สัญญารัก...ข้ามฟ้า (สนพ ดอกหญ้า 2000)
เอริน..ว่าที่มัคคุเทศก์คนใหม่วัย 25 ปี ที่โชคชะตานำพาให้พบกับใครบางคนที่แดนไกลในครั้งอดีต และต้องจากกันไป
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง


Tags: สัญญารัก...ข้ามฟ้า , รักโรแมนติก , ซึ้งกินใจ

ตอน: ตอนที่ 5 : ลุ่มหลง..ปรารถนาในรัก

ลุ่มหลง...ปรารถนาในรัก


บีเอ็มดับบลิวสีดำสนิทของอธิปแล่นเข้ามาจอดยังคฤหาสน์โบราณย่านชานเมืองกรุงเทพของสิทธิ์..บิดาของสรินและมินตรา ซึ่งชานนท์เคารพราวกับเป็นบิดาของตนเอง

ชานนท์ก้าวลงจากรถมาพร้อมกันกับมินตราโดยมีอธิปที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับตามลงมาทีหลัง ชานนท์หยุดชะงักฝีเท้าอยู่ตรงบันไดหน้าบ้านแล้วแหงนมองสภาพความทรุดโทรมไปตามกาลเวลาของตัวบ้านอย่างเศร้าใจ

“ที่นี่ทรุดโทรมลงไปมากเลยนะมิน พี่จำได้ว่าพี่เคยมาครั้งแรกเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ก่อนที่พี่จะไปอังกฤษ”

ชานนท์พึมพำเบาๆ มองไปรอบบริเวณซึ่งต่างจากเมื่อตอนที่เขาจากไปแทบจะเรียกได้ว่าจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

“ก็พี่นนท์จากไปตั้งยี่สิบปีแล้วนะคะ พี่สรินก็ต้องไปอยู่อังกฤษ บ้านเราก็เลยไม่มีใครดูแลค่ะ แล้วคุณพ่อก็อยู่คนเดียวแต่อีกไม่นานคุณแม่มินจะย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วค่ะ เราเข้าไปหาคุณพ่อกันดีกว่านะคะ..พี่นนท์”

มินตราแตะแขนชานนท์เรียกสติ ชายหนุ่มเหลียวมองดวงหน้าสวยอิ่มเอิบที่เคยรักใคร่อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้าวขึ้นบันไดบ้านไป มินตราหันมามองสามีที่เดินตามอยู่ห่างๆอย่างรู้กาลเทศะและไม่อยากขัดจังหวะการสนทนา อธิปฉีกยิ้มให้มินตราก่อนจะยื่นมือมาจับจูงให้เดินเข้าไปในตัวบ้านด้วยกัน

ทันทีที่เข้ามาภายในตัวบ้าน ชานนท์กลับสัมผัสได้ถึงความครึกครื้นระคนอบอุ่นที่แตกต่างจากภายนอกตัวบ้านอย่างสิ้นเชิง อาจจะเป็นเพราะอาร์ม..เด็กน้อยที่เขารักเสมือนลูกเป็นเหตุ

“คุณตา..ฮื้อ...คุณตา..แกล้ง”

เสียงเด็กน้อยฟ้องลมฟ้องแล้งดังแว่วออกมายังหน้าประตูที่ชานนท์แอบยืนมองอยู่เป็นครู่อย่างเงียบๆ

“ก็คุณตารักอาร์มนี่ลูก”

สิทธิ์ที่นั่งอยู่บนรถเข็นอุ้มเด็กน้อยไว้แน่นไม่ยอมปล่อยลงพื้น อาร์มที่เห็นคุณยายทำกล้วยบวชชีหอมฉุยถึงกับฮึดฮัดขัดใจอยากชิมใจจะขาด อินทิราได้แต่หัวเราะชอบใจพาลตำหนิสิทธิ์เบาๆ

“คุณคะ..ปล่อยหลานเถอะค่ะ แกคงน้ำลายไหลแล้วแหละ ของโปรดซะด้วย..มาอาร์ม มาอ้ำๆ ดีกว่า.. ลูก”

อินทิรายกช้อนที่มีกล้วยบวชชีครึ่งซีกเป่าเบาๆรอหลานน้อยมาชิม เด็กน้อยได้แต่กลืนน้ำลายดังเอื๊อกดิ้นรนไม่หยุด ไม่ไกลกันนัก ภิรณีย์หัวเราะชอบใจกับท่าทางน่ารักของหลานตัวน้อยของพี่ชาย

ภิรณีย์...มารดาของชานนท์ เป็นผู้หญิงที่ดูแลตัวเองดีชนิดที่สาวกว่าวัยโดยแท้ หล่อนเป็นน้องสาวแท้ๆของสิทธิ์ และแต่งงานไปกับสามีชาวเกาหลีซึ่งใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่บ้านเกิดของสามี นานๆจึงจะกลับมาเยี่ยมเมืองไทยสักครั้ง ด้วยท่าทางที่ดูใจดีและหน้าตาที่สวยงามนั้น กลับมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่อาจทำให้ชานนท์เข้าหาอย่างสนิทใจ คล้ายกับมีอะไรบางอย่างที่ปั่นป่วนในความรู้สึกของเขา ซึ่งไม่อาจจะอธิบายได้...

“หรือว่ามาหายายคนนี้ดีลูก..อยากกอดอยากหอมซักฟอดนึงนะเนี่ย เมื่อไหร่อเล็กซ์ของเราจะมีสักคนก็ไม่รู้นะคะคุณพี่”

ภิรณีย์เอ่ยเปรยๆกับสิทธิ์อย่างอารมณ์ดี อาร์มที่กำลังจะวิ่งไปหาช้อนกล้วยบวชชีของคุณยายตัวจริงถึงกับหน้าเสียกับคำชวนเรียกให้หาของคุณยายมาใหม่ เด็กน้อยถึงกับละล้าละลังไปไม่ถูกเลยทีเดียว

“อาม..จา..กิน..ค๊าบ”
เด็กน้อยบอกคุณยายคนใหม่ก่อนจะวิ่งอ้าวมางับช้อนกล้วยบวชชีจนเสียงดังฟันกระทบช้อนเสียงดัง

“โอ๊ย..ค่อยๆก็ได้ลูก ปากพองกันพอดี อาร์มเอ๊ย”
อินทิราเอ่ยอย่างนึกขันพร้อมทั้งขยี้ศรีษะน้อยของหลานชายสุดที่รักอย่างเอ็นดูรักใคร่ ชานนท์ลอบมองอยู่ไม่นานจึงเข้ามาในห้องที่อบอวลไปด้วยความสุข ชายหนุ่มก้าวยาวๆ ผ่านมารดาของตนเข้าไปกราบลงบนตักของสิทธิ์..คุณลุงผู้มีพระคุณล้นพ้นของเขา

“สวัสดีครับคุณลุง...ผมกลับมาแล้วครับ”
ชานนท์แสดงความเคารพสิทธิ์ก่อนแล้วจึงหันมาหามารดาแล้วเข้าไปกอดทักทายแบบเคอะเขินต่อกันเล็กน้อย

“สวัสดีครับคุณแม่..สบายดีนะครับ”
ท่าทีห่างเหินต่อกันของชานนท์และภิรณีย์อยู่ในสายตาของสิทธิ์ที่มองดูอย่างจับสังเกตแทบจะตลอดเวลา ชายชราจึงเอ่ยขัดขึ้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์กร่อย

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ..อเล็กซ์ นั่นป้าอินทิราแม่ของมินเค้าน่ะลูก แล้วก็เจ้าอาร์มกำลังอร่อยอยู่โน่น”

ชานนท์มองตามคำบอกของลุงจนประสบเข้ากับมารดาของมินตราที่มีเค้าเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน ชายหนุ่มไหว้ทำความเคารพอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันไปหาตัวแสบที่เขารักเสมือนลูกและไม่ได้เจอกันมานานนับปี

“ไง..อาร์มลูกลืมแด๊ดรึยัง”

ชานนท์ยิ้มหวานให้เด็กน้อย อาร์มที่กำลังเพลิดเพลินกับการกินกล้วยบวชชีคำแล้วคำเล่าถึงกับปล่อยช้อนลงในถ้วยพลาสติกของตนทันทีที่ได้ยินเสียงเคยคุ้น

“แด๊ดดี้!!”

หนูน้อยโผเข้ากอดคนที่เปรียบเสมือนบิดาที่คอยเลี้ยงดูมาแต่เกิดด้วยความดีใจเป็นล้นพ้นจนสิทธิ์ได้แต่ส่ายหน้ากับความแก่นของหนูน้อย มินตรากับอธิปยืนมองอยู่หน้าประตูเงียบๆไม่เข้ามาขัดจังหวะ ชายหนุ่มกระแอมเบาๆอย่างหมั่นไส้เจ้าลูกตัวน้อย อาร์มได้ยินเสียงกระแอมของบิดาถึงกับเกาหัวแกรกๆ

“แด๊ดดี้..” เด็กน้อยหันมามองบิดาสองคนของตนอย่างงงๆ ก่อนจะเอ่ยแก้เก้อ

“แด๊ดดี้..จ๋องคน คิคิ” เด็กน้อยชูมือเป็นรูปตัววีอย่างขวยเขินก่อนจะไปนั่งกินกล้วยบวชชีต่ออย่างเนียนๆ

“จำไว้เลยนะเจ้าลูกคนนี้ คุณลุงมาลืมพ่อเลยนะอย่างนี้ต้องจับฟัดซะให้เข็ด”

อธิปจ้องลูกน้อยคาดโทษทางสายตาแบบล้อเล่น อาร์มหันมาสบตาแวบหนึ่งแล้วทำปากยื่นไม่ใส่ใจก้มหน้าก้มตากับชามกล้วยบวชชีตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยต่อไป

“โอมนี่ แกล้งลูกเดี๋ยวเถอะนะ” มินตรากระทุ้งเอวสามีเบาๆ

“โอเคๆจ้ะที่รักไม่แกล้งลูกแล้ว แกล้งแม่แทนก็ได้ กลับบ้านไปจะแกล้งจนได้ลูกแฝดเลยก็แล้วกันนะ”

อธิปเกาะเกี่ยวแขนภรรยาที่สะบัดตัวนิดๆอย่างหมั่นไส้พอเป็นพิธีเรียกเสียงหัวเราะกันได้อย่างถ้วนหน้า ชานนท์ได้แต่มองภาพนั้นด้วยสายตาแห่งความปิติยินดี

“ยี้..พูดจาเข้าพกเข้าห่อตัวเองหมด ไม่พูดด้วยแล้ว อาร์มครับเรากลับบ้านเราดีกว่ามั๊ยลูก”

มินตราหันไปแก้เก้อกับลูกน้อยแทนแต่แล้วก็ถึงกับต้องอายม้วนเพราะได้รับคำตอบที่แสนจะเข้าข้างคุณพ่อตัวดี เรียกเสียงหัวเราะได้อีกระลอกจนได้

“อาม..จา..เอา..น้อง เย้ๆๆ”

*******************************************

เอรินยืนปลดปล่อยอารมณ์อยู่บนเทอเรซกว้างของบ้านต้นไม้..วิลล่าหลังใหม่ที่บิดาเจียดเงินลงทุนมาทำเพื่อให้ความฝันของหล่อนเป็นจริง หลังจากได้แบบแปลนบ้านแสนสวยหลังนี้มาจากความอนุเคราะห์ของมินตรา..

บ้านต้นไม้กระจกรอบทิศตั้งอยู่บนเนินเขาทางทิศตะวันออกห่างจากตัวบ้านสวนโฮมสเตย์ที่อยู่เลียบริมทะเลกว้างเกือบแปดสิบเมตร เอรินยืนพิงระเบียงเทอเรซมองเข้าไปภายในตัวบ้านต้นไม้อย่างชื่นชมในความสวยงามลงตัวของมัน

“ฝีมือคุณมินนี่เฉียบขาดไปเลย บวกกับเฟอร์นิเจอร์ที่คุณพ่อหามานี่สุดแสนจะลงตัวเลยนะเนี่ย หรือเราจะเอาไว้อยู่เองดีนะ..เอ..ไม่ได้ๆ โดนพ่อวัดมะเหงกตายแน่ๆถ้าบอกไปว่าจะขอ ฮึ เอาหลังเล็กข้างล่างแทนก็ได้”

เอรินพูดเองเออเองอย่างเสียดาย หญิงสาวก้าวเดินผ่านสะพานปีกไม้แคบที่พาดผ่านระหว่างกิ่งไม้ใหญ่และเนินเขาไล่ระดับอย่างระมัดระวังเข้ามายังตัวบ้านที่เป็นห้องนอนเดี่ยวในตัว เตียงนอนสีขาวสะอาดตาพาให้ล้มตัวลงนอนหลับฝันหวานไปอย่างลืมตัว

แม้แต่ในความฝันเอรินก็ยังคงนึกถึงเขาคนนั้น คนที่เปรียบเสมือนรักแรกที่ลึกซึ้งกินใจหล่อนยิ่งนัก ในความฝันมีหล่อนและชานนท์อยู่ด้วยกันบนเตียงกว้างท่ามกลางแสงสีนวลสะท้อนภาพดูโอโมจากภายนอกหน้าต่างของโรงแรมบรูเนลเลสคีในเมืองฟลอเรนซ์ ชานนท์คร่อมร่างสาวน้อยไว้กว่าครึ่งตัวพร้อมทั้งระดมจูบแผ่วเบาไปทั่วใบหน้านวลใสด้วยอารมณ์กระเจิดกระเจิง อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของไวน์ขาวที่ดื่มเข้าไปเกือบหมดขวดเป็นเหตุให้อารมณ์พาไปทั้งเขาและหล่อนก็เป็นได้

“เธอยังไม่ได้บอกฉันเลยนะ..สาวน้อย” ชานนท์มองสาวน้อยด้วยสายตาฉ่ำพร้อมทั้งปัดปอยผมที่ปรกบังใบหน้านวล

“บะ..บอกอะไรเหรอคะ”
เสียงแผ่วโหยด้วยอารมณ์พาไปของสาวน้อยภายใต้อ้อมกอดของชานนท์ เอ่ยด้วยน้ำเสียงขัดเขินจนชายหนุ่มได้แต่ยิ้มขำ

“ก็ที่เธอบอกว่าชอบฉัน ตกลงจริงหรือไม่จริง เธอบอกว่าจะบอกเมื่อถึงฟลอเรนซ์ไง” ชายหนุ่มยังไม่วายคาดคั้นเอาคำตอบด้วยคำพูดหวานฉ่ำ

“จริงหรือไม่จริง คุณลุงดูไม่ออกเหรอคะ ต้องให้ฉันทำยังไงคุณถึงจะเชื่อว่าฉัน..เอ่อ..ชะ..ชอบคุณจริงๆ” เอรินหลบสายตาคมกล้าที่มองจ้องหล่อนด้วยแววตาคาดคั้นเอาคำตอบอย่างอายๆ

“ฉันอยากได้ยินจากปากเธอ บอกให้ฉันฟังใหม่สิเอริน” ชานนท์จูบไล้พวงแก้มนวลสวยที่ล่อตาล่อใจให้เอรินยิ่งสติกระเจิงกว่าเก่า

“ไม่เอาแล้ว ไม่บอกหรอก ลุกไปเลยคุณลุงเมาแล้วเอาเปรียบกันเกินไปแล้วนะ ฉันจะนอนแล้ว”

เอรินผลักคนที่คร่อมตัวหล่อนหลวมๆให้ผละออกห่างก่อนที่ตนเองจะคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงร่างจนแทบจะมิดคอเลยทีเดียว

“ฉันเมาแล้วจริงๆ...ฉันเมา..หึหึ เมาเธอ”

ชานนท์ที่ผุดขึ้นนั่งบนที่นอนมองดักแด้ในผ้าห่มคลุมอย่างเอ็นดู เมื่อความต้องการพุ่งทะยานขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ไม่เคยเลยที่คู่นอนคนไหนจะปฏิเสธเขา ยกเว้นยัยดักแด้ตัวน้อยที่นอนคลุมโปงอยู่ขณะนี้

“เรา..นอนด้วยกันไม่ได้เหรอ...”

ชานนท์ดึงผ้าห่มเอรินที่พันไว้แน่นหนาอย่างเซ้าซี้ อาจเพราะความเมาทำให้ชายหนุ่มที่เคยสุขุมคิดทำอะไรที่ห่ามๆออกมา โดยที่เอรินภายใต้ผ้านวมผืนหนาถึงกับหน้าแดงซ่านอยากจะใจอ่อนอยู่เหมือนกัน แต่..

“ไม่ได้หรอก..ก็คุณลุงไม่ได้รักฉัน คุณลุงก็แค่เมา อย่าทำอะไรให้เราต่างก็ต้องเสียใจเลยดีกว่านะ ฉันอยากเก็บคุณไว้เป็นความทรงจำที่สวยงาม อย่าให้มันต้องมาแปดเปื้อนเพียงเพราะคุณแค่เมาและไม่คิดจริงจังกับฉันเลยค่ะ”

เสียงสะอื้นบางเบาภายใต้ผ้าห่มผืนหนาทำเอาชานนท์ถึงกับมือไม้อ่อน ปล่อยมือที่กำลังดึงผ้าห่มที่กำลังห่อพันตัวหญิงสาวให้คลายออกในที่สุด

“หึหึ..ขอบใจที่เตือนสติฉันนะสาวน้อย หายเมาเป็นปลิดทิ้งเลยที่โดนปฏิเสธน่ะ เธอนี่ใจแข็งกว่าที่คิดนะ” ชานนท์เอ่ยออกมาเบาๆแล้วล้มตัวลงนอนเคียงข้างกันอย่างรู้สึกตัว

“ขอโทษนะคะ ที่ฉันเป็นภาระให้คุณมาตลอดสองสามวันมานี้ ฉันเสียใจที่ตอบแทนคุณด้วยวิธีนี้เหมือนผู้หญิงคนอื่นไม่ได้ ฉันไม่พร้อมค่ะ”

เอรินตะแคงมามองคนผิดหวังแล้วพูดผ่านผ้าห่มผืนหนาให้ได้ยินเพียงแผ่วเบา ชานนท์ตะแคงหันหน้ามามองเช่นกัน ด้วยระยะห่างเพียงแค่คืบ เอรินก็เห็นแววตาเด็ดเดี่ยว จริงใจ อ่อนโยนของเขาที่ฉายอยู่ในแววตาพร้อมกับคำพูดเบาๆแต่หนักแน่นในที

“หนึ่งปี..พอมั๊ย”
ชานนท์เอ่ยถาม สายตาประสานกันอย่างจัง ดวงตาของสาวน้อยสับสนวูบไหวแต่ก็ถามกลับไปด้วยความงงงัน

“อะไรคะ หนึ่งปี”

“เวลาให้เธอเตรียมตัวน่ะสิ หลังจากนี้หนึ่งปีถ้าฉันเจอเธอเมื่อไหร่ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปเหมือนอย่างวันนี้แน่นอน เธอช่วยจำไว้ด้วยนะ”

ชานนท์ยิ้มให้หญิงสาวเล็กน้อยเป็นสัญญา สายตาเด็ดเดี่ยวที่จ้องมองดวงตากลมใสอย่างลึกซึ้งทำเอาเอรินถึงกับหลบสายตา

“แล้วคุณจะเปลี่ยนใจไปเองค่ะ เพราะคุณไม่ได้รักฉัน คุณแค่ต้องการใครสักคนเป็นที่ระบายก็เท่านั้น”

เอรินน้ำตาคลอเมื่อนึกถึงความน่าจะเป็นที่หล่อนเคยเห็นจากชายหนุ่มตรงหน้า รู้ว่าตนไม่มีราคาพอที่เขาจะรอได้นานถึงขนาดนั้นเพียงเพื่อแลกกับตัวหล่อน

“รอให้ถึงวันนั้นก็แล้วกัน แล้วมาดูกันว่าฉันจะยังต้องการเธอเหมือนเดิมรึเปล่า”

ไม่มีเสียงตอบรับจากเอรินทั้งที่เพิ่งคุยกันอยู่เมื่อครู่ ชานนท์เขม้นมองดักแด้ตัวน้อยในผ้าห่มคลุมจึงเห็นว่าดวงตากลมโตปิดสนิทหลับใหลไปเป็นที่เรียบร้อย ชานนท์ได้แต่ลูบไล้เรียวปากบางนั้นอย่างลืมตัว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ในขณะที่เอรินเคลิ้มฝันถึงช่วงเวลาหวานแห่งความทรงจำเมื่อครั้งที่ฟลอเรนซ์ ชานนท์ก็ไม่ต่างกัน ชายหนุ่มนอนเกลือกกลิ้งบนเตียงกว้างในห้องนอนส่วนตัวที่ไม่ได้ใช้งานมานานนับจากที่เขาไปอยู่ลอนดอน

นึกถึงครั้งที่พบกันครั้งนั้นของเขาและเอริน ภาพสาวน้อยกะโปโลในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับด้วยแจ็คเก็ตสีครีมเข้มตัดกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินระล่ำระลักถามพนักงานโรงแรมของเขาด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว สั่นไหว เรียกร้องความสนใจจากเขาได้ครู่ใหญ่ทีเดียวถ้าคนที่สาวน้อยคนนั้นเลือกคุยจะเป็นเขา แต่ไม่ใช่เพราะคนในความสนใจของเอรินในตอนนั้น คือ มินตรา คนข้างตัวของเขา..

“คุณเป็นคนเอเชียรึเปล่าคะ”

คำถามแรกที่ออกมาจากปากสาวน้อย เขายังจำได้ไม่ลืม ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงจำได้ แต่มันประทับนิ่งนานในความทรงจำของเขา

“สวัสดีค่ะ ดิฉันแมนนี่ เป็นเลขาท่านประธาน มิทราบมีสิ่งใดให้รับใช้คะ” มินตราตอบหญิงสาวน่ารักตรงหน้าเป็นภาษาไทยด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรเช่นเดียวกัน

“ดีใจจังเลยค่ะ คุณเป็นคนไทยเหมือนกัน คุณช่วยฉันด้วยนะคะ คือฉัน...ฉันเพิ่งมาลอนดอนครั้งแรกแล้วก็นัดกับเพื่อนไว้ที่โรงแรมนี้ค่ะ”

เอรินระล่ำระลักบอกมินตราแทบจะเรียงประโยคไม่ถูก จนมินตราต้องโอบหญิงสาวที่กำลังขวัญเสียไว้อย่างปลอบโยน

“ค่อยๆเล่านะคะ เพื่อนของคุณชื่ออะไร พักอยู่ที่ห้องไหนคะ” มินตราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จนเอรินคลายใจ หญิงสาวรวบรวมสติก่อนจะเล่าอย่างช้าๆ

“ฉันมาหาเพื่อนสนิทชื่อวิสาห์ หรือวินซี่ย์ เจย์ค่ะ เธอจะแต่งงานที่นี่วันมะรืนนี้ค่ะ แล้วฉันมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เธอ แต่ว่าติดต่อเธอไม่ได้ ฉันก็เลยกลัวว่าจะเคว้งค่ะ”

เอรินอธิบายยาวยืด ยังไม่ทันจะเล่าจบเสียงใสจากเพื่อนตัวดีของเอรินก็ดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน

“เอริน ขอโทษน๊าที่ให้รอนาน”

วิสาห์หรือวินซี่ย์ วิ่งเข้ามาทักทายเพื่อนรัก ทั้งสองกอดกันกลมก่อนจะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบอยู่ชั่วครู่ โดยเอรินไม่ลืมที่จะขอบคุณในความเอื้อเฟื้อของมินตรา

“ไฮ..อเล็กซ์”

ไบรอันว่าที่สามีของวิสาห์ที่เดินตามหลังเจ้าสาวของเขาลงมายังล็อบบี้เอ่ยทักทายเพื่อนร่วมรุ่นมหาวิทยาลัยอย่างชานนท์ด้วยความสนิทสนม

“ว่าที่เจ้าบ่าวหน้าตาสดชื่นจริงนะ เป็นไงชอบสถานที่ไหม เลขาของฉันออกแบบเองกับมือเลยนะ” ชานนท์หันมามองมินตราชั่วขณะ หญิงสาวยิ้มแย้มทักทายไบรอันอย่างเป็นมิตร

“วอนเดอร์ฟูล สถานที่สวยงามมาก เธอเหมาะจะเป็นนักออกแบบงานแต่งงานมากๆเลย”

“ขอบคุณนะคะคุณแมนนี่ คุณเก่งมากๆเลยค่ะ สวยงามเหมือนฝันถูกใจฉันจริงๆเลยค่ะ”

วิสาห์ตรงเข้ามาจับมือแสดงความชื่นชมมินตราจนออกนอกหน้า เอรินได้แต่มองอย่างทึ่งในความสามารถของสาวสวยตรงหน้า

“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันดีใจที่คุณทั้งสองชอบ” มินตราเอ่ยตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดีใจกับคู่บ่าวสาวเช่นกัน

“เออ..แล้วเพื่อนเจ้าบ่าวล่ะ ใคร” ชานนท์หันมาให้ความสนใจและชวนไบรอันคุย

“น้องชายสุดที่รักของนายไง อดัมส์น่ะ” ไบรอันตบไหล่ชานนท์อย่างถือสนิท

“อดัมส์มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวงั้นเหรอ เซอร์ไพรส์มากต้องเจอกันหน่อยแล้ว” ชานนท์หัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่คิดว่าจะได้เจอกับน้องรักที่ไม่ได้เจอกันมานานกว่าสองปีแล้ว

“มินจ๊ะ ไปด้วยกันมั๊ยคืนพรุ่งนี้”

ชานนท์หันมาเอ่ยชวนหญิงสาวอย่างอารมณ์ดี มินตรารีบส่ายหน้าอย่างเกรงใจ หล่อนไม่ชอบออกงานสังคมตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“พี่นนท์ไปกับเพื่อนเถอะค่ะ เอ่อ..ตอนนี้มินต้องขอตัวไปหาแจนก่อน”

ชานนท์ได้แต่มองตามหลังมินตราเดินออกไปจากโรงแรมหลังจากล่ำลาแขกทั้งสามแล้ว อย่างเศร้าสร้อยความรู้สึกกรุ่นๆเมื่อครู่ที่นั่งมาในรถด้วยกันเขายังไม่ลืมไปเสียทีเดียว

“ใคร..คุณแจน” ไบรอันถามอย่างสนใจใคร่รู้หลังจากลอบสังเกตสีหน้าของคนตรงหน้าอยู่เป็นนาน

“เค้าเป็นออแพร์น่ะ ผมสปอนเซอร์มาจากเมืองไทยให้ช่วยดูแลบ้านที่ฝั่งโน้นแล้วก็ดูแลเด็กให้ด้วย”

แววตาหม่นแสงของชายหนุ่มตรงหน้า ไบรอันได้แต่มองด้วยความเป็นห่วง เพราะปกติชานนท์จะดูดีกว่านี้มากนัก

“ออแพร์งั้นเหรอ” ไบรอันเอ่ยถามเพื่อนสนิทหลังจากดูรูปการแล้ว ไบรอันเข้าใจได้ทันทีว่าเพื่อนรักของเขากำลังหลงรักเลขาสาวคนนี้เข้าเสียแล้ว

“ใช่..เค้านัดกันว่าจะไปรับลูกน่ะ” แขกทั้งสามหันขวับมาสีหน้าแตกตื่นกับคำตอบของชานนท์

“นายจะบอกฉันว่า”

ไม่ทันที่ไบรอันจะพูดจบ ทั้งไบรอัน วิสาห์ และเอรินก็หันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายกับคำตอบของชานนท์ที่พูดขึ้นมาลอยๆ ใครจะคิดว่าผู้ชายที่สมบูรณ์แบบและเพียบพร้อมไปเสียหมดทุกอย่างอย่างชานนท์จะเพลี่ยงพล้ำให้กับความรักถึงเพียงนี้...

“ฉันกำลังหลงรักผู้หญิงที่มีลูกติดคนนั้น...”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ความหลังที่เขาเคยหลงรักมินตรา ลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง ความรักที่เขาไม่สามารถไขว่คว้าเอามาครอบครองได้เมื่อต้องพ่ายแพ้ให้แก่อธิปคนที่เปรียบเสมือนน้องชายและเป็นคนทำให้มินตราต้องระเห็จมาไกลถึงลอนดอนพร้อมกับลูกน้อย และผู้ชายคนนั้นนำพาให้เอรินได้มาพบกับเขาโดยบังเอิญ

ชานนท์ยิ้มให้กับตัวเองยามนึกถึงความหลังอันแสนน่าละอาย ความที่พยายามไขว่คว้ามินตราเอาไว้สุดฤทธิ์แต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายต้องหลบเลียแผลใจไปไกลถึงฟลอเรนซ์กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นห่วงเขาและทำให้หัวใจของเขาไม่เงียบเหงาจนเกินไป เธอคนนั้นเป็นคนที่เปลี่ยนหัวใจของเขาได้ในชั่วข้ามคืน

ผู้หญิงที่เขาหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องคว้าเธอมาให้ได้ โดยไม่หวั่นว่าจะมีสิ่งใดมาขวางทาง ไม่ว่าจะเป็นมารดาของเขา หรือบิดาของสาวน้อยคนนั้น

“ตอนนี้เธออาจจะยังไม่รู้ตัว แต่ฉันเปลี่ยนไปแล้ว..เอริน ฉันปรารถนาในตัวเธอจนแทบบ้า เพราะอะไร..เพราะฉันอาจจะหลงรักเธอเข้าแล้ว เพียงแค่ได้อยู่กับเธอ ได้เที่ยวกับเธอไม่กี่วัน ได้สัมผัสเธอมันเป็นความทรงจำแสนหวานที่ฉันลืมไม่เคยลง ฉันมันใจง่ายกว่าที่คิดใช่มั๊ย เธอจะคิดยังไงนะที่ในที่สุดฉันก็มาหาเธอแล้ว..ยัยกุหลาบชมพู”


“ฉันเมาเธอ ฉันลุ่มหลงในตัวเธอ ปรารถนาจะได้เธอมาเป็นของฉันจริงๆนะ...เอริน”


***********************************************************************************************************************************************

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ
ขอบคุณคุณlookpud สำหรับคอมเมนท์ในตอนที่แล้วด้วยนะคะ ^ ^




lovereason
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ส.ค. 2556, 08:43:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ส.ค. 2556, 08:44:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1748





<< ตอนที่ 4 : Lover in Firenze...2    ตอนที่ 6 : ความลับของบ้านสีขาว >>
sonakshi 20 ส.ค. 2556, 11:28:32 น.
รออ่านต่อนะคะ


lovereason 21 ส.ค. 2556, 23:17:28 น.
ขอบคุณคุณ sonakshi ด้วยค่า ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account