ซาตานจำแลง

‘สหภาพ’ ชายหนุ่มผู้มี ‘ไฟแค้น’ที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจมานานนับสิบปีเพื่อรอคอยโอกาสเหมาะสมกับการกลับมาเอาคืนจากคนที่ทำร้ายเขาและครอบครัวเมื่อวัยเด็ก แต่แล้ว ‘ไฟแค้น’ ก็กลับกลายเป็นดาบสองคมทิ่มแทงให้เขาต้องเจ็บช้ำ เมื่อต้องมาพบกับ





‘พิมมาดา’ ผู้เปรียบเสมือนสายน้ำ ที่อาจจะมาราดรดให้ ‘ไฟแค้น’ ในใจเขามอดดับลงไปได้ หรือไม่น้ำอันฉ่ำเย็นอาจจะแปรเปลี่ยนเป็นน้ำเดือดขึ้นมาแทนเมื่อถูกต้มครั้งแล้วครั้งเล่า

เขาจะต้องเจ็บช้ำเพราะความ ‘ทรนง’ และ ‘ไฟแค้น’ ที่สุมอกหรือไม่ แล้วสายน้ำอย่างเธอจะช่วยเขาไว้ได้บ้างไหม ชีวิตในบั้นปลายของคนทั้งคู่จะพานพบความสุขหรือความสูญเสีย ‘ซาตานจำแลง’ มีคำตอบรอให้คุณค้นหาแล้ว
Tags: พระเอกโหดมากกกกกกกกก นางเอกน่าสงสารมากกกกกกกกก

ตอน: อิสระที่ต้องไขว่คว้าให้ตัวเอง

“นี่หล่อนแน่ใจเหรอยะว่าเพื่อนหล่อนไม่ได้หนีตามผู้ชายไป ไม่ใช่หาเรื่องมาแก้ตัวแทนกันหรอกนะยะ หรือว่าเพื่อนหล่อนส่งให้มากุเรื่องหลอกฉันกับคุณภพ เพราะถูกผู้ชายฟันแล้วทิ้ง หลายวันแล้วนี่ ป่านนี้ไม่ป่นปี้ไปหมดแล้วเหรอ เผลอ ๆ จะได้มารหัวขนมาเป็นของแถมด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้”
สไบแพรไม่ใคร่จะชอบใจนัก เมื่อได้ฟังเรื่องจากขวัญข้าวที่ชี้ชัดไปในทางอื่น ส่วนจักรภพกลับฉุกคิดขึ้นได้บ้าง กับคำของเด็กสาวที่เขาพอจะรู้จักว่าเป็นเพื่อนสนิทลูก แต่ก็แทบจะไม่เคยเห็นหน้ากันเลยด้วยเขาไม่ใคร่จะได้ใส่ใจมากนัก และก็ไม่แน่ใจว่าจะเชื่อในคำพูดได้มากน้อยแค่ไหน
“แล้วมีหลักฐานอะไรจะทำให้ฉันเชื่อว่าสิ่งที่หนูพูดมาเป็นความจริง”
“ยายเนยเคยบอกขวัญว่าสั่งให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเอาแฟ้มประวัตินายสุภาพมาให้ดู แล้วเราก็ยังไปตามหาบ้านเช่าเขาด้วยนะคะ ขวัญพาคุณพ่อกับคุณแม่ไปดูก็ได้ค่ะ แต่วันนั้นขวัญกับเนยไปแล้วไม่พบใครเลย โทรถามบุคคลอ้างอิงที่ลงไว้ในประวัติก็ไม่ได้ความอะไร ถ้าคุณพ่อไม่เชื่อขวัญก็ลองตรวจดูหลาย ๆ ทางก่อนก็ได้นี่คะ แต่ขวัญกลัวว่ามันจะสายเกินกว่าที่เราจะไปช่วยยายเนยได้ทันมากกว่าค่ะ เชื่อขวัญเถอะค่ะ ขวัญไม่มีประโยชน์อะไรแอบแฝงจากเรื่องนี้เลย นอกจากห่วงเพื่อนเท่านั้น”
“ทำไมจะไม่มียะ หล่อนก็ถูกเพื่อนหล่อนส่งมาดูลาดเลา แล้วหาข้อแก้ตัวให้ เพื่อจะได้กลับเข้าบ้านโดยไม่ต้องถูกเล่นงานไงยะ แค่นี้คิดว่าฉันจะโง่จนดูไม่ออกเหรอ” แม้ใจค่อนข้างจะเชื่อคำของขวัญข้าว แต่สไบแพรก็ไม่ปรารถนาจะให้ลูกเลี้ยงได้กลับมาอีกต่อไปแล้ว เพราะตัวเองจะเป็นคนเสียผลประโยชน์มากกว่าใครทั้งสิ้น
“คุณแม่คะถ้ายายเนยไปกับผู้ชายจริงๆ ทำไมถึงต้องทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่คะ แม้แต่เงินที่เพิ่งจะไปกดมาจากเอทีเอ็มตั้งแสนก็ไม่เอาไปด้วย ไหนจะบัตรต่าง ๆ สารพัด มีด้วยเหรอคะที่คนกำลังจะไปเที่ยวกับแฟนจะลืมข้าวของพวกนี้ไปด้วย เอทีเอ็มทุกใบ บัตรเครดิตทุกใบ ในกระเป๋าเงินยายเนยยังอยู่เหมือนเดิมนะคะ”
“ก็แม่ลลิตาบอกว่าแฟนแม่เนยมีฐานะนี่ จะห่วงเอาของพวกนี้ไปทำไมกัน”
“รวมทั้งบัตรประชาชนและเอกสารสำคัญอื่น ๆ ด้วยเหรอคะ ไม่ใช่ล่ะค่ะ คุณลุงคะ ถ้าคุณลุงไม่ทำอะไรเลย ขวัญคงจะต้องขออนุญาตไปแจ้งความแล้วนะคะ ขวัญห่วงยายเนยค่ะ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไง”
ขวัญข้าวรู้สึกหงุดหงิดกับคำแม่เลี้ยงเพื่อนอย่างที่สุด และให้เสียใจเมื่ออุตส่าห์เอาเรื่องมาบอกกล่าวแต่กลับไม่มีใครสนใจแม้กระทั่งคนเป็นพ่อแท้ ๆ
“มันจะเป็นยังไงได้อีกล่ะ ถ้าไม่กำลังขึ้นสวรรค์อยู่กับผัวมัน แล้วหล่อนถือดียังไงถึงจะมาว่าเราไม่ทำอะไร จนจะได้แรดไปแจ้งความ ไม่ทราบว่าจะไปในฐานะอะไรของแม่เพื่อนหล่อนกันยะ”
“เอาล่ะ ๆ พอทั้งสองคนนั่นล่ะ เถียงกันไปจะได้ประโยชน์อะไร ไหนเอาแฟ้มประวัติมาให้ฉันอ่านหน่อยซิว่ามีอะไรให้สงสัยบ้าง ไปตามแม่เลขาของยายเนยมาให้ฉันด้วย ฉันอยากถามอะไรเพิ่มอีกหลายอย่าง”

แล้วหลายต่อหลายคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกสงสัยก็ถูกจักรภพเรียกไปสอบถามทีละคน ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งสุนทรีย์ผู้เป็นหัวหน้าของสหภาพเอง และคนสุดท้ายที่ถูกเรียกเข้าไปพบนั่นก็คือเขา ท่วงท่าสงบนิ่ง กับใบหน้าราบเรียบของเขาบ่งบอกให้คนในห้องทั้งสามรับรู้ว่าไม่ได้หวั่งเกรงใด ๆ เลย นั่นก็เพราะเขารู้ล่วงหน้ามาจากลลิตาแล้วว่าขวัญข้าวเข้ามาหาและสอบถามเกี่ยวกับการหายตัวไปของพิมมาดา
“ผมขอยืนยันอีกครั้งนะครับว่าผมไม่เคยทำเรื่องไม่ดีให้กับห้างของเราแม้แต่ครั้งเดียว และการหายตัวไปของคุณเนยผมก็ไม่รู้เรื่องไม่เห็นด้วย คุณลลิตาเป็นพยานได้ครับ เพราะเราแทบจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา” เขาย้ำทุกคำตอบที่จักรภพกับสไบแพรถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“คุณจะเอาพวกเดียวกันมาอ้างได้ยังไง ฉันกับยายเนยเห็นกับตาว่าคุณสองคนเป็นแฟนกัน แล้วแฟนที่ไหนจะให้ร้ายคนรักตัวเองไม่ทราบ อย่ามาแก้ตัวให้ยากเลยดีกว่า บอกมาว่าคุณเอายายเนยไปไว้ที่ไหน และพายายเนยไปทำไม ยายเนยบอกฉันว่า คุณเป็นพนักงานที่เพิ่งมาทำงานได้ไม่กี่เดือน และตั้งแต่คุณมาทำงานที่นี่ เหตุการณ์ไม่ดีก็เกิดขึ้นกับห้างมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความลับรั่วไหลไปหาห้างคู่แข่ง การขู่วางระเบิดอีก” ขวัญข้าวพยายามจะต้อนให้เขาจนมุม
“ถ้ามันเป็นอย่างที่แม่ขวัญบอก เธอก็ร่วมมือกันขายความลับของห้างฉันน่ะสิ มีอะไรจะแก้ตัวอีก ยอมรับมาดี ๆ ก่อนที่ฉันจะแจ้งตำรวจมาลากคอเธอกับแม่เลขานั่นเข้าคุก”
สไบแพรแม้จะไม่เข้าข้างขวัญข้าว แต่เมื่อคำพูดค่อนข้างมีน้ำหนัก จึงต้องเชื่อเอาไว้ก่อน เพราะนี่คือผลประโยชน์ของตัวเอง การมีคนเดินมาชี้ตัวผู้ต้องสงสัยที่เฝ้าหามานานจึงไม่ได้สนใจว่าจะต้องเป็นเบาะแสจนตามตัวลูกเลี้ยงกลับมาได้ จึงพร้อมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
“ผมไม่จำเป็นต้องแก้ตัวนี่ครับ ทุกอย่างที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง” สหภาพเองก็ไม่คิดจะหวั่นไหวใด ๆ
“แล้วเรื่องนายลงที่อยู่เท็จล่ะ ในประวัติลงอีกที่ แต่พอเราไปตามหากลับไม่มีนายอยู่นั่นเลย และไม่มีคนรู้จักนายด้วย” ขวัญข้าวก็ไม่ยอมแพ้ เพราะมั่นใจว่าตัวเองคาดการณ์ถูก
“ผมบอกแล้วไงครับ ว่าผมย้ายออกมาอยู่คอนโดกับเพื่อนหลายเดือนแล้ว”
“แล้วที่หนูขวัญบอกว่ายายเนยเจอเธอนั่งอยู่ร้านกาแฟกับผู้ชายอีกคนตอนที่คนในห้างวิ่งหนีระเบิด เธอจะแก้ตัวยังไง ก่อนตอบฉันแนะนำให้เธอคิดให้ดี ๆ นะ ไม่อย่างนั้นเธอจะถูกฉันส่งให้ตำรวจทันที” จักรภพนิ่งฟังและดูท่าทีของชายหนุ่มตรงหน้า อยู่นาน แต่ไม่อาจจะจับพิรุธใด ๆ ได้ จึงต้องขู่เป็นครั้งสุดท้าย
“ผมเพิ่งกลับจากไปตรวจดูสินค้าข้างนอก ยังไม่ได้เข้าออฟฟิศ พอเห็นคนแตกตื่นออกมารู้ว่ากำลังวิ่งหนีระเบิดผมก็เลยไปนั่งรอในร้านกาแฟ เพื่อให้ทุกอย่างเข้าที่ก่อนก็เท่านั้นนี่ครับ ถ้าข้อสงสัยแค่นี้จะส่งตำรวจมาจับผม ก็เชิญสิครับ ผมบริสุทธิ์ ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เพราะไม่เคยทำเรื่องร้าย ๆ ไว้เลย ไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบัน หรือแม้แต่อนาคต พ่อแม่ผมสอนมาดีครับ ท่านไม่เคยสอนให้ผมเป็นพวกสุนัขรอบกัดหรอกครับ” จักรภพถึงกับหน้าชาเมื่อชายหนุ่มพูดจบ แม้อยากจะคิดว่าตัวเองกำลังถูกว่าจัง ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าชายตรงหน้าจะล่วงรู้อะไรจากเรื่องในอดีต
“งั้นฉันว่าเธอก็กลับไปให้พ่อแม่เลี้ยงจะดีกว่ามั้ย เพราะฉันคงจะจ้างคนที่ฉันสงสัยว่าจะเป็นพวกไม่หวังดีต่อบริษัททำงานต่อไปได้หรอก ฉันขอเลิกจ้างเธอตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และฉันขอห้ามให้เธอเข้ามายุ่งเกี่ยวกับบริษัทและคนในนี้อีก รวมทั้งแม่เลขาคนนั้นด้วย ฉันไล่ออกทั้งสองคนเลย” สไบแพรรีบตัดสินใจแทนสามี
“ไม่ต้องไล่ออกผมก็ไม่อยู่หรอกครับ ผมขอลาออกเอง และไม่ต้องไล่คุณลลิตาด้วย เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเหมือนกัน แต่ที่ผมลาออก เพราะผมคงจะทนทำงานกับคนที่ดูถูกความเป็นคนของผมได้อีกต่อไป”
จบคำเขาก็ดึงป้ายพนักงานที่แขวนอยู่กระเป๋าเสื้อวางลงบนโต๊ะจักรภพ แล้วเดินออกจากห้องทันทีโดยไม่สนใจจะหันกลับไปมองคนอยู่ด้านหลังสักนิด เพราะรู้สึกโกรธที่ถูกรุมซักฟอกเกือบชั่วโมง อีกทั้งเห็นว่าเมื่อมีคนระแคะระคายเรื่องนี้แล้ว โอกาสจะทำอะไรต่อไปคงยากขึ้น จึงไม่เห็นประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ
“ดีไปไหนก็ไป คนไว้ใจไม่ได้แบบนี้ฉันไม่อยากเลี้ยงไว้หรอก” สไบแพรด่าไล่ตามหลัง แต่ขวัญข้าวค่อนข้างไม่พอใจเอามาก ๆ ที่เหตุการณ์กลายเป็นแบบนี้ เพราะยังไม่รู้เรื่องว่าตกลงแล้วผู้ถูกสงสัยคือต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนหายไปหรือไม่
“มองฉันทำไมยะหล่อน หมดธุระเธอหรือยัง ถ้าหมดแล้วก็เชิญออกไปจากห้องได้แล้ว”
“คุณพ่อคะตกลงเรายังไม่รู้เลยนะคะว่ายายเนยหายไปไหน” ไม่สนใจคำแม่เลี้ยงใจยักษ์สักนิด แต่หันไปหาจักรภพ ซึ่งเปรียบเสมือนที่พึ่งสุดท้าย
“เอาไว้ฉันจะไปแจ้งความเอง หมดเรื่องแล้วใช่มั้ย ฉันเหนื่อยและปวดหัวเต็มที ให้ใครก็ได้เอาอะไรเย็น ๆ มาให้หน่อย ทำไมมันมีแต่เรื่องยุ่ง ๆ ไม่เว้นวันแบบนี้นะ ยายเนยนะยายเนย กลับมาจะต้องพูดกันยาวหน่อยแล้ว” คนพูดถอดสูทและคลายเนคไทออกด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“อ้าว! จะรอหาอะไรอีกล่ะยะหล่อน ไม่ได้ยินที่บอกหรือไง อย่าทำเป็นห่วงจนเวอร์ไปหน่อยเลยเพื่อนแรด ๆ ของหล่อนน่ะ อีกไม่นานก็หอบท้องโย้ ๆ กลับมาให้ฉันเลี้ยงลูกเองนั่นล่ะย่ะ”
สไบแพรรีบไล่ขวัญข้าวเพราะไม่ชอบขี้หน้าตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ส่วนอีกคนก็มีความรู้สึกไม่แตกต่างกันนัก จึงยกมือไหว้ทั้งสองลวก ๆ แล้วออกจากออฟฟิศ แต่ไม่วายกวาดสายตาไปมองลลิตาที่นั่งทำหน้าละห้อยอยู่โต๊ะทำงาน เมื่อรู้จากสหภาพว่าเขาถูกไล่ออกทันที อยากจะเข้าไปอธิบายเรื่องให้จักรภพกับสไบแพรฟังอีกรอบ แต่เขาห้ามไว้ เพราะไม่อยากให้ถูกไล่ออกอีกคน
ขวัญข้าวมองไปยังร่างสูงที่กำลังเก็บข้าวของลงกล่องด้วยความรีบร้อน แต่ใบหน้าเขายังเรียบเฉยไม่สะทึกสะท้านตรงไหน ยิ่งทำให้ขวัญข้าวสงสัยไม่หาย แต่ก็ไม่รู้จะหาหลักฐานอะไรมาผูกมัดเขา จึงเดินกลับลงไปร้านอาหารนั่งกลัดกลุ้มอยู่คนเดียว

เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้วเมื่อพิมมาดาชะเง้อคอคอยคนยกอาหารมาให้ ซึ่งวันนี้รู้สึกจะมาช้ากว่าทุกวันก็ว่าได้ การรอคอยหาได้สืบเนื่องจากความหิวไม่ แต่รอโอกาสเหมาะสำหรับการหลบหนีมากกว่า เพราะทั้งมื้อเช้าและมื้อเที่ยง ไม่มีชายร่างใหญ่มายืนคอยกันประตูอย่างเคย จึงคาดหวังว่ามื้อเย็นอาจจะไม่อยู่ก็เป็นได้ และถ้าเช่นนั้น บ้านทั้งบ้านก็น่าจะมีป้าแก่ ๆ กับเด็กสาวแค่สองคนเท่านั้น
พิมมาดาจะอาศัยความมืดที่โรยตัวลงมาเรื่อย ๆ ซึ่งจะอาศัยเป็นเครื่องช่วยอำพรางให้หลบหนีได้ง่ายขึ้น เพราะไม่อาจจะรอให้ใครมาช่วยได้อีกแล้ว ด้วยผ่านไปหลายวันยังไม่มีวี่แววเลย จึงต้องพึ่งตัวเองในที่สุด แม้ไม่รู้ว่าหนทางแห่งการหลบหนีจะเป็นอย่างไร แต่ก็ขอไปให้พ้น ๆ จากที่นี่ ขืนนั่งรออยู่แบบนี้ วันพรุ่งอาจจะมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นกับตัวเองเป็นแน่
เสียงไขกุญแจดังขึ้นที่ประตู ดวงหน้าขาวเนียนจ้องมองไปยังคนที่จะโผล่มาในห้อง ซึ่งไม่มีชายร่างใหญ่นำมาอย่างที่คาดเดาไว้ มีแต่เด็กสาวและป้าซึ่งเธอรู้มาจากปากแกว่าชื่อเอี้ยง
“อาหารเย็นมาแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะป้ามัววุ่นอะไรหลายเรื่องเลยมาช้าไปหน่อย คุณหิวหรือยังคะ บัวผันรีบ ๆ ไปเอาเสื้อผ้าที่ใช้แล้วของคุณออกไปเร็ว ๆ เข้า มีอะไรต้องทำอีกมาก”
ป้าเอี้ยงรีบหันไปสั่ง เพราะเจ้านายหนุ่มโทรบอกว่าจะมาค้างที่นี่หลายคืน จึงต้องปัดกวาดเช็ดถูกนั่นนี่หลายอย่าง และต้องเตรียมหาอาหารโปรดมาไว้รอ เลยต้องให้กำชัยออกไปซื้อข้าวของจนป่านนี้ยังไม่กลับเข้ามาอีก
“คุณมากินข้าวเถอะค่ะค่ำมืดแล้ว” พิมมาดารีบลุกไปหาโต๊ะอาหารที่ป้าเอี้ยงวางไว้แล้วยืนดูอยู่ใกล้ ๆ ส่วนบัวผันเข้าไปเก็บเสื้อผ้าในห้องน้ำ เมื่อสบโอกาสป้าเอี้ยงเผลอ ร่างบางจึงรีบผลักประตูและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“อ้าว! นั่นคุณจะไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้นะคะ บัวผัน ๆ ทำอะไรอยู่ เร็ว ๆ เข้า คุณวิ่งหนีไปแล้ว เร็ว ๆ” เอี้ยงแหกปากร้องลั่นบ้าน บัวผันรีบวิ่งออกมาด้วยความตกใจ
“อะไรป้าร้องลั่นเลยหนูตกใจหมด” “จะมัวถามทำไม ตามคุณไปเร็ว ๆ เข้า วิ่งลงบันไดไปแล้ว”
บัวผันทันได้เห็นหลังนักโทษเจ้านายวิ่งลงบันไดด้วยความเร็ว จึงวิ่งตามไป พิมมาดาไม่รู้จะไปทางไหนดี เพราะมันมืดมิดไปหมด จึงเลือกวิ่งหนีไปตามทางเล็ก ๆ แต่พอเห็นแสงไฟจากหน้ารถกำลังแล่นเข้ามา แม้จะไม่รู้ว่าเป็นรถใคร แต่ก็เดาได้ว่าคงจะไม่ใช่รถที่จะพาคนมาช่วยให้หนีไปจากที่นี่เป็นแน่ จึงตัดสินใจหันหลังวิ่งกลับทางเดิม เห็นบัวผันวิ่งออกมาจึงวิ่งหนีเข้าป่าข้างทาง
“มีอะไรบัวผัน” สหภาพทันได้เห็นว่ามีอะไรวิ่งเข้าป่าไปแต่ไม่แน่ใจ
“คุณคนนั้นค่ะ หนีออกมาแล้ววิ่งเข้าไปป่าแล้วค่ะ”
เพียงเท่านั้นเขาก็รีบลงจากรถแล้วสาวเท้ายาว ๆ วิ่งไปตามทิศทางที่บัวผันชี้บอกทันที พิมมาดาวิ่งไปตามป่าด้วยเท้าเปล่าเปลือยอย่างไม่คิดชีวิต และคนไม่รู้ทิศทางมีหรือจะสู้คนรู้พื้นที่แทบจะทุกตารางนิ้ว สหภาพตามมาทันได้เห็นพุ่มไม้ไหว ๆ อยู่ข้างหน้าจึงร้องเรียกดัง ๆ เพื่อเป็นการขู่
“หยุดนะคุณเนย คุณคิดว่าจะหนีผมพ้นเหรอ” คนถูกเรียกตกใจสุดขีด รีบวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต แต่ก็ดูเหมือนจะช้าไปกว่าเขาแล้ว ที่วิ่งมาทันได้คว้าตัวเธอไว้ได้
“ปล่อยฉันนะ! ปล่อย ๆ ๆ บอกให้ปล่อย! จับฉันมาไว้ทำไม! ปล่อย!!! ๆ ๆ” เสียงร้องดัง ๆ สลับกับการถูกกระชากลากถูไปตามป่าอย่างทุลักทะเลด้วยมือแข็งแรง
“ป้า! ช่วยเอาของลงจากรถให้ผมด้วย” บอกทั้ง ๆ ที่ยังลากร่างบางขึ้นบันไดไปอย่างไม่ปราณี
“ปล่อยนะ โอ๊ย! ฉันเจ็บ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” ปากยังร้องลั่นแม้เขาจะลากไปในห้องแล้วและลากต่อไปโยนไว้ในห้องน้ำ
“โอ๊ย! คุณจับฉันมาทำไม”
“ผมกลับมาอีกที คุณจะต้องไม่อยู่ในสารรูปนี้ ไม่งั้นคุณจะถูกผมเอาไปผูกให้นอนอยู่ใต้ต้นไม้แทนห้องนี้”
ทั้งหน้าตาและเนื้อตัวมอมแมมจากดิน กับเศษไม้ตอนถูกลากกลับมา ทำให้เขาต้องชี้หน้าออกคำสั่งด้วยเสียงเข้ม ๆ และหน้าดุ ๆ เพราะตัวเองก็เหนื่อยจากการเดินทางมาไม่น้อยแล้วยังต้องออกแรงวิ่งตามจับแม่นักโทษอีก แถมจะต้องกลับไปเอาเรื่องลูกน้องที่เผลอเรอจนเปิดโอกาสให้ผู้หญิงคนเดียวหนีออกไปได้



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ส.ค. 2556, 09:13:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ส.ค. 2556, 09:13:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1638





<< นางฟ้าในมือซาตาน   สูญสิ้นแล้วความภาคภูมิใจ >>
sonakshi 22 ส.ค. 2556, 16:07:54 น.
พระเอกใจร้าย


กันเกราธัญญรัตน์วรนัน 29 ส.ค. 2556, 07:26:57 น.
ใช่ค่ะ ใจร้ายมากกกกก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account