สิเน่หา...ยอดดวงใจ
260 ปี มันช่างนานแสนนานเหลือเกินกับการต้องรอคอยพบเจอะเจอหญิงสาวอันเป็นนิมิตรหมายในห้วงอันคลั่งแค้นแสนสะสมมานานเป็นร้อยๆ ปีคริสต์ศักราช

แนะนำตัวละคร

ดานิล วาดิติน อเล็กซานดรูว์ บุรุษมหาเศรษฐีเก่าแก่ลึกลับตระกูลหนึ่งของรัสเซีย ทรัพย์สินที่มีไว้ครอบครองมีค่ามากกว่าเมืองหนึ่งๆ ของรัสเซียเลยทีเดียว

ในอดีตชื่อ Anna Mikhailov

ปัจจุบันชื่อ อันนา วรเวช สาวน้อยวัยยี่สิบสองปี ที่ต้องมาจมปลักทนทุกข์ เมื่อกำลังเดินทางมายังเมืองมอสโกแห่งรัสเซียแล่นสู่คฤหาสน์วาติดิน ใน ฐานะ ภรรยาของดานิล วาดิตินวัยหกสิบปี อันนาเข้าใจว่า ดานิลคือชายชรา ก้าวแรกที่เข้ามาได้พบเขา อันนาก็ต้องตกใจ ไหนจากบ้านของเธอบอกว่า ดานิล วาดิติน อายุหกสิบปีแล้ว คนที่เธอเห็นตรงหน้ากลับเป็นชายหนุ่มเรือนร่างกำยำหล่อเหลาไร้ที่ติ แต่ดวงตาคู่คมกริบที่จ้องมองเธอนั้นกลับน่ากลัวเหลือเกิน คำแรกที่ดานิลเอ่ยกับอันนา คือ คำสั่ง เป็นคำสั่งที่อันนาแทบมึนงุนงง ไม่เข้าใจเสียจริงๆ เขาต้องการให้เธอค้นหาหัวใจของเขาที่หายไป...

Tags: รักโรแมนติกพาฝัน,ซึ้งกินใจ,สิเน่หา...ยอดดวงใจ

ตอน: บทที่ 3 จุดเริ่มเรื่องราว...

บทที่ 3 จุดเริ่มเรื่องราว...

อันนาตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย เพราะนอนหลับไม่ค่อยสนิทในคืนที่ผ่านมา อันนา ยอมรับว่าหวาดกลัวกับสถานที่เมืองหนาวแห่งนี้นัก

“นอนขี้เซา...” และก็ยังมีเสียงทุ้มน้ำเสียงแบบนี้ เข้ามาก่อกวนให้เธอได้ยินอยู่เรื่อยๆ จนหวาดกลัวไม่ยอมลดละหายออกไปจากจิตใจ

“นะ...นาย...เข้ามาได้ไง!” อันนาร้องขึ้นเสียงสั่นๆ แล้วนี่อย่างไงล่ะ สาเหตุที่ทำให้นอนไม่ค่อยหลับได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าผู้ชายคนนี้ ยังสามารถเข้าออก วนเวียนในชีวิตประจำวันของเธอนั่นสิ

ดานิลยืนอยู่ในชุดอาภรณ์ตัวหนาเมืองหนาวและมีสีหน้านิ่งราวรูปปั้น ทว่าในร่างกายกลับรู้สึกว่าหงุดหงิดอย่างมาก ยิ่งเห็นอาการความหวาดกลัวของเธอ ทำให้เขาหัวเสียยกใหญ่ เธอไม่เหมือนอันนาคนเดิม อันนาหญิงสาวผู้มีจิตใจเข้มแข็งเก่งกล้าและทะนงตน

“อย่านะ...ฮือๆ” แค่ดานิลก้าวเท้าเดินเพียงนิดเดียว เธอก็กลัวจนตัวหด หญิงร่างบางวัยน้อยถอยหลังกรูชิดหัวเตียงนอน และกอดผ้าห่มผืนหนาจนมิดเรือนร่าง ยิ่งเสียงทุ้มหนุ่มใหญ่พ่นหายใจและมีอาการฮึดฮัดในลำคอ หญิงสาวสะดุ้งโหยงตระหนกตื่นตัวเข้าไปอีกเป็นทวี

“อ่อนแอ!” ดานิลคำรามใส่ เขาหัวเสียให้ตนเองเป็นอันดับแรก เขาแอบเข้านอนของเธอ ซึ่งเมดชราทาติน่า ได้จัดแจงห้องใหม่เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แท้จริงแล้ว หนุ่มวัยใหญ่ดานิลอยากให้เธอ ไปอยู่นอนเตียงใหญ่กับเขาโน้นต่างหากล่ะ นั่นก็เพราะว่าช่วงกลางคืน...เขาจะได้ทำอะไรหญิงสาวอย่างสะดวกหน่อย

“ท่านดานิล เจ้าค่ะ” เสียงเมดวัยชรา แทรกขึ้นมาขัดจังหวะการคุกคามของดานิล เขากัดกรามแน่นและหลับตา เพื่อข่มอารมณ์อันขัดใจเอาไว้

“คุณยาย...” อันนาเห็นร่างหญิงเมดคนชรา แทบลุกขึ้นพรวดพราดวิ่ง พาร่างตนเองไปหาคุณยายทาติน่า เกาะแขนนางเอาไว้แนบชิดสนิท ราวกับว่านางจะต้องปกป้องเธอให้พ้นภัยจากเขาได้แน่ๆ

“ท่านดานิล ท่านทำให้นายหญิงกลัวอีกแล้วหรือเจ้าคะ” เมดชราทาติน่ากล้าเรียนถามไปตามตรง เพราะอาการของฝ่ายหญิงมันฟ้องชัดเจนนัก แม้ว่าบุรุษหนุ่มใหญ่ตรงหน้า จะมีอายุเหินห่างจากนางเพียงแค่สิบปีก็ตาม ทว่าดานิลกลับไม่มีความแก่ชราตามอายุวัยที่สมควร เขากลับกลายเป็นหนุ่มวัยใหญ่ราวๆ สามสิบตอนปลายถึงสี่สิบเท่านั้น ถ้านางไม่ได้อยู่ดูแลท่านดานิลตั้งแต่จำความได้ล่ะก็ นางต้องบอกว่าเขาไม่ใช่คนแน่นอน

“เปล่า ข้าแค่จะมาปลุก...เธอเท่านั้นเอง” ใช่แล้ว เขาแค่จะมาปลุกให้เธอตื่นไปรับอาหารเช้าด้วยกัน และอีกอย่าง คือ เขา...เกิดอารมณ์ปรารถนา อยู่ห่างกันเพียงชั่วข้ามคืนเดียวกับการไม่ได้เจอหน้าของอันนา ดานิลมีสีหน้าบึ้งๆ ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆ เมดชราทาติน่า และหญิงสาววัยน้อย ผู้ที่ยืนเกาะแขนเมดวัยชรา ถึงกับออกอาการสะดุ้ง สั่นผวาไปทั้งตัว

“ข้าให้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสิบนาที แล้วพาเธอมาพบข้า ที่โต๊ะอาหารเช้านะ ทาติน่า” ดานิลสั่งความจบ ก็ใช้ดวงตาอันคมกริบจ้องเขม็งไปยัง อันนา ราวกับว่าอยากจะฆ่าหญิงสาวให้ตายคามือเสียซะตรงนี้ ถ้าไม่มีเมดชราทาติน่า มายืนขัดขวางปกป้องเอาไว้

“เจ้าค่ะ ท่านดานิล” เมดชรารับคำสั่ง การถูกเชือดเฉือนด้วยสายตากระแสอำมหิต ซึ่งแผ่สาดส่งมาถึงหญิงสาววัยอายุยังน้อยเพียงคนเดียวในห้องแห่งนี้ ทำให้อันนาแทบเกือบจะต้องทรุดล้มไปกองกับพื้นพรมของห้องนอน

“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ คุณยาย” อันนาพึมพำเสียงเบาลำคอแห้งผาก เพื่อขอบคุณ เมดวัยชรา ที่ช่วยเหลือเธอ จนหลุดพ้นรังสีความกลัวจากหนุ่มวัยใหญ่อย่างมิสเตอร์ดานิลได้ แม้จะแค่สิบนาทีก็ตามเถอะ เมื่อหมดเวลาเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกหน อย่างเลี่ยงหนีไม่ได้ด้วย เมดชรายังคงทำหน้าที่ไม่ตกความบกพร่องใดๆ แถมยังตรงต่อเวลาเป๊ะ คือ การจัดการอันนาให้อยู่ในชุดเสื้อผ้าตัวใหม่เอี่ยม และมีหนาพอรับความอบอุ่นแก่ร่างก่าย ตลอดเวลาที่อาศัยอยู่เมืองหนาวแห่งนี้

“ตาม อิฉันมาค่ะ นายหญิง ท่านดานิลรอทานข้าว นาน จนเกินมากเวลาแล้วค่ะ”

“เอ่อ...คุณยาย จะอยู่ด้วยกันไหมคะ” อันนาร้องถามด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก กลัวการที่จะต้องอยู่ตามลำพังสองต่อสองกับชายหนุ่มปีศาจ เมดวัยชราผุดยิ้มมุมปากให้เล็กน้อยและก็ไม่เอ่ยตอบอะไรอีก ปล่อยให้อันนารู้สึกว่าไม่สบายใจแม้แต่อย่างใด นางหมุนหันหลังกลับและก้าวเดินนำออกจากห้องนอนไปก่อน อันนาถึงกับใจเสียสุดๆ เท้าเล็กพยายามก้าวเท้าขยับตามอย่างอ้อยอิ่ง พร้อมกับลอบมองสภาพโดยรอบๆ คฤหาสน์หลังโตโอ่งอ่างหรูหราสีครึ้มหม่นหมอง บ่งบอกอายุเกือบร้อยกว่าปี ชวนให้อันนาเรียกเอ่ยในใจว่า คฤหาสน์ผีสิงดั่งเหมือนหนังฝรั่ง ส่วนสภาพอากาศนั้น ช่างหนาวเหน็บและเย็นจัดไปจนถึงกระดูกเสียจริงๆ

ชุดห้องอาหารใหญ่โต บนโต๊ะเรียงรายด้วยอาหารเช้าเสร็จสรรพ เมดชราเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งลงข้างๆ เจ้านายหนุ่มวัยใหญ่ อันนาถึงกับชะงักเท้าหยุดเดิน ขนลุกหวาดผวา ดวงตาร้อนผ่าวจนน้ำใสคลอเบ้า กระแสแรงอำมหิตเค้นแค้นมันกระทบถึงหัวใจของเธอเต็มๆ หวังว่าอาหารมื้อเช้า คงไม่มียาพิษแอบแฝงอยู่หรอกนะ แต่ถ้ามีจริงๆ เธอก็ยอมตายได้เช่น แถมยังดีเสียอีก จะได้จบๆ ไป ไม่จำเป็นต้องมาทนทุกข์อาศัยอยู่ในสถานที่อันไม่รู้จักแห่งนี้ โดยเฉพาะมนุษย์ประหลาดอย่างเขา ดุร้าย จิตใจโหดดั่งปีศาจและซาตาน อันนามีความรู้สึกว่าอยากถอยหลังหนีไปให้พ้นๆ เสียเหลือเกิน

“จะยืน กินข้าวหรืออย่างไง อันนา...” อันนาสะดุ้งโหยงตื่นตกใจ กับเสียงทุ้มขู่ฟ่อๆ ของเขา เมดชรา จึงต้องเดินเข้ามาหาและจับจูงมือหญิงสาวให้มานั่งทานอาหารเช้ากับเจ้านายของนาง

“กินสิ ตัวผอมยังกับไม้แห้งเสียบตายหมดแล้ว” ดานิลเอ่ยสั่งต่ออีกครั้ง เมดชราทาติน่าเผลอยิ้มให้เล็กน้อย กับการแสดงความเอาใส่ใจ ผู้หญิงคนสำคัญของท่านดานิล ท่านคงเฝ้ารอ...หญิงสาววัยน้อยผู้นี้ อย่างเนิ่นนานสินะ เมดชราเดินมายืนด้านหลังเก้าอี้ของอันนา พยายามให้กำลังใจเธอ เพราะทาติน่าไม่ทราบว่า ท่านดานิลจะทำเสียงดุๆ ใส่สาวน้อยไปเพื่ออะไร ทั้งๆ ที่มีรอยอัคคีของท่านดานิล ซึ่งยอมสละ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่า ท่านดานิลนั้นได้เลือกคนรักแห่งหัวใจเรียบร้อยแล้ว

“ทาติน่า เจ้าออกไปทำงานของเจ้าต่อเถอะ ส่วนตรงนี้...ข้าจะจัดการเอง” เมดชราผู้รับใช้ยิ้มที่มุมปากอีกที ก่อนจะก้มคำนับเจ้านายหนุ่มเล็กน้อย แล้วก้าวเดินหายออกไปจากห้องอาหาร ตามคำสั่งของเจ้านายหนุ่มวัยใหญ่ ปล่อยให้อันนามีความรู้สึกแสนอึดอัดคนเดียว

“คุณยาย..อย่าเพิ่งไปค่ะ คุณยาย” ช่วยอยู่เป็นเพื่อนเธอก่อน อันนาอยากจะตะโกนบอกและคุณยายทาติน่ารั้งเอาไว้ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เนื่องจากนางเดินอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว ไม่เหมือนคนชราเลย

“หมดตัวช่วยแล้ว อันนาที่รัก ได้เวลาที่เจ้าต้องทำงานให้ข้าเสียที” อันนาถึงขั้นตัวหด ตัวลีบ เตรียมลุกขึ้นหนีออกห่างๆ ทว่าอุ้งมือแกร่งกลับคว้าข้อมือบางของเธอ ให้หยุดการขยับเขยื้อนเอาไว้

“อย่ากรีดร้องนะ อันนา ไม่งั้นข้าจะ...” ดานิลยังเอ่ยสั่งไม่จบประโยค อันนาถึงขั้นรีบเม้มปากเงียบสนิทรวดเร็วทันใจ ทั้งน้ำตาคลอ...เธอพยายามหลับตาปี๋นิ่งๆ เพื่อหนีสายตาคู่คมที่คุกคาม แม้ตอนนี้ร่างกายจะสั่นเทิ้ม แพ้ความหนาวเหน็บไปโดยปริยาย ดานิลหัวเราะในลำคอด้วยความพอใจอย่างยิ่ง

“เจ้ายังจำไม่ได้หรือ ว่าเอาหัวใจของข้า ไปซ่อนไว้ที่ไหน” เขาลดเสียงให้ดูนุ่มนวลลงเล็กน้อย เมื่ออันนาทำตัวเป็นเด็กดีนิดหน่อย อันนารีบสายหน้าไปมาเป็นคำตอบ เธอไม่รู้จริงๆ นี่นา แล้วจะให้เธอทราบหรือรู้ได้อย่างไร ทำไมเธอ จะต้องออกตามหาหัวใจของเขาด้วย

“จำไม่ได้ อย่างงั้นเหรอ อันนา...” เส้นเลือดบนขมับของดานิลปุดขึ้น แล้วนี่เขากลายเป็นคนโมโหง่ายตั้งแต่เมื่อไร ยิ่งเห็นอาการเธอปรปักษ์ปฏิเสธ เขายิ่งเดือดดาล อันนารู้สึกเจ็บปวดร้าวบริเวณข้อมือบางข้างที่ชายหนุ่มวัยใหญ่คว้ากรอบกำเอาไว้แน่น ดวงตาคู่เล็กของเธอแทบเบิกลืมตาขึ้น

“เจ็บๆ นะ” อันนาร้องโอดครวญ พยายามใช้มือบางอีกข้าง เข้ามาแกะอุ้งมือหนาแกร่งที่จับบีบกรอบกุมจนข้อมือของเธอจะแตกหัก ดานิลทะนุถนอมเรือนร่างกายเธอน้อยมาก เขาอยากให้เจ็บปวดแสนทรมานจนสุดขั้วหัวใจ แต่ทว่าคนที่เจ็บปวดมากกว่า คือ เขาต่างหากล่ะ ถูกสาปให้ทรมานนานถึงสองร้อยหกสิบปี เขากระชากร่างบางให้ลุกขึ้น แล้วเดินตาม ราวกับลากเธอเป็นสัตว์ตัวน้อยสักตัวหนึ่ง

“ปล่อยนะ ฮือๆ” เธอร้องไห้อีกแล้ว น่ารำคาญเสียจริงๆ ให้ตายสิ อันนาที่รักของเขา ทำไมถึงได้อ่อนแอและปวกเปียกเยี่ยงนี้ ดานิลพยายามไม่สนใจ เสียงอันร่ำไห้และอาการดื้อดึง ขัดขืนของฝ่ายหญิง เขาพยายามฉุดลากพาเธอ มายังห้องสมุดกว้างใหญ่ไพศาลในคฤหาสน์อันเก่านับศตวรรษ

“เรเวน! เรเวน!” ดานิลร้องตะโกนเรียกหา ผู้เป็นผู้ช่วยให้หญิงสาว ไม่นานเกินรอ...เรเวนก็ก้าวปรากฎตัวออกมาอย่างสงบเยือกเย็น อันนาตาโตเลยทีเดียว และหวีดร้องด้วยความกลัวที่สุด เมื่อมองเห็น เจ้าสัตว์ดุร้ายอย่างใกล้ชิด ซึ่งมันก็คือ เสือ?

“กรี๊ด...อื้มๆ” เธอส่งเสียงกรีดร้องไม่ได้ เพราะมือหนาใหญ่โตเข้ามาประกบปิดริมฝีปากของเธอเอาไว้มิด

“เสียงเจ้า จะทำให้เจ้าเรเวน ตื่นกลัวนะ อย่ากรี๊ดสิ” ดานิลขู่สั่ง เพราะเจ้าเรเวนกำลังทำเสียงคำรามฟ่อๆ แข่งกับเสียงหวีดร้องของหญิงสาว เมื่อครู่ จากที่ต้องการจะหนีอุ้งมือหนาของหนุ่มวัยใหญ่ กลายเปลี่ยนมาเป็นการเกาะกุมหาที่พึ่งแทน ดานิลถึงกับอารมณ์ดีขึ้น ทันตาเห็นกับกริยาของสาววัยน้อย

“ฉะ...ฉันกลัว...แล้ว อย่าให้มันมากินฉันเลยนะ ฉันยอมหาตามหัวใจให้นายแล้ว ฮือๆ” อันนารีบเอ่ยบอกทั้งเสียงสะอื้นไห้ กอดชายหนุ่มวัยใหญ่ตัวเป็นเกลียว

“หึๆ เรเวน คือ ผู้ช่วยของเจ้านะ อันนาที่รัก” เขาก้มมากระซิบบอกหญิงสาว อา...เนื้อตัวร่างบางนี้ ทำให้เขาเกิดความปรารถนาเหลือเกิน เขาจะหยุดห้ามตัวเองได้อีกนานแล้วเท่าไรหน่อ...

“ผู้ช่วย?” อันนาเงยหน้าถาม แล้วก็ต้องรีบผินหน้าหนี เพราะมันใกล้จนเห็นความหล่อร้ายของเขา โดยเฉพาะดวงตาคู่คมกริบอำมหิตนั้น วัยหกสิบปีตรงไหนเนี้ย เรือนร่างกายแกร่งของเขา แทบไม่มีความเหนี่ยวย่นชราเลยด้วยซ้ำ อันนาสัมผัสเมื่อยามเธอพยายามกอดเขาอยู่ ณ ตอนนี้

“ใช่ เรเวนจะเป็นผู้นำทาง และพาเจ้า ออกตามหาหัวใจของข้า หึๆ” ดานิลกำลังรู้สึกดี ที่ร่างบางนิ่มๆ กอดเขาไม่ยอมปล่อย แล้วเขาจะเกลียดลงเธออย่างไงกัน ทำไมหน่อร่างกายเขา ถึงได้พึงพอใจกับการกระทำของเธอ

“หะ...ให้อยู่กับเสือ...ไม่นะ ไม่เอา” อันนารีบร้องปฏิเสธจนลิ้นพันกัน เธอกลัวมันจะมาจับกินหรือฉีกเนื้อเธอให้เป็นชิ้นๆ เสียมากกว่า แค่คิดก็ขนลุกไปทั้งตัวแล้ว

“มันเป็นแมวน่ะ อันนาที่รัก” ดานิลบอกอย่างขบขัน อารมณ์ดีขึ้น ผิดหู ผิดตา

“แมว?” อันนาทำสีหน้าฉงนเป็นไก่ตาแตกด้วยคราบน้ำตา ดานิลเผลอยิ้มนิดๆ แล้วเอามือหนาขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตาให้หญิงสาว อันนาแทบผละออก หลุดพ้นจากร่างกายแกร่งอย่างง่ายดาย ดานิลก็ปล่อยหญิงสาวตามแรงที่เธอผลักออก และแล้วเจ้าเรเวนก็เข้ามาคลอเคียนัวเนีย เจ้านายหนุ่ม หญิงสาวแทบก้าวเท้าถอยหลังห่างๆ

“มันออกจะน่ารักนะ อันนาที่รัก แถมยังเป็นผู้ช่วยที่ดีของเจ้าด้วย ทำความสนิทสนมกับมันเอาไว้ซะ” ดานิลบอกเหมือนกับคำสั่งเสียมากกว่า เขาเอามือลูบหัวมันไปมา ก่อนจะพูดกับเรเวน แมวพันธ์อะไรก็ไม่รู้ มีรูปร่าง หน้าตาลักษณะอย่างยังกับเสือดาวตัวเกือบโต

“เฝ้าเธอไว้ให้ดีนะ เรเวน อย่าให้คาดสายตาล่ะ” ดูเหมือนมันจะเข้าใจด้วย อันนาแทบอ้างปากค้างไปเลย คนอะไรคุยกับแมวได้ด้วย อ้อ! เธอลืมไป ก็เขาไม่ใช่คนนี่นา

“อยากรู้อะไร ก็ถามมันได้นะ อันนาที่รัก คุยกับมันแล้ว อย่าลืมทำงานด้วยล่ะ ฉันมีงานประชุมที่บริษัท นี่ก็สายมากแล้วด้วย” ดานิลว่าสั่งความจบ ก็หันหลังกลับ อมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินก้าวหนีออกจากห้องสมุดอันกว้างมโหฬารแห่งนี้ ไปเสียอย่างดื้อๆ

“เดี๋ยวสิ” อันนาเอ่ยร้องรั้งเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่า เขาจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แถมเจ้าเรเวนยังเดินไปส่งด้วย และมันยังทำให้เธอเห็นกระทำอันแปลกตา แปลกประหลาดของมันอีก คือ เจ้าแมวลายเสือตัวนี้ มันปิดประตูให้เจ้านายได้ด้วย โอ้พระเจ้า!

“ให้ตายสิ ฉันอยู่ดินแดนอะไรกันเนี่ย” อันนาสบถให้ตนเอง แล้วเอามือไม้เช็ดคราบน้ำตา เธอได้หยุดร้องไห้แล้ว เมื่อได้เห็นสิ่งอัศจรรย์แสนประหลาดในชีวิต

ไม่รู้ว่ามันจะเป็นผู้ช่วยเธอได้อย่างไร เพราะตอนนี้มัน กำลังนั่งสง่างาม ขวางกั้นทางประตูห้องสมุดอยู่ ราวกับเป็นผู้คุมขัง เฝ้านักโทษอย่างเธอ เสียมากกว่า

“เอ่อ...เรเวน ฉันชื่อ อันนานะจ๊ะ” เธอก็แปลกใจตนเองนัก ทำไมต้องแนะนำตัวให้เจ้าแมวลายเสือนั่นได้รู้จักด้วยล่ะ ส่วนมันก็แค่มองมาหาเธอ แล้วก็เข้าใจล่ะมั้ง เหอๆ เธอต้องอยู่กับมันสองต่อสอง ช่างน่ากลัวจริงๆ ให้ตายสิ อันนาไม่กล้าแม้แต่จะขยับเดินเลย กลัวมันกระโดดตะครุบกัดเอานั่นสิ

“ฉันจะต้องทำอะไรต่อเหรอ เรเวน” อันนายังคงเอ่ยถาม เรเวนเจ้าแมวเสือดาว ไหนว่ามันคุยรู้เรื่องไง ตอนนี้มันแทบไม่สนใจใยดีเธอด้วยซ้ำนะ แถมมันยังกำลังทำตัวอยากนอน และนอนเฝ้าหน้าประตูห้องสมุด

“ไอ้แมวบ้า...” เธอสบถต่อว่าเสียงเบาๆ และไม่อยากให้มันได้ยิน พาลไปถึงคนเป็นเจ้านายของมันด้วย ที่แท้อยากจับเธอขังเอาไว้ในห้องนี้ต่างหาก อันนาสะบัดตัวหนีไปทางอื่นๆ และเลิกสนใจเจ้าแมวลายเสือตัวนั่นเสียเถอะ ตอนนี้เธอควรเริ่มขยับแข้งขา เดินเองได้แล้ว และขอ...ทำงานด้วยตนเองก็ได้ ก่อนจะร้องเอ๊ะในใจ เธอกำลังทำตามคำสั่งของดานิลอยู่หรือเปล่า ‘ตามหาหัวใจของข้า’ เป็นคำสั่งประหลาดที่สุดในชีวิตของเธอเลยก็ย่อมว่าได้

“ทำไม เราจะต้องทำตามที่คนดุร้ายสั่งด้วยนะ” อันนายังไม่มีกระจิตกระใจ ทำงานนี้ให้เขาหรอก เธอหวาดระแวงกับสิ่งประหลาดใหม่ๆ รอบตัว ตั้งแต่ว่าถึงที่นี่ น่าสมเพศตนเองที่สุด หมดหนทางหนี หมดที่ที่จะอยู่อาศัย เมื่อกลายเป็นคนล้มละลายในประเทศตนเอง เวลานี้อันนารู้สึกเหนื่อยล้าเกิดจะทำตามความประสงค์ของเขา หญิงสาวก้าวเดินมานั่งนอนเล่น ครุ่นคิดโซฟาหลุยส์โบราณ ไม่นานนักก็เกิดอยากล้มตัวลงนอนหลับตาพริ้มด้วยน้ำตา เพีงไม่กี่นาทีหญิงสาวจึงเข้าสู่ห้วงนิทราความฝัน ก่อนจะสะดุ้งตื่นกะทันหัน เหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ดังก้องกระทบโสตประสาทรับรู้ เจ้าแมวเรเวนนั่นเอง มันปลุกเธอ ด้วยหนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่ง ซึ่งได้หล่นออกมาจากชั้นหนังสืออันเรียงรายสูงเฉียดเพดานห้อง

‘อ่านซะ’ สายตาเจ้าเรเวน มันบอกเธอแบบนั้น อันนาแทบสายศีรษะไปมา เธอกำลังสื่อสารกับแมวได้ด้วยหรือไงกัน แล้วมันก็เดินไปเฝ้าประตูที่เดิม หญิงสาวจึงกล้าลุกขึ้นไปเก็บเอาหนังสือเล่มดังกล่าว

“ประวัติตระกูล Mikhailov” หญิงสาวพึมพำก่อนจะเปิดอ่านประวัติตระกูลนี้ ยังดีที่มันเป็นภาษาอังกฤษให้เธออ่านได้ พลันเปิดมาจนถึงประวัติของ อันนา มิคาฟโรฟวา หญิงสาวแทบชะงักตาค้าง เพราะได้เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น ซึ่งช่างเหมือนกับเธอมาก เหมือนจนคือเธอเลยแหละ

“เหมือนมาก” อันนาพึมพำกับภาพวาดดั่งกล่าว พออ่านประวัติของนาง เธอก็ต้องอึ้งไปอีกหน เพราะมันเขียนแค่สั้นๆ ว่า ปีเกิดและวันสิ้นลมหายใจเท่านั้น

“ไม่มีข้อมูลอะไรเลย บ้าน่า แล้วให้เราอ่านทำไม เรเวน” อันนาหันไปถาม ซึ่งเจ้าแมวเรเวน มันนอนหลับไปแล้วละมั้ง เธอถึงกับย่นจมูกไม่พอใจใส่มัน ก่อนจะปิดหนังสือประวัติอันไร้ประโยชน์ใดๆ ทิ้งไปเสีย...

‘ดานิล เจ้าจงหยุด อยู่ตรงนั้นนะ’ ทว่าเสียงอะไรบางอย่าง ทำให้รู้สึกขนลุกซู่ อันนาพยายามหันไปมองทางนั้น หันไปหาทางนี้ สุดท้ายก็มีเพียงแต่ความว่างเปล่า อยู่ๆ ดวงตาของเธอก็เกิดอยากจะง่วงหลับใหล เธอขยับร่างกายลงนอนโซฟาอีกครั้ง อย่างช้าๆ และเข้าสู่ห้วงแห่งฝันต่อไป เรเวนก้าวเดินสี่ขาเข้ามาหาอันนา ซึ่งมันกำลังพาร่างหญิงสาวนอนลงที่โซฟาโบราณ ด้วยดวงตาสีอำพันอันเพ่งสะกดจ้องจิตใจของฝ่ายหญิง จนม่านตาของเธอได้ทำการดับวูบมืดมิด แล้วมันจึงค่อยๆ โน้มตัวนอนเคียงข้างกับเธอ



หนุ่มรูปงาม ร่างอันคุ้นเคยยืนหยุดนิ่ง เมื่อถูกจับได้ เขายกมือขึ้นเทิดไว้บนหัว หันพลิกตัวมาหา อันนา มิคาฟโรฟวา หญิงสาวผู้แข็งแกร่งผู้พิทักษ์ดินแดนรอฟเวย์ ชื่อเสียงหญิงสาวลือลั่น ฆ่าได้แม้กระทั่งชายฉกรรจ์ตัวโต ธนูสีทองคืออาวุธคู่กายของนาง

‘สุดท้าย ข้าก็แพ้เจ้า’ หนุ่มรูปงามบอกด้วยสีหน้าผิดหวังอย่างน่าสมเพศ เพราะเขาไม่เคยชนะนางเลย อันนา มิคาฟโรฟวา ผู้พิทักษ์แสนฉลาดและแกร่งเกินความสามรถของผู้หญิง แน่นอนดินแดนสวรรค์คงสร้างนางมาอย่างสูงค่ายิ่งนัก ตอนนี้นางกำลัง เบ้ปากอย่างผู้ถือตัว และผู้ครอบครองขัยชนะ

‘เจ้าใจร้อนเกินไปต่างหาก ดานิล’

‘ฮึ! ใช่สิ ข้าถึงได้แพ้เจ้าตลอด ไม่ว่าจะเป็นการล่าสัตว์ ยิงธนู และใช้ปืนกล’ หนุ่มรูปงามอย่างดานิล อเล็กซานดรูว์ หน้ามุ่ย เขาแสดงสีหน้าอ่อนไหวอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับปัจจุบันที่เขาช่างแสนจะเย็นชา ยะเยือก

‘ก็แค่การแข่งขันน่า ปีหน้ามันก็จัดขึ้นมาอีก เจ้าจักน้อยใจอะไรนักหนากัน’

อันนา นางผู้แสนทะนงตน กล่าวบอกอย่างไม่พอใจ นางเกลียดตนเอง ทำไมทุกครั้งที่แข่งขัน นางมักจะได้รับชัยชนะ และดานิลก็เป็นผู้แพ้เสมอ และฝ่ายนาง ทำไมต้องตามมาง้องอนชายหนุ่มขี้น้อยเนื้อตำใจผู้นี้ด้วย

‘ข้า...’ ดานิลคอตก เขาคงเป็นชายหนุ่มผู้ไม่เอาไหน แพ้ผู้หญิงตัวเล็กๆ แค่นี้ เขาเคยเป็นที่หนึ่งในตระกูล ไม่ว่ากีฬาประเภทใดๆ เขาก็ได้ชัยชนะทุกหน ทว่าเพิ่งจะมาแพ้นาง เมื่อห้าปีที่แล้ว นางได้ตำแหน่งผู้พิทักษ์ดินแดนแห่งรอฟเวย์ไปโดยปริยาย ห้าปีที่เขาสูญเสีย ตำแหน่งอันยิ่งใหญ่นี้ให้นาง แถมผลงานของนาง ยังสามารถจับผู้ร้าย สัตว์ร้ายกาจที่บุกเข้ามาทำลายดินแดนได้แยบยล และไร้การน่องเลือด สามารถปกครองลูกน้องในกรมผู้พิทักษ์ให้มีชีวิตรอดต่อได้อย่างสบายๆ ซึ่งสมัยเขาครอบครองตำแหน่งนั้น ต่างก็ได้พาลูกน้องไปจบชีวันจนเกลื่อนเมือง

‘ช่างเถอะ ข้าแค่...เสียใจ’ ดานิลทำหน้าอ่อนล้าลดมือไม้ตกลงอย่างห่อเหี่ยว อันนาถึงกับยิ้มด้วยความสะใจ ก่อนจะลดธนูสีทองอันแข็งแกร่งลง นางไม่กล้ายิงเขาหรอก ใครจะไปกล้ายิง ชายผู้กุมหัวใจของนางได้ล่ะ อันนาเดินตรงเข้ามาหาหนุ่มขี้น้อยใจ และหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มผู้อ่อนไหวง่าย เขาช่างน่ารักอะไรเยี่ยงนี้หน่อ

‘ฮิๆ หนุ่มน้อย เจ้าต้องแข็งแกร่งกว่านี้นะ’ เจอวาจานี้ ดานิล ยิ่งหน้างำบึ้งตรึงเข้าไปยกใหญ่ ก่อนจะสะบัดใบหน้าหนีหญิงสาวผู้มีใจแกร่งกล้า อันนาจึงใช้มือบางทั้งสองข้าง คว้าหมับเข้าที่ใบหน้าอันหล่อเหลาเอาไว้ ก่อนจะใช้ริมฝีปากบางของตนเองแตะสัมผัสริมฝีปากหนา ปลอบประโยนใจชายหนุ่มแสนรัก รสจูบนั้นวาบหวามรัญจวน เรียกให้หัวใจเต้นกระตุกหวั่นไหว หนุ่มดานิลปล่อยให้นางจุมพิตต่อไปเรื่อยๆ หรือจนกว่าจะหนำใจนางนั้นแหละ เขาไม่มีสิทธิ์ต่อต้านใดๆ อยู่แล้วนี่

ดวงตาเล็กอันเหย่อหยิ่งแพรวพราว เชื้อเชิญให้เขา นำพาหัวใจเต้นกระตุกรุนแรง ริมฝีปากเรียวเล็กสอนรสจุมพิตให้เขาเนิ่นนาน จนเขาเผยยออ้างตอบรับให้นางแทรกสอดลิ้นเล็กเข้ามาช่วงชิมดื่มด่ำดิ่งรสความมึนเมาปากหนาบุรุษเพศชาย กลายเป็นว่าร่างกายของนาง เป็นผ่ายอ่อนระทวย ยืนไม่อยู่ในอ้อมกอดของเขาแทนเสียเอง

‘นี่ไงล่ะ สิ่งที่ข้ายังแพ้ เจ้าเสมอๆ’ นางพยายามพูดด้วยเสียงระริน พร้อมสูดอากาศหายใจเข้าออกอย่างฉับไว เมื่อร่างกายนางปรารถนา และเชื่อมโยง จนอยากยกให้ชายหนุ่มดานิลจอมน้อยใจ

ดานิลผุดยิ้มออก มันเป็นรอยยิ้มหวานราวรสน้ำผึ้งชั้นดีเยี่ยม ทำให้อันนาปรือตามองอย่างฉ่ำชื่นจนหัวใจเต้นกระตุกดังโครมคราม เธอสะดุ้งตัวโหยงตื่น และหายใจอย่างหนักหน่วง ตะครุบริมฝีปากเล็กตนเองอันสั่นระริกเอาไว้มิด ราวกับว่า มันเพิ่งผ่านการถูกจุมพิตมาราธอน อย่างหยกๆ

“ความฝันบ้า...บอ อะไรกันเนี่ย” อันนาร้องด่าให้ตนเอง สีหน้าก็เริ่มแดงก่ำจัดจ้า ตัวร้อนดั่งไฟ แถมด้วยหัวใจเธอยังเต้นแรงมาก มากจนมันไม่อาจจะลืมภาพการจุมพิตแสนหวานรัญจวนนั่น

ด้านชายหนุ่มวัยใหญ่อย่างดานิล ซึ่งนั่งหลับตา ณ ห้องทำงานอันใหญ่โต ก็ต้องสะดุ้งตัววูบ และหายใจอย่างรุ่นแรงเช่นกัน เมื่อถูกดึงกระแสจิตย้อนกลับไปยังวันวาน แสนหวานฉ่ำเปรมปรีดิ์ ภิรมย์หัวใจสมัยดินแดนอันไกลโพ้น

“เริ่มค้นหาหัวใจของข้าแล้วสินะ อันนาที่รัก” ดานิลพึมพำแค่นั้น ก่อนจะเอามือปาดเม็ดเหงื่ออันร้อนระอุบนหน้าผากออก แค่เริ่มต้นร่างกายของเขา ยังถูกรอยอัคคีดึงกระชากอย่างรุนแรง แทรกซึมเข้าเรือนร่างกายทั่วสารทิศ และเขาหรือเธอกันแน่ ที่จะต้องมอดไหม้ไปก่อนกัน


โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 4 ใจเธอสั่นหรือเนี่ย



แว้กกกก บอกแล้วไงคะ ว่าหนุ่มดานิล ไม่ได้ใจร้ายหรือดุจร้ายอย่างที่คิด หุหุ ไรเตอร์พาเพ้อในแดนดินเพ้อฝันอีกแล้ว อิอิ พร้อมกับเจ้าแมวเรเวน ตัวเชื่อมความรักของทั้งคู่ด้วยมั้งค่ะ อิอิ อยากได้มันมาเลี้ยงสักตัวจัง เหอๆ แต่ก็กลัวนะ ฮ่าๆๆๆ

แมวพันธ์ อาชีร่า
http://pet.kapook.com/view7288.html




ณ วันที่ 21 ธันวาคม 56
แวะมาแก้คำผิดค่ะ >///< มันผิดเยอะมาก อ๊ายๆ



Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ส.ค. 2556, 13:51:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ม.ค. 2557, 18:23:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1463





<< บทที่ 2 ใจหวาดหวั่น...   บทที่ 4 ใจเธอสั่นหรือเนี่ย >>
kaelek 1 ก.ย. 2556, 20:52:41 น.
โอ้!!! แมวปิดประตูได้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account