หวานรักในลมหนาว
หวานรักในลมหนาวเป็นหนึ่งนิยายใน ชุดลัดฟ้าไปหารัก โปรเจ็กล่าสุดของ สนพ.กรีนมายด์ค่ะ โดยธีมเรื่องจะเกิดขึ้นในต่างประเทศ โดยลาฌีนุสได้เลือกประเทศภูฏานและญี่ปุ่นมาเป็นโจทย์ความรักในครั้งนี้ของพระ-นาง สไตล์เรื่องจะเป็นแนวรักหวานๆ ค่ะ

ปล.พระเอกเป็นลูกครึ่งหนุ่มไทย-ภูฎานค่ะ หล่อลื้มมม คริๆ

+++++หากสนใจติดตามผลงานลาฌีนุส กดไลท์ไปที่แฟนเพจได้นะคะ ^^ https://www.facebook.com/lacheenus
Tags: หวานรักในลมหนาว,ภูฎาน

ตอน: บทที่ 1 บังเอิญหรือโชคชะตา

บทที่ 1 บังเอิญหรือโชคชะตา



นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่มีส่วนผสมของความเป็นไทยและภูฏานกำลังมองโปสการ์ดสีสันแปลกตา มุมล่างขวามีรูปถ่ายสติ๊กเกอร์ชายหญิงที่ถูกแต่งออกมาราวกับตัวการ์ตูนตาหวาน ภาพดูน่ารักเกินจริงจนเห็นทีไรก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ อีกภาพคือภาพถ่ายใบหน้าทีเผลอของเขาเมื่อคราถูกหลอกให้เข้าไปเล่นเครื่องเล่นในยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ คิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลานั้นตัวเองจะยอมทำอะไรบ้าๆ ที่ไม่เข้ากับวัยได้มากชนิดที่น้องสาวซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องมาเห็นค่อนแคะว่า ‘กระชากวัยมาแบ๊วขนาดนี้กล้ามากเลยนะคะ’

“เฮ้อ ไม่น่าพลาดเลยจริงๆ” มือหนาที่ถือโปสการ์ดที่มีตัวอักษรญี่ปุ่นประทับอยู่บนนั้นวางมันลงอย่างถนอมในลิ้นชักข้างเตียงนอนก่อนจะเอนกายลงบนเตียงนุ่ม ยกมือก่ายหน้าผากอมยิ้มแล้วหุบยิ้มเมื่อนึกถึงความบังเอิญที่น่าเสียดาย

พอลหรือพาโร อนันตนาถ คือชื่อและนามสกุลที่ครอบครัวเป็นคนตั้งให้ นามสกุลที่ใช้เป็นภาษาไทยเนื่องจากบิดาของเขาเป็นคนไทยที่มาพบรักกับมารดาของเขาเมื่อครั้งมาทำงานที่ภูฎาน

บิดาของเขาเป็นนักธรณีวิทยาที่เขามาสำรวจพื้นที่ทำการเกษตรอันเป็นอาชีพหลักของคนในภูฏานจนได้มาพบรักกับมารดาของเขาซึ่งทำหน้าที่เป็นล่ามเนื่องจากมารดานั้นพูดภาษาอังกฤษได้เพราะเคยไปอยู่กับคุณยายที่อังกฤษตั้งแต่เด็กๆ

พอลคือชื่อที่เขาใช้เมื่อครั้งอยู่อังกฤษเพื่อให้ง่ายต่อการเรียก เมื่อหนึ่งปีก่อนในช่วงที่เขากำลังใช้ความคิดเพื่อการตัดสินใจครั้งสำคัญ เขาได้ขออนุญาตคุณยายพักร้อนหลังจากที่ทำการเจรจาเรื่องซื้อขายเพชรมูลค่ากว่าร้อยล้านให้กับแอลเวย์จิลเวอรี่เป็นที่เรียบร้อย

ผลงานที่เขาทำให้กับแอลเวย์ จิลเวอรี่สร้างความพอใจให้กับคุณยายของเขาเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าเมื่อสร้างผลงานอะไรที่โดดเด่นขึ้นมาไม่ได้มีแค่คนพอใจ คนที่หมั่นไส้ก็มีเหมือนกัน เขาเข้าใจในจุดนี้ดีแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเขาจำต้องวางมือในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองแล้ว

หลายครั้งที่เขาคิดว่าจะเอ่ยเรื่องนี้อย่างจริงจังก็มักจะถูกผู้เป็นยายตัดบท ทั้งเขาเองก็ไม่มีเหตุผลหนักแน่นพอในการวางมือ แต่ครั้งนี้ประจวบเหมาะกับแม่ของเขาได้แจ้งข่าวอาการป่วยของคุณตาให้ทราบ แม้ว่าท่านจะไม่ได้เป็นอะไรมากแต่เขาก็รู้สึกเป็นห่วง และที่สำคัญเขาคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ 8 ปีในอังกฤษมันมากเกินพอสำหรับการเรียนรู้ชีวิตในต่างแดนของเขาแล้ว เขาคิดที่จะกลับภูฎานเป็นการถาวร แต่เขาเองก็อยากได้ความกล้าในการจะเอ่ยปากออกไป ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตนเองควรกลับไปตั้งหลักที่ไหนสักแห่งเสียก่อน

ประเทศเนเธอแลนด์เป็นตัวเลือกที่เขาตัดสินใจจะใช้เวลากว่า 1 สัปดาห์เพื่อพักผ่อนหย่อนใจทบทวนและตัดสินใจอะไรบางอย่าง มันควรจะเป็นอย่างนั้นถ้าลูกพี่ลูกน้องตัวดีไม่มาก่อเรื่องขึ้นมาเสียก่อน

“อะไรนะ ก็ไหนเธอว่าเธอว่างจะไปเป็นไกด์ให้พี่ไง” พอลโวยวายเมื่อน้องสาวตัวดีโทรมายกเลิกนัดกะทันหัน หลังจากที่บอกกับเขาว่าจะอาสามาเป็นไกด์พาเที่ยวญี่ปุ่นโดยจะบินมาสมทบตามหลัง

“ฮัลโหล อย่าเพิ่งวางสายนะเดยุล ยัยเดียร์โธ่เอ๊ย ให้มันได้อย่างนี้สิไม่น่าหลงเชื่อยัยเด็กคนนี้ตั้งแต่แรกเลย” ชายหนุ่มเก็บโทรศัพท์อย่างหัวเสีย ก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอนขาวสะอาดตาของโรงแรมในกรุงโตเกียว

เดยุลหรือยัยเดียร์ลูกพี่ลูกน้องคนสนิทหนึ่งในเชื้อพระวงศ์แห่งภูฏานเป็นหลานร่วมคุณย่าทวดซึ่งเป็นถึงอดีตธิดาของเจ้าชายแห่งภูฏานเฉกเช่นเดียวกับเขา แต่ครอบครัวของทั้งเขาและเดยุลเรียกว่าแทบจะเป็นปลายเชื้อพระวงศ์แล้วเนื่องจากตาของทั้งคู่ต่างสมรสกับหญิงต่างชาติ ถึงกระนั้นในราชวงศ์ก็ยังคงให้เกียรติและคงเคารพความเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขราชวงศ์อยู่

เดยุลถือว่ามีวัยใกล้เคียงกับเขาที่สุดเพราะอายุห่างกันเพียง 5 ปี เขาอายุ 29 และเธอก็เพิ่งจะอายุ 24 ในขณะที่ญาติคนอื่นๆ อายุอานามขึ้นหลัก 4 กันแทบทุกคนแล้ว จึงไม่แปลกหากเขาจะสนิทกับเธอที่สุด แม้แต่ในช่วงเวลาที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษก็ยังคงติดต่อกับเธอผ่านทางอีเมลอยู่เสมอ

ตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ก็กำลังทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก หลังจากที่เขาโทรไปเล่าให้ฟังว่าเขาต้องการพักผ่อนและท่องเที่ยว เธอก็เสนอแพกเกจทัวร์ญี่ปุ่นให้เขา โดยบอกว่าเธอเองก็กำลังมีแผนเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนอยู่พอดี แน่นอนว่าเขาปฏิเสธในตอนแรกเพราะอยากจะใช้เวลาท่องเที่ยวคนเดียวเงียบๆ บวกกับเขาเองก็มีแผนท่องเที่ยวในใจเอาไว้แล้ว ในความคิดเขาญี่ปุ่นดูวุ่นวายเกินไปที่สำคัญเขาไม่มีความรู้ในภาษาญี่ปุ่นเลย

“โธ่ พี่พาโรจะกลัวอะไร ดายุลกับเพื่อนพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เรียนมาตั้งแต่อยู่ม.ปลาย เคยไปสอบวัดระดับภาษามาแล้วด้วย ไปกันหลายคนสนุกดีออก เดี๋ยวดายุลกะเพื่อนจะเป็นไกด์ให้เอง นะๆ นะพี่นะ” พาโรคือชื่อของพอลที่คนในครอบครัวเรียกขาน ซึ่งเป็นชื่อเมืองในภูฎานที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสนามบินแห่งเดียวของประเทศ เหตุที่เขาได้ชื่อนี้ก็เพราะเป็นเมืองที่พ่อกับแม่เขาพบกันครั้งแรก

เขาจำได้ว่าเดยุลพยายามชักชวนด้วยโปรโมชั่นขันอาสาจะเป็นไกด์ให้เขาตลอดการท่องเที่ยว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ยอมรับปากง่ายๆ

“ไม่เอาหรอก เธอจะมากับเพื่อนเธอไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวจะขัดเขินกันเปล่าๆ” เขาปฏิเสธอีกครั้ง ลำพังเขาเองไม่ได้อะไรอยู่แล้ว แต่ห่วงกลัวว่าเพื่อนของน้องสาวจะทำตัวไม่ถูกมากกว่า

“ไม่ๆ เพื่อนเดยุลไม่เรื่องมาก เขานิสัยดีเป็นกันเองน่ารักมากด้วย”

พอลสะดุดกับสรรพคุณสุดท้ายของเพื่อนน้องสาว “นี่คงไม่คิดจะมาจับคู่เพื่อนของเรากับพี่หรอกนะ” เขาเอ่ยอย่างไม่ไว้ใจ น้องสาวเขาแสบน้อยเสียเมื่อไหร่

“อุ๊ย ไม่ใช่ค่ะ คนนี้ไม่ได้หรอก เขามีแฟนแล้ว เดียร์แค่บอกเฉยๆ ค่ะว่าเพื่อนเดียร์น่ารักจริงๆ ทั้งนิสัยทั้งหน้าตา เข้ากับคนง่ายพี่พาโรสบายใจได้เลย ไปกับเราเถอะนะคะ”

“ทำไมถึงอยากให้พี่ไปด้วยนัก มีอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า บอกพี่มา”

“เปล่าสักหน่อย” เดยุลตอบปฏิเสธไม่เต็มเสียงนัก

“พี่ไม่เชื่อ”

“ก็...ก็ตอนแรกพอบอกว่าจะไปกัน 2 คนกับเพื่อนพ่อไม่ยอมให้ไป เดยุลเลยอ้างว่าพี่พาโรก็ไปด้วย”

ชายหนุ่มกรอกตาขึ้นฟ้าอย่างระอา ยัยน้องสาวตัวดีกล้าดียังไงเอาเขาไปเป็นโล่ ขืนท่านลุงรู้เป็นเรื่องแน่

“นี่ใช่ไหมเหตุผลที่จะเอาพี่ไปให้ได้นักหนา”

“เป็นอันว่าตกลงนะคะ พี่พาโรออกเดินทางก่อนเลย ส่วนเดยุลกับเพื่อนจะบินตามไปทันทีที่พี่ถึงโตเกียวแล้ว”

นั่นคือสถานการณ์ที่เขาถูกมัดมือชกอย่างช่วยไม่ได้ หากเขาไม่มาด้วยเกิดมีอะไรขึ้นมาท่านลุงได้เอาเขาตายแน่ๆ สุดท้ายจากที่ต้องการเที่ยวอย่างสงบๆ ก็ต้องมาจับพลัดจับพลูมาเที่ยวกับน้องสาวสุดแสบและเพื่อนของเธออีกหนึ่งคน

แต่ที่เขากำลังประสบอยู่ตอนนี้คือถูกน้องสาวตัวยุ่งลอยแพ โดยการโทรมาบอกว่าติดงานด่วนมาไม่ได้แล้ว

ยกเลิกกันง่ายๆ อย่างนี้ มันน่านัก ไม่น่าเผลอเชื่อเขาเลยจริงๆ เฮ้อ แล้วจะเอายังไงต่อดี

ร่างสูงที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงของโรงแรมได้แต่ยกแขนขึ้นมาก่ายหน้าผากอย่างคนคิดหนัก



อีกฝั่งตรงข้ามของห้องพักในโรงแรมเดียวกันมีหญิงสาวที่กำลังสาละวนอยู่กับกระเป๋าเดินทางของตนเองจนผมเผ้ายุ่งเหยิง ศีรษะเล็กเงยหน้าขึ้นมาสูดเอาอากาศเข้าปอดหลังจากควานหาไอแพดในกระเป๋าเจอในที่สุด ร่างบางไม่รอช้าจัดการเชื่อมต่อสัญญาณ WIFI ของโรงแรมทันทีพร้อมกับเช็คอินรายงานตัวกับคนที่อยู่เมืองไทย

“นึกว่าจะลืมเจ้านี่เสียแล้ว โล่งอกไปที” ว่าแล้วก็มานั่งจดจ่องอยู่กับ “เจ้านี่” อย่างตั้งอกตั้งใจ

ทันทีที่เธออัพสถานะและทำการเช็คอินที่อยู่บน FACEBOOK คอมเม้นแรกที่โผล่ขึ้นมาเร็วยิ่งกว่าความไวแสงก็ปรากฏใต้สถานะเธอทันที

‘ฉันขอโทษวะแก ไม่คิดว่าอาจารย์จะเรียกแก้งานเร็วขนาดนี้ แกถึงอย่างปลอดภัยดีใช่ไหม เที่ยวให้สนุกนะ’

‘ไม่เป็นไร แกทำงานเถอะ ฉันเอาตัวรอดได้แกก็รู้ แทบจะหลับตาเดินในโตเกียวได้อยู่แล้ว ทำงานให้เสร็จเร็วๆ แล้วรีบตามานะ’ หญิงสาวพิมพ์ตอบเพื่อนก่อนจะวางไอแพดลงบนโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆ ที่ทาโรงแรมจัดเตรียมไว้ แล้วหันไปเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้อย่างสบายใจ โดยหารู้ไม่ว่าเพื่อนสาวของเธอกำลังเครียดจะแย่



ประเทศไทย

สาวร่างเพรียววัย 24 เดินไปเดินมาในคอนโดจนเพื่อนที่แวะมาหาเพื่อมาประชุมเรื่องงานด่วนชักจะเวียนหัว

“เดียร์ หยุดเดินแล้วนั่งลงก่อน ฉันเวียนหัวจะแย่แล้วเนี่ย”

“เธอไม่เข้าใจ คราวนี้ฉันต้องถูกพี่ชายฉันฆ่าตายแน่ๆ ที่ไปทิ้งเขาไว้ที่ญี่ปุ่น”

“ก็ไหนว่ามินนี่ก็ไปด้วยไง เธอก็ให้มินนี่เป็นไกด์ให้พี่ชายเธอสิ”

“จะทำอย่างนั้นได้ยังไง เขาสองคนไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ อีกอย่างฉันก็เกรงในมินนี่ด้วย เพราะฉันเองก็ไม่ได้บอกมินนี่ล่วงหน้าว่าจะมีพี่ชายไปด้วย” เดยุลบอกพร้อมกับยิ้มแห้งๆ บรรดาเพื่อนที่นั่งฟังได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา

“เออ เอาเข้าไป ชีวิตเธอกะจะทำเซอร์ไพรส์ชาวบ้านตลอดเลยใช่ไหม สมน้ำหน้า ได้เรื่องจนได้” คนถูกว่าทำหน้าสำนึกผิด คราวนี้เธอยอมรับผิดเต็มประตู ด้วยความตั้งใจแรกที่กะจะเซอร์ไพรส์เพื่อนสาว เธอเลยไม่ได้บอกว่าการไปญี่ปุ่นครั้งนี้มีพี่ชายเธอร่วมทริปด้วย เพราะกลัวว่าหากบอกแล้วเพื่อนจะเปลี่ยนใจไม่ไป แต่สุดท้ายกลับเป็นเธอต่างหากที่ไม่ได้ไป ทุกอย่างเลยกระอักกระอ่วน ครั้นจะบอกให้เพื่อนไปช่วยเทคแคร์พี่ชายก็กระไรอยู่

“ไหนสุภาษิตไทยเขาบอกคนล้มอย่าข้ามไง นี่กระทืบซ้ำฉันเลยนะ”

“งั้นก็คงต้องปล่อยพี่ชายเธอไปตามเวรตามกรรมแล้วล่ะ ผู้ชายคงไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกมั้ง อย่ากังวลไปเลย”

ดายุลเองก็หวังว่าจะไม่มีอะไรให้เธอต้องห่วงมาก หญิงสาวได้แต่ภาวนาว่าโชคจะเข้าข้างพี่ชายของเธอ หลังจากตัดใจเรื่องพี่ชายได้แล้วหญิงสาวก็มุ่งหน้าเข้าสู่โปรเจคที่ต้องทำส่งอาจารย์อย่างเร่งด่วน เพราะงานที่ทั้งเร่งและต้องทำออกมาให้ดีทำเอาเวลาส่วนใหญ่ใน 1 สัปดาห์ต่อจากนี้ของเดยุลหมดไปกับงาน จนลืม...ลืมไปเลยว่าพี่ชายของเธอถูกทิ้งไว้ที่ญี่ปุ่นนั้นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง



ชิบูย่า โตเกียวในฤดูร้อน

ร่างสูงยืนมองตึกที่เต็มไปด้วยป้ายโฆษณามากมาย ก่อนจะก้มมองคู่มือท่องเที่ยวญี่ปุ่นฉบับชาวต่างชาติที่เพิ่งได้มาจากร้านขายหนังสือเมื่อครู่ ท่ามกลางอากาศร้อนคิ้วเข้มขมวดเป็นปมอย่างเคร่งเครียด

อากาศร้อนที่อุณหภูมิเกือบ 30 องศาทำเอาคนที่คุ้นชินกับอากาศเย็นสบายในเมืองหนาวแทบหน้ามืด เขาไม่ใช่ผู้ชายขี้โรคเพราะเป็นคนรักการออกกำลังกาย แต่ร่างกายที่ยังปรับสภาพไม่ได้เมื่อเจอความร้อนและความแออัดของผู้คนก็ทำเอาชายอกสามศอกเกิดอาการวิงเวียนได้เหมือนกัน

“แล้วนี่ควรจะเริ่มต้นจากตรงไหนก่อนดีละเนี่ย” ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองเริ่มรู้สึกแย่กับการต้องมาติดแหง่กอยู่ในประเทศญี่ปุ่นคนเดียวเสียแล้ว

ถ้าเป็นประเทศในโซนยุโรปเขาจะไม่อึดอัดใจเลย แต่นี่คือญี่ปุ่น ประเทศที่ประชากรแทบจะไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษเลย แม้ว่าเขาจะพยายามเลือกถามทางกับคนวัยเรียนจนกระทั่งวัยทำงาน แต่ก็ไม่มีใครที่ให้ความช่วยเหลือเขาได้เลยสักคน จากที่ถามมา 5 คน 1ใน 5 ชี้ทางไปร้านหนังสือให้เขา พร้อมกับพูดภาษาอังกฤษสั้นๆ มาว่า Sorry

คิดแล้วก็นึกโกรธน้องสาวตัวแสบที่ไม่รับผิดชอบชีวิตเขาเลยแม้แต้น้อย โทรไปหาก็ไม่รับสายแถมยังไม่ยอมโทรกลับมาอีก

ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านั้น เขาเก็บคู่มือท่องเที่ยวลงกระเป๋าเป้ แล้วตัดสินใจมุ่งเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ คิดเอาไว้ว่าจะลองเดินชมร้านค้าในย่านนี้ไปพลางๆ เผื่อเจออะไรถูกใจจะได้ซื้อกลับไปฝากคนที่บ้าน

และแล้วการตัดสินใจของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดเมื่อเขาเริ่มสนุกกับการเดินดูของในย่านชิบูย่า หลายๆ อย่างดูแปลกตาสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้เจออะไรแปลกๆ บางครั้งเห็นแล้วก็ยังอดทึ่งไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นการแต่งตัวของวัยรุ่นในย่านนี้ ทุกคนดูมีความสุขกับโลกส่วนตัว หรือข้าวของต่างๆ ที่วางขายในร้านที่ไม่อาจพบเห็นได้ในแถบประเทศที่เขาเคยอยู่

ร่างสูงไปหยุดอยู่หน้าร้านขายตุ๊กตาญี่ปุ่นร้านหนึ่ง เขายิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นตุ๊กตาที่โชว์ในร้าน คิดจะซื้อเอาไปเป็นของฝากให้คนที่บ้าน แต่พอทราบราคาจากพนักงานขายที่พอจะพูดภาษาอังกฤษอย่างกระท่อนกระแท่นแล้วก็ถึงกับตัดใจมองตาละห้อย ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีปัญญาซื้อ เพียงแต่เขาเห็นว่าราคามันไม่สมเหตุสมผลเท่านั้นเลยเลือกที่จะตัดใจแทน

“แพงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ชายหนุ่มบ่นออกมาเป็นภาษาไทย เพราะไม่อยากให้พนักงานขายเข้าใจ

ขณะที่เขากำลังพยายามจะต่อราคาอีกครั้ง เสียงไพเราะของผู้หญิงตัวเล็กประมาณไหล่ของเขาก็รัวภาษาญี่ปุ่นเป็นชุด จากการประเมินด้วยสายตา เธอคงจะเป็นสาวญี่ปุ่นเพราะการแต่งตัวสีจัดจ้าน ผิวขาวจัด และใบหน้าที่แต้มเครื่องสำอางเข้มจนไม่สามารถเดาอายุจริงได้

เขามองหญิงสาวที่สวมหมวกแก๊ปปักคริสตัลหลากสีรัวภาษาญี่ปุ่นกับพนักงานขาย ชายหนุ่มไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร แต่เดาเอาว่าคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักเพราะพนักงานขายก้มหน้าลงต่ำทุกครั้งที่เธอจบแต่ละประโยค สุดท้ายเธอพูดอะไรอีกสองสามคำด้วยน้ำเสียงที่เรียกว่าเฉียบขาด พนักงานหนุ่มคนนั้นก็มีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ มีทีท่าคล้ายขอร้องอะไรบางอย่างก่อนจะรีบหายเข้าไปหลังร้าน หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันมาที่ชายหนุ่มและนั่นทำให้เขาเห็นเธอเต็มตาเป็นครั้งแรก

ใบหน้าซับสีชมพูเพราะใส่อารมณ์มากจนเกินไปเมื่อครู่มองเขาที่ยืนเก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูก เธอส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้เขาต้องทึ่ง

“พนักงานขายโกงราคาคุณนะคะ แต่ฉันดุเขาไปแล้วละค่ะ ขู่เอาไว้ว่าจะฟ้องผู้จัดการร้าน เขาเลยรีบขอโทษบอกว่าจะลดให้เป็นพิเศษด้วย”

“ขอบคุณมากครับ คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเจออะไรแบบนี้ ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าไม่น่าจะแพงขนาดนั้น” ในใจเต้นรัวรู้สึกดีใจเหมือนถูกรางวัลที่หนึ่งเมื่อพบคนที่สามารถสื่อสารกับเขารู้เรื่อง ซ้ำยังสามารสื่อสารกับคนญี่ปุ่นได้อย่างคล่องปากอีกด้วย

โชคสองชั้นชัดๆ

“คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ คนญี่ปุ่นไม่ได้เป็นอย่างนี้ทุกคนค่ะ คงจะฉวยโอกาสตอนผู้จัดการร้านไม่อยู่มากกว่า เพราะปกติคนที่นี่เขาน่ารักกันดีไม่ใช่คนมีนิสัยขี้โกง” เธอยิ้มให้เขา

ชายหนุ่มพยักหน้ารับส่งยิ้มขอบคุณให้อีกครั้ง จู่ๆ ก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ แต่ก็ยังลังเลไม่แน่ใจว่าควรจะทำตามอย่างที่คิดดีหรือไม่ เขามองเธออย่างใช้ความคิด ในขณะที่คนถูกมองไม่ได้สนใจเขาอีกหนำซ้ำยังทำท่าจะเดินออกจากร้านไปโดยไม่บอกไม่กล่าวอีกด้วย

พอลแทบจะพุ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีที่จะรั้งผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้เอาไว้

เขาเจอคนที่จะสื่อสารกับเขาได้แล้ว แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะปล่อยเธอไป

“เดี๋ยวครับคุณ”




ลาฌีนุส
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ส.ค. 2556, 19:59:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ส.ค. 2556, 19:59:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1152





<< บทนำ   บทที่ 2 ไกด์สาวหน้าแฉล้ม >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account