จะเก็บไว้ในใจจนนิรันดร์
ถ้าไม่มีงานสัมมนานั้นอังศุมาลินคงไม่นึกถึงเขาคนนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเธอลืมเขาไปแล้วแท้ ๆ เขาที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เรียนมัธยม เขาที่ไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง และเขาที่ทำร้ายจิตใจเธอโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
Tags: รักสามเศร้า / สับสน / วุ่นวาย

ตอน: ตอนที่ 3 ซ้อนสิ่งในใจไว้ไม่อยู่

เอาตอนที่สามมาฝากค่ะ ไม่รู้ว่าสองตอนที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง ยังไงก็ฝากด้วยนะ รักนะคะ




3 ซ้อนสิ่งในใจไว้ไม่อยู่

~อยากเป็นคนนั้น คนที่เธอรักกันด้วยหัวใจ อยากเป็นคนนั้นคนที่เขามีเธอ...~

เสียงเพลงรักเบา ๆ ถูกเปิดขึ้นในรถที่กำลังจะขับออกต่างจังหวัดไปกาญจนบุรี อธิษฐานขอลางานที่รัดตัวเพียงเพื่อจะขับรถมาส่งแฟนสาวกลับบ้าน

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ขับรถออกไปจากโรงพยาบาลก็มียามมาโบกรถให้หยุดเสียก่อน

“มีอะไรครับพี่ยาม”

ชายหนุ่มเลื่อนกระจกรถลงตะโกนถามยาม

“หมอไก่กำลังขอหมอกุ้งเป็นแฟนครับรอสักครู่นะครับ”

“ครับ”

“หมอไก่ที่อยู่แผนกเด็กเหรอค่ะอิฐ เธอเป็นผู้หญิงนี่คะ”

“ใช่จ๊ะ หมอไก่เป็นผู้หญิง หมอกุ้งเป็นผู้ชาย หมอไก่นี่ใจกล้าจังมาสารภาพรักต่อหน้าคนเยอะแบบนี้ พวกเราไปดูกันดีไหม”

“ค่ะ”

อธิษฐานได้ยินคำตอบรับก็เดินลงจากรถ มาเปิดประตูให้อังศุมาลิน แล้วจูงมือกันมาดูว่าที่คู่รักคู่ใหม่ของโรงพยาบาล

ตอนนี้หมอไก่ และหมอกุ้ง มีเพื่อน ๆ หมอล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เต็มไปหมด มีคนยืนมุงถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

อังศุมาลินรู้สึกเหมือนได้เห็นเรื่องแบบนี้มาเป็นรอบที่สอง ครั้งแรกคือตอนเรียนมอสาม วันนั้นเป็นวันที่อากาศดีมากเพราะเพิ่งจะผ่านฤดูหนาวมาไม่ถึงเดือน มันเป็นวันที่ดีสำหรับคนคู่หนึ่ง แต่มันกับเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดสำหรับอังศุมาลิน

‘พีมรันมีเรื่องจะบอก’

นาตารีดันรันธิดาไปหาพัฒนากร ทั้งคู่มีกลุ่มเพื่อนของตัวเองรุมล้อมอยู่ และมีกลุ่มของอังศุมาลินนั่งเล่นกันอยู่ไม่ห่าง

อังศุมาลินหมดสมาธิที่จะเล่นกับเพื่อนไปนานแล้ว ตาสองข้างจับจ้องอยู่ที่คนทั้งคู่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ห่างไม่ถึงสองเมตร

ตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วล่ะที่อังศุมาลินได้ยินว่ารันธิดากำลังจะทำอะไร แต่ก็ไม่คิดว่าทั้งหมดจะมาเกิดขึ้นตรงหน้าเธอ ทุกประโยค ทุกคำพูดอังศุมาลินได้ยินชัดเต็มสองหู

‘พีมเราชอบพีมนะ’

‘อืม’

‘เราคบกันนะ’

‘ได้สิ’

ได้สิ...ได้สิ...ในตอนนั้นอังสุมาลินอยากจะโดดตึกตายให้รู้แล้วรู้รอด รอยยิ้มที่ทั้งคู่มีให้กันมันช่างเหมือนมีดที่คมกริบตัดที่หัวใจของเธอจริง ๆ



“อิ้งหมอกุ้งรับหมอไก่เป็นแฟนแล้ว”

“อืม ดีจังดีแล้ว”

อังศุมาลินตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“อิ้งซึ้งขนาดร้องไห้ให้พวกเขาเลยเหรอ อิฐขอโทษนะ”

อธิษฐานทำหน้าสำนึกผิด อังสุมาลินมองอย่างไม่เข้าใจ

“อิฐของโทษเราทำไมค่ะ”

“ก็อิฐขอโทษที่ตอนที่อิฐของอิ้งเป็นแฟนอิฐไม่ได้ทำซึ้งแบบนี้ไง ขอโทษนะ อิ้งเลยไม่มีภาพจำสวย ๆ แบบนี้”

“บ้าน่า ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ที่อิฐทำให้เราทุกวันมันก็ดีที่สุดแล้ว อิฐคือคนที่เราประทับใจที่สุด เราไปกันเถอะเดียวอิฐจะกลับมาที่นี่ดึก”

อังศุมาลินยิ้มเดินไปเกาะไหล่แฟนหนุ่มพากันเดินกลับมาที่รถ ‘อิฐเราเกลียดภาพนี้ที่สุด’



เกือบจะสองชั่วโมงแล้วที่ทั้งคู่เริ่มออกเดินทาง อังศุมาลินยังสลัดภาพบาดตาบาดใจนั้นออกจากหัวไปไม่ได้ ทำไมนะ ทั้ง ๆ ที่เธอก็มีคนที่เธอรัก และรักเธอมากอยู่ข้าง ๆ แบบนี้แล้ว เธอยังลืมภาพเก่า ๆ นั้นไปไม่ได้

“อิ้งครับอิฐง่วงจัง อิ้งครับ”

อธิษฐานส่งเสียงอ้อนแฟนสาว แต่เรียกไปหลายคำเธอก็ยังไม่ยอมตอบ จนเขาต้องชะลอรถจอดเข้าข้างทาง

“อ้าวรถเป็นอะไรไปคะอิฐ”

อังศุมาลินเพิ่งรู้ตัวเมื่อรถจอดสนิท หันไปหาแฟนหนุ่มก็เจอกับรอยยิ้มอ้อน ๆ หญิงสาวเลยยิ้มตอบ

“เมื่อยแล้วเหรอคะให้เราขับให้นะ”

อธิษฐานส่ายหน้าแล้วปรดเข็มขัดของเขาและของหญิงสาวออกจับหน้าเธอให้มามองกับหน้าเขา

“เรามาเล่นจ้องตากันให้หายง่วงดีกว่า”

“อะไรคะอิฐ เล่นจ้องตาทำให้หายง่วงเหรอเราไม่เคยได้ยิน”

“เอาเถอะนะ นะ”

อธิษฐานใช้ลูกอ้อนอีกรอบจนหญิงสาวพยักหน้ารับแล้วเกมจ้องตาก็เริ่มขึ้น อังศุมาลินที่กลัวจะแพ้เอามือไปจี้เอวแฟนหนุ่มจนเขาหัวเราะตาเกือบมิด

แล้วภาพตรงหน้าในความคิดของหญิงสาวก็เปลี่ยนไป

‘แม่กบออกมาหน่อยเร็ว’

ดอลลาร์เพื่อนสาวประเภทสองสมัยมัธยมปลายส่งเสียงเรียกฉายาที่เธอเป็นคนตั้งให้อังศุมาลิน

วันนี้เป็นวันฉลองปีใหม่ของห้องเธอ ปีใหม่แรกของชั้นมอปลาย และนี่ก็เป็นโปรแกรมสุดท้ายก่อนจะจับของขวัญ นั้นคือการเล่นละครสด โดยมีดอลลาร์เป็นผู้กำกับ และทุกคนต้องทำตามที่เธอสั่ง

‘มันเรียกอิ้งแล้ว’

เฟื่องฟ้าเพื่อนในห้องสะกิดเรียก

‘เรื่องอะไรเราไม่ได้ชื่อกบสักหน่อย’

ใช่มีเหรอที่คนอย่างเธอจะยอมให้ใครแกล้งง่าย ๆ โดยเฉพาะไม้เบื่อไม้เมาอย่างแม่ดอลลาร์

‘แม้แม่อังสุมาลินมาเร็ว ๆ เข้า’

พอเจอเรียกชื่อจริงการตอบปฏิเสธก็เป็นเรื่องที่ยากแล้ว เพราะเพื่อน ๆ ในห้องหลาย ๆ คนยอมออกไปกันหมด ขาสองข้างเลยจำเป็นต้องก้าวออกไป

‘เจ้าหญิงกบกำลังมารอเจ้าชายแล้ว’

ปากคนมีอำนาจก็พูดต่อไป นาทีนี้อังศุมาลินไม่รู้เลยว่าจะเจออะไร เจ้าชายเหรอ? ใครล่ะ? อย่าบอกนะว่า...

‘เจ้าชายพัฒนากรออกมาหาเจ้าหญิงหน่อยเร็ว’

สิ้นเสียงดอลลาร์หัวใจของอังสุมาลินแทบจะหยุดเต้น ‘นี่เธอจะบ้าเหรอย่ะ วันนี้แฟนพีมก็อยู่ด้วยนะ’

อังศุมาลินรีบหันไปมองทางพัฒนากร เขายิ้มให้เธอ แล้วค่อย ๆ เดินมาทางนี้ ฉากหลังของเขาคือ รันธิดา แฟนสาวของเขาที่ไปเรียนต่อมอปลายที่กรุงเทพฯ เธออุตส่าห์กลับมาร่วมฉลองปีใหม่กับพัฒนากรด้วย

‘ว้าว ๆ ๆ แล้วทั้งคู่ก็มายืนมองตากันอย่างหวานซึ้ง’

อะไรมองตาอย่างหวานซึ้ง บ้า ๆ ๆ บ้าไปแล้ว อังศุมาลินแทบจะบ้าแล้วจริง ๆ แต่เธอก็ขัดไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือแข็งใจเงยหน้าขึ้นไปมองพัฒนากรที่ยืนห่างจากเธอไปไม่กี่สิบเซนติเมตร ‘ใกล้ไปแล้ว’

ชายหนุ่มสูงกว่าเธอมาก จนเธอต้องเงยหน้ามอง เขายิ้มจนตาเท่ากับไม้ขีด เธอเองก็มองหน้าเขาตาไม่กระพริบ ‘เราสองคนมองหน้ากัน เป็นครั้งแรกที่เราได้มองพีมอย่างเต็มตา’

‘แล้วรันธิดาก็เอามีดมาแทงเจ้าหญิงกบ’



ปี๊ม ๆ ๆ

เสียงรถบีบแตรใส่รถของอธิษฐาน อังศุมาลินได้สติก็เห็นหน้าของแฟนหนุ่มอยู่ใกล้หน้าเธอมาก

ปี๊ม ๆ ๆ

เสียงรถคันเก่าบีบแตรและมีเสียงปิดประตูตามมา ทั้งสองคนเลยถอยออกจากกัน ตามด้วยเสียงเคาะกระจกรถ

“คุณ ๆ”

เสียงผู้ชายคนหนึ่งเรียกให้อธิษฐานเปิดกระจก อธิษฐานรู้สึกไม่พอใจแต่ก็เลื่อนกระจกรถลง ส่วนอังศุมาลิน ตอนนี้อึ้งไปแล้วเพราะคนที่มาเคาะกระจกก็คือ พัฒนากร เขามาได้อย่างไง

“ผมเห็นคุณจอดรถอยู่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับ อ้าวอิ้งเธอเองเหรอไม่คิดเลยว่าจะมาเจอที่นี่”

พัฒนากรทักทายอังศุมาลินเสียงใส หญิงสาวคิ้วขมวดหันมามองพัฒนากร ชายหนุ่มยังคงยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“อิ้งรู้จักเขาเหรอ”

อธิษฐานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจผสมไม่พอใจ

“เพื่อน...เก่า”

น้ำเสียงอังศุมาลินที่ตอบนั้นก็เหมือนไม่ค่อยพอใจ พัฒนากรใจหายเมื่อได้ยิน จริง ๆ แล้วเขาตามเธอมาตั้งแต่กรุงเทพฯ แล้ว พอเห็นทั้งคู่กำลังยื่นหน้าเข้าหากันชายหนุ่มเลยรีบเข้ามาขัดจังหวะ

“ใช่ครับเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ทราบว่าคุณคือ...”

คนผิดหวังยังคงทำตัวร่าเริง

“ผม...”

“อิฐเขาเป็นคนรักของเรา และก็กำลังจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้”

อังศุมาลินรีบชิงตอบสายตาจ้องมองพัฒนากรเขม็ง พัฒนากรยังคงยิ้มสู้แม้จะรู้ว่าสาวเจ้าไม่พอใจ ส่วนอธิษฐานเองก็รู้สึกใจหาย คำว่าเรา ของอังศุมาลินนั้นใช้เฉพาะกับเพื่อนสนิทเท่านั้น ส่วนรุ่นพี่ หรือ คนรู้จักธรรมดาเธอจะใช้เรียกชื่อเล่นตัวเอง

“ดีใจด้วยนะ แล้วนี่จะกลับบ้านเหรอ ดีจังเราก็กำลังจะกลับไปเยี่ยมเพื่อน ๆ อยู่พอดี เราคงได้เจอกันที่เมืองกาจน์นะบาย สวัสดีครับคุณอิฐ”

พัฒนากรโบกมือลาแล้วเดินกลับมาที่รถ ชายหนุ่มยิ้มให้กลับตัวเองก่อนจะออกรถ เชื่อเลยว่าถ้าแฟนของอังศุมาลินฉลาดพอที่จะรู้ว่าระหว่างเขาและอังศุมาลินนั้นมีบางอย่างแอบแฝงอยู่

“ก็แค่จะแต่ง เรายังมีโอกาส โอกาสที่เราทำหายไป”



ตลอดทางจนถึงบ้านของอังศุมาลิน อธิษฐานไม่แม้จะเอ่ยปากพูดคำใด ๆ ออกมา ทั้ง ๆ ที่มีคำถามมากมายที่อยากจะถามอังศุมาลินให้รู้เรื่องแต่ใจก็ไม่กล้า ยิ่งเห็นอังศุมาลินเงียบมาตลอดทางด้วยแล้วก็รู้ในทันทีว่าในใจหญิงสาวต้องมีอะไรอยู่เช่นกัน

“มีอะไรจะถามเราไหม”

อังศุมาลินเองก็รู้สึกอึดอัดมากเช่นกัน เลยเปิดปากถามแฟนหนุ่มที่กำลังถือกระเป๋าเดินผ่านเธอ เธอรู้ดีว่าเดียวก็ต้องทะเลาะกันเหมือนครั้งก่อน ๆ

“เขาเป็นใคร”

“สถานะคือเพื่อนเก่าอย่างที่เราบอก...และเขา...เขาคือคนที่เราเคย...เคยแอบรักตอนมัธยม”

เหมือนมีใครมากดปุ่มหยุดภาพ คนทั้งสองหยุดการเคลื่อนไหว หยุดแม้กระทั้งลมหายใจ คำพูดแต่ละคำที่อธิษฐานได้ฟังชายหนุ่มแปลมันได้ว่า อังศุมาลินรักพัฒนากรอยู่

“ทำไมอิ้งไม่เคยเล่าให้อิฐฟัง”

“ก็เราไม่คิดว่าจะเจอเขาอีก เรากับเขาไม่เคยติดต่อกันเลยตั้งแต่จบมอหก แต่เมื่อวานเราได้ไปเจอเขาที่สำนักพิมพ์ เราเองก็ไม่รู้จะบอกอิฐทำไม เพราะเราไม่ได้คิดว่าจะเจอเขาอีก เรากลัวอิฐไม่สบายใจ”

“อิ้งรู้ไหมอิฐเห็นอะไรตอนที่อยู่ในรถ”

ชายหนุ่มหันมาขึ้นเสียงกับแฟนสาว แต่พอเห็นสายตาเจ็บปวดของอังศุมาลินเขาก็โกรธเธอไม่ลง
\
“อิฐเห็นความรักมันลอยอยู่ในตาของอิ้ง อิ้งยังรักเขาใช่ไหม”

ชายหนุ่มปรับเสียงให้เบาและช้าลง อังศุมาลินรู้สึกถึงแรงกดดันมากมายที่อธิษฐานส่งมาให้เธอ บ่อยครั้งที่เธอมักเจอคำถามแบบนี้ออกมาจากปากชายหนุ่ม แต่ทุกครั้งเธอตอบมันได้ง่ายดาย แต่ครั้งนี้มันกลับยากที่จะอธิบายมาเป็นคำพูดได้

“ครั้งหนึ่งเราเคยลืมเขาไปแล้ว ลืมไปแล้วจริง ๆ แต่ความรู้สึกเดิมมันกลับมาอีกแล้ว”

“แค่เพียงอิ้งเจอเขา แค่นั้นเหรอ”

น้ำเสียงของอธิษฐานตัดพ้อแฟนสาว ใจของเธอเปลี่ยนง่ายแบบนี้เลยใช่ไหม

“ไม่ใช่หรอก เราไม่รู้หรอกนะถ้าเราเจอเขาก่อนที่จะเข้าไปสัมมนากับพี่จอมเรายังจะรู้สึกเหมือนเดิมกับเขาไหม แต่ความรู้สึกนั้นมันกลับมาเพราะอิฐให้เราเข้าร่วมสัมมนา”

คำตอบของอังศุมาลินเหมือนค้อนตีแสกหน้าชายหนุ่ม เขาเป็นคนทำตัวเองอย่างนั้นเหรอ จุดเริ่มต้นมาจากรุ่นพี่ของเขา เขาต้องพาเธอไปแก้ที่จุดเริ่มต้น

“อิ้งไปหาพี่จอมกับอิฐ”

ชายหนุ่มดึงมือหญิงสาวให้ขึ้นรถ แต่อังศุมาลินไม่ยอมขยับตัว

“อิ้ง”

“เมื่อวานเราโทรไปหาพี่จอมแล้ว เขาไปเที่ยวเมืองนอกกับครอบครัว กว่าจะกลับก็อีกเดือนหนึ่ง”

“อะไรนะ”

~โทรศัพท์เข้าครับ รับที โทรศัพท์เข้าครับ รับที~

โทรศัพท์ของอธิษฐานมีสายเข้า เขาหยิบมันออกมาดูแค่เห็นเบอร์ก็รู้แล้วว่าคนปลายสายมีธุระอะไร

“ไปเถอะ เราสัญญาว่าจะไม่ติดต่อเขา ไม่ออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น และก็ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะมาหาเราเขาไม่รู้จักบ้านเราหรอก”

อังศุมาลินพยายามเกลี่ยกล่อมแฟนหนุ่มเพื่อไม่ให้เขาเสียงาน อธิษฐานมองแฟนสาวอย่างอ่อนใจ

“อิฐไว้ใจอิ้งเสมอ แต่ที่อิฐไม่ไว้ใจก็คือมัน อิฐดูอิฐก็รู้ว่ามันชอบอิ้ง คนเราน่ะถ้าชอบใครแล้วกับแค่ที่อยู่มันเรื่องง่าย อิฐไม่น่าให้อิ้งไปงานพี่จอมเลย”

“กลับเถอะ เดี๋ยววันนี้เราจะไปพักบ้านเพื่อนที่ทางเหนือ และเราก็จะบอกให้ที่บ้านว่าถ้าเขามาก็บอกไปว่าเราไปอยู่กับอิฐ”

“อิ้ง”

ใจจริงชายหนุ่มก็ไม่ได้อยากให้แฟนสาวทำแบบนี้ แต่เขาก็ทำใจที่จะเปล่าไว้เฉย ๆ เช่นกัน เพราะเขาทั้งรัก ทั้งหวง และห่วงเธอมาก อังศุมาลินเปรียบเสมือนดวงใจเขา แล้วเขาจะทนเสียเธอไปได้ยังไง

“เดินทางดี ๆ นะอิ้ง อิฐจะรีบตามไปรับ”

“จ๊ะ”

หญิงสาวยิ้มให้พร้อมโบกมือลา คนที่เข้ามาในชีวิตเธอมีแต่คนหลงรูปลักษณ์ของเธอทั้งนั้น เธอจะไปชอบคนพวกนั้นได้อย่างไง นี่คือคำที่หญิงสาวใช้ตอกย้ำตัวเองเสมอมา



เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ส.ค. 2556, 13:23:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ส.ค. 2556, 13:23:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1181





<< ตอนที่ 2 เมื่อเขาเข้ามาตอกย้ำ   ตอนที่4 หนีไม่พ้น >>
OhLaLa 14 ส.ค. 2556, 14:13:21 น.
เรื่องของความรักเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดา เรารักเค้า เค้าไม่รักเรา เราไม่รักเค้า แต่เค้ากับรักเรา รออ่านต่อตอนไปนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account