Secret Love: ปฏิบัติการแอบรัก
แค่ได้อยู่ใกล้ๆ แค่ได้มองเห็นเขามีความสุข

ฉันยอมแลกทุกอย่าง...แม้เขาจะไม่รับรู้ถึงสิ่งที่ฉันทำเลยก็ตาม!

สายฝนเมื่อวันหนึ่ง นำพาเขาและเธอมาเจอกัน

ก่อเกิดเป็นมิตรภาพที่สวยงาม...จนเบ่งบานกลายเป็นความรู้สึกแสนพิเศษ

เพียงแต่ว่า...มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับ ‘เธอ’ เพียงคนเดียว!

เธอ...เจ็บเมื่อเห็นเขาเจ็บ

เธอ...ยอมเจ็บเพื่อให้เขามีรอยยิ้ม

แต่เมื่อการกระทำของเธอถูกเขามองว่าต้องการขัดขวางความรัก

คนเป็น ‘แค่เพื่อน’ จะทำอะไรได้...นอกจาก...


...เดินออกไปจากชีวิตเขา...

Tags: หมอ, นักศึกษา, เพื่อน, รัก, โรแมนติก

ตอน: ความเจ็บปวด [100%]

หลังจากปิดประตูรถเรียบร้อย นุชนาถก็เดินฮัมเพลงเบาๆ อย่างมีความสุขขึ้นไปบนห้องในคอนโดหรู

หยิบคีย์การ์ดมาเปิดประตูก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง หญิงสาวตาพร่าไปชั่วครู่เมื่อแสงไฟในห้องสว่างจ้า ไม่ได้มืดมิดเหมือนที่ควรเป็น ร่างบอบบางหลับตาลงทันควันเพราะแสงจ้าและอาการมึนศีรษะกะทันหัน สะกดกลั้นอาการพะอืดพะอมจากเบียร์หลายแก้วที่เธอดื่มเข้าไป หากไม่แปลกใจเท่าใดนักเมื่อเห็นร่างสูงของใครบางคนนั่งรออยู่ในห้อง เรียวปากบางยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินแกมวิ่งเข้าไปหาหมายออดอ้อน

“สันต์คะ รอนานรึ...”

“เพิ่งกลับหรือแม่ตัวดี” สันต์ตวัดสายตาเย็นเยียบ ก่อนกระชากร่างบางเข้ามาใกล้ตัวจนหญิงสาวเซไปปะทะอกผึ่งผายอย่างแรง “ไประริกระรี้ที่ไหนมาล่ะ?”

“โอ้ย...ปล่อยนะ นุชเจ็บ!” หญิงสาวพยายามสะบัดแขนให้ออกจากมือใหญ่ที่บีบจนเจ็บร้าว หากเสียงครวญกลับเรียกแววตาเยาะหยันให้ผุดขึ้นมาในดวงตาทรงเสน่ห์ของชายหนุ่ม

“อะไร้ หนาขนาดนี้แล้วยังเจ็บอยู่เหรอ อ้อ! ลืมไป ยังหนาแค่หน้านี่นะ”

“สันต์!”

นุชนาถร้องเสียงดัง ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความโกรธปนความไม่เข้าใจ “เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมคุณพูดแบบนี้ นี่มันอะไร...นุชทำอะไรผิด”

“ผิดที่พยายามติดต่อกับผัวเก่าของเธอยังไงล่ะนุชนาถ”

ขาดคำ ชายหนุ่มก็ผลักร่างบางให้กระแทกโซฟา ก่อนจะโถมร่างตามลงไป ใบหน้าหล่อเหลาผุดรอยยิ้มแสยะ แลดูเหี้ยมเกรียมจนฝ่ายที่อยู่ใต้ร่างหนาสั่นเทาด้วยความกลัว หากยังคงปากแข็ง

“นุชไม่มีคนเก่าคนใหม่ทั้งนั้น นุชมีคุณคนเดียว”

“แล้วไอ้หมอภูล่ะ จะปฏิเสธเหรอว่าวันนี้เธอไม่ได้โทรหามัน”

“นุช...”

หญิงสาวขบริมฝีปาก หลบสายตาวาววับที่จ้องมองมาอย่างประหวั่นพรั่นพรึง

ตอนแรกที่คบกันสันต์เป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว ช่างอ่อนโยน เอาใจ จนความดีที่เขาเพียรทำสามารถถมทับความอ้างว้างที่ภูธเรศไม่ได้สนใจจนเต็ม ยิ่งประกอบด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาไม่น้อยไปกว่าคนรักของเธอ และฐานะที่มั่นคงกว่าหมอหนุ่มมาก นุชนาถจึงตัดสินใจไม่ยากเลยที่จะสละคนรักของตนเองอยู่ตลอดเวลา

แต่ตั้งแต่วันที่ภูธเรศเข้ามาหาเรื่องสันต์ในร้านอาหาร วันนั้นเขาก็เปลี่ยนไป...

เธอบอกไม่ถูกว่าเป็นเพราะความผูกพันตามระยะเวลาคบหาที่นานถึงเกือบแปดปี หรือเป็นเพราะความอึดอัดที่เธออาจจะไม่รับรู้ตลอดระยะเวลาการคบกับสันต์ ทำให้หญิงสาวตัดสินใจยื้อภูธเรศเอาไว้ ไม่ปล่อยเขาไปตามความตั้งใจเดิมแต่แรก ยังคงยึดสายใยบางๆ ที่เชื่อมโยงระหว่างกันเอาไว้ ถึงแม้เธอจะรู้สึกว่ามันบางลงมากเหลือเกินหลังจากที่แฟนหนุ่มเห็นเธอกับสันต์อยู่ด้วยกันเต็มตาก็ตามที

และนั่นทำให้เธอได้รู้จักกับสันต์ในอีกด้านหนึ่ง

เจ้านายหนุ่มที่ก้าวข้ามมามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งยิ่งกว่าคนรักฉุนเฉียวหนักกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะนุชนาถเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะเลิกติดต่อกับภูธเรศให้เด็ดขาด แต่เมื่อได้ยินเสียงหมอหนุ่ม ได้เห็นหน้า ความอาลัยอาวรณ์ก็ผุดพลุ่งขึ้นในใจเธอ มากมายเกินกว่าที่เธอจะเคยรู้...

ชั่วขณะที่นุชนาถสบสายตาคู่คม...ดวงตาที่ทอประกายอบอุ่น อ่อนโยนสำหรับเธอเสมอ หญิงสาวก็รู้ตัว

ใยรักที่เธอคิดว่ามันบางเบา ขาดง่ายคล้ายใยแมงมุม พันผูกเธอไว้เหนียวแน่นกว่าที่คิด

อีกอย่าง...หากเธอปล่อยเขาไป นอกจากเธอจะสูญเสียชายหนุ่มไปตลอดกาลแล้ว เธอยังจะได้ชื่อว่า ‘แพ้’ พริมาด้วย!

ความเสียดาย ความหวงแหน ระคนความรู้สึกอยากเอาชนะผู้หญิงอีกคนทำให้นุชนาถตัดสินใจเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ ทั้งๆ ที่ตอนนี้เธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสันต์ และเจ้านายหนุ่มที่ก้าวเข้ามาเป็นยิ่งกว่าคนรักก็ได้ห้ามเอาไว้แล้ว

เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระหว่างความรักในตัวภูธเรศ ที่เจือจางลงไปบ้าง กับความชังพริมา อย่างไหนเป็นสิ่งที่ทำให้เธอยังไม่ยอมปล่อยมือ!

“นุช...ก็แค่โทรไปคุยเฉยๆ คือนุช...”

ผัวะ!

ใบหน้าหวานสะบัดตามแรงมือที่ตวัดตบ นุชนาถรู้สึกชาใบหน้าไปทั้งแถบ มือเรียวยกขึ้นแตะมุมปากเบาๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงความเค็มคาวปร่าในปาก เลือดหยดเล็กๆ ติดมือหญิงสาวออกมาด้วย

“ร่าน!” ชายหนุ่มบีบคางบอบบางของคนที่อยู่ใต้ร่างไว้แน่น บังคับให้เธอสบตากับเขา “ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหม ว่าเลิกติดต่อมันได้แล้ว เลิกคุย เลิกยุ่งกับมันทุกอย่าง เธอไม่เข้าใจหรือ หรือฉันปรนเปรอเธอไม่มากพอ เธอถึงต้องโทรนัดมัน จะแล่นไปให้มันถึงที่อย่างนั้นหรือ?”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะสันต์” หญิงสาวพยายามดิ้นรนให้หลุดออกจากร่างอีกฝ่าย หากสันต์กลับบีบคางเธอแน่นเข้าจนเธอต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด “สันต์ฟังนุชก่อน ขอร้องล่ะค่ะ”

ชายหนุ่มสะบัดมือที่จับคางไว้โดยแรงแทนคำตอบ แรงสะบัดทำให้ใบหน้างามกระแทกพนักโซฟาเสียงดัง

“สันต์ มันไม่ใช่อย่างที่สันต์คิดนะคะ นุชโทรไปหาหมอภูจริงๆ แต่นุชจะค่อยๆ บอกเลิกหมอ จะให้นุชบอกปุบปับนุชทำไม่ได้จริงๆ ค่ะ”

“ทำไม” อีกฝ่ายถามเสียงกระด้าง ยังคงจดจ้องด้วยดวงตาร้อนระอุ

“นุชกลัว” สันชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้เธอผลักความผิดทั้งหมดไปให้ภูธเรศ “กลัวว่าหมอจะมาอาละวาด กลัวว่าหมอจะมาตอแยหรือหาเรื่องนุชกับคุณ นุชกลัว...วันนั้นสันต์ก็เห็น ทั้งๆ ที่อยู่ในร้านแท้ๆ หมอยังกล้าทำขนาดนั้น...”

หญิงสาวสะอื้นออกมาจริงๆ ทว่าไม่ใช่เพราะหวาดกลัว แต่เพราะเริ่มระบมแผลและหวาดผวากับพายุอารมณ์ของชายหนุ่ม “นุชไม่อยากมีเรื่องมีราวกับหมอ ไม่อยากให้เขามาว่าอะไรให้เราสองคน หรือว่าให้คุณได้ นุชรักคุณนะคะ...รักคุณคนเดียว นุชเลยไม่อยากให้คุณมีเรื่องอะไรระคายใจแม้แต่น้อย นุชคิดว่าโทรไปหาหมอ ค่อยๆ คุย ค่อยๆ เลิก ให้หมอมีเวลาทำใจ จะได้รับได้ ไม่มาก่อปัญหาให้เรา นุชคิดอย่างนี้จริงๆ นะคะ”

หญิงสาวใจชื้นขึ้นเมื่อร่างสูงลุกขึ้นจากท่าคร่อมเธอ ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาไม่ห่างไปนัก สีหน้าของสันต์เปลี่ยนเป็นอ่อนล้าแกมหวั่นหวาดอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มเสยผมขึ้นแรงๆ ก่อนหันมาทางเธอ

“ถ้าคุณแน่ใจว่า ‘ทุกอย่าง’ เป็นไปตามอย่างที่คุณว่าจริง...”

“นุชพูดจริงๆ นุชรักคุณจริงๆ” นุชนาถชะงักเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะค่อยๆ เอนซบบนหัวไหล่หนาอย่างออดอ้อน แม้ร่างกายจะกระตุกน้อยๆ ด้วยความกลัว

กิริยาออดอ้อนอ่อนหวานแปรเปลี่ยนท่าทางแข็งกระด้างของชายหนุ่มทันควัน สันต์เชยคางมนได้รูปขึ้นสบตาสีดำสนิทมีรอยชื้น ก่อนกระชับอ้อมแขนรอบร่างบางแนบแน่น เอ่ยเสียงแผ่วเบาคล้ายปลอบประโลม ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังแสดงท่าทางเกรี้ยวกราด
อาการที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วทำให้นุชนาถถึงกับอ้าปากค้าง ผงะออกห่างจากอีกฝ่าย แต่สันต์ก็ไวพอที่จะดึงตัวเธอเข้ามาหาอีกครั้ง

“สัญญากับผม” สันต์รัดอ้อมแขนแน่น ดวงตาวาววับประหลาด “สัญญาว่าคุณจะไม่ไปไหน จะอยู่กับผมตลอดกาล ไม่ทรยศผม สัญญาสิ!”

ดวงตาเรืองโรจน์ประหลาดทำให้นุชนาถชะงักนิ่ง หากก็พูดเบาๆ “สัญญาค่ะ นุชรักสันต์คนเดียว คนเดียวเท่านั้น”

“ดี อย่าให้ผมรู้อีกนะ...อย่าให้รู้ว่าคุณทรยศ ผมไม่มีทางที่จะยอมให้ใครมาทรยศผมอีกแล้ว ไม่มีวัน...”

น่าแปลกที่แม้ดวงตาเขาจะจ้องเธอเขม็ง หากนุชนาถรู้สึกว่ามันเลื่อนลอยประหลาด เหมือนกับเสียงของเขาที่ฟังเบาโหวง แฝงร่องรอยเจ็บร้าวอย่างที่เธอไม่เคยรับรู้ มันคล้ายกับว่าผู้ชายคนนี้...ไม่ปกติ!

ระยะหลัง มีหลายครั้งที่ชายหนุ่มแสนเพียบพร้อมอย่างสันต์ ‘น็อตหลุด’ ให้เธอเห็นบ่อยขึ้น เขาเกรี้ยวกราดมากขึ้นทุกวัน เรียกร้องเวลาจากเธอมากขึ้น เริ่มจับผิดเมื่อเธอพูดคุยกับชายคนอื่น แม้แต่พื้นที่ส่วนตัวอย่างโทรศัพท์มือถือหรือช่องทางการติดต่อบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค สันต์ก็ยังคอยติดตามเฝ้าดูเธออย่างใกล้ชิด แรกๆ เธอก็ปลื้มใจพอดู

แต่ตอนนี้...เธอเริ่มแน่ใจว่ามันไม่ปกติเสียแล้ว

อารมณ์รุนแรง พลุ่งพล่านราวสายน้ำหลากทะลักจากเขื่อน และอีกชั่วพริบตาเดียวก็เหือดหาย เหมือนภาพลวงตา กลายเป็นความอ่อนโยนเอาใจเสียยิ่งกว่าเดิม ทำให้เธอเริ่มอกสั่นขวัญแขวนมากขึ้น

แม้จะหวาดหวั่นแค่ไหน แต่หญิงสาวก็ยังซบหน้าลงกับอกกว้าง ปล่อยให้เขาโลมลูบเรือนร่างบอบบางไปเรื่อยๆ ตามแรงอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่น ใบหน้านุชนาถนิ่งสงบ มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่เปล่งประกายจ้า...

ดวงตา...ที่บอกว่าเธอจะไม่ยอมเลิกราเรื่องของภูธเรศและพริมาแน่นอน!




ใบหน้าคมคายของนิติเวชหนุ่มเรียบเฉย หากดวงตาสีดำสนิทเจือไว้ด้วยแววประหลาด

เจ้าของห้องเกือบจะหันหลังจ้ำออกไปจากห้องตัวเอง ทว่าสติสตังที่กระเจิดกระเจิงเมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มกลับรวมตัวกันใหม่ได้อย่างรวดเร็ว แล้วเตือนพริมาว่าจริงๆ แล้วเธอหลบไปไหนไม่ได้...

เพราะที่นี่เป็นบ้านของเธอ และเขาเป็นคนที่เข้ามาในนี้... ถ้าเธอหนีไปเสียเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา แล้ววันนี้เธอจะไปอยู่ที่ไหน

ก็เหมือนกับใจของเธอนั่นแหละ ใจของเธอเอง เธอหลบไม่พ้น เมื่อภูธเรศบุกรุกเข้ามาในใจของเธอ ทางเดียวที่หญิงสาวจะทำได้คือเผชิญหน้ากับเขา และผลักไสชายหนุ่มให้ออกไปจากหัวใจเธอให้ได้

เพราะไม่มีใครที่จะหนีหัวใจตัวเองพ้น และตราบใดที่เขายังอยู่ในนั้น เธอก็จะหนีเขาไม่พ้นด้วย!

สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทางปกติที่สุด พริมาฉีกยิ้มหวานก่อนทักทาย “โอ้ ไม่เห็นหมอซะหลายวัน งานหนักเหรอ แล้วมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้มืดๆ ไม่เปิดไฟ พิลึกคน”

ภูธเรศที่กำลังทำหน้าเครียดเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างงงงัน ไม่ทันที่จะพูดหรือทำอะไร หญิงสาวก็คว้าแขนเพื่อนลากมานั่งที่โซฟา ก่อนตัวเองจะเดินไปเปิดตู้เย็น

“เอาอะไร น้ำเปล่า โค้ก น้ำส้ม กาแฟกระป๋อง...ไม่เอาดีกว่า ดึกแล้วอย่ากินกาแฟเลย โค้กก็มีคาเฟอีน เอาน้ำส้มดีกว่าเนาะ”

ร่างโปร่งบางหยิบจับข้าวของรวดเร็ว ไม่ทันที่หมอหนุ่มจะได้ตั้งตัว เพื่อนสนิทก็มานั่งลงเคียงข้าง ทิ้งระยะไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไปนัก ก่อนเลื่อนแก้วน้ำที่มีน้ำส้มเย็นเฉียบมาไว้ตรงหน้า ส่วนตัวเองยกน้ำเปล่าขึ้นดื่มอย่างกระหาย

ดวงตาคมกริบปรายมองคนข้างๆ ที่มองตอบกลับมาอย่างไม่สะทกสะท้าน ดวงหน้าใสกระจ่างของพริมายังเรียบเฉย ทำไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งๆ ที่ปกติเวลาเขาแผ่ไอสังหารไปแล้วเธอจะหลบตาวูบวาบ หรือไม่ก็หาทางเลี่ยงออกไปให้ไกลรัศมีการทำลายล้างมากที่สุด

แต่รอบนี้ไม่...ไม่มีการถอยหนี ทั้งๆ ที่เธอน่าจะรู้ว่าเป้าหมายระเบิดอารมณ์ครั้งนี้ล็อกเป้าไว้ที่เธอเรียบร้อยแล้ว

“พริม”

“หืมม์?”

“เมื่อกี้ยังไม่ตอบคำถาม ไปไหนมา ทำไมกลับดึกๆ ดื่นๆ”

“ไปเที่ยว” เสียงใสตอบราบเรียบ เลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างฉงน “ทำไมเหรอ?”

“เที่ยวที่ไหน” ภูธเรศข่มน้ำเสียงให้สงบ...

พริมาโกหก...ทำไมต้องโกหกเขาด้วย

“ร้าน...” หญิงสาวเอ่ยชื่อร้านกึ่งผับที่เธอไปช่วยรุ่นน้องร้องเพลงที่นั่น “บรรยากาศดีนะหมอ อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่เลย หมอลองไปมั่งสิ เป็นร้านนั่งกินลมชมวิวไปได้เรื่อยๆ สาวก็แต่งตัวสวยด้วยนา...แค่กๆ”

พายุอารมณ์ที่พัดกระพืออยู่ในใจสงบลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงไอ ภูธเรศขมวดคิ้วก่อนขยับเข้าชิดร่างโปร่งบาง มือใหญ่เชยคางเพื่อนขึ้นดูอาการอย่างไม่ทันคิดอะไร แต่พริมากลับผงะออกทันควัน ร่างโปร่งบางลุกพรวด ซวดเซไปเพียงนิดเดียวคนเป็นหมอที่ลุกขึ้นเร็วปานกันก็รวบร่างเพื่อนเอาไว้กับอกกว้าง

“บอกว่าอย่าลุกเร็วไงเล่า! ที่บอกๆ น่ะเคยจำได้บ้างมั้ย อย่าทำให้เป็นห่วงได้มั้ย!”

“หมอก็ไม่ต้องมาห่วงสิ ไม่เห็นยาก”

“พูดแปลก เราจะไม่ห่วงเธอได้ยังไงกัน” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเสมอมาขุ่นข้น พริมาเหลือบมองหน้าคนพูดเพียงนิดก่อนสะบัดตัวออกจากอ้อมแขน เดินเข้าไปทางห้องนอนของตัวเองพลางไออีกสองสามที

นิติเวชหนุ่มขมวดคิ้วแน่น อยากตามคนดื้อดึงปากแข็งเข้าไปแต่เสียงไอเมื่อครู่ทำให้ชายหนุ่มเหลียวกลับเข้าไปในส่วนที่จัดเป็นครัวเล็กๆ ก่อนจัดการเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อนเอาไว้ แล้วจึงเดินเข้าไปในห้อง

พริมาถือผ้าเช็ดตัวพร้อมด้วยเสื้อผ้ายืนชะงักอยู่หน้าห้องน้ำ สีหน้า สายตาสงบนิ่ง

นิ่งเกินไป...

“รีบเข้าไปอาบน้ำก่อนเลย” ชายหนุ่มตัดสินใจเก็บคำถามไว้กับตัวก่อน ตอนนี้ก็ดึกแล้ว เธอก็กำลังป่วย ขืนดึกมากกว่านี้ไปอาบน้ำจะไม่สบายเอาเสียก่อน

หญิงสาวไม่ตอบ เพียงเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไร้เสียง ภูธเรศยืนอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะถอนหายใจ ทรุดลงนั่งบนเตียงกว้าง

จะทำยังไงดี เขาไม่อยากเสียมิตรภาพไป...

วันนั้นในผับ เขาเมาก็จริง แต่จะบอกว่าลืมหรือไม่ได้สติก็ไม่ใช่ เขารู้ทุกอย่าง รู้ทุกการกระทำของตัวเอง ตั้งแต่ตั้งใจแยกพริมาออกจากนายตำรวจหนุ่ม ทันทีที่เขาได้ยินคำที่เหมือนสารภาพรักกลายๆ ของกฤษณะ และพริมาก็ทำท่าอึกอัก ไม่ได้ปฏิเสธให้เด็ดขาดลงไป

หากเป็นปกติธรรมดา เขาคงไม่เข้าไปยุ่ง มันไม่ใช่เรื่องของเพื่อนที่จะเข้าไปยุ่งได้ แม้จะเข้าไปตั้นหน้าหล่อๆ นั่นให้บวมไปเลยก็เถอะ โทษฐานที่มายุ่งกับเพื่อนของเขา...ของเขาคนเดียวเท่านั้น

แต่เพราะตอนนั้นเขาเมา แอลกอฮอล์คงกดสมองส่วนวิเคราะห์ลงเสีย ภูธเรศจึงรับรู้ได้ว่าตัวเองแสดงท่าทางมากมายเพื่อเรียกร้องความสนใจจากพริมา จนเธอพาเขากลับไปที่ห้อง ดูแลเขา จนเขาเผลอตัวจูบเธอ...

วินาทีนั้นเขารู้ตัว รู้ใจตัวเองว่าคนที่เขาจูบคือพริมา คือเพื่อนสนิทที่สุด จูบของเธอคล้ายกับเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นเหมือนจุดหมายปลายทางที่เขาเสาะหามานาน เป็นเหมือนที่ของเขา ของๆ เขา และเขาจะไม่มีวัน...ไม่มีวันยกเธอให้ใครทั้งนั้น

ชายหนุ่มลูบหน้าตัวเองอย่างอ่อนล้า...

จากวันนั้นเขาก็หนีเหมือนคนขี้ขลาด กำบังตัวเองจากความว้าวุ่นและความรู้สึกลึกๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเมา และเลือกใช้ประโยชน์จากความเมาโดยการทำเป็นจำไม่ได้ไปเสีย พร้อมๆ กับที่หลีกเร้นไม่พบเจอพริมาเป็นอาทิตย์ ไม่ใช่ไม่กล้าสู้หน้าเธอ แต่เขาไม่กล้าสู้กับหัวใจตัวเอง

กลัว...ที่จะหวั่นไหว

เพราะคนอย่างเขาไม่มีสิทธิ์จะหวั่นไหวไปกับใครทั้งนั้นนอกจากนุชนาถ เขาสัญญากับนุชไว้แล้วว่าจะมีแต่เธอคนเดียว เป็นความผิดของเขาเองที่ใกล้ชิดกับพริมาเกินไป ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเขากับนุชนาถ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าถึงแม้ไม่มีพริมา แต่ช่องว่างที่ว่านี้มันก็ขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา เพราะเขาไม่สามารถให้ทุกอย่างที่นุชนาถต้องการ และอีกฝ่ายก็ไม่ได้พยายามที่จะเข้าใจเขาอย่างเพียงพอ

เมื่อเดินมาถึงทางแยกหนึ่ง ภูธเรศก็รู้ว่าเขากับนุชนาถต้องการเลี้ยวไปคนละทาง...

แล้วยังไง? ชายหนุ่มคิดพลางหัวเราะขื่นๆ แล้วเขาก็ยื้อคนรักเอาไว้ อยากที่จะเริ่มต้นอีกครั้ง เพราะคำพูดที่เขาเคยพูดเอาไว้มันเหนี่ยวรั้งไม่ให้เขาปล่อยมือเธอไป เพราะความทรงจำ ความรัก ความผูกพัน และเวลาที่ผ่านมา มันมากเกินกว่าที่เขาจะปล่อยให้นุชนาถเดินออกไปจากชีวิตได้

เขาต้องปล่อยพริมาไป...

ตัดสินใจได้แล้วภูธเรศก็ลุกขึ้นเดินไปถอดปลั๊กกระติกน้ำร้อน หยิบมะนาวมาฝาน ก่อนหันไปหยิบน้ำผึ้งจากชั้นวาง...พริมาไม่ชอบน้ำผึ้ง แต่เธอมีไว้ติดห้องเพราะเขาชอบเอามาทาขนมปังบ้าง ใส่ในเครื่องดื่มบ้างบ่อยๆ น้ำผึ้งขวดนี้เธอซื้อมาเพราะรู้ว่าเขาชอบเท่านั้น

เดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งก่อนจะเห็นว่าเจ้าของห้องที่เช็ดผมเรียบร้อยแล้วนั่งอยู่มุมเตียง ใบหน้าซีดเผือด มือข้างหนึ่งกดบริเวณลำคอแน่น ดวงตาปิดสนิท ตัวกระตุกเป็นจังหวะ

คนเป็นหมอรีบเดินเข้าไปร้อนรน วางแก้วน้ำผึ้งมะนาวที่ผสมอ่อนๆ ไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะดึงมือเรียวออกจากลำคอตัวเอง “พริม อย่ากลั้นไอ พยายามกลืนน้ำลายหน่อยจะได้หายระคายคอบ้าง”

พริมาเหลือบตามองอีกฝ่ายก่อนก้มตัวลงไอโขลก อาการที่กักเก็บไว้ตลอดหลายวันดูเหมือนจะแย่กว่าเดิม

“พริม พริมา ค่อยๆ หายใจ พยายามกลืนน้ำลาย พริม...” ได้ยินเสียงภูธเรศเหมือนจะตะโกนแต่เธอไม่สนใจ หญิงสาวไอติดต่อกันยาวจนเหมือนจะสำลัก ไอเสียจนอาการพะอืดพะอมพลุ่งขึ้น ร่างโปร่งบางโผลุกไปที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ โดยที่นิติเวชหนุ่มก็ลุกตามไปลูบหน้าลูบหลัง

“โอย ไอจนขย้อนออกมาหมด ไม่สบายหนักแล้วนะพริม”

“ฉันไม่เป็นไร”

“ไม่เป็นไรบ้าอะไร!” หมอหนุ่มชักเดือด อารมณ์ที่เย็นลงเพราะเห็นว่าเพื่อนกำลังไม่สบายระอุขึ้นมาอีกรอบ “ไอจนอ้วกอย่างนี้ ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเอง ป่วยแล้วยังไม่เจียมตัวไปร้องเพลงอีก! เธอคิดอะไรของเธอกันพริมา!”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ดวงตาฉายแววตกตะลึง “ภูรู้เหรอว่าเราไปร้องเพลง?”

“ทำไมจะไม่รู้ เราไปร้านนั้นมาวันนี้ เราไม่เข้าใจเธอ ทำไมเธอต้องโกหกเราด้วย”

นิติเวชหนุ่มกระชากเสียง หงุดหงิดเสียจนต้องเบือนหน้าหนีจากดวงหน้าใสซื่อที่มองมาตรงๆ

“แล้วทำไมเราต้องบอกหมอทุกอย่าง ทุกการกระทำของเราล่ะ เราจะไปไหน ทำอะไร มีเพื่อนมีสังคม หรือแม้กระทั้งมีแฟน เราต้องรายงานหมอหมดมั้ย? หมอเป็นแค่เพื่อนสนิทเรา เราไม่เห็นความจำเป็นใดๆ เลยที่ต้องบอกกล่าวหมอ และหมอไม่จำเป็นต้องมายุ่งวุ่นวายกับเราก็ได้”

ถึงเวลาที่ต้องพูดจริงๆ ความเจ็บปวดที่กลัดหนองอยู่ในใจก็ทำให้พริมาชาชิน ชา...จนพูดทุกๆ อย่างที่เป็นสิ่งที่เธออยากบอกภูธเรศมาตลอด

อย่ามาห่วงใยเธอเลย อย่ามาทำดีกับเธอ อย่ามาทำให้เธอรัก เพราะเธอไม่อยากเจ็บไปมากกว่านี้อีกแล้ว!

เธอเคยคิดว่าหากไม่ได้เคียงข้างเขาในฐานะคนรัก อย่างน้อยก็ยังเป็นเพื่อนรักได้ แต่พอนานวัน...ความเจ็บร้าวที่ต้องเห็น ต้องรับรู้ถึงเรื่องราวความรักของภูธเรศกับนุชนาถก็ทำให้เธอเข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง

เธอทำไม่ได้ ใจไม่กว้างพอที่จะทนอยู่ในสภาพนี้ และต้องการที่จะหลุดพ้นไปเสียที!

“แค่เพื่อนหรือพริม เธอตีความห่วงใย ความรู้สึกของเราแค่เพื่อนอย่างนั้นหรือ?” ภูธเรศผุดลุกขึ้น พูดเสียงแผ่วเบา หากเจือไปด้วยความอันตรายในทุกๆ ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาช้าๆ ไม่ได้ทันคิดด้วยซ้ำว่าเมื่อครู่ตนเองเผลอเอ่ยอะไรออกไป

เป็นอะไรที่เขาเองยังไม่กล้ายอมรับกับตัวเองด้วยซ้ำ

“แล้วหมอจะบอกว่าหมอให้ความรู้สึกกับเรามากกว่าเพื่อนงั้นเหรอ?” อารมณ์โกรธบดบังความรู้สึกละเอียดอ่อนไปเสียหมด พริมาไม่ทันได้สะกิดใจด้วยซ้ำว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายพูดอะไรออกมา หากยังคงหลับหูหลับตาพูดในสิ่งที่ตกค้างในใจมาเนิ่นนานเสียหมด “หมอไม่ได้เป็นอะไรกับเรา อย่ามายุ่งกับเราหน่อยเลย ปล่อยเรา ให้เราอยู่ของเราไปเถอะ อย่ามาทำดีกับเราเลย อย่าทำให้เรารู้สึกกับหมอมากไปกว่านี้เถอะเราขอร้อง!”

พูดจบประโยคแล้ว พริมาจึงค่อยรู้สึกตัว หญิงสาวเบิกตากว้าง หายใจหอบเสียจนเกือบเป็นสะอื้น

มิตรภาพระหว่างเธอกับภูธเรศพังทลายหมดแล้วใช่ไหม...

สามปีที่สู้อุตส่าห์เก็บความรู้สึก กักเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้มันทะลักทลายออกมา เพียงเพื่อให้ความเป็นเพื่อนของเธอกับเขาดำรงอยู่ต่อไปให้นานเท่านาน แม้ว่าจะต้องกรีดใจตัวเองเป็นริ้วๆ ด้วยการเฝ้ามองความรักความผูกพันของภูธเรศและคนรักของเขา เฝ้าดูคนที่เธอรักเจ็บปวดเพราะถูกทำร้ายจิตใจจากผู้หญิงอีกคน เฝ้าปลอบโยนเพื่อให้เขาคลายเศร้า แม้แต่การช่วยเหลือให้เขากลับไปคืนดีกันอีกครั้ง ท่ามกลางความเจ็บปวดของตัวเธอเอง เธอก็ยอมทำ...เพียงแค่ได้อยู่ข้างๆ เขาเท่านั้น

แต่แล้วทำไมวันที่เธอเหนื่อยล้า พร้อมที่จะวางทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง ความรู้สึกปวดร้าวนี้ยังคงตามเล่นงานเธอไม่ยอมหยุดเสียที

แค่ภาพความทรงจำของภูธเรศที่จะมีกับเธอในฐานะเพื่อนสนิท ก็ไม่มีสิทธิเป็นไปได้แล้วใช่ไหม...

“เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะพริมา...”

ดวงตาคมกริบทอประกายเจิดจ้า ขณะที่เดินเข้ามาใกล้ร่างโปร่งบางที่ก้าวถอยหลังไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ปะ...เปล่า”

“เธอ พูด ว่า อะไร นะ” เสียงทุ้มต่ำคล้ายข่มขู่ บีบบังคับให้อีกฝ่ายพูดออกมาอีกครั้งให้ได้

พริมาไม่รู้หรอกว่าหัวใจเขาเต้นกระหน่ำดังขนาดไหน ไม่รู้หรอกว่าเขาอยากได้ยินคำพูดเหล่านั้นอีกครั้งมากขนาดไหน...

แวบหนึ่งเขาคิดถึงนุชนาถ คิดถึงสิ่งที่นุชนาถเคยพูดไว้บ่อยๆ ว่าพริมาคิดกับเขามากกว่าเพื่อน ตอนนั้นหมอหนุ่มเพียงแต่หัวเราะและไม่ได้สนใจ เพียงคิดว่าเป็นความหึงหวงหรือความระแวงตามประสาผู้หญิงเท่านั้น

ไม่เคยคิดซักนิดว่ามันเป็นจริงจนกระทั่งเดี๋ยวนี้

ความรู้สึกปนกันระหว่างดีใจ อิ่มเอม สับสนกับความรู้สึกผิดต่อคนรักกระหน่ำซัดเข้ามาในหัวใจ ดวงหน้าหวานซึ้งของนุชนาถที่ผุดขึ้นคล้ายกำลังมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ ต่อว่าว่าเขากำลังผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ ระคนเยาะหยันดังจะบอกว่า นั่นปะไร...เธอบอกเขาไว้แล้ว และเขาก็ไม่เชื่อเธอเอง

ไม่เชื่อ...จนทั้งเขาและพริมาต้องเดินมาถึงจุดนี้

ดวงตาคมกริบปิดลงชั่วครู่อย่างพยายามระงับอารมณ์ ก่อนจะเอ่ยถามเยือกเย็น

“เธอชอบเราหรือพริม”

แก้วตาสีน้ำตาลเบิกกว้างด้วยความตระหนก พริมาเลี่ยงการตอบคำถามด้วยการเดินหนี ทว่าเพียงก้าวเดียวเท่านั้นชายหนุ่มก็คว้าท่อนแขนเรียวเอาไว้แน่น พลางถามคำถามเดิมซ้ำ

“เธอชอบเราใช่มั้ย ตอบมาสิ”

หญิงสาวดิ้นรนแกะมือใหญ่ มีเพียงความเงียบงันเท่านั้นที่ตอบคำถาม

ภูธเรศเพิ่มแรงกด แกมกระชากอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ตัวเอง “ตอบสิ”

“ปล่อย...ภูปล่อย เราเจ็บ”

“ตอบคำถาม พริมา”

“อย่ามาบังคับเรานะ”

“เราบอกให้ตอบ!”

“ไม่!”

ร่างโปร่งบางพยายามสะบัดแขนออก หากติดมือใหญ่ที่รั้งไว้ไม่ยอมปล่อย คนเป็นหมอคล้ายหมดความอดทน มือแกร่งคว้าไหล่บางอีกข้างเอาไว้ พลางบีบแน่นจนอีกฝ่ายเกือบอุทานออกมาด้วยความเจ็บ

“เราถามเธอจริงๆ เธอคิดอะไรกับเราอย่างที่นุชสงสัยจริงๆ งั้นเหรอ? ตอบเรามาสิพริมา!”

ชื่อของผู้หญิงอีกคนคล้ายฟางเส้นสุดท้าย ดวงตาฉายแววคาดคั้นของอีกฝ่ายทำให้ความอดทนสุดท้ายของเธอขาดผึง
พอกันที!

“ถ้าใช่แล้วจะเป็นยังไง!” หญิงสาวสะบัดตัวรุนแรงให้หลุดจากอุ้งมือแกร่งที่จับไหล่เธอไว้แน่น ตะโกนอย่างหมดความอดกลั้น “ใช่! ฉันชอบนาย รักนาย...รักอย่างผู้หญิงคนหนึ่งรักผู้ชายคนหนึ่งด้วย! นี่ใช่มั้ยที่นายอยากรู้!”

ร่างบางสั่นเทา มองตรงไปยังใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเหมือนจะค้างแข็งไปแล้วด้วยความตกใจสุดขีด เสียงตะโกนก้องของเธอยังดังต่อเนื่อง...เหมือนทำนพที่น้ำมันเกินกักเก็บ...พังลงมา

“นายจะอยากรู้ไปทำไม รู้แล้วได้อะไร! ฉันชอบนาย แต่ฉันไม่เคยคิดแย่งนายมาจากคุณนุชอย่างที่เขาคิด! เข้าใจมั้ย! ทุกวันนี้ฉันพยายามถอยห่างจากนาย ฉันไม่อยากเจอหน้านาย ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนาย ฉันอยากตัดใจ เข้าใจบ้างสิ...ฉันไม่อยากรักนายเลยนะหมอ ฉันเจ็บ...มันเจ็บตรงนี้รู้มั้ย...”

น้ำเสียงสั่นพร่าขาดเป็นห้วงๆ ด้วยแรงสะอื้น ระคายคอจนต้องไอขึ้นมาอีกครั้ง หากครั้งนี้ไม่มีร่างสูงที่จะคอยมาถามเธออย่างอาทรอีกแล้ว

จบสิ้นแล้ว...

“มันเจ็บตรงที่หัวใจนี่ คิดเหรอว่าฉันอยากรักนาย คิดเหรอว่าอยากเป็นอย่างนี้ อยากรู้สึกรัก รู้สึกห่วงรู้สึกหวง รู้สึกว่าอยากทำทุกอย่างให้มันดีกว่านี้ มากกว่านี้ แต่ก็ทำไม่ได้! เพราะฉันไม่ใช่แฟนนาย ฉันเป็นแค่เพื่อนนาย ไม่ได้อยากรักนายเลยซักนิด มะ...ไม่...ไม่ได้อยากรักเลย”

เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รู้จักกันมา ที่นิติเวชหนุ่มได้เห็นน้ำตาของเพื่อนสนิท เสียงสะอื้นนั้นดังก้อง หากไร้เสียงคร่ำครวญใดๆ พริมายกมือปาดน้ำตาแรงๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพียงเพื่อไม่ให้มันไหลออกมาให้เขาเห็น...

ชั่วขณะนั้นเขาอยากทิ้งความผิดชอบชั่วดี ทิ้งสัญญา ทิ้งเอาความรู้สึกทุกอย่างที่มีต่อนุชนาถ เพื่อที่จะฟังคำรักจากพริมาให้มากกว่านี้ ซึมซับเอาความรู้สึกงดงามของเธอให้นานกว่านี้

เพื่อจะตอบรับคำรักของเธอได้อย่างเต็มปาก และเต็มหัวใจ...

ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้นนิ่ง...นาน “พริม...”

“ออกไปเถอะภู ไปเถอะ ขอให้เรื่องมันจบแค่นี้เถอะนะ”

น้ำเสียงที่ตอบกลับเขามาไม่มีรอยสะอื้นอีกแล้ว หญิงสาวกลับมาเป็นพริมาคนเดิม มั่นคง แข็งแกร่ง ไม่เคยอ่อนแอ และจะไม่อ่อนแอต่อหน้าเขา!

ภูธเรศหลับตาลงอย่างอ่อนล้าอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องเงียบๆ แต่เมื่อมาถึงประตูก็ได้ยินเสียงไอแผ่วๆ อีกครั้ง ชายหนุ่มยั้งขาตัวเองที่เกือบจะวิ่งไปหาอีกฝ่ายอย่างยากเย็น

หากเขาตอบรับคำรักของพริมาไม่ได้ ก็อย่าสร้างความเจ็บปวดให้เธอไปมากกว่านี้อีกเลย!

“พริม” น้ำเสียงที่เอ่ยสั่นน้อยๆ อาวรณ์ประหนึ่งจะกล่าวลาครั้งสุดท้าย “ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะ”

เสียงฝีเท้ากระทบพื้นหินอ่อนเบาๆ เป็นจังหวะ ค่อยๆ ห่างเธอไปทุกที จนสุดท้ายพริมาจึงได้ยินเสียงปิดประตูแผ่วเบา หากดังสะท้อนก้องในใจของเธอ

ร่างโปร่งบางทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ น้ำตาที่เกาะใบหน้าเริ่มเหือดหาย

พลันที่เธอเห็นถ้วยแก้วน้ำอุ่นที่วางอยู่บนโต๊ะ มือสั่นระริกเอื้อมไปหยิบแก้วมาประคองไว้ด้วยสองมือ จิบทีละน้อย ปล่อยให้น้ำผึ้งอุ่นผสมมะนาว รสชาติอ่อนๆ ไม่ระคายคอไหลผ่านลำคอลงไป

เธอผสมออกมาให้รสชาติกำลังพอเหมาะพอดีแบบนี้ไม่ได้หรอก บางครั้งก็เจือน้ำลงมากเกินไป ทำให้ไม่ได้รส บางครั้งก็ผสมเข้มเกินไปจนบาดคอยามดื่ม

มีแต่ภูธเรศเท่านั้นที่ผสมแล้วรสชาติออกมาพอดี ดื่มแล้วชุ่มคอแบบนี้

น้ำอุ่นๆ ค่อนๆ ไหลออกจากดวงตาอีกครั้ง คราวนี้เธอไม่เช็ดมันออกอีกแล้ว...




เขามันบ้าที่สุด!

ดวงตาคมที่ทอดมองไปยังถนนเบื้องหน้าไม่ได้เรียบเฉยเหมือนเคยอีกแล้ว มันเต็มไปด้วยความสับสน ปวดร้าว ระคนยินดีกับสิ่งที่ได้รู้เมื่อครู่ก่อนจากลา

ใช่สิ...เขาลาเธอมาแล้ว...

มีแต่ทำอย่างนี้เท่านั้นจึงรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนุชนาถได้ ทำอย่างนี้เท่านั้นที่จะทำให้พริมาไม่ต้องเจ็บปวดอย่างนี้อีก ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะเขาอีกต่อไป

ชายหนุ่มก่นด่าตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน เพราะความเห็นแก่ตัวของเขาเองที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเจ็บช้ำขนาดนี้ และทำให้รอยร้าวระหว่างเขากับนุชนาถต้องถ่างออกจนประสานไม่ติดแบบนี้ เพราะเขาเอง ความทรงจำที่มีระหว่างเขากับพริมา ทุกภาพ ทุกช่วงเวลา มันถึงงดงามเสียจนกลายมาเป็นเหมือนมีดแหลม กรีดกระชากให้เขาและเธอต้องเจ็บปวดขนาดนี้

เพราะเขาเองที่ไม่เคยคิดว่าผลของความใกล้ชิดมันจะพาให้ความรู้สึกระหว่างสองใจเดินมาไกลถึงจุดนี้ จุดที่แม้แต่เป็นเพื่อนกัน...ก็อาจเป็นการทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งไปแล้ว

ภูธเรศหลับตาลงอย่างอ่อนล้า ก่อนจะรู้สึกถึงแรงกระแทกหนักหน่วงด้านซ้าย เสียงกึกก้องดังจนความรู้สึกเหมือนกำลังปลิวคว้างกลางอากาศ เจ็บปวดเหลือแสน

โลกทั้งโลกคล้ายลับหายไปในชั่วพริบตาเดียว มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เขาเห็นทั้งๆ ที่เปลือกตาปิดสนิท ก่อนที่มันจะหลุดลอยหายไปเฉกเช่นเดียวกับความรู้สึกอื่นๆ...

พริมา...



..................................................................................................

ยังมีคนจำเค้าได้ ^_^

คุณ Jiab คุณ lovemuay คุณ ukkanirat ขอบคุณมากนะค้า ^_^



ปณัชญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ส.ค. 2556, 19:34:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ส.ค. 2556, 19:34:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 2232





<< ความเปลี่ยนแปลง [120%]   สายป่านที่กำลังจะขาดลอย >>
ukkanirut 14 ส.ค. 2556, 21:03:36 น.
ขอรับตอนต่อไป หรือภิรมย์รักตอนใหม่แทนคำขอบคุณได้มั้ยคะ ^^


Jiab 14 ส.ค. 2556, 22:46:22 น.
มายกมือสนับสนุนคุณ ukkanirut ค่า
อย่าหายไปนานน๊า


lovemuay 15 ส.ค. 2556, 08:05:34 น.
ถ้างั้นอย่าหายไปนานอีกนะคะ
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่านุชเห็นแก่ตัวจริงๆ และนายสันต์ก็ดูเป็นคนเก็บกด ถ้ายัยนุชไม่เลยอยู่กับนายภูกลัวจะมีคนตายเกิดขึ้นน่ะสิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account