Uluru ด้วยรักนิรันดร์
ตอนที่ความรักนั้นจบลง
ชีวิตของผมก็เหมือนไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป ...
นานเท่านาน ...
หัวใจจมดิ่งลงไปสู่เบื้องลึกของความทรงจำอันเจ็บปวด
ตอนที่คุณหายไป ...
ชีวิตผมบาดเจ็บจนลืมไปว่ามันสามารถรักษาได้

นานเท่านาน ...
หัวใจได้เยียวยาด้วยหัวใจ ...
แล้วเราคงข้ามผ่านมันไปด้้วยกัน ...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: การตัดสินใจกับการรักษา

ข่าวคราวของเกมทำเอาพีรพงษ์อารมณ์ไม่สงบไปทั้งวัน เย็นวันนั้นแทนที่เขาจะแวะเข้าไปถนนข้าวสารเหมือนที่เคยไปประจำ ชายหนุ่มเลือกที่จะไปถึงสะพานกรุงธนฯ

ลมสงบดีนักสำหรับบรรยากาศบนสะพานซังฮี้หรือสะพานกรุงธนบุรีตอนหัวค่ำวันนี้ แต่ก็อยู่ท่ามกลางความอึกทึกของยวดยานที่วิ่งข้ามไปมาระหว่างฝั่งพระนครกับฝั่งธนบุรี แสงไฟสาดส่องสวนทางกันวูบวาบ สองข้างสะพานมีคนเดินข้ามไปมาไม่ขาด โคมไฟส่องทางบนตัวโครงสะพานสาดแสงลงมาให้คนเดินเท้าและนักตกปลา แต่ความสว่างสู้สะพานพระราม 8 ที่เห็นอยู่ไม่ไกลออกไปนั่นไม่ได้เลย ยิ่งความงดงามยิ่งสู้ไม่ได้

ถึงอย่างนั้นถ้าแข่งกันจากด้านตรงข้าม ในอารมณ์หม่นหมองสะพานซังฮี้คงนำหน้ามาเป็นลำดับที่หนึ่ง

พีรพงษ์ยืนมองเรือล่องแม่น้ำแล่นผ่านไปแช่มช้า เรือข้ามฟากสองลำแล่นฝ่าทิศทางน้ำข้ามกลับไปกลับมา เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความสำคัญในเครื่องแบบใจสลาย

มันเป็นข้อความที่เขาไม่เคยลบออกจากบันทึกในโทรศัพท์ ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน ไม่ว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ รุ่นแล้วรุ่นเล่าจะแข่งกันออกมาจนเต็มไปหมดก็ตาม แต่ชายหนุ่มกลับใช้โทรศัพท์รุ่นโบราณนี้อย่างทะนุถนอม ประคับประคองมันให้รอดพ้นจากความเสียหายทุกประการ มันเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีความเกี่ยวพันกับเกม เพราะเขากับเธอไปเลือกซื้อเครื่องนี้มาคู่กัน ฟังดูเหมือนเด็กๆ แต่ในอารมณ์ความรัก เขาและเธอเลือกใช้โทรศัพท์หน้าตาเหมือนกัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งว่าความรักเป็นของเขาและเธอสองคน

ในความคิดตอนนี้ของชายหนุ่ม เกมอาจจะเปลี่ยนเครื่องไปนานแล้ว มันคงมีเหตุผลมากพอที่จะเปลี่ยนเครื่องใหม่ ตั้งแต่พัง สูญหาย ไม่สามารถใช้งานได้สะดวก หรือกระทั่งไม่อยากเห็นมันอีก

นั่นสิ—เกมมีสารพัดเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลง ในเมื่อความสัมพันธ์สิ้นสุด แต่ทำไมเขาเอาแต่เก็บมันไว้ หรือเพียงเพราะรู้สึกว่าจะไม่อาจทนได้หากข้อความในนั้นจะหายไป

“เกมรักพี่ไนท์นะ”

ข้อความนั้นส่งมาตอนเที่ยงคืนในคืนวันเกิดของเขา เกมอยู่ระหว่างการออกบูธกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ต่างจังหวัด และชายหนุ่มเฮฮาในปาร์ตี้ฉลองอีกปีของอายุอยู่กับเพื่อนๆ ที่สีลม

ในขณะที่เวลาชีวิตนั้นผ่านไปมาก โลกก็เปลี่ยนไปมาก แต่พีรพงษ์กลับใช้ชีวิตอยู่ในวันเวลาเก่าคู่ไปกับการล่วงเลยผ่านของสิ่งต่างๆ แม้แต่ในวันที่เขาตัดสินใจคบกับจูนในตอนนี้แล้วก็ตาม

แต่ละวันที่ผ่าน ที่จริงชายหนุ่มพยายามทำให้ความทรงจำนั้นเลือนหายจากไปเสียที แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริงๆ เขายังคงมีเกมอยู่ในมุมลึกๆ ลงไปมุมใดมุมหนึ่ง นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่เคยปล่อยให้ใครเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตส่วนที่เรียกว่าเป็นความรัก แต่กับจูนไม่ใช่ ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหญิงสาวคนนี้เพิ่มพูนขึ้น เขากลับยิ่งเจ็บปวดจากสิ่งที่ปกปิดอยู่เบื้องหลังเธอ

ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาคิดมาสักระยะใหญ่แล้วว่า บางทีมันอาจจะเป็นการดีกว่านี้ ถ้าเขาจะพยายามตัดทิ้งอะไรก็ตามที่พันธนาการตัวเขาไว้กับอดีตคนรัก ไม่ใช่แค่เพื่อจูน แต่เพื่อตัวเขาเองด้วย

จากมุมที่ยืนอยู่ จะนานแค่ไหนไม่รู้ที่มือของชายหนุ่มกำโทรศัพท์ไว้แน่น เหงื่อชื้นในฝ่ามือ เขาสงบนิ่งราวกับพยายามหาสมาธิให้กับการตัดสินใจ

หนึ่ง...สอง...สาม...

พีรพงษ์ออกแรงปาวัตถุเชื่อมต่อระหว่างเขากับเกมนั้นไปไกลสุดแรง มันลิ่วหายไปในความมืด ตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาและจมหายไป
....................

“ทำไมเมื่อวานจูนโทรหาไนท์ไม่ติดเลยคะ?” หญิงสาวส่งคำถามข้ามทะเลมา อีกสองสามวันเธอจะกลับจากฮ่องกง
“ผมทำมือถือตกน้ำน่ะ เครื่องเลยเจ๊ง เมื่อเช้าถึงเพิ่งได้ซื้อใหม่” ชายหนุ่มตอบ
“เหรอคะ” เธอครางก่อนหยุดไปชั่วครู่
“คิดถึงจัง” หญิงสาวโพล่งถ้อยคำรวดเร็วเหมือนจะหยอกล้อเล่น น้ำเสียงแจ่มใสของสรัญญานั้น หากปรารถนาเรียกความสุขให้เขา มันก็สามารถเรียกรอยยิ้มของเขาได้อย่างที่เธอต้องการ
“ที่ฮ่องกงเป็นไงบ้าง?” พีรพงษ์ถามบ้าง
“ก็ไม่มีปัญหาอะไร อีกสองวันกลับแล้ว อยากได้อะไรไหมเดี๋ยวจูนหิ้วไปฝาก”
“ไม่ต้องหรอก”
“งั้น... อืม... เดี๋ยวจูนเอากลับไปฝากอย่างนึงแล้วกัน”
“ไม่ต้องลำบากหรอกน่า” ชายหนุ่มอิดออด
“ไม่เป็นไร ยังไงก็ต้องพากลับไปอยู่แล้ว” เธอยังดื้อ
“อะไรเหรอที่จะเอามาฝากน่ะ?”
“จูนไง... นี่ไง เอาจูนกลับไปฝากทั้งคน ดีมั้ย?” พูดเสร็จก็หัวเราะร่วน
....................

ลูกคลื่นโยนตัวเรือข้ามฟากกระแทกกับยางรถยนต์กันกระแทก น้ำที่ขังอยู่ในร่องยางกระฉอกออกมาตามแรงบีบอัด พีรพงษ์ชักเท้าหลังตามออกไปทันทีที่เท้าอีกข้างเหยียบแน่นบนโป๊ะท่าเรือดีแล้ว

เมื่อเดินตามทางเดินออกไปจนถึงถนนชายหนุ่มก็ข้ามสะพานลอยไปยังฝั่งตรงข้าม ตึกขนาดสามชั้นทอดตัวลึกเข้าไปจากริมถนน ป้ายหน้าทางเข้าเขียนไว้เด่นชัดว่า “ศูนย์แพทย์อิสรารักษ์” ตามที่เลขาฯของคุณหมออธิบายไว้

ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนสืบเท้าผลักประตูเข้าไป เขาเดินตรงไปที่โต๊ะเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่สาวเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงแจ่มใส พีรพงษ์แจ้งว่ามาพบคุณหมอสุรพิชัย เจ้าหน้าที่จึงบอกให้เขาเดินขึ้นไปที่ชั้นสาม และให้รอก่อนเพราะคุณหมอยังติดคนไข้อยู่

ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มหยุดทำความเข้าใจว่าต้องเดินอย่างไร แต่นั่นเพราะเขากำลังควบคุมจิตใจตัวเองให้ตั้งสติให้ได้ก่อน

ตอนที่พีรพงษ์ยกเท้าเหยียบลงบนขั้นบันไดแรก มันหนักเหมือนแบกบางอย่างไว้ แต่ก็รู้สึกมั่นคงดี และจังหวะก้าวเท้าต่อมาของเขาดูเหมือนเบาราวกับเดินเท้าเปล่าๆ

ประตูหน้าห้องมีป้ายชื่อติดไว้แน่นหนา “นพ.สุรพิชัย เตชาสุนทร” พีรพงษ์นั่งอ่านจากเก้าอี้ที่นั่งรอซึ่งอยู่ตรงข้ามประตู อ่านชื่อจบก็ก้มลงดูนาฬิกาบนข้อมือ มันเกือบๆ จะได้เวลานัดแล้ว
....................

ชายหนุ่มตื่นตอนที่คุณหมอสะกิดเบาๆ พลางรู้สึกแปลกๆ ที่ตัวเองหลับไปอย่างง่ายดาย ขนาดว่าตอนล้มหัวลงหมอนในเวลาที่เหนื่อยล้าสุดๆ ยังไม่หลับได้ง่ายขนาดนี้

“หลับสบายมั้ยครับ?” คุณหมอสุรพิชัยถามเป็นประโยคแรกพร้อมรอยยิ้ม
“ครับ” เขาตอบพลางขยี้ตาไล่ความงัวเงีย
“เดี๋ยวล้างหน้าหน่อยนะครับ ห้องน้ำอยู่ด้านนู้นนะครับ”
“....”

พีรพงษ์ลุกไปอย่างว่าง่าย น้ำประปาธรรมดาแต่ให้ความรู้สึกเย็นสบายมาก สัมผัสน้ำบนฝ่ามือ สัมผัสเย็นบนผิวหน้า ล้วนเรียกความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าให้ตัวเขามากเหลือเกิน ผ้าขนหนูนุ่มผืนเล็กๆ ซับเฉพาะเม็ดน้ำที่พราวบนหน้าหรือเปล่าก็ไม่น่าจะใช่ เขารู้สึกราวกับความขุ่นหมองในใจถูกซับออกไปด้วย

“เอาล่ะเดี๋ยวหมอสรุปให้ฟังนะครับ” นายแพทย์ผู้นั้นเริ่มต้นเอ่ย นิ้วมือซ้ายเคาะก๊อกแก๊กเบาๆ บนพื้นโต๊ะ ขณะที่อีกข้างจับค้ำที่ปลายคางอย่างกับนักสืบกำลังจะไขปริศนา
“กรณีของคุณไนท์นี่ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตเกินแก้ไข แต่ติดตรงค่อนข้างจะลำบากนิดหน่อย ตรงที่ปล่อยให้อาการซึมเศร้าเกิดขึ้นกับตัวเองมานาน” คนพูดหยุดชะงักคำเล็กน้อย
“ดังนั้น การรักษาต้องใช้วิธีบำบัดระบบจิตควบคู่กับการใช้ยาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อให้ยาสามารถออกฤทธิ์ได้ตามประสิทธิภาพของตัวยาจริงๆ”
“ครับ” พีรพงษ์ไม่รู้จะคิดจะพูดอะไรก็เลยแค่ขานรับคำ
“ที่ผ่านมามีอาการปวดหัว อาเจียน หรือรู้สึกตึงแบบบีบๆ ศีรษะบ้างไหม?”
“ปวดหัวไม่ปวดนะครับ แต่ถ้าหน้ามืดก็มีบ้าง” พีรพงษ์ตอบตามจริง
“อืม... ตอนเช้าๆ ที่ตื่นล่ะ มีอาการอะไรผิดปกติบ้างไหม?”
“ผิดปกติแบบไหน?” เขาสงสัย
“อาการผิดปกติที่ว่าก็แบบปวดตา ปวดท้ายทอย หูอื้อ เพราะพวกนี้เป็นอาการแทรกซ้อนบางอย่างที่เกี่ยวกับพวกการหลั่งสารในร่างกายน่ะ หมอต้องใช้ประกอบการรักษาด้วย บางคนมีอาการข้างเคียงซึ่งค่อนไปทางโรคชนิดอื่น” นายแพทย์สุรพิชัยอธิบายควบคู่คำถามไป ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้
“ตอนเช้าเวลาปล่อยน้ำเย็นราดลงบนหัวมันจะรู้สึกเหมือนน้ำเย็นจัดจนจี๊ดขึ้นสมอง แต่ถ้าน้ำอุ่นไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มบอก
“โอเค แค่นี้ใช่ไหม?”
“ครับ แค่นี้ครับ”
“งั้นสำหรับวันนี้พอเท่านี้ก่อน แล้วหมอจะแจ้งคุณพยาบาลจัดยาแล้วก็ตารางปรับกระบวนการใช้ชีวิตให้นะ” คุณหมอกล่าวพร้อมเชิญเขาลุกขึ้น
“ขอบคุณครับ” พีรพงษ์ยกมือไหว้
......................

ตอนที่เที่ยวบินจากฮ่องกงแตะรันเวย์ ชายหนุ่มยังนั่งอยู่บนขบวนรถแอร์พอร์ตลิงค์ที่เพิ่งออกจากมักกะสัน ด้านล่างมีป่าหย่อมๆ แอบตัวเองอยู่กลางย่านตึกสูง เขามองดูนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายกลุ่มที่ทำสีหน้าเหมือนหมดพลัง คาดว่าเพราะเที่ยวเมืองไทยกันเต็มเหนี่ยว ส่วนที่เป็นคนไทยแต่ละคนก็ดูตื่นเต้นดีใจ

โทรศัพท์ในมือที่เปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่แล้วฟังก์ชั่นใช้งานมากมาย ถึงจะยังใช้ไม่คล่องแต่ก็สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง
พีรพงษ์เปิดโปรแกรมที่ถ่ายภาพแล้ววาดตกแต่งรูปได้ เขาเอาปากกาที่ติดมากับเครื่องลากเส้นสายรูปการ์ตูนเล็กๆ ง่ายๆ เติมตัวอักษร

“กำลังไปรับนะครับ!” ปรับรูปปรับสีสันจนพอใจก็เลื่อนหาคำสั่งส่ง

ป่านนี้คนรับคงยิ้มน้อยยิ้มใหม่—เขาหมายถึงคนที่เอาตัวเองมาฝากนั่นแหละ

ทางเดินออกของผู้โดยสารขาเข้าเจี๊ยวจ๊าวด้วยผู้โดยสารเชื้อชาติจีนที่ยกโขยงกันมาเที่ยวเมืองไทยจนเต็มลำ สรัญญากำลังเร่งฝีเท้าเดินนำหน้าให้ห่างจากกลุ่มโดยเร็วที่สุด พีรพงษ์ก็เร่งจังหวะเดินเข้าไปหาเช่นกัน

รอยยิ้มฉายบนหน้าหญิงสาว พีรพงษ์โดนคว้าแขนไปคล้องทันทีที่เดินถึงกัน สรัญญาอ้อนขอกอดสักครั้งโดยไม่คิดแคร์สายตาใคร เรื่องแบบนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับหนุ่มสาวสมัยนี้

ไม่กอดเปล่าแถมยังกอดไม่ปล่อย จนชายหนุ่มต้องสะกิดว่าไปกันได้แล้ว แต่ชั่วเสี้ยววินาทีเดียวก่อนหน้านั้น ภาพวันที่เขามารับเกมกลับจากไปออกงานที่หาดใหญ่เมื่อครั้งหนึ่งนั้น เขาก็กอดหญิงสาวคนรักไว้แบบนี้ กอดจนหญิงสาวคนนั้นต้องเตือนว่าให้ปล่อยได้แล้ว

เหตุการณ์ต่างกัน กับคนที่เปลี่ยนไป แต่ทำไมสิ่งที่ค้างคาอยู่ยังไม่หลุดออกไปเสียที ความคิดหวนทำพีรพงษ์น้ำตาซึมออกโดยไม่รู้ตัว เขาแอบปาดน้ำตาทิ้งแล้วทำเป็นขยี้ตาโดยไม่อยากให้หญิงสาวรู้ แสร้งทำเป็นเข็นรถเข็นออกเดินก่อนเพื่อไปยังรถที่จูนจอดไว้บนอาคารจอด

ตลอดทางกลับคอนโดหญิงสาวหลับไปทั้งที่กุมมือเขาไว้ หัวใจของชายหนุ่มเจ็บปวดเมื่อความสุขกับความทรงจำทำงานขัดแย้งกันอย่างแท้จริง



นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ส.ค. 2556, 14:19:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ส.ค. 2556, 14:19:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 878





<< คนใหม่กับข่าวใหม่   ทำถูก? กับทำผิด? >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account