองเป็นเดือนเลย"
พัชระพยักเพยิดให้ภรรยาดูรายการจองที่เขานึกสงสัยไม่น้อยที่จู่ๆแขกที่ยังไม่เคยแม้แต่จะมาพักที่บ้านสวนโฮมสเตย์ของเขา แต่กลับเจาะจงเลือกพักที่บ้านต้นไม้หลังใหม่ที่ลูกสาวของเขาภูมิอกภูมิใจนักหนา
"จริงเหรอจ้ะพ่อ แม่ดีใจจังเลย ลูกเราก็คงดีใจเหมือนกันนะ ว่าแต่แขกคนใหม่ของเราเป็นใครเหรอจ้ะ แม่ตื่นเต้นแทบทนไม่ไหวแล้วนะ หื๊อ"
"แขกกระเป๋าหนักคนแรกของเรา และเป็นแขกคนแรกของบ้านต้นไม้ของเรา"
"เขาชื่อ...ชานนท์ อเล็กซ์ คิม”
*****************************************************************************************************************************************
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ ^^
ขอบคุณคุณpkka สำหรับเมนท์ในตอนแรกด้วยนะคะ ^^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ส.ค. 2556, 22:48:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ส.ค. 2556, 22:49:29 น.
จำนวนการเข้าชม : 1733
<< ตอนที่ 1 กุหลาบ...ปรารถนา | ตอนที่ 3 : Lover in Firenze...1 >> |