ใต้ร่มดอกรัก
ปฏิบัติการตามล่าหา "ผู้ชายในฝัน"
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ๔ เพียงพบพักตร์...

ใต้ร่มดอกรัก

4

เพียงพบพักตร์...


ภาพนั้นยังคงไม่ชัดเจน เหมือนดังเช่นที่หล่อนเห็นครั้งสุดท้ายในความฝัน รูปร่างสูงใหญ่ ไหล่กว้างดูแข็งแรงจะว่าไปก็สามารถพบเห็นได้จากชายหนุ่มทั่วไป...ทว่า เสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีดำแดงพับแขนมาถึงข้อศอก กางเกงยีนสีซีดและรองเท้าสีน้ำตาลแบบนั้น ถอดมาจากผู้ชายในฝันของหล่อนชนิดเป๊ะเวอร์ !!

ไอยเรศลดซองพลาสติกในมือลง ในตอนนี้หล่อนไม่สนใจแล้วว่าสายฝนหรือหยดน้ำจะสร้างความรำคาญให้หล่อนมากเพียงใด พร้อมกันนั้นก็เร่งฝีเท้าให้เข้าใกล้ชายหนุ่มที่ยังคงยืนหันหลังคุยกับผู้เป็นพ่อ หล่อนจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของเขาอย่างไม่คลาดสายตาด้วยกลัวเหลือเกินว่าหากละสายตาแล้ว เขาอาจจะหายวับไปเหมือนเช่นในฝัน

“จะไม่เปลี่ยนใจจริง ๆ หรือครับ ?” เสียงทุ้ม ๆ นั้นดังเข้าสัมผัสโสตประสาทของไอยเรศเมื่อเข้ามาในระยะใกล้ กระตุ้นจังหวะหัวใจให้รัวกระหน่ำยิ่งขึ้น...ชัดเจนยิ่งกว่าในฝัน...ขนาดความกว้างของไหล่ ระดับความสูง ใช่ ! ผมรองทรงยาวแบบนี้ ใช่ ! เสียงทุ้ม ๆ แบบนี้ ใช่ ! งั้นก็เหลืออยู่อย่างเดียวที่จะตรงกัน...หน้าเอียงทำมุมเหมือนครั้งสุดท้ายที่พบในฝัน !!

เร็วเท่าความคิด ไอยเรศทิ้งข้าวของในมือก้าวเร็ว ๆ ตรงไปยังชายหนุ่มคนนั้นเมื่ออยู่ในระยะประชิดมือก็ยื่นไปแตะไหล่หนาเบา ๆ แต่เท่านั้นก็เพียงพอให้เจ้าของไหล่หันขวับตามสัญชาตญาณ ทว่า ยังไม่ทันที่เขาจะได้หันมามองให้เต็มตา มือที่แตะไหล่อยู่ก็ยกผลักยันใบหน้าเขาจนชะงักกึก

“อย่าเพิ่งหันมา ขอเถอะ ช่วยค้างอยู่ท่านี้แป๊บหนึ่งนะ ขอร้อง แป๊บเดียวค้างอยู่แป๊บเดียว !” ขณะสั่งการ หญิงสาวก็ขยับถอยหลังห่างออกไปเรื่อย ๆ

เพราะอยู่ในภาวะตกตลึง ทั้งคุณฉันท์และชายหนุ่มผู้เป็นแขกต่างก็ยืนนิ่งคล้ายฟังคำสั่งของหญิงสาวผู้อยู่ในความตื่นเต้น หลายครั้งที่ชายหนุ่มขยับเหมือนจะหันมองเสียงร้องห้ามของหญิงสาวก็หยุดกิริยาเขาไว้ กระทั่งเสียงนั้นเงียบหายไป เหลือเพียงเสียงฝนหล่นกระทบหลังคาเปาะแปะ ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ หันกลับไปมองยังเบื้องหลัง และหันกลับไปเต็มตัวเมื่อไม่ได้ยินเสียงร้องห้าม

หญิงสาวร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อยืดคอวีแขนสั้นสีน้ำเงินสด กางเกงยีนสีน้ำตาลรองเท้าผ้าใบเก่าเดาสีเดิมไม่ได้ บางส่วนเปียกฝนเป็นด่างดวงในตอนนี้ยืนนิ่งตาเบิกค้างจ้องมองมายังเขาชนิดไม่ยอมกะพริบ ความยินดีปราโมทย์กระจายเกลื่อนเต็มสีหน้า ริมฝีปากอิ่มแย้มยิ้มกว้างขวางเห็นแนวฟันเรียงสวยมือเรียวซึ่งทิ้งแนบลำตัวก่อนหน้านั้นยกขึ้นเกาะกุมซ้อนใต้คาง เริ่มขยับย่างเท้าก้าวตรงมายังจุดที่เขายืนอยู่ด้วยใบหน้าเคลิ้มฝัน

“อาย...อายเป็นอะไรหรือเปล่าลูก ?” คุณฉันท์เป็นคนเอ่ยทำลายสถานการณ์แสนประประหลาด มองลูกสาวซึ่งยังคงสืบเท้าก้าวเข้าหาชายหนุ่มผู้เป็นแขกอย่างสงสัย กิริยาส่ายหน้าน้อย ๆ ของลูกสาวยิ่งทำให้คุณฉันท์แปลกใจยิ่งขึ้น

“เหมือนเป๊ะ ! ไม่สิ...ใช่ ! ต้องใช่แน่ ๆ !” ไอยเรศเอ่ยอย่างลิงโลด รีบสาวเท้าก้าวเข้าหาชายหนุ่มแปลกหน้าซึ่งถอยหลังกรูดอย่างระวังภัย ขณะที่หญิงสาวยังจ้องไม่วางตา ชายหนุ่มก็ทั้งถอยทั้งจ้องอย่างไม่ไว้ใจ กระทั่งแผ่นหลังสัมผัสกับผนังบ้าน ยังไม่ทันจะเลี่ยงหลบหรือได้หันไปหาเจ้าของบ้าน หญิงสาวก็ก้าวถึงตัว มือเรียวยื่นจับป่ายเปะปะ ปากก็เอ่ยอย่างยินดี

“สูงขนาดนี้ใช่เลย !” สายตามองกวาดส่วนศีรษะชายหนุ่ม “ไหล่กว้างเท่านี้เลย !” พูดพลางมือทั้งสองข้างก็ลูบจับไหล่ของเขา “ผมทรงนี้ ยาวเท่านี้ด้วย !” หญิงสาวยังส่งเสียงตื่นเต้น มือคว้าจับแขนชายหนุ่ม “เนื้ออุ่น...คนเป็น ๆ โอ๊ย ! ใช่ ๆ ๆ ๆ !” เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วเสียจนชายหนุ่มซึ่งยังอยู่ในภาวะตกตะลึงทำได้เพียงยกมือปัดป้องเบา ๆ เพราะเห็นว่าหญิงสาวไม่มีท่าทีประทุษร้าย...แต่คุกคามเต็มร้อย หลังจากทั้งจับทั้งคลำจนหนำใจแล้ว เจ้าหล่อนก็หันไปโผเข้าไปเกาะแขนผู้เป็นพ่อ

“พ๊อ ! อายเจอแล๊ว !” เพราะเสียงแสดงความยินดีสูงปรี๊ดของลูกสาวคนโต เป็นสิ่งที่คุณฉันท์ไม่เคยได้ยิน จึงได้แต่นิ่งอึ้งจ้องมองลูกสาวราวกับไม่เคยเห็น และเสียงนั้นนั่นเองเป็นตัวเรียกให้คนในบ้านต่างกรูกันออกมาดูต้นตอ

คุณอุไรผวาออกมายืนข้างสามีมองสลับระหว่างสามีกับลูกสาวคนโต ก่อนเบือนสายตาไปมองชายหนุ่มผู้เป็นแขก อุมารินทร์วิ่งออกมาทั้งที่ยังถือถาดขนมเพื่อเสิร์ฟแขก มองทุกคนเลิ่กลั่ก

“ยัยอุ๊ !” ไอยเรศร้องตะโกน ผละจากพ่อผวาเข้าหาน้องสาวซึ่งยืนมองหน้าตื่น

“คะ ?! เกิดอะไรขึ้นพี่อาย ?!” หญิงสาวถามอย่างตระหนก พี่สาวไม่ตอบเพียงเขย่าแขนหล่อนหันไปยังชายหนุ่มซึ่งยังคงยืนนิ่งหน้างง ไอยเรศยังฉีกยิ้มกว้าง มือหนึ่งจับแขนน้องสาว อีกมือยื่นชี้ไปยังชายหนุ่ม

“พี่ – เจอ – เขา – แล้ว !!”

สิ้นเสียงเน้นย้ำของไอยเรศ ดูเหมือนว่าจะมีเพียงหล่อนเท่านั้นที่ยังคงดิ้นดุกดิกเป็นสิ่งมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความเงียบ สงบแต่อึงอลไปด้วยตระหนก แปลกใจ ไม่เข้าใจของคนที่เหลือ อุมารินทร์ซึ่งยังถูกเขย่าแขนอยู่รู้สึกตัวก่อนใครเพื่อนหญิงสาววางถาด คว้าแขนพี่สาวยื้อให้หยุด

“ใจเย็น ๆ ก่อนพี่อาย...ค่อย ๆ พูด เอาให้รู้เรื่องสิพี่ ตกอกตกใจกลายเป็นหุ่นปั้นหมดแล้ว !” คำเตือนของน้องสาวหยุดกิริยาประหลาดของไอยเรศได้เป็นอย่างดี ใบหน้ายังคงเริงรื่นเมื่อหันไปทางน้องสาว มือยังไม่ลดจากกิริยาชี้ชายหนุ่มซึ่งยืนนิ่งหลังพิงพนัง

“คนนั้นไงอุ๊...ผู้ชายในฝันของพี่ !” หญิงสาวเอ่ยหลังจากเรียบเรียงสติได้แล้ว อุมารินทร์ครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนเบิกตาน้อย ๆ เมื่อจับใจความประโยคต้องการสื่อของพี่สาวได้ เมื่อได้รับการพยักหน้าถี่ยืนยันความเข้าใจที่ส่งผ่านสายตา หล่อนก็หันไปมองคนที่พี่สาวบอกว่าเป็น ‘ผู้ชายในฝัน’ อย่างเต็มตา ครู่ใหญ่ก็ขมวดคิ้วพลางส่ายหน้า

“ใช่เหรอพี่อาย...อุ๊ว่าพี่อายมั่วมั้ง ?” ไอยเรศหน้าตึงทันทีที่น้องสาวพูดจบ ผละมือจากแขนน้องสาวตรงไปยังชายหนุ่มอีกครั้ง

“นี่ แกไม่เคยเห็นเหมือนฉันจะไปรู้ได้ยังไง ! ฉันเห็น ฉันรู้ดี ! ไม่ว่าจะหลัง ไหล่ ทรงผม มันใช่ทั้งนั้น ! ยิ่งเอียงหน้าทำมุมนะ ใช่ชัวร์ !!” ขณะที่อธิบายให้น้องสาวฟัง มือของไอยเรศก็จับ ชี้ ไปตามจุดดังกล่าวอ้าง มิไยที่ชายหนุ่มจะผลัก ปัดมือหล่อนก็ไม่สนใจ

“น้องชายผมทำอะไรผิดหรือเปล่าครับ ?” เสียงห้าว ๆ ดังแทรกสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อเรียกความสนใจให้หันไปมอง ไม่เว้นแม้แต่ไอยเรศซึ่งกำลังยื่นมือไปยังเป้าหมายคือใบหน้าชายหนุ่มก็พลอยชะงัก ซึ่งเจ้าของใบหน้าใช้โอกาสนั้นเองปัดมือหญิงสาวให้ออกห่างพร้อมกับเดินตรงไปยังผู้มาใหม่

ไอยเรศรู้จักชายหนุ่มอีกคนที่เดินกางร่มมาพร้อมไอราพต เขาเป็นลูกค้ารายย่อยขาประจำซึ่งมักจะมาขลุกกับคุณฉันท์อยู่บ่อย ๆ เพื่อศึกษาการเพาะกล้วยไม้พันธุ์ใหม่ ๆ หลายครั้งที่เขานำกล้วยไม้ที่ผสมพันธุ์เองมาขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณฉันท์ คุ้นเคยกันจนกระทั่งรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของไร่องุ่นในจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มเลี้ยงกล้วยไม้เมื่อปรับเปลี่ยนไร่องุ่นต้อนรับนักท่องเที่ยว

“อ้าว คุณสิงห์ สวัสดีค่ะ” ไอยเรศเอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้ แม้จะยังตกใจแต่สิงห์ก็ยกมือรับไหว้โดยอัตโนมัติ

“เกิดอะไรขึ้นครับ ?” ถามพร้อมกับเดินมาหยุดยืนข้างชายหนุ่มที่เดินมาหาเขาสายตามองไปรอบ ๆ อย่างสงสัย เขามาทันฉาก ‘ลูบคลำ’ เข้าพอดี

“เอ๊ะ ? คุณสิงห์รู้จักเขาด้วยหรือคะ ?” หญิงสาวถามด้วยความแปลกใจระคนตื่นเต้น มือชี้ไปยังชายหนุ่มคนข้าง ๆ กัน

“รู้จักสิครับ ก็ผมเป็นคนพาเขามาขอความช่วยเหลือจากอาจารย์” สิงห์ตอบรับ แม้มีรอยยิ้มแต่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยคำถาม “ว่าแต่บอกผมได้หรือยังครับว่าเกิดอะไรขึ้น ? หมอนี่ก่อเรื่องอะไรให้ลำบากใจหรือเปล่าครับ ?” เขาถามอย่างกังวล

“คนก่อเรื่องน่ะลูกสาวผมต่างหากล่ะคุณสิงห์” คุณฉันท์เป็นคนเอ่ยตอบหลังจากตะลึงนิ่งมานาน “อยู่ดี ๆ ก็โผเข้าไปจับ ๆ ลูบ ๆ พร่ำแต่ ใช่ ๆ ๆ ฝัน ๆ ๆ อะไรของเขาก็ไม่รู้” ท้ายประโยคคุณฉันท์จงใจลงน้ำหนักพร้อมส่งสายตาตำหนิไปให้ลูกสาวซึ่งยังทำหน้ารื่นอย่างไม่รู้สึกตัว

“เอ่อ...อุ๊ว่าเชิญทุกคนเข้าในบ้านนั่งคุยกันดีกว่าไหมคะ ? ดูเหมือนเรื่องจะยาว” อุมารินทร์ออกความเห็น

“นั่นสิคะ คุณสิงห์ คุณด้วยนะคะ เชิญค่ะเชิญ” คุณอุไรซึ่งเพิ่งหายจากการตกตื่นผายมือเชื้อเชิญ ไม่มีใครอิดออดต่อคำเชิญนั้น คุณฉันท์ตรงไปจับแขนลูกสาวคนโตลากเข้าข้างในบ้านก่อนใครเพื่อน ขณะเดินเคียงกันผู้เป็นพ่อกระซิบกับลูกสาวเสียงเครียด

“อาย...ทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม ? ดูไม่ดีเอามาก ๆ เลยนะ” คำตำหนิของผู้เป็นพ่อเลือนรอยยิ้มของไอยเรศได้ทีละนิด ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีซึ่งถูกสั่งสมมาตั้งแต่เด็กเริ่มไหลรินรดความคิด

“ขอโทษค่ะพ่อ...อาย...ดีใจจนลืมตัวไปหน่อย” หญิงสาวตอบเสียงอ่อย “แต่...เขาเหมือนผู้ชายที่อายฝันถึงบ่อย ๆ จริง ๆ นะพ่อ” คุณฉันท์เหลือบตามองแวบหนึ่งหลังฟังจบ ไม่เห็นแววล้อเล่นในสีหน้าของลูกสาวก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ

“จะอะไรยังไงก็เถอะ อย่าลืมว่าอายเป็นผู้หญิง เที่ยวไปจับลูบเนื้อตัวผู้ชายต่อหน้าธารกำนัลอย่างนั้น พ่อว่าไม่สวยนักหรอกลูก” คุณฉันท์เอ่ยต่อ

“แหม ตอนเรียนกับเพื่อนผู้ชายต้องเตะเนื้อ ชกตัวกันบ่อย ๆ ก็เลย...ลืมตัว” หญิงสาวแย้งเบา ๆ

“ยังจะแก้ตัวอีก” ผู้เป็นพ่อเสียงขุ่น ไอยเรศจึงได้แต่สงบปากสงบคำเดินตามเงียบ ๆ ไปจนถึงห้องรับแขก กระนั้นก็ยังจับจ้องชายหนุ่มเป้าหมายไม่ละสายตา เมื่อทุกคนได้ทั่งนั่งกันเรียบร้อย คุณฉันท์หันไปมองลูกสาวคนโตซึ่งสะดุ้งรับสายตาตำหนิ แต่ท่าทีก้มหน้าน้อย ๆ คล้ายสำนึกผิดก็ดูออกว่าแสร้งทำ ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนหันไปหาแขกหนุ่มทั้งสอง

“ผมต้องขอโทษคุณสิงห์กับคุณการัณย์อีกครั้ง สำหรับการเสียมารยาทของลูกสาวนะครับ” คุณฉันท์เอ่ยนำ สิงห์อมยิ้มหันมองชายหนุ่มผู้นั่งข้างซึ่งเหลือบมองหญิงสาวอย่างไม่วางใจ แต่ก็เอ่ยตอบรับ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมคงคล้ายใครที่เธอรู้จัก เธอคงไม่ได้ตั้งใจ”

“ฉันตั้งใจนะ !” ไอยเรศโพล่งขึ้น ก่อนรีบหดคอก้มหน้าลงดังเดิมเมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นพ่อ

“บางครั้งลูกผมก็ติงต๊อง บ๊องบ้าอย่างนี้แหละครับ อย่าถือสาหาความเลย” คุณฉันท์พูดพลางโคลงศีรษะ “ยังไงก็มาแนะนำตัวกันก่อนดีกว่านะครับ...คุณการัณย์ นี่ ไอยเรศ ลูกสาวคนโตของผม อาย...นี่คุณการัณย์ เจ้าของรีสอร์ทสงบสุข”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เหมือนรออยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่ได้รับการเอ่ยชื่อไอยเรศรีบยื่นมือไปหมายได้รับสัมผัสแห่งมิตรภาพกลับคืน ทว่าชายหนุ่มเพียงปรายตามองมือข้างนั้น ก่อนผงกศีรษะน้อย ๆ เป็นเชิงตอบรับ ไม่ยี่หระกับยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนหดมือกลับไปเก็บของหญิงสาว สิงห์ซึ่งมองจับสังเกตกิริยาของหนุ่มสาวได้แต่หัวเราะเบา ๆ

“อย่าถือนายรัณย์เลยนะครับคุณอาย หมอนี่ปล่อยให้มันนิ่ง ๆ เงียบ ๆ แบบนี้แหละดีแล้ว อย่าให้มันพูดมากเลยจะระคายหูเสียเปล่า ๆ” สิงห์บอกกลั้วหัวเราะ

“แต่เสียงเขาเพราะมากเลยนะคุณสิงห์...ได้ยินครั้งแรกขนลุกเลย” ขนลุก...เพราะเหมือนเสียงผู้ชายในฝันชนิดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์...หญิงสาวคิด

“โอ้...ถึงขนาดนั้นเลยหรือครับ ? แหม ชักจะเห็นข้อดีของหมอนี่ขึ้นมาบ้างแล้วสิ” เขาว่ายิ้ม ๆ ก่อนเอ่ยเป็นการเป็นงาน “ว่าแต่ เรื่องที่นายรัณย์มาขอความกรุณาอาจารย์ เป็นอันเรียบร้อยดีไหมครับ ?”

“อืม...จริง ๆ ผมก็สนใจนะ ถิ่นคุณสิงห์น่ะมีกล้วยไม้ป่าเยอะน่าค้นหา แต่ผมก็จนใจเพราะตารางบรรยายผมเต็มแน่นไปจนถึงปลายปีเลยทีเดียว อีกอย่าง...ที่คุณรัณย์ขอร้องมาเป็นเรื่องที่ผมไม่ค่อยถนัดเสียด้วย ผมชำนาญการเพาะพันธุ์มากกว่า” คุณฉันท์ตอบจริงจัง

“แล้วคุณการัณย์ต้องการอะไรครับพ่อ ?” ไอราพตเอ่ยถาม

“ผมขออธิบายเองก็แล้วกันครับ” การัณย์ตอบ พยายามไม่มองการขยับตัวของหญิงสาวฝั่งตรงข้ามเมื่อเขาเริ่มเอ่ยคำ “ผมเพิ่งได้รับมอบหมายจากคุณพ่อ ให้ไปดูแลรีสอร์ทสงบสุข ก่อนนั้นก็ให้คนสนิทดูแลให้พอผมไปดูสถานที่แล้วพบว่าทุกอย่างดูโทรมไปตามเวลา เลยคิดอยากปรับปรุง คนงาน...คนเก่า...เคยทำโรงเรือนกล้วยไม้เล็ก ๆ ไว้ ผมเห็นแล้วก็เกิดความคิดอยากให้กล้วยไม้เป็นจุดขายของรีสอร์ท ผมเปรยให้พี่สิงห์ฟัง พี่สิงห์เลยแนะนำให้มาคุยกับอาจารย์นี่แหละครับ” โดยไม่ตั้งใจหลังจากพูดจบ การัณย์หันไปสบตากับหญิงสาวตรงหน้า...เพียงแวบเดียวกลับเหมือนเกิดหลุมดำดึงดูดให้เขาจมดิ่งลงไป...ความรู้สึกนั้นชวนตระหนกจนเผลอสะดุ้งน้อย ๆ ดีว่าคนอื่นไม่ได้ใส่ใจมองเขาจึงรีบเบือนสายตาไปทางอื่น...กระนั้นก่อนสายตาจะจากไปยังเห็นรอยแสยะยิ้มมุมปากให้ชวนผวา...

“ก็ไม่น่าจะมีอะไรนี่ครับพ่อ คุณการัณย์ก็รับกล้วยไม้จากสวนไอยเรศไปดูแลต่อ หรือจะเอาต้นอ่อนไปเลี้ยงตั้งแต่เริ่มต้นเลยก็ได้” ไอราพตเอ่ยหลังฟังจบ

“นี่แหละครับประเด็นสำคัญ คนงานของผมไม่มีใครมีความรู้เรื่องกล้วยไม้หรือการดูแล ตัวผมเองก็ไม่อยากทำอะไรแบบสุกเอาเผากิน ไหน ๆ จะทำให้กล้วยไม้เป็นจุดขายแล้วก็อยากทำดี ๆ อยากมีโรงเรือนที่ได้มาตรฐาน มีคนดูแลที่มีความรู้จริงสามารถตอบคำถามกับแขกที่สนใจได้ ผมก็เลยมาขอร้องให้อาจารย์ช่วยตั้งแต่เริ่มต้นเลยครับ” ชายหนุ่มอธิบาย

“ถ้าทำอย่างนั้น พ่อต้องไปสิงสถิตอยู่ที่นั่นเป็นเดือน ๆ ซึ่งพ่อไม่สามารถไปได้เพราะตารางสัมมนาเต็มเอียดไปจนปลายปี” คุณฉันท์เอ่ยต่อ ไอราพตพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ

“งั้นส่งลูกศิษย์คนโปรดไปสิครับพ่อ ภูมิใจไงครับ” ไอราพตนำเสนอ แต่ผู้เป็นพ่อส่ายหน้า

“ภูมิต้องไปกับพ่อด้วย และอีกอย่างเขาถนัดทำแล็บมากกว่า” สิ้นคำตอบคุณฉันท์ ความเงียบก้าวเข้าครอบงำบรรยากาศ ก่อนเสียงถอนหายใจคนละเฮือกสองเฮือกจะตามมา

มือเรียวของหญิงสาวค่อย ๆ ยกขึ้นดึงดูดสายตาของคนที่เหลือให้มองความเคลื่อนไหวนั้น คุณฉันท์หันไปมองลูกสาวคนโตซึ่งส่งยิ้มแป้นแล้นให้อยู่ก่อนแล้ว

“อายว่างค่ะพ่อ...ว่างทั้งตัวและหัวใจเลยด้วย !” ท้ายประโยคหญิงสาวหันขวับไปมองคนนั่งฝั่งตรงข้ามให้รู้สึกว่าต้องการสื่ออะไร ดูเหมือนชายหนุ่มเองก็รู้ตัวเพราะเขารีบเสหลบตาและขยับตัวอย่างอึดอัด

“หมายความว่ายังไง อาย ?” ไอราพตเป็นคนเอ่ยถาม

“หมายความว่า...อายสามารถทำตามความต้องการของคุณการัณย์ได้ ‘ทุกอย่าง’” หญิงสาวเน้นย้ำคำลงท้าย

“ทุกอย่างนี่...คือการไปวางแปลนโรงเรือน ดูแลการก่อสร้าง หาอุปกรณ์ สอนคนดูแล...ซึ่งหมายความว่าต้องไปกินอยู่หลับนอนที่โน่นด้วยน่ะเหรอ ?!” พี่ชายถามย้ำ ไอยเรศพยักหน้ารับรัวเร็ว นัยน์ตาทอประกายวาววับส่งตรงไปยังเป้าหมายซึ่งยังคงไม่ยอมสานสบตาอยู่เหมือนเดิม กำลังอยู่ในภวังค์เสียงฟ้าผ่าก็ดังจนสะดุ้ง

“พ่อ/แม่/พี่ ไม่อนุญาต !!”



แขกหนุ่มทั้งสองลากลับไปแล้ว ครอบครัว ‘ชอบพันธุ์’ ยังคงนั่งรวมกันอยู่ห้องรับแขกสายตาของทุกคนตอนนี้จับจ้องไปยังไอยเรศเป็นจุดเดียว หญิงสาวนั่งหลังตรงใบหน้าเจือยิ้มพยายามส่งตาแป๋วตั้งใจให้น่าเอ็นดูเต็มที่ ทว่า สำหรับคนในครอบครัวที่คุ้นเคยกันดีก็ดูออกว่าแสร้งทำ คุณฉันท์ถอนหายใจเบา ๆ เมื่อมองเห็นสีหน้าของลูกสาวคนโต หวนคิดไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นแล้วยิ่งรู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก...ตั้งแต่เป็นพ่อลูกกันมา ไอยเรศอาจจะมีนิสัยเหมือนผู้ชายอยู่บ้าง แต่เขาก็รู้ดีว่าลูกเป็นผู้หญิงเต็มตัว การเลี้ยงดูแบบให้ลูกเห็นพ่อแม่เป็นเพื่อนช่วยลดช่องว่างระหว่างวัยและนั่นทำให้ลูกเปิดใจคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องความรัก สำหรับไอยเรศแล้วแม้จะเป็นคนโผงผาง ทว่า แต่ละครั้งที่ตกหลุมรักใครไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ เพื่อนร่วมห้อง หรือดาราหนุ่มคนโปรดก็มักจะแสดงกิริยาชื่นชอบให้รับรู้แต่พองาม ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับครั้งนี้ซึ่งเขามองว่ามันน่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง

“พ่อล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าทำไมวันนี้อายดูแปลก ๆ ถึงขั้นไปทำกิริยาแบบนั้นกับคนไม่รู้จักได้” คุณฉันท์เปิดประเด็นหลังจากนั่งจ้องตากันอยู่ครู่ใหญ่ คนที่เหลือพลอยพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย ไอยเรศถอนหายใจเบา ๆ

“เอาจริง ๆ เลยนะพ่อ...อายก็ไม่รู้เหมือนกัน” ว่าพลางไหวไหล่ เสียงร้อง ‘อ้าว’ ดังรอบวง “คือ...เหมือนลืมตัวน่ะพ่อ...พอเห็นเขาปุ๊บมันเหมือนมีสายฟ้าแล่นปร๊าดเข้ามา ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาทางร่างกายและการแสดงออกดังกล่าวน่ะค่ะ” หญิงสาวอธิบาย พูดจบก็กะพริบตาถี่ ยกมือนวดคลึงขมับเบา ๆ คุณอุไรยกมือทาบอกสีหน้าตกใจ

“ผีเขาหรืออาย ?!” สิ้นคำถามคนฟังที่เหลือก็ตาโต แม้แต่ไอยเรศยังอดสะดุ้งไม่ได้ มองเห็นสีหน้าตกตื่นเหล่านั้นแล้วก็เกิดความคิด...ไหลตามน้ำ

“ไม่รู้สิแม่...แต่อายรู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง คือ...รู้ว่าทำอะไรอยู่แต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อะค่ะ” หล่อนว่าเสียงอ่อนเจือเศร้า คำบอกเล่านั้นยิ่งทำให้ผู้เป็นแม่ตื่นตระหนกมากขึ้น

“ใช่แน่ ๆ ! ไม่ได้ ๆ ! ต้องรีบไปรดน้ำมนต์แล้วล่ะ อุ๊ ! หาวัดด่วนเลยลูก !”

“เดี๋ยวก่อน ๆ ใจเย็น ๆ ก่อนคุณ” คุณฉันท์เอ่ยเสียงอ่อนใจพลางยกมือห้าม

“แต่อาการนี้มันผีเข้าชัด ๆ เลยนะคุณ ! ฉันเคยได้ยินมา แล้วจะมัวใจเย็นอยู่ได้ยังไง !” คุณอุไรโวยวาย

“ผมว่ามันแค่อาการลืมตัวน่าคุณ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เชื่อผมสิ” ว่าพลางทั้งกวักมือ ทั้งยื่นคว้าดึงภรรยาซึ่งผุดลุกยืนอยู่ให้นั่งลง แม้จะอยู่ในความตกใจ แต่คุณอุไรก็ยอมนั่งลงโดยดี

“แต่ว่า...” ผู้เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ยังคงอิดออด

“น่า...อย่าเพิ่งรดน้ำมงน้ำมนต์อะไรเลย นี่มันเพิ่งครั้งแรก เราก็คิดเสียว่าเป็นช่วงพิสูจน์ เอาให้มีครั้งที่สองก่อนผมจะไม่ห้ามเลย” คุณฉันท์ยืนยันแม้จะไม่ถูกใจ แต่คุณอุไรก็ยอมสงบโดยดี

“จบเรื่องคุณการัณย์หรือยังพ่อ ?” ไอยเรศเอ่ยถาม ผู้เป็นพ่อหรี่ตามองอยู่ครู่หนึ่ง แม้จะเห็นแววพิรุธ แต่เมื่อไม่ชัดเจนก็ได้แต่พยักหน้าอนุญาต “งั้นอายขอเริ่มเรื่องของอายนะ...พ่อจำพี่พระเอกได้ไหมคะ ?”

“พระเอกไหน ?” เอ่ยคำถามพลางครุ่นคิดก่อนพยักหน้าเมื่อนึกขึ้นได้ “อ้อ...รุ่นพี่ที่ปวารณาตัวว่าจะเรียนจบแล้วจะไม่ยอมเป็นครูพละเพราะไม่ชอบเด็กน่ะเหรอ” ไอยเรศพยักหน้ารับเร็ว ๆ

“ใช่ค่ะพ่อ พี่ชื่อพระเอกแต่หน้าตามหาโจรนั่นแหละ” หญิงสาวรับคำ

“แล้วยังไง ?” คุณฉันท์ถามต่อ

“ก็...พี่พระเอกตอนนี้ไปเป็นครูสอนเด็กประถมอยู่ต่างจังหวัดค่ะ” ไอยเรศตอบ หัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าไม่เชื่อของพ่อ “อายก็แปลกใจตอนได้ยินข่าว กรณีพี่พระเอกนี่ เหมือนคำโบราณที่ว่าเกลียดอะไรได้อย่างนั้นเลยนะคะ”

“แล้วยังไง ?” คุณฉันท์ถามย้ำคำเดิมเมื่อรู้สึกว่าลูกสาวยังไม่เข้าประเด็นที่ต้องการ ไอยเรศขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้ผู้เป็นพ่อ กระแอมพอเป็นพิธี

“คือ...พี่พระเอกขอความช่วยเหลือให้อายไปช่วยสอนคีตมวยไทยให้เด็ก ๆ ที่โรงเรียนค่ะ เห็นว่าจะส่งประกวดแต่พี่พระเอกไม่ถนัด อายเลยอยากขออนุญาตพ่อไปฝึกเด็กสักเดือนสองเดือน แล้วก็ขออนุมัติอุปกรณ์กีฬาไปแจกเด็ก ๆ ด้วยค่ะ” หญิงสาวตอบฉาดฉาน คุณฉันท์รับฟังพลางพยักหน้ารับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกสาวคนโตถูกขอร้อง ไหว้วานให้ช่วยเป็นผู้ฝึกสอนพิเศษจากเพื่อนร่วมรุ่น หรือรุ่นพี่รุ่นน้องชนิดที่ต้องพักค้างนอกบ้านเป็นเดือน ความสามารถข้อนี้คุณฉันท์อดปลาบปลื้มใจไม่ได้เพราะบ่อยครั้งที่เขานัดพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมรุ่นหลายคนซึ่งเป็นอาจารย์ของไอยเรศมักจะเอ่ยชมลูกสาวเขาให้ฟังอยู่เสมอ

“แล้วจะไปพักอยู่กับใคร ? ที่พักปลอดภัยดีไหม ?” คุณฉันท์เอ่ยถาม

“เห็นพี่พระเอกบอกว่ามีบ้านพักครูให้ค่ะ เป็นบ้านพักของครูสาว ๆ ในโรงเรียน” หญิงสาวอธิบาย ผู้เป็นพ่อพยักหน้ารับอีกครั้งคล้ายเป็นเชิงอนุญาตอยู่ในที ก่อนหันไปทางลูกชาย

“ไอซ์ไปส่งน้องหน่อยก็แล้วกันนะ จะได้ดูที่อยู่ที่กินว่าดูปลอดภัยดีไหม ถ้าเห็นไม่ดีก็ไม่ต้องอยู่ รับกลับมาด้วยกันเลย” เห็นลูกชายตอบรับอย่างเต็มใจแล้วคุณฉันท์ก็ถอนหายใจอีกครั้ง

จะว่าไปในฐานะพ่อก็อดห่วงไม่ได้ แม้จะรู้จักนิสัยใจคอบรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ของไอยเรศที่มักจะมากินนอนคลุกคลีที่บ้านตั้งแต่สมัยเรียนและรู้ดีว่าทั้งกลุ่มรักใคร่ดูแลกันและกันดีแค่ไหน แต่การปล่อยลูกสาวให้ไปไกลหูไกลตาเขาต้องใช้ความเชื่อใจเป็นที่ตั้ง และตลอดมาไอยเรศก็ไม่เคยทำให้เขาหนักใจในเรื่องชู้สาว ส่วนเรื่องการเอาตัวรอด...ไอยเรศดอกนี้แข็งแกร่งจนหายห่วง

“งั้นเดี๋ยวอายติดต่อพี่พระเอกขอรายการอุปกรณ์กีฬาที่ต้องการมาขอตังค์พ่อไปซื้อนะ” หญิงสาวถามพร้อมยิ้มหยั่งเชิง

“เฮ้ย รับปากเขาเองก็ใช้ตังค์ตัวเองสิ มาเกี่ยวอะไรกับพ่อ” คุณฉันท์โวยพลางขยับหนี แต่ลูกสาวก็ขยับตามท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนที่เหลือ

“ตังค์พ่อ ก็เหมือนตังค์ลูก...พ่อเคยพูดแบบนี้อายจำได้ พูดต่อหน้าแม่ด้วย เนอะแม่เนอะ” หญิงสาวหาแนวร่วม และผู้เป็นแม่ก็พยักหน้ารับอย่างรวดเร็วจนสามีมองค้อน

“เออ ๆ ทีอย่างนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย...ของที่อยากได้อย่าให้มันหุ้มทองก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหมดตัวกันทั้งบ้าน” คุณฉันท์ว่างอน ๆ เรียกเสียงหัวเราะได้อีกครั้ง

“ว่าแต่...นายพระเอกไปสอนอยู่โรงเรียนอะไร จังหวัดไหนล่ะอาย ?” ไอราพตเอ่ยถามบ้าง น้องสาวดีดนิ้วเปาะก่อนค้นกระเป๋ากุกกัก

“จำไม่ได้ด้วยสิ แต่ไม่เป็นไรมีข้อความบอกรายละเอียดคร่าว ๆ ที่พี่เขาส่งมาให้ดู” พูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาข้อความ เมื่อเจอแล้วก็ยื่นส่งให้พี่ชายซึ่งรับไปอ่านก่อนนิ่วหน้าคล้ายสงสัย

“มีอะไรพี่ไอซ์ ? ทำไมทำหน้าแบบนั้น ?” อุมารินทร์ซึ่งเงียบฟังมานานเอ่ยถามขึ้น

“อืม...มันคุ้น ๆ เดี๋ยวขอดูก่อน” พี่ชายตอบพลางผุดลุกไปยังกองเอกสารบนโต๊ะทำงานที่อยู่อีกมุมของห้องนั่งเล่น ครู่หนึ่งก็ถือกลับมา หลังกวาดสายตาผ่านกระดาษในมือสลับกับข้อความในมือถือสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นแปลกใจ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองคนในครอบครัวซึ่งกำลังมองเขาอยู่ก่อนแล้ว

“เหลือเชื่อ ! โรงเรียนที่อายจะไปสอนกับรีสอร์ทสงบสุขอยู่จังหวัดเดียวกัน แถมยังอยู่อำเภอเดียวกันด้วย !!”



รัมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ส.ค. 2556, 22:17:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ส.ค. 2556, 22:17:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1982





<< ๓ อธิษฐานเอย   ๕ ก่อการ...รุก >>
รัมย์ 31 ส.ค. 2556, 22:22:47 น.
สวัสดีค่ะคุณคนอ่านที่คิดถึง

ตอนนี้มาช้า งานหลวงเยอะมาก ๆ ชนิดกินวันหยุดไปหลายอาทิตย์ติดกัน ต้องขออภัยในความล่าช้านะคะ

อายเจอใครบางคนเข้าแล้ว แต่ใครคนนั้นก็ยังสงวนท่าทีอยู่ ในเมื่อโผล่มาแล้วไม่มีทางที่คนเขียน แอร๊ย ที่อายจะปล่อยให้ลอยนวล อายจะทำอย่างไรโปรดอดใจรอนะคะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจมากมายทั้งการกดถูกใจและคอมเม้นท์น่ารัก ๆ ที่เวียนกลับมาอ่านครั้งใดก็อบอุ่นในหัวใจทุกครา ฮิ้วววววว

เป็นกำลังใจในวันท้อๆ แท้ ๆได้ผลดีมาก ๆ

ขอบคุณค่ะ

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า ช้า ๆ (อีกแล้ว) นะค้าาาา

คิดถึงและคิดถึงคนอ่านมากมาย

รัมย์


Sukhumvit66 31 ส.ค. 2556, 23:28:45 น.
บ๊ะ! อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้......


Zephyr 1 ก.ย. 2556, 00:05:49 น.
บุพเพอาละวาดจริงจัง


คิมหันตุ์ 1 ก.ย. 2556, 04:21:12 น.
แหม่..คุณพระพรหมณ์ สุดหล่อ ประทานให้ บังเอิ๊นบังเิอิญสุด ๆ แต่แอบฮาตอน นางพุ่งตัวไปแตะตัว พ่อการัณย์จริงๆ


mhengjhy 1 ก.ย. 2556, 08:18:45 น.
พรหมลิขิตชัดๆ 55555


oolong 1 ก.ย. 2556, 09:42:59 น.
น้องอายรุกได้ใจจริงๆ


น้ำค้าง 1 ก.ย. 2556, 10:14:43 น.
บุพเพอาละวาด ยัยอายแว้ว สงสัยคุณรัณย์จะไม่ได้อยู่อย่างสงบซะแว้ว อิอิ


anOO 1 ก.ย. 2556, 13:58:57 น.
เนื้อคู่ชัดๆ ไอ้แบบนี้


นักอ่านเหนียวหนึบ 1 ก.ย. 2556, 23:26:49 น.
โอ้ววววว พระพรหมศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
รีบๆ นอนๆ รีบฝันๆ ดีกว่า จะได้ไปขอพรบ้าง
อิ้วๆๆๆๆๆ


รักเร่ 2 ก.ย. 2556, 10:58:31 น.
ออกตัวแรงนะน้องอาย 555


เพียงพลอย 3 ก.ย. 2556, 22:11:40 น.
ลวนลามหนุ่มในฝันได้เริ่ดมากค่า อิอิ หนุ่มหงอไปเลยอ่า ... แปลว่า หนุ่มไม่ได้ฝันเหมือนกันเหรอคะ หรือว่าจำนางเอกของเราไม่ได้หว่า


Padawan 11 ก.ย. 2556, 12:14:54 น.
น้องอายคงทำให้ชายในฝันหลอนมิใช่น้อย


kin 28 ก.ย. 2556, 20:55:39 น.
ไว้ต้องไปขอพรแบบนางเอกบ้างซะละ อิๆ


chuwub 1 พ.ย. 2556, 23:56:19 น.
คุณรัมย์หายไปนานเลย น้องอายรีบสะกิดคุณรัมย์ให้เขียนต่อได้แล้วค่ะ คนอ่านยังรออยู่:P


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account