จะเก็บไว้ในใจจนนิรันดร์
ถ้าไม่มีงานสัมมนานั้นอังศุมาลินคงไม่นึกถึงเขาคนนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเธอลืมเขาไปแล้วแท้ ๆ เขาที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เรียนมัธยม เขาที่ไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง และเขาที่ทำร้ายจิตใจเธอโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
Tags: รักสามเศร้า / สับสน / วุ่นวาย

ตอน: ตอนที่ 8 ฝากดูแล

ตอนนี้มีจุดหักเหของคู่รัก อิ้ง กับ อิฐ เมื่ออิฐเจอกับปัญหาชีวิต เขาเลยเลือกที่จะปล่อยเธอไปให้คนที่พร้อมจะดูแล พีมเลยต้องสวมบทพระเอกมาปลอบใจเธอ


8 ฝากดูแล

“คุยกันไปก่อนนะเดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำให้แขกเอง”

พฤตินัยพยุงน้องชายมาถึงที่นั่งแล้วเดินเลี่ยงไปในครัว

“ไม่คิดว่าคุณจะมาหาผมถึงที่นี่”

พัฒนากรเปิดฉากด้วยคำพูดไม่ค่อยเป็นมิตรกับแขกที่เขาไม่คิดจะรับเชิญ

“คุณไม่น่าคิดแบบนั้น”

แขกผู้มาเยือนใช้น้ำเสียงเยื้อหยิ่งไม่แพ้กัน

“คุณมีอะไรก็พูดมาดีกว่าคุณอิฐ”

“แฮะแฮม...น้ำครับ”พฤตินัยรีบเอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟขัดจังหวะ มองซ้ายมองขวาเห็นท่าทางไม่ดีเลยคิดจะเดินหนี “ผมขอตัวนะครับ”

“ไม่เป็นไรเชิญคุณอยู่ด้วยก็ดีครับ”

อธิษฐานรีบเรียกพฤตินัยไว้ คนที่กำลังจะเดินไปเลยต้องกลับมานั่ง

“ผมชื่อดรีมเป็นพี่ชายเจ้าพีมครับ”

“ผมชื่ออิฐครับยินดีที่ได้รู้จัก”

อธิษฐานลุกขึ้นไปจับมือกับพฤตินัย

“มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่าเสียเวลา”

พัฒนากรเร่งเมื่อเห็นว่าอธิษฐานเริ่มชักช้า อธิษฐานเหล่ตามองไปที่หนังสือในมือของพัฒนากร เขามั่นใจว่ามันคือหนังสือรุ่นแบบเดียวกับที่อังศุมาลินมี ในนั้นจะมีที่อยู่ของนั้นเรียนรุ่นเดียวกันอยู่

“คุณคงไม่ได้คิดจะไปหาอิ้งหรอกนะ”

“ผมคิดและกำลังจะไป”

“ผมเห็นแล้วล่ะ ข้อความที่คุณส่งให้แฟนผม”

เกิดความเงียบขึ้นอยู่หลายอึดใจ

“ไม่ต้องคิดมาก ที่ผมมาหาคุณผมต้องการถามคุณว่าคุณจริงใจกับอิ้งแค่ไหน คุณไม่ได้แค่ชอบอิ้งเพียงรูปลักษณ์ภายนอกใช่ไหม”

“เอ่อ...”

พัฒนากรเงียบไปเพราะตอบไม่ถูก ไม่คิดว่าจะมีใครถามคำถามแบบนี้กับเขาแบบตรง ๆ ใช่ว่าเขาไม่เคยถามตัวเอง แต่ถามตัวเองไปกี่ครั้งก็ไม่ได้คำตอบสักที

“ผมขออนุญาตนะ ผมเองก็ไม่รู้เรื่องพวกคุณมากนักหรอก แต่เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณเห็นข้อความที่เจ้าน้องชายผมส่งไปหาแฟนคุณ คุณรู้ไหมกลอนนั้นมันแต่งตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว ผมเองก็ยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมมันถึงต้องแต่งกลอนนี้ขึ้นมา ว่าไง”

พฤตินัยหันไปถามน้องชาย

“ก็แต่งไปส่งครูไง”

“แล้วทำไมต้องใช้ชื่ออังศุมาลิน”

“ก็มันเพราะดี”

พัฒนากรตอบด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ

“ลองตอบใหม่ดูอีกที คิดก่อนตอบด้วยนะ คิดดูให้ดีว่าเหตุผมของแกมันคืออะไร”

พัฒนากรตั้งสตินึกย้อยกลับไป ใช่ว่าเขาจะจำเรื่องราวเกี่ยวกับอังศุมาลินไม่ได้ แต่เขาไม่ได้รู้สึกซึ้งอะไร ที่อังศุมาลินชอบเขา เขาก็รู้ แต่ที่เขาและเธอไม่ได้มีอะไรคืบหน้าก็คงจะเป็นเพราะว่าหญิงสาวไม่ได้มีท่าที่เข้ามาใกล้ชิดเขา เหมือนกับคนอื่น ๆ

“ตอนนั้นผมไม่เคยจีบใคร ผมรู้ว่ามีคนเยอะที่แอบชอบผม รวมถึงอิ้ง และก็มีหลาย ๆ คนที่เขามาสารภาพรักกับผมตรง ๆ เอาตัวเองเข้ามาใกล้ชิดผม แต่ยกเว้นอิ้ง แม้แต่กลอนนี้ที่มีชื่อเธออยู่ จนคนที่ได้เห็นยังรู้เลยว่าผม...ผม...ชอบเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธทุกคนว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างเต็มปาก เธอทำให้ผมเสียหน้า”

พัฒนากรยอมสารภาพ เขายอมเสียหน้าบอกเธอเป็นใน ๆ แต่เธอกลับปฏิเสธเขา

“คุณรู้อะไรไหม”อธิษฐานพูดก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง ซึ้งเขาต้องการหันหลังให้สองคนที่นั่งอยู่ “จริง ๆ แล้วอิ้งเป็นคนสมองช้า คิดช้าพูดเร็ว หลาย ๆ อย่าง เธอก็คิดไม่ทันคนอื่น ถ้ามันไม่ได้อยู่ในความคิดเธอก่อน ยิ่งเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์กดดัน เธอจะพูดปฏิเสธไปก่อนเสมอ”

“จริงเหรอ แล้วเธอจะมาบอกพ่อผมทำไมว่าผมมีแฟนแล้ว ไม่ใช่เพราะเธออยากผลักใสผมเหรอ”

ในตอนนั้นที่เขาคบกับรันธิดา เขาไม่เคยคิดว่ามันจำเป็นที่จะบอกที่บ้านเขาให้รู้เลย จนวันหนึ่งหลังจากที่เขาคบกันรันธิดามาสักพักพ่อของเขาก็มาถามว่าทำไมมีแฟนแล้วไม่บอก

‘พ่อรู้ได้ไง’

‘ก็เพื่อนเราคนที่ใส่แว่นบอก’

‘คนไหน’

ที่เขาต้องถามแบบนี้เพราะในตอนนั้นมีคนที่แว่นอยู่ในห้องเดียวกันสามคน และคนที่เขาไม่คิดว่าจะใช่มากที่สุดก็คือ

‘คนที่อ้วน ๆ ใส่แว่น’

‘อังศุมาลิน เหรอพ่อ’

‘ใช่มั่งคนเนี่ยพ่อจำได้ว่าเรียนกับแกมาตั้งแต่มอหนึ่ง’



“อิ้งต้องการตอกย้ำตัวเองต่างหาก ตอนที่รู้ว่าพ่อคุณไม่รู้ อิ้งคงดีใจน่าดู”

“แล้วจะยังตอนที่ผมเลิกกับแฟน ผมแน่ใจว่าเธอรู้ แต่ก็ดูเธอไม่ได้ใส่ใจอะไร”

“อิ้งก็คงจะคิดว่า คุณเลิกกับแฟนแล้วเธอก็ไม่มีสิทธิ์อยู่ดี เอาเถอะ ตกลงคุณชอบอิ้งที่ตัวตนอิ้งใช่ไหม”

“ใช่ครับ”

ครั้งนี้พัฒนากรตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ

“เดี๋ยวก่อนนะ คุณมาถามเรื่องแบบนี้กับน้องผมทำไม”

พฤตินัยถามขัดจังหวะ

“ผมจะขอเลิกกับอิ้ง และผมต้องการคนที่ดีที่สุดที่รักเธอจริงไปอยู่ข้างข้างเธอ”

อธิษฐานพูดแล้วก็น้ำตาคลอชายหนุ่มรีบเช็ดออก สองพี่น้องมองหน้าปรึกษากัน

“คุณไม่รักเธอแล้วเหรอ ไหนเธอบอกว่ากำลังจะแต่งานกับคุณ”

พัฒนากรเขย่งขาเข้ามาถามอธิฐานใกล้ ๆ

“ใช่เราวางแผนจะแต่งงานกันจริง แต่มันยังไม่ใช่ใกล้ ๆ นี้ และผมก็รักอิ้งมาก”

“เลิกทั้ง ๆ ที่รัก”

พฤตินัยเดินมาถามบ้าง

“ก็เพราะรักไง ผมมีปัญหาส่วนตัว คุณพีมคุณแค่ตอบคำถามผมว่าคุณพร้อมที่จะยืนข้าง ๆ เธอไหมก็พอ”

อธิษฐานถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ไม่ จนกว่าผมจะรู้เหตุผลของคุณ”

“ที่ตอนที่ผมขวางคุณ คุณก็จะเอา แล้วทีแบบนี้”

อธิษฐานโมโหหันมากระชากเสื้อพัฒนากร

“ใจเย็น ๆ พีมมันไม่ได้กวนคุณหรอก”

พฤตินัยรีบดึงมืออธิษฐานออก

“ถ้าคุณทิ้งอิ้ง เธอจะเสียใจมากกว่าที่อิ้งเปลี่ยนใจมาหาผมเอง ผมรู้ที่เธอปฏิเสธผมก็เพราะเธอรักคุณ”

“แต่อิ้งยอมรับกับผมว่าเธอรู้สึกกับคุณเหมือนเดิม แสดงว่าเธอก็รักคุณ”

“อิ้งบอกแบบนั้นเหรอ แต่ทำไมอิ้งหนีผมตลอด”

“ผู้หญิงเขาอาจจะสับสนก็ได้”

พฤตินัยช่วยสรุป

~โทรศัพท์ครับรับที โทรศัพท์ครับรับที~

“ผมขอตัวสักครู่”

อธิษฐานเดินออกมานอกบ้านแล้วรับโทรศัพท์

“พี่จอมกลับมาแล้วเหรอ พี่จอม ผมจะเลิกกับอิ้ง”

[[เฮ้ย...ทะเลาะกับอิ้งหนักเลยเหรอ ฉันขอโทษนะโว้ยที่เป็นต้นเหตุ แต่เดี๋ยวฉันจะทำให้เป็นเหมือนเดิมเอง]]

“ไม่ใช่เพราะพี่หรอก พี่จอมผมกำลังจะติดคุก”

[[เฮ้ย!]]

“อะไรนะ!”

เสียงพัฒนากร กับพฤตินัยดังมาจากด้านหลัง อธิษฐานรีบหันมาดู

“แค่นี้ก่อนนะพี่จอม เอาเป็นว่าอย่าโทรหาอิ้ง หรืออย่ารับสายอิ้ง”

อธิฐานรีบวางสายเพราะไม่ต้องการบอกเรื่องของเขาให้ใครนอกฟัง โดยเฉพาะคนที่ถือว่าเป็นคู่แข่ง

“คุณต้องบอกผม ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ไปยุ่งกับอิ้ง อิ้งคงจะเสียใจมากที่คุณทิ้งเธอไปโดยไร้เหตุผม เอายังไง”

พัฒนากรยื่นคำขาด อธิษฐานพยักหน้ายอมจำนน

“ผมถูกฟ้อง คนไข้ที่ผมรักษาไปเกิดผลข้างเคียงจนหน้าเน่า หนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมพยายามที่จะต่อสู้คดี แต่คนไข้คนนี้เป็นคนที่รู้จักคนเยอะ ตอนนี้ผมถูกยึดใบประกอบอาชีพไปแล้ว และอีกไม่นานก็อาจจะมีนักข่าวรู้ เขาจะคุดคุ้ยประวัติผม อิ้งอาจจะเดือดร้อนได้ ผมยอมให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้”

“ครับผมตกลง นี่อะไร”

อธิษฐานยื่นรูปใบหนึ่งมาให้พัฒนากร

“อีกคนที่คุณจะให้เข้าใกล้อิ้งไม่ได้เด็ดขาด มันชื่อไอ้เอก มันเป็นเพื่อนผม และมันชอบอิ้งมาก มันเป็นคนที่อันตรายกับอิ้งที่สุด”

“เป็นเพื่อนแต่อันตราย ที่คุณคบคนอันตรายเป็นเพื่อนนี่นะ”

พฤตินัยทำน้ำเสียงสงสัย

“คนอันตรายอยู่ใกล้ตัวเราจะได้รู้เรียนรู้ว่าเขาจะมีวิธีการยังไงกับเราบ้าง”

“แล้วคุณมีแผนอะไร”

“ไม่มี”

อธิษฐานตอบคำถามของพัฒนากรทันที่

“กรรม”

“เอาแบบนี้ ผมจะไปหาเธอที่บ้าน...”

พัฒนากรเล่าแผนการที่เพิ่งคิดสด ๆ ร้อน ๆ ให้อธิษฐานฟัง อธิษฐานนิ่งฟังแล้วพยักหน้าลับรู้

“คุณโอเคนะ”

พัฒนากรถามเพื่อความแน่ใจ

“อืม ผมฝากอิ้งด้วยนะ อิ้งน่ะถ้าเธอเงียบก็จะเงียบเลย หรือถ้าพูดก็จะพูดเก่ง คุณอย่าแสดงท่าทางอึดอัดเธอเด็ดขาด เพราะเธอเป็นคนค้อนข้างคิดมาก ชวนเธอออกกำลังการบ่อย ๆ ถ้าเธอเขียนนิยายก็พยายามอย่าไปรบกวนเธอ เธอจะเขียนงานไม่ออกแล้ว...”

“พอเถอะครับ ผมจะดูแลอิ้งในแบบของผม ผมขอเรียนรู้เองดีกว่า และอีกอย่างถ้าคุณพร้อมที่จะดูแลเธออีกเมื่อไหร่ก็กลับมาบอกผม”

“ไอ้พีม”

“คุณพีม”

“ไม่ต้องดีใจไป ถ้าทิ้งเธอไว้กับผมนานไม่แน่นะผมก็จะไม่คืนเธอให้คุณ แล้วก็ไม่แน่ว่าเธออาจจะรักผมเข้าจริง ๆ ผมไม่รับประกันนะ”



ที่บ้านของอังศุมาลิน หญิงสาวนอนพักอยู่ที่เปลหน้าบ้านตั้งแต่ตอนที่เปิดคอมพิวเตอร์ เธอต้องลืมตาขึ้นเมื่อมีเสียงรถยนต์มาจอดหน้าบ้าน

“หวัดดี”

“มาได้ยังไง”

คนมาเยือนไม่ตอบชูหนังสือเล่มหนึ่งให้ดู

“ใครมาเหรอลูก”

เสียงยายของอังศุมาลินตะโกนถามมาจากหลังบ้าน

“เพื่อนจ๊ะแม่ พี่ดรีมสวัสดีค่ะ”

อังศุมาลินตะโกนตอบยายแล้วหันมาสวัสดีคนที่ขับรถมาให้พัฒนากร

“พาเรากับพี่ดรีมไปไหวแม่เธอหน่อยสิ”

พัฒนากรพูดพร้อมลงจากรถ

“ยายย่ะไม่ใช่แม่ ไปยายเราอยู่หลังบ้าน เชิญค่ะพี่ดรีม ว้าย!”

อังศุมาลินหันหลังจะเดินเข้าบ้านแล้วจู่ ๆ พัฒนากรก็เซมาใส่หญิงสาวแล้วกอดเธอไว้

ปี๊ม! เสียงแตรรถบีบยาว อังศุมาลินรีบหันไปก็พบว่าเป็นรถของอธิฐาน ชายหนุ่มเดินลงมาจากรถปิดประตูโครมใหญ่

“อิฐมาได้ยังไง”

“ทำผมจะมาไม่ได้ อ๋อ...รู้แล้วเพราะว่าคุณกำลังอยู่กับคนรักใช่ไหม ไหนบอกมันไม่รู้จักบ้านคุณ”

สิ่งที่หญิงสาวตกใจที่สุดไม่ใช่การที่อธิษฐานมา แต่เป็นการที่ชานหนุ่มเปลี่ยนสรรพนามที่เคยใช้เรียกกันและกัน และท่าทางที่น่ากลัว

“มันไม่ใช่ พีมเขาดูที่อยู่เราจากหนังสือรุ่น เมื่อกี้พีมยังโชว์ให้เราดูอยู่เลย พีมเอามันมาให้เราสิ”

“ไม่มี”

พัฒนากรตอบหน้าตาเฉย

“พีม เอามันมาให้เรา เราหาเองก็ได้”

อังศุมาลินไม่รอเช้ารีบไปค้นตัวชายหนุ่ม อธิษฐานรีบมาดึงหญิงสาวออก

“ต่อหน้าผมคุณยังทำแบบนี้ แล้วลับหลังผมคุณจะทำถึงขั้นไหน”

“อิฐ”

“สามวันจากนารีเป็นอื่นมันยังใช่ได้อยู่จริง ๆ แค่ผมติดงานไม่มาหาคุณเดือนเดียวคุณเหงาถึงขั้นพาผู้ชายเข้าบ้านเลยเหรอ”

“เราไม่ได้...”

“อะไรกันโววายอะไร”ยายของอังศุมาลินถือไม้เท้าเดินมาจากหลังบ้าน “ไหนพ่ออิฐบอกยายมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

“อิ้งยืนกอดกับไอ้นี่ครับยาย”

“หนูเปล่านะคะแม่ เขาแค่จะล้มหนูไปได้กอดเขาสักนิด อิฐเมื่อกี้อิฐก็เห็นเราหันหลังให้เขา”

อังศุมาลินพยายามอธิบาย

“คุณไม่ได้กอดเขาแต่คุณยอมให้เขากอด ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะง่าย”

“อิฐเจ็ดปีที่เราคบกันมา อิฐมองเราว่าเราง่ายเหรอ”

อังศุมาลินถามทั้งน้ำตา อธิษฐานกำหมัดแน่นฝืนความรู้สึกตัวเอง เฝ้าบอกกับตัวเองว่าอีกนิดเดียวทุกอย่างก็จะจบ

“พอแล้วพอกันทีผมจะไม่อยู่กับความหวาดระแวงอีกแล้ว เราเลิกกันเถอะ”

อธิษฐานพูดจบและเดินหนี อังศุมาลินวิ่งไปกระชากแขนชายหนุ่ม

“อิฐพูดอะไรออกมา”

อังศุมาลินถามซ้ำไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แฟนหนุ่มเคยสัญญากับเธอไว้ว่าจะไม่มีทางเป็นคนพูดคำว่า เลิก ออกมาเด็ดขาด

“คุณยายครับ”

พัฒนากรเห็นยายของอังสุมาลินกำลังเป็นลมเลยเอาตัวเข้าไปรับโดยลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังเจ็บอยู่

“ไอ้พีม”

“แม่ พีม”

“โอ๊ย!”

พัฒนากรล้มไปโดยมียายของอังศุมาลินนอนทับอยู่ที่แถว ๆ ขาข้างที่เจ็บ พฤตินัยกับอังศุมาลินรีบมาขยับคุณยายออก

“เป็นอะไรไหมวะ”

“เจ็บขา”

ครืด ทุกคนหันมามองตามเสียงก็พบว่าอธิษฐานถอยรถออกจากบ้านของอังศุมาลินไปอย่างรวดเร็ว

“ไปโรงพยาบาลดีกว่า”

พฤตินัยว่าก่อนจะมาช่วยพยุงคุณยายขึ้นรถ และกับมาพยุงน้องชาย แล้วรีบออกรถ

อังศุมาลินแทบคิดอะไรไม่ออก ร่างกายขยับไปตามแรงของพฤตินัย ทำให้ไม่รู้เลยว่าที่ปากซอยมีรถของคนใจร้ายจอดอยู่เฝ้ามองรถที่ขับออกไปด้วยใจที่เจ็บปวด

“ขอโทษ”



เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ส.ค. 2556, 18:33:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ส.ค. 2556, 18:33:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1100





<< ตอนที่ 7 ต่อกลอน   9 เสียใจ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account