Pai Journal (ปาย ในบันทึกถึงคุณ)
คุณที่รัก...
ผมอยากเล่าเรื่องราวหลังจากวันนั้นให้คุณได้ฟัง
มันเป็นการเดินทางระยะสั้นๆ ในช่วงเวลาชีวิตยาวนาน
ผมพบพานสิ่งต่างๆ ท่ามกลางความรู้สึกถึงคุณทุกขณะ
เรื่องมันมีอยู่ว่า...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ถนนคดโค้งที่ชีวิตวิ่งเป็นเส้นตรง

เลี้ยวออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ รถวิ่งไปเรื่อยๆ บนถนนสายเชียงใหม่-แม่ริม แล้วก็เลี้ยวนั่นเลี้ยวนี่ ไม่ช้าก็เชิดหน้ารถในแนวบอกว่ากำลังปีนขึ้นเขา

ผมตีตั๋วนั่งเพื่อยืนบนรถประจำทางสายเชียงใหม่-ปางมะผ้า-แม่ฮ่องสอน มีปลายทางที่เลือกแล้วเป็นเมืองเล็กๆ ในหุบเขาเบื้องหน้า เมืองที่เขาว่ากันว่าควรจะไปซักครั้ง สวรรค์ของนักเดินทางแบ็กแพ็คเกอร์หนึ่งในไม่กี่แห่งของเมืองไทย ก่อนนี้ผมก็เคยได้ยินอยู่เหมือนกันที่ใครๆ ก็ฝันอยากไปปาย

ปายเป็นอีกเมืองหนึ่งในความตั้งใจ นานแล้วที่ชื่อเมืองปายผ่านเข้ามาให้รู้จัก และก็ปักป้ายรอคอยเวลาอันเหมาะเจาะเพื่อไปให้ถึงสักครั้งหนึ่ง โอกาสครั้งหนึ่งนั้นที่ไม่ได้กำหนดเอาไว้ว่าเมื่อไหร่ แต่กำหนดด้วยความรู้สึกว่าเวลาแล้ว ครั้งนี้เองที่ผมรู้สึกว่าได้เวลานั้น

เคยมีคนบอกว่าปายเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับคนกำลังมีความ “เหงา” ปายในวันเก่าไม่ถูกรุกเร้าแต่ก็ไม่ได้เฉยชา เป็นเมืองน่าค้นหาและเหมาะแก่การนั่งเล่นเอาขาจุ่มน้ำ—ผมคิดว่าคงหมายถึงการเป็นเมืองที่ควรค่าแก่การใช้เวลาไปเรื่อยๆ

รถเหวี่ยงซ้ายทีขวาทีตามความคดโค้งของถนน หลายคนผจญกับความทรมานของมันไม่ไหวอะไรๆ ที่รับเข้าไปก่อนเดินทางก็พรวดพราดออกมาตรงทางที่เข้าไป ในสมัยเด็กผมก็เป็นเหมือนกันกับอาการแพ้ความฉวัดเฉวียน ในการเดินทางบ่อยครั้งทำให้ผมหายจากอาการนั้นไปเองโดยธรรมชาติ ไอ้เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงทฤษฎีวิวัฒนาการเพื่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตขึ้นมา

ถ้าเอาชนะโรคเมารถเมาเรือไม่ได้ ผมคงไม่สามารถทำตัวเป็นมนุษย์เดินทาง(บ่อย)อย่างที่เป็นอยู่ได้แน่

ตั๋วยืนมาตลอดทางทำให้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวพอดู ผมคลายเมื่อยด้วยการย่อตัวลงยืดตัวขึ้นอยู่กับที่ พอย่อตัวลงในระดับที่มองลอดช่องหน้าต่างออกไปได้ไกลๆ จากตรงที่รถแล่นอยู่ตอนนี้มีขอบทางกันตกแยกถนนกับหุบเขาข้างล่าง มีภูเขาสีเลือนรางอยู่ถัดไป แต่ละลูกที่ไกลห่างขึ้นมีสีสันเลือนจางลงไปเรื่อย ดูไปก็สวยดี คิดอีกทีก็เหงาไปหน่อย

ระหว่างทางมีช่วงที่เป็นชุมชน มีร้านค้าเรียงรายสองฟากถนน เป็นจุดพักรถที่อยู่ในตำแหน่งอันพอเหมาะ ในบางช่วงจังหวะของผม เคยคิดว่าระหว่างเราอาจจะมาถึงแค่ครึ่งทาง เพื่อหยุดสักพักแล้วเริ่มเดินต่อ แต่รอเวลาเท่าไหร่ๆ เราก็ไม่ได้เริ่มเดินต่อซักที กว่าจะรู้ตัวคุณก็ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

ถามว่าเศร้าไหม? ก็เศร้าอยู่ เป็นความเศร้าเพราะไม่เข้าใจว่าทำไม ใจจริงก็อยากทำตัวพิรี้พิไรกับการหาคำตอบ แต่ก็ไม่เป็นอย่างใจอยากเลยสักครั้ง สุดท้ายผมก็ต้องปล่อยให้ความไม่เข้าใจกลายเป็นเรื่องเลยตามเลย

แต่คุณจะรู้หรือเปล่าว่ามันไม่เคยกลายเป็นเรื่องเคยชิน การไม่มีคุณอยู่ด้วยเป็นเรื่องที่ทำตัวให้เคยชินได้ยากจริงๆ

ถนนไม่เคยเลิกคดเคี้ยว เดี๋ยวเลี้ยวเดี๋ยวชะลอตลอดทาง แต่ในมิติของการเดินทางจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดหมายเป็นเส้นตรงเสมอ ในระหว่างชีวิตที่ต้องเดินทางคดเคี้ยวกับหัวใจที่ต้องคดเคี้ยว ผมขอต้องลดเลี้ยวไปกับชีวิตดีกว่า ผมอยากใช้หัวใจอย่างซื่อตรง ผมก็เป็นอย่างนี้แหละ ท่องคำว่ารักเป็นสิ่งที่คุณเป็น ใช้ชีวิตอยู่กับความรู้สึกว่ามีคุณ ตรงจนแข็งขืนให้มันยังคงตรงต่อไป ทั้งที่คุณเดินเลี้ยวไปตั้งนานแล้ว ฝันหวานถึงวันอันงดงามที่ปลายทาง ทั้งที่อย่างไรก็ไม่มีวันเดินทางไปถึงแท้ๆ

คุณที่รัก... ทางเดินของคุณเป็นเส้นตรงจริงๆ ใช่ไหม?

คุณเดินไปจากความเป็นเรา บนเส้นทางที่ตรงไปข้างหน้าของชีวิตใช่ไหม? หรือทางเดินของคุณคดโค้งจนคิดได้ว่าอาจจะวกวนกลับมาได้อีกครั้ง แต่ว่ากันว่าชีวิตคนเราเมื่อเดินทางจากกันไปแล้วโอกาสจะกลับมาพบกันอีกครั้งเป็นไปได้น้อยมาก ผลของเรื่องนี้แหละที่ทำให้คนเราติดบ่วงความทรงจำและความคิดถึงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ว่าแล้วก็คิดถึงคุณขึ้นมาทันทีเชียว

คุณล่ะ... สักแว้บหนึ่งคิดถึงกันบ้างหรือเปล่า?

................
อารมณ์เรื่องนี้จะคล้ายกับอูยูรู แต่เรื่องนู้นให้เป็นนิยายกว่า เรื่องนี้ออกแนวบันทึก...



นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ส.ค. 2556, 12:57:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ส.ค. 2556, 12:57:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 927





<< จุดหมายต่อไป   ใบไม้แห้งที่ติดบนผม >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account