สิเน่หา...ยอดดวงใจ
260 ปี มันช่างนานแสนนานเหลือเกินกับการต้องรอคอยพบเจอะเจอหญิงสาวอันเป็นนิมิตรหมายในห้วงอันคลั่งแค้นแสนสะสมมานานเป็นร้อยๆ ปีคริสต์ศักราช

แนะนำตัวละคร

ดานิล วาดิติน อเล็กซานดรูว์ บุรุษมหาเศรษฐีเก่าแก่ลึกลับตระกูลหนึ่งของรัสเซีย ทรัพย์สินที่มีไว้ครอบครองมีค่ามากกว่าเมืองหนึ่งๆ ของรัสเซียเลยทีเดียว

ในอดีตชื่อ Anna Mikhailov

ปัจจุบันชื่อ อันนา วรเวช สาวน้อยวัยยี่สิบสองปี ที่ต้องมาจมปลักทนทุกข์ เมื่อกำลังเดินทางมายังเมืองมอสโกแห่งรัสเซียแล่นสู่คฤหาสน์วาติดิน ใน ฐานะ ภรรยาของดานิล วาดิตินวัยหกสิบปี อันนาเข้าใจว่า ดานิลคือชายชรา ก้าวแรกที่เข้ามาได้พบเขา อันนาก็ต้องตกใจ ไหนจากบ้านของเธอบอกว่า ดานิล วาดิติน อายุหกสิบปีแล้ว คนที่เธอเห็นตรงหน้ากลับเป็นชายหนุ่มเรือนร่างกำยำหล่อเหลาไร้ที่ติ แต่ดวงตาคู่คมกริบที่จ้องมองเธอนั้นกลับน่ากลัวเหลือเกิน คำแรกที่ดานิลเอ่ยกับอันนา คือ คำสั่ง เป็นคำสั่งที่อันนาแทบมึนงุนงง ไม่เข้าใจเสียจริงๆ เขาต้องการให้เธอค้นหาหัวใจของเขาที่หายไป...

Tags: รักโรแมนติกพาฝัน,ซึ้งกินใจ,สิเน่หา...ยอดดวงใจ

ตอน: บทที่ 2 ใจหวาดหวั่น...




บทที่ 2 ใจหวาดหวั่น...

ตะวันที่ผุดขึ้นน่านฟ้าเมืองหนาวเหน็บ เวลานี้กำลังดิ่งสู่พื้นพสุธาอย่างรวดเร็ว ดานิลกลับมาจากการประชุมของสำนักงานใหญ่แล้ว ก็ยังได้รับรายงานว่าหญิงสาวเอเชียแสนรักแสนแค้น ยังคงทำตัวนอนสลบไสลไม่ขยับตัวฟื้นเลย ใบหน้ารูปหล่อเนียนบึ้งตรึงด้วยอารมณ์เสียตลอดทั้งวัน เพราะหญิงสาวนั้นช่างอ่อนแอเหลือเกิน จนไม่เหมือนกับอันนาที่เขารู้จักเช่นเคย

“อันนาของข้า ไม่เคยทำตัวอ่อนแอเหมือนเจ้าเลยนะ...” ดานิลหลงพูดคนเดียวออกมา ก่อนเดินเข้ามานั่งบนเตียงนอนกับร่างบางแสนอ่อนแอ หญิงสาวพลิกตัวอย่างอ่อยอิง ก่อนจะเริ่มรู้สึกตัวตื่นนอน ร่างกายเหมือนจะขาดน้ำ ริมฝีปากบางจึงขยับเอ่ยพึมพำ

“หิว...น้ำ” ดานิลย่นคิ้วดกหนาชนกัน แต่มือก็เอื้อมไปหยิบน้ำในเยือกข้างๆ เตียงนอนใหญ่ของตน เทลงใส่แก้ว แล้วยื่นมาใกล้ๆ มือของเธอ

“ขอบคุณค่ะ” อันนายันตัวเองขึ้นเล็กน้อยและรับแก้วน้ำมาดื่มจนหมด ทั้งๆ ที่หลับตา ก่อนจะเริ่มจำความได้ ดวงตาเล็กแทบเบิกกว้างโตอย่างตื่นๆ และแล้วแก้วน้ำในมือตอนนี้คืออาวุธที่ดีที่สุดของเธอ เรียววงแขนวาดขึ้นก่อนจะปาแก้วใส่คนร่างโตที่ใกล้ชิดบนเตียงนอนกับเธอโดยไม่ต้องคิดทบทวน

“ไอ้คนเลว ตายเสียเถอะ!” ดานิลรู้ทันเสียด้วย เพราะว่าพลังอ่านจิตนิมิต มือแกร่งคว้าหมับที่แขนบางดั่งกล่าว เป็นการห้ามไว้ทันในชั่ววินาที และบิดข้อมือบางให้ปล่อยแก้วหลุดทิ้ง จนหญิงสาวร้องด้วยความเจ็บปวด

“โอ๊ยๆ เจ็บ ปล่อยนะ”

“ฤทธิ์เรี่ยวแรงช่างกล้าดีนี่! เธอไม่ได้อ่อนแออย่างที่ข้าคิดสินะ...หึๆ” ดานิลว่าให้ด้วยอารมณ์ร้อนโมโห เมื่อเธอช่างกล้าทำร้ายเขาต่อหน้าต่อตาเชียว สมแล้วที่เป็นนังผู้หญิงใจอำมหิต

“เจ้า กล้าทำร้ายแม้กระทั่งสามีตนเองเชียวหรือ หือ!” อันนาแทบใจวูบหล่นหายเคว้งๆ เขาบอกเธอว่าอะไรนะ ไม่จริง ไม่จริง!

“ไม่นะ คุณไม่ใช่สามะ...มี...ฉัน” อันนาเกิดอาการพูดติดอ่าง เมื่อเขากระชากร่างเธอมาแนบชิดตรงหน้าแกร่ง และยังบีบคางมนๆ ให้เงยขึ้นมาเผชิญใบหน้าหล่อร้ายอขงเขา

“ใช่ อย่างแน่นอนต่างหากล่ะ ลืมไปแล้วหรือไงว่าเจ้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร!”

“ไม่ใช่ ปล่อยนะ ช่วยด้วย ช่วยด้วย...”

“เลิกร้องโวยวายสักที อันนา เจ้ากำลังทำให้ข้าหมดความอดทนนะ รู้ตัวบ้างไหม” ดานิลเกิดจะหัวเสียสุดขีด เพราะเสียงแว้ดๆ ร้องลั่นของอันนา มันช่างแสบแก้วหูเขาเหลือเกิน ให้ตายสิ พอเธอไม่สามารถปะทุร้ายเขาได้ก็ส่งเสียงกรีดร้องลั่นให้คนมาช่วยเหลือ แต่ใครมาช่วยได้ล่ะ ที่นี่มีแต่คนของเขาทั้งสิ้น ดานิลพยายามหยุดร่างบางที่ดีดดิ้น เพื่ออยากพ้นมือปีศาจอย่างเขา ดูเหมือนเธอจะทำได้สำเร็จด้วย เมื่อมีคนเข้ามาช่วยไว้ได้ทันการณ์เวลาเสียยิ่งกว่าเป็นละครอะไรสักตอนหนึ่ง...

“ท่านดานิล เจ้าคะ” เสียงแหบแห้งของหญิงแก่ชราเมดประจำตระกูลวัยเจ็ดสิบปี ได้ผลักประตูเปิดเข้ามาโดยพลการ ทำให้หญิงสาวเอเชียหลุดออกจากคุกคามของชายหนุ่มเจ้าชีวิต

“มีอะไร ทาติน่า เจ้าถึงกล้าเปิดประตูเข้ามา โดยที่ข้ายังไม่ได้อนุญาต”

“ขอโทษเจ้าคะ คือว่า มีเรื่องด่วนจริงๆ ดิฉันต้องเรียนให้ทราบว่า คุณมาร์ตินนี่ สเปโร่ ขอพบท่านที่สำนักงานใหญ่คะ เขาไม่ยอมไปไหนท่าเดียว”

“หือ! มาร์ตินนี่ สเปโร่ ไอ้หนุ่มโง่เง่า เลขาที่หายหัวไปสองเดือนงั้นเรอะ ข้าไล่มันออกแล้ว ไล่มันกลับไปบ้าน!” แม้ปากของดานิลจะพูดคุยกับเมดหญิงแก่ชรา แต่มือหนาก็ยังทำหน้าที่จับคว้าร่างบางมาไว้ในอ้อมกอดได้ทัน ก่อนที่เธอจะวิ่งไปหาเมดแก่ประจำตระกูลของเขา ดานิลจับตัวอันนาได้ก็ทำการล็อคคอระหงและเอามือแกร่งปิดปากบางเอาไว้ ดูเหมือนหญิงสาวจะร่ำร้องไห้ตาแดงก่ำพุ่งขอความช่วยมาที่ทาติน่าอีกด้วย

“ข้ากำลังยุ่งอยู่ ให้คนไล่มันไป ทาติน่า เลขาโง่เง่าขี้เกียจแบบมัน ข้าไม่ต้องการ แม้พ่อมันจะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงก็ตาม อ้อ...ไปบอกให้วอนก้า ช่วยไปล่ำอ้หมอนี่กลับบ้านหาพ่อเลอเลิศของมันซะ”

“ค่ะ นายท่าน”

“อื้มๆ อื้มๆ” เสียงของอันนากู้ร้องขอความช่วยเหลือจากหญิงชรา แต่ดูเหมือนจะไร้ผล เธอแทบใจสลาย เมื่อเห็นหญิงแก่ชรากำลังก้าวเท้าเดินออกพ้นประตูไป

“เดี๋ยวก่อน ทาติน่า...”

“คะท่าน” หญิงชราหยุดก้าวเดิน เมื่อเจ้านายร้องเรียก

“ดูเหมือนสาวน้อยผู้นี้ อยากให้เจ้าช่วยนะ เจ้าไม่คิดจะช่วยสงเคราะห์บ้างหรือไง” ดานิลพูดกับเมดชรา พลางหัวเราะในลำคออย่างพอใจ

“อ่ะอื้มๆ” อันนาร้องอู้อี้ขอความช่วยเหลือทั้งน้ำตา กลัวก็กลัว และไม่เข้าใจคนเหล่านี้พูดกันด้วย

“ถ้า ดิฉันช่วยแล้ว ท่านดานิล...จะยอมปล่อยนางหรือเปล่าเจ้าคะ” ที่จริงแล้วเมดชรา ต้องการเข้ามาห้องนอนเจ้านายโดยพลการ ก็เพราะได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหญิงชราไม่เคยเห็นเจ้านายทำตัวกดขี่ ทำตัวรังแกผู้หญิงมาก่อนด้วย และน้อยมากที่เจ้านายวัยใกล้เคียงกับนาง แต่ผิวพันธุ์เต่งตึงหนุ่มแน่นอย่างมหัศจรรย์ ยุ่งวุ่นวายกับหญิงสาวบนเตียงข้ามคืน และยังเป็นหญิงสาวตัวน้อยๆ เชื้อสายคนเอเชีย เมดชราทาติน่าไม่เคยพบพานเจอมาก่อนด้วย

“ฮ่าๆ ทำไมเจ้า ถึงคิดว่าข้าจะไม่ปล่อยยัยนี่ล่ะ”

“ดิฉันไม่ทราบคะ แต่ถ้านายท่านต้องการให้ดิฉันช่วยนาง ก็จะช่วยเจ้าคะ” แม้เมดคนแก่ จะคิ้วขมวดสงสัยก็ตาม ซึ่งนางเพิ่งจะเคยเห็นผู้หญิงข้ามคืนของท่านดานิล... เพราะทุกครั้ง วอนก้าจะจัดการให้พวกผู้หญิงเหล่านี้หายไปก่อนรุ่งขึ้น ที่เหลือนางแค่เข้ามาเก็บกวาดและทำความสะอาดห้องนอนของเจ้านายเท่านั้น

“โอเคๆ” รับคำจบ ดานิลก็ปล่อยมือออกร่างของอันนา หญิงสาวได้รับความเป็นอิสระแล้ว ก็ลุกพรวดวิ่งมาหาเมดชราทาติน่าที่ยืนอ้างแขนรับเอาไว้

“ขอบคุณๆ ฮือๆ” อันนาร้องไห้ทั้งดีใจ ที่รอดพ้นจากมือซานตานร้ายมาได้อย่างหวุดหวิดขาดใจ

“ทาติน่า ข้าขอแนะนำนั้น อันนา วรเวช ผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาของข้า เจ้าจงดูแลนางไว้ให้ดี อย่าให้นางออกไปเพ่นพ่านนอกคฤหาสน์เด็ดขาด...”

“คะ?...ค่ะ นายท่าน...” เมดชราถึงขั้นตกอกตกใจ คิดว่าหูฟังเพี้ยนไปหรือเปล่า แต่คนเป็นเจ้านายก็ยังยืนยันต่อ

“พานางไปให้พ้นหน้าข้าได้แล้ว แต่ถ้าข้าเรียกหาเมื่อไหร่ เจ้าต้องพานางมาให้ข้า”

“เอ่อ...ค่ะ นายท่าน...” ทาติน่ารับคำสั่งอย่างความมึนงงๆ พอโค้งคำนับแล้วก็พาสาวน้อยคนเอเชียออกจากห้องผู้เป็นเจ้านายไป ทั้งสงสัยคาใจอย่างมากที่สุด เสียงปิดประตูลงเรียบร้อย ดานิลวัยอมตะถึงขั้นเกิดอาการตัวสั่นๆ เพราะกำลังสะกดกลั้นอารมณ์ร้ายในตัวเอง สุดท้ายเหยือกน้ำแก้วเจียระไนสวยวางอยู่ในตำแหน่งใกล้มือเขาที่สุด ได้ถูกทำลายดังเปรี้ยงสนั่นห้องนอนเป็นระบายแทน

“บัดซบเอ้ย! ปล่อยนางไปทำไมกัน ไอ้ดานิลโง่ ทรมานเธอต่อสิ ทรมานนังผู้หญิงใจอำหิตให้กระเลือดซี...แค่น้ำตาเธอไหลมาเปรอะเปื้อนมือ ก็ดันหวั่นไหวเอนอ่อน แล้วไอ้ที่ข้าต้องทนทรมาน ตลอดสองร้อยหกสิบปีมานี้ มันคืออะไร!” ดานิลพ่นต่อว่าตนเองอย่างโมโหรุ่นแรง แต่ก็เอามือข้างที่เปื้อนน้ำตาหญิงแห่งรักขึ้นมาจรดจูบซับล้างออก มันช่างเป็นการเช็ดคราบน้ำตาของเธอทิ้งที่บีบร้าวถึงกระดูกเหลือเกิน



“ขอบคุณค่ะ คุณยาย” อันนาเอ่ยพูดเป็นภาษาอังกฤษกับเมดชราของผู้ชายใจร้าย ด้วยน้ำตาอาบแก้ม นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้หลุดพ้นจากการครอบงำของเขาแล้ว แม้จะชั่วคราวก็ตาม แต่มันก็ทำให้เธอโล่งใจดีใจและหายใจสะดวกมากขึ้นเหลือคณา

“ดิฉันชื่อ ทาติน่าค่ะ นายหญิงอันนา” เมดชรายังคงพูดทำตามคำสั่งของเจ้านายแห่งชีวิต และคิดว่านายท่าน เลือกผู้หญิงไม่ผิดหรอก และมันไม่เคยเกิดกับท่านดานิล วาดิติน อเล็กซานดรูว์ บุรุษมหาเศรษฐีตระกูลเก่าแก่นับชั่วอายุร้อยๆ ปีแห่งมอสโก

“ไม่ๆ อย่าเรียกแบบนั้น ฉันไม่ใช่นายหญิงของเขา ฉันเกลียดเขา เขาใจร้ายมาก ฮือๆ” อันนาได้ยินที่เมดทาติน่าเรียกสรรพนามตน ก็ต้องใจวูบจนเกือบล้ม เธอกลัวเจ้านายของเมดชราคนนี้มาก นายยง นายหญิงเธอก็ไม่อยากจะเป็นด้วย เธออยากหนีออกไปจากดินแดนมืดมนแห่งนี้เหลือเกิน

“ไม่ร้องไห้ค่ะ ท่านดานิลไม่ได้ใจร้ายอย่างที่นายหญิงคิดหรอกนะคะ เอาเป็นว่าทาติน่าจะพาไปพักผ่อนก่อนนะ” เมดชรา เพิ่งจะสังเกตเห็นเรือนร่างของหญิงสาวน้อยเอเชีย มันช่างน่าสงสาร จนอยากจะร้องตกใจจริงๆ เพราะเนื้อตัวของเธอบอบช้ำ คล้ำเขียวไปตั้งหลายแห่งมาก เสื้อผ้าอาภรณ์ไม่ต้องพูดถึง มันบางจนแทบปกปิดเนื้อนวลนิ่มของหญิงสาวไว้ไม่ได้เลย อะไรกันเนี่ย ท่านดานิลถึงช่างออกแรง รังแกหญิงสาวคนเอเชียจนเป็นแบบนี้หน่อ และแล้วดวงตาสีเทาของทาติน่าก็ต้องตะลึงค้างยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เมื่อเห็นสิ่งหนึ่งบนซอกคอระหงของเจ้านายผู้หญิง ผู้ที่จะมายืนหยัดเคียงข้างเจ้านายของตน รอยตราอัคคีแห่งอเล็กซานดรูว์ ท่านดานิลได้เลือกเธอ เลือกผู้หญิงคนนี้จริงๆ ด้วย ทาติน่าขยับตัวเร็วๆ และทำการคุกเข่าต่อหน้าอันนาหญิงสาวอายุน้อยหลายเท่า จนกระทั่งฝ่ายอันนาเองทำตัวไม่ถูกและไม่เข้าใจกับการกระทำของหญิงชราดั่งกล่าวด้วย

“คุณยาย ทำอะไรคะ คุณยายคุกเข่าทำไมคะ ลุกขึ้นค่ะ”

“ขอบคุณ ขอบคุณ นายหญิงมากกว่าค่ะ ตั้งแต่ท่าติน่าจำความได้ ท่านดานิล ไม่คิดจะเลือกใครเลย และตอนนี้ก็พบแล้ว นายหญิงคือคนที่ท่านดานิลเฝ้ารอ...” อันนาได้ยินที่เมดชราของคนใจร้ายบอก ด้วยสีหน้าอันปลื้มปิติยินดีทั้งน้ำตาออกมา อยู่ๆ หัวใจของอันนาก็เกิดความหวาดหวั่นชอบกลแปลกประหลาดนัก แค่หญิงชราพูด ทำไมเธอถึงมีอาการเย็นยะเยือกแบบนี้ คนที่เฝ้ารอ...และคำพูดของเขาจนทำให้เธอเก็บไปเป็นฝันร้าย มันก็คือความจริงงั้นเหรอ ‘ชีวิตอมตะนิรันดร์’



ชีวิตอันอมตะนิรันดร์นั้น มันเป็นความปรารถนาของสรรพสิ่งมีชีวิตบนผืนพิภพ ด้วยยิ่งการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้น ย่อมมีความต้องการ กิเลสและตัณหามากว่าชีวิตสิงสาราสัตว์ที่เกิดมา เผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกชั่วอายุได้มีการออกตามหาวิธีการ พิธีกรรมบวงสรวงบูชาทั้งหลาย ขอให้ได้ซึ่งมาความเป็นอมตะนิรันดร์ และแล้วพิธีกรรมบูชาที่สำเร็จเหล่านั้น แท้จริงแล้วมันอาจจะไม่ใช่การสร้างบูชายันต์ความอมตะ แต่มันอาจจะเป็นเพียงกรรมวิธีแห่งการก่อสร้างเรื่องราว เรื่องเล่าขานของคำสาปก็เป็นไปได้

“ไอ้ลูกหน้าโง่ แกทำให้พ่อต้องอับอายมากแค่ไหน ทำไมถึงได้ทำตัวเหลวไหลแบบนี้ ใครให้แกหนีงานเป็นเดือนๆ นี่ท่านดานิลไล่แกออกก็นับว่าบุญแล้ว มันดีแค่ไหนที่หุ้นของพ่อไม่ได้ถูกล้มละลายไปพร้อมด้วย มาร์ตินนี่แกช่างมัน...ไอ้ลูกไม่มีหัวคิดเอ้ย” พ่อของมาร์ตินนี่ หรือท่านรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศกำลังเอ่ยต่อว่าลูกชายร่างผอมผิวซีดขาว หน้าตาค่อนข้างหล่อเหล่ากินใจสาวๆ ทั่วเมืองก็ตาม

“คุณพ่อเลิก ต่อว่าและด่าผมได้แล้ว ผมรู้น่าว่าตนเองทำผิด แต่ผมก็ไม่ได้หายไปเป็นเดือนๆ ให้เสียประโยชน์นะพ่อ ผมยอมถูกไล่ออก เพื่อเสี่ยงได้รู้ความลับของตระกูวาดิติน อเล็กซานดรูว์ ฮ่าๆ” เมื่อคนเป็นลูกชายบอกจบ คนเป็นพ่อแทบตาโตเท่าไข่ห่าน

“อะไรนะ! กะ...แกไปรู้อะไรมา....” คนเป็นลูกยิ้มกระหยิ่มใจให้พ่อรูปร่างท้วม ผิดกับตนเอง ที่ผอมแห้งเป็นไม้เสียบขนม

“การที่คุณพ่อส่งผมไปอยู่กับท่านดานิล ก็เพราะอะไรล่ะคร้าบ พ่อต้องการอะไร ผมรู้อยู่แกใจนะ น้อยมากที่ใครจะรู้ว่าท่านดานิลมีรูปพรรณ หรือมีใบหน้า ค่าตาเป็นเช่นไร ใช่ไหมพ่อของผม”

“หึๆ แกไม่โง่นี่หว่า” ท่านรัฐมนตรีกระทรวงเข้าตบบ่าลูกชายแรงๆ ด้วยความชอบใจ อารมณ์ที่จะระเบิดใส่ลูกชายไม่เอาไหนแทบทลายหายเป็นปลิดทิ้ง

“มาร์ติน มาตินนี่ ทั้งสองพ่อลูก เชิญมาทานข้าวกันได้แล้ว วันนี้แม่ทำอาหารฟูลคอร์ส ฉลองที่ลูกโดนไล่ออกอย่างปลอดภัยด้วยนะจ๊ะ”

“ว้าวๆ คุณแม่กอเรียของผมใจดีที่สุด ไม่เหมือนคุณพ่อชอบเอาแต่ต่อว่าผม” มาตินนี่ถลาเข้าสวมกอดผู้เป็นแม่รูปร่างสวยเหมือนสาวๆ ไม่เปลี่ยนแปลงพร้อมทำตัวขี้ฟ้องด้วย

“คุณก็ให้ท้ายลูกมันอยู่ได้” คนเป็นพ่อทำสีหน้าแสนเซ็งถึงขั้นไม่ปลื้มแทน การที่ไอ้ลูกชายมันเสียนิสัยเอาแต่ทำตัวเล่นๆ การงานไม่เคยจริงจังก็เพราะมีภรรยาของตนให้ท้ายส่งเสริมโอ๋กันแบบนี้แหละ สุดท้ายพอไอ้ลูกจอมเลวมันเดือดร้อนท่านนี้แหละต้องไปประกันตัวมันออกมาทุกครั้ง เรื่องข่าวโลกีแสนเลวของลูกชายท่านก็ตีแผ่ขึ้นหน้าหนึ่ง หนังสือพิมพ์หลายครั้ง ผิดกับหน้าที่การงานของท่าน ที่มันได้ลื่นไหลจับนโยบายโน้นอันนี้ และเกิดประสบความสำเร็จเป็นขบวน

“ก็...กอเรียรักลูกนี่คะ ไม่เหมือนคุณหรอก ชอบใช้งานลูก ไปทำแต่เรื่องเสี่ยงๆ อันตราย แล้วนี่ยังให้ลูกเข้าทำงานกับเจ้าของคฤหาสน์วาดิตินลึกลับนั่น ฉันก็กลัวลูกจะกลับออกมาไปได้เสียอีก ชื่อเสียงของท่านดานิล เล่าลือออกไปทาง...เอ่อ...อันน่าสะพรึงกลัวน่ะค่ะ” กอเรียเอ่ยบอกกลับไปทางสามี พร้อมลูบหัวลูกชายอย่างรักใคร่ ก่อนจะกอดตัวลูกชาย และพามายังโต๊ะอาหาร เพื่อทานข้าวกันดีกว่า

“ใช่มันน่าลึกลับ ทั้งมีความสะพรึงหวาดกลัวที่สุด ผมถึงได้ต้องเสี่ยงกับวิธีเลวๆ ของลูกชายคุณไง แล้วมันก็ทำได้ด้วยนะ หึๆ” ท่านรัฐมนตรีแสนเก่ง ตะโกนบอกตามหลังภรรยา พร้อมก้าวเดินตามไปร่วมโต๊ะอาหารอย่างอารมณ์เปี่ยมสุขสันต์ หนุ่มมาตินนี่ก็แทบปลื้มหัวใจนักหนา เมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการชื่นชมจากปากคนเป็นพ่อ เพราะการที่มาตินนี่ลงทุนยอมทำตามนั้น มันก็เป็นเรื่องในสิ่งเขามักวาดฝันและมีความปรารถนาเช่นกัน



โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 3 จุดเริ่มเรื่องราว...


ปล. ดานิลไม่ได้ใจร้ายอย่างที่คิดนะคะ อิอิ




Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ส.ค. 2556, 13:49:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ม.ค. 2557, 18:22:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1488





<< บทที่ 1 คำสั่งแค้น (คำสั่งของหัวใจ)   บทที่ 3 จุดเริ่มเรื่องราว... >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account