จะเก็บไว้ในใจจนนิรันดร์
ถ้าไม่มีงานสัมมนานั้นอังศุมาลินคงไม่นึกถึงเขาคนนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเธอลืมเขาไปแล้วแท้ ๆ เขาที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เรียนมัธยม เขาที่ไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง และเขาที่ทำร้ายจิตใจเธอโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
Tags: รักสามเศร้า / สับสน / วุ่นวาย

ตอน: ตอนที่ 5 ตามตื้อ (แม้ใจจะเจ็บกลับมาคิด ๆ อดีตยังงานล้ำล้น)

เอามาฝากกันเป็นตอนที่ห้าแล้ว ขอบคุณเพื่อน ๆ นักอ่านที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากไว้อีกตอนนะ ^^

5 ตามตื้อ (แม้ใจจะเจ็บกลับมาคิด ๆ อดีตยังงานล้ำล้น)


“จะรีบไปไหนว่ะ”

อัครพลวิ่งตามอธิษฐานจากห้องทำงานมาจนถึงลานจอดรถ

“ไปหาอิ้ง”

“อะไรนายเพิ่งมาเมื่อวานเองนะ แน่ะ...อย่าบอกนะว่าแฟนนายมีกิ๊ก ว่าแล้วไง สวย ๆ แบบนั้นไม่เหลือหรอก”

“นี่!”

อธิษฐานหันมากระชากคออัครพลเงื้อมือจะชัดปากเพื่อนช่างพูดไม่เข้าหู

“เฮ้ยอะไรว่ะเพื่อน”

“ถ้าแกเห็นฉันเป็นเพื่อนก็เงียบปากไปซะ”

อธิษฐานผลักอัครพลแล้วขึ้นรถไปเปิดประตูเสียงดัง ขับรถออกไปเร็วแบบไม่เห็นฝุ่น

“สงสัยจะเป็นเรื่องจริง เสร็จโจร”

อัครพลยิ้มเยาะแล้วเดินเข้าไปทำงาน



อังศุมาลินรีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เธอคิดว่าจะรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่เพื่อนสาวสองคนช่วยกันห้ามเธอก็ไม่ฟัง

“แกกลับไปแบบนี้แล้วพี่อิฐจะคิดยังไง”

“นั้นนะสิ”

“แต่เราไม่อยากอยู่แล้ว เราไม่อยากเห็นหน้าเขา มีน รัก เราจะทำยังไงดี พีมเขาคอยจะตามตื้อเราตลอดเลย”

คนหาทางออกไม่ได้หันมาขอคำปรึกษาเพื่อน

“นายพีมนี่ก็แปลกนะ รู้ทั้งรู้ว่าเธอมีแฟนแล้วยังจะมายุ่งกับเธออีก”

นฤมลบ่น

“แต่ยังไงแกก็กลับไม่ได้ พี่อิฐเขาก็จะมารับแกอยู่แล้ว รออีกสักวันสองวันสิ”

“รักมีเพื่อนมาหาลูก”

เสียงพ่อของนฤมลเรียกมาจากหน้าห้อง สามสาวรู้พร้อมกันในทันที

“พวกเราไปกันเถอะ อย่าหนีเลย ไปเถอะอิ้ง”

อังศุมาลินพยักหน้าเดินตามเพื่อนออกมา แล้วก็เป็นอย่างที่คิด พวกของพัฒนากรมากันคบทุกคน

“จะไปไหนกัน”

ทานตะวันเป็นคนถาม

“ไปเที่ยวตลาด เลยจะมาชวนพวกเธอไปด้วย”

ทรงสิทธิ์พูดเสียงหวานส่งสายตาให้อังสุมาลิน

“ให้มันน้อย ๆ หน่อยนายสิทธิ์ อิ้งเขามีแฟนแล้วย่ะ”

ทานตะวันเดินไปผลักทรงสิทธิ์ และส่งสายตาจิกกัดไปให้พัฒนา

“พอแล้วมีน จะไปไหนก็ไปสิมัวแต่มาเถียงกันอยู่แบบนี้จะได้ไปไหนกัน”

อังศุมาลินห้ามทับดึงเพื่อนสองคนไปที่รถ อังศุมาลินดันเพื่อนสองคนให้เข้าไปนั่งเบาะหลังส่วนเธอที่ไม่ชอบความอึดอักเตรียมที่จะนั่งเบาะหน้า แต่ก็ถูกใครบางคนผลักกระเด็นออกมา

“นี่ที่นั่งฉัน”

ชานนท์พูดจบก็แทรกตัวเข้าไปนั่งในรถ อังศุมาลินได้แต่กัดปากตัวเองแล้วระเห็จมานั่งท้ายกระบะ

พัฒนากรที่ตอนแรกอาสาจะขับรถให้รีบโยนกุญแจให้ทรงสิทธิ์

“ไหนนายบอกว่าจะขับไง”

“ฉันไม่รู้จักทางนายขับไปเถอะ”

พูดจบก็กระโดดไปนั่งข้าง ๆ อังศุมาลิน จนเขาเกือบจะทับหัวดิษชัยที่คิดจะมานั่งกับอังศุมาลิน

“ดิษเป็นไงบ้าน”

อังศุมาลินรีบถามดิษชัย ดิษชัยส่ายหน้า อังศุมาลินยิ้มเจื่อนให้ก่อนจะหันมามองพัฒนากรอย่างไม่พอใจ

“ว้าย!”

ทรงสิทธิ์ที่เห็นว่าทุกคนขึ้นรถหมดแล้วเขาจึงออกรถ อังศุมาลินยังไม่ได้เกรงตัว ตัวเลยไปชนกับพัฒนากร หน้าของทั้งคู่ห่างกันนิดเดียว

พัฒนากรถือโอกาสยื่นหน้าเขามาใกล้หญิงสาวอีกจนเกือบจะชนแต่อังศุมาลินได้สติดึงตัวเองออกมาก่อน

“ขอโทษ”

“ไม่เป็นไร”

อังศุมาลินทำเหมือนไม่สนใจ แต่ภายในใจนึกถึงภาพเก่า ๆ ตอนนั้นเธออยากนั่งใกล้ ๆ เขาแบบนี้ แต่เขากลับนั่งคนละฝั่งกับเธอ แถบเธอยังนั่งในสุด ส่วนเขานั่งนอกสุด ห่างกันจนน่าเศร้า แต่ตอนนี้มันกลับนั่งชินกันจนน่ากลัว

“ดื่มน้ำไหม”

พัฒนากรหันมาถามหญิงสาวหลังจากที่เขาดื่มน้ำเสร็จ นี่ก็อีกนั้นล่ะ ตอนนั้นเขาก็ดื่มน้ำแบบนี้ หญิงสาวมองเขาดื่มน้ำตาไม่กระพริบ อยากจะดื่มต่อจากเขาใจจะขาด แต่กว่าจะมาถึงเธอน้ำขวดที่เขาดื่มก็หมดไปแล้ว

“ไม่ล่ะขอบใจ”

อังศุมาลินตอบแล้วหันหน้าไปมองข้างทาง มองทุ่งหญ้าป่าเขาที่ยังอุดสมบูรณ์เหมือนเก่า และบ้านคนที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด มากว่าเมื่อหลายปีก่อนผิดหูผิดตา

“ทำไมเธอไม่โทรหาเราล่ะ”

“ทำไมเราต้องโทรหาเธอ”

“ก็พี่ปูบอกว่าเธอต้องการข้อมูลเกี่ยวกับงานที่เราทำ เรารอโทรศัพท์เธอทั้งคืนเลยนะ”

“ขอโทษที่ทำให้เธอรอนะ”อังศุมาลินหันมาพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าสำนึกผิด แต่หลังจบประโยคสีหน้าก็เปลี่ยนไป “แต่เราสามารถหาข้อมูลจากคนอื่นได้”

พัฒนากรอึ้งไปเล็กน้อย แต่เปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มในชั่ววินาที ดิษชัย จักรพบ ธีรเทพ และตรีพงศ์ มองเพื่อนอย่างจับผิด

ไม่ถึงชั่วโมงรถของพวกเขาก็มาจอดที่หน้าตลาด ต่างคนก็พากันลงจากรถ พัฒนากรรีบลงมายืนรอรับอังศุมาลิน หญิงสาวมองเขานิดเดียวและโดดลงมาเอง และเดินนำทุกคนเข้าตลาดไป

“เธอจะใจร้ายกับเราไปถึงไหน”

พัฒนากรรีบวิ่งตาม เขายังนึกแปลกใจที่คนตัวเล็กเดินไวเป็นลมพายุ เขาพอจำเลือนรางว่าหญิงสาวเป็นคนเดินช้าอึกอาดมาก

“ตามเรามาทำไม”

“เราตามมาดูคนไม่เป็นมืออาชีพไง”

กึก! อังศุมาลินหยุดเดินทันที หันมามองพัฒนากร หน้าของหญิงสาวเกือบจะจนกับอกชายหนุ่ม เธอเลยถอยหลังมาสองก้าวเพื่อที่จะมองหน้าเขาได้ถนัด

“บอกเรามาสิเราไม่เป็นมืออาชีพยังไง”

พัฒนากรยิ้มกวน เดินเข้าไปหาหญิงสาว อังศุมาลินถอยหลังหนี ชายหนุ่มก็เดินเข้ามาอีก หญิงสาวก็ถอยหนี ชายหนุ่มก็เดินเข้ามาอีก

“พอ ไม่ต้องเดินแล้วเรามองหน้าเธอไม่เห็น”

“เราก็นึกว่าเธอกลัวเราเสียอีก”

“ไม่ต้องโยกโย้ บอกเรามาว่าเราไม่เป็นมืออาชีพตรงไหน”

“ก็ตรงที่พี่ปูแนะนำเราให้เธอ แค่เธอกลับปฏิเสธเรา ไม่เป็นมืออาชีพ”

พอฟังจบอังศุมาลินก็ยกมือเกาหัว ไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องน้ำเน่าแบบนี้จากวิศวกรคนเก่ง

“เธอพูดถูกแล้วล่ะ เรา...”

อังศุมาลินหยุดพูดเพราะได้ยินอะไรบางอย่าง

“เธอ ๆ นั้นคนที่ลงปกดิจ๊อปวินซี้นี่”

“ใช่จริง ๆ ด้วยเธอเราไปขอถ่ายรูปกันเถอะ”

สองสาวที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กระซิบกระซาบกันแต่เหมือนจะยังไม่กล้าเดินเข้ามา อังศุมาลินเลยคิดอะไรบางอย่างได้

“ว้าย! คุณพีมจริง ๆ ด้วย ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ”

อังศุมาลินตะโกนพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป แค่นั้นแหล่ะสาว ๆ ที่ยืนอยู่แถมนั้นที่ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ พากันมารุมล้อมพัฒนากรให้เต็มไปหมดจนชายหนุ่มเองยังตกใจ

อังศุมาลินยิ้มขำโบกมือให้กับพ่อคนดัง แล้วหันหลังเดินเข้าไปในตลาด

“อยากดังนักนี่”

ปากก็ยิ้มสะใจ แต่ในสมองกลับย้อนไปนึกถึงสมัยเรียนโดยเฉพาะวันที่เธอเรียนจบ พัฒนากรที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งในชั้นเรียน ถูกรุ่นน้องบ้าง เพื่อนรุ่นเดียวกันบ้างมารุมล้อม และมีน้องอยู่คนหนึ่งวิ่งมากอดและหอมแก้มเขา พอนึกขึ้นมาใจก็เจ็บแล้วสั่นไม่เป็นจังหวะทุกที

“นี่คิดว่าสวยมากนักเหรอ”

เสียงมาพร้อมร่างที่สูงใหญ่ ชานนท์เดินมาดักหน้าอังศุมาลิน พอมายืนใกล้แบบนี้เธอสูงอยู่แค่ระดับอกของชานนท์เท่านั้น

“เธอมีอะไรเหรอชา”

“พีมเขาก็แค่ดีกับคนที่ชอบเขาทุกคนก็เท่านั้น เธออย่าคิดหลงตัวเองไปหน่อยเลย”

“เราเป็นแบบนั้นเหรอ”

“เธออย่ามากวนโมโหฉันหน่อยเลย ยัยหน้าพลาสติก ฉันจะตบให้ซิลิโคลนไหลเลย”

“ว้าย!”

ชานนท์ไม่รอช้าเงื้อมือตบ อังศุมาลินรีบย่อตัวหลบ ชานนท์ที่ออกแรงเหวี่ยงเลยหน้าคว่ำไปชนแผงปลา

“ชา ว้าย!”

อังศุมาลินเอ่ยเรียกเสียงเบาก่อนจะต้องร้องเสียงหลงเมื่อถูกใครบางคนลากออกมาจากวงล้อมของเหล่าไทยมุง

“เป็นอะไรไหม”

พัฒนากรที่เป็นคนพาอังศุมาลินวิ่งออกจากฝูงชนมาไกลพอสมควรเอ่ยถาม

“เราไม่เป็นอะไร ชาต่างหากที่เป็นป่านนี้โดนแม้ค้าปลาตบล้างน้ำไปแล้วมั่ง”

“ช่างเขาเถอะ เมื่อกี้เขาจะตบเธอนะ”

“เพราะใครล่ะ หล่อดีนัก ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราโดนหรอกไม่ต้องคิดมาก”

“อะไรนะ”

อังศุมาลินที่ไม่ได้คิดอะไรเลยเผลอพูดเรื่องเก่าออกไป โดยลืมไปว่าเธออาจจะไปทำลายมิตรภาพของพวกเขา

“โดนด่าไง ฉันโดนคนอื่น ๆ ด่าบ่อยจะตายที่ไปชอบเธอ เธอน่ะมันเป็นพ่อเทวา ยาจกอย่างเรามันอาจเอื้อมเอง”

“อย่าพูดอย่างนั้นเลย เราก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรนักหรอก”

“แน่เหรอ แล้วเมื่อกี้มีใครถูกสาว ๆ ขอถ่ายรูปไม่ทราบ”

“ขอโทษนะคะ”

ในขณะที่ทั้งคู่กำลังถียงกันก็มีเสียงขอผู้หญิงมาพูดจากด้างหลัง

“มีอะไรเหรอคะ อ๋อ...จะมาขอถ่ายรูปคุณพีมใช่ไหมคะน้อง”

“อุ้ย! คุณพีมจริง ๆ ด้วย ดีใจจังเลยค่ะที่ได้เจอทั้งคุณพีม ทั้งพี่อิ้ง หนูเป็นแฟนคลับพี่อิ้งค่ะ ชอบงานเขียนพี่อิ้งมาก ๆ เลยค่ะ แต่โชคดีจังที่เจอคุณพีมด้วย หนูได้ข่าวพี่อิ้งจะเขียนเกี่ยวกับวิศวกรถ้าได้ต้นแบบเป็นคุณพีมก็ดีน่ะสิคะ”

พัฒนากรฟังจบก็ยิ้มขำ อังศุมาลินฝืนยิ้มตอบแฟนคลับ

หลังจากที่แฟนคลับของอังศุมาลินพูดจบก็ของให้เขาและเธอถ่ายรูปคู่กันหลายใบและมีกลุ่มเพื่อน ๆ ของน้องแฟนคลับคนนั้นมาขอถ่ายรูปคนทั้งสอง และขอให้อังศุมาลินใช้บุคลิกของพัฒนามาเป็นต้นแบบของพระเอก



ตอนนี้ทุกคนกำลังเดินทางกลับหมู่บ้านกันแล้วคนขับรถคือพัฒนากรที่แย่งทรงสิทธิ์ขับทันทีที่รู้ว่าอังศุมาลินจะมานั่งด้านหน้า

อังศุมาลินอยากจะเป็นบ้าตาย การจะจับบุคลิกใครสักคนมาเขียนได้ต้องใช้เวลาอยู่กับคนคนนั้นไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือน แล้วเธอจะทนอยู่ได้อย่างไร แล้วอธิษฐานจะคิดยังไง คำถามมากมายตีกันในหัวของหญิงสาว

“อิ้งเธอจะปฏิเสธเราไม่ได้แล้วนะ”

พัฒนากรพูดแล้วเหล่ตามามองอังศุมาลิน สองสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังทั้งคู่หันมองหน้ากันเชิงจะให้ฝ่ายตรงข้ามถาม

“ไปตกลงอะไรกันมา”

ในที่สุดคนที่เป็นคนถามก็คือทานตะวัน

“ก็แฟนคลับของแม่นักเขียนใหญ่เราต้องการให้ผมเป็นพระเองในนิยายของอิ้งนะสิ”

“จริงเหรออิ้ง”

นฤมลหันมาถามเพื่อน อังศุมาลินพยักหน้าตอบ

“แล้วเธอจะบอกพี่อิฐยังไง”

ทานตะวันถามบ้าง พัฒนากรแอบตั้งใจฟังเพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอังศุมาลินจะตอบอย่างไร

“ไม่เห็นจะต้องบอกเลย เพราะยังไงเราก็ไม่คิดที่จะพีมมาเป็นพระเอกอยู่แล้ว”

น้ำเสียงและสีหน้าบ่งบอกอย่างที่พูดจริง ๆ พัฒนากรรีบจอดรถทันที

“เธอไม่รักแฟนคลับเธอเหรอ”

“รักสิ แต่ฉันมีวิธีที่จะบอกพวกเขา”

“บอกว่าอะไร”

ชายหนุ่มรีบถาม อังศุมาลินหันไปยักคิ้วให้ แล้วเปิดประตูรถโดดขึ้นไปนั่งกระบะหลัง

“อิ้งเป็นอะไรรึเปล่า”

ดิษชัยถาม คนที่นั่งอยู่ข้างหลังก็กำลังตั้งใจฟัง

“เราเมารถน่ะ เลยมารับลมหน่อย”

“กระแดะ”

ไม่ต้องบอก็คงจะรู้ว่าเป็นใคร อังศุมาลินได้ยินเต็มสองหูแต่ไม่คิดจะหันหน้าไปมอง

“ว้าย!”

อังศุมาลินร้องสุดเสียงเมื่อคนขับเจ้าอารมณ์ออกรถอย่างรวดเร็ว คนอื่น ๆ ก็ถึงกับเซไปหมด

“เป็นบ้าอะไรขอมันวะ”

ต่างคนก็ต่างบ่นพัฒนากร อังสุมาลินไม่อยากสนใจ มันคงจะกลับกันเมื่อก่อนเวลาที่มองดูเขาอยู่คนเดียว เห็นเขาสนิทกับคนอื่น เธอก็มีอาการบ้าแบบนี้เหมือนกัน



“อิ้ง”

ทันทีที่พัฒนากรจอดรถ อธิษฐานก็รีบวิ่งลงมาจากบ้านของนฤมลตะโกนเรียกชื่อหญิงสาว

“อิฐ”

อังศุมาลินรีบหันมองไปตามเสียง คนอื่น ๆ ก็จับตาดูว่าอธิษฐานเป็นใคร

“มาเฝ้าสมบัติเร็วจริง ๆ”

พัฒนากรสบถ

“ของ ๆ ใคร ใครก็รัก”

“ของ ๆ ใคร ใครก็หวง”

สองสาวพูดลอย ๆ ใส่พัฒนากรแล้วเปิดประตูรถเดินมาหาอธิษฐาน

“พี่อิฐรีบมารับยัยอิ้งเลยนะหายโกรธแล้วสิ โอ๊ย! มาหยิกฉันทำไม”

ทานตะวันพูดอย่างไม่คิด นฤมลที่เดินตามมาเลยหยิกแขนเข้าให้

“เธอพูดแบบนี้พีมก็ได้ใจนะสิ”

นฤมลกระซิบเพื่อนปากไว ทานตะวันทำหน้าตกใจเมื่อนึกขึ้นได้

พัฒนากรที่ฟังอยู่ก็ยิ้มออก แค่เขาเข้ามาใกล้ชิดหญิงสาวแค่นี้ก็ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันแล้ว กับแค่การที่จะทำให้ทั้งคู่เลิกกันก็คงไม่อยาก

============================================================================================================
ฝากติชมกันด้วยนะค่ะ



เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ส.ค. 2556, 12:22:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ส.ค. 2556, 12:22:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1130





<< ตอนที่4 หนีไม่พ้น   บทที่6 ถ้าเราจำเป็นต้องอยู่ใกล้ ๆ เขา >>
เพียงใจกล้า 17 ส.ค. 2556, 12:26:19 น.
ทักทายนักอ่านทุกคนนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account