โอเอซิส...พิชิตรัก
นิยายกึ่งทะเลทรายเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของเจนกับอัสซิมเหมือนแมวไล่จับหนู ชิงไหวชิงพริบ ปฏิเสธความรู้สึก ปิดบังบางอย่างต่อกันเสมอ พระนางไม่ค่อยเผยความรู้สึก ออกแนวพูดต่างภาษา แต่ต้านแรงดึงดูดระหว่างกันไม่ได้ ทำให้เกิดความผูกพัน เป็นคนเก่งทั้งคู่ แล้วพยายามอ่านกันและกันตลอดเรื่อง อิอิ สู้กันจนหยดสุดท้ายกันเลยทีเดียวค่ะ แล้วก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งตามสูตรของผู้เขียนค่ะ
Tags: ทะเลทราย โจร แก้แค้น

ตอน: 03

โอเอซิส...พิชิตรัก ตอนที่ 3

เสียงร้องครวญครางในห้องน้ำดังอยู่นานพอควร สลับกับเสียงหอบหายใจ ยามนี้รู้สึกว่าพลังงานต่างๆ ถูกเธอดูดกลืนไปแทบหมดสิ้น ดีที่เขาขยันออกกำลังกาย ไม่เช่นนั้นคงหมดเรี่ยวแรงเป็นแน่แท้

เธอก็หอบเหนื่อยไม่น้อย เพราะออกแรงว่ายน้ำตั้งแต่บ่ายแล้ว ยังชวนเขาออกกำลังกายในห้องน้ำอาบน้ำต่ออีก ให้แข็งแรงสักแค่ไหนก็มีเหนื่อยกันบ้าง ยามนี้เขาได้เห็นเรือนร่างเธอทั่วไปหมด ไม่มีที่ไหนมีรอยสัก ไม่มีทางที่รองพื้นจะปกปิดรอยสักได้แน่นอน

แต่เขายังถอนตัวถอนความสนใจจากเธอไม่ได้ หลายอย่างที่เธอดึงดูดเขาอย่างมึนเมา เขาไม่รู้ว่าทำไมต้องเสพติดเธอถึงเพียงนี้

เธอถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมเขา แล้วจูบกันอีกครั้งเมื่อเสร็จสม เท้าของเธอได้สัมผัสพื้นห้องน้ำ จากนั้นก็อาบน้ำจริงๆ กันเสียที เธออาบน้ำอย่างอารมณ์ดี โดยไม่สนใจเขาที่พิงกำแพงมองเธอล้างคราบต่างๆ ออกจากร่างกายจนหมด แล้วออกมาแต่งตัวที่หรูหราและเซ็กซี่

“ไม่อาบน้ำเหรอคะ” เจนถามเขา เพราะเห็นยืนนิ่งมองเธออาบแต่เพียงฝ่ายเดียว

“เดี๋ยวผมตามไป” อัสซิมบอกแล้วจัดการกับตัวเอง แล้วสวมเสื้อผ้าชุดเดิมที่เขาสลัดทิ้งไปด้านนอก พอออกมาก็เห็นเธอเป่าผมจนแห้ง แต่งตัวราวกับจะไปทานมื้อค่ำที่ร้านอาหารสุดหรู “จะไปไหนเหรอ”

“เปล่า เวลาฉันเซ็งๆ ฉันมักจะแต่งตัวสวยๆ แล้วทานอาหารใต้แสงเทียนน่ะ ฟังเพลงเพราะๆ หรือไม่ก็ดูหนังที่ชอบ” เจนตอบแล้วลุกไปสวมรองเท้าส้นสูง ดีที่เธอไม่สูงมากกว่าเขา เมื่อสวมส้นสูงจึงสูงพอดี

เธอควงแขนเขาแล้วเดินไปที่ตะอาหาร ซึ่งจัดไว้ดีแล้ว มีอุปกรณ์ที่ต้องใช้อยู่เยอะ แต่ก็แทบไม่ต้องใช้ เพราะพ่อครัวจัดการให้หมดแล้ว เธอแค่ทานอาหารทะเลและมีไวน์ชั้นดีเติมให้ตลอด เขาก็ได้แต่มองเธอทานอย่างไม่ต้องกลัวอ้วนเลยทีเดียว

เขาไม่แปลกใจที่เธอทานแล้วไม่อ้วน เพราะเธอว่ายน้ำทุกวัน วันละหลายชั่วโมง ที่น่าสนใจก็คือเธอเอาเวลาที่ไหนมาบริหารงานกันแน่ ธุรกิจแต่ละอย่างของเธอไม่เคยขาดทุน ตรงกันข้ามเมื่อเธอเข้าไปบริหารมีแต่กำไร

ล่าสุดเธอซื้อหุ้นกิจการศิลป์ไหมถึงสามสิบเปอร์เซ็น ไม่รู้ว่าเธอสนใจอะไรในตัวบริษัทนักหนา เพราะเธอดูจะไม่สนใจอะไรมากไปกว่าไร่องุ่นของเธอ

“เสร็จธุระที่เมืองไทย คุณจะกลับอังกฤษเลยใช่ไหม” อัสซิมถามเมื่อเธอไม่พูดกับเขาตลอดการทานอาหาร ไม่พูดถึงตอนที่เขาออกไปจากห้อง และเธอเดินทางมาภูเก็ต

“คิดว่าอย่างนั้น ฉันตั้งใจกลับไปอยู่เป็นเพื่อนท่านพ่อสักระยะ แล้วค่อยเดินทางต่อไปดูไบต่อ จากนั้นก็หาอะไรฆ่าเวลา ค่อยกลับชาโตว์ของฉัน” เจนเล่าความแล้วจัดการอาหารต่อ มองบรรยากาศรอบๆ โดยไม่สนใจเขาเหมือนเมื่อคืน

อัสซิมเห็นเธอนิ่งเงียบก็เข้าใจได้ว่าเธอคงโกรธที่เขาไปไม่บอกอะไรเธอ

“พอดีผมนึกได้ว่ามีงานที่ต้องจัดการให้เสร็จภายในวันนี้น่ะ แต่ผมก็กลับมาหาคุณ” อัสซิมอธิบายความ

เจนเงยหน้าขึ้นมองเขา ขมวดคิ้วอย่างงุนงง “คุณไม่ต้องบอกฉันก็ได้ค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ เมื่อคืนฉันสนุกมาก นานแล้วที่ไม่ได้สนุกอย่างนี้ ฉันควรใช้ชีวิตให้สนุกกว่านี้ก่อนจะแต่งงาน”

“หมายความว่าไง” อัสซิมเข้าใจความหมายดี แต่อยากฟังให้ชัดกว่านี้

เจนมองเขาแล้วสัมผัสหนวดเคราของเขาลูบดวงหน้าเขา แต่สีหน้าเขาไม่อ่อนลงเลยแม้แต่น้อย ยังคงคมเข้มหล่อเหลาอยู่เช่นเดิม

“คุณทำให้ฉันอยากออกไปสนุกกับโลกภายนอก แทนที่จะเก็บเนื้อเก็บตัวเพื่อชายเพียงคนเดียวน่ะสิ” เธอหัวเราะคิกได้น่ารัก และทานอาหารของเธอต่ออย่างเพลิดเพลิน พร้อมไวน์ชั้นเลิศ

อัสซิมฟังแล้วมั่นใจมากขึ้น คว้าข้อมือเธออย่างแรง “คุณต้องไม่ทำอย่างนั้น ต้องไม่ทำแบบนั้น”

เจนตกใจที่เขาจับข้อมือเธอแน่นมาก เธอยกมือห้ามคนสนิท แล้วถอนหายใจยาว “คุณน่าจะรู้ดีกว่าใคร ว่าคุณไม่มีสิทธิแสดงกิริยาแบบนี้กับฉัน และเราต่างก็รู้ดีว่าทั้งฉันและคุณมีสิทธิที่จะเลือกคบกับใครก็ได้ ฉันเชื่อว่าคุณต้องมีผู้หญิงให้เลือกอยู่เต็มไปหมด และคงมีคนกำลังหมายตาหญิงสาวบริสุทธิ์ให้เป็นภรรยาคุณอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นอย่าทำแบบนี้อีก ปล่อยมือฉัน แล้วเรามาสนุกกันให้พอ แล้วก็ต่างคนต่างไปนะคะ”

อัสซิมปล่อยมือเธอแล้วกำมือแน่น เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปจากโต๊ะอาหาร เดินไปตามหาดทรายที่มืดมิด โดยมีคนสนิทคอยคุ้มกันอยู่ไม่ห่าง เพื่อลดความพลุ่งพล่านที่เกิดขึ้น เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาควรเป็นคนพูดกับเธอ

เจนนั่งนิ่งสงบ โดยไม่ตามเขาไป ก่อนหยุดทุกอย่างตั้งสติ เธอยกไวน์ขึ้นดื่มแล้วเรียกเติมมากขึ้น

ความรักคงไม่เกิดขึ้นระหว่างชาวคริสเตียนอย่างเธอกับชาวมุสลิมอย่างเขา...ต้องไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด

สักพักเธอก็กระแทกลมหายใจ แล้วลุกขึ้นเดินตามเขาไปอย่างช้าๆ เห็นเขาเดินย้อนกลับมาแล้วตรงเข้ามาหาเธอ จากนั้นก็รวบตวัดร่างบางขึ้นอุ้มไปยังห้องพัก

โฮเวิร์ดต้องทำเป็นไม่เห็นกิริยานี้ เอมม่าก็เช่นเดียวกัน ส่วนคาลิมกับคนอื่นก็กลับที่พัก รอว่าพรุ่งนี้เจ้านายจะเอายังไง ดีที่ไม่มีธุระอื่นใดให้จัดการ แค่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของน้องเจ้านายเท่านั้น

เมื่อเข้ามาภายในห้องส่วนตัว เขาก็วางเธอลงแล้วเดินกลับไปล็อคประตูห้อง จากนั้นก็ฉีกชุดหรูหราของเธอออกอย่างเร่งร้อน บดจูบแล้วมองเรือนร่างเธออย่างละเอียดจนทั่ว

เจนทั้งเคลิบเคลิ้มและงุนงง ก่อนถาม “คุณกำลังหาอะไรบนตัวฉัน”

อัสซิมไม่ตอบคำก้มลงจูบเธอปิดปาก ครั้งนี้เขาสำรวจจนทั่ว คลายความสงสัยที่ผ่านมา ที่นี้เหลือเพียงเก็บเกี่ยวความสุขจากเธอก็พอ

************************

เช้าวันที่เธอจะเดินทางกลับกรุงเทพเพื่อทำงาน เป็นเช้าที่เขาตื่นขึ้นมา แล้วไม่รอช้าที่จะจัดการตัวเองและออกไปจากห้อง เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จแล้ว เขาก็ออกจากห้องโดยไม่หันไปมองร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงแม้แต่น้อย

เจนลืมตาอยู่และหันหลังให้เขา เธอรู้สึกตัวตั้งแต่เขาลุกจากเตียงแล้ว เมื่อเขาออกไปจากห้อง เธอก็ลุกขึ้นนั่ง แล้วจัดการกับตัวเอง เธออาบน้ำสระผม ชำระล้างร่างกาย ก่อนจะใส่ชุดว่ายน้ำแล้วออกไปว่ายน้ำยามเช้าหนึ่งชั่วโมง ก่อนกลับมาอาบน้ำเตรียมตัวเพื่อกลับ

เธอเข้าไปในที่ประชุมด้วยชุดสุภาพราคาแพง นั่งฟังภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่นในห้องประชุมอย่างปวดหัว จึงอ่านดูเอกสารที่เป็นทางการหน่อย ทำให้เข้าใจอะไรหลายอย่าง

เมื่อจบการประชุม เธอจึงสรุปเองอย่างรวดเร็ว “ถ้าคุณต้องการส่งผ้าไหมให้กับโรงแรมฉัน ฉันคงต้องขอดูคุณภาพสินค้าก่อนส่งมอบ เพราะคุณมีปัญหาเรื่องคุณภาพสินค้ามากกว่าที่คิดไว้”

“แต่ท่านหญิงเจนครับ ท่านหญิงเป็นผู้ถือหุ้นแล้วก็น่าจะช่วยบริษัทบ้าง” ดนุรีบขอร้อง

“คุณอยากให้ฉันเอาโรงแรมไปเสี่ยงเสียชื่อเสียงเหรอคะ ฉันต้องการชุดเครื่องแบบพนักงานที่มีคุณภาพ คุณน่าจะรู้นะว่าโรงแรมของฉันไม่ให้พนักงานนำเครื่องแบบกลับ เพราะราคาเครื่องแบบพวกเขาแทบจะเท่ากับเงินเดือนของพวกเขา ทั้งหมดเพราะอะไร เพราะฉันไม่ต้องการเสี่ยงให้เครื่องแบบเสียหาย มันคือหน้าตาของโรงแรมฉัน

อีกอย่างให้เข้าใจไว้ด้วยว่า ที่ฉันให้ทุนพวกคุณก็นับว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนฉันมาขอร้องไว้ ฉันไม่มีทางออกทุนให้กับบริษัทที่ผลิตสินค้าไม่มีคุณภาพหรอกนะ” เจนลุกขึ้นยืน ก่อนเตือนอีกครั้ง “ตามสัญญานี้ คุณจะต้องให้ทางโรงแรมฉันตรวจสอบคุณภาพก่อนส่งของเข้า ฉันจะไม่จ่ายเงินให้ ถ้าของพวกคุณไม่มีคุณภาพตามมาตรฐาน”

เจนลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที ก่อนจะออกจากประตู เธอยังหันมาพูดเตือน “ฉันจะรอผ้าไหมของพวกคุณ”

ดนุทุบโต๊ะหลังจากที่ท่านหญิงแห่งฮาร์ทฟอร์ดออกไปแล้ว ก่อนตะคอกลูกน้องให้ออกไป แล้วเดชา...พ่อเขาก็เข้ามา “เลดี้ซีมัวร์ว่ายังไง”

“โหย พ่อ มันเคี่ยวจะตาย ผมจะเอาผ้าไหมในสต็อกส่งให้มันไม่เอา มันจะให้เราผลิตใหม่ แล้วจะขอคุณภาพที่มันยอมรับได้ด้วย” ดนุรีบฟ้องพ่อทันทีที่มีโอกาส

“ก็ผลิตไปสิ” เดชาบอกลูกชาย

“จะผลิตได้ยังไงล่ะ ช่างทอฝีมือดีก็ออกไปหลายคนแล้วนะ สงสัยต้องให้ไอ้ดุลมันกลับมาล่ะ พวกนั้นออกไปก็เพราะเราเอาไอ้ดุลออกจากบอร์ดนะพ่อ” ดนุพูดถึงอาอีกคน...ดุลยพล ลูกพี่ลูกน้องของพ่อ

ปู่เขาฮุบเอาสมบัติของพี่ชายที่ตายไปมาเป็นของตน แล้วขายป้าเขาให้เศรษฐีบ่อน้ำมันเพื่อหาทุนมาเสริมเติม แล้ววางแผนไล่อาคนนี้ออกไปจากบอร์ดบริหาร แล้วเหมือนกรรมตามทัน เมื่อพ่อเขาไม่เอาไหนทำให้บริหารงานไม่เป็น พ้นยุคปู่เขาแล้ว คนงานมีฝีมือก็พากันออกไปหมด เพราะทนความบ้าอำนาจของพ่อเขาไม่ได้

“ตอนนี้เราต้องพึ่งทุนจากแม่คนนี้ แกก็ทำตามที่เขาต้องการ ยอมๆ พวกช่างทอฝีมือดีไปก่อนเถอะน่า” เดชาบอกลูกชายอย่างขอไปที

“จะให้ผมไปขอร้องพวกขี้ข้าน่ะนะ ไม่เอาหรอก พ่อไปเองแล้วกัน” ดนุปฏิเสธทันที ไม่อยากไปก้มหัวให้พวกนั้น

“แล้วแกจะเอางานคุณภาพดีที่ไหนมาส่งให้เลดี้ซีมัวร์” เดชาคาดคั้นเอากับลูกชาย

“ก็พ่ออยากหาของมาให้แม่นั่น พ่อก็ไปขอร้องเองก็แล้วกัน” ดนุคิดทางอื่นเอาไว้แล้ว

ล็อตตัวอย่างเขาจะไปซื้อผ้าไหมคุณภาพดีจากร้านชั้นนำ แล้วพอล็อตอื่นเขาจะเอาของที่บริษัทไปผสม ผ่านล็อตแรกไปได้ ล็อตที่สองก็คงตามมาเอง

เดชาไม่คิดจะเป็นคนทำเอง เพราะเขาไม่เคยทำเอง เขาจะทำสิ่งที่เขาอยากจะทำเท่านั้น

เสียดายที่นังดวงแก้วมันตายไปเสียก่อน ไม่อย่างงั้นเขาก็คงมีเงินมาต่อยอดครั้งแล้วครั้งเล่าได้

************************

พอเสร็จธุระจากศิลป์ไหม เจนไปที่ห้องอาหารอีกแห่ง เพราะมีตัวแทนผ้าไหมอีกแห่งมารอพบ เธอต้องหาทางอื่นเพื่อป้องกันความผิดพลาดอยู่แล้ว เมื่อเธอมาถึง อีกฝ่ายก็เข้ามาจับมือทักทาย และเข้ามาดึงเก้าอี้ให้อย่างมีมารยาท และรอจนเธอนั่งเขาค่อยนั่งอีกด้าน

ร้านนี้มีกันสองคนพ่อลูก คนพ่อชื่อดุลยพล คนลูกชื่อดิฏฐ์ คนของเธอติดต่อให้มาดูตัวอย่างผ้าก่อน เพราะเป็นร้านเล็กๆ แต่ได้ข่าวว่าคุณภาพดี

“ผมกับลูกเป็นตัวแทนของร้านแก้วศิลป์ไหมครับ” อีกฝ่ายแนะนำตัวแล้วก็เอาตัวอย่างผ้าไหมมาให้เธอ

“ชื่อเหมือนบริษัทศิลป์ไหมเลยนะ” เจนทักขึ้น แล้วไม่ใส่ใจมองคนพูดด้วยนัก

ดุลยพลหันไปสบตากับลูกชาย แล้วค่อยอธิบาย “เมื่อก่อนผมก็เคยทำงานที่บริษัทนั้นครับ ต่อมาผมมาเปิดร้านเอง อย่างที่คุณทราบ ผมไม่เคยทำเพื่อส่งออก เพราะเรายังไม่มีกำลังการผลิตที่มากพอ”

“เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปประชุมกับคนที่นามสกุลเหมือนคุณด้วย ‘วรรณมณีศิลป์’ คงไม่ได้มีเยอะหรอกนะ” เจนทักขึ้นมาอีกเรื่อง แล้วทำเป็นไม่รู้เรื่องอีก

ดิฏฐ์จึงเป็นฝ่ายตอบแทนพ่อ “เรามีปัญหาเรื่องความคิดเห็นไม่ตรงกันน่ะครับ เมื่อสิบปีก่อนพ่อผมเลยออกมาทำเอง ผมเพิ่งเรียนจบปีที่แล้วก็เลยมาช่วยงานพ่อน่ะครับ”

“เรื่องกำลังการผลิต ฉันไม่ต้องการสินค้าคุณมากนักหรอกนะ ไม่ต้องกังวลใจ ว่าแต่ทำไมต้องใช้ชื่อแก้วศิลป์ไหมด้วยล่ะ เมื่อออกมาทำเอง ไม่ทำใหม่ไปเลย” เจนทำทีเป็นสนใจเรื่องรายละเอียด

“ขอโทษนะครับ คือเป็นเรื่องส่วนตัวมากสำหรับผมกับพ่อ” ดิฏฐ์ไม่เห็นว่าท่านหญิงจะสนใจสินค้าของเขาเท่าไรนัก จึงตัดบท ดุลยพลแตะไหล่ลูกชายเพื่อเตือนสติ

“ใจเย็นๆ ก่อนลูก” ดุลยพลจึงเตือนลูกชายเป็นภาษาไทย แล้วค่อยหันไปอธิบาย “ผมใช้คำว่า ‘แก้ว’ เพราะเป็นชื่อของพี่สาวที่ตายไปแล้วของผมครับ เธอเป็นคนน่าสงสาร พ่อของเราเสียไปตอนที่ผมอายุได้สิบขวบ ตอนนั้นพี่สาวผมอายุสิบสาม ผมให้เกียรติเธอครับ”

เจนพยักหน้าช้าๆ “ขอโทษที่ถามละลาบละล้วง แต่ฉันต้องการดูว่าเวลาคนพูดจริง พูดเลี่ยงสีหน้าเป็นยังไง ฉันทำธุรกิจมาตั้งแต่อายุยังน้อย ต้องศึกษาคนให้มาก เอาล่ะ ขอฉันดูตัวอย่างของคุณก่อนแล้วกัน”

ดุลยพลกับดิฏฐ์นั่งมองอย่างลุ้นๆ

เจนจับเนื้อผ้าแต่ละชิ้น ก่อนยื่นให้ผู้เชี่ยวชาญที่จ้างมาดูให้อีกที ก่อนผู้เชี่ยวชาญกระซิบอธิบายให้เธอฟังเป็นภาษาสากล จนเข้าใจแล้ว

“คุณเสนอราคาต่อพับมาให้พร้อมรายละเอียดที่ฉันต้องการรู้ ฉันพอใจราคานี้ ทีนี้มาพูดถึงกำลังการผลิต ฉันต้องการผ้าไหมคุณภาพนี้ไปตกแต่งห้องพักที่โรงแรมภายในประเทศ ฉันจะให้ทางโรงแรมติดต่อไป” เจนแบมือไปทางเอมม่า แล้วเอมม่าก็ส่งนามบัตรของผู้จัดการโรงแรมให้

“หมายความว่าคุณจะสั่งของจากเราเหรอครับ” ดุลยพลถามซ้ำอีกครั้ง

“ผ้าไหมของคุณคุณภาพดีมาก ฉันพอใจจะสั่งก่อนสามสี สีละห้าพับ ทางโรงแรมจะส่งตัวอย่างสีมาให้ แล้วตอนส่งของ คุณจะต้องส่งมอบมาก่อนสีละหนึ่งพับ ทางฉันต้องการวัดขนาดความยาวและน้ำหนัก เพื่อเป็นมาตรฐานในการตรวจรับสินค้าครั้งต่อไป จำไว้ว่าฉันต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ ถ้ามีตำหนิจะต้องถูกปรับ หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ” เจนอธิบายความ

“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” ดุลยพลตอบรับอย่างเต็มที่

“ฉันต้องการดูตัวอย่างผ้าไหมสีขาว และต้องการหน้ากว้างพอจะทำผ้าปูเตียงได้ ถ้าคุณสามารถทำได้ ก็จะดีกับธุรกิจของร้านคุณเอง เอาล่ะ ติดต่อคนนี้เรื่องผ้าสามสีนั่นก่อน ส่วนผ้าไหมสีขาวไว้ค่อยส่งตัวอย่างมาให้ดูก็แล้วกัน” เจนปิดสัญญาได้ไม่ยากนัก

ดุลยพลกับดิฏฐ์ต่างก็งุนงง อยู่ๆ ก็ได้ออร์เดอร์ ทั้งที่ถูกกลั่นแกล้งจนอดได้งานมาพักหนึ่งแล้ว และลูกค้ายังจ่ายเงินค่าอาหารให้พวกเขาด้วย พวกเขามองเธอเดินออกไปจากร้านอาหาร โดยไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่าขอบคุณ

“พวกเราจะมีโอกาสได้ทำร้านของเราแล้วใช่ไหมพ่อ” ดิฏฐ์ค่อยโล่งใจ เพราะที่บ้านยอมอดทนกันมากกับการกลั่นแกล้งของญาติทางปู่เขา

น้องชายปู่เขาฮุบกิจการไปหมด ยังดีที่ให้พ่อเขาเข้าทำงาน แต่นั่นเกิดขึ้นหลังจากขายป้าวัยสิบเจ็ดให้กับเจ้าของบริษัทสัมปทานบ่อน้ำมัน และป้าของเขาต้องเป็นเมียคนที่สี่ และเป็นที่รังเกียจของเมียคนอื่นๆ เพราะคามต่างาติต่างศาสนา ป้าต้องอดทนและแอบส่งเงินมาให้พ่อเขาเป็นระยะอย่างยากลำบาก เพราะต้องคอยหลบเมียอีกสามคนของลุงเขา

การสื่อสารก็เป็นเรื่องยากของป้าดวงแก้ว เพราะมีแต่คนพูดภาษาอาหรับกับเปอร์เซีย ซึ่งป้าเขาไม่รู้จัก และที่สำคัญ พ่อเขาเสียพี่สาวไปจากอุบัติเหตุทางเครื่องบินพร้อมพี่สาวของเขา

สองพ่อลูกรีบโทรไปบอกแม่ที่บ้าน อย่างน้อยก็ช่วยพยุงให้พวกเขากับช่างทอได้ผ่านช่วงเวลาโหดร้ายนี้ไปได้

************************

สามเดือนกว่าที่เขายุ่งอยู่กับงาน แต่ภาพหญิงสาวในอ้อมแขนไม่เคยเลือนหาย ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนก็ไม่มีข่าวว่าอัญมณีประจำตระกูลอัชราฟหายไปอีก ทำให้แน่ใจได้ว่าเธอไม่ใช่หัวขโมย

เสียงเคาะประตูห้องทำงานเขาดังขึ้น เขาจึงออกปากอนุญาตให้เข้ามาได้ แล้วเขาก็มองอาของเขาเดินเข้ามาพร้อมลูกชาย...มูฮัมหมัดที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องของแม่เท่าไรนัก เขามาเพราะแม่สั่ง

“มีอะไร” น้ำเสียงเขาเฉยชากับอาคนนี้มาก

“อามีเรื่องอยากให้อัสซิมช่วยสักหน่อย คือเมื่อวานนี้ อาตั้งใจจะเข้าไปเอาเครื่องเพชรออกมา แล้วก็ไปเจอว่าหัวใจแห่งอัชราฟหายไป หลานก็รู้ว่ามันเป็นเพชรสีดำเม็ดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุด มันเป็นสมบัติของตระกูลอัชราฟมาหลายชั่วคนนะ” ฟอเซย์รีบขอความช่วยเหลือจากหลานชายทันที

“ก็แจ้งความสิครับ มาบอกผม ผมจะช่วยอะไรได้” อัสซิมทำทีเป็นไม่สนใจนัก เพราะเบื่อที่อาชอบหาผู้หญิงมาให้เขาเพื่อให้เขาแต่งงานด้วย ล่าสุดก็ฟาราห์แห่งตระกูลแฮสซาน

“แจ้งความไม่ได้ เพราะคนอื่นจะแย่งชิงไป” ฟอเซย์บอกหลานชาย แล้วพยายามขอร้อง “ช่วยอาด้วย”

“แล้วดูกล้องวงจรปิดหรือยังล่ะครับ” อัสซิมจึงถามอย่างเสียไม่ได้

“ไม่เจออะไรผิดปกติ อาไม่รู้จะทำยังไงแล้วนะ” ฟอเซย์ต้องขอความช่วยเหลือจากหลานชาย เพราะลูกชายเธอไม่มีความสามารถในความคิดของเธอ

“เอาไฟล์ภาพกล้องวงจรปิดมาแล้วผมจะให้คนจัดการให้” อัสซิมพูดตัดบท

ฟอเซย์รีบขอบคุณหลานชาย และบังคับลูกชายให้ขอบคุณด้วย ก่อนจะออกจากห้อง ก็ยังถามเพิ่ม “เรื่องฟาราห์ แฮสซาน ล่ะ หลานว่ายังไง”

“ให้มันจบไปเป็นเรื่องๆ นะครับ” อัสซิมตัดบทบอกลา แล้วเรียกเอาตารางการเดินทางของเจนมาดู เห็นเธอมาอียิปต์ก็ให้นึกแปลกใจ แต่ไม่มีอะไรหายในช่วงนั้น ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันนัก

ทั้งหมดคงต้องดูว่ามีอะไรที่แปลกปลอมอีกบ้าง

************************

รถยุโรปคันใหญ่นำพาสุภาพสตรีผู้สูงศักดิ์กลับถึงปราสาทโดยปลอดภัย เมื่อเธอมาถึงก็เดินไปที่ห้องหนังสือของบ้าน บิดาเธอกำลังนั่งดื่มบรั่นดีชั้นยอดอยู่ในห้องนั้น

“เป็นยังไงบ้างคะ ท่านพ่อ” เธอจูบหน้าผากของพ่อแล้วโอบกอดพ่อ

“ลูกกลับมาแล้วเหรอ เจน พ่อยังสบายดีอยู่ แต่คุณหมอเนลลี่สิ ดุพ่อตลอด บอกให้พ่อหยุดดื่มสักที” ท่านเอิร์ลแห่งฮาร์ทฟอร์ดตอบลูกสาวแล้วมองลูกสาวที่มานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า

“ถ้าท่านพ่อหยุดดื่ม สุขภาพท่านพ่อจะแข็งแรงกว่านี้มากนะคะ” เจนพยายามปลอบให้พ่อดูแลสุขภาพมากกว่านี้

“งั้นพ่อจะดื่มให้น้อยลง จริงๆ พ่อก็ดื่มน้อยลงมากแล้ว ไม่เชื่อถามคุณแอนเดอสันก็ได้นะ” ท่านเอิร์ลแห่งฮาร์ทฟอร์ดปลอบใจลูกสาวสุดที่รัก “เป็นไงบ้างลูก ไปเยี่ยมหลุมศพพ่อแม่มาแล้วใช่ไหม”

“ค่ะ ท่านพ่อ ก่อนกลับถึงบ้าน ลูกไปเยี่ยมคุณแม่กับพี่สาวมาด้วยนะคะ” เจนรายงานพ่อ

“ลูกคงไม่ลืมไปพบเจมส์ด้วยใช่ไหม” ท่านเอิร์ลถามด้วยความเป็นห่วงลูกสาว

“ต้องไปค่ะ” เจนบอกแล้วจูบมือพ่ออย่างเคารพ “หนูว่าท่านพ่อควรนอนพักได้แล้วนะคะ”

“ขอพ่ออ่านเอกสารอีกหน่อยนะลูก” ท่านเอิร์ลบอกลูกสาวแสนสวยของเขา

“ลูกขอตัวไปพักก่อนนะคะ ท่านพ่ออย่าหักโหมนะคะ ลูกมาช่วยงานท่านพ่อหนึ่งเดือน ท่านพ่อจะได้พักผ่อนด้วย” เจนบอกพ่อที่เลี้ยงเธอมาจนเติบใหญ่

ท่านเอิร์ลหัวเราะออกมาเต็มเสียง ก่อนไอเล็กน้อย “พ่ออยากพักมากกว่านั้นอีกนะ ถ้าลูกจะอยู่กับพ่อตลอดทั้งปี”

“ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวท่านพ่อว่าลูกอีก หาว่าลูกทำให้ท่านพ่อเป็นตาแก่ไร้ค่า” เจนจูบหน้าผากพ่ออีกครั้ง แล้วขอตัวกลับห้อง

ท่านเอิร์ลตบหลังมือลูกสาว แล้วกวักมือให้คุณแอนเดอสันเอาเหล้าไปเก็บ เขาก็ไม่อยากให้ลูกสาวกังวลใจ แต่เพราะหัวใจเขาเหมือนตายไปตั้งแต่วันที่ภรรยาและลูกสาวถูกสังหาร

วันนั้นเหมือนตกนรกก็ไม่ปาน หากไม่เพราะเด็กหญิงที่อยู่ในกองโจรช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาคงไม่มีโอกาสได้รอดชีวิตกลับมาอย่างนี้ แต่รอดชีวิตกลับมาได้ หัวใจเขาก็ด้านชา เขานำเด็กหญิงคนนั้นมาแทนที่ลูกสาวเขาและเลี้ยงดูจนเติบโต สิ่งที่ดีที่สุดก็เกิดขึ้นในชีวิตเขา เมื่อเด็กหญิงคนนี้ดูแลเขาประหนึ่งพ่อบังเกิดเกล้า

เธอเอาใจใส่เขาในยามป่วย เขาสูญเสียภรรยาและลูก เธอสูญเสียพ่อแม่ เขาไม่ได้สอบถามมากความ รู้เพียงว่าเธอมีงานอดิเรกลึกลับ ทุกครั้งที่เล่าให้เขาฟัง มีแต่เรื่องเร้าใจ

เขาหวังเพียงให้ลูกสาวคนนี้ปลอดภัย อย่าได้ทอดทิ้งเขาเฉกเช่นภรรยาและลูกสาวอีกคนของเขา

เมื่อถึงห้องนอน เจนก็นอนลงที่เตียง ก่อนเปลี่ยนชุดลำลอง แล้วค่อยออกจากห้องโดยใช้ช่องทางของพวกคนรับใช้ ลงไปยังคุกใต้ดินเก่าที่ไม่มีใครใช้แล้ว เข้าห้องลับเดินไปตามทางเดิน เข้าสู่ห้องพิเศษที่เธอกับคนสนิทร่วมกันทำขึ้น โดยมีคนรู้เพียงห้าคนเท่านั้น

“คุณแอนเดอสันเข้ามาทำความสะอาดห้องนี้จริงๆ ด้วย” เจนพูดขึ้นก่อนนั่งลงที่เก้าอี้นวม ซึ่งขนเข้ามาประกอบในห้องนี้ ระบบระบายอากาศที่ถูกปรับปรุงจากเธอกับคนสนิททั้งสองคน “เอมม่าขอบรั่นดีหน่อย”

เอมม่าเข้ามาเสริฟเครื่องดื่มที่เจ้านายต้องการ ก่อนมองเจ้านายเอาสร้อยเพชรสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งเจ้านายขโมยมาจากห้องเก็บอัญมณีของตระกูลอัชราฟ

สามปีที่ผ่านมานี้ เมื่อครบรอบวันตายของพ่อแม่ของทุกปี เจนจะต้องเข้าไปเพื่อขโมยเครื่องเพชรของตระกูลอัชราฟมาหนึ่งชิ้น ปีนี้พิเศษเพราะความในใจของเจ้านาย ทำให้หยิบชิ้นสำคัญมาแทน

“ปีหน้าท่านหญิงจะเข้าไปขโมยไม่ได้แล้วนะครับ” โฮเวิร์ดพยายามเตือนเจ้านาย

“ปีหน้าฉันจะไม่เข้าไปขโมยที่นั่นแล้วล่ะ เพราะฉันได้ชิ้นสำคัญมาแล้ว” เจนตอบรับคำเตือนของคนสนิทเสมอ

“น่าเป็นห่วง เพราะชิ้นนี้มูลค่ามหาศาล เพชรสีดำที่เม็ดใหญ่ที่สุดของตระกูลอัชราฟ ทางนั้นต้องรู้แน่ว่ามีของอีกสามชิ้นหายไป” เอมม่าพูดขึ้นแล้วก็ถอนหายใจยาว

เจนกลับไม่สนใจหัวใจแห่งอัชราฟ เธอสนใจชุดเครื่องประดับที่หยิบมาในครั้งแรกมากกว่า เป็นชุดเครื่องเพชรสีดำที่พ่อมอบให้แม่เธอในวันแต่งงาน

คนอื่นอาจมองว่าพ่อเธอซื้อแม่เธอมาจากน้องชายตา แต่ความเป็นจริงแล้วพ่อหลงรักแม่ตั้งแต่แรกเห็น เมื่อเห็นว่าธุรกิจของน้องชายตาจะไม่รอด จึงเสนอซื้อแม่เธอมา แล้วก็ใช้ใจซื้อใจแม่เธอ

พ่อไม่เคยบังคับให้แม่ยอมมอบกายให้ เขารอจนแม่เธอใจอ่อนยินยอมเอง ทั้งยังแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามหลักศาสนา และไม่ใช่ทาสในฮาเร็มอย่างที่คนทางเมืองไทยเข้าใจ

เธอรู้ว่าอัญมณีทุกชิ้นที่ขโมยมาไม่สามารถนำออกไปใส่ให้ใครดูได้ แต่เธอก็พอใจที่ได้มันมาไว้ในครอบครอง แม้จะมีเงินมากพอจะซื้อ แต่เหตุใดเธอต้องซื้อสิ่งที่เป็นของพ่อเธอแต่แรก

เอมม่ากับโฮเวิร์ดได้แต่เงียบ แล้วนั่งอ่านหนังสือ รอเวลาที่ท่านหญิงจะออกไปจากห้องนี้ โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าท่านหญิงจะวางแผนขโมยเครื่องเพชรชิ้นไหนอีก

ถึงจะบอกว่าหยุดขโมยจากคลังของตระกูลอัชราฟ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ค้นหาอัญมณีที่ตระกูลอัชราฟเอาออกเร่ขาย

************************

ยามเช้าแสนสงบ ท่านเอิร์ลทานอาหารเช้ากับลูกสาวโดยไม่มีใครรบกวน เจนทำให้พ่อหัวเราะอยู่บ่อยครั้ง ช่วงนี้เขาจึงไม่ดื่มเหล้าหนักอย่างทุกที

“อืม ลูกรู้จักกับเจ้าของบริษัทสัมปทานบ่อน้ำมันบ้างไหม” ท่านเอิร์ลถามขึ้น และมองลูกสาวขมวดคิ้ว

“ไม่นี่คะ” เจนปฏิเสธหน้าตาเฉย

“เหรอ ลูก พอดีวันนี้มีเจ้าของบริษัทสัมปทานน้ำมันคนหนึ่งจะมาเยี่ยมพ่อที่บ้าน พ่อเห็นคนเป็นคนหนุ่มไฟแรง จึงอนุญาตให้มาทานมื้อเที่ยงกับเรา ลูกอยู่ช่วยพ่อรับรองด้วยได้ไหม” ท่านเอิร์ลบอกลูกสาวแล้วมองอย่าพิจารณา

“ขอลูกดูตารางก่อนนะคะ” เจนเรียกเอาตารางจากเอมม่า ก่อนบอกพ่อ “ลูกกำลังจะไปเจรจาออร์เดอร์กับท่านป้าค่ะ ท่านป้าจะสั่งไวน์ลูกเพื่อเลี้ยงฉลอง คงไม่ไปไม่ได้ค่ะ”

“เจน” ท่านเอิร์ลเรียกลูกสาวเสียงเรียบ

“ท่านพ่อควรทราบว่าลูกไม่ต้องการพบเจ้าของบริษัทสัมปทานบ่อน้ำมันคนไหนทั้งนั้นนะคะ” เจนปฏิเสธไม่อยากรู้จัก

“พ่อรู้ แต่พ่อรู้ว่าลูกสนิทสนมกับเจ้าของบริษัทสัมปทานบ่อน้ำมันคนนี้ที่เมืองไทย” ท่านเอิร์ลบอกลูกสาวในตอนท้าย

เจนถอนหายใจยาว “เขาคงเป็นอัสซิม อาลี โอมาห์ มาห์นาซ สินะคะ งั้นลูกยิ่งไม่อยากเจอค่ะ เพราะมันจบแล้ว”

“งั้นก็แล้วแต่ลูก” ท่านเอิร์ลไม่อยากคาดคั้นลูกสาว

เจนรู้ว่าพ่อรู้เรื่องราวจากเมืองไทยจากคนติดตามคนอื่น แต่เธอก็ไม่สนใจนัก ตราบที่เธอยังรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ พ่อก็ไม่เข้ามาวุ่นวายกับเธอ

************************

ช่วงสายวันนั้นเธอจึงรีบออกจากบ้าน รถยุโรปหรูของเธอเคลื่อนออกจากบ้านทันที แต่เพราะชะตากลั่นแกล้ง รถของอัสซิมเลี้ยวเข้ามาพอดี จึงขวางทางรถของเจนพอดี

เจนเห็นกลุ่มคนเปอร์เซียลงจากรถ ก็ต้องส่ายหน้าช้าๆ สักพักอัสซิมก็ลงจากรถเช่นกัน

“หลีกทางด้วยค่ะ ท่านหญิงฮาร์ทฟอร์ดจะไปธุระ” เอมม่าลงจากรถแล้วบอกทางนั้น

คาลิมหันไปมองเจ้านาย อัสซิมกลับส่ายหน้าไม่ให้หลีกทางให้ เขาจึงยืนเฉย

“ขอร้องนะครับ พวกเรากำลังรีบ ท่านหญิงมีนัดทานของว่างยามบ่ายกับท่านบารอนเนส และไม่อยากไปสาย” โฮเวิร์ดลงจากรถมาอีกคน

ฝ่ายนั้นไม่มีใครยอมหลีกทางให้ อัสซิมก็ไม่พูดอะไรและยืนมองอยู่อย่างนั้น ส่วนเจนก็นั่งอยู่ในรถโดยไม่ลงจากรถ จนกระทั่งมีเสียงรถดังขึ้นและหยุดจอด เพราะทางที่เคยมีรถสวนทาง กลับมีรถจอดขวางกลางถนนอยู่

คนขับรถลงจากรถแล้วเดินลงมาดู เห็นรถของญาติสาวจอดอยู่และกลุ่มคนอาหรับก็ไม่ยอมหลีกทางอีกด้วย

“หลีกทางให้ท่านหญิงฮาร์ทฟอร์ดเดี๋ยวนี้นะ ถึงจะเป็นแขกของท่านลุง แต่ถ้าทำตัวไร้มารยาทกับเจ้าบ้านแบบนี้ ก็ไม่เป็นที่ต้อนรับของคนที่นี่” จอร์จพูดเสียงดังฟังชัด เขาเดินไปอยู่ที่หน้ารถของเจน

เจนได้ยินเสียงญาติก็ลงจากรถ แล้ววิ่งเข้าไปกอดพร้อมหอมแก้มทักทาย “จอร์จ คุณจริงๆ ด้วย กลับมาจากเซี่ยงไฮ้เมื่อไร”

“ไม่เจอกันนาน แค่เจนยังจำผมได้ ผมก็ดีใจจะแย่แล้ว รีบออกไปข้างนอกไม่ใช่เหรอ ผมเลยมาเสียเที่ยวเลย” จอร์จพูดอย่างแสนเสียดาย แต่เขาก็มีมารยาทพอที่จะไม่ขวางเธอ

เจนครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า ตอนนี้เธอยืนตั้งหลักได้แล้ว ก็สั่งคนสนิท “โฮเวิร์ดบอกริชาร์ดให้ไปพบท่านป้าของฉันเถอะ”

โฮเวิร์ดรับคำแล้วก็ถอยรถ

เจนควงแขนจอร์จแล้วเดินไปที่รถเขาแทน “ไม่ใช่ทุกวันที่เธอจะมาเยี่ยมฉัน น่าจะโทรมาบอกก่อน ฉันจะได้ไม่นัด แต่ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่าท่านป้าจะเข้าใจ”

จอร์จพาญาติสาวแสนสวยของเขาเดินผ่านกลุ่มคนเหล่านั้น แต่อัสซิมกลับรั้งแขนเธอเอาไว้ “กรุณาปล่อยท่านหญิงเดี๋ยวนี้”

อัสซิมกำมืออีกข้างแน่น แล้วปล่อยเธอเดินผ่านไป เจนไม่มองเขาแม้แต่น้อย หากไม่เพราะเขาจับแขนเธอไว้ เธอไม่มองเขา

“กรุณาเลื่อนรถด้วยนะคะ ที่นี่ถนนส่วนบุคคล ถึงจะเป็นแขกของท่านพ่อก็ไม่ควรทำตัวไร้มารยาทแบบนี้” เจนออกปากคล้ายขอร้อง แต่น้ำเสียงคือคำสั่ง

คาลิมหันไปมองเจ้านาย อัสซิมพยักหน้าแล้วเดินไปขึ้นรถ คาลิมก็กลับขึ้นรถ แล้วขับตรงไปยังด้านหน้าของปราสาท เขามองไปด้านหลังเห็นรถยุโรปอีกคันขับตามมา โดยมีโฮเวิร์ดขับให้ เพราะตอนนี้เจ้าของรถกำลังนั่งพูดคุยกับนายหญิงของบ้าน

************************

สุขสันต์วันแม่ค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน
ของขวัญวันแม่สำหรับผู้รักแม่และแม่ที่รักลูกนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายค่ะ
คุณ sai - เปิดพัดลมคลายร้อนให้ค่า ฮี่ๆๆๆ
คุณ konhin - เอาผ้าก็อตซับจมูกให้ค่า อิอิ
พี่ตุ้งแช่ - ส่งยารักษาแผลไฟไหม้ให้ค่า หุหุ

ป.ล.
- ใครที่ต้องการพาสจะเมลมาที่ plerngwaree@hotmail.com ก็ได้ค่ะ
- ติดตามข่าวสารต่างๆ ได้ที่ www.facebook.com/plerngwaree
- คนรักเฮีย "พาย" อย่าพลาดเฮีย "พาย" ปกใหม่กำลังจะวางแผงแล้วค่ะ

**********************************
eBooks ผลงานที่ผ่านมานะคะ
1. ด้วยหัวใจ...พันรัก (229 บาท / 9.99$)
- www.mebmarket.com/index.php?action=BookD...QiO3M6NDoiNDQ2NiI7fQ
- www.ebooks.in.th/ebook/13221/ด้วยหัวใจ...พันรัก

2. เราสามคน..หนทางเดียว (159บาท / 6.99$)
- www.mebmarket.com/index.php?action=BookD...QiO3M6NDoiNDQyNyI7fQ
- www.ebooks.in.th/ebook/13203/เราสามคน..หนทางเดียว

3. ตามตะวัน ณ จันทร์พันดาว (159฿ / 6.99$)
- www.mebmarket.com/index.php?action=BookD...QiO3M6NDoiNDQ2OSI7fQ
- www.ebooks.in.th/ebook/13231/ตามตะวัน_ณ_จันทร์พันดาว

4. แผนร้ายในทางรัก (139บาท / 5.99$)
- www.mebmarket.com/index.php?action=BookD...QiO3M6NDoiNDI2MyI7fQ
- www.ebooks.in.th/ebook/13179/แผนร้ายในทางรัก



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ส.ค. 2556, 14:53:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ส.ค. 2556, 14:53:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1396





<< 02   04 >>
ตุ๊งแช่ 12 ส.ค. 2556, 16:44:15 น.
5555 ท่านอัสซิมถูกเมิน หุหุ


konhin 12 ส.ค. 2556, 20:24:49 น.
ฮ่าๆๆ เจ๋งมากค่ะ ต้องแบบนี้ ว่าแต่ผ้าก๊อตเอาไม่อยู่ค่ะ ต้องผ้าเช็ดตัวแล้วว ฮ่าๆๆ


sai 12 ส.ค. 2556, 23:24:13 น.
อัสซิมโดนเมินนน


MDDC 13 ส.ค. 2556, 02:00:53 น.
ตอนนี้ยาวจุใจดี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account