ลูกผู้ชายหัวใจสีน้ำเงิน
เมื่อชีวิตของผู้ชายเจ้าสำราญของบูรพาต้องจบลงด้วยการ มีภาระดูแลหลานกำพร้าผู้ชายสามคนต่างวัย เขาต้องเผชิญกับสิ่งที่อ่อนไหวอย่างที่ลูกผู้ชายต้องฝ่าคลื่นนาวาชีวิตไปให้ได้
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ใครผิด

กานดายังนั่งทำงานอยู่ในห้องส่วนตัว เมื่อได้ยินเสียงรถของน้องสาวมาจอดจึงลุกจากเก้าอี้ออกไปยืนรอ
กิริยาเดินเกือบวิ่งขึ้นบ้านในมือถือกล้องอัตโนมัติมีแสงอินฟาเรดไว้บันทึกภาพในความมืด ท่าทางรีบร้อนของน้องทำให้กานดารีบทักถาม
“กี่..”
“ตาย” หล่อนอุทานสะดุ้งสุดตัว แล้วระบายลมหายใจช้าๆทักพี่สาวเสียงสั่น “พี่กานยังไม่นอนหรือคะ”
“ยังจ้ะ แต่กี่มีอะไร ทำท่าทางชอบกล”
“กี่มีเรื่องค่ะ เรื่องภัยใกล้ตัวค่ะ”กิริยาทำท่าทางเหมือนกับว่าเธอไปเผชิญหน้าเสือร้ายมาถึงสิบตัวก็ไม่ปาน กานดาเห็นท่าทางตื่นเต้นของน้องสาวทำให้เธอยิ่งอยากรู้มากขึ้นไปอีก
“เหรอ...เล่าให้พี่ฟังได้มั้ย”
“ค่ะพี่...” น้องสาวหันมองซ้าย-ขวา ลอกแลกจนก้าวกานดาคว้าข้อมือฉุดเข้าไปในห้องของตัวเอง...
กิริยานั่งขัดตะหมาดกับพื้น พี่สาวนั่งเก้าอี้ทำงานในห้องตั้งใจฟังเรื่องของน้อง
“บ้านนั่นค่ะพี่กาน”
“บ้านใครล่ะ”
“เมื่อกี้นี้กี่ผ่านข้างบ้านสวนเรา กี่เห็นพ่อค้ายาบ้าเข้าไปข่มขู่พวกนั้น ไอ้คนนั้นมันโหดมากค่ะทำร้าย ผัวเมียเจ้าของบ้านซะกอง แล้วชักปืนมาจะยิ่งซ้ำ ก่อนกลับมันมาที่รถกี่ ดีนะที่กี่ไม่อยู่ในรถไม่งั้นกี่อาจจะแย่แล้วก็ได้มันไม่ได้อะไร มันจึงดูทะเบียนรถกี่ด้วยค่ะ”
“ตายจริง ภัยใกล้ตัวเสียด้วย ว่าแต่ใช่บ้านที่คุณยายเล่าให้ฟังหรือเปล่า”
หญิงสาวเอาแต่คิดไม่ทันฟังก่อนเอ่ยสืบต่อ
“พรุ่งนี้ต้องไปบอกพงศ์เสียแล้วล่ะพื้นที่ของเขาด้วย”
“หมวดพงศธรเขาเป็นแฟนกี่ใช่มั้ย”
“หยี...ไม่ใช่ค่ะ กี่ไม่มีทางมีแฟนเป็นตำรวจหรอกค่ะ เห็นมากี่คน กี่คน กระล่อนจะตาย ยิ่งตาพงศ์ยิ่งเจ้าชู้ กี่ไปอาบน้ำก่อนนะคะยังตื่นเต้นไม่หายเลยค่ะ”
กานดาพยักหน้า ปล่อยน้องสาวไป ส่วนตัวเองคิดตามไปด้วยความรอบคอบ หากภัยมาอยู่ใกล้ แม้เธอจะเป็นหญิงก็ต้องระวัง...นี่คงต้องข้ามคลองไปปรึกษาหารือกับรัตนาเสียแล้วล่ะ!!!

สำรวลกวาดบ้านแต่เช้าตรู่ แล้วลงไปขัดตะไคร่ที่ท่าน้ำ สายตาเหลืบแลฝั่งตรงข้าม บ้านร้างยาติของนายสาว ชุมนุมด้วยคนเร่รอนนับสิบคน...หล่อนรีบวิ่งไปฟ้องนายอย่างลืมสังขาร
เบญจรัตน์กำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความขัดใจ เมื่อพี่สาวไม่ติดต่อกลับมา
สำรวลวิ่งตึ้กๆ เข้าไปที่ห้องโถง สาววัยสามสิบถลึงตาใส่อีกฝ่าย สำรวลถึงกับชะงักกึก ก่อนรายงานข่าวที่หวังว่านายสาวจะพอใจ
“บ้านโน้นค่ะ พวกเก็บขยะมาก่อม็อบกัน”
“ใคร...ที่ไหน”
“ก็บ้านญาติคุณอัยการไงคะ”
“เหรอ” หล่อนตาพองเกือบถลนนอกเบ้า ผลุนผันไปดูเหตุการณ์เห็นคนขวักไขว่...เบญจรัตน์กายสั่นราวเจ้าเข้าทรงด้วยความโกรธและอิจฉาเช่นเดียวกับสังเวียนกลับจากจ่ายตลาดเช้า เห็นพวกม็อบเร่ร่อน ชุมนุมกันพร้อมอาวุธเท่าที่จะหาได้ บางคนกินเหล้าเมาตะโกนขู่ให้ชาวบ้านที่ผ่านไปมาให้ได้ยิน

สาวใช้บ้านสวนกานดา รีบไปบอกข่าวกับนายคนแรกที่เห็นคือกานดากำลังตัดแต่งดอกกุหลาบนำไปปักในแจกัน..กิริยาแต่งตัวอยู่ ส่วนคุณยายนั่งเล่นอยู่เก้าอี้โยก ถุนเรือนซึ่งยกสูงแบ่งบางส่วนทำครัว
“คุณกานขาท่าจะเกิดเรื่องแล้วล่ะ” นายสาวยืดกายตรงสนเท่ห์ในคำของสังเวียน
“เรื่องอะไร เอ๊ะทำไมหมู่นี้มีเรื่องบ่อย”
“พวกเก็บขยะ ก่อม็อบกันค่ะ ทำท่ายังกับจะขนพวกไปฆ่าใครอย่างนั้นเหละ”
“จริงหรือสังเวียน”
“จริงค่ะ มันยังตะโกนทำใครก็ไม่รู้เหยงๆ เลยค่ะ”
กิริยาหยิบกระเป๋าสะพายเฉียงในกระเป๋าเต็มไปด้วยงานที่ต้องส่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดเช่นเคย..ตะโกนถามสาวใช้
“พี่เวียนมีข่าวอะไรแจ้งเหรอ หน้าตื่นเชียว”
สาวใช้หันขวับไปตามเสียงเรียกครานี้เล่าเหตุการณ์อย่างออกรสกว่าเดิม ก้าวกิริยาเร่งฝีเท้าไปใกล้รับฟังอย่างสนใจ เคยชินกับการหยิบปากกามาจด ชวเลข
“ว่าไปพี่เวียน”
“บ้านร้างที่พวกเร่ร่อนเข้าไปบุกรุกมีพวกมานับสิบคน ดูเหมือนมีอาวุธหนัก”
“เฮ่ย...อาวุธหนัก หมายถึง ร้ายแรงมากอย่างอาร์พีจี หรือปืนอาก้าโน้น ต่อๆพี่เวีน บางทีนายคนนั้นจะเป็นเจ้าพ่อ”
หญิงสาวรำพึงเบาๆ มองหน้าพี่สาวกานดารีบเอ่ย
“อย่าเชียว กี่ อย่าได้เข้าไปยุ่ง”
หล่อนทำหน้าแป้นรีบเผ่นแผล็วกระชับกระเป๋าล้วงกล้องเดินลิ่วๆ ไม่ฟังเสียง...คุณยายเรียกหลานคนโตเข้าไปถาม กานดาจึงบอกเล่าเท่าที่ฟังจากปากของสังเวียน มิได้เรียนท่านถึงเรื่องที่น้องสาวประสบมาเมื่อคืนนี้
“กานจะไปดู กี่นะคะคุณยาย”
“ไม่เอาไม่...แม่กาน เราไม่ทันใครเขาแน่ เจ้ากี่มันคล่องยังกับปรอท”
“แต่ก้าวห่วงกี่ค่ะคุณยาย...กานไปนะคะ”
กานดาถึงดันไปจนได้ สุดท้ายสังเวียนตามไป คุณยายต้องเดินกระย่องกระแย่งไปชะเง้อมองอยู่ที่รั้วระแนว ไกลเกินกว่าจะมองเห็นเหตุการณ์ ห่วงใยหากสังขารก็ไม่ค่อยเดินกลับไปกลับมาแล้วเหนื่อยต้องกลับไปนั่งแคร่ไม้เพราะใกล้
เบญจรัตน์รับทราบข่าวจากรายงานของสำรวลแล้วรับกลับเข้าไป โทรศัพท์หาคุณระเบียบ หากปลายสายไม่ว่าง สาวเลขสามยิ่งหงุดหงิดร้อนรนจนอยู่ได้ได้ด้วยเกรงว่า คู่แค้นจะครอบครองได้เป็นผล
“ฉันจะแจ้งตำรวจ”
“แต่เราไม่ใช่เจ้าของนะคะ
เจ้าบ้านท้วงพอรู้ตัวบทกฎหมายมาบ้าง เบญจรัตน์อึ้งไปถนัด
แต่จะให้อยู่เฉยก็มิอาจอยู่ได้ จิตใจทุรนทุรายด้วยความอิจฉากลับศัตรูได้ดี ... ครุ่นคิดสลับไปมาก็ตัดสินใจได้ต้องไปดูให้รู้แจ้งเห็นจริง ว่าฝ่ายผู้รุกรานของคนอื่นจะเป็นอย่างไร หล่อนรีบเดินจนสะดุดเท้าเสียหลัก สำรวจคว้าประคองไว้ทันท่วงที อยากหัวเราะก็ไม่กล้าจึงแอบๆ ขัน ไม่ให้นายรู้
กิริยาเดินลิ่วๆ ไปบ้านร้างที่บัดนี้มิได้รกร้างด้วยต้นหญ้า หากเต็มไปด้วยของเก่าที่จะนำไปรีไซเคิล...
ชายหญิงหลายคนวางทีท่าไม่ยอมเป็นมิตรกับใคร พวกเขาล้อมวงดื่มกินสุรา กิริยาเห็น แต่ละคนมีอาวุธวางไว้ใกล้ตัวพร้อมหยิบจับมาใช้การได้ทุกเมื่อ...หล่อนส่ายศีรษะดุกดิก เมื่อนึกถึงอาวุธของผู้ที่เห็นว่าเป็นพวกค้ายาเสพติด...มีปืนอัตโนมัติจะไปสู้อะไรกันได้
เมื่อชายในกลุ่มเหลือบเห็นกิริยามาทำลับๆ ล่อๆ เขาคว้ามีดพร้าผลุนผันออกมาทั้งตะโกนข่มขู่ กานดาหวีดร้องมาแต่ไกลเมื่อเห็นภาพน้องกระโจนแผล็วจากรั้วผู้ ชายกักขฬะเงื้อง่ามีดพร้าพวกของเขาเข้ามากะลาจะรุมสะกรัมเพราะเห็นแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ
“มึงกล้ากระทืบเพื่อนกูมึงแน่นักใช่มั้ย อดอกกระทกรก”
“พูดกันดีๆ ก็ได้ฉันไม่ใช่ศัตรู” หญิงสาวทำใจดีสู้เสือ
“แล้วมาทำตะกวดอะไร”
กิริยาชักขุนเคืองเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมเป็นมิตรเอาเสียเลย...
กานดาเขามาคว้าแขนน้องออกกำลังฉุดลากให้กลับบ้านให้ได้ ..อีกฝ่ายแข็งขืนขณะนั้นเบญจรัตน์พายเรือเข้ามาถึง หล่อนรีบขึ้นมาสบทบสองสาวสวยกบอีกหนึ่งสาวใช้ ปากบางๆ พูดรั่วราวปืนกล
“มีเรื่องอะไรกันคะ คุณกาน น้องกี่หรือมันทำร้ายเอาทำร้ายตรงไหนบาดเจ็บมั้ยแจ้งตำรวจเลยค่ำจับให้หมดจับทั้งก๊ก”
พวกกลุ่มคนที่แสดงตัวไม่กลัวฟ้าดินเปิดประตูรั้วผุอกมาทันทีที่ได้ยินคำสุดท้ายของเบญจรัตน์...
ท่าทางถมึงทึงและเอาจริงของพวกนั้นทำให้สี่หญิงถอยกรูดรวดเร็ว ก่อนจะมีเรื่องร้ายแรงกับผู้หญิงทั้งสี่ รถปิดอัพสี่ขาวบรรทุก
ชายฉกรรจ์ประมาณเจ็ดคน พุ่งมาจอดพรวดจงใจชนรั้วจนพัง...
ทุกคนในที่นั้นตื่นตะลึง ชายฉกรรจ์ผู้มาใหม่ทั้งหมดกรูกันลงจากรถ กระจายกันลงไปรายล้อม พวกเร่ร่อน สังเวียนเผ่น แผล็บหลบหลังพุ่งไปพวกเขาขัดขืนยังจะทำร้ายชายฉกรรจ์จึงตะรุมบอล
กิริยาเพล่งกับพี่สาว ซึ่งยืนกอดแขนน้องตัวสั่นเทา เมื่อเห็นบูรพาลงมาจากรถเป็นคนสุดท้าย
“มันคนนั้นค่ะคนค้ายาพี่กาน”
เบญจรัตน์ปฏิเสธเสียงแข็ง เขาสะดุดตากับสาวสวยทั้งสาม โดยเฉพาะเบญจรัตน์ซึ่งคุ้นหน้าหล่อนมาก่อน สาวสวยวัยสามสิบรีบแล่นเข้าไปรายงานพร้อมชี้กราดพวกเร่รอนที่กำลังจะทำร้ายตน
“จัดการเลยจัดการมันให้หมดทุกคน”
เหตุการณ์ที่เลวร้ายได้เกิดขึ้นเมื่อชายฉกรรจ์หนึ่งในเจ็ดถูกมีดดาบฟันแขนถูกตำรวจแม้จะเฉี่ยวแต่บูรพาโกรธมากชักปืนยิงขึ้นฟ้าประกาศก้อง
“หยุด นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
ดังคำประกาศิต คนเร่รอนนับสิบหยุดชะงักกึกก่อนได้สติจะเผ่นหนี ..ชายผู้มาด้วยที่เหลือจึงชักปืนออกมาขู่ให้ยอมจำนน
บูรพานำทีมเข้าจับกุมและปลดอาวุธ กิริยาอาศัยจังหวะว่างจับภาพ กานดาต่อว่าน้องสาวด้วยนำเสียงสั่นเพราะความตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก
“ยังมีหน้าทำข่าวอีกหรือกี่”
น้องสาวทำหน้าที่ เข้าไปบันทึกภาพใกล้ชิด บูรพาเหลือบมาเห็นยกมือห้าม
“อย่า....”
“หน้าที่....”
กิริยาไม่หยุด บูรพาสั่งลูกน้องให้กุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดขึ้นรถปิดอัพโดยให้หาเชือกมาผูกมัดรวมเป็น กลุ่มกันการกระโดดรถหนี แล้วเดินมาที่กิริยาจะชิงกล้องหญิงสาวรีบซุกไว้ด้านหลังฉับไว เขาทำถมึงทึง
“บอกว่าอย่าถ่ายภาพ”
“ฉันทำงาน”
“เป็นพวกเดียวกับพวกนี้หรือไง”
“พวกประชาชนต่างหาก ถึงจะเป็นตำรวจแต่ก็ไม่มีสิทธิ์ใช้อาวุธอย่างนี้"
" นักข่าวเฮงซวยแบบคุณนี่แหละพวกคนดีจึงตายโหงตายห่ากันหมด”
บูรพาตะคอกด่าไม่เกรงใจความสวยใสของหล่อน เขาทำตามหน้าที่ลูกน้องถูกทำร้าย บาดเจ็บพอจะตอบโต้ นักข่าวสาวดันกล่าวหาเขา...”
กิริยาโกรธนักทั้งๆ ที่อาชีพของหล่อนต้องเผชิญต่อคำด่าว่าของคนที่ไม่เข้าใจมิใช่น้อย แต่นายตำรวจคนนี้เพียงคนเดียวที่ทนไม่ได้...หล่อนอวดดี และท้าทายบิดเบือนข้อเท็จจริง
“คอยดูฉันจะรายงานข่าวว่า เมื่อคืนคุณ บุกรุกมากระทืบขอทานสองผัวเมีย”
“อ้อ ที่แท้ก็ไอ้โง่ที่แอบซุ่มดู มาส่งยาให้มันใช่มั้ย”
ข้อกล่าวหาย้อนกลับไปที่กิริยา หล่อนถูกยัดข้อหาให้เป็นชุด
“ทำลายทรัพย์สินให้เสียหาย และเป็นภัยต่อแผ่นดิน”
“หน็อยแน่ กล้าดีก็มาจับสิ...ไม่พาดหัวตัวเด็ดไม่ใช่กิริยาคนนี้แน่”
“มีปากกาเป็นอาวุธทำร้ายคน” เขาหยามเหยียด
“คุณก็ใช้สีป้ายคนอื่น”
ชายหญิงทั้งสองสบตากร้าว เข้าหากันไม่มีใครเกรงใคร ชังกันยิ่ง กานดายืนมองอยู่นานแล้ว หล่อนรวบรวมความกล้าเข้าไปเจรจาเบญจรัตน์ตามไปเป็นเพื่อน กานดาเอ่ยเสียอ่อนเช่นมารยาท
“คุณคะขอโทษนะคะ ถ้าน้องสาวดิฉันทำให้คุณพอใจ”
บูรพาสงบได้อย่างรวดเร็ว กับวาจาอ่อนน้อมเช่นใบหน้าอ่อนหวานของคนเป็นครูคน
หากกิริยาต่อว่าพี่สาวด้วยความดื้อรั้น
“พี่กานไปขอโทษมัน เอ๊ยเขาทำไม เขาข่มขู่ประชาชนชัดๆ”
“ข่มขู่อะไร” บูรพาหันกลับตะคอกซ้ำ กิริยาแอ่นอกเชิดหน้าใส่ไม่ยอมลดราวาศอกให้
“กำลังทำนี่ไง” เบญจรัตน์กะพริบตาปริบทั้งที่ยังเบิกโพลงด้วยตะลึงที่กิริยากล้ามีเรื่อง กานดาผู้เป็นพี่สาวหน้าเจื่อน เมื่อทั้งสองทำท่าเหมือนกับจะรบรากันให้ตายไปข้างหนึ่ง หล่อนขอร้องน้องสาวให้ยอมงอเสียบ้าง น้องชอบแตกหัก
“กี่พอเถอะไม่ทำข่าวนี้ก็ไม่ถูกไล่ออกหรอกน่า”
“ไม่ค่ะ” รั้นจริง
บูรพาตวัดหางตามอง หญิงสาวรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งกาย แค้นนักเพราะความหมายในดวงตาของหยามเหยียด
“นาย...เรื่องอะไรมองฉันอย่างนี้”
“จะให้มองอย่างพิศวาสคงไม่ไหวละมั้ง”
ทิ้งคำพูดผละจาก กิริยากัดริมฝีปากแน่นข่มความพลุ่งพล่านมิให้กระโจนเข้าไปใช้กล้องฟาดหน้าคมคายนั้น..ยิ่งเขาวางอำนาจตะโกนสั่งลูกน้องยิ่งจงชัง
กานดาแตะแขนน้องอีกครั้งเป็นการปรามกึ่งปลอบไปในตัว
ส่วนเบญจรัตน์มองตามหลังร่างสูงของบูรพาพึมพำอย่างครุ่นคิด
“เหมือนเคยเห็นนายคนนั้นที่ไหนมาก่อนนะ...คิดไม่ออก”
รถปิกอัพพาผู้บุกรุกและผู้มาจับกุมจากไปแล้ว เบญจรัตน์ จึงเอ่ยกับสองพี่น้องอย่างสะใจที่ศัตรูคู่แค้นโดนจับไปดำเนินคดีว่า
“เหอะ! กรรมคงสนองมัน มันอาจจะไปขายหยูกขายยาจนสายสืบตามจับจนได้”
“ไม่ใช่หรอก..พวกนี้แค่เก็บขยะ” กิริยาเถียงแทน
“คุณรู้ตื้นลึกของเขาดีรึคุณกี่ พวกนี้มันจ้องจะเล่นงานคุณสองพี่น้องด้วยซ้ำ”
กิริยาเถียงไม่ออกหล่อนมุ่งงานนอกตะลอน ตะลอนตามสายที่วางตามโรงพัก ไม่เคยสนใจใกล้บ้านตัวเอง แต่แล้วหญิงสาวฉุกคิดได้ว่า...หรืออีตาตำรวจขี้เก๊กคนนั้นจะเป็นเจ้าของที่ดิน เมื่อคืนคงมาขับไล่พวกนี้ แต่อีกฝ่ายดื้อ วันนี้เขาจึงยกพวกมาจับ
สังเวียนพึ่งออกมาจากพุ่มไม้เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายไปโดยสงบแล้ว เบญจรัตน์ส่ายตาไปพบเข้า เบญจรัตน์แจ๋นแจ๋ใส่สาวใช้คนอื่น
“ต๋าย..สังเวียนฉันคิดว่าถูกจับไปด้วยแล้วนะเนี่ยหายต๋อมไปเลย”
“เห็นชุลมุน กลัวลูกหลงค่ะ กลับหรือยังคะคุณกี่คุณกาน ปานนี้คุณยายห่วงแย่”
กิริยาและพี่สาว พร้อมทั้งสังเวียนแยกทางกลับเบญจรัตน์ ขณะพายเรือกลับสาววัยสามสิบ คนหลังมีความสุขขนาดหัวเราะได้คนเดียว
คุณยายถอนใจโล่งอกเมื่อหลานและบริวารกลับมาโดยความปลอดภัย สองพี่น้องเข้าไปที่คุณยาย สังเวียนเลี่ยงไปทำงานมิได้เสนอหน้าอีก กิริยายังหน้างอง้ำขัดใจ คุณยายสังเกตเห็นจึงไตร่ถาม
“เป็นอะไรล่ะกี่ ทำหน้าเป็นยักษ์วัดแจ้ง”
“กี่โมโหค่ะคุณยาย กี่ทำหน้าที่ของกี่แต่นายตำรวจบ้านั่นด่ากี่”
“นี่มีเรื่องถึงตำรวจเชียวหรือแล้วทำไมไปมีเรื่องกันล่ะ”
“ไม่ให้กี่ทำข่าวได้อย่างไรคะ นี่เป็นอาชีพกี่นี่คะ เดี๋ยวจะตามไปโรงพักค่ะ”
กล่าวจบก็จากไปอย่างเร็วไวพร้อมกระเป๋าสะพายใส่สัมภาระที่สะพายติดตัวขับรถเก๋งปุโรทั่งของตัวเองจากไป



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มิ.ย. 2554, 08:50:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 มิ.ย. 2554, 08:50:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1881





<< มองกันคนละเรื่อง   สังคม หรือคน ที่วุ่นวาย >>
แพม 7 มิ.ย. 2554, 10:54:42 น.
อืม...จริง เพราะนักข่าวไม่มีจรรยาบรรณบางคนน่ะแหละ ถึงทำให้คนดีหมดกำลังใจในการทำงาน สักแต่จะเขียนข่าวให้ดัง ไม่เอาความจริง


nutcha 7 มิ.ย. 2554, 11:32:57 น.
กี่ท่าทางจะดื้อแบบไม่ฟังใครนะเนี่ย เดี๋ยวได้เป็นเรื่องแน่


nutcha 7 มิ.ย. 2554, 11:33:03 น.
กี่ท่าทางจะดื้อแบบไม่ฟังใครนะเนี่ย เดี๋ยวได้เป็นเรื่องแน่


nutcha 7 มิ.ย. 2554, 11:33:09 น.
กี่ท่าทางจะดื้อแบบไม่ฟังใครนะเนี่ย เดี๋ยวได้เป็นเรื่องแน่


nutcha 7 มิ.ย. 2554, 11:33:14 น.
กี่ท่าทางจะดื้อแบบไม่ฟังใครนะเนี่ย เดี๋ยวได้เป็นเรื่องแน่


nutcha 7 มิ.ย. 2554, 11:33:19 น.
กี่ท่าทางจะดื้อแบบไม่ฟังใครนะเนี่ย เดี๋ยวได้เป็นเรื่องแน่


saralun 7 มิ.ย. 2554, 11:39:59 น.
น่านสิ...มีปากกาไว้ฆ่าคน...เจ็บกว่าโดนปืนจริงอีก...


ปูสีน้ำเงิน 7 มิ.ย. 2554, 13:41:04 น.
เดี๋ยวก็หน้าแตกหรอกยัยกี่เพ้า


Zephyr 8 มิ.ย. 2554, 16:58:41 น.
ตอนนี้เซ็งหนูกี่อย่างแรง เฮ้อ เอาปากกามาทำร้ายคนอื่น ไม่สืบความจริงเลยค่ะ นักข่าวบางคนนี่นั่งเทียนล้วนๆ แต่นะ คนดีนำเสนอจริงจังก็มี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account