ใต้ร่มดอกรัก
ปฏิบัติการตามล่าหา "ผู้ชายในฝัน"
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ๓ อธิษฐานเอย
ใต้ร่มดอกรัก
3
อธิษฐานเอย
กรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทยยังคงเป็นจุดรวมของผู้คนจากทั่วสารทิศ ไม่เว้นแม้กระทั่งปริมาณของรถยนต์ซึ่งเพิ่มจำนวนรวดเร็วจนนับแทบไม่ทัน ในขณะที่จำนวนถนนยังคงเท่าเดิม การจราจรคับคั่งในย่านใจกลางเมืองซึ่งอุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยห้างสรรพสินค้าทันสมัยใหญ่โต และโรงแรมหรูหราหลายระดับดูน่าหงุดหงิด ยิ่งเป็นช่วงเวลาเร่งรีบด้วยแล้ว เสียงแตรรถจึงดังมาเป็นระยะ แม้จะไม่ช่วยทำให้การจราจรไหลลื่นเหมือนเสียงนกหวีดจากตำรวจจราจร แต่การกดแตรสำหรับบางคนคือการระบายอารมณ์อยู่ในที
แม้จะคุ้นชินกับกับสภาพอากาศแสนสดชื่น และการขับรถไหลลื่นไม่ติดขัด แต่ไอยเรศก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดกับสถานการณ์สามสิบนาทีขยับหนึ่งคืบตรงหน้า เวลาหลายปีนับจากย่างก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง หล่อนก็เริ่มปรับทั้งตัวปรับทั้งใจให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากบ้านหล่อนมากนัก ความเจริญกระจายตัวรวดเร็วราวไฟไหม้ฟางทำให้จังหวัดบ้านเกิดของหล่อนได้รับผลพวงจากกระแสอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
หลังจากนำส่งกล้วยไม้เรียบร้อย ไอยเรศก็พารถคลานเคลื่อนตรงไปยังโรงแรมที่หมาย ก่อนถึงโรงแรมต้องผ่านแยกราชประสงค์ มองเห็นศาลพระพรหมเอราวัณยามเช้าตรู่ผู้คนยังบางตา อดนึกถึงคำแนะนำของน้องสาวไม่ได้ ดูสถานที่แล้วไม่ไกลจากโรงแรมที่พักของหล่อนมากนัก สามารถเดินเท้ามาถึงได้ หญิงสาวจึงตั้งใจว่าจบการประชุมจะแวะมาสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล
มาถึงสถานที่จัดงานซึ่งเป็นโรงแรมหรูระดับสี่ดาว หญิงสาวรีบเช็คอินเข้าห้องพักอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปร่วมงานประชุมให้ทันเวลา หยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋ามาวางเรียงบนเตียงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ชุดเรียบร้อยเหมาะสมกับผู้ร่วมประชุมอาวุโสกว่าซึ่งหล่อนไปขอคำแนะนำจากคุณอุไรนั้น...แม้ยังไม่ใส่ก็ดูเลยวัยหล่อนไปมากโข
แสกผ้าไหมแขนกุดสีเขียวตองอ่อนยาวคลุมเข่า มีเสื้อสูทผ้าไหมแขนสี่ส่วนสีดำคลุมทับ ประดับอกเสื้อด้วยเข็มกลัดดอกกล้วยไม้สีเหลืองทอง เกสรเป็นเพชรเม็ดเล็กซึ่งผู้เป็นพ่อสั่งทำเป็นพิเศษมอบให้เมื่อเริ่มดูแลกล้วยไม้จริงจัง มองไปยังอุปกรณ์ประกอบชุด ซึ่งมีกระเป๋าถือและรองเท้าส้นสูงสีเขียวหัวเป็ดที่น้องสาวเป็นคนหามาให้แล้วไอยเรศก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา...เอาน่า...แค่ไม่กี่ชั่วโมง หญิงสาวปลอบตัวเอง
หลังจากอาบน้ำแต่งตัว หมุนซ้ายขวามองเงาสะท้อนในกระจกแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้ากับตัวเอง เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนหล่อนก็ดูแก่ได้ที่เสียทั้งนั้น หญิงสาวเลือกแต่งหน้าบาง ๆ รวบผมหางม้าตามถนัดเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง ก่อนออกจากห้องตรงไปยังสถานที่จัดการประชุม อากาศขมุกขมัวส่งผ่านกระจกหน้าต่างโรงแรมมาให้รู้สึกว่าอีกไม่นานฟ้าคงส่งฝนให้มาเยี่ยมเยือน หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ อากาศตอนนี้ช่างเหมือนความอึดอัดไร้เหตุผลซึ่งเริ่มก่อตัวอยู่ภายในใจหล่อนเหลือเกิน หากความอึดอัดเหล่านั้นกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำและซึมหายลงสู่พื้นดินได้เหมือนสายฝนก็คงดี
สี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ไอยเรศก็โผเผออกจากห้องประชุม เหมือนกับทุกครั้งหล่อนถูกรีดข้อมูลลองภูมิจากสมาชิกกลุ่มรายใหม่ ซึ่งดูคล้ายว่าจะยังไม่ยอมรับความอ่อนอาวุโสของหล่อนนัก ยกนาฬิกาข้อมือดูเวลาเกือบบ่ายสองโมงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วง แม้จะเหนื่อยแต่ก็จบ ที่เหลือต่อจากนี้คือการรื่นเริงพักผ่อนตามที่ได้ขออนุญาตผู้เป็นพ่อไว้ เพียงแค่คิดถึงความสดชื่นก็มาเยือน หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือซึ่งปิดเครื่องไว้ตั้งแต่เริ่มประชุมมาเปิดเครื่อง ทันทีที่เครื่องพร้อมใช้ ข้อมูลมากมายก็แข่งกันเด้งขึ้นโชว์ตัว ค่อย ๆ ไล่เรียงข้อมูลขี้ฟ้องจนมาเจอเบอร์ไม่มีชื่อซึ่งนอกจากจะโทรมาหลายสายแล้ว ยังมีข้อความส่งมาด้วย หญิงสาวเลือกเปิดอ่านข้อความก่อน
‘อาย เบอร์พระเอกของอายเอง ช่วยรับโทรศัพท์ทีเถอะ ไหว้ล่ะ’ ไอยเรศอมยิ้มกับข้อความนั้นก่อนกดเบอร์โทรออก แทบจะเรียกได้ว่าสัญญาณยังไม่ทันดังจบ ปลายสายก็รีบกดรับ
“ไอ้อาย โกรธอะไรพี่หรือเปล่าวะปิดเครื่องหนีเนี่ย” คำทักทายนั้นเรียกรอยยิ้มของไอยเรศให้กว้างขึ้น
“ไม่ได้คุยกันนานยังปากหมานเหมือนเดิมนะพี่เอก...อายประชุมเลยปิดเครื่อง” หญิงสาวอธิบายพลางเดินอย่างไม่รีบเร่งออกจากโรงแรมตรงไปยังแยกราชประสงค์เพื่อสักการะพระพรหมเอาราวัณตามที่ตั้งใจ ทางเดินเปียกแฉะทำให้พอเดาได้ว่าระหว่างหล่อนอยู่ในห้องประชุมปิดทึบข้างนอกได้เกิดฝนตกอากาศยังหลงเหลือความชื้นให้รู้สึก
“เออ แล้วไป...มีเรื่องให้ช่วยว่ะ” อีกฝ่ายพุ่งเข้าประเด็น ไอยเรศยิ้มรับ หล่อนชอบนิสัยตรงไปตรงมาของรุ่นพี่คนนี้มาตั้งแต่สมัยเรียน ต้องการอะไรจะไม่มีอ้อมค้อม
“ว่ามาพี่ ช่วยได้อายช่วย” หญิงสาตอบตรงไม่แพ้กัน
“พี่ต้องส่งเด็กเข้าแข่งเดือนหน้า แต่ไม่ถนัดคีตมวยไทยว่ะ มาสอนให้หน่อย...โรงเรียนบ้านนอกไม่มีเงินจ้างนะโว้ย...มาช่วยทำบุญกับเด็กตาดำ ๆ หน่อยเถอะ” ไอยเรศอดหัวเราะไม่ได้เมื่อฟังจบ เพราะเมื่อสมัยเรียนจำได้ว่ารุ่นพี่นามเพราะคนนี้ไม่ชอบเด็กถึงขั้นประกาศกร้าวว่าจะไม่ยอมเป็นครูพละเด็ดขาด แต่สุดท้ายก็ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง แถมพักหลังที่หล่อนได้ข่าวคือเขาสอนเด็กชนิดทุ่มสุดตัว
“เดี๋ยวนี้รักเด็กแล้วเหรอพี่เอก ? ไหนเมื่อก่อนบอกว่าเกลียดเด็ก โดยเฉพาะเด็กประถมไง ?” หล่อนเย้า
“เฮ้ย มันก็ไม่ถึงกับรักหรอก แต่ก็ไม่ได้เกลียด เด็ก ๆ แถวนี้มันก็ซื่อ ๆ น่าเอ็นดูดี สอนอะไรมันก็กระตือรือร้นอยากเรียนอยากรู้ พี่ก็เลยอยากเห็นมันได้ดีเท่านั้นเอง” น้ำเสียงตอบกลับมีแววขัดเขิน ไอยเรศหัวเราะเบา ๆ
“แหม เกลียดอย่างไหนได้อย่างนั้นเหมือนโบราณว่าไว้เชียว...เอาเถอะ...อายตกลง จะให้ไปเมื่อไหร่ ที่ไหน บอกมาล่วงหน้าจะได้แพลนงานไปแจ้งขออนุมัติพ่อถูก” ปลายสายตอบรับอย่างยินดี ก่อนนัดแนะการส่งกำหนดการ หลังซักถามสารทุกข์สุกดิบกันพอหอมปากหอมคอก็วางสายจากกัน
อาจเป็นเพราะก่อนหน้านั้นไอยเรศเดินคุยโทรศัพท์เพลินเสียจนลืมสังเกตว่าระหว่างทางที่หล่อนเดินมาไม่มีใครเดินตามหรือเดินสวนทาง กระทั่งเดินมาถึงบริเวณศาลพระพรหมและเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าแล้ว หญิงสาวจึงเริ่มเอะใจถึงบรรยากาศที่แปลกจากเคยพบ
ร่องรอยเปียกชื้นบนพื้นถนนและหยดน้ำจากที่สูงประปราย น่าจะเกิดจากฝนตกก่อนหล่อนจะออกมาจากโรงแรม แต่เมื่อมองบรรยากาศโดยรอบแล้วไอยเรศก็ได้แต่นึกแปลกใจ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนเห็นศาลพระพรหมแห่งนี้ยามฟ้าหลังฝน สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเมื่ออยาก ‘ชุบตัว’ เป็นสาวในเมืองครั้งใด หล่อนและเพื่อนผู้หญิงมักรวมตัวกันมาเดินเล่นย่านนี้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดหรือวันธรรมดาบริเวณศาลพระพรหมก็มักจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเสมอ ซึ่งแตกต่างจากวันนี้โดยสิ้นเชิง ผู้คนรอบทิศดูบางตาชนิดนับนิ้วได้ มองไปยังศาลาซึ่งหล่อนจำได้ว่ามีคณะรำแก้บนและวงเครื่องดนตรีบรรเลงเพลง มีคนเข้าคิวรอรอบต่อไปไม่ขาดสาย หล่อนยังจำสีหน้าของนางรำที่บางวันดูเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากับการรำจนยิ้มแทบไม่ออกได้ดี...ทว่า...ไม่ใช่วันนี้
วงเครื่องดนตรีบรรเลงเพลงไทยเดิมแผ่วหวาน เสียงเสนาะใสราวกับระฆังแก้วกังวาน นางรำในชุดเลื่อมพรายร่ายรำเยื้องกรายตามจังหวะดนตรี ใบหน้าตกแต่งสวยงามอ่อนหวาน รอยยิ้มละไมเจือจับ การร่ายรำอ่อนช้อยงดงามจนยากจะถอนสายตา พนักงานขายดอกไม้นั่งเยื้องออกไปนั่นอีกที่แปลก ใบหน้ายิ้มพริ้มพรายคล้ายเชื้อเชิญให้หล่อนไปหยิบพานดอกไม้ธูปเทียนเครื่องสักการะซึ่งจัดไว้เป็นชุด...รอยยิ้มนั่นแหละที่ไอยเรศเห็นว่ามันแปลก
นอกจากอากาศจะขมุกขมัว เย็นระรื่นแล้ว ปริมาณรถยนต์บริเวณแยกราชประสงค์ซึ่งเคยอุ่นหนาฝาคั่งกลับเบาบางจนน่าประหลาดใจ โดยปกติหลังฝนตกเช่นวันนี้ การจราจรจะคับคั่ง ทั้งควันจากท่อไอเสียและเสียงแตรแทบจะดังกลบเสียงดนตรี เมื่อหันกลับมายังศาลพระพรหมเบื้องหน้า ควันธูปบางเบาพร้อมกลิ่นหอมฉุนโชยชายมาเป็นระยะยิ่งทำให้บรรยากาศดูอึมครึมแปลกยิ่งกว่าเดิม หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ สลัดความรู้สึกของตัวเองออกจากภวังค์คิดก่อนมองไปรอบ ๆ อย่างจับสังเกต
ไอยเรศยอมรับว่าหล่อนเคย ‘ผ่าน’ สถานที่แห่งคำร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์มาหลายครั้ง แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่หล่อนจะคิดมาขอพรหรือกราบไหว้จริงจัง ก้าวเท้าตรงไปยังศาลาขายดอกไม้และเครื่องสักการะก่อนถือพานเดินกลับมายังศาลพระพรหมสายตาสะดุดอยู่ที่กล่องไม้สลักรูปพระพรหมซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเล็ก ๆ ตั้งห่างกันเป็นระยะรายรอบพระพรหม ใกล้กล่องมีกระดาษสีขาวขุ่นและปากกาวางไว้ หญิงสาวได้แต่นิ่วหน้าเพราะก่อนมาก็ไม่ได้สอบถามคนแนะนำกรรมวิธีจากน้องสาว แต่ก็เข้าใจเอาเองว่าน่าจะเป็นการเขียนขอพรลงบนกระดาษแล้วหย่อนลงกล่อง...แปลกดี...หญิงสาวคิด
‘อย่าลืมขอพรกับพระพรหมเจ้าที่นะพี่อาย...แม่นมากอุ๊รับรองได้’
คำย้ำของน้องสาวก่อนหล่อนเดินทางออกจากบ้านแวบเข้ามาในห้วงคิดทันทีเมื่อเห็นกล่อง โดยไม่รอช้าไอยเรศวางพานดอกไม้ธูปเทียนก่อนหยิบกระดาษพร้อมกับปากกาขึ้นมาถือก่อนชะงักค้าง...หล่อนจะขออะไรดีนะ ?
“ขอโทษนะคะ ขอทางหน่อยค่ะ” เสียงอ่อนนุ่มนั้นผลักให้ไอยเรศขยับหลบตามสัญชาตญาณ พร้อมกับหันไปมองคนขอทาง หญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดเกาะอกกระโปรงยาวเสมอเข่าสีสะอาดตา ผมดัดลอนใหญ่และที่คาดผมไข่มุกชวนให้คิดถึงคุณหนูผู้บอบบางอ่อนต่อโลก ทว่าท่าทีแฝงความมั่นใจซึ่งกระจายเผื่อแผ่และการเอ่ยขอทางทั้งที่คนไม่เยอะพอเข้าข่ายกีดขวางทางบุญ ก็ทำให้หล่อนรู้สึกว่าหญิงสาวแสนหวานคนนี้น่าจะ “เยอะ” พอตัว
ไอยเรศขยับไปอีกทางเพื่อหาที่ว่างสำหรับเขียนคำขอลงในกระดาษ ปลายปากกาจอดแช่อยู่บนกระดาษนานจนหมึกปากกาซึมเป็นวงกว้างด้วยเพราะคนถือปากกากำลังคิดคำขอพร หญิงสาวยังคิดไม่ตกว่าจะเขียนขอพรว่าอย่างไรดี ครั้นจะเขียนแค่ให้คนรอบข้างเลิกจับคู่ให้เสียที มันก็ดูเหมือนจะดีแค่ด้านเดียวเพราะหล่อนเองก็ค่อนข้างเชื่อว่าถ้าให้หาเนื้อคู่เองก็คงยาก เพราะในใจหล่อนมีแต่ผู้ชายในฝัน...ใช่แล้ว !
‘ขอให้เจอผู้ชายในฝันคนนั้นแบบตัวเป็น ๆ ขอให้หล่อ ขอให้โสด และขอให้ได้ใจเขาด้วย’
เขียนเสร็จแล้วไอยเรศก็อ่านทวนข้อความของตัวเอง แม้คำขอของหล่อนจะหลายขอไปหน่อย แต่เมื่อคิดเข้าข้างตัวเองแล้วหล่อนก็เห็นควรว่าเหมาะสม พับกระดาษยกมือพนมกล่าวคำอธิษฐานแล้วไอยเรศก็เดินตรงไปยังกล่องหย่อนกระดาษขอพร
พลันที่กระดาษแผ่นนั้นผลุบผ่านช่องแคบลงไปในกล่อง อุปาทานไปเองก็สุดรู้ ไอยเรศจับสังเกตได้ถึงความเงียบผิดปกติชนิดที่เรียกได้ว่ามองเห็นเพียงตัวเองยืนอยู่เดียวดายกลางลาน และเบื้องหน้าคือพระพรหมเจ้าที่ที่หล่อนกำลังขอพร หญิงสาวตกตื่น ได้แต่หันมองซ้ายขวาหน้าหลังเพื่อหาบุคคลร่วมเหตุการณ์ประหลาดนี้...ทว่า...หล่อนต้องเบิกตากว้างยิ่งขึ้นเมื่อพบว่าในสถานการณ์นี้ หล่อนอยู่เพียงลำพัง !
ไอยเรศชื่นชอบการอยู่บนเนินฝันใต้ร่มดอกรัก หล่อนชอบความสงบ โปร่ง ไร้คนกวนใจ แต่ไม่ใช่ในความเป็นจริงอย่างเช่นที่เป็นอยู่แน่นอน !
อะไรบางอย่างสว่างวาบตรงหางตาสะกิดให้คนหาเพื่อนร่วมเหตุการณ์หันไปมองอย่างรวดเร็ว แล้วก็ต้องตะลึงลานอีกครั้ง รายรอบบริเวณศาลพระพรหมซึ่งเงียบสงบลงเมื่อครู่ ในตอนนี้คลาคล่ำด้วยชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ไม่ว่าจะมองไปทางไหน แม้แต่บนสกายวอล์ค หรือกระทั่งบนสถานีรถไฟฟ้าซึ่งอยู่ห่างออกไป ล้วนปรากฏร่างของชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวละลานตา ที่น่าตระหนกยิ่งกว่านั้นคือดูเหมือนว่าทุกคน ทุกใบหน้าและสายตาของชายหนุ่มเหล่านั้น ต่างจับจ้องมายังหล่อนเป็นจุดเดียว...ซ้ำยังส่งยิ้มมาให้อีกด้วย...ในขณะที่ไอยเรศคิดว่าหล่อนกำลังจะเป็นลม หรือเป็นอะไรสักอย่างเพื่อให้รู้สึกตัวขึ้นมาเข้าสู่สถานการณ์ปกติมากกว่าที่เป็นอยู่ สายตาของหล่อนสะดุดอยู่ที่ร่างในชุดสูทขาวคนหนึ่งซึ่งยืนหันหลังให้หล่อน แปลกจากคนอื่น ๆ
จุดที่ชายหนุ่มผู้แปลกแยกยืนอยู่คือบริเวณจุดขายดอกไม้ แม้เห็นเพียงเบื้องหลังไอยเรศกลับรู้สึกอุ่นในหัวใจขึ้นอย่างประหลาด บางอย่างในความรู้สึกกระซิบบอกหล่อนว่านี่คือสิ่งที่รอคอย สายตาของหล่อนในตอนนี้ไม่อาจเหลือบมองไปยังจุดอื่นได้ คล้ายถูกบังคับให้จ้องไปยังแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มคนนั้น ไม่นานนักร่างที่ยืนหันหลังให้ก็ค่อย ๆ เบือนกลับมา
แสงสว่างวาบพาให้ตาพร่าจนต้องกะพริบตาเพื่อปรับความคุ้นชินอยู่หลายวินาที เมื่อมองชัดเจนอีกครั้งไอยเรศก็พบว่า ในตอนนี้ชายหนุ่มคนนั้นกำลังยืนประจันหน้าหล่อนในระยะไม่กี่ก้าว อาจเพราะสีชุดที่เขาสวมดูสว่างเรื่อเรืองคล้ายมีประกายครอบคลุมจากเล็กน้อยและเพิ่มขึ้นจนสว่างจ้าพาให้ในสายตาของหล่อนตอนนี้เหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น ใบหน้าหล่อเหลาราวหยกสลักของชายหนุ่มคนนั้นคล้ายดังมีรอยยิ้มเปี่ยมด้วยเมตตาอยู่ในที ดวงตาเหมือนมีประกายดำลึกดึงดูด ทว่าน่าเกรงขามมองสานสบกับดวงตาตกตื่นของหล่อนอย่างปราณี เขาเดินช้า ๆ คล้ายกับลอยละล่องมาใกล้หล่อน ริมฝีปากของเขายังเจือยิ้มเมื่อมือยื่นมาแตะกล่องไม้แกะสลักรูปพระพรหม ก่อนจะขยับปากเอื้อนเอ่ยคำ
“ตามนั้น”
พูดจบ ร่างสูงในชุดสูทขาวสว่างก็เดินผ่านไอยเรศ ลมลูกเล็ก ๆ พัดวูบ หญิงสาวอุปาทานได้กลิ่นหอมบางเบาคล้ายดั่งว่าหล่อนกำลังนั่งสำราญอยู่ใต้ร่มดอกรักในฝัน...กะพริบตาตกตื่นพลางหันกลับไปหวังร้องเรียกถามชายหนุ่มชุดสูทขาว...ทว่า...สิ่งที่พบเห็นตอนนี้ประหลาดยิ่งนัก !
นอกจากหล่อนจะไม่เห็นชายหนุ่มสูทขาวคนนั้นแล้ว เสียงแตรรถ ภาพการจราจรบริเวณแยกเริ่มเคลื่อนไหว ผู้คนเริ่มจอแจขวักไขว่แตกต่างจากปรากฏการณ์เมื่อครู่โดยสิ้นเชิง !
หญิงสาวเลิ่กลั่กหันมองรอบกายอีกครั้ง ครั้งนี้ผู้ร่วมชะตากรรมหล่อนคือหญิงสาวแสนสวยอีกสี่คนซึ่งยืนกระจายรายรอบพระพรหมเจ้าที่ แต่ละคนยืนอยู่หน้ากล่องแกะสลักรูปพระพรหม สีหน้าแต่ละคนดูแปลกใจระคนสงสัยไม่ต่างกัน อยากเข้าไปถามเหลือเกินว่าเมื่อครู่ได้เห็นเหมือนกันกับหล่อนหรือไม่...เหตุการณ์ซึ่งหล่อนสรุปในใจแล้วว่าเจอ “ผีหล่อ” หลอกกลางวันแสก ๆ สีหน้างุนงงของหญิงสาวเหล่านั้น ไอยเรศได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ หล่อนได้แต่ถอยออกจากจุดนั้น สายลมหอมอุ่นพัดโชยผ่าน อุปาทานได้ยินเสียงหัวเราะนุ่ม ๆ ข้าง ๆ หู ตามด้วยคำย้ำแผ่วเบาคล้ายจะย้ำคำเดิมเพิ่มความมั่นใจ
‘ตามนั้น’
เครื่องปรับอากาศทำหน้าที่อย่างแข็งขัน ส่งกระไอเย็นแผ่ครอบคลุมห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ จนไม่อาจรับรู้สภาพอากาศที่แท้จริงภายนอกได้ บรรยากาศเย็นฉ่ำนั้นกลับไม่ผ่านเข้าไปถึงความรู้สึกของคนอาศัยในห้องซึ่งตอนนี้เปลี่ยนชุดกระชากวัยมาเป็นชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นนอนกางแขนอยู่กลางเตียงใหญ่ แม้จะหลับตาแต่ภายในความคิดกลับวุ่นวายถึงเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายที่ผ่านมา...ภาพที่เห็นยังตามมาปรากฏ กลิ่นหอมอุ่น เสียงทุ้มนุ่มกึ่งยั่วเย้า กึ่งปราณี ยิ่งคิดยิ่งแจ่มชัด สิ่งเดียวที่ยังลางเลือนคือใบหน้าของชายหนุ่มปริศนาในชุดสูทสีขาวคนนั้นที่ไม่ว่าจะนึกอย่างไร ก็ยังเหมือนกระจกเงาเต็มไปด้วยฝ้าขุ่นมัว ยิ่งคิดยิ่งว้าวุ่นจนทนไม่ไหวต้องลืมตาผุดลุกขึ้นนั่งยกมือขึ้นกุมศีรษะ หันมองซ้ายขวาเพื่อดูความแน่นหนาของห้องหากส่งเสียงกรีดร้องออกไป...ยังไม่ทันได้เปล่งเสียง โทรศัพท์มือถือก็ดังเรียกความสนใจหยิบมาดูเบอร์โทรก่อนกดรับและเอ่ยทักทาย
“ว่าไงอุ๊”
“พี่อาย เป็นไงบ้าง ? ไปไหว้พระพรหมเอราวัณไหม ? ได้ขอพรหรือเปล่า ?” คำถามกลับเสียงกระซิบจนคนฟังนึกเดาว่าน่าจะเป็นการแอบถาม
“ฮื่อ” หญิงสาวตอบรับเสียงเหนือย
“อะไรกัน ตอบแค่เนี้ย ? อุ๊อุตส่าห์ลุ้นนะเนี่ย” อุมารินทร์เสียงละห้อย
“แกจะให้ขอปุ๊บได้ปั๊บเลยหรือไงยะ ไม่ใช่ความฝันนะ” ตอบไปแล้วก็ได้แต่แปลกใจตัวเองยิ่งนัก ไอยเรศมั่นใจว่าความตั้งใจของหล่อนคือการเล่าเหตุการณ์ที่ได้พานพบจนต้องเก็บมาขบคิดให้น้องสาวฟัง แต่คำบอกปัดกลับพรั่งพรูออกจากปากโดยที่ไม่ทันได้ยับยั้ง...หญิงสาวได้แต่ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด
“เอาน่าพี่อาย อุ๊เชื่อว่ายังไงพรที่พี่อายขอจะต้องเป็นจริงแน่นอน” อุมารินทร์บอกด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ
“อือ...ว่าแต่โทรมาแค่นี้เหรอ ?”
“เปล่า ๆ จริง ๆ แล้วอุ๊จะโทรมาถามว่าพี่อายจะกลับวันไหน พอดีรถส่งกล้วยไม้เป็นอะไรไม่รู้เกเรพร้อมกันตั้งสองคัน ต้องส่งซ่อมอีกหลายวันกว่าจะได้ แต่วันมะรืนมีออเดอร์ต้องส่งพี่ไอซ์เลยฝากบอกพี่อายว่าให้กลับก่อนได้ไหมแล้วจะอนุมัติให้หยุดยาวครั้งหน้า” อุมารินทร์บอกอย่างเกรงใจ
“ได้สิ เดี๋ยวพี่กลับพรุ่งนี้เลย” ไอยเรศตอบอย่างไม่ต้องคิด หล่อนรู้ดีว่าการขนส่งกล้วยไม้สำคัญแค่ไหนสำหรับธุรกิจนี้
“พี่อายน่ารักที่สุดเลย เนี่ย พี่ไอซ์ไม่กล้าพูดเองเพราะเห็นว่าพี่อายไม่ได้พักนานแล้วไม่อยากกวนแต่มันจำเป็นจริง ๆ อุ๊เลยอาสาเป็นหนังหน้าไฟให้เอง” น้องสาวบอกอย่างร่าเริง
“คิดมากไปได้ ยังไงพี่ก็ต้องเห็นสาว ๆ สำคัญที่สุดอยู่แล้ว...บอกพี่ไอซ์ก็แล้วกันว่าคงถึงเย็น ๆ หน่อยเพราะพี่คิดว่าพี่น่าจะตื่นสาย” ไอยเรศบอกต่อ
“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวอุ๊บอกให้...นี่พ่อก็เพิ่งโทรมาตอนเย็น เห็นว่าจะกลับพรุ่งนี้เหมือนกัน”
“อ้าว ไหนว่าสัมมนาสามวัน เพิ่งไปได้วันเดียวเองไม่ใช่เหรอ ?” หญิงสาวถามอย่างสงสัย
“อุ๊ได้ยินพ่อบ่นประมาณว่าคนจัดงานเลื่อนวันไปเป็นเดือนหน้า แต่คนประสานงานไม่โทรติดต่อพ่อเลยไม่รู้เรื่อง เป็นการไปเสียเที่ยว ฟังเสียงแล้วพ่อหัวเสียมากเลยล่ะ”
“ก็น่าโมโหนะ...เอาเถอะพรุ่งนี้เจอกันเย็น ๆ แค่นี้ก่อนนะง่วงแล้ว” ไอยเรศตัดบท หลังน้องสาววางสายไปหล่อนก็กลับมานอนแผ่หลาบนเตียงต่อโดยไร้แววง่วงงุนเหมือนอย่างที่บอกน้องสาว หล่อนไม่รู้สึกเสียดายโอกาสในการพักผ่อนครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย นั่นเพราะรู้ดีว่าธุรกิจของครอบครัวแม้จะมองดูว่ามั่นคง แต่ถ้าขาดความเอาใจใส่ไม่เห็นความสำคัญแม้แต่นิดเดียวก็สามารถพังได้ ประสบการณ์นั้นไอยเรศเคยเจอมากับตัว ครั้งที่หล่อนเริ่มต้นการเลี้ยงกล้วยไม้ใหม่ ๆ เคยพลาดชนิดที่ว่าทำให้กล้วยไม้ตายยกโรงเรือน สูญเงินไปมากมายต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเก็บทุนคืนกำไรกลับมา...กับอีกประการสำคัญที่ทำให้หล่อนไม่รู้สึกเสียดายวันพักผ่อน...
ความร้อนรุมเล็ก ๆ ซึ่งหมุนติ้ว ๆ อยู่กลางความรู้สึก เป็นความกังวลแปลก ๆ ที่ตัวหล่อนเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด รู้เพียงว่ามีความตื่นเต้นเจือแทรกอยู่ในความรู้สึก...หญิงสาวได้แต่หวังว่าเมื่อกลับไปถึงบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่แปลกประหลาดอยู่นี้ จะคลี่คลายไปในทางที่ดี...คิดพลางก็เริ่มเข้าสู่ภวังค์นิทรา
แม้จะบอกน้องสาวว่าอาจจะกลับถึงบ้านเวลาเย็น แต่เมื่อตื่นขึ้นแล้วเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมในเวลาเกือบสิบโมงเช้า ไอยเรศก็ตั้งใจจะตรงดิ่งกลับบ้าน ทว่า ฝนที่ตั้งเค้ามาตั้งแต่เช้าเริ่มโปรยสายตอนที่รถหล่อนเริ่มเคลื่อนออกจากโรงแรม กว่าจะผ่านการจราจรตรงแยกราชประสงค์มาได้ ก็ร่วมสองชั่วโมงเมื่อออกมายังถนนสายหลักตรงกลับไปยังจุดหมายก็มาพบกับอุบัติเหตุซึ่งกินพื้นที่ผิวการจราจรทำให้รถเดินได้เลนเดียว ในที่สุดไอยเรศก็พารถเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่คุ้นเคยได้เมื่อห้าโมงเย็น เมฆฝนซึ่งวันนี้ดูเหมือนว่าจะครึ้มตามหล่อนมาตั้งแต่กรุงเทพฯ เริ่มพรำเม็ดหนาขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งหญิงสาวพารถเคลื่อนเข้าสู่บริเวณบ้าน
รถกระบะสีเม็ดมะขามคันหนึ่งจอดขวางทางเข้าโรงจอดรถไอยเรศเบนรถเข้าจอดอีกฟากหนึ่ง กะระยะพอให้รถกระบะคันนั้นสามารถถอยกลับหรือหักหลบรถหล่อนได้โดยไม่ต้องเสียเวลามาขยับ ไอยเรศคิดเอาเองว่าน่าจะเป็นรถของลูกค้ารายใหม่ เพราะถ้าเป็นคนที่เคยติดต่อกันมักจะรู้ว่าควรจอดรถบริเวณไหนได้บ้าง สายฝนยังโปรยปรายหญิงสาวมองระยะห่างจากตัวรถถึงทางเข้าบ้านแล้วเห็นว่าไม่น่าจะเปียกมากนัก ไม่รู้เพราะอะไรแต่ในอารมณ์นี้หล่อนเกิดรู้สึกขี้เกียจกางร่มเอาเสียดื้อ ๆ หันมองเบาะข้างคนขับเห็นซองใส่เอกสารพลาสติกใสจึงคว้าติดมือตั้งใจเอาไว้บังน้ำฝนพอให้ไม่โดนศีรษะ
ก้าวลงจากรถได้ก็หมายใจจะวิ่งเพื่อให้ถึงตัวบ้าน สายตามองเป้าหมายเห็นคุณฉันท์ยืนคุยกับแขกอยู่บริเวณใกล้กับม้านั่งหินอ่อนใกล้กับโรงจอดรถ หญิงสาวส่งยิ้มพลางโบกมือให้ผู้เป็นพ่อซึ่งหันมาเห็นหล่อนเข้าพอดี สายตาเมื่อพ้นจากคุณฉันท์แล้วก็อดมองไปยังคู่สนทนาซึ่งยืนหันหลังให้หล่อนอยู่ไม่ได้...แล้วไอยเรศก็ถึงกับหยุดเดิน หญิงสาวรู้สึกตัวชาวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เบื้องหลังของผู้ชายที่หล่อนเห็นตอนนี้คุ้นตาหล่อนยิ่งนัก หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อาการเบี่ยงตัวคล้ายจะหันมามองยิ่งทำให้หล่อนระทึกใจ พลันลมลูกเล็กพัดมากระทบกับกิ่งมะม่วงซึ่งหล่อนหยุดยืนอยู่ หยดน้ำที่เกาะบนใบไม้ร่วงพรูหญิงสาวใช้ซองพลาสติกใสปิดหน้าตามสัญชาตญาณ เมื่อเห็นว่าหยดน้ำสงบลงแล้วจึงเพ่งตามองผ่านพลาสติกใสซึ่งเริ่มขุ่นมัวจากเหตุการณ์เมื่อครู่ แล้วไอยเรศก็เห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นกำลังหันหน้ามา...หัวใจหล่อนแทบหยุดเต้น ! รูปร่างแบบนี้ แผ่นหลังแบบนี้ หันหน้าเอียงทำมุมแบบนี้ แถมยังมองไม่ชัดพร่ามัวแบบนี้
...นี่มันผู้ชายในฝันของหล่อนชัด ๆ !!
3
อธิษฐานเอย
กรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทยยังคงเป็นจุดรวมของผู้คนจากทั่วสารทิศ ไม่เว้นแม้กระทั่งปริมาณของรถยนต์ซึ่งเพิ่มจำนวนรวดเร็วจนนับแทบไม่ทัน ในขณะที่จำนวนถนนยังคงเท่าเดิม การจราจรคับคั่งในย่านใจกลางเมืองซึ่งอุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยห้างสรรพสินค้าทันสมัยใหญ่โต และโรงแรมหรูหราหลายระดับดูน่าหงุดหงิด ยิ่งเป็นช่วงเวลาเร่งรีบด้วยแล้ว เสียงแตรรถจึงดังมาเป็นระยะ แม้จะไม่ช่วยทำให้การจราจรไหลลื่นเหมือนเสียงนกหวีดจากตำรวจจราจร แต่การกดแตรสำหรับบางคนคือการระบายอารมณ์อยู่ในที
แม้จะคุ้นชินกับกับสภาพอากาศแสนสดชื่น และการขับรถไหลลื่นไม่ติดขัด แต่ไอยเรศก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดกับสถานการณ์สามสิบนาทีขยับหนึ่งคืบตรงหน้า เวลาหลายปีนับจากย่างก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง หล่อนก็เริ่มปรับทั้งตัวปรับทั้งใจให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากบ้านหล่อนมากนัก ความเจริญกระจายตัวรวดเร็วราวไฟไหม้ฟางทำให้จังหวัดบ้านเกิดของหล่อนได้รับผลพวงจากกระแสอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
หลังจากนำส่งกล้วยไม้เรียบร้อย ไอยเรศก็พารถคลานเคลื่อนตรงไปยังโรงแรมที่หมาย ก่อนถึงโรงแรมต้องผ่านแยกราชประสงค์ มองเห็นศาลพระพรหมเอราวัณยามเช้าตรู่ผู้คนยังบางตา อดนึกถึงคำแนะนำของน้องสาวไม่ได้ ดูสถานที่แล้วไม่ไกลจากโรงแรมที่พักของหล่อนมากนัก สามารถเดินเท้ามาถึงได้ หญิงสาวจึงตั้งใจว่าจบการประชุมจะแวะมาสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล
มาถึงสถานที่จัดงานซึ่งเป็นโรงแรมหรูระดับสี่ดาว หญิงสาวรีบเช็คอินเข้าห้องพักอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปร่วมงานประชุมให้ทันเวลา หยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋ามาวางเรียงบนเตียงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ชุดเรียบร้อยเหมาะสมกับผู้ร่วมประชุมอาวุโสกว่าซึ่งหล่อนไปขอคำแนะนำจากคุณอุไรนั้น...แม้ยังไม่ใส่ก็ดูเลยวัยหล่อนไปมากโข
แสกผ้าไหมแขนกุดสีเขียวตองอ่อนยาวคลุมเข่า มีเสื้อสูทผ้าไหมแขนสี่ส่วนสีดำคลุมทับ ประดับอกเสื้อด้วยเข็มกลัดดอกกล้วยไม้สีเหลืองทอง เกสรเป็นเพชรเม็ดเล็กซึ่งผู้เป็นพ่อสั่งทำเป็นพิเศษมอบให้เมื่อเริ่มดูแลกล้วยไม้จริงจัง มองไปยังอุปกรณ์ประกอบชุด ซึ่งมีกระเป๋าถือและรองเท้าส้นสูงสีเขียวหัวเป็ดที่น้องสาวเป็นคนหามาให้แล้วไอยเรศก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา...เอาน่า...แค่ไม่กี่ชั่วโมง หญิงสาวปลอบตัวเอง
หลังจากอาบน้ำแต่งตัว หมุนซ้ายขวามองเงาสะท้อนในกระจกแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้ากับตัวเอง เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนหล่อนก็ดูแก่ได้ที่เสียทั้งนั้น หญิงสาวเลือกแต่งหน้าบาง ๆ รวบผมหางม้าตามถนัดเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง ก่อนออกจากห้องตรงไปยังสถานที่จัดการประชุม อากาศขมุกขมัวส่งผ่านกระจกหน้าต่างโรงแรมมาให้รู้สึกว่าอีกไม่นานฟ้าคงส่งฝนให้มาเยี่ยมเยือน หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ อากาศตอนนี้ช่างเหมือนความอึดอัดไร้เหตุผลซึ่งเริ่มก่อตัวอยู่ภายในใจหล่อนเหลือเกิน หากความอึดอัดเหล่านั้นกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำและซึมหายลงสู่พื้นดินได้เหมือนสายฝนก็คงดี
สี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ไอยเรศก็โผเผออกจากห้องประชุม เหมือนกับทุกครั้งหล่อนถูกรีดข้อมูลลองภูมิจากสมาชิกกลุ่มรายใหม่ ซึ่งดูคล้ายว่าจะยังไม่ยอมรับความอ่อนอาวุโสของหล่อนนัก ยกนาฬิกาข้อมือดูเวลาเกือบบ่ายสองโมงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วง แม้จะเหนื่อยแต่ก็จบ ที่เหลือต่อจากนี้คือการรื่นเริงพักผ่อนตามที่ได้ขออนุญาตผู้เป็นพ่อไว้ เพียงแค่คิดถึงความสดชื่นก็มาเยือน หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือซึ่งปิดเครื่องไว้ตั้งแต่เริ่มประชุมมาเปิดเครื่อง ทันทีที่เครื่องพร้อมใช้ ข้อมูลมากมายก็แข่งกันเด้งขึ้นโชว์ตัว ค่อย ๆ ไล่เรียงข้อมูลขี้ฟ้องจนมาเจอเบอร์ไม่มีชื่อซึ่งนอกจากจะโทรมาหลายสายแล้ว ยังมีข้อความส่งมาด้วย หญิงสาวเลือกเปิดอ่านข้อความก่อน
‘อาย เบอร์พระเอกของอายเอง ช่วยรับโทรศัพท์ทีเถอะ ไหว้ล่ะ’ ไอยเรศอมยิ้มกับข้อความนั้นก่อนกดเบอร์โทรออก แทบจะเรียกได้ว่าสัญญาณยังไม่ทันดังจบ ปลายสายก็รีบกดรับ
“ไอ้อาย โกรธอะไรพี่หรือเปล่าวะปิดเครื่องหนีเนี่ย” คำทักทายนั้นเรียกรอยยิ้มของไอยเรศให้กว้างขึ้น
“ไม่ได้คุยกันนานยังปากหมานเหมือนเดิมนะพี่เอก...อายประชุมเลยปิดเครื่อง” หญิงสาวอธิบายพลางเดินอย่างไม่รีบเร่งออกจากโรงแรมตรงไปยังแยกราชประสงค์เพื่อสักการะพระพรหมเอาราวัณตามที่ตั้งใจ ทางเดินเปียกแฉะทำให้พอเดาได้ว่าระหว่างหล่อนอยู่ในห้องประชุมปิดทึบข้างนอกได้เกิดฝนตกอากาศยังหลงเหลือความชื้นให้รู้สึก
“เออ แล้วไป...มีเรื่องให้ช่วยว่ะ” อีกฝ่ายพุ่งเข้าประเด็น ไอยเรศยิ้มรับ หล่อนชอบนิสัยตรงไปตรงมาของรุ่นพี่คนนี้มาตั้งแต่สมัยเรียน ต้องการอะไรจะไม่มีอ้อมค้อม
“ว่ามาพี่ ช่วยได้อายช่วย” หญิงสาตอบตรงไม่แพ้กัน
“พี่ต้องส่งเด็กเข้าแข่งเดือนหน้า แต่ไม่ถนัดคีตมวยไทยว่ะ มาสอนให้หน่อย...โรงเรียนบ้านนอกไม่มีเงินจ้างนะโว้ย...มาช่วยทำบุญกับเด็กตาดำ ๆ หน่อยเถอะ” ไอยเรศอดหัวเราะไม่ได้เมื่อฟังจบ เพราะเมื่อสมัยเรียนจำได้ว่ารุ่นพี่นามเพราะคนนี้ไม่ชอบเด็กถึงขั้นประกาศกร้าวว่าจะไม่ยอมเป็นครูพละเด็ดขาด แต่สุดท้ายก็ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง แถมพักหลังที่หล่อนได้ข่าวคือเขาสอนเด็กชนิดทุ่มสุดตัว
“เดี๋ยวนี้รักเด็กแล้วเหรอพี่เอก ? ไหนเมื่อก่อนบอกว่าเกลียดเด็ก โดยเฉพาะเด็กประถมไง ?” หล่อนเย้า
“เฮ้ย มันก็ไม่ถึงกับรักหรอก แต่ก็ไม่ได้เกลียด เด็ก ๆ แถวนี้มันก็ซื่อ ๆ น่าเอ็นดูดี สอนอะไรมันก็กระตือรือร้นอยากเรียนอยากรู้ พี่ก็เลยอยากเห็นมันได้ดีเท่านั้นเอง” น้ำเสียงตอบกลับมีแววขัดเขิน ไอยเรศหัวเราะเบา ๆ
“แหม เกลียดอย่างไหนได้อย่างนั้นเหมือนโบราณว่าไว้เชียว...เอาเถอะ...อายตกลง จะให้ไปเมื่อไหร่ ที่ไหน บอกมาล่วงหน้าจะได้แพลนงานไปแจ้งขออนุมัติพ่อถูก” ปลายสายตอบรับอย่างยินดี ก่อนนัดแนะการส่งกำหนดการ หลังซักถามสารทุกข์สุกดิบกันพอหอมปากหอมคอก็วางสายจากกัน
อาจเป็นเพราะก่อนหน้านั้นไอยเรศเดินคุยโทรศัพท์เพลินเสียจนลืมสังเกตว่าระหว่างทางที่หล่อนเดินมาไม่มีใครเดินตามหรือเดินสวนทาง กระทั่งเดินมาถึงบริเวณศาลพระพรหมและเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าแล้ว หญิงสาวจึงเริ่มเอะใจถึงบรรยากาศที่แปลกจากเคยพบ
ร่องรอยเปียกชื้นบนพื้นถนนและหยดน้ำจากที่สูงประปราย น่าจะเกิดจากฝนตกก่อนหล่อนจะออกมาจากโรงแรม แต่เมื่อมองบรรยากาศโดยรอบแล้วไอยเรศก็ได้แต่นึกแปลกใจ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนเห็นศาลพระพรหมแห่งนี้ยามฟ้าหลังฝน สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเมื่ออยาก ‘ชุบตัว’ เป็นสาวในเมืองครั้งใด หล่อนและเพื่อนผู้หญิงมักรวมตัวกันมาเดินเล่นย่านนี้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดหรือวันธรรมดาบริเวณศาลพระพรหมก็มักจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเสมอ ซึ่งแตกต่างจากวันนี้โดยสิ้นเชิง ผู้คนรอบทิศดูบางตาชนิดนับนิ้วได้ มองไปยังศาลาซึ่งหล่อนจำได้ว่ามีคณะรำแก้บนและวงเครื่องดนตรีบรรเลงเพลง มีคนเข้าคิวรอรอบต่อไปไม่ขาดสาย หล่อนยังจำสีหน้าของนางรำที่บางวันดูเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากับการรำจนยิ้มแทบไม่ออกได้ดี...ทว่า...ไม่ใช่วันนี้
วงเครื่องดนตรีบรรเลงเพลงไทยเดิมแผ่วหวาน เสียงเสนาะใสราวกับระฆังแก้วกังวาน นางรำในชุดเลื่อมพรายร่ายรำเยื้องกรายตามจังหวะดนตรี ใบหน้าตกแต่งสวยงามอ่อนหวาน รอยยิ้มละไมเจือจับ การร่ายรำอ่อนช้อยงดงามจนยากจะถอนสายตา พนักงานขายดอกไม้นั่งเยื้องออกไปนั่นอีกที่แปลก ใบหน้ายิ้มพริ้มพรายคล้ายเชื้อเชิญให้หล่อนไปหยิบพานดอกไม้ธูปเทียนเครื่องสักการะซึ่งจัดไว้เป็นชุด...รอยยิ้มนั่นแหละที่ไอยเรศเห็นว่ามันแปลก
นอกจากอากาศจะขมุกขมัว เย็นระรื่นแล้ว ปริมาณรถยนต์บริเวณแยกราชประสงค์ซึ่งเคยอุ่นหนาฝาคั่งกลับเบาบางจนน่าประหลาดใจ โดยปกติหลังฝนตกเช่นวันนี้ การจราจรจะคับคั่ง ทั้งควันจากท่อไอเสียและเสียงแตรแทบจะดังกลบเสียงดนตรี เมื่อหันกลับมายังศาลพระพรหมเบื้องหน้า ควันธูปบางเบาพร้อมกลิ่นหอมฉุนโชยชายมาเป็นระยะยิ่งทำให้บรรยากาศดูอึมครึมแปลกยิ่งกว่าเดิม หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ สลัดความรู้สึกของตัวเองออกจากภวังค์คิดก่อนมองไปรอบ ๆ อย่างจับสังเกต
ไอยเรศยอมรับว่าหล่อนเคย ‘ผ่าน’ สถานที่แห่งคำร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์มาหลายครั้ง แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่หล่อนจะคิดมาขอพรหรือกราบไหว้จริงจัง ก้าวเท้าตรงไปยังศาลาขายดอกไม้และเครื่องสักการะก่อนถือพานเดินกลับมายังศาลพระพรหมสายตาสะดุดอยู่ที่กล่องไม้สลักรูปพระพรหมซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเล็ก ๆ ตั้งห่างกันเป็นระยะรายรอบพระพรหม ใกล้กล่องมีกระดาษสีขาวขุ่นและปากกาวางไว้ หญิงสาวได้แต่นิ่วหน้าเพราะก่อนมาก็ไม่ได้สอบถามคนแนะนำกรรมวิธีจากน้องสาว แต่ก็เข้าใจเอาเองว่าน่าจะเป็นการเขียนขอพรลงบนกระดาษแล้วหย่อนลงกล่อง...แปลกดี...หญิงสาวคิด
‘อย่าลืมขอพรกับพระพรหมเจ้าที่นะพี่อาย...แม่นมากอุ๊รับรองได้’
คำย้ำของน้องสาวก่อนหล่อนเดินทางออกจากบ้านแวบเข้ามาในห้วงคิดทันทีเมื่อเห็นกล่อง โดยไม่รอช้าไอยเรศวางพานดอกไม้ธูปเทียนก่อนหยิบกระดาษพร้อมกับปากกาขึ้นมาถือก่อนชะงักค้าง...หล่อนจะขออะไรดีนะ ?
“ขอโทษนะคะ ขอทางหน่อยค่ะ” เสียงอ่อนนุ่มนั้นผลักให้ไอยเรศขยับหลบตามสัญชาตญาณ พร้อมกับหันไปมองคนขอทาง หญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดเกาะอกกระโปรงยาวเสมอเข่าสีสะอาดตา ผมดัดลอนใหญ่และที่คาดผมไข่มุกชวนให้คิดถึงคุณหนูผู้บอบบางอ่อนต่อโลก ทว่าท่าทีแฝงความมั่นใจซึ่งกระจายเผื่อแผ่และการเอ่ยขอทางทั้งที่คนไม่เยอะพอเข้าข่ายกีดขวางทางบุญ ก็ทำให้หล่อนรู้สึกว่าหญิงสาวแสนหวานคนนี้น่าจะ “เยอะ” พอตัว
ไอยเรศขยับไปอีกทางเพื่อหาที่ว่างสำหรับเขียนคำขอลงในกระดาษ ปลายปากกาจอดแช่อยู่บนกระดาษนานจนหมึกปากกาซึมเป็นวงกว้างด้วยเพราะคนถือปากกากำลังคิดคำขอพร หญิงสาวยังคิดไม่ตกว่าจะเขียนขอพรว่าอย่างไรดี ครั้นจะเขียนแค่ให้คนรอบข้างเลิกจับคู่ให้เสียที มันก็ดูเหมือนจะดีแค่ด้านเดียวเพราะหล่อนเองก็ค่อนข้างเชื่อว่าถ้าให้หาเนื้อคู่เองก็คงยาก เพราะในใจหล่อนมีแต่ผู้ชายในฝัน...ใช่แล้ว !
‘ขอให้เจอผู้ชายในฝันคนนั้นแบบตัวเป็น ๆ ขอให้หล่อ ขอให้โสด และขอให้ได้ใจเขาด้วย’
เขียนเสร็จแล้วไอยเรศก็อ่านทวนข้อความของตัวเอง แม้คำขอของหล่อนจะหลายขอไปหน่อย แต่เมื่อคิดเข้าข้างตัวเองแล้วหล่อนก็เห็นควรว่าเหมาะสม พับกระดาษยกมือพนมกล่าวคำอธิษฐานแล้วไอยเรศก็เดินตรงไปยังกล่องหย่อนกระดาษขอพร
พลันที่กระดาษแผ่นนั้นผลุบผ่านช่องแคบลงไปในกล่อง อุปาทานไปเองก็สุดรู้ ไอยเรศจับสังเกตได้ถึงความเงียบผิดปกติชนิดที่เรียกได้ว่ามองเห็นเพียงตัวเองยืนอยู่เดียวดายกลางลาน และเบื้องหน้าคือพระพรหมเจ้าที่ที่หล่อนกำลังขอพร หญิงสาวตกตื่น ได้แต่หันมองซ้ายขวาหน้าหลังเพื่อหาบุคคลร่วมเหตุการณ์ประหลาดนี้...ทว่า...หล่อนต้องเบิกตากว้างยิ่งขึ้นเมื่อพบว่าในสถานการณ์นี้ หล่อนอยู่เพียงลำพัง !
ไอยเรศชื่นชอบการอยู่บนเนินฝันใต้ร่มดอกรัก หล่อนชอบความสงบ โปร่ง ไร้คนกวนใจ แต่ไม่ใช่ในความเป็นจริงอย่างเช่นที่เป็นอยู่แน่นอน !
อะไรบางอย่างสว่างวาบตรงหางตาสะกิดให้คนหาเพื่อนร่วมเหตุการณ์หันไปมองอย่างรวดเร็ว แล้วก็ต้องตะลึงลานอีกครั้ง รายรอบบริเวณศาลพระพรหมซึ่งเงียบสงบลงเมื่อครู่ ในตอนนี้คลาคล่ำด้วยชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ไม่ว่าจะมองไปทางไหน แม้แต่บนสกายวอล์ค หรือกระทั่งบนสถานีรถไฟฟ้าซึ่งอยู่ห่างออกไป ล้วนปรากฏร่างของชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวละลานตา ที่น่าตระหนกยิ่งกว่านั้นคือดูเหมือนว่าทุกคน ทุกใบหน้าและสายตาของชายหนุ่มเหล่านั้น ต่างจับจ้องมายังหล่อนเป็นจุดเดียว...ซ้ำยังส่งยิ้มมาให้อีกด้วย...ในขณะที่ไอยเรศคิดว่าหล่อนกำลังจะเป็นลม หรือเป็นอะไรสักอย่างเพื่อให้รู้สึกตัวขึ้นมาเข้าสู่สถานการณ์ปกติมากกว่าที่เป็นอยู่ สายตาของหล่อนสะดุดอยู่ที่ร่างในชุดสูทขาวคนหนึ่งซึ่งยืนหันหลังให้หล่อน แปลกจากคนอื่น ๆ
จุดที่ชายหนุ่มผู้แปลกแยกยืนอยู่คือบริเวณจุดขายดอกไม้ แม้เห็นเพียงเบื้องหลังไอยเรศกลับรู้สึกอุ่นในหัวใจขึ้นอย่างประหลาด บางอย่างในความรู้สึกกระซิบบอกหล่อนว่านี่คือสิ่งที่รอคอย สายตาของหล่อนในตอนนี้ไม่อาจเหลือบมองไปยังจุดอื่นได้ คล้ายถูกบังคับให้จ้องไปยังแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มคนนั้น ไม่นานนักร่างที่ยืนหันหลังให้ก็ค่อย ๆ เบือนกลับมา
แสงสว่างวาบพาให้ตาพร่าจนต้องกะพริบตาเพื่อปรับความคุ้นชินอยู่หลายวินาที เมื่อมองชัดเจนอีกครั้งไอยเรศก็พบว่า ในตอนนี้ชายหนุ่มคนนั้นกำลังยืนประจันหน้าหล่อนในระยะไม่กี่ก้าว อาจเพราะสีชุดที่เขาสวมดูสว่างเรื่อเรืองคล้ายมีประกายครอบคลุมจากเล็กน้อยและเพิ่มขึ้นจนสว่างจ้าพาให้ในสายตาของหล่อนตอนนี้เหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น ใบหน้าหล่อเหลาราวหยกสลักของชายหนุ่มคนนั้นคล้ายดังมีรอยยิ้มเปี่ยมด้วยเมตตาอยู่ในที ดวงตาเหมือนมีประกายดำลึกดึงดูด ทว่าน่าเกรงขามมองสานสบกับดวงตาตกตื่นของหล่อนอย่างปราณี เขาเดินช้า ๆ คล้ายกับลอยละล่องมาใกล้หล่อน ริมฝีปากของเขายังเจือยิ้มเมื่อมือยื่นมาแตะกล่องไม้แกะสลักรูปพระพรหม ก่อนจะขยับปากเอื้อนเอ่ยคำ
“ตามนั้น”
พูดจบ ร่างสูงในชุดสูทขาวสว่างก็เดินผ่านไอยเรศ ลมลูกเล็ก ๆ พัดวูบ หญิงสาวอุปาทานได้กลิ่นหอมบางเบาคล้ายดั่งว่าหล่อนกำลังนั่งสำราญอยู่ใต้ร่มดอกรักในฝัน...กะพริบตาตกตื่นพลางหันกลับไปหวังร้องเรียกถามชายหนุ่มชุดสูทขาว...ทว่า...สิ่งที่พบเห็นตอนนี้ประหลาดยิ่งนัก !
นอกจากหล่อนจะไม่เห็นชายหนุ่มสูทขาวคนนั้นแล้ว เสียงแตรรถ ภาพการจราจรบริเวณแยกเริ่มเคลื่อนไหว ผู้คนเริ่มจอแจขวักไขว่แตกต่างจากปรากฏการณ์เมื่อครู่โดยสิ้นเชิง !
หญิงสาวเลิ่กลั่กหันมองรอบกายอีกครั้ง ครั้งนี้ผู้ร่วมชะตากรรมหล่อนคือหญิงสาวแสนสวยอีกสี่คนซึ่งยืนกระจายรายรอบพระพรหมเจ้าที่ แต่ละคนยืนอยู่หน้ากล่องแกะสลักรูปพระพรหม สีหน้าแต่ละคนดูแปลกใจระคนสงสัยไม่ต่างกัน อยากเข้าไปถามเหลือเกินว่าเมื่อครู่ได้เห็นเหมือนกันกับหล่อนหรือไม่...เหตุการณ์ซึ่งหล่อนสรุปในใจแล้วว่าเจอ “ผีหล่อ” หลอกกลางวันแสก ๆ สีหน้างุนงงของหญิงสาวเหล่านั้น ไอยเรศได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ หล่อนได้แต่ถอยออกจากจุดนั้น สายลมหอมอุ่นพัดโชยผ่าน อุปาทานได้ยินเสียงหัวเราะนุ่ม ๆ ข้าง ๆ หู ตามด้วยคำย้ำแผ่วเบาคล้ายจะย้ำคำเดิมเพิ่มความมั่นใจ
‘ตามนั้น’
เครื่องปรับอากาศทำหน้าที่อย่างแข็งขัน ส่งกระไอเย็นแผ่ครอบคลุมห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ จนไม่อาจรับรู้สภาพอากาศที่แท้จริงภายนอกได้ บรรยากาศเย็นฉ่ำนั้นกลับไม่ผ่านเข้าไปถึงความรู้สึกของคนอาศัยในห้องซึ่งตอนนี้เปลี่ยนชุดกระชากวัยมาเป็นชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นนอนกางแขนอยู่กลางเตียงใหญ่ แม้จะหลับตาแต่ภายในความคิดกลับวุ่นวายถึงเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายที่ผ่านมา...ภาพที่เห็นยังตามมาปรากฏ กลิ่นหอมอุ่น เสียงทุ้มนุ่มกึ่งยั่วเย้า กึ่งปราณี ยิ่งคิดยิ่งแจ่มชัด สิ่งเดียวที่ยังลางเลือนคือใบหน้าของชายหนุ่มปริศนาในชุดสูทสีขาวคนนั้นที่ไม่ว่าจะนึกอย่างไร ก็ยังเหมือนกระจกเงาเต็มไปด้วยฝ้าขุ่นมัว ยิ่งคิดยิ่งว้าวุ่นจนทนไม่ไหวต้องลืมตาผุดลุกขึ้นนั่งยกมือขึ้นกุมศีรษะ หันมองซ้ายขวาเพื่อดูความแน่นหนาของห้องหากส่งเสียงกรีดร้องออกไป...ยังไม่ทันได้เปล่งเสียง โทรศัพท์มือถือก็ดังเรียกความสนใจหยิบมาดูเบอร์โทรก่อนกดรับและเอ่ยทักทาย
“ว่าไงอุ๊”
“พี่อาย เป็นไงบ้าง ? ไปไหว้พระพรหมเอราวัณไหม ? ได้ขอพรหรือเปล่า ?” คำถามกลับเสียงกระซิบจนคนฟังนึกเดาว่าน่าจะเป็นการแอบถาม
“ฮื่อ” หญิงสาวตอบรับเสียงเหนือย
“อะไรกัน ตอบแค่เนี้ย ? อุ๊อุตส่าห์ลุ้นนะเนี่ย” อุมารินทร์เสียงละห้อย
“แกจะให้ขอปุ๊บได้ปั๊บเลยหรือไงยะ ไม่ใช่ความฝันนะ” ตอบไปแล้วก็ได้แต่แปลกใจตัวเองยิ่งนัก ไอยเรศมั่นใจว่าความตั้งใจของหล่อนคือการเล่าเหตุการณ์ที่ได้พานพบจนต้องเก็บมาขบคิดให้น้องสาวฟัง แต่คำบอกปัดกลับพรั่งพรูออกจากปากโดยที่ไม่ทันได้ยับยั้ง...หญิงสาวได้แต่ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด
“เอาน่าพี่อาย อุ๊เชื่อว่ายังไงพรที่พี่อายขอจะต้องเป็นจริงแน่นอน” อุมารินทร์บอกด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ
“อือ...ว่าแต่โทรมาแค่นี้เหรอ ?”
“เปล่า ๆ จริง ๆ แล้วอุ๊จะโทรมาถามว่าพี่อายจะกลับวันไหน พอดีรถส่งกล้วยไม้เป็นอะไรไม่รู้เกเรพร้อมกันตั้งสองคัน ต้องส่งซ่อมอีกหลายวันกว่าจะได้ แต่วันมะรืนมีออเดอร์ต้องส่งพี่ไอซ์เลยฝากบอกพี่อายว่าให้กลับก่อนได้ไหมแล้วจะอนุมัติให้หยุดยาวครั้งหน้า” อุมารินทร์บอกอย่างเกรงใจ
“ได้สิ เดี๋ยวพี่กลับพรุ่งนี้เลย” ไอยเรศตอบอย่างไม่ต้องคิด หล่อนรู้ดีว่าการขนส่งกล้วยไม้สำคัญแค่ไหนสำหรับธุรกิจนี้
“พี่อายน่ารักที่สุดเลย เนี่ย พี่ไอซ์ไม่กล้าพูดเองเพราะเห็นว่าพี่อายไม่ได้พักนานแล้วไม่อยากกวนแต่มันจำเป็นจริง ๆ อุ๊เลยอาสาเป็นหนังหน้าไฟให้เอง” น้องสาวบอกอย่างร่าเริง
“คิดมากไปได้ ยังไงพี่ก็ต้องเห็นสาว ๆ สำคัญที่สุดอยู่แล้ว...บอกพี่ไอซ์ก็แล้วกันว่าคงถึงเย็น ๆ หน่อยเพราะพี่คิดว่าพี่น่าจะตื่นสาย” ไอยเรศบอกต่อ
“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวอุ๊บอกให้...นี่พ่อก็เพิ่งโทรมาตอนเย็น เห็นว่าจะกลับพรุ่งนี้เหมือนกัน”
“อ้าว ไหนว่าสัมมนาสามวัน เพิ่งไปได้วันเดียวเองไม่ใช่เหรอ ?” หญิงสาวถามอย่างสงสัย
“อุ๊ได้ยินพ่อบ่นประมาณว่าคนจัดงานเลื่อนวันไปเป็นเดือนหน้า แต่คนประสานงานไม่โทรติดต่อพ่อเลยไม่รู้เรื่อง เป็นการไปเสียเที่ยว ฟังเสียงแล้วพ่อหัวเสียมากเลยล่ะ”
“ก็น่าโมโหนะ...เอาเถอะพรุ่งนี้เจอกันเย็น ๆ แค่นี้ก่อนนะง่วงแล้ว” ไอยเรศตัดบท หลังน้องสาววางสายไปหล่อนก็กลับมานอนแผ่หลาบนเตียงต่อโดยไร้แววง่วงงุนเหมือนอย่างที่บอกน้องสาว หล่อนไม่รู้สึกเสียดายโอกาสในการพักผ่อนครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย นั่นเพราะรู้ดีว่าธุรกิจของครอบครัวแม้จะมองดูว่ามั่นคง แต่ถ้าขาดความเอาใจใส่ไม่เห็นความสำคัญแม้แต่นิดเดียวก็สามารถพังได้ ประสบการณ์นั้นไอยเรศเคยเจอมากับตัว ครั้งที่หล่อนเริ่มต้นการเลี้ยงกล้วยไม้ใหม่ ๆ เคยพลาดชนิดที่ว่าทำให้กล้วยไม้ตายยกโรงเรือน สูญเงินไปมากมายต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเก็บทุนคืนกำไรกลับมา...กับอีกประการสำคัญที่ทำให้หล่อนไม่รู้สึกเสียดายวันพักผ่อน...
ความร้อนรุมเล็ก ๆ ซึ่งหมุนติ้ว ๆ อยู่กลางความรู้สึก เป็นความกังวลแปลก ๆ ที่ตัวหล่อนเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด รู้เพียงว่ามีความตื่นเต้นเจือแทรกอยู่ในความรู้สึก...หญิงสาวได้แต่หวังว่าเมื่อกลับไปถึงบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่แปลกประหลาดอยู่นี้ จะคลี่คลายไปในทางที่ดี...คิดพลางก็เริ่มเข้าสู่ภวังค์นิทรา
แม้จะบอกน้องสาวว่าอาจจะกลับถึงบ้านเวลาเย็น แต่เมื่อตื่นขึ้นแล้วเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมในเวลาเกือบสิบโมงเช้า ไอยเรศก็ตั้งใจจะตรงดิ่งกลับบ้าน ทว่า ฝนที่ตั้งเค้ามาตั้งแต่เช้าเริ่มโปรยสายตอนที่รถหล่อนเริ่มเคลื่อนออกจากโรงแรม กว่าจะผ่านการจราจรตรงแยกราชประสงค์มาได้ ก็ร่วมสองชั่วโมงเมื่อออกมายังถนนสายหลักตรงกลับไปยังจุดหมายก็มาพบกับอุบัติเหตุซึ่งกินพื้นที่ผิวการจราจรทำให้รถเดินได้เลนเดียว ในที่สุดไอยเรศก็พารถเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่คุ้นเคยได้เมื่อห้าโมงเย็น เมฆฝนซึ่งวันนี้ดูเหมือนว่าจะครึ้มตามหล่อนมาตั้งแต่กรุงเทพฯ เริ่มพรำเม็ดหนาขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งหญิงสาวพารถเคลื่อนเข้าสู่บริเวณบ้าน
รถกระบะสีเม็ดมะขามคันหนึ่งจอดขวางทางเข้าโรงจอดรถไอยเรศเบนรถเข้าจอดอีกฟากหนึ่ง กะระยะพอให้รถกระบะคันนั้นสามารถถอยกลับหรือหักหลบรถหล่อนได้โดยไม่ต้องเสียเวลามาขยับ ไอยเรศคิดเอาเองว่าน่าจะเป็นรถของลูกค้ารายใหม่ เพราะถ้าเป็นคนที่เคยติดต่อกันมักจะรู้ว่าควรจอดรถบริเวณไหนได้บ้าง สายฝนยังโปรยปรายหญิงสาวมองระยะห่างจากตัวรถถึงทางเข้าบ้านแล้วเห็นว่าไม่น่าจะเปียกมากนัก ไม่รู้เพราะอะไรแต่ในอารมณ์นี้หล่อนเกิดรู้สึกขี้เกียจกางร่มเอาเสียดื้อ ๆ หันมองเบาะข้างคนขับเห็นซองใส่เอกสารพลาสติกใสจึงคว้าติดมือตั้งใจเอาไว้บังน้ำฝนพอให้ไม่โดนศีรษะ
ก้าวลงจากรถได้ก็หมายใจจะวิ่งเพื่อให้ถึงตัวบ้าน สายตามองเป้าหมายเห็นคุณฉันท์ยืนคุยกับแขกอยู่บริเวณใกล้กับม้านั่งหินอ่อนใกล้กับโรงจอดรถ หญิงสาวส่งยิ้มพลางโบกมือให้ผู้เป็นพ่อซึ่งหันมาเห็นหล่อนเข้าพอดี สายตาเมื่อพ้นจากคุณฉันท์แล้วก็อดมองไปยังคู่สนทนาซึ่งยืนหันหลังให้หล่อนอยู่ไม่ได้...แล้วไอยเรศก็ถึงกับหยุดเดิน หญิงสาวรู้สึกตัวชาวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เบื้องหลังของผู้ชายที่หล่อนเห็นตอนนี้คุ้นตาหล่อนยิ่งนัก หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อาการเบี่ยงตัวคล้ายจะหันมามองยิ่งทำให้หล่อนระทึกใจ พลันลมลูกเล็กพัดมากระทบกับกิ่งมะม่วงซึ่งหล่อนหยุดยืนอยู่ หยดน้ำที่เกาะบนใบไม้ร่วงพรูหญิงสาวใช้ซองพลาสติกใสปิดหน้าตามสัญชาตญาณ เมื่อเห็นว่าหยดน้ำสงบลงแล้วจึงเพ่งตามองผ่านพลาสติกใสซึ่งเริ่มขุ่นมัวจากเหตุการณ์เมื่อครู่ แล้วไอยเรศก็เห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นกำลังหันหน้ามา...หัวใจหล่อนแทบหยุดเต้น ! รูปร่างแบบนี้ แผ่นหลังแบบนี้ หันหน้าเอียงทำมุมแบบนี้ แถมยังมองไม่ชัดพร่ามัวแบบนี้
...นี่มันผู้ชายในฝันของหล่อนชัด ๆ !!
รัมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ส.ค. 2556, 00:47:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ส.ค. 2556, 00:47:52 น.
จำนวนการเข้าชม : 1914
<< ๒ เมื่อความวุ่นวายเริ่มก่อตัว | ๔ เพียงพบพักตร์... >> |
รัมย์ 14 ส.ค. 2556, 00:52:18 น.
สวัสดีค่ะคุณคนอ่านผู้น่ารัก
ตกใจหรือเปล่า...ตอนนี้มาเร็วเกินไปไหมคะ ? ^^
วันหยุดหลายวันเลยฝันได้ยาวค่ะ หลังจากนี้จะหลังยาวแล้ว...อะล้อเล่นนนน
ตอนนี้พาผู้ชายในฝันมาฝากค่ะ กว่าจะเข็นมาเข้าฉากได้คนเขียนเหนื่อยมาก
ตัวก็โต๊ โต แรงก็เย้อ เยอะ >///<
อ่านจบตอนแล้วคิดเห็นอย่างไร มีข้อแนะนำหรือเจอคำหกตกหล่อนอย่าลืมบอกกันน้าาาาา
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า ช้า ๆ นี้ค่า
ฝนตกอากาศเปลี่ยนดูแลสุขภาพนะค้า
รัมย์
สวัสดีค่ะคุณคนอ่านผู้น่ารัก
ตกใจหรือเปล่า...ตอนนี้มาเร็วเกินไปไหมคะ ? ^^
วันหยุดหลายวันเลยฝันได้ยาวค่ะ หลังจากนี้จะหลังยาวแล้ว...อะล้อเล่นนนน
ตอนนี้พาผู้ชายในฝันมาฝากค่ะ กว่าจะเข็นมาเข้าฉากได้คนเขียนเหนื่อยมาก
ตัวก็โต๊ โต แรงก็เย้อ เยอะ >///<
อ่านจบตอนแล้วคิดเห็นอย่างไร มีข้อแนะนำหรือเจอคำหกตกหล่อนอย่าลืมบอกกันน้าาาาา
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า ช้า ๆ นี้ค่า
ฝนตกอากาศเปลี่ยนดูแลสุขภาพนะค้า
รัมย์
oolong 14 ส.ค. 2556, 09:04:32 น.
ดีใจจัง ได้อ่านเร็วกว่าที่คิด รอลุ้นกับน้องอายค่ะ
ดีใจจัง ได้อ่านเร็วกว่าที่คิด รอลุ้นกับน้องอายค่ะ
sai 14 ส.ค. 2556, 09:26:15 น.
ขอปั๊บได้ปุ๊บเลยยย เริ่ดๆๆๆๆๆ
ขอปั๊บได้ปุ๊บเลยยย เริ่ดๆๆๆๆๆ
รักเร่ 14 ส.ค. 2556, 17:58:07 น.
แหม... พระพรมท่านศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้ เดี๋ยวจะไปขอผู้ชายในฝันแบบยัยอายมั่ง
แหม... พระพรมท่านศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้ เดี๋ยวจะไปขอผู้ชายในฝันแบบยัยอายมั่ง
Sukhumvit66 14 ส.ค. 2556, 19:03:19 น.
มาทุกวันก็ได้น้า.....ไม่ว่ากัน อิอิ
มาทุกวันก็ได้น้า.....ไม่ว่ากัน อิอิ
ตามหาฝัน 14 ส.ค. 2556, 19:20:40 น.
ผู้ชายในฝัน ในที่สุดก็มา
ผู้ชายในฝัน ในที่สุดก็มา
น้ำค้าง 14 ส.ค. 2556, 21:10:30 น.
พร มาหารวดเร็วทันใจ ว่าแต่ใครน้อผู้ชายคนนั้น ๆรอลุ้นกันต่อไปแอบตื่นเต้นแทนยัยอายนะเนี่ย อิอิ
พร มาหารวดเร็วทันใจ ว่าแต่ใครน้อผู้ชายคนนั้น ๆรอลุ้นกันต่อไปแอบตื่นเต้นแทนยัยอายนะเนี่ย อิอิ
supayalak 15 ส.ค. 2556, 12:33:52 น.
อัยยะ มาเร็วดีจริง จริงๆ แล้วเราก็อยากได้บ้างไรบ้าง ไปขอบ้างดีกว่า อิอิอิ
อัยยะ มาเร็วดีจริง จริงๆ แล้วเราก็อยากได้บ้างไรบ้าง ไปขอบ้างดีกว่า อิอิอิ
ปอกะเจา 15 ส.ค. 2556, 18:31:29 น.
เจ้าชายในฝันมาแล้ว กรี๊ดดดดดดดดดดด
เจ้าชายในฝันมาแล้ว กรี๊ดดดดดดดดดดด
mhengjhy 15 ส.ค. 2556, 21:45:20 น.
กรี้ด หล่อหลอกหลอน 5555
กรี้ด หล่อหลอกหลอน 5555
Zephyr 16 ส.ค. 2556, 20:55:39 น.
เอ รึพระเอกกะชาบชุดสูทขาวจะเป็นคนเดียวกัน
และคนเดียวกะที่ยืนตรงหน้านี่ด้วย อืมมมมม
เอ รึพระเอกกะชาบชุดสูทขาวจะเป็นคนเดียวกัน
และคนเดียวกะที่ยืนตรงหน้านี่ด้วย อืมมมมม
เพียงพลอย 17 ส.ค. 2556, 14:04:46 น.
ว้ายๆ ตอนหน้าจะได้เห็นหน้า ชนฝ ชัดแล้วใช่ไหมค้าาาาาา
ว้ายๆ ตอนหน้าจะได้เห็นหน้า ชนฝ ชัดแล้วใช่ไหมค้าาาาาา
Hibara 20 ส.ค. 2556, 09:34:55 น.
โฮ้ยยยยย อ่านจบอยากเจอผ้ชายในฝันแล้ววววว ตื่นเต้นอย่างกะฝันเอง กร๊ากกกก ^____^
โฮ้ยยยยย อ่านจบอยากเจอผ้ชายในฝันแล้ววววว ตื่นเต้นอย่างกะฝันเอง กร๊ากกกก ^____^
Padawan 22 ส.ค. 2556, 12:57:24 น.
แอร๊ยยยย ลุ้นๆๆๆๆ
แอร๊ยยยย ลุ้นๆๆๆๆ