ใต้ปีกรักสีเพลิง {นวนิยายชุด ความลับของผีเสื้อ สนพ.อรุณ}
สร้อยผีเสื้อสีเพลิงจากคนแปลกหน้า
เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนใหม่
เธอไม่รู้ว่ารักเขาจริงๆ
หรือเป็นเพราะอำนาจของผีเสื้อตัวนี้กันแน่
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๕ (จบตอน)

หลังจากมีเหตุเข้ามาแทรกทำให้ต้องเลื่อนการเลี้ยงข้าวอีกฝ่ายไปหลายครั้ง ในที่สุดพรนางฟ้าก็สบโอกาสเหมาะที่จะขอบคุณคิรินทร์เสียที ชายหนุ่มบอกทางให้เจ้าของรถเลี้ยวเข้าสู่ถนนที่วิ่งเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา มาจอดในลานกว้างข้างร้านอาหาร พร้อมกับคำอธิบาย “เจ้าของร้านเป็นคนกันเอง อุดหนุนรุ่นน้องผมหน่อย”

ชายหนุ่มเดินนำเข้าไปในร้านอาคารสองชั้นกรุรอบด้านด้วยกระจกใส โดยมีต้นไม้จัดไว้ภายนอกแทนกำแพงพรางสายตา ยกพื้นด้านหนึ่งจัดเป็นเวทีเล็กๆ มีนักดนตรีเพียงคนเดียว ทั้งเล่นกีต้าร์และร้องเพลง โคมไฟที่ปลายเสาไม้รอบร้านให้แสงสีส้มนุ่มนวล โต๊ะไม้สี่เหลี่ยมจตุรัสเข้าคู่กับเก้าอี้สีไม้เปลือยเคลือบเงาขับให้บรรยากาศของร้านเรียบง่ายอย่างยิ่ง

พรนางฟ้าเลือกโต๊ะที่มุมสว่างเปิดโล่งอยู่กึ่งกลางร้าน ถึงจะมั่นใจว่าเธอไม่ใช่คนสวย แต่หญิงสาวก็ไม่ประมาท “อีตานี่ก็เป็นคนแปลกหน้า ต่อให้มีน้ำใจไปช่วยตามหาหมอดูตั้งนานสองนาน แต่ก็วางใจไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องเลือกมุมปลอดภัยไว้ก่อน ขืนไปนั่งลับหูลับตา เกิดเขาเป็นพวกมือไวใจเร็ว เราจะเสียเปรียบเปล่าๆ”

“มาระแวงเอาป่านนี้ ไม่ช้าไปหน่อยเรอะ วันก่อนโน้นที่เมาแอ๋ให้ผมพาไปส่งบ้านนั่น น่ากลัวกว่าอีก”

พรนางฟ้าหน้าม่อย “ก็ตอนนั้นฉันกำลังผิดหวัง สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่นี่นา แล้วฉันก็เมาด้วย คุณโทษคนเมาไม่ได้หรอกนะ”

“โอเค...ผมไม่ถือสาคุณหรอก คุณทำถูกแล้ว การระวังตัวเอง ไม่ประมาทน่ะดีกว่ามาเสียใจทีหลัง”

“ฉันขอโทษนะคะ ถ้าทำให้คุณรู้สึกไม่ดี แต่ฉันหวาดระแวงมนุษย์เป็นนิสัยน่ะ” พรนางฟ้าเสียงอ่อย ค่อยใจชื้นขึ้นเมื่อชายหนุ่มไม่ว่าอะไร แต่เลื่อนสมุดขนาดเท่าอัลบั้มรูปมาให้เธอแทน เมื่อพลิกดูภายในจึงพบว่ามันเป็นเมนูนั่นเอง รายการอาหารแต่ละหน้าเป็นรูปวาดจากสีน้ำ พร้อมชื่อและราคากำกับอยู่ข้างใต้

“คุณสั่งอาหารสิ”

“คุณจะให้ฉันเลี้ยงไม่ใช่เหรอ แล้วถ้าให้ฉันสั่ง มันจะถูกต้องที่ไหนล่ะ”

คิรินทร์ว่าจะไม่ยิ้มแล้วเชียว แต่...คำตอบของเธอก็แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวไม่ลืมสิ่งที่พูดกับเขาไว้เลย

“คุณสั่งเถอะ ผมกินได้ทุกอย่างแหละ” คิรินทร์มักสังเกตวิธีการสั่งอาหาร และนำมาวิเคราะห์นิสัยของคนเสมอ ที่เขาเสนอให้พรนางฟ้าเป็นคนเลือกรายการก็เพราะเขาอยากรู้...ว่าเธอคมและเค็มแค่ไหน!

เสียงพูดหรือถ้าจะให้ถูกก็คือเสียงคิดที่เธอพึมพำเถียงกับตัวเองระหว่างเลือกเมนูทำให้เขาเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เพราะเธอรอบคอบมากพอที่จะเลือกเมนูทั้งเนื้อสัตว์ ผัดผัก น้ำแกง และยำอย่างละจาน ครบถ้วนทุกหมู่โภชนาการ แถมราคา...ก็มิใช่เลือกแต่ที่ถูกๆเพียงเพราะต้องการให้การ ‘เลี้ยง’ ครั้งนี้เกิดค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด หรือสั่งแต่ของแพงๆเพื่ออวดรวยเท่านั้น ถ้ามีป้ายให้คะแนน...คิรินทร์เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้คงได้คะแนนมากกว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยพามารับประทานอาหารค่ำร่วมกันแน่นอน

ระหว่างหญิงสาวสั่งอาหาร คิรินทร์ก็ลูบกระดาษสีเนื้อแผ่นใหญ่ที่ปูแทนผ้าปูโต๊ะให้เรียบ จากนั้นเลือกสีเทียนที่ทางร้านปักใส่ขวดแก้วเล็กๆวางไว้ให้ทุกโต๊ะ แล้วเริ่มลงมือขีดเขียน โดยทอดระยะหันไปมองผู้หญิงข้างๆ ร่างภาพเค้าโครงหน้าของเธออย่างนึกสนุก ขณะกำลังเพลินกับงานตรงหน้า มือเปลี่ยนสีเทียนลงรายละเอียดทั้งดวงตาสีน้ำตาลใสที่ซ่อนอยู่หลังแว่นสายตา จมูกโด่งนิดๆ พวงแก้มอิ่มเอิบ และริมฝีปากบางเฉียบ เขาแทบไม่รู้ตัวเลยว่ารอบกายมีสรรพสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง

“ว้าย! ตายแล้ว! อีตานี่วาดรูปเราเหรอเนี่ย!”

เสียงอุทานดังขึ้นข้างหูโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า เป็นผลให้มือที่ถือสีเทียนอยู่ไถลพรวดด้วยความตกใจ ลากริมฝีปากในรูปบิดเบี้ยวเหยเกจนน่าขำ

“คุณมาดูรูปที่ผมวาดทำไม วาดของตัวเองไปโน่นเลย” คิรินทร์พยักพเยิดไปยังพื้นที่กระดาษตรงหน้าหญิงสาว พร้อมกับเลื่อนแก้วใส่สีเทียนไปให้ “เอ้า...แสดงฝีมือให้เต็มที่ รับรองว่าผมจะไม่ล้อเลียนเด็ดขาด”

“ไม่ต้องลงมือฉันก็รู้ค่ะว่ามันจะเป็นยังไง รับรองว่าต้องทุเรศแน่ๆ” เธอชี้ภาพร่างใบหน้าของตัวเองบนโต๊ะ “รูปนี้...ฉันขอได้ไหมคะ”

“อย่าเอารูปนี้เลยคุณ ผมวาดเสียแล้วเห็นไหม ปากเบี้ยวเชียว ถ้าคุณอยากได้ ไว้ผมวาดให้ใหม่ดีกว่า คราวนี้จะตั้งใจวาดให้สวยๆเลย”

ประโยคนั้นทำให้หญิงสาวตวัดตาขึ้นมองอีกฝ่ายทันที “ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก ฉันเกรงใจค่ะ ขอแค่รูปนี้ก็พอแล้ว ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครวาดรูปเหมือนของฉันเลย”

“ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ” เขาถามด้วยความสงสัย

“ก็...ไม่มีจิตรกรที่ไหนอยากวาดรูปที่ไม่สวยหรอกค่ะ”

คนฟังสะอึก งันไปชั่วขณะ ก่อนเอ่ยช้าๆด้วยน้ำเสียงสบายๆไม่ให้ฟังเหมือนตั้งใจปลอบกันมากเกินไป “ไม่จริงหรอก คนทุกคนมีส่วนดีบนใบหน้าของตัวเองทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะหาเจอหรือเปล่า อย่างคุณเนี่ยเป็นผู้หญิงที่มีโครงหน้าสวยมาก หน้าคุณมีความเป็นไทยที่เป็นธรรมชาติ ถ้าคุณคล้ำกว่านี้อีกนิด แล้วนุ่งโจงห่มสไบนั่งพับเพียบกรองมาลัยในเรือนไทย ผู้คนต้องแตกตื่นคิดว่าคุณเป็นสาวน้อยสมัยอยุธยาแน่ๆ”

พรนางฟ้าขมวดคิ้ว “ไอ้คำชมว่าสวยมากก็ฟังดูดีอยู่หรอกนะ แต่เป็นสาวสมัยอยุธยานี่มันจะดีแน่เหรอ หนังสือเรียนบอกว่าคนไทยสมัยก่อนเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ลืมหมดแล้ว เอ...หรืออีตานี่จะหาเรื่องหลอกด่าเรานะ”

“เฮ้ย! คิดในใจซะดังเชียวนะ! ผมเปล่าหลอกด่าคุณ ผมชมจริงๆ” เขาเน้นเสียงสีหน้าจริงจัง พรนางฟ้าเลิกคิ้ว อีกฝ่ายจึงรีบอธิบายต่อ “คุณไม่สังเกตเหรอว่าภาพวาดของผมมักมีอะไรที่แสดงความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนก็ตาม ผมชอบศึกษาสรีระของคนในแต่ละยุค และเชื่อผมเถอะ โครงหน้าของคุณน่ะ สวยกว่าพวกสาวศัลยกรรมเลียนแบบเกาหลีจนเทียบกันไม่ได้เลย”

ดวงตาสีน้ำตาลสุกใสหลังแว่นสายตากลอกไปมาอย่างครุ่นคิด “เชื่อก็บ้าแล้ว”

“เอาน่า...ไหนๆก็บ้ามาแล้วตั้งเยอะ บ้าอีกสักเรื่องละกัน” เขาล้อเลียน

พรนางฟ้าเบิกตานิดๆ “ต๊าย! นี่ชมเราจริงๆเหรอเนี่ย นึกว่าพูดตามมารยาทซะอีก” เธอถอนใจ ท่าทางคงระอากับความคิดของตัวเอง “เอาเถอะค่ะ ขอบคุณมากนะที่พยายามปลอบใจ ฉันซาบซึ้งจริงๆ” เธอชี้รูปบนโต๊ะอีกครั้ง “แต่ถึงยังไงฉันก็ยังอยากได้รูปนี้อยู่ดี คุณช่วยฉันยกจานช้อนส้อมหน่อยสิคะ ฉันจะได้ดึงมันออก”

“ก็บอกแล้วไงว่าผมจะวาดใหม่ให้คุณ แผ่นนี้ทิ้งไว้นี่แหละ”

“อย่าดีกว่าค่ะ” พรนางฟ้าขยับแว่นพลางแย้งนุ่มนวล พอเป็นสิ่งที่ตั้งใจพูด เธอก็ทอดเสียงอ่อนตามมารยาทสังคม แถมยังมีคำลงท้ายครบถ้วนอีกด้วย “เดี๋ยวถ้าอาหารมาเสิร์ฟ จาน ชาม ช้อน ส้อม แก้วน้ำ และอะไรต่อมิอะไรก็ต้องทับหน้าฉันหมด แค่นี้หน้าฉันก็เยินมากพอแล้ว”

โชคดีที่คิรินทร์มิได้กำลังดื่มน้ำ มิเช่นนั้นเขาคงจะพ่นน้ำออกมาแน่นอน เหตุผลของผู้หญิงคนนี้ จะว่าขันก็ขัน จะว่าน่าสงสารก็น่าสงสาร ถ้าเพียงแต่เธอจะหัวเสีย อาละวาดบ้าง เขาคงรู้สึกดีกว่านี้ แต่นี่เอะอะเธอก็ยอมอีกฝ่ายเรื่อยเลย

พรนางฟ้าวอนซ้ำ เมื่อเห็นเขาไม่ขยับ “เร็วสิคะ ช่วยหน่อย ฉันอยากได้รูปนี้จริงๆนะ แหม...เล่นตัวจัง”

ชายหนุ่มส่ายหน้าขันคำท้ายๆ ซึ่งเดาว่าคงหลุดมาจากความคิด เขายกจานที่มุมโต๊ะด้านไกลตัวและแก้วน้ำขึ้น เพื่อให้เธอดึงกระดาษปูโต๊ะออกแต่โดยดี ซึ่งหญิงสาวก็รีบคว้ามันไปพับจนเหลือขนาดที่ต้องการ แล้วนั่งชื่นชมด้วยอาการปลาบปลื้ม

พนักงานนำกระดาษแผ่นใหม่มาปูโต๊ะให้ และคิรินทร์ก็ยื่นแก้วสีเทียนไปตรงหน้าเธอซ้ำ พร้อมกับพยักพเยิดเชิญชวน “ไม่มีการให้คะแนนวิชาศิลปะที่นี่ ไม่มีคนตำหนิว่าสวยไม่สวย ปล่อยให้ความเป็นเด็กในตัวคุณออกมาเต้นระบำบ้างเถอะ คุณพรนางฟ้า”

หญิงสาวมองสบตาเขาชั่วครู่ ก่อนเผยอยิ้มบางๆ “ก็ได้ แต่ห้ามล้อเลียนกันจริงๆนะ”

และเมื่อเห็นเขาพยักหน้ารับคำ เธอจึงหยิบสีเทียนมาแสดงฝีมือบ้าง ภาพของเธอประกอบไปด้วยภูเขา ดวงอาทิตย์ ก้อนเมฆและนกน้อยแบบที่เด็กประถมหนึ่งนิยมวาดเป๊ะ!

คิรินทร์นั่งกอดอกพิงพนักมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความพอใจ เมื่อเห็นพรนางฟ้าก้มหน้าต่ำตั้งใจวาดรูป เขารู้ว่า ‘เปลือก’ ของบางคนหลอกตาผู้อื่นได้มากจนคาดไม่ถึง แต่ถ้ามองให้ดีจะเห็นชัดว่าเนื้อในข้างใต้เป็นอย่างไร! แต่กับผู้หญิงคนนี้ เปลือกของความอ่อนแอที่ห่อหุ้มเธอ ‘แน่นหนา’ เกินกว่าจะสามารถกระเทาะเข้าไปมองให้ถึงแก่นแท้ได้ภายในระยะเวลาเพียงสั้นๆ

ต่อให้ประมาณตน และคิดอยู่เสมอว่าตัวเองไม่ใช่คนสวย แต่พรนางฟ้าก็ไม่เคยประมาท คิรินทร์เบาใจไม่น้อย เมื่อพบว่าถ้าไม่นับเหตุการณ์สติรั่วสุดฤทธิ์วันนั้นแล้ว พรนางฟ้าเป็นผู้หญิงที่ระวังตัวในระดับน่าชื่นชมทีเดียว เพราะขนาดเธอพยายามวางตัวเป็นปกติ แต่เขาก็สังเกตเห็นว่าระหว่างมื้อเธอไม่ลุกจากโต๊ะเลยแม้แต่ครั้งเดียว และหลังกลับจากล้างมือ เธอก็ไม่แตะของบนโต๊ะอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มหรืออาหารก็ตาม

คิรินทร์รู้...พรนางฟ้าไม่ประมาท เธอกลัวถูกวางยา ทั้งที่ควรฉุนกรุ่นๆที่เธอแสดงกิริยาไม่ไว้วางใจอันหมายถึงการ ‘หมิ่นหยาม’ กันโดยอ้อม แต่เขากลับไม่โกรธเคืองสักนิด จะว่าไปแล้วผู้หญิงที่รอบคอบแบบนี้ ต้องนับว่าหายากอย่างยิ่งแล้วในสังคมปัจจุบัน

ชั่วขณะที่เขาอยากรู้...ผู้หญิงไม่มีปากมีเสียงแบบนี้ เคยคิดอยากเปลี่ยนตัวเองให้เก่ง มั่นใจ และฉลาดขึ้นหรือเปล่า เอ...หรือเขาควรถามไปตรงๆ เพราะเธอไม่มีวันซ่อนความคิดจากเขาได้แน่นอน!



ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา เพราะแม้จะพูดคุยกันด้วยความเพลิดเพลินเพียงใดก็ตาม แต่หญิงสาวก็ต้องเตรียมตัวไปทำงานในวันรุ่งขึ้น เกือบสี่ทุ่มพรนางฟ้าจึงชำระเงินค่าอาหาร

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ สำหรับภาพวาดสีน้ำมันนั่น ฉันชอบมันมากเลย”

คิรินทร์อมยิ้ม ชี้กระเป๋าของเธอ “วันนี้คุณรับรูปใหม่ไปแล้ว คราวนี้ต้องเลี้ยงโต๊ะจีนเลยถึงจะคุ้ม”

“หน้าเลือด!” คนฟังชินแล้วที่ได้ยินเธอโพล่งคำพูดตรงไปตรงมา “แต่ก็...ขอบคุณจริงๆนะคะ ตั้งแต่รู้จักคุณ ฉันได้ทำอะไรแปลกๆตั้งเยอะแยะ สารภาพว่าหลายวันมานี้ สนุกกว่าช่วงเวลาดีๆทั้งชีวิตฉันรวมกันซะอีก”

“ปกติคุณเลิกงานกี่โมงล่ะ” คิรินทร์ชักสงสาร เดาว่าเธอคงไม่ค่อยมีเพื่อนนัก เรื่องแฟนยิ่งไม่ต้องนึกเลย!

“คุณถามทำไมเหรอคะ” หญิงสาวเลิกคิ้ว และมันทำให้คนมองนึกหงุดหงิดกับแว่นสายตาที่กระดกขึ้นลงนั่นเหลือเกิน

“เผื่อผมแวะผ่านไปแถวที่ทำงานคุณช่วงใกล้ๆเลิกงาน จะได้พาคุณมารู้จักร้านอร่อยๆแบบนี้อีกไงล่ะ”

“รู้หรอกน่า นายคิดจะหลอกให้ฉันเลี้ยงข้าวอีกล่ะสิ” พรนางฟ้าดักคอ

คนฟังเดาได้จากสรรพนามว่านั่นมาจากสิ่งที่เธอคิด จึงตีขลุมหน้าเป็น “ถ้าได้อย่างนั้นด้วยก็ยิ่งดี”

พรนางฟ้ายิ้มกว้างทำหน้าเจ้าเล่ห์ไม่แพ้กัน “ฉันยอมเลี้ยงก็ได้ แต่คุณจะเอารูปมาแลกด้วยไหมล่ะ”

“หาว่าผมเจ้าแผนการ คุณน่ะเขี้ยวกว่ากันเป็นไหนๆ” จิตรกรหนุ่มทำตาโต หัวเราะร่วน เขาก้มลงมองนาฬิกาแล้วจึงตัดสินใจ “ขอบคุณที่เลี้ยงอาหารนะครับ วันนี้คุณก็ทำให้ผมสนุกมากเช่นกัน กลับกันเถอะ ยิ่งดึกจะยิ่งอันตราย”

“บ้านคุณอยู่ไหนคะ ฉันแวะไปส่งก่อนก็ได้นะ” พรนางฟ้าลุกจากโต๊ะ ถามขณะเดินนำไปที่ลานจอดรถ

“คุณใจดีมาก แต่ผมไม่รบกวนดีกว่า ถ้าจะกรุณา ผมขอติดรถไปลงตรงสถานีรถไฟฟ้าก็พอครับ”

เมื่อรถเคลื่อนมาจอดยังบันไดทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้า คิรินทร์หันมาส่งยิ้มให้หญิงสาว “ขอบคุณ แล้วก็โชคดีนะครับ” อาจฟังเหมือนการบอกลา แต่เขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เส้นทางของเขาและเธอแค่ตัดผ่านกันชั่วครู่ เมื่อไม่มีสิ่งใดติดค้างกัน ภารกิจระหว่างกันก็ถือว่าจบสิ้นลงแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ต้องนัดหมายหรือโทร.หากันอีก

“ขอบคุณแล้วก็โชคดีเช่นกันค่ะ” พรนางฟ้าก็คิดไปในทิศทางเดียวกัน

คิรินทร์ลงจากรถแล้วโบกมือให้เธอส่งท้าย คอยจนรถเก๋งญี่ปุ่นแล่นห่างไปจนเห็นไฟท้ายเป็นเพียงจุดเล็กๆและลับหายไปจากสายตาแล้ว จึงก้าวขึ้นบันไดสถานีรถไฟฟ้า ชายหนุ่มหายใจเข้าลึก ยิ้มนิดๆเมื่อนึกถึงเรื่องราวแสนประหลาดที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แล้วเขาก็พึมพำ...

“เวทย์มนตร์!” คนหัวสมัยใหม่ส่ายศีรษะขบขัน แล้วก้าวขึ้นบันไดสถานีทีละสองขั้นด้วยท่าทีสดชื่น “ไว้ต้องไปลองตามหาไอ้หมอดูคนนี้อีกสักที เผื่อจะขอเวทย์มนตร์ที่เสกให้รูปเราขายดีมาใช้บ้าง ท่าจะดีเว้ย!”



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ส.ค. 2556, 00:36:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ส.ค. 2556, 00:36:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1450





<< ตอนที่ ๕ (ครึ่งแรก)   ตอนที่ ๖ (ครึ่งแรก) >>
Sukhumvit66 22 ส.ค. 2556, 01:06:27 น.
วันนี้มาแบบเบาๆ สบาย ๆ
^____________^


สิริณ 22 ส.ค. 2556, 01:09:32 น.
เห็นยอดคนกดไล้ค์ของตอนที่แล้ว แล้วสิริณกรีดร้อง
คุณคิรินทร์กับแม่หนูพรนางฟ้าฉายเดี่ยวมาตั้งหลายตอน
ยอดไล้ค์กรุบกริบพอให้ยิ้มออก
แต่พอคุณเล็ก กับหนูเอ็มโผล่มารับเชิญนิดเดียว
คนกดไล้ค์กันตรึมเลยยยยยย

ว่าแล้วก็...แจ้งข่าวซะหน่อยดีกว่า
ท่านไหนที่ติดใจ แผนก่อการรัก
ตอนนี้ สิริณ มีภาคพิเศษของแผนก่อการรัก
ชื่อตอน "เอื้อมวิมาน"
วางขายในรูปแบบอีบุ๊คนะคะ

หากซื้อแผนก่อการรักเป็นอีบุ๊ค
รับเอื้อมวิมานไปอ่านกันฟรีๆเลย

แต่ถ้ามีหนังสือแล้ว
อยากอ่านแต่ภาคพิเศษ
สนใจเข้าไปที่เว็บนายอินทร์
หา e-book ชุด Love memory ได้เลย
เป็นชุดเรื่องสั้นสี่เรื่องสี่รสจากนักเขียนของอรุณค่ะ
ราคาทั้งชุด (มีสี่เรื่อง) แค่ 23 บาทเท่านั้น

สิริณและเพื่อนนักเขียน
จะมอบรายได้จากการขายเรื่องสั้นชุด Love memory
บริจาคเป็นการกุศลทั้งหมดค่ะ



@จิรารัตน์ : เอาใจช่วยหนูแพนกันต่อนะคะ
ว่าจะคุมสติได้มากแค่ไหน อิอิ



@Sukhumvit66 : กราบงามๆล่วงหน้าค่ะ อิอิ
คุณเล็กกับหนูเอ็ม น่ารักนะคะ มากด้วยยยยย

(สิริณว่ายังอยู่ในเรื่องเดียวกันนะคะ ไม่นอกเรื่องหรอก 5555)



@goldensun : หนูเอ็มมีโผล่มาเรื่อยๆค่ะเล่มนี้
ถ้ารักหนูเอ็มกับคุณเล็ก
ต้องติดตามต่อไปเรื่อยๆนะค้าาาา


@พันธุ์แตงกวา : มีแต่คนปลื้มหนูเอ็ม
สิริณปลื้มจุงเบยยยยยย อิอิ



ท่านไหนยังไม่ได้คอมเม้นต์
กดไล้ค์เบาๆคนละที
แล้วส่งยิ้มไว้หน่อยสิคะ
อยากส่งโปสการ์ดไปทักทายกัน
ตอนนี้ขุดโปสการ์ดสุดรักจากกล่องสะสมออกมารอแล้วนะเออ


Pat 22 ส.ค. 2556, 06:50:58 น.
เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นคุณคิรินทร์ คิดว่าจะไม่เจอกันแล้วหรือคะ


พันธุ์แตงกวา 22 ส.ค. 2556, 09:09:19 น.
เมาเละทีเดียว ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ไปนานเลย555


จิรารัตน์ 22 ส.ค. 2556, 18:18:52 น.
วันนี้พรนางฟ้าไม่่ค่อยรั่วแฮะ ไม่ชินอ่ะ


goldensun 22 ส.ค. 2556, 20:18:44 น.
ดูคิรินทร์รับพฤติกรรมพรนางฟ้าได้ดีนะคะ แต่ก็นะ ผจญภัยร่วมกันมาแล้ว
แต่ทิ้งท้ายอย่างนี้ ต้องมีวาระให้กลับมาป๊ะกันอีกแน่เลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account