โอเอซิส...พิชิตรัก
นิยายกึ่งทะเลทรายเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของเจนกับอัสซิมเหมือนแมวไล่จับหนู ชิงไหวชิงพริบ ปฏิเสธความรู้สึก ปิดบังบางอย่างต่อกันเสมอ พระนางไม่ค่อยเผยความรู้สึก ออกแนวพูดต่างภาษา แต่ต้านแรงดึงดูดระหว่างกันไม่ได้ ทำให้เกิดความผูกพัน เป็นคนเก่งทั้งคู่ แล้วพยายามอ่านกันและกันตลอดเรื่อง อิอิ สู้กันจนหยดสุดท้ายกันเลยทีเดียวค่ะ แล้วก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งตามสูตรของผู้เขียนค่ะ
Tags: ทะเลทราย โจร แก้แค้น

ตอน: 04

โอเอซิส...พิชิตรัก ตอนที่ 4

คุณแอนเดอร์สันมายืนรอต้อนรับแขก เพราะรู้จากประตูหน้าว่ามีแขกมาพบท่านเอิร์ล

“คุณมาร์แชล” แอนเดอร์สันทักทายญาติเจ้านาย ก่อนทักทายแขกที่มาพบ “คุณมาห์นาซ”

อัสซิมทักทายพ่อบ้านของอีกฝ่าย แล้วได้แต่มองเจน หล่อนยังคงเมินไม่สนใจเขาทำให้น่าหงุดหงิด แต่เขาต้องรักษาท่าทีให้สงบจะได้ไม่ทำให้การมาครั้งนี้เสียเปล่า

“คุณแอนเดอร์สันช่วยจัดมื้อเที่ยงเพิ่มอีกที่นะคะ” เจนรีบดึงญาติหนุ่มไปทักทายพ่อ “ท่านพ่อคะ จอร์จมาค่ะ”

ท่านเอิร์ลแห่งฮาร์ทฟอร์ดสูบไปบ์แล้วจับมือกับหลานชาย “เดินทางมาเยี่ยมเจนถึงที่นี่เลยเหรอ จอร์จหลานรัก แต่ดีแล้ว และขอโทษนะ ลุงมีแขก ไปคุยกับเจนเถอะ”

“ขอตัวก่อนนะครับ ท่านลุง” จอร์จแสดงความเคารพ จากนั้นก็ถูกญาติสาวควงแขนพาไปอีกด้านของห้อง

“ขอโทษที ไม่คิดว่าจะมีญาติมาเยี่ยม สวัสดีคุณมาห์นาซ” ท่านเอิร์ลชี้ที่นั่งในห้องรับแขกเมื่อเขานั่งลง อัสซิมถึงนั่งตาม เพราะตามศักดิ์แล้วท่านเอิร์ลย่อมสูงกว่า

อัสซิมนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเจนนั่งดื่มเครื่องดื่มและของว่างกับญาติหนุ่ม เขามองจนลืมว่ามาพบเจ้าของบ้านไม่ใช่มาพบลูกสาว

“นั่นจอร์จ มาร์แชล น้องชายของเจมส์ มาร์แชล คู่หมั้นที่เสียไปของเจน จอร์จอายุพอๆ กับเจน จึงสนิทสนมกันมาก” ท่านเอิร์ลบอกเล่าตามสายตาของชายหนุ่ม

“อ๋อครับ” อัสซิมรู้สึกว่าสนใจคนอีกด้านมากเกินไป แล้วรู้สึกเสียมารยาท จึงหันมาทางท่านเอิร์ลแทน “ขอบคุณที่อนุญาตให้ผมมาดูปราสาทแห่งนี้นะครับ”

“ไม่ใช่ปราสาทสำคัญอะไร ทำไมจะให้ดูไม่ได้ล่ะ” ท่านเอิร์ลสูบไปบ์อยู่และอ่านหนังสือต่อ “คุณแอนเดอสันพาคุณมาห์นาซเดินดูรอบๆ สิ ขอโทษเถอะนะ ฉันน่ะ แก่แล้ว ไม่ค่อยอยากเดินนานๆ”

“คุณมาห์นาซกรุณาตามผมมานะครับ เราไม่อนุญาตให้คนสนิทคุณตามไปทั้งหมด กรุณาพาไปเพียงคนเดียวก็คงพอนะครับ” คุณแอนเดอสันบอกกล่าวอย่างสุภาพ

เขาเป็นชายชราตัวสูงโปร่งที่มีลักษณะเข้มงวดต่อกฎระเบียบ พูดน้อย ผอมเกร็ง และไม่ขี้หงุดหงิด เขาสงบนิ่งและพูดเฉพาะที่ต้องพูดเท่านั้น

อัสซิมจึงหันไปพยักหน้ากับคาลิม แล้วเดินตามคนสูงวัยไป ขณะที่คนที่เหลือต้องออกไปรอที่ด้านนอกแทน เพราะท่านเอิร์ลโบกมือไล่ให้ออกไป

คุณแอนเดอสันจึงพาแขกเดินไปทีละห้องอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ เขาพาไปเฉพาะห้องสำคัญๆ เท่านั้น ก่อนพาเดินออกไปที่สวน อัสซิมอยากให้ถึงสวนเร็วๆ อยู่แล้ว แต่ก็ติดที่ไม่สามารถเข้าไปคุยกับเจนได้โดยตรง เขาต้องยับยั้งชั่งใจอยู่หลายครั้ง

“จอร์จ คุณต้องมาที่นี่ให้บ่อยขึ้น คุณรู้ไหมว่าคุณทำให้ชีวิตฉันสดใสขึ้นมาก” เจนปล่อยให้เขากุมมือเธออยู่อย่างนั้น เขาหน้าตาคล้ายเจมส์มาก และทำให้เธอหัวเราะได้เสมอ

หากเจมส์คือหนุ่มผู้ดีอังกฤษ เขาจะดูเย็นชาเมื่ออยู่กับคนทั่วไป แต่เวลาอยู่กับเธอเพียงลำพัง เขาจะอ่อนหวานและร้อนแรงในเวลาเดียวกัน ขณะที่จอร์จจะเป็นหนุ่มขี้เล่นร่าเริงกว่ามากนัก

“ผมยินดีที่ได้เห็นคุณหัวเราะ ตั้งแต่เจมส์จากไป คุณเก็บเนื้อเก็บตัวและทำแต่งาน ผมอยากเห็นคุณออกงานสังสรรค์ที่อังกฤษบ้าง ไม่ใช่หลบหน้าพวกญาติๆ แบบนี้” จอร์จได้แสดงความเป็นห่วงเธอ ไม่ใช่ในฐานะญาติหรือเพื่อน แต่ในฐานะที่เขาหลงรักเธอ

ในวัยเด็กเขากับเธอสนิทกันมาก แต่หลังจากที่เธอกับแม่ถูกลักพาตัวไป เธอก็เปลี่ยนไป เก็บตัวไม่ยอมพบหน้าใครไปนานหลายปี จนกระทั่งวัยสาวมาเยือน เธอได้พบพี่ชายเขาและสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว ในหน้าร้อนที่พี่ชายมาพักที่นี่ ไม่นานนักก็มีข่าวการหมั้นออกมา

คุณพ่อคุณแม่ของเขามีความยินดีเสมอ และเมื่อเขาได้เห็นเธอในงานหมั้นของพี่ชายเขา เขาได้แต่ตื่นตะลึงกับเด็กสาววัยสิบเจ็ดที่งดงามอย่างเปอร์เซีย เพียงเสียดาย...เธอมีเพียงพี่ชายเขาอยู่ในสายตาเท่านั้น

และแล้วความสดใสนั้นก็จางหายไป เมื่อเธอได้รับรู้ว่าพี่ชายของเขาเสียชีวิต เป็นช่วงเวลาสามปีที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มจากดวงหน้าสวยคมของเธออีกเลย จนกระทั่งวันนี้...

จอร์จมองรอยยิ้มของเธอยามที่ได้ยินชื่อของเจมส์ รอยยิ้มเศร้าช่างบาดลึกในใจเขา เขาเกิดความรู้สึกอิจฉาพี่ชายมาก แม้ในยามจากไป...ยังเอาหัวใจของเธอไปยังสรวงสวรรค์อีกด้วย

“ขอโทษที่พูดถึงเขา” จอร์จรีบออกปากขอโทษเมื่อได้สติ

“ไม่เป็นไรหรอก เขาสมควรได้รับการจดจำ” เจนฝืนยิ้มเล็กน้อย

แม้ปากจะพูดเกี่ยวกับความเสเพลให้อัสซิมฟัง แต่เมื่อนึกถึงเจมส์แล้ว เธอกลับไม่สามารถทำอย่างนั้น และถึงไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจึงยอมมีความสัมพันธ์กับอัสซิม แต่ไม่มีประโยชน์ที่จะหาคำตอบอีกแล้ว เมื่อเธอกับเขาคงไม่มีวันสร้างความสัมพันธ์ใดๆ ขึ้นมาอีก

“โอ้ ฉันคงทำให้คุณเบื่อหน่ายสินะ ให้อภัยผู้หญิงที่งมงายคนนี้ด้วยเถอะ” เจนสัมผัสดวงหน้าของเขาแล้วมอบรอยยิ้มที่สดใสที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ทำไมคุณไม่เล่าเรื่องที่ประเทศจีนให้ฉันฟังล่ะ”

จอร์จค่อยยิ้มออกแล้วเล่าเรื่องที่ประเทศจีนให้เธอฟัง ก่อนชะงักเมื่อเธอมองไปที่ด้านหลังของเขา และเมื่อเขามองตามจึงได้รู้ว่า หนุ่มอาหรับคนนั้นมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังคุณแอนเดอสัน

“ขอโทษที่มารบกวน เรากำลังจะไปทางอื่นแล้วครับ ท่านหญิงเจน” คุณแอนเดอสันรายงาน

“ช่วงบ่ายฉันกับจอร์จจะว่ายน้ำในสระนะคะ คุณแอนเดอสัน” เจนบอกพ่อบ้านเก่าแก่เพื่อให้เตรียมการเอาไว้

“ผมจะให้คนรับใช้เตรียมกางเกงว่ายน้ำให้คุณมาร์แชลครับ” คุณแอนเดอสันตอบรับแล้วพาแขกไปทางอื่น

อัสซิมมองสบตาเธอด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แล้วก็หันหลังออกไปทันทีที่คุณแอนเดอสันเดินนำทาง

เจนสบตาเขาอยู่พัก เมื่อเขาเดินตามคุณแอนเดอสันก็หันมาคุยกับญาติหนุ่ม “คืนนี้พักที่นี่สิ อุตส่าห์มาตั้งไกล”

อัสซิมได้ยินก็กำมือแน่น เขาต่างหากที่มาไกลกว่าเจ้าหนุ่มนั่นหลายร้อยไมล์ แต่หล่อนไม่ทักทายสักคำ กลับเอาใจแต่ไอ้หนุ่มนั่น ถึงไอ้หนุ่มนั่นจะเป็นน้องชายของคนที่เธอรักนักรักหนา ก็น่าจะเห็นน้ำใจเขาบ้าง

“ได้สิ เจน ผมรอให้คุณชวนผมอยู่นะเนี่ย” จอร์จยิ้มยินดีที่เธอถามขึ้นก่อน ไม่ต้องให้เขาได้กระดากขอร้อง

เจนเพียงหัวเราะ รู้อยู่ว่าเขามองเธอด้วยสายตาเช่นไร หากหัวใจเธอมีเพียงเจมส์เท่านั้น ส่วนอัสซิม เธอไม่ค่อยแน่ใจ รู้แต่ว่าไม่อาจปฏิเสธเขาได้เช่นกัน

****************************

เมื่อถึงมื้อเที่ยง เจนนั่งลงร่วมโต๊ะกับพ่อและแขก ขณะที่จอร์จก็เล่าเรื่องธุรกิจของเขาให้ท่านเอิร์ลฟัง ธุรกิจที่มีความก้าวหน้าเป็นลำดับ ก่อนเข้ามาที่เรื่องของโจรคนหนึ่ง

“คุณพ่อเธอล่ะ สบายดีหรือเปล่า” ท่านเอิร์ลถามขึ้นเมื่อเรื่องหนึ่งจบไป

“คุณพ่อกำลังปวดหัวกับสร้อยเพชรสีดำที่หายไปของมาดมัวแซลเลอแบร์ เธอมาอยู่ที่อังกฤษตั้งหลายปี เพิ่งเจอขโมยขึ้นบ้านก็ครั้งนี้แหละครับ นี่ก็เพิ่งรู้เพราะเธอตั้งใจนำออกมาใส่ที่งานราตรีสโมสร ไม่มีอะไรผิดปกติในห้องนั้นเลย และกล้องวงจรปิดก็ปกติดี” จอร์จเล่าเรื่องงานของพ่อเขาที่สก็อตแลนด์ยาร์ด

“อย่างนั้นรึ” ท่านเอิร์ลฟังการเล่าเรื่องอย่างสงสัย แม้จะรู้ดีว่าเป็นฝีมือใคร

“ครับ ท่านบอกว่ามาดมัวแซลซื้อจากเพื่อนชาวอาหรับของเธอ ชื่อฟอเซย์ อัชราฟ ในราคาที่สูงพอสมควร ดีที่มีประกันไม่อย่างนั้นคงเสียดายเงินอยู่มาก อ๋อ ท่านลุง มาดมัวแซลเลอแบร์นี่ท่านลุงน่าจะรู้จัก เธอเป็นสาวแก่ที่ไม่ยอมแต่งงาน” จอร์จเล่าความให้ละเอียดเพิ่มขึ้นจนเจนต้องหัวเราะ

“คุณช่างเหน็บแนมเก่งเสียเหลือเกินนะคะ จอร์จ ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงที่น่าสงสาร เพราะเธอถูกขโมยของไปนะคะ” เจนพูดตามมารยาท ท่าทีเธอเรียบเฉย

“แต่ก็อย่างว่าแหละ ผู้หญิงอย่างมาดมัวแซลเลอแบร์เป็นผู้หญิงที่ชอบโอ้อวดอย่างร้ายกาจ ได้ยินคุณพ่อเล่าว่าเมื่อแรกที่ได้สร้อยเส้นนั้นมา เธอก็สั่งทำเครื่องเพชรเข้ากันทั้งชุด และนำออกมาใส่ทันที พร้อมทั้งเล่าความเป็นมาอย่างน่าภาคภูมิใจ แต่เหยียบย่ำเจ้าของเดิมเสียไม่มีดี เป็นผู้หญิงที่ไม่ควรค่าแก่การเชิดชู” จอร์จอธิบายความแล้วแสดงสีหน้ารังเกียจอย่างชัดเจน

“แสดงว่าสร้อยเพชรที่หายไป ก็ต้องมีสัญลักษณ์ของตระกูลอัชราฟสินะครับ” อัสซิมถามขึ้น

“อันนี้ผมไม่ทราบ เพราะคุณพ่อไม่ได้เอาภาพให้ดู แต่น่าจะหาอ่านได้ในหนังสือพิมพ์เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนะครับ” จอร์จบอกตามตรง เขาก็ไม่เคยเห็นเช่นกัน

“คุณแอนเดอสันช่วยเอาหนังสือพิมพ์เก่ามาให้หน่อยสิ” ท่านเอิร์ลเรียกหนังสือพิมพ์เพื่อหาดูรูปทันที

“ที่ว่าหายเนี่ย หายทั้งชุดเลยเหรอ” อัสซิมถามแล้วมองหน้าเจนซึ่งกำลังทานซุปของเธออย่างเงียบๆ

“ไม่ครับ คุณพ่อบอกว่าหายเฉพาะสร้อยเท่านั้น” จอร์จเล่าความแล้วเมื่อคุณแอนเดอสันกลับมาพร้อมภาพสร้อยที่หนังสือพิมพ์ก็เล่าความต่อ “คุณพ่อเล่าว่าไม่ใช่เฉพาะสร้อยเส้นนี้ที่หายไป มีกริชเปอร์เซียประดับเพชรสีดำของท่านลอร์ดวิลท์เชอร์ก็หายไปเมื่อปีที่แล้ว คุณพ่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกัน”

อัสซิมจำสัญลักษณ์ของตระกูลอัชราฟได้ดี เขามองหน้าเจนที่ไม่มีทีท่าสนใจสักนิด เธอแค่ปลายตามองแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น

“ก็ไม่ใช่สร้อยเพชรที่สวยอะไรหายไปก็ไม่น่าเสียดายเท่าไรหรอก” เจนพูดขึ้นเมื่อพ่อส่งรูปให้ดู

“เห็นว่าเป็นสร้อยเพชรเก่าแก่น่ะ เจนที่รัก” จอร์จเรียกเจนอย่างสนิทสนม

พอได้ฟังชายหนุ่มอีกคนเรียกเจนอย่างสนิทสนม ใจของอัสซิมก็ร้อนเป็นไฟ จึงขอตัวเข้าห้องน้ำ เขาต้องสงบใจให้ได้จึงต้องใช้เวลาตั้งสติสักนิด

หล่อนช่างกวนอารมณ์เขาได้อย่างน่าประหลาด...

เมื่อเขากลับมาที่โต๊ะ การสนทนาก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่การหายไปของสร้อยเพชร แต่เจนก็ดูจะไม่ค่อยสนใจนัก

“สุดท้ายมาดมัวแซลเลอแบร์ก็ต้องสั่งทำสร้อยเส้นใหม่ แม้จะไม่เหมือนเส้นเดิม แต่ให้เข้าชุดกัน เพราะยากแก่การตามหา” จอร์จเล่าความจนจบ

“ท่านพ่อคะ ลูกเชิญจอร์จพักที่ปราสาทของเราหนึ่งคืนนะคะ” เจนเปลี่ยนเรื่องด้วยการหันไปคุยกับพ่อแทน

“ตามใจลูกสิ แล้วนี่ลูกจะไปฝรั่งเศสเมื่อไร” ท่านเอิร์ลถามลูกสาว เพราะรู้ว่าใกล้ถึงเวลาที่ลูกสาวจะต้องไปดูแลไร่องุ่นแล้ว

“คิดว่าไม่นานนี่คะ ยังไม่ได้กำหนด ลูกตั้งใจจะไปพักที่บ้านพักล่าสัตว์ของเราก่อนสักอาทิตย์ ลูกต้องการเวลาตามลำพังก่อนจะต้องไปพบความวุ่นวายค่ะ” เจนอธิบายความ เธออยู่บ้านมาครบเดือนแล้ว ก็อยากไปหาความสงบที่อื่นบ้าง

“แล้วแต่ลูกเถอะ” ท่านเอิร์ลพยักหน้าช้าๆ รับรู้ ก่อนหันไปถามแขกของเขา “คุณมาห์นาซว่างทั้งวันไหมครับ”

“ครับ ท่านเอิร์ล” อัสซิมตอบรับด้วยท่าทีนิ่งเรียบ

“ผมอยากเชิญคุณอยู่ร่วมทานอาหารเย็นวันนี้ด้วย เพื่อทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีและเป็นผู้ให้บริการที่ดี ได้ยินว่าคุณยังไม่เคยมาเที่ยวอังกฤษ และยังไม่มีเพื่อนที่ไหน”

“ด้วยความยินดีครับ” อัสซิมตอบกลับและทานอาหารอย่างสงบ

ท่าทีภายนอกเขานิ่งเรียบสงบ ผิดกับภายในที่ร้อนระอุ แต่เขาก็อยากอยู่ให้นานกว่านี้

“คุณแอนเดอสันให้คนคอยดูแลแขกของเราให้ดีด้วยแล้วกัน ถ้าไม่รังเกียจ ที่นี่มีสระว่ายน้ำ มีสนามซ้อมยิงเป้า มีสนามเทนนิส ผมก็ไม่ค่อยได้ลงไปเสียด้วย หวังว่าคุณแอนเดอสันจะช่วยดูแลแขกของเราได้” ท่านเอิร์ลเอ่ยปากเชิญและอนุญาต

ไม่มีใครเข้าใจเหตุผลของท่านเอิร์ล แม้แต่บุตรีของท่านที่กำลังงุนงงกับท่าทีของบิดา แต่ท่าทีเฉยชาของท่านเอิร์ลก็ทำให้ไม่มีใครกล้าถาม

“ถ้าบ่ายนี้คุณมาห์นาซว่างและสนใจ ผมกับท่านหญิงจะว่ายน้ำในสระ มาว่ายเป็นเพื่อนกันได้นะครับ” จอร์จเอ่ยปากชวนตามมารยาท เมื่อเจ้าของบ้านเอ่ยปากชวนแล้ว ถ้าเขาไม่ชวนก็ดูจะเป็นแขกที่ไม่รู้จักมารยาท

“ด้วยความยินดีครับ” อัสซิมไม่ปฏิเสธ ดีที่มีคนเอ่ยปากชวน

เจนกลับนิ่งเงียบไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมา เมื่อพ่อชวนแขกและเป็นแขกของท่านพ่อ เธอก็ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะคัดค้าน

****************************

เมื่อทานอาหารเที่ยงเสร็จ เจนกับจอร์จก็เดินไปด้วยกันในสวน เพื่อย่อยอาหาร เขาปล่อยให้ญาติสาวควงแขนแล้วเดินเล่นอย่างเงียบๆ

“เจนครับ ผมอยากถามอะไรคุณสักอย่าง” จอร์จถามอย่างเก้ๆ กังๆ

“อะไรเหรอคะ จอร์จ” เจนเงยหน้าขึ้นมองเขา เห็นสายตาแบบนั้นที่เจมส์เคยมองเธอก็หันไปมองข้างหน้า

“คุณคบหาใครเป็นพิเศษอยู่หรือเปล่า คือ เอ่อ ช่วงนี้นะครับ” จอร์จถามแล้วไม่กล้าสบตาเจน

เจนรู้ว่าถามหมายถึงอะไร จึงตอบไปตามตรง “ก่อนหน้านี้ฉันมีความสัมพันธ์กับคนคนหนึ่งแค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่เขาไม่ทำให้ฉันตัดใจจากเจมส์ได้เลย” เธอต้องพูดตามตรง แม้มันจะทำให้เขาต้องเจ็บปวดใจก็ตาม

จอร์จตกใจเล็กน้อยเมื่อเธอบอกความจริง

“ขอโทษด้วยนะที่ทำให้คุณผิดหวัง แต่ฉันก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่เหงาเพราะขาดเจมส์ สักวันฉันคงอยู่ได้แม้ว่าจะไม่มีเขาแล้วก็ตาม” เจนบอกแล้วปล่อยแขนเขา เดินไปเรื่อยๆ

จอร์จสวมกอดเธอจากด้านหลัง แสดงความในใจของเขาออกมา “ให้ผมเป็นคนคนนั้นได้ไหม”

เจนถอนหายใจแล้วหันมาทางเขา “ไม่มีใครมีความสุขเพราะต้องเป็นตัวแทนของใครหรอกนะ ฉันไม่คิดว่าคุณจะพร้อมอยู่ในฐานะนั้นจริงๆ สักวันคุณจะต้องการมากกว่านั้น ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า ไปว่ายน้ำกัน”

เจนวิ่งนำกลับไปยังตัวบ้าน แล้วขึ้นไปชั้นบน ต้องตกใจเพราะอัสซิมแอบอยู่ที่บันได แล้วดึงเธอเข้าห้องที่ไม่ได้ล็อค เธอตกใจแต่ก็รู้ได้ว่าเป็นเขา จึงรีบหันไปดูเพื่อความมั่นใจ

“รู้ไหมว่าฉันตกใจ” เจนหงุดหงิดทุบอกเขาอย่างแรง

“ตกใจอะไรเป็นด้วยเหรอ เห็นหน้าผม ไม่เห็นคุณจะตกใจ” อัสซิมปล่อยเธอยืนด้วยตัวเอง เขากอดอกมองเธออีกครั้ง เธอยืนสง่ากระแทกลมหายใจอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“คุณจะให้ฉันทำหน้ายังไงล่ะ ฉันนึกว่าเราจบกันแล้ว ว่าแต่คุณขึ้นมาชั้นบนทำไม” เจนถามเขาอย่างหงุดหงิด

อัสซิมถือกางเกงว่ายน้ำให้เธอดู เป็นกางเกงว่ายน้ำขาสามส่วนที่เขาต้องเปลี่ยน

เจนหัวเราะนิดๆ ก่อนส่ายหน้า “ถ้าคุณไม่อยากว่ายน้ำก็ไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้นะ”

“มันไม่ใช่ปัญหา” อัสซิมบอกเล่าแล้วมองเธอถอนหายใจ

“ระหว่างฉันกับคุณไม่มีอะไรแล้วนะ ฉันขอตัวไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำก่อนแล้วกัน เจอกันที่สระ” เจนจะเดินออกไปจากห้อง

“ฉันไม่คิดว่ามันจบ” อัสซิมดึงเธอมากอด

“ปล่อย!!!” เจนบอกเสียงกร้าว “ตั้งแต่เช้าวันนั้น คุณไม่เคยติดต่อมา ฉันคิดว่ามันจบตั้งแต่เช้านั้นแล้ว”

อัสซิมไม่ปล่อยเธอง่ายๆ ยังคงกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน

“คุณจะเอายังไง” เจนขมวดคิ้วมองเขาอย่างเข้มงวด

อัสซิมก้มลงมากระซิบที่ข้างหู “ผมบอกว่ายังไม่จบก็คือยังไม่จบ ผมจะรอคุณอยู่ที่โรงแรมพ่อคุณนะ”

เขาปล่อยเธอจากอ้อมแขน แล้วเชิญเธอออกไปจากห้อง เพราะเขาจะเปลี่ยนชุดว่ายน้ำ

เจนถอนหายใจที่เห็นว่าเขามีท่าทางมั่นใจว่าเธอจะต้องยอมพบเขาสักวันหนึ่ง แต่ก็ทำตามนัดแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปว่ายน้ำ

อัสซิมเผยช่วงบนที่ฟิตเปี๊ยะโชว์ซิกแพ็กแล้วก็ใส่กางเกงว่ายน้ำ ก่อนวอร์มร่างกายแล้วลงน้ำ เขาออกกำลังกายเป็นปกติอยู่แล้ว จึงนับเป็นเรื่องธรรมดา เขามองเมื่อมีคนลงน้ำ เห็นเจนกระโดดแล้วว่ายน้ำออกกำลังเหมือนตอนที่อยู่เมืองไทย ก็รู้ว่าเธอไม่ใช่ชวนว่ายน้ำเล่น แต่เธอชวนออกกำลังกาย

จอร์จว่ายน้ำตามเธอไปเรื่อยๆ แต่เธอไม่หยุดว่าย แม้จะมีเขาว่ายขนาบ เธอยังคงว่ายไปเรื่อยๆ ตามจังหวะของเธอ และเมื่อเธอขึ้นจากน้ำ เอมม่าก็ส่งผ้าเช็ดตัวให้เธอ พร้อมส่งเครื่องดื่มตาม

“ทางศิลป์ไหมส่งตัวอย่างผ้าไหมมาให้ค่ะ” เอมม่ารายงานให้นายรู้

“แล้วผู้เชี่ยวชาญว่ายังไง” เจนถามอย่างไม่ใส่ใจนัก

“คุณภาพเยี่ยมค่ะ” เอมม่ารายงานตามจริง

“ดี ส่งตัวอย่างไปให้ราล์ฟจัดการได้ แล้วที่ไร่เป็นยังไงบ้าง” เจนถามคนสนิทแล้วเปิดดูแท็ปเล็ต

“ยังปกติดีอยู่ค่ะ พวกคนงานหัวแข็งก็ขยันทำงานดี มีความเคลื่อนไหวผิดปกติเล็กน้อยค่ะ” เอมม่ารายงานไม่ละเอียดนัก เพราะรายละเอียดเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันที่ลับมากกว่า

“อืม ถ้าไม่ด่วน เดี๋ยวค่อยคุย” เจนเข้าใจความหมายทันที ปกติถ้าอยู่กับคนอื่นและเป็นเรื่องด่วน เอมม่าจะให้เธอไปในที่ที่สามารถคุยกันตามลำพังได้

อีกเตียงหนึ่งอัสซิมมานอนพักอยู่ด้านข้าง เขาไม่พูดอะไรกับเธอ จึงพักอย่างเงียบๆ

สักพักจอร์จก็ขึ้นจากน้ำแล้วมานั่งอยู่ด้านข้างเธอ เขามองเธอวางแท็ปเล็ตแล้วก็กุมมือเธอ ก่อนชวนเธอคุย “ผมอยากให้คุณไปพักที่บ้านผมบ้าง”

“จอร์จที่รัก มันคงไม่ใช่เร็วๆ นี้ ฉันมีตารางงานที่ต้องจัดการอยู่หลายอย่าง และมันคงไม่เสร็จง่ายๆ” เจนอธิบายความแล้วมองสายตาอ้อนวอนของเขา

“ผมก็หวังว่าคุณจะหาเวลาให้ครอบครัวผมได้บ้าง คุณแม่พูดถึงคุณบ่อยๆ ท่านคิดถึงคุณกับเจมส์” จอร์จถอนหายใจแล้วทอดกายที่เตียงข้างๆ

“ฉันก็หวังว่าสักวันฉันจะมีเวลา” เจนไม่ปฏิเสธ แต่เธอยังไม่อยากไปที่ที่มีแต่กลิ่นอายของเขา

ความรักที่เขามีต่อเจมส์ยากที่จะให้ใครเข้ามาแทนที่เขา ตำแหน่งที่เขาอยู่ไม่อาจให้ใครเข้ามายืนแทน แม้เธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมจึงปล่อยให้อัสซิมเข้ามาใกล้ชิดอย่างนี้ เธอไม่คิดว่าความรักจะเกิดขึ้นในวินาทีเดียว

อัสซิมลุกขึ้นแล้วว่ายน้ำต่อ เขาไม่อาจบอกได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร แต่เธอปฏิเสธที่จะเข้าใกล้บริเวณที่คู่หมั้นเคยอยู่ก็แสดงให้รู้แล้วว่าเธอไม่อาจทำใจได้ แม้เวลาจะผ่านมานาน แต่ที่เธอให้จอร์จอยู่ใกล้แต่ไม่ให้ใกล้จนเกินไปนั้น คิดว่าน่าจะเพราะไม่อาจปฏิเสธคนที่คล้ายเจมส์ได้นั่นเอง

เจนมองอัสซิมว่ายน้ำอีกรอบ เธอก็ลุกขึ้นชวนจอร์จไปว่ายน้ำต่อ แต่จอร์จไม่ลุกตาม กลับดึงเธอมาในอ้อมแขนแล้วจูบเธออย่างดูดดื่ม เจนนิ่งไปพักเพราะตกใจ แล้วผงะจากเขา

“อย่าทำอย่างนี้อีกนะ อย่าทำ” เจนสะบัดมือเขาแล้วกระโดดลงสระว่ายน้ำ จากนั้นก็ดำดิ่งลงไปใต้สระ

จอร์จรู้สึกผิดหวังอย่างแรง เมื่อเธอปฏิเสธเขา แต่เขาก็เข้าใจได้เพราะพี่ชายเขาเป็นสุภาพบุรุษกว่าเขามาก หากเขาจะห้ามใจตัวเองได้ยังไง เมื่อเขารักผู้หญิงคนนี้มากมายเกินกว่าจะหักห้ามใจไว้ได้

เขาทอดตัวลงนอนเหมือนจะหมดแรงไปเอาดื้อๆ ผู้หญิงคนนี้ที่เขารักเหลือเกินอาจไม่ยอมให้เข้าเข้าใกล้เธอได้อีก เหมือนโลกของเขาพังทลายตรงหน้า จนไม่สามารถแก้ไขได้อีก

อัสซิมดำลงไปหาเธอ เห็นเธอปิดหน้านิ่งอยู่ใต้น้ำก็รู้ว่าเธออ่อนแอเพียงไหน เขาดึงเธอให้ขึ้นจากน้ำ ใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปาก ไม่ให้เธอส่งเสียง เพราะตอนนี้จอร์จไม่ได้มองมาทางนี้

เจนถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะขึ้นจากน้ำแล้วเดินไปหาจอร์จ ขณะที่อัสซิมเดินไปห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาเฉยชาและไม่อยากให้มีภาพใดๆ ทำให้จิตใจเขาหวั่นไหว

ขณะที่เจนกุมมือจอร์จอยู่นาน กว่าจะเรียบเรียงคำพูดออกมาได้ “ฉันยังไม่อยากให้ใครมาแทนที่เจมส์ คุณน่าจะรู้ดีที่สุด ฉันรู้ว่าฉันเห็นแก่ตัวที่ไม่อาจตอบรับน้ำใจคุณได้ในเวลานี้ และฉันก็ไม่สามารถบอกได้ว่าฉันจะตอบรับความรู้สึกคุณได้เมื่อไร ฉันหวังเพียงว่าจะไม่ทำให้คุณเสียเวลามากไปกว่านี้นะคะ จอร์จ”

จอร์จถอนหายใจช้าๆ ก่อนยกมือเธอขึ้นมาจูบแล้วยกขึ้นมาแนบหน้าของเขา “ผมจะรอ”

“เจอกันที่ห้องอาหารนะคะ ฉันมีงานที่ต้องจัดการก่อนค่ะ” เจนพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะดึงมือจากเขา แล้วสวมเสื้อคลุมกลับไปยังห้องของเธอ

เธอเข้าไปจัดการตัวเอง แล้วออกมาจัดการกับงานของเธอให้เรียบร้อย จากนั้นเธอก็โทรไปที่ไร่องุ่น สั่งความให้จับตาดูกลุ่มคนที่เข้ามาพูดจาหว่านล้อมคนงาน แล้วเธอจะไปจัดการเอง

เธอนั่งจัดการงานอื่นๆ ต่อจนหมด ก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี จึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง แล้วลงไปด้านล่าง แต่ระหว่างทางที่เดินไป เจอกับอัสซิมที่กลับจากเดินเล่นและเปลี่ยนเสื้อนอกเสร็จพอดี

“บ่ายนี้ไปไหนมาเหรอคะ” เจนถามเขาและมองเขาอย่างแปลกใจ

“ผมเดินเล่นดูอะไรรอบๆ นี่แหละ พอดีฝนตกน่ะ เลยว่าจะขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อนอก คุณแต่งตัวสวยตลอดเลยนะ ทุกครั้งที่ทานมื้อเย็น คุณต้องแต่งตัวสวยอย่างนี้เสมอ” อัสซิมสังเกตมาหลายทีแล้ว เห็นเธอแต่งตัวเหมาะสมอยู่เสมอ

“มันเป็นมารยาทค่ะ คนเราถ้าไร้มารยาทก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ที่ป่าเถื่อน ฉันก็ต้องรักษามารยาทให้มาก ไม่ว่าคนอื่นจะทำตัวไม่ให้เกียรติเราอย่างไร อย่างน้อยเราให้เกียรติคนเหล่านั้น เท่ากับเราให้เกียรติตัวเอง” เจนอธิบายความแล้วยื่นมือให้เขา

อัสซิมจับมือเธอแล้วให้เธอควงแขน พาเธอเดินลงไปด้านล่าง จนกระทั่งถึงห้องนั่งเล่น เห็นจอร์จกำลังนั่งคุยกับพ่อเธออยู่ เธอก็ยิ้มให้ อัสซิมส่งเธอนั่งที่เก้าอี้

จอร์จนั้นพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ เมื่อเห็นอัสซิมควงแขนมากับเธอ อารมณ์เขาพลุ่งพล่านมากขึ้น ที่คุยไว้ก็ชะงัก จนท่านเอิร์ลจับอารมณ์ได้ จึงหาทางทำให้บรรยากาศดีขึ้น

“เจนเล่นเปียโนให้พวกเราฟังหน่อยสิ” ท่านเอิร์ลบอกลูกสาวด้วยรอยยิ้ม

“ได้ค่ะ ท่านพ่อ” เจนลุกขึ้นแล้วเดินไปที่เปียโน แล้วเริ่มบรรเลงเพลงที่ไพเราะ จนกระทั่งคนรับใช้เข้ามาบอกคุณแอนเดอสันอย่างเงียบๆ

เมื่อเพลงจบลง คุณแอนเดอสันก็เชิญทุกคนไปที่โต๊ะอาหาร

“คุณยังบรรเลงเพลงได้ไพเราะเหมือนเดิม” จอร์จเอ่ยปากชื่นชมแล้วให้เธอควงแขนเดินไปที่โต๊ะอาหาร

“ความสามารถบางอย่างก็ยากจะลืมไปได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าได้เล่นทุกวันล่ะนะ” เจนอธิบายความด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าคุณได้รู้จักลูกสาวผมนานกว่านี้นะ คุณมาห์นาซ คุณจะรู้ว่าเธอมีอะไรหลายอย่างที่ทำให้คุณประหลาดใจได้เสมอ” ท่านเอิร์ลพูดอย่างเป็นปริศนา

อัสซิมรู้สึกว่า ท่านเอิร์ลแห่งฮารทฟอร์ดเป็นมากกว่าชายชราผู้สูญเสีย มีหลายอย่างที่เขาคุยด้วยแล้วรู้สึกฉงนตลอดเวลา หากเขาเพียงยิ้มเท่านั้น ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาชัดเจน

การทานอาหารมีเรื่องคุยเพียงเล็กน้อย โดยมากเป็นเรื่องท่องเที่ยวมากกว่า

“ได้ยินว่าคุณเพิ่งไปประเทศไทยไม่นาน ประเทศไทยเป็นประเทศแบบไหน” ท่านเอิร์ลเปิดประเด็นท่องเที่ยวขึ้น

“ก็เป็นประเทศที่เป็นมิตรกับผม เป็นประเทศที่คุณจะได้พบกับความประทับใจ และจะทำให้คุณไม่สามารถหยุดคิดถึงความประทับใจนั้นได้ครับ ท่านน่าจะลองไปเที่ยวดูบ้างนะครับ อาจได้พบความประทับใจแบบเดียวกับผม” อัสซิมพูดแฝงความหมาย สายตามองเจนที่ทำเหมือนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น

ท่านเอิร์ลหัวเราะก่อนปฏิเสธ “ผมคงไม่คิดเดินทางไปไหนแล้วล่ะ ที่นี่คือสถานที่ผจญภัยที่สุดท้ายของผมแล้ว ผมแก่เกินไปสำหรับเรื่องตื่นเต้น แต่ก็ชอบฟังเรื่องราวต่างๆ ที่ลูกสาวผมเล่าเสมอ เมื่อเธอกลับมาจากสถานที่น่าสนใจหลายๆ ที่”

“ท่านลุงยังไม่แก่เกินไปหรอกครับ อย่างน้อยท่านลุงก็ควรจะได้ผจญภัยกับหลานตัวเล็กๆ เสียก่อน” จอร์จพูดเอาใจอย่างมีความหมายและนั่นทำให้เจนหัวเราะ

“จอร์จพูดถูกค่ะ ท่านพ่อควรได้โอกาสนั้น” เจนสำทับในตอนท้าย

“พ่อกลัวเหลือเกินกว่าลูกจะไม่ยอมแต่งงานสักที และพ่อก็แก่เกินกว่าจะรอให้ถึงวันนั้น แปลกเสียจริงที่คนหนุ่มสาวยุคนี้ช่างหวงความโสดเสียจริงๆ” ท่านเอิร์ลพูดถึงความชราของตัวเอง ทั้งที่ยังอายุไม่ถึงหกสิบ หากเพราะความท้อแท้ในชีวิต ทำให้เขาดูเหมือนตรากตรำกับสิ่งต่างๆ มามาก และเส้นผมที่เคยดกดำก็กลายเป็นสีขาวเร็วกว่าคนทั่วไป

เจนกลับหัวเราะอ่างไม่จริงจังนัก แล้วค่อยอธิบาย “ท่านพ่อบ่นผิดที่แล้วค่ะ ที่นี่มีแต่คนโสดทั้งนั้น”

“ไม่ผิดหรอก ก็เพราะทุกคนโสดหมด พ่อจึงสงสัยยังไงล่ะ” ท่านเอิร์ลจับมือลูกสาวอย่างแสนเอ็นดู

“คงเพราะรอให้แน่ใจมากกว่าค่ะ ท่านพ่อดื่มมากแล้วนะคะ” เจนเห็นพ่อจะพูดเข้าเรื่องการแต่งงานของเธอ เธอจึงรีบนำเขาออกจากเรื่องนั้น

“เราไปนั่งฟังเจนเล่นเปียโนดีไหมครับ” จอร์จรีบชวนเพราะรู้ว่าเจนยังไม่อยากตัดสินใจในเวลานี้

ความรักระหว่างเธอกับพี่ชายเขาเป็นเรื่องที่ใครก็ยากจะทำความเข้าใจ แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขามีคู่แข่ง ทั้งที่ตอนแรกไม่คิดเช่นนั้น จนกระทั่งเห็นท่าทีของทั้งสองตอนเดินเข้ามา แม้ท่าทีจะนิ่งเฉย แต่เหมือนมีอะไรระหว่างเธอกับผู้ชายอีกคนที่ส่งมาถึงความรู้สึกของเขา

เจนนั่งประจำที่เปียโน เล่นเพลงแล้วเพลงเล่า จอร์จดื่มไปเรื่อยๆ ระหว่างฟังเพลงที่แสนไพเราะ และเมื่อจบอีกเพลงท่านเอิร์ลก็ให้บุตรสาวได้พัก ด้วยการเปิดแผ่นเสียงเพลงคลาสสิกเก่าๆ แทน

เจนนั่งข้างจอร์จแล้วอ่านหนังสือด้วยแสงไฟจากโคม แล้วสักพักมือของชายอีกคนก็ยื่นมาหาเธอ

“เป็นเกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ” อัสซิมไม่สนใจสายตาของจอร์จที่มองเขา

เจนพยักหน้าและตอบรับ ก่อนจับมือเขาแล้วเดินไปยังพื้นที่ว่างกลางห้อง เขาโอบเอวเธอแล้วดึงเธอเข้ามาใกล้ชิด ได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคยจากกายเธอไม่ยากนัก เพราะน้ำหอมที่เธอใช้ก็ฟุ้งไปทั่วห้องแล้ว

จอร์จได้แต่มองทั้งสองไม่ต่างจากตอนที่มองพี่ชายเขากับเธอ แม้อัสซิมจะแต่งกายด้วยชุดประจำชาติและสวมผ้าคลุมศีรษะอยู่ตลอดเวลา แต่บางอย่างบอกเขาว่าทั้งสองมีความเข้ากันได้ ที่เขาไม่อาจระบุว่าเป็นอะไร

เสียงเพลงบรรเลงไปเรื่อยๆ และทั้งสองเพียงเต้นรำ โดยไม่มีคำสนทนาใดออกจากปากคนทั้งสอง ขณะเดียวกันท่านเอิร์ลเห็นบางอย่างระหว่างบุตรสาวและชายหนุ่มอาหรับ แต่เขาไม่พูดอะไรออกมา

เมื่อจบเพลงอัสซิมก็ปล่อยเธอกลับไปนั่งที่เดิม และเขาก็เข้าไปบอกลาท่านเอิร์ล “ผมคงต้องขอตัวก่อน”

“ขอบคุณที่มีน้ำใจแวะมาเยี่ยมผม” ท่านเอิร์ลกล่าวขอบคุณชายหนุ่มที่เข้ามาสร้างความหวั่นไหวให้กับลูกสาว

“ขอบคุณที่อนุญาตให้ผมมาที่นี่ ผมประทับใจที่นี่อย่างมาก ลาก่อน” อัสซิมบอกลาอีกครั้ง และเมื่อหันมาก็เห็นจอร์จนอนหนุนตักเธอ

เขามองแล้วผ่านเลยไป เขาเดินตามคุณแอนเดอสันโดยไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในใจเขา เขากลับมาหาท่านหญิงแห่งฮาร์ทฟอร์ดครั้งนี้เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับเธอ แต่กลายเป็นว่าเขากำลังสำรวจข้อมูลที่อยู่ในใจเขามากกว่า

เมื่อเขาขึ้นรถแล้ว เขาก็ถามคนสนิท “ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

“ครับ” คาลิมบอกเจ้านายแล้วออกรถ แม้ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายจึงติดใจหญิงสาวคนนี้นักหนา แต่เขาก็มีหน้าที่เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น

อีกด้านของห้องนั่งเล่น จอร์จนอนหนุนตักแสนนุ่มของหญิงสาวที่เขาหลงรักอย่างสบายอารมณ์ เธอเพียงสัมผัสลูบผมเขาเบาๆ เท่านั้น

“พ่อคิดว่าลูกควรให้คุณแอนเดอสันพาจอร์จไปพักผ่อนได้แล้ว” ท่านเอิร์ลบอกลูกสาวแล้วกวักมือเรียกคุณแอนเดอสัน

“จอร์จที่รัก คุณควรพักผ่อนได้แล้ว” เจนปลุกเขาให้ลุกขึ้นตามคุณแอนเดอสันไป

“ฝันดี เจนที่รัก” จอร์จลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะจุมพิตมือเธออย่างอ่อนโยน แล้วเดินตามคุณแอนเดอสันไปที่ห้องพักของตน

“คุณก็เช่นกัน จอร์จ” เจนบอกลาเขาแล้วเดินไปดึงแขนพ่อ “ท่านพ่อก็ควรเข้านอนได้แล้วนะคะ”

“นั่นสินะ” ท่านเอิร์ลลุกขึ้นตามแรงดึงของลูกสาว และขึ้นชั้นสองตามไป เมื่อถึงห้องแล้ว

เจนดูแลและช่วยพ่อเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จแล้วห่มผ้าให้พ่อ

“ลูกรู้ใช่ไหมว่าพ่อรักลูกมากแค่ไหน” ท่านเอิร์ลถามลูกสาวเสมอ

เจนก้มลงจูบหน้าผากของพ่อ “ลูกทราบค่ะ และลูกก็รักท่านพ่อเช่นกัน หลับฝันดีนะคะ ท่านพ่อ แล้วฝันถึงคุณแม่กับพี่สาวของลูกด้วย”

“เรื่องนั้นมันเป็นเรื่องที่พ่อปรารถนาที่สุดทุกวันอยู่แล้วล่ะ ลูกรัก ลูกที่ยังมีชีวิตของพ่อ” ท่านเอิร์ลพลิกตัวนอนพักให้สบาย แค่นี้ก็เบาใจได้ว่าลูกสาวจะไม่ทอดทิ้งเขาให้อยู่ตามลำพัง แม้จะเดินทางไปที่ใดก็ตาม

เจนปิดล็อคประตูห้องให้พ่อแล้วเดินกลับห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วทิ้งน้ำหนักบนที่นอน ขอพักผ่อนจากความวุ่นวายในวันนี้

****************************
สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน
แล้วท่านหญิงก็เมินอัสซิมได้ไม่นาน
ความยุ่งยากกำลังรอท่านหญิงอยู่นะคะ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายค่ะ

พี่ตุ้งแช่ - 555+ เมินจริงๆค่ะ
คุณ konhin - *-* สงสัยต้องเติมเลือดด่วนค่า อิอิ
คุณ sai - ท่านหญิงเสียอย่างเมินหนุ่มได้อยู่แล้วค่ะ
คุณ MDDC - สงสัยบรรยายเยอะค่ะ อิอิ

ป.ล.
- ใครที่ต้องการพาสจะเมลมาที่ plerngwaree@hotmail.com ก็ได้ค่ะ
- ติดตามข่าวสารต่างๆ ได้ที่ www.facebook.com/plerngwaree
- คนรักเฮีย "พาย" อย่าพลาดเฮีย "พาย" ปกใหม่กำลังจะวางแผงแล้วค่ะ

**********************************
eBooks ผลงานที่ผ่านมานะคะ
1. ด้วยหัวใจ...พันรัก (229 บาท / 9.99$)
- www.mebmarket.com/index.php?action=BookD...QiO3M6NDoiNDQ2NiI7fQ
- www.ebooks.in.th/ebook/13221/ด้วยหัวใจ...พันรัก

2. เราสามคน..หนทางเดียว (159บาท / 6.99$)
- www.mebmarket.com/index.php?action=BookD...QiO3M6NDoiNDQyNyI7fQ
- www.ebooks.in.th/ebook/13203/เราสามคน..หนทางเดียว

3. ตามตะวัน ณ จันทร์พันดาว (159฿ / 6.99$)
- www.mebmarket.com/index.php?action=BookD...QiO3M6NDoiNDQ2OSI7fQ
- www.ebooks.in.th/ebook/13231/ตามตะวัน_ณ_จันทร์พันดาว

4. แผนร้ายในทางรัก (139บาท / 5.99$)
- www.mebmarket.com/index.php?action=BookD...QiO3M6NDoiNDI2MyI7fQ
- www.ebooks.in.th/ebook/13179/แผนร้ายในทางรัก



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ส.ค. 2556, 20:07:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ส.ค. 2556, 20:07:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1441





<< 03   05 (ครึ่งแรก) >>
konhin 16 ส.ค. 2556, 00:22:36 น.
พระเอกนางเอกต่างคนต่างท่ามากค่ะ หึๆๆ บอกว่าไม่รักๆ แต่หาเรื่องมาใกล้ตลอด หึๆๆ


MDDC 16 ส.ค. 2556, 04:03:54 น.
ประโยคนี้งง "แม้ปากจะพูดเกี่ยวกับความเสเพลให้อัสซิมฟัง ....."


ตุ๊งแช่ 16 ส.ค. 2556, 08:47:23 น.
เขาเล่นสงครามประสาทกันใช่ไหมนี่ อืมๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account