สัญญารัก...ข้ามฟ้า (สนพ ดอกหญ้า 2000)
เอริน..ว่าที่มัคคุเทศก์คนใหม่วัย 25 ปี ที่โชคชะตานำพาให้พบกับใครบางคนที่แดนไกลในครั้งอดีต และต้องจากกันไป
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง
Tags: สัญญารัก...ข้ามฟ้า , รักโรแมนติก , ซึ้งกินใจ
ตอน: ตอนที่ 4 : Lover in Firenze...2
Lover in Firenze...2
ชานนท์และเอรินใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการเยี่ยมชมยอดดูโอโม หอระฆัง และความวิจิตรงดงามภายในมหาวิหาร เอรินถึงกับหอบแฮ่กทันทีที่ลงมาจากยอดโดม ชานนท์ได้แต่มองมือที่ชื้นเหงื่อของหล่อนที่คอยเกาะแขนเขาไว้แน่นอย่างใช้เป็นหลักยึดให้ทรงตัวอยู่
“นี่ เมื่อไหร่จะหยุดแต๊ะอั๋งฉันซะที” คำถามของชายหนุ่มทำเอาเอรินที่ลืมตัวคว้าแขนเขาไว้นานสองนานต้องรีบปล่อยมือออกจากการเกาะกุมแทบจะทันที
“กะ..ก็ฉันเหนื่อยนี่นา ว่าแต่เราไปไหนต่อดีคุณ” หญิงสาวกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
“กลับเถอะค่อยไปต่อพรุ่งนี้ ดูท่าเธอจะเหนื่อย”
ชานนท์หันหลับกลับจะเดินไปยังถนนด้านขวาซึ่งเป็นทางเดินกลับโรงแรม เอรินถึงกับหน้าจ๋อยไป ก่อนจะต้องตาลุกวาวเพราะถูกใจร้านเบเกอรีเล็กๆตรงหน้า
“คุณคะ ฉันอยากซื้อขนมหน่อยค่ะ น่าทานจังเลยมาการองสีหว๊านหวาน ต้องอร่อยแน่ๆเลย”
ทันทีที่พูดจบเอรินก็หายไปจากตรงจุดที่ยืนอยู่ทันที ชานนท์ได้แต่มองตามหลังหญิงสาวอย่างใช้ความคิด ก่อนที่จะรู้สึกตัวเมื่อเอรินเดินยิ้มหวานอย่างถูกใจของในมือกลับมาพร้อมกับกาแฟหนึ่งกระป๋องและมาการองกล่องเล็กหนึ่งกล่อง
“อ้ะ.. กาแฟของคุณฉันซื้อให้ คุณจิบไปเดินไปใจเย็นๆนะ เราไปทางโน้นกันเถอะ เดินเล่นกันนะ ตรงโน้นมีมายากลด้วย ฉันอยากเห็นเมืองเก่าของฟลอเรนซ์ตอนค่ำน่ะว่าสวยขนาดไหน”
เอรินดึงชายเสื้อชายหนุ่มไว้ได้ทันด้วยสีหน้าเว้าวอนจนชานนท์ถึงกับใจอ่อนรับสินบนมาจิบอย่างนับหนึ่งถึงสิบ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอีกครั้งแต่ก็ยอมเดินตามยัยกุหลาบสีชมพูตรงหน้าเขาไปอย่างไม่เกี่ยงงอน ถึงแม้วัยจะต่างกันถึงสิบปี แต่ชานนท์ก็สามารถยิ้มหัวเราะออกมาได้อีกครั้งยามได้ไปไหนมาไหนกับเอริน..สาวน้อยร่าเริงที่เด็กกว่าเขาถึงสิบปี
**********************************************
ดึกดื่นค่อนคืนอันสับสนวุ่นวายใจของทั้งเอรินและชานนท์ สายใยบางๆที่ก่อเกิดภายในใจโดยไม่รู้ตัวทำให้ชานนท์รู้สึกแปลกๆกับเอรินไม่น้อย จนต้องรักษาระยะห่างจากหล่อน ชายหนุ่มไม่พูดไม่จาจนเอรินที่หาวหวอดๆต้องถามออกมาอย่างเกร็งๆ
“คุณ..คืนนี้เรานอนกันยังไงดีล่ะ”
สาวน้อยในชุดนอนเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนยืนกอดหมอนข้างอยู่ข้างเตียงนอนหลังใหญ่ ท่าทางนุ่มสบายของมันเอรินได้แต่มองตาละห้อยอยากจะทิ้งตัวลงนอนเต็มแก่
“นอนกันยังไง หมายความว่าไง” ชานนท์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยกางเกงนอนขายาวตัวเดียวพร้อมทั้งผ้าขนหนูกำลังเช็ดผมที่เปียกหลังจากการสระและอาบน้ำเสร็จ
“คุ๊ณ...แต่งตัวให้เรียบร้อยสิ..น่าเกลียด” เอรินรีบหันหนีแทบไม่ทันทันทีที่เหลือบไปเห็นแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของชายหนุ่ม หล่อนถึงกับหน้าแดงแจ๋โดยไม่รู้ตัว
“อายอะไร ฉันไม่ได้พิศวาสเธอซะหน่อย เธอนอนฝั่งโน้นเลย เดี๋ยวฉันนอนฝั่งนี้ แล้วก็อย่าบอกให้ฉันไปนอนโซฟานะ นี่ไม่ใช่ในหนังและฉันก็ไม่ใช่พระเอก เข้าใจมั๊ย”
น้ำเสียงยิ้มเยาะอย่างเป็นต่อของชานนท์ที่รู้อยู่ว่าหล่อนเกร็งและหวาดหวั่นอยู่ลึกๆ ทำให้เอรินต้องยู่ปากพึมพำขมุบขมิบก่อนจะล้มตัวลงนอนริมสุดของเตียงจนแทบจะตก ชานนท์ที่เห็นกิริยาของหญิงสาวก็อยากจะแกล้งเลยรีบขึ้นไปบนเตียงแล้วดึงตัวเอรินให้หันมา
“อยะ..อย่าน๊า คุณจะทำอะไรฉัน!!” เอรินเผลอลุกโวยวายเสียงดังลั่นอย่างตกใจ ชานนท์รีบดึงหล่อนให้ลงนอนข้างกันอย่างนึกขัน
“อย่า..คุณเป็นสุภาพบุรุษ..ฉันรู้น๊า”
เอรินทำใจดีสู้เสือทั้งที่น้ำเสียงสั่นเครืออย่างหวาดหวั่น นี่หล่อนเอาตัวเข้ามาอยู่ในสถานการณ์น่ากลัวกับอดีตเพลย์บอยอย่างชานนท์หรืออย่างไรกันนะ
“อย่าอะไร ใครจะทำอะไรเธอ บ้ารึเปล่าเนี่ย นอนได้แล้ว ฉันกลัวว่าเธอจะตกเตียงเห็นนอนซะริมเชียว มานอนกลางๆหน่อยเดี๋ยวตก”
เอรินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีที่ชานนท์ผละออกห่างแล้วนอนยังอีกฝั่งของเตียง หญิงสาวรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนมิดคอโผล่ให้เห็นแต่เพียงใบหน้าขาวนวลเท่านั้น ชานนท์เหล่มองอย่างนึกขำ
“ขอบคุณนะ” เสียงพึมพำในความมืดดังขึ้นหลังจากชานนท์ปิดไฟหัวเตียง ชายหนุ่มถึงกับยิ้มนิดๆ
“นอนเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปเที่ยว” เสียงที่ดังเบาๆตอบกลับมา เอรินถึงกับยิ้มออกมาได้
“ค่ะ ฉันจะนอนแล้ว ค่อยเจอกันในฝันนะ” เอรินตอบออกไปทั้งที่เขินอายหน้าแดงแจ๋ในความมืด ชานนท์ถึงกับหัวเราะหึๆออกมาอย่างรู้สึกดีกับหล่อนขึ้นมาก
ตลอดค่ำคืนที่แสนจะตื่นเต้นของเอริน ท่ามกลางความมืดสลัวที่มีเพียงแสงไฟจากถนนเล็ดลอดเข้ามา เอรินซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของชานนท์อย่างอบอุ่นโดยไม่รู้ตัว ทั้งสองอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันตราบกระทั่งเช้าวันใหม่...
*****************************************
เอรินนั่งก้มหน้างุดหลบสายตายิ้มแกมขำขันของชานนท์ที่มองมายังหล่อน หญิงสาวแก้เก้อด้วยการหยิบคอร์เนตโตไส้แยมชิ้นใหญ่มากัดกินพร้อมทั้งคนช็อกโกแลตร้อนแก้วโตไปมาอย่างขัดเขินสายตาเขา
ชานนท์จิบกาแฟรสเข้มอย่างอารมณ์ดี เมื่อนึกถึงเช้านี้ที่ตื่นขึ้นมาพบสาวน้อยนอนหลับใหลกอดเอวเขาไว้แน่นพร้อมทั้งซุกตัวอยู่ในอ้อมกอด สัญชาติญาณภายในกายก็ถูกปลุกขึ้นจนแทบจะทนไม่ไหวต้องลุกออกมาวิ่งที่ริมระเบียงให้เหงื่อตกเล่นดับอารมณ์ดิบภายในจิตใจ แต่หล่อนก็ยังไม่แม้แต่จะรู้ตัวสักนิด
“คุณ...วันนี้จะพาฉันไปเที่ยวไหนเหรอ”
เอรินเคี้ยวตุ้ยๆแต่ก็ยังไม่วายถามด้วยความอยากรู้ทันทีที่เห็นชานนท์เอากล้องตัวใหญ่จากในกระเป๋าสะพายมาเช็คและทำความสะอาดอย่างขะมักเขม้น
“เดินเที่ยวดูเปียซซ่าในเมืองก็แล้วกัน”
ชานนท์ตอบอย่างไม่ใส่ใจทั้งที่คิดแผนการเที่ยวอย่างนึกสนุกไว้แล้ว ด้วยความรู้สึกราวได้กลับมาเป็นหนุ่มน้อยอีกครั้ง ชายหนุ่มได้แต่ทำนิ่งกลบความแปลกประหลาดในจิตใจ
“ก็ดีเนอะ บ้านเมืองที่นี่สวยมากๆเลย คุณถ่ายรูปให้ฉันด้วยนะ ถ่ายเยอะๆเลยฉันอยากเก็บรูปเราไว้เป็นที่ระลึกค่ะ” ดวงตาแป๋วแหววน้ำเสียงร่าเริงของสาวน้อย ชานนท์ได้แต่มองอย่างเพลินเพลิน
“มากับฉันไม่เห็นมีอะไรน่าจดจำ ทำไมต้องเอาไว้เป็นที่ระลึกด้วย” ชานนท์จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตแสนสวยนั้นด้วยความอยากรู้
“ทำไมจะไม่น่าจดจำ นี่เป็นสองวันที่มีค่าที่สุดของฉันเลยนะ ฉันดีใจมากเลยค่ะที่ได้มาฟลอเรนซ์กับคุณถึงจะแค่สองวันก็ตาม” น้ำเสียงเศร้าสร้อยและแววตาหมองหม่นที่ฉายออกมาชั่วครู่ของเอริน ทำเอาชานนท์ถึงกับอึ้งไป
“งั้นเรามาทำวันนี้ให้เป็นวันที่น่าจดจำของเราดีกว่า เธออยากได้อะไร วันนี้ฉันจะตามใจเธอทุกอย่าง” คำถามที่สร้างความประหลาดใจให้สาวน้อยอย่างเอริน ทำให้หล่อนถึงกับจ้องชายหนุ่มตรงหน้าอย่างนิ่งงัน สมองประมวลผลคำพูดของเขาแทบจะไม่ทัน
“ทำไมวันนี้คุณใจดีจังคะ แน่ใจเหรอว่าถ้าฉันอยากได้อะไรคุณจะตามใจน่ะ” เอรินถามกลับด้วยแววตาตื่นเต้นแต่ยังไว้เชิงเล็กน้อยด้วยกลัวว่าจะเสียฟอร์มถ้าหากเขาพูดเล่น
“แน่ใจสิ” น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวตอบรับจากชานนท์ทำให้เอรินรวบรวมกำลังใจตัดสินใจบอกออกไป
“งั้น...ฉันขอเป็นแฟนคุณวันนึงนะ แค่วันนี้ก็พอแล้วฉันจะไม่ขออะไรอีกเลยค่ะ”
“อะไรนะ” ชานนท์ถึงกับอึ้งไปอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูตนเองจนเอรินถึงกับหน้าจ๋อยนึกรู้ว่าเขาคงปฏิเสธเป็นแน่
“ฉันรู้...คุณไม่ยอมเป็นแฟนฉันหรอก ฉันเข้าใจค่ะว่าแม้แต่วันเดียวฉันก็ไม่มีสิทธิ์” เอรินรีบผลุนผลันลุกขึ้นทันทีเพื่อจะไปให้พ้นจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด แต่แล้วชานนท์ก็คว้ามือน้อยนุ่มนิ่มของสาวน้อยที่กำลังจะเดินคอตกผ่านเขาไปไว้แน่น
“เอาสิ...แค่วันนี้นะ”
**********************************************
ตึกรามบ้านช่องสองข้างทางในฟลอเรนซ์เต็มไปด้วยร้านรวงที่แสดงสินค้าผ่านทางหน้าต่างกระจกทรงโค้งโบราณสไตล์นีโอโกธิค ดูสวยงามตื่นตาตื่นใจจนเอรินต้องแวะเสียเกือบทุกจุดที่เดินผ่าน ชานนท์เดินตามแฟนวันเดียวของเขาไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เหลือเวลาอีกเพียงคืนเดียวที่เขาจะต้องกลับไปใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็น บางทีคงถึงเวลาที่เขาควรจะปลดปล่อยตัวเองจากชีวิตที่หนักอึ้งเสียบ้าง
“จะแวะอีกนานมั๊ย สาวน้อย”
ชานนท์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าเอรินแล้วมองผ่านกระจกด้านในเข้าไป เอรินที่กำลังเพลิดเพลินเหลียวมองชายหนุ่มอย่างไม่ทันระวังตัวทำให้จมูกงอนเฉียดใกล้แก้มของชานนท์ จนหล่อนถึงกับสะดุ้ง
“คุ๊ณ เอาอีกแล้วนะ ทำไมต้องใกล้ขนาดนี้ด้วย” เอรินเอะอะโวยวายไม่จริงจังนัก ชานนท์ถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ
“กลัวอะไร ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ” สีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ของชานนท์ ทำเอาเอรินต้องหรี่ตามองอย่างครุ่นคิด
“มันสมจริงเกินไป เดี๋ยวฉันคิดมาก” หญิงสาวหลบสายตาก่อนเดินนำไปตามทางเดิน แต่แล้วชานนท์ก็เรียกหล่อนเอาไว้เสียก่อน
“ด้านซ้ายคือจัตุรัสซินญอเรีย จะแวะมั๊ย”
เอรินมองตามสายตาของชายหนุ่มไปจึงเจอเข้ากับลานกว้างที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง บริเวณลานน้ำพุกลางแจ้งมีรูปปั้นเทพเจ้าเนปจูน เทพแห่งท้องทะเลตั้งเด่นอยู่ สวยงามจนเอรินหยุดยืนมองดูอย่างสนใจ
“คนเยอะจังเลยค่ะ เราเดินเข้าไปดูกันนะ” เอรินจูงมือชานนท์ให้เดินตามหล่อนไปยังบริเวณลานกว้าง
“ตึกนี้คือวังเก่าชื่อปาลาซโซ เวคคิโอ ของขุนนางตระกูลเมดิซี เธอดูยอดปราสาทสิ มีสิงโตเกาะอยู่ มีตัวหนังสืออยู่ที่กลางตัวสิงโตนั่นคือสัญลักษณ์ประจำเมืองของฟลอเรนซ์”
ชานนท์ชี้ชวนให้เอรินแหงนมองยอดปราสาท หญิงสาวได้แต่หรี่ตาสู้แสงมองขึ้นไปยังจุดนั้น จนชานนท์อดสงสารไม่ได้ต้องยกมือขึ้นป้องแสงให้ เอรินถึงกับมองมือนั้นอย่างอึ้งๆในความใส่ใจของเขา
“ขอบคุณค่ะ คุณใจดีจัง” สองมือน้อยจับเบาๆบนฝ่ามือใหญ่ที่เฝ้ากันแสงให้ พร้อมกับหลบสายตาเฉไปถามถึงรูปปั้นที่อยู่รายล้อมรอบตึก
“ก็ฉันเป็นแฟนเธอนี่ แฟนกันต้องเป็นห่วงเป็นใยดูแลกันใช่มั๊ย”
สายตากรุ้มกริ่มที่มองมาของชานนท์ทำเอาเอรินขัดเขินจนต้องเดินหนีไปยังรูปปั้นเดวิดที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าตัวตึก แต่แล้วหล่อนก็ยิ่งต้องเขินหนักกว่าเก่า
“ชอบแอบดูหนุ่มๆเปลื้องผ้าก็ไม่บอก รีบเดินมาดูเชียว อันนี้เดวิดตัวปลอม ตัวจริงเค้าอยู่ในหอศิลป์อัคคาเดเมียโน่น”
เสียงแซวอย่างขำขันจากทางด้านหลังทำให้เอรินถึงกับหน้าแดงแจ๋กับรูปปั้นเดวิด และอีกหลากหลายที่รายล้อมอยู่ล้วนเป็นร่างเปลือยเปล่าตามแบบฉบับโบราณ
“เปล่าซักหน่อย คุณก็..อย่างนี้คนก็แอบดูกันหมดแล้วสิ เค้าออกจะโชว์ตัวกันซะขนาดนี้ ทั้งเดวิดเอย เฮอร์คิวลิสเอย ไหนจะเพอร์ซิอุสที่กำลังชูศรีษะเมดูซาที่ถูกตัดอยู่อีก โป๊ๆทั้งนั้น” เอรินยู่ปากยักคิ้วให้ชานนท์อย่างกวนประสาท จนชายหนุ่มอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“รู้ดีจริงนะ ชอบรึไงพวกตำนานน่ะ ไปทางโน้นกันดีกว่ามีพิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี่ เดินลัดไปจะทะลุกับแม่น้ำอาร์โนได้”
ชานนท์คว้ามือเอรินมากุมไว้โดยไม่ทันที่หญิงสาวจะตั้งตัว เอรินถึงกับตัวปลิวไปตามแรงดึงของชายหนุ่มอย่างเขินอายเมื่อมองมือที่กำลังสัมผัสกัน
************************************************
“ทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะ เอริน ไหนว่าอยากเที่ยวไง” ชานนท์ถามสิ่งที่กังขาทันทีที่นั่งกันเป็นส่วนตัวอยู่ภายในมุมหนึ่งของคาเฟเทอเรียริมแม่น้ำอาร์โน
“ฉันหิวค่ะ แล้วอีกอย่างค่าเข้าแพงจัง คนรอคิวก็เยอะไม่เอาไม่เข้าดีกว่า” ทันทีที่เห็นพาสต้าเย็นจานใหญ่ของหล่อนและริซอตโต้จานใหญ่ของชานนท์มาวางอยู่ตรงหน้า เอรินถึงกับตาโตรีบตะครุบจนชานนท์ถึงกับหัวเราะได้อีกครั้ง
“ใจเย็นๆ สาวน้อย เธอหิวขนาดนี้เลยเหรอ แฟนวันเดียวอย่างฉันนี่แย่จังเลยนะ ทำเธอหิวจนตาลายขนาดนี้ได้ยังไง” น้ำเสียงหยอกล้อเป็นกันเองของชานนท์ทำเอาเอรินยิ้มหวานอย่างเขินนิดๆ
“แล้วริซอตโต้อะไรเนี่ย อร่อยมั๊ย” ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยคำถามของสาวน้อยทำเอาชานนท์ต้องก้มมองในจานอาหารของตัวเอง ก่อนจะตักยื่นไปตรงหน้าหญิงสาว เอรินถึงกับอึ้ง
“อะ..อะไร คุณ” เอรินมองริซอตโต้พูนช้อนที่ยื่นมาตรงหน้าอย่างงงๆ กลิ่นหอมของมันทำเอาหล่อนท้องร้องขึ้นมาอีกจนได้
“ก็ให้ชิมไง แฟนกันก็ต้องป้อนอาหารให้กันเป็นเรื่องปกติ หรือเธอไม่เคยมีแฟน” น้ำเสียงขำขันของชานนท์ทำเอาเอรินหมั่นไส้รีบงับริซอตโต้คำนั้นมาเคี้ยวตุ้ยๆอย่างหมั่นเขี้ยวชานนท์
“กินเลอะเทอะยังกับเด็กเลยนะ ยัยกุหลาบชมพู”
ชานนท์เอื้อมเอาทิสชูมาเช็ดมุมปากบางอย่างเบามือ เอรินถึงกับตะลึงกับสัมผัสของเขาจนหน้าแดง ก้มหน้าก้มตากับพาสต้าเย็นตรงหน้าไม่สนใจชายหนุ่มอีก
“ดีแล้วรีบกิน เสร็จแล้วจะได้ไปขึ้นสะพานเวคคิโอกัน รู้มั๊ยนี่เป็นสะพานเก่าสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่รอดจากการถูกระเบิดทำลายเชียวนะ” คำบอกเล่าของชานนท์ทำเอาเอรินละจากจานพาสต้าตรงหน้าขึ้นมาฟังอย่างสนอกสนใจ
“คุณ... แล้วเราไปเที่ยวฝั่งโน้นด้วยนะ เค้าว่าขึ้นเนินเขาไปตรงโน้นจะเห็นวิวฟลอเรนซ์ทั้งเมืองที่มีดูโอโมตั้งโดดเด่นด้วยล่ะ” ยัยกุหลาบชมพูกลับมาเจื้อยแจ้วได้อีกครั้งอย่างนึกลืมเรื่องเมื่อครู่ไปเสียสนิท ชานนท์ได้แต่มองริมฝีปากสาวน้อยอยู่จนลืมตัว
“นึกว่าจะเอาแต่กิน ไม่สนใจเที่ยวซะแล้ว”
ชานนท์เอ่ยกลั้วหัวเราะ จนเอรินนึกได้ว่าเพิ่งจะงอนชายหนุ่มตรงหน้าไปเมื่อครู่ จึงได้แต่ค้อนก้มหน้าก้มตากับจานอาหารต่อไปพร้อมเสียงคำรามเบาๆอย่างฝากไว้ก่อน
“ฮึ..ฝากไว้ก่อนเถอะ”
*****************************************
ชานนท์และเอรินกลับมาถึงยังโรงแรมก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว สีหน้าเหนื่อยอ่อนของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มอดสงสารไม่ได้ที่ชวนหล่อนเดินเสียทั่วเมือง
“เหนื่อยแล้วใช่มั๊ย คืนนี้สั่งอาหารขึ้นมากินบนห้องดีกว่า เธอจะได้ไม่เหนื่อยกว่านี้” น้ำเสียงอ่อนโยนเจือความเป็นห่วงทำเอาหญิงสาวปรายตามามองอย่างนึกขอบคุณแต่ก็ยังไม่วายแย้ง
“ไม่เอาค่ะ แพง ไปหาทานแถวคาเฟ่เล็กๆดีกว่า”
“ไม่ต้องเลย ไปอาบน้ำซะก่อน เดี๋ยวฉันสั่งขึ้นมาห้ามขัดด้วย ฉันยอมเป็นแฟนเธอมาทั้งวันแล้วนะ” ชานนท์คว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ที่วางไว้ปลายเตียงมายัดใส่มือหญิงสาวก่อนจะดันหลังหล่อนเบาๆให้เข้าห้องน้ำไป แล้วจึงโทรศัพท์ไปสั่งอาหารอย่างที่คิด
เสียงฮัมเพลงเบาๆดังเล็ดลอดออกมาจากในห้องน้ำ ชานนท์ถึงกับอมยิ้มออกมาอย่างนึกขำไม่น้อย นี่ยัยกุหลาบชมพูของเขาคงอารมณ์ดีน่าดูหลังจากอาบน้ำจนสดชื่น ชายหนุ่มเหลือบมองเตียงนอนหลังใหญ่ก่อนจะขับไล่ความคิดชั่วร้ายที่โผล่แวบเข้ามาในสมอง
“บ้า..คิดอะไร ยัยนั่นก็แค่..เด็ก”
**********************************************
เอรินถึงกับเบิกตากว้างกับอาหารมากมายที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า ชานนท์นั่งอมยิ้มอยู่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะอย่างภูมิใจ ในที่สุดเขาก็ได้ทานอาหารมื้อพิเศษของฟลอเรนซ์เสียทีโดยที่ยัยกุหลาบชมพูไม่ทันได้ขัดใจเช่นเคย
“โห..คุณจะกินให้โรงแรมเค้ารวยเลยรึไง” เอรินมองอาหารตรงหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ สายตาจับจ้องมองเลยไปยังกุหลาบสีชมพูช่อโตที่ถูกจัดอย่างสวยงามอยู่ในแจกันโบราณใบสวยตรงหน้าไม่วางตา
“นั่นสำหรับเธอ” ชานนท์มองตามสายตาของสาวน้อยไปยังช่อกุหลาบที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางโต๊ะอย่างภูมิใจ
“ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ค่ะ มันเกินกำลังฉัน ฉันรู้สึกว่ากำลังเอาเปรียบคุณ” เอรินมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างนึกขอบคุณแต่ก็ยังไม่วายอดคิดเรื่องนี้อย่างอดใจไม่ได้
“ยังไม่หมดคืนเลย เธอยังเป็นแฟนฉันอยู่นะเอริน แค่นี้สำหรับแฟนไม่มากเกินไปหรอก” ชานนท์รินไวน์ขาวสำหรับสองแก้วแล้วยื่นแก้วหนึ่งมาให้เอริน
“นี่คือมอนติคาร์โล ไวน์ขาวที่โด่งดังที่สุดของแคว้นทัสคานี เธอลองชิมดูสิ”
เอรินมองแก้วไวน์ที่ถูกรินวางไว้ตรงหน้า หญิงสาวยกขึ้นมาจิบเล็กน้อยด้วยความอยากรู้ แล้วถึงกับต้องเบ้หน้าเพราะรสแอลกอฮอล์ที่หล่อนมักจะไม่คุ้นกับมันนัก
“ขม เฝื่อนคอ ทำไมคนถึงชอบไวน์ก็ไม่รู้”เอรินพึมพำกับตนเองเบาๆ แต่ก็ยกขึ้นจิบซ้ำสองจนหมดแก้ว
“เอริน ค่อยๆจิบ เดี๋ยวเธอจะเมานะ” ชานนท์รีบร้องห้ามเสียงหลงก่อนจะชวนหล่อนทานอาหาร
“ลองสเต็กทีโบน ฟิออเร็นติน่าสิ ที่นี่ขึ้นชื่อมากเลยนะ”
ชานนท์บรรจงตัดแบ่งเนื้อสเต็กในจานให้เอรินอย่างตั้งอกตั้งใจ เอรินได้แต่มองการกระทำอ่อนโยนของแฟนคืนเดียวของตนอย่างนึกขอบคุณ
“ขอบคุณนะคะ คุณลุง” เอรินเอ่ยเบาๆแต่ยังไม่วายล้อเลียนเขา จนชานนท์วางช้อนส้อมลงแล้วลุกขึ้นเดินมายังหล่อนทันที
“อะ..อะไร ฉันทำอะไรผิดอีกเหรอคะ”
เอรินหน้าเสียเพราะคำพูดล้อเลียนทำให้สีหน้าชายหนุ่มเปลี่ยนไปจนหล่อนรู้สึกตกใจไม่น้อย ชานนท์เดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้แล้วโน้มตัวลงตรงหน้าฉกฉวยจูบบางเบาที่ริมฝีปากสาวน้อยทันที
“คะ..คุณ!!” เอรินถึงกับพูดไม่ออก หญิงสาวถึงกับอึ้งมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึง
“คำก็คุณลุง สองคำก็คุณลุง อย่างนี้ต้องโดนทำโทษแล้วรู้มั๊ย” ว่าแล้วชานนท์ก็โน้มจูบเบาๆที่กลีบปากบางอีกครั้ง ครั้งนี้ล้ำลึกจนเอรินถึงกับตัวสั่นอย่างตกใจ
“เต้นรำกันดีกว่า มาเถอะ”
ชานนท์จูงเอรินให้ลุกตามมากลางระเบียงกว้างพร้อมทั้งก้าวเท้านำเอรินให้เต้นตามอย่างเชื่องช้า เอรินเต้นตามอย่างงกเงิ่นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเคลิ้มตามสายตาอ่อนโยนของชายหนุ่มที่มองมา ชานนท์ยังคงคลอเคลียอยู่แถวริมฝีปากบางอย่างไม่รู้เบื่อ ไม่มีเสียงเพลงใดๆ มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นตึกตักระหว่างคนสองคนที่บรรเลงขับขานเป็นจังหวะทำนองเดียวกัน
บนเครื่องบินที่ออกเดินทางจากกรุงโรมมุ่งหน้าสู่ประเทศไทย เอรินนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย มือน้อยกำผ้าพันคอสีชมพูผืนสวยที่ได้รับจากชานนท์เมื่อครู่ก่อนที่จะแยกจากกัน ของขวัญจากแฟนคืนเดียวที่หล่อนหลงรักเขาเข้าเต็มเปา น้ำตาคลอหยดลงบนกำไลหนังถักที่ชานนท์สวมให้เมื่อครู่เย็นชื้นจนเอรินต้องลูบมันออกจากกำไลหนังอย่างเบามือ
‘ถ้าคุณรั้งฉันไว้สักนิด ฉันคงจะไปลอนดอนกับคุณแล้ว’ เอรินสะอื้นเบาๆอย่างเศร้าใจ
‘ลาก่อนนะคุณลุง...ลาก่อนแฟนคืนเดียวของฉัน ลาก่อนความรักของฉัน’
ขณะเดียวกันชานนท์อยู่บนเครื่องบินอีกลำหนึ่งที่มุ่งหน้าจากกรุงโรมไปยังประเทศอังกฤษ ชายหนุ่มนั่งมองหุ่นชักรูปตุ๊กตาพินอคคิโอในชุดแดงเขียวที่เอรินให้ไว้ก่อนจากกัน
พินอคคิโอ...ของที่ระลึกประจำเมืองฟลอเรนซ์ที่ขายเกลื่อนอยู่เต็มเมือง เขาเคยแต่มองผ่านอย่างไม่สนใจใดๆ ตอนนี้มันกลับเป็นเหมือนสายใยบางๆที่ผูกพันเขาไว้กับสาวน้อยกุหลาบชมพูทที่เพิ่งจากกันเมื่อครู่ นึกเสียใจไม่น้อยที่ไม่รั้งหล่อนไว้อย่างที่ใจคิด แต่เขามีภารกิจที่ต้องทำให้ลุล่วงมากกว่าที่หัวใจต้องการ เขาได้แต่หวังว่าสักวันจะได้พบกับเอริน...สาวน้อยที่ทำให้โลกของเขากลับมาสว่างไสวอีกครั้ง...
“รอก่อนนะ...แล้วฉันจะไปตามหาเธอที่เมืองไทย..ยัยกุหลาบสีชมพูของฉัน”
"เธอทำให้ฉันกลับมาหัวใจเต้นแรงอีกครั้งได้ยังไงกันนะ...เอริน"
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ^^
เพิ่งแต่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองค่ะ
เรื่องแรกกำลังส่่งสำนักพิมพ์ให้พิจารณาอยู่ค่ะ
ไม่รู้จะมีหวังรึเปล่า
เลยขอลงเรื่องนี้ก่อนนะคะ
ที่จริงเป็นเรื่องต่อกันกับเรื่องแรกที่มีมินตรากับอธิปเป็นคู่เอกค่ะ
เพียงแต่เปลี่ยนจากคู่รองเรื่องแรก มาเป็นพระนางเรื่องนี้แทน
ขอฝากด้วยนะคะ
จะมีลงนิยายผีอีกเรื่องด้วยค่ะ
แต่งเป็นเรื่องที่สามลงในพันทิปอยู่ค่ะ
เป็นเรื่องสั้นจบในตอน
ขอบคุณมากๆค่ะ ^^
ชานนท์และเอรินใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการเยี่ยมชมยอดดูโอโม หอระฆัง และความวิจิตรงดงามภายในมหาวิหาร เอรินถึงกับหอบแฮ่กทันทีที่ลงมาจากยอดโดม ชานนท์ได้แต่มองมือที่ชื้นเหงื่อของหล่อนที่คอยเกาะแขนเขาไว้แน่นอย่างใช้เป็นหลักยึดให้ทรงตัวอยู่
“นี่ เมื่อไหร่จะหยุดแต๊ะอั๋งฉันซะที” คำถามของชายหนุ่มทำเอาเอรินที่ลืมตัวคว้าแขนเขาไว้นานสองนานต้องรีบปล่อยมือออกจากการเกาะกุมแทบจะทันที
“กะ..ก็ฉันเหนื่อยนี่นา ว่าแต่เราไปไหนต่อดีคุณ” หญิงสาวกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
“กลับเถอะค่อยไปต่อพรุ่งนี้ ดูท่าเธอจะเหนื่อย”
ชานนท์หันหลับกลับจะเดินไปยังถนนด้านขวาซึ่งเป็นทางเดินกลับโรงแรม เอรินถึงกับหน้าจ๋อยไป ก่อนจะต้องตาลุกวาวเพราะถูกใจร้านเบเกอรีเล็กๆตรงหน้า
“คุณคะ ฉันอยากซื้อขนมหน่อยค่ะ น่าทานจังเลยมาการองสีหว๊านหวาน ต้องอร่อยแน่ๆเลย”
ทันทีที่พูดจบเอรินก็หายไปจากตรงจุดที่ยืนอยู่ทันที ชานนท์ได้แต่มองตามหลังหญิงสาวอย่างใช้ความคิด ก่อนที่จะรู้สึกตัวเมื่อเอรินเดินยิ้มหวานอย่างถูกใจของในมือกลับมาพร้อมกับกาแฟหนึ่งกระป๋องและมาการองกล่องเล็กหนึ่งกล่อง
“อ้ะ.. กาแฟของคุณฉันซื้อให้ คุณจิบไปเดินไปใจเย็นๆนะ เราไปทางโน้นกันเถอะ เดินเล่นกันนะ ตรงโน้นมีมายากลด้วย ฉันอยากเห็นเมืองเก่าของฟลอเรนซ์ตอนค่ำน่ะว่าสวยขนาดไหน”
เอรินดึงชายเสื้อชายหนุ่มไว้ได้ทันด้วยสีหน้าเว้าวอนจนชานนท์ถึงกับใจอ่อนรับสินบนมาจิบอย่างนับหนึ่งถึงสิบ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอีกครั้งแต่ก็ยอมเดินตามยัยกุหลาบสีชมพูตรงหน้าเขาไปอย่างไม่เกี่ยงงอน ถึงแม้วัยจะต่างกันถึงสิบปี แต่ชานนท์ก็สามารถยิ้มหัวเราะออกมาได้อีกครั้งยามได้ไปไหนมาไหนกับเอริน..สาวน้อยร่าเริงที่เด็กกว่าเขาถึงสิบปี
**********************************************
ดึกดื่นค่อนคืนอันสับสนวุ่นวายใจของทั้งเอรินและชานนท์ สายใยบางๆที่ก่อเกิดภายในใจโดยไม่รู้ตัวทำให้ชานนท์รู้สึกแปลกๆกับเอรินไม่น้อย จนต้องรักษาระยะห่างจากหล่อน ชายหนุ่มไม่พูดไม่จาจนเอรินที่หาวหวอดๆต้องถามออกมาอย่างเกร็งๆ
“คุณ..คืนนี้เรานอนกันยังไงดีล่ะ”
สาวน้อยในชุดนอนเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนยืนกอดหมอนข้างอยู่ข้างเตียงนอนหลังใหญ่ ท่าทางนุ่มสบายของมันเอรินได้แต่มองตาละห้อยอยากจะทิ้งตัวลงนอนเต็มแก่
“นอนกันยังไง หมายความว่าไง” ชานนท์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยกางเกงนอนขายาวตัวเดียวพร้อมทั้งผ้าขนหนูกำลังเช็ดผมที่เปียกหลังจากการสระและอาบน้ำเสร็จ
“คุ๊ณ...แต่งตัวให้เรียบร้อยสิ..น่าเกลียด” เอรินรีบหันหนีแทบไม่ทันทันทีที่เหลือบไปเห็นแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของชายหนุ่ม หล่อนถึงกับหน้าแดงแจ๋โดยไม่รู้ตัว
“อายอะไร ฉันไม่ได้พิศวาสเธอซะหน่อย เธอนอนฝั่งโน้นเลย เดี๋ยวฉันนอนฝั่งนี้ แล้วก็อย่าบอกให้ฉันไปนอนโซฟานะ นี่ไม่ใช่ในหนังและฉันก็ไม่ใช่พระเอก เข้าใจมั๊ย”
น้ำเสียงยิ้มเยาะอย่างเป็นต่อของชานนท์ที่รู้อยู่ว่าหล่อนเกร็งและหวาดหวั่นอยู่ลึกๆ ทำให้เอรินต้องยู่ปากพึมพำขมุบขมิบก่อนจะล้มตัวลงนอนริมสุดของเตียงจนแทบจะตก ชานนท์ที่เห็นกิริยาของหญิงสาวก็อยากจะแกล้งเลยรีบขึ้นไปบนเตียงแล้วดึงตัวเอรินให้หันมา
“อยะ..อย่าน๊า คุณจะทำอะไรฉัน!!” เอรินเผลอลุกโวยวายเสียงดังลั่นอย่างตกใจ ชานนท์รีบดึงหล่อนให้ลงนอนข้างกันอย่างนึกขัน
“อย่า..คุณเป็นสุภาพบุรุษ..ฉันรู้น๊า”
เอรินทำใจดีสู้เสือทั้งที่น้ำเสียงสั่นเครืออย่างหวาดหวั่น นี่หล่อนเอาตัวเข้ามาอยู่ในสถานการณ์น่ากลัวกับอดีตเพลย์บอยอย่างชานนท์หรืออย่างไรกันนะ
“อย่าอะไร ใครจะทำอะไรเธอ บ้ารึเปล่าเนี่ย นอนได้แล้ว ฉันกลัวว่าเธอจะตกเตียงเห็นนอนซะริมเชียว มานอนกลางๆหน่อยเดี๋ยวตก”
เอรินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันทีที่ชานนท์ผละออกห่างแล้วนอนยังอีกฝั่งของเตียง หญิงสาวรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนมิดคอโผล่ให้เห็นแต่เพียงใบหน้าขาวนวลเท่านั้น ชานนท์เหล่มองอย่างนึกขำ
“ขอบคุณนะ” เสียงพึมพำในความมืดดังขึ้นหลังจากชานนท์ปิดไฟหัวเตียง ชายหนุ่มถึงกับยิ้มนิดๆ
“นอนเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปเที่ยว” เสียงที่ดังเบาๆตอบกลับมา เอรินถึงกับยิ้มออกมาได้
“ค่ะ ฉันจะนอนแล้ว ค่อยเจอกันในฝันนะ” เอรินตอบออกไปทั้งที่เขินอายหน้าแดงแจ๋ในความมืด ชานนท์ถึงกับหัวเราะหึๆออกมาอย่างรู้สึกดีกับหล่อนขึ้นมาก
ตลอดค่ำคืนที่แสนจะตื่นเต้นของเอริน ท่ามกลางความมืดสลัวที่มีเพียงแสงไฟจากถนนเล็ดลอดเข้ามา เอรินซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของชานนท์อย่างอบอุ่นโดยไม่รู้ตัว ทั้งสองอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันตราบกระทั่งเช้าวันใหม่...
*****************************************
เอรินนั่งก้มหน้างุดหลบสายตายิ้มแกมขำขันของชานนท์ที่มองมายังหล่อน หญิงสาวแก้เก้อด้วยการหยิบคอร์เนตโตไส้แยมชิ้นใหญ่มากัดกินพร้อมทั้งคนช็อกโกแลตร้อนแก้วโตไปมาอย่างขัดเขินสายตาเขา
ชานนท์จิบกาแฟรสเข้มอย่างอารมณ์ดี เมื่อนึกถึงเช้านี้ที่ตื่นขึ้นมาพบสาวน้อยนอนหลับใหลกอดเอวเขาไว้แน่นพร้อมทั้งซุกตัวอยู่ในอ้อมกอด สัญชาติญาณภายในกายก็ถูกปลุกขึ้นจนแทบจะทนไม่ไหวต้องลุกออกมาวิ่งที่ริมระเบียงให้เหงื่อตกเล่นดับอารมณ์ดิบภายในจิตใจ แต่หล่อนก็ยังไม่แม้แต่จะรู้ตัวสักนิด
“คุณ...วันนี้จะพาฉันไปเที่ยวไหนเหรอ”
เอรินเคี้ยวตุ้ยๆแต่ก็ยังไม่วายถามด้วยความอยากรู้ทันทีที่เห็นชานนท์เอากล้องตัวใหญ่จากในกระเป๋าสะพายมาเช็คและทำความสะอาดอย่างขะมักเขม้น
“เดินเที่ยวดูเปียซซ่าในเมืองก็แล้วกัน”
ชานนท์ตอบอย่างไม่ใส่ใจทั้งที่คิดแผนการเที่ยวอย่างนึกสนุกไว้แล้ว ด้วยความรู้สึกราวได้กลับมาเป็นหนุ่มน้อยอีกครั้ง ชายหนุ่มได้แต่ทำนิ่งกลบความแปลกประหลาดในจิตใจ
“ก็ดีเนอะ บ้านเมืองที่นี่สวยมากๆเลย คุณถ่ายรูปให้ฉันด้วยนะ ถ่ายเยอะๆเลยฉันอยากเก็บรูปเราไว้เป็นที่ระลึกค่ะ” ดวงตาแป๋วแหววน้ำเสียงร่าเริงของสาวน้อย ชานนท์ได้แต่มองอย่างเพลินเพลิน
“มากับฉันไม่เห็นมีอะไรน่าจดจำ ทำไมต้องเอาไว้เป็นที่ระลึกด้วย” ชานนท์จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตแสนสวยนั้นด้วยความอยากรู้
“ทำไมจะไม่น่าจดจำ นี่เป็นสองวันที่มีค่าที่สุดของฉันเลยนะ ฉันดีใจมากเลยค่ะที่ได้มาฟลอเรนซ์กับคุณถึงจะแค่สองวันก็ตาม” น้ำเสียงเศร้าสร้อยและแววตาหมองหม่นที่ฉายออกมาชั่วครู่ของเอริน ทำเอาชานนท์ถึงกับอึ้งไป
“งั้นเรามาทำวันนี้ให้เป็นวันที่น่าจดจำของเราดีกว่า เธออยากได้อะไร วันนี้ฉันจะตามใจเธอทุกอย่าง” คำถามที่สร้างความประหลาดใจให้สาวน้อยอย่างเอริน ทำให้หล่อนถึงกับจ้องชายหนุ่มตรงหน้าอย่างนิ่งงัน สมองประมวลผลคำพูดของเขาแทบจะไม่ทัน
“ทำไมวันนี้คุณใจดีจังคะ แน่ใจเหรอว่าถ้าฉันอยากได้อะไรคุณจะตามใจน่ะ” เอรินถามกลับด้วยแววตาตื่นเต้นแต่ยังไว้เชิงเล็กน้อยด้วยกลัวว่าจะเสียฟอร์มถ้าหากเขาพูดเล่น
“แน่ใจสิ” น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวตอบรับจากชานนท์ทำให้เอรินรวบรวมกำลังใจตัดสินใจบอกออกไป
“งั้น...ฉันขอเป็นแฟนคุณวันนึงนะ แค่วันนี้ก็พอแล้วฉันจะไม่ขออะไรอีกเลยค่ะ”
“อะไรนะ” ชานนท์ถึงกับอึ้งไปอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูตนเองจนเอรินถึงกับหน้าจ๋อยนึกรู้ว่าเขาคงปฏิเสธเป็นแน่
“ฉันรู้...คุณไม่ยอมเป็นแฟนฉันหรอก ฉันเข้าใจค่ะว่าแม้แต่วันเดียวฉันก็ไม่มีสิทธิ์” เอรินรีบผลุนผลันลุกขึ้นทันทีเพื่อจะไปให้พ้นจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด แต่แล้วชานนท์ก็คว้ามือน้อยนุ่มนิ่มของสาวน้อยที่กำลังจะเดินคอตกผ่านเขาไปไว้แน่น
“เอาสิ...แค่วันนี้นะ”
**********************************************
ตึกรามบ้านช่องสองข้างทางในฟลอเรนซ์เต็มไปด้วยร้านรวงที่แสดงสินค้าผ่านทางหน้าต่างกระจกทรงโค้งโบราณสไตล์นีโอโกธิค ดูสวยงามตื่นตาตื่นใจจนเอรินต้องแวะเสียเกือบทุกจุดที่เดินผ่าน ชานนท์เดินตามแฟนวันเดียวของเขาไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เหลือเวลาอีกเพียงคืนเดียวที่เขาจะต้องกลับไปใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็น บางทีคงถึงเวลาที่เขาควรจะปลดปล่อยตัวเองจากชีวิตที่หนักอึ้งเสียบ้าง
“จะแวะอีกนานมั๊ย สาวน้อย”
ชานนท์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าเอรินแล้วมองผ่านกระจกด้านในเข้าไป เอรินที่กำลังเพลิดเพลินเหลียวมองชายหนุ่มอย่างไม่ทันระวังตัวทำให้จมูกงอนเฉียดใกล้แก้มของชานนท์ จนหล่อนถึงกับสะดุ้ง
“คุ๊ณ เอาอีกแล้วนะ ทำไมต้องใกล้ขนาดนี้ด้วย” เอรินเอะอะโวยวายไม่จริงจังนัก ชานนท์ถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ
“กลัวอะไร ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ” สีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ของชานนท์ ทำเอาเอรินต้องหรี่ตามองอย่างครุ่นคิด
“มันสมจริงเกินไป เดี๋ยวฉันคิดมาก” หญิงสาวหลบสายตาก่อนเดินนำไปตามทางเดิน แต่แล้วชานนท์ก็เรียกหล่อนเอาไว้เสียก่อน
“ด้านซ้ายคือจัตุรัสซินญอเรีย จะแวะมั๊ย”
เอรินมองตามสายตาของชายหนุ่มไปจึงเจอเข้ากับลานกว้างที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง บริเวณลานน้ำพุกลางแจ้งมีรูปปั้นเทพเจ้าเนปจูน เทพแห่งท้องทะเลตั้งเด่นอยู่ สวยงามจนเอรินหยุดยืนมองดูอย่างสนใจ
“คนเยอะจังเลยค่ะ เราเดินเข้าไปดูกันนะ” เอรินจูงมือชานนท์ให้เดินตามหล่อนไปยังบริเวณลานกว้าง
“ตึกนี้คือวังเก่าชื่อปาลาซโซ เวคคิโอ ของขุนนางตระกูลเมดิซี เธอดูยอดปราสาทสิ มีสิงโตเกาะอยู่ มีตัวหนังสืออยู่ที่กลางตัวสิงโตนั่นคือสัญลักษณ์ประจำเมืองของฟลอเรนซ์”
ชานนท์ชี้ชวนให้เอรินแหงนมองยอดปราสาท หญิงสาวได้แต่หรี่ตาสู้แสงมองขึ้นไปยังจุดนั้น จนชานนท์อดสงสารไม่ได้ต้องยกมือขึ้นป้องแสงให้ เอรินถึงกับมองมือนั้นอย่างอึ้งๆในความใส่ใจของเขา
“ขอบคุณค่ะ คุณใจดีจัง” สองมือน้อยจับเบาๆบนฝ่ามือใหญ่ที่เฝ้ากันแสงให้ พร้อมกับหลบสายตาเฉไปถามถึงรูปปั้นที่อยู่รายล้อมรอบตึก
“ก็ฉันเป็นแฟนเธอนี่ แฟนกันต้องเป็นห่วงเป็นใยดูแลกันใช่มั๊ย”
สายตากรุ้มกริ่มที่มองมาของชานนท์ทำเอาเอรินขัดเขินจนต้องเดินหนีไปยังรูปปั้นเดวิดที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าตัวตึก แต่แล้วหล่อนก็ยิ่งต้องเขินหนักกว่าเก่า
“ชอบแอบดูหนุ่มๆเปลื้องผ้าก็ไม่บอก รีบเดินมาดูเชียว อันนี้เดวิดตัวปลอม ตัวจริงเค้าอยู่ในหอศิลป์อัคคาเดเมียโน่น”
เสียงแซวอย่างขำขันจากทางด้านหลังทำให้เอรินถึงกับหน้าแดงแจ๋กับรูปปั้นเดวิด และอีกหลากหลายที่รายล้อมอยู่ล้วนเป็นร่างเปลือยเปล่าตามแบบฉบับโบราณ
“เปล่าซักหน่อย คุณก็..อย่างนี้คนก็แอบดูกันหมดแล้วสิ เค้าออกจะโชว์ตัวกันซะขนาดนี้ ทั้งเดวิดเอย เฮอร์คิวลิสเอย ไหนจะเพอร์ซิอุสที่กำลังชูศรีษะเมดูซาที่ถูกตัดอยู่อีก โป๊ๆทั้งนั้น” เอรินยู่ปากยักคิ้วให้ชานนท์อย่างกวนประสาท จนชายหนุ่มอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“รู้ดีจริงนะ ชอบรึไงพวกตำนานน่ะ ไปทางโน้นกันดีกว่ามีพิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี่ เดินลัดไปจะทะลุกับแม่น้ำอาร์โนได้”
ชานนท์คว้ามือเอรินมากุมไว้โดยไม่ทันที่หญิงสาวจะตั้งตัว เอรินถึงกับตัวปลิวไปตามแรงดึงของชายหนุ่มอย่างเขินอายเมื่อมองมือที่กำลังสัมผัสกัน
************************************************
“ทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะ เอริน ไหนว่าอยากเที่ยวไง” ชานนท์ถามสิ่งที่กังขาทันทีที่นั่งกันเป็นส่วนตัวอยู่ภายในมุมหนึ่งของคาเฟเทอเรียริมแม่น้ำอาร์โน
“ฉันหิวค่ะ แล้วอีกอย่างค่าเข้าแพงจัง คนรอคิวก็เยอะไม่เอาไม่เข้าดีกว่า” ทันทีที่เห็นพาสต้าเย็นจานใหญ่ของหล่อนและริซอตโต้จานใหญ่ของชานนท์มาวางอยู่ตรงหน้า เอรินถึงกับตาโตรีบตะครุบจนชานนท์ถึงกับหัวเราะได้อีกครั้ง
“ใจเย็นๆ สาวน้อย เธอหิวขนาดนี้เลยเหรอ แฟนวันเดียวอย่างฉันนี่แย่จังเลยนะ ทำเธอหิวจนตาลายขนาดนี้ได้ยังไง” น้ำเสียงหยอกล้อเป็นกันเองของชานนท์ทำเอาเอรินยิ้มหวานอย่างเขินนิดๆ
“แล้วริซอตโต้อะไรเนี่ย อร่อยมั๊ย” ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยคำถามของสาวน้อยทำเอาชานนท์ต้องก้มมองในจานอาหารของตัวเอง ก่อนจะตักยื่นไปตรงหน้าหญิงสาว เอรินถึงกับอึ้ง
“อะ..อะไร คุณ” เอรินมองริซอตโต้พูนช้อนที่ยื่นมาตรงหน้าอย่างงงๆ กลิ่นหอมของมันทำเอาหล่อนท้องร้องขึ้นมาอีกจนได้
“ก็ให้ชิมไง แฟนกันก็ต้องป้อนอาหารให้กันเป็นเรื่องปกติ หรือเธอไม่เคยมีแฟน” น้ำเสียงขำขันของชานนท์ทำเอาเอรินหมั่นไส้รีบงับริซอตโต้คำนั้นมาเคี้ยวตุ้ยๆอย่างหมั่นเขี้ยวชานนท์
“กินเลอะเทอะยังกับเด็กเลยนะ ยัยกุหลาบชมพู”
ชานนท์เอื้อมเอาทิสชูมาเช็ดมุมปากบางอย่างเบามือ เอรินถึงกับตะลึงกับสัมผัสของเขาจนหน้าแดง ก้มหน้าก้มตากับพาสต้าเย็นตรงหน้าไม่สนใจชายหนุ่มอีก
“ดีแล้วรีบกิน เสร็จแล้วจะได้ไปขึ้นสะพานเวคคิโอกัน รู้มั๊ยนี่เป็นสะพานเก่าสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่รอดจากการถูกระเบิดทำลายเชียวนะ” คำบอกเล่าของชานนท์ทำเอาเอรินละจากจานพาสต้าตรงหน้าขึ้นมาฟังอย่างสนอกสนใจ
“คุณ... แล้วเราไปเที่ยวฝั่งโน้นด้วยนะ เค้าว่าขึ้นเนินเขาไปตรงโน้นจะเห็นวิวฟลอเรนซ์ทั้งเมืองที่มีดูโอโมตั้งโดดเด่นด้วยล่ะ” ยัยกุหลาบชมพูกลับมาเจื้อยแจ้วได้อีกครั้งอย่างนึกลืมเรื่องเมื่อครู่ไปเสียสนิท ชานนท์ได้แต่มองริมฝีปากสาวน้อยอยู่จนลืมตัว
“นึกว่าจะเอาแต่กิน ไม่สนใจเที่ยวซะแล้ว”
ชานนท์เอ่ยกลั้วหัวเราะ จนเอรินนึกได้ว่าเพิ่งจะงอนชายหนุ่มตรงหน้าไปเมื่อครู่ จึงได้แต่ค้อนก้มหน้าก้มตากับจานอาหารต่อไปพร้อมเสียงคำรามเบาๆอย่างฝากไว้ก่อน
“ฮึ..ฝากไว้ก่อนเถอะ”
*****************************************
ชานนท์และเอรินกลับมาถึงยังโรงแรมก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว สีหน้าเหนื่อยอ่อนของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มอดสงสารไม่ได้ที่ชวนหล่อนเดินเสียทั่วเมือง
“เหนื่อยแล้วใช่มั๊ย คืนนี้สั่งอาหารขึ้นมากินบนห้องดีกว่า เธอจะได้ไม่เหนื่อยกว่านี้” น้ำเสียงอ่อนโยนเจือความเป็นห่วงทำเอาหญิงสาวปรายตามามองอย่างนึกขอบคุณแต่ก็ยังไม่วายแย้ง
“ไม่เอาค่ะ แพง ไปหาทานแถวคาเฟ่เล็กๆดีกว่า”
“ไม่ต้องเลย ไปอาบน้ำซะก่อน เดี๋ยวฉันสั่งขึ้นมาห้ามขัดด้วย ฉันยอมเป็นแฟนเธอมาทั้งวันแล้วนะ” ชานนท์คว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ที่วางไว้ปลายเตียงมายัดใส่มือหญิงสาวก่อนจะดันหลังหล่อนเบาๆให้เข้าห้องน้ำไป แล้วจึงโทรศัพท์ไปสั่งอาหารอย่างที่คิด
เสียงฮัมเพลงเบาๆดังเล็ดลอดออกมาจากในห้องน้ำ ชานนท์ถึงกับอมยิ้มออกมาอย่างนึกขำไม่น้อย นี่ยัยกุหลาบชมพูของเขาคงอารมณ์ดีน่าดูหลังจากอาบน้ำจนสดชื่น ชายหนุ่มเหลือบมองเตียงนอนหลังใหญ่ก่อนจะขับไล่ความคิดชั่วร้ายที่โผล่แวบเข้ามาในสมอง
“บ้า..คิดอะไร ยัยนั่นก็แค่..เด็ก”
**********************************************
เอรินถึงกับเบิกตากว้างกับอาหารมากมายที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า ชานนท์นั่งอมยิ้มอยู่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะอย่างภูมิใจ ในที่สุดเขาก็ได้ทานอาหารมื้อพิเศษของฟลอเรนซ์เสียทีโดยที่ยัยกุหลาบชมพูไม่ทันได้ขัดใจเช่นเคย
“โห..คุณจะกินให้โรงแรมเค้ารวยเลยรึไง” เอรินมองอาหารตรงหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ สายตาจับจ้องมองเลยไปยังกุหลาบสีชมพูช่อโตที่ถูกจัดอย่างสวยงามอยู่ในแจกันโบราณใบสวยตรงหน้าไม่วางตา
“นั่นสำหรับเธอ” ชานนท์มองตามสายตาของสาวน้อยไปยังช่อกุหลาบที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางโต๊ะอย่างภูมิใจ
“ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ค่ะ มันเกินกำลังฉัน ฉันรู้สึกว่ากำลังเอาเปรียบคุณ” เอรินมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างนึกขอบคุณแต่ก็ยังไม่วายอดคิดเรื่องนี้อย่างอดใจไม่ได้
“ยังไม่หมดคืนเลย เธอยังเป็นแฟนฉันอยู่นะเอริน แค่นี้สำหรับแฟนไม่มากเกินไปหรอก” ชานนท์รินไวน์ขาวสำหรับสองแก้วแล้วยื่นแก้วหนึ่งมาให้เอริน
“นี่คือมอนติคาร์โล ไวน์ขาวที่โด่งดังที่สุดของแคว้นทัสคานี เธอลองชิมดูสิ”
เอรินมองแก้วไวน์ที่ถูกรินวางไว้ตรงหน้า หญิงสาวยกขึ้นมาจิบเล็กน้อยด้วยความอยากรู้ แล้วถึงกับต้องเบ้หน้าเพราะรสแอลกอฮอล์ที่หล่อนมักจะไม่คุ้นกับมันนัก
“ขม เฝื่อนคอ ทำไมคนถึงชอบไวน์ก็ไม่รู้”เอรินพึมพำกับตนเองเบาๆ แต่ก็ยกขึ้นจิบซ้ำสองจนหมดแก้ว
“เอริน ค่อยๆจิบ เดี๋ยวเธอจะเมานะ” ชานนท์รีบร้องห้ามเสียงหลงก่อนจะชวนหล่อนทานอาหาร
“ลองสเต็กทีโบน ฟิออเร็นติน่าสิ ที่นี่ขึ้นชื่อมากเลยนะ”
ชานนท์บรรจงตัดแบ่งเนื้อสเต็กในจานให้เอรินอย่างตั้งอกตั้งใจ เอรินได้แต่มองการกระทำอ่อนโยนของแฟนคืนเดียวของตนอย่างนึกขอบคุณ
“ขอบคุณนะคะ คุณลุง” เอรินเอ่ยเบาๆแต่ยังไม่วายล้อเลียนเขา จนชานนท์วางช้อนส้อมลงแล้วลุกขึ้นเดินมายังหล่อนทันที
“อะ..อะไร ฉันทำอะไรผิดอีกเหรอคะ”
เอรินหน้าเสียเพราะคำพูดล้อเลียนทำให้สีหน้าชายหนุ่มเปลี่ยนไปจนหล่อนรู้สึกตกใจไม่น้อย ชานนท์เดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้แล้วโน้มตัวลงตรงหน้าฉกฉวยจูบบางเบาที่ริมฝีปากสาวน้อยทันที
“คะ..คุณ!!” เอรินถึงกับพูดไม่ออก หญิงสาวถึงกับอึ้งมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึง
“คำก็คุณลุง สองคำก็คุณลุง อย่างนี้ต้องโดนทำโทษแล้วรู้มั๊ย” ว่าแล้วชานนท์ก็โน้มจูบเบาๆที่กลีบปากบางอีกครั้ง ครั้งนี้ล้ำลึกจนเอรินถึงกับตัวสั่นอย่างตกใจ
“เต้นรำกันดีกว่า มาเถอะ”
ชานนท์จูงเอรินให้ลุกตามมากลางระเบียงกว้างพร้อมทั้งก้าวเท้านำเอรินให้เต้นตามอย่างเชื่องช้า เอรินเต้นตามอย่างงกเงิ่นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเคลิ้มตามสายตาอ่อนโยนของชายหนุ่มที่มองมา ชานนท์ยังคงคลอเคลียอยู่แถวริมฝีปากบางอย่างไม่รู้เบื่อ ไม่มีเสียงเพลงใดๆ มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นตึกตักระหว่างคนสองคนที่บรรเลงขับขานเป็นจังหวะทำนองเดียวกัน
บนเครื่องบินที่ออกเดินทางจากกรุงโรมมุ่งหน้าสู่ประเทศไทย เอรินนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย มือน้อยกำผ้าพันคอสีชมพูผืนสวยที่ได้รับจากชานนท์เมื่อครู่ก่อนที่จะแยกจากกัน ของขวัญจากแฟนคืนเดียวที่หล่อนหลงรักเขาเข้าเต็มเปา น้ำตาคลอหยดลงบนกำไลหนังถักที่ชานนท์สวมให้เมื่อครู่เย็นชื้นจนเอรินต้องลูบมันออกจากกำไลหนังอย่างเบามือ
‘ถ้าคุณรั้งฉันไว้สักนิด ฉันคงจะไปลอนดอนกับคุณแล้ว’ เอรินสะอื้นเบาๆอย่างเศร้าใจ
‘ลาก่อนนะคุณลุง...ลาก่อนแฟนคืนเดียวของฉัน ลาก่อนความรักของฉัน’
ขณะเดียวกันชานนท์อยู่บนเครื่องบินอีกลำหนึ่งที่มุ่งหน้าจากกรุงโรมไปยังประเทศอังกฤษ ชายหนุ่มนั่งมองหุ่นชักรูปตุ๊กตาพินอคคิโอในชุดแดงเขียวที่เอรินให้ไว้ก่อนจากกัน
พินอคคิโอ...ของที่ระลึกประจำเมืองฟลอเรนซ์ที่ขายเกลื่อนอยู่เต็มเมือง เขาเคยแต่มองผ่านอย่างไม่สนใจใดๆ ตอนนี้มันกลับเป็นเหมือนสายใยบางๆที่ผูกพันเขาไว้กับสาวน้อยกุหลาบชมพูทที่เพิ่งจากกันเมื่อครู่ นึกเสียใจไม่น้อยที่ไม่รั้งหล่อนไว้อย่างที่ใจคิด แต่เขามีภารกิจที่ต้องทำให้ลุล่วงมากกว่าที่หัวใจต้องการ เขาได้แต่หวังว่าสักวันจะได้พบกับเอริน...สาวน้อยที่ทำให้โลกของเขากลับมาสว่างไสวอีกครั้ง...
“รอก่อนนะ...แล้วฉันจะไปตามหาเธอที่เมืองไทย..ยัยกุหลาบสีชมพูของฉัน”
"เธอทำให้ฉันกลับมาหัวใจเต้นแรงอีกครั้งได้ยังไงกันนะ...เอริน"
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ^^
เพิ่งแต่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองค่ะ
เรื่องแรกกำลังส่่งสำนักพิมพ์ให้พิจารณาอยู่ค่ะ
ไม่รู้จะมีหวังรึเปล่า
เลยขอลงเรื่องนี้ก่อนนะคะ
ที่จริงเป็นเรื่องต่อกันกับเรื่องแรกที่มีมินตรากับอธิปเป็นคู่เอกค่ะ
เพียงแต่เปลี่ยนจากคู่รองเรื่องแรก มาเป็นพระนางเรื่องนี้แทน
ขอฝากด้วยนะคะ
จะมีลงนิยายผีอีกเรื่องด้วยค่ะ
แต่งเป็นเรื่องที่สามลงในพันทิปอยู่ค่ะ
เป็นเรื่องสั้นจบในตอน
ขอบคุณมากๆค่ะ ^^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ส.ค. 2556, 15:36:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ส.ค. 2556, 15:38:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 1603
<< ตอนที่ 3 : Lover in Firenze...1 | ตอนที่ 5 : ลุ่มหลง..ปรารถนาในรัก >> |